ตามฝัน วันเดินทาง

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย pucca2101, 5 มิถุนายน 2009.

  1. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    จะตามอ่านให้จบค่ะปุ๊กก้า ค่อยๆเขียนนะคะ
    จะได้บันทึกความประทับใจได้หมด ภาพประกอบสวยค่ะ
    ข้อมูลดี พี่แอ๊ดลืมเอาสมุดไปด้วยตอนไปเที่ยวกรุงเทพฯ
    ทำให้ลืมข้อมูลไป หาในเน็ตก็ไม่เหมือนกับที่เราเห็นเอง
    แถมที่คิดว่าจำได้...กลับลืมสนิทเลย
    เรื่องของปุ๊กก้าสนุก...ได้ความรู้และเพลิดเพลินค่ะ เขียนมาอีกนะ...
     
  2. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ขอบคุณพี่แอ๊ดค่ะสำหรับกำลังใจ

    เป็นเรื่องจริงที่เดียว บางทีข้อมูลบางเรื่องเราคิดว่าเราจำได้พอกลับมาดันลืมซะนี่ เหมือนดอกไม้ที่ใช้บูชาพระ เหลืออีกดอกนึงปุ๊กก้าก้นึกไม่ออกซะทีว่าใช้ดอกอะไร วันหลังไปไหน คงต้องเอาสมุดไปจดด้วยอย่างที่พี่แอ๊ดบอก ^___^
     
  3. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    มารายงานตัวแล้วครับท่านผู้ชม ^___^ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะจ้ะจะได้ไม่เป็นการเสียเวลาท่านผู้อ่าน


    จากกรุงย่างกุ้ง เราจะไปต่อที่ กรุงหงสาวดี (บะโค) ซึ่งอยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 80 กม. แต่ขอโทษ นั่งรถกันประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงเพราะที่พม่าจำกัดความเร็วแค่ไม่เกิน 40 กม./ชม. แหะ...แหะ....นั่งกันเมื่อยตุ้มเลย แต่ไม่เป็นไรศรีทนได้...... อิอิ นั่งกันหวานเย็นดูวิวทิวทัศน์กันไปเรื่อย ๆ พอขับรถออกนอกเมือง (ย่างกุ้ง) ก้จะเห็นทัศนียภาพ ภูเขา ต้นไม้ ทุ่งนา ป่าเขียว ดูแล้วเย็นตา เย็นใจดีเหมือนกัน เป็นการพักผ่อนสมอง พักกาย พักใจ เหมือนเวลาเราออกจากกทม. ไปต่างจังหวัด ชีวิตคนเมืองก้แบบนี้ล่ะนะ ได้ออกมาเห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วสบายใจบอกไม่ถูก ^__^

    แต่จะให้สบายใจมาก ๆ ก้ต้องขอบอกเพื่อน ๆ ว่า อย่าทานน้ำเยอะนะจ้ะ ที่พม่าไม่มีปั๊มน้ำมันให้เราแวะเข้าห้องน้ำได้เหมือนบ้านเรา อย่าว่าแต่แวะเข้าห้องน้ำเลย แม้แต่ปั๊มน้ำมันปุ๊กก้ายังมองไม่เห็นสักกะแห่งเลย อันนี้เรื่องจริงนะ ถึงแม้จะเป็นตัวเมืองย่างกุ้งเองก้เถอะ ไม่เห็นปั๊มน้ำมันเหมือนกัน

    เวลาเดินทางถ้าจะเข้าห้องน้ำ ก้คือ ต้องเข้าตามร้านอาหารบางร้านเท่านั้นที่บริการห้องน้ำ โดยเสียเงินคนละ 500 จ๊าด หรือไม่ก้ไปเที่ยวที่ไหนก้เข้าที่นั่น ไกด์จะคอยบอกว่าเที่ยวที่นี่แล้ว เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย จะมีห้องน้ำอีกทีก้เมื่อถึงที่นั่นที่นี่ อีกกี่นาที กี่ชั่วโมง ก้ว่ากันไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2009
  4. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    มาที่หงสาวดี ปุ๊กก้าจะลงข้อมูลของเมืองหงสามาให้ได้อ่านกันก่อนนะจ้ะ รู้สึกว่ากระทู้ที่ทำไว้คราวก่อนจะไม่มีข้อมูลตรงนี้


    หงสาวดี อดีตราชธานีมอญ


    [​IMG]


    หงสาวดี หรือ พะโค (อ่านออกเสียงตามสำเนียงพม่าว่า หานตาวดี) ภาษาอังกฤษเรียกว่า Bago หรือ Pegu ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของสหภาพพม่ามาก่อน ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศพม่า


    หงสาวดี เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของพม่าที่มีสภาพของตึกรามบ้านเรือนร้านรวงต่างๆไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่อื่นในพม่า โดยในหลายพื้นที่ของเมืองนี้มีรถม้าไว้คอยบริการผู้โดยสาร ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง



    ประวัติศาสตร์เมืองหงสาวดี

    หงสาวดี เป็นเมืองหลวงของชาวมอญมาก่อน ต่อมาพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ยึดครองได้และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอู หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เนื่องจากพระองค์ให้ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ที่ชื่อ กัมโพชธานี ซึ่งนับเป็นพระราชวังใหญ่โตมีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วย จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงที่เสด็จหนีพระนเรศวรไปเมืองตองอู และเผาทำลายหงสาวดี หลังจากนั้นไม่นาน เมืองอังวะก็กลายมาเป็นเมืองหลวงของประเทศพม่าโดยสมบูรณ์


    สัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี


    พระธาตุชเวมอดอว์ หรือที่คนไทยนิยมเรียกตามชาวมอญว่า พระธาตุมุเตา เป็นพระธาตุที่อยู่มานานคู่กับเมือง เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชื่อว่าภายในได้บรรจุพระบรมสารีรีกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ เล่ากันว่าเมื่อครั้งใดที่ พระเจ้าบุเรงนองจะออกทำศึกจะทรงสักการะขอพรจากพระธาตุนี้ทุกครั้ง และเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จมายังที่หงสาวดีนี้ก็ได้ทำการสักการะพระธาตุนี้ด้วย


    พระนอนชเวตาลียง เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของหงสาวดี


    รูปหงส์คู่ สัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี ตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาถึงเมืองหงสาวดีที่สมัยก่อนยังคงเป็นชายหาดริมทะเล พระพุทธเจ้าทรงเห็น หงส์สองตัวว่ายน้ำเล่นกัน จึงทำนายออกมาว่าภายหลังจะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ชาวหงสาวดีจึงถือเอาตำนานเรื่องนี้มาเป็นสัตว์สัญลักษณ์

    และได้มีการแต่งเติมเรื่องราวเกี่ยวกับหงส์ทอง 2 ตัวเพิ่มขึ้นโดยเล่าว่าหงส์ที่บินมาเกาะอยู่เหนือพื้นดินผืนเล็กๆ ในทะเล ผืนดินแผ่นนี้เล็กจนกระทั่งตัวเมียไม่มีที่เกาะ และต้องมาเกาะอยู่บนหลังของหงส์ตัวผู้


    แหล่งท่องเที่ยวเมืองหงสาวดี : เมืองหงสาวดี มีโบราณสถานที่สำคัญได้แก่ พระเจดีย์ชเวมอดอว์ (พระธาตุมุเตา) : พระราชวังบุเรงนอง : พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว : พระเจดีย์ไจ๊ปุ่น


    เดิมทีหงสาวดีถือเป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆอันสำคัญของชาวมอญ ต่อมาพวกพม่าก็ได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือเมืองหงสาวดีในปี พ.ศ.2082 และพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรือง หลังจากนั้นก็กลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของชนชาติมอญอีกครั้ง แต่ในปี พ.ศ. 2300 เมืองพะโคหรือหงสาวดีก็ต้องถูกรุกรานทำลายอีกครั้งในสมัยของพระเจ้าอลองพญา ก่อนที่จะถูกพม่ายึดครองได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    ปัจจุบัน หงสาวดีเป็นเมืองที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศพม่าด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และศิลปะ วัฒนธรรม


    ปล. จากตำนานหงส์คู่ทำให้ผู้ชายเมืองนี้ กลัวภรรยากันทุกคนเลยจ้ะ ^__^


    ที่มา :
     
  5. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    พระเจดีย์ไจ๊ปุ่น


    [​IMG]



    เจดีย์ไจ้ปุ้น พระพุทธรูป 4 ทิศ สร้างในปี 1476 ก่อเป็นแกนทึบสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง รอบ ๆ มีพระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตร ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ แทนองค์พระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ในภัทรกัป


    ประกอบด้วย


    พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ
    พระพุทธเจ้าโกนาคมโน ผินพระพักตร์ไปทางทิศใต้
    พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก
    พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก


    สร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา น้องสาวคนสุดท้องหนีไปแต่งงาน จึงเกิดอาเพศพระพุทธรูปองค์นั้นถล่มลงมาทันที


    จนต้องมีการบูรณะสร้างขึ้นมาใหม่ ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น


    เวลาไปเที่ยวที่นี่ ไกด์ก้จะบอกให้เราไปเดินดูแล้วลองทายสิว่า พระพุทธรูปองค์ไหนที่พระพักตร์ไม่เหมือนองค์อื่น เอ.....ปุ๊กก้าจะเฉลยดีไม๊น๊า ^___^


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    ที่มา :
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 044.JPG
      044.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.9 KB
      เปิดดู:
      732
    • 045.JPG
      045.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58 KB
      เปิดดู:
      748
  6. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ^___^ ขอออกนอกเรื่องหน่อยนึงนะจ้ะ พอดีเห็นรูปสาวพม่าแล้วเพิ่งนึกออก เพื่อน ๆ คงทราบกันดีว่า สาวพม่าจะใช้แป้งทานาคา ทาหน้า ทากันตั้งแต่เด็ก ๆ เลย ไกด์บอกว่า ในตัวของสมุนไพรทานาคาเองมีสารป้องกันแสงแดด SPF 30 เชียวนะ สาวพม่าก้เลยไม่มีใครเป็นฝ้า กันเลย เพราะทาแป้งทานาคากันมาตั้งแต่เด็ก ๆ


    บางคนก้จะเอาท่อนไม้ทานาคา มาฝนๆๆๆๆ แล้วก้จะเอามาผสมน้ำแล้วจึงเอามาทาหน้า


    แต่ที่ปุ๊กก้า ง้ง งง แอนด์ ง้ง งง ก้คือ ทำไมเค้าไม่เกลี่ยแป้งให้มันเนียน ๆ ไปทั่วหน้าหนอ ทำไมต้องปะแป้งให้มันเป็นแบบนี้ก้ไม่รู้สินะ ปะหน้าแบบนี้กันทั้งเมืองเลย หรือว่า ...... รังสี UV ที่ประเทศพม่า มันจะมาทำลายเม็ดสีผิวเฉพาะบริเวณแก้ม แหะ....แหะ.....เป็นคำถามคาใจ ที่ไม่กล้าถามไกด์ ใครรู้คำตอบช่วยบอกปุ๊กก้าที...........


    สาวพม่าคนไหนมาอ่านเจอ อย่าตืบเค้านะ เค้าแค่สงสัยอย่างเดียวนะจ้ะ ^___^


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG] แล้วแก้ม แบบเค้าต้องใช้ไม้ทั้งท่อนไม๊เนี่ย ถึงจะทาทั่วอะ ????


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.3 KB
      เปิดดู:
      4,644
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2009
  7. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    พระเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือพระธาตุมุเตา



    [​IMG]



    พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า


    นอกจากนี้มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ยังเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้ปลียอดของเจดีย์องค์นี้หักพังลงมา แต่ว่าด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเจดีย์องค์นี้ พวกเขาได้ทำการสร้างเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต (ตอนแรกที่สร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน


    [​IMG]



    [​IMG]

    ภาพเจดีย์องค์เก่าที่หักลงมา


    สำหรับความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเจดีย์ชเวมอดอร์ก็คือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญอย่างเด่นชัด คือมีฉัตรแบบเรียบๆและมีองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า(อย่างชัดเจน)


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    ผู้ที่ไปกราบสักการะ จะนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป


    ที่มา :
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 025.JPG
      025.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      744
    • 026.JPG
      026.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.6 KB
      เปิดดู:
      804
  8. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    พระราชวังบุเรงนอง


    [​IMG]


    หากพูดถึงกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเมืองหงสาวดีก็เห็นจะไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนโดดเด่นเท่า พระเจ้าบุเรงนอง (หรือที่คนไทยรู้จักในดีจากวรรณกรรมเรื่อง“ผู้ชนะสิบทิศ”) เพราะเป็นผู้สร้างเมืองหงสาวดีให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นในปี พ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ


    ปี พ.ศ. 2142 ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง พระราชวังบุเรงนองได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอู ทิ้งให้พระราชวังแห่งนี้รกร้างลงเป็นเวลาร่วม 3 ศตวรรษ ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกันอีกด้วย


    ในปี พ.ศ. 2533 มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ในดิน รัฐบาลพม่าจึงได้ทำการขุดค้นและสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งบางส่วนได้สร้างแล้วเสร็จไป ส่วนอีกบางส่วนก็กำลังรอทุนในการก่อสร้างอยู่


    โดยส่วนที่สร้างเสร็จและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมก็มี พระตำหนักที่ประทับบรรทมสีทองเหลืองอร่ามที่ดูโดดเด่นชวนมองในรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่า และท้องพระโรงที่ใช้ออกว่าการก็ดูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรรมพม่าสีทองเหลืองอร่ามทั้งภายนอกและภายใน


    ซึ่งในอนาคตที่นี่จะใช้เป็นสถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติเมืองหงสาวดีและพระราชวังบุเรงนองอันสำคัญ ในขณะที่ปัจจุบันเป็นโถงโล่งๆมีราชรถจำลอง โมเดลของพระราชวัง และบานประตูไม้สักขนาดใหญ่ของพระราชวังเดิมวางไว้ให้ชม


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    ที่มา :
     
  9. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    15,448
    ค่าพลัง:
    +39,087
    อนุโมทนาและขอบคุณมากที่นำมาเล่าให้คนไม่เคยไปเกิดกิเลส แหะๆๆ
    (ก็อยากไปมั่งนี่นา )
    แต่ไม่อยากคิดถึงทองที่หุ้มเจดีย์ที่เมืองพม่าเลย คิดเเล้วเศร้าจัยอ่ะ
     
  10. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    กิเลสอยากไปกราบสักการะพระธาตุ และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดีนะจ้ะพี่บอย ^__^
     
  11. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    แหะ..แหะ...ลืมบอกนิดนึง ก่อนออกจากโรงแรมที่ย่างกุ้ง เราจะต้องจัดกระเป๋าเล็ก 1 ใบเพื่อเตรียมมาพักค้างคืนที่โรงแรมที่อยู่ใกล้พระธาตุอินทร์แขวน สัมภาระที่ต้องเตรียมไปก้มีเสื้อผ้า ร่ม ไฟฉาย ของใช้จิปาถะ ส่วนกระเป๋าใหญ่ทิ้งไว้ที่โรงแรมที่ย่างกุ้ง พอกลับจากพระธาตุอินทร์แขวนเราจะมาพักที่นี่อีกครั้งนึง


    จากนี้เราจะออกจาก กรุงหงสา ตัดเข้าสู่รัฐมอญ เพื่อไปยัง คิมปูนแค้มป์ (เชิงเขาไจก์โถ่) เพื่อไปกราบสักการะพระเกศาธาตุที่พระธาตุอินทร์แขวน


    ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จึงจะถึงคิมปูนแคมป์ เส้นทางนี้เราจะต้องข้ามสะพานที่ทอดข้ามเหนือ แม่น้ำสะโตง จุดยุทธ์ศาสตร์สำคัญมาแต่โบราณ


    นั่นคือเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่เวลานั้นเป็นอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง แล้วต้องยกทัพเทครัวชาวมอญและชาวกรุงศรี ที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่ครั้ง บุเรงนองกะยอดินนอรธา ได้นำฉัตรแห่งหงสาไปปักเหนือกรุงศรี กลับสู่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาแผ่นดินเกิด จะต้องเดินทางข้ามแม่น้ำนี้


    เมื่อข้ามแม่น้ำสะโตงมาได้ พม่าที่มี สุรกรรมา เป็นแม่ทัพก้ตามมาทันทีที่ริมน้ำฟากโน้น จากนั้นพม่าก้เร่งทำแพ ทอดข้ามแม่น้ำทันที แต่นับว่าเป็นโชคดีที่สมเด็จพระนเรศวร ทรงยิงพระแสงปืนต้น ข้ามแม่น้ำไปถูกแม่ทัพพม่าตายทำให้พม่าเลิกทัพกลับไป


    เมื่อมาถึงคิมปูนแค้มป์ ปุ๊กก้าก้ต้องเปลี่ยนไปนั่งรถบรรทุก 6 ล้อที่ด้านหลังเปิดโล่งไม่มีหลังคา ( บ้านเราเรียกง่าย ๆ ว่ารถขนหมูไงอะ ) แล้วเอาไม้มาวางพาดให้ผู้โดยสารนั่ง สภาพมันก้เป็นประมาณนี้อะจ้ะ...แหะ..แหะ...


    [​IMG]


    แต่ปุ๊กก้าไปนั่งไม่แออัดยัดเยียดกันขนาดนี้นะ ก้มีกันประมาณ 15 คนอะ แต่อนิจจา วันที่ปุ๊กก้าไปไม่ได้ฟ้าใสแบบนี้นะ ฝนตกอะ ...... พระเจ้าช่วย....กล้วยทอด.....แล้วงานนี้ [​IMG] ปุ๊กก้าต้องกลายเป็นลูกหมูตกน้ำกันก้วันนี้เอง ใส่ทั้งเสื้อกันหนาว แล้วก้ทับด้วยเสื้อกันฝนอีกทีด้วย สัมภาระข้าวของอีกต่างหาก ต้องหาถุงหูหิ้วมาคลุมอีกชั้นนึง ไหนจะเป้ที่สะพายไป ข้างในก้มีกล้องอยู่ด้วย จะพังไม๊เนี่ย ความวิตกจริตเริ่มเข้าครอบงำหัวใจดวงน้อย ๆ ของหมูน้อยปุ๊กก้า


    แล้วนึกสภาพปุ๊กก้านั่งรถคันนี้นะ 35 นาทีโดยประมาณครับท่านผู้ชม ไหนจะตากฝน ไหนจะทางแบบว่า ใครเคยไปแม่ฮ่องสอนบ้างครับ คงจะนึกภาพออกใช่ป่าว ทางขึ้นเขาครับ ขึ้นอย่างเดียวเลยครับ ขึ้น...ขึ้น....ขึ้น แล้วก้ ขึ้น ทางราบไม่มีครับแถมยัง โค้งหักศอกตลอด......ตลอด....และตลอด เวง...กำ...สัมภาระก้อยู่บนตัก ที่จับก้ไม่มี รถก้โยกไปเยกมา ต้องเกร็งนิ้วไปจับกับไม้ที่วางพาดเอาไว้ให้เรานั่ง กลัวเสี้ยนตำ ก้ กลัว เพราะเห็นชัด ๆ ว่ามันมีเสี้ยน ๆ ออกมา ไม่จับก้ไม่ได้ เดี๋ยวได้กลิ้งตกรถลงมา


    นาทีนั้น นักเดินทางทั้ง 13 คนนั่งก้มหน้าเงียบกริบ เพราะถ้าเงยหน้าก้โดนฝนอะจิ แหะ..แหะ... ^___^ ใครนับถือ พระ นับถือเจ้า องค์ไหน ก้อธิษฐานขอ วิงวอนกันไป และปุ๊กก้าก้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมแห่งความกลมเกลียวนี้ด้วย ในใจนึกขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมให้ช่วยปุ๊กก้าด้วย ขอให้ฝนหยุดตกทีเถอะ ลูกมาที่นี่อยากจะขึ้นไปไหว้พระ ทำบุญ ฝนตกแบบนี้เดี๋ยวลูกไม่สบาย............

    ................และแล้ว.................

    ...............ฝนก้หยุดตก...........เย้..........เสียงเฮ กันทั้งรถ ^__^
     
  12. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ดีนะเนี่ย ที่เคยสั่งสมประสบการณ์ เป็นขาลุยมาก่อน อ๊ะ..อ๊ะ...อ๊ะ....ไม่ใช่ลุยตีกันกะชาวบ้านชาวเมืองนะ หมายถึง เที่ยวแบบลุย ๆ ต่างหากจ้ะ เดินป่าตากฝน ล่องแก่งตากฝน กางเต้นท์นอน ปีนเขา ไต่หน้าผา ลุยถ้ำ สารพัดสารเพที่ได้เคยลองทำมา เลยทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของหมูน้อยปุ๊กก้าไม่บุบสลายไปมากนัก กับกิจกรรมรถขนหมูเมื่อครู่นี้


    พอเอาชีวิตรอดลงจากรถมาได้ ปุ๊กก้าก้มาถามไกด์ว่า ถ้าเวลามีคนใหญ่คนโต จะมากราบสักการะที่พระธาตุอินทร์แขวน เค้าจะขึ้นไปกันยังไง คำตอบคือ ก้นั่งรถแบบปุ๊กก้านั่นแหละ โอ้........มาย......ก็อด........


    ปุ๊กก้า : จริงอะ ไม่มีนั่งฮอขึ้นไปหรอ?????????

    ไกด์ : ไม่มี ตอนพระเทพเสด็จก้ยังต้องนั่งรถแบบเมื่อกี้เลย

    ปุ๊กก้า : [​IMG][​IMG]
     
  13. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ยังครับ ความสนุกสนานยังไม่จบ เมื่อลงจากรถขนหมูแล้ว ทีนี้เราก้จะไปนั่งเสลี่ยงกันต่อ คราวนี้สบาย สบาย ไปกันแบบ ชิลด์ ชิลด์ สวยงามอลังการอย่างที่เห็น แต่ในภาพไม่ใช่ปุ๊กก้านะ ต้องรีบบอกไว้ก่อน อิอิ


    [​IMG]


    คนจัดคิว เค้าจะให้เบอร์ไปกับคนหาม ส่วนไกด์ก้จะเอาเบอร์มาแจกกับพวกเรา ประมาณว่า แล้วแต่ดวงว่าใครจะเจอคนตัวใหญ่ ใครจะเจอคนตัวเล็ก


    ค่านั่งเสลี่ยงไป - กลับ อยู่ที่คนละประมาณ 800 บาท ระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 1 ชั่วโมง หากว่านั่งเสลี่ยง ก็ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ทางชันมาก ๆ อะ ถ้าคนที่ไปกับทัวร์ เค้าจะบวกค่านั่งเสลี่ยงไปกับค่าทัวร์แล้ว


    [​IMG]


    การทิปให้กับคนหาม ตามธรรมเนียมแล้วเราควรทิปให้เค้าไม่ต่ำกว่าคนละ 1000 จ๊าด 4 คน ก้ 4000 จ๊าด ต่อ เที่ยว


    แต่ไกด์บอกว่า ค่านั่งเสลี่ยงที่เราเสียไป 400 บาทต่อเที่ยว พวกคนหามจะได้แค่คนละประมาณ 130 บาทเท่านั้น นอกนั้นก้โดนหักค่าหัวคิวไป


    ปุ๊กก้าว่า คนมอญพวกนี้มีชีวิตที่น่าสงสารนะ ไกด์เล่าให้ฟังว่า พวกนี้ก้คือคนป่า เมื่อก่อนจะอาศัยการหาของป่ามาขายและประทังชีพ ไม่มีการเรียน การศึกษาอะไรทั้งสิ้น เด็กเล็ก ๆ ก้ไม่ได้เรียนอะไรเลย ทางรัฐบาลก้จะสงวนอาชีพการหามเสลี่ยงไว้ให้กับพวกเค้า ช่วง 2 กม.สุดท้ายที่จะขึ้นพระธาตุจะไม่ให้มีรถขึ้นไปทั้งสิ้น ถ้าใครไม่นั่งเสลี่ยงก้ต้องเดินขึ้นไปเองอย่างเดียว


    คนที่จะเดินขึ้นไปเอง ปุ๊กก้าแนะนำว่า ขอให้ฟิตร่างกายมาให้พร้อมนะจ้ะ เพราะตอนที่นั่งเสลี่ยงขนาดพวกคนหามเค้าเดินกันทุกวัน วันละหลายเที่ยว ปุ๊กก้ายังได้ยินเสียงเค้าหอบหายใจเลย แล้วก้ต้องหยุดพักด้วย


    พวกเด็กตัวเล็ก ๆ อายุประมาณ 6-7 ขวบ เค้าจะมาหาเรามาบอกว่า เค้าจะเป็น บอร์ดี้การ์ด หมายความว่า จะมาช่วยเราถือของ พวกสัมภาระต่าง ๆ หรืออย่างคนที่เดินขึ้นไปเอง เด็ก ๆ ก้จะมาจูงมือ คอยจับ ช่วยถือของ เงินก้แล้วแต่เราจะให้เค้า


    [​IMG]


    สำหรับบอดี้การ์ดของปุ๊กก้า ปุ๊กก้าว่าเค้าก้น่ารักดีนะ ระหว่างทางเดินขึ้นไป เดินไปได้ประมาณครึ่งทาง ปุ๊กก้าก้เอาเงินให้เค้าไป 500 จ๊าดแล้วบอกให้เค้ากลับบ้าน เพราะไม่เห็นความจำเป็นว่าเค้าจะต้องเดินขึ้นไปถึงข้างบนเพื่ออะไรเพราะปุ๊กก้านั่งอยู่บนเสลี่ยงอยู่แล้ว ข้าวของสัมภาระก้วางบนเสลี่ยงแล้ว เด็กเค้าก้บอกว่า ไม่เป็นไรแล้วเค้าก้ยังไม่รับเงินด้วยนะ พอเดิน ๆ ไปได้สักพัก ฝนเริ่มปรอย ๆ ลงมาอีก เค้าก้เอาเสื้อกันฝนของเค้ามาคลุมกระเป๋าของปุ๊กก้า ปุ๊กก้าก้บอกไม่ต้อง เพราะไม่อยากให้เค้าเดินตากฝน ก้เอาเสื้อคืนให้เค้า เค้าก้เอามาคลุมกระเป๋าเราอีก แล้วเค้าก้เดินไปกับเสลี่ยงขึ้นไปจนถึงยอดเขา พอเราลงจากเสลี่ยงเค้าก้จะมาเอาสัมภาระของเรามาถือไว้ แล้วเดินไปส่งเราที่โรงแรม


    [​IMG]


    [​IMG]


    นี่เป็นภาพระหว่างทางที่ปุ๊กก้านั่งอยู่บนเสลี่ยง ฝนเริ่มตกปรอย ๆ ลงมาอีกครั้งนึง ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆ นะ เพราะใจไม่ต้องไปพะวักพะวงกับเรื่องอื่น ๆ อีก แล้ว ไม่ต้องกลัวตกรถ ไม่ต้องกลัวเสี้ยนตำ นั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติบนเสลี่ยง เสื้อกันฝนยังใส่อยู่ แต่เอาหมวกคลุมหัวออก แล้วกางร่มแทน


    เงยหน้ามองฟ้า มองผืนป่าชุ่มชื่น หมอกหนาเต็มตา สลับกับมองคนหามและบอร์ดี้การ์ดของเรา พร้อม ๆ กับนั่งหนาวปากสั่นอยู่บนเสลี่ยง คำพูดที่ว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ปุ๊กก้าว่าบางครั้งถึงแม้ว่าฝนยังไม่หยุดตก แต่ถ้าใจเรายอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ฟ้าก้สวยได้แม้ในยามนั้น


    ในความโชคร้ายมักมีความโชคดีแฝงอยู่เสมอ อยู่ที่ใครจะมองเห็นเท่านั้นเอง จงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส บางคนในทริปเสียดายที่ฝนตกเลยไม่ได้ถ่ายรูปสวย ๆ แต่ปุ๊กก้าว่า บรรยากาศแบบนี้ก้สวยไปอีกแบบนึง ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง ถึงแม้จะไม่มีรูปถ่ายกลับมาไว้ดู แต่ภาพความยากลำบากที่เจอมาก้อยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป ไม่มีทางลืม


    เมื่อเวลาผ่านไป แล้วย้อนกลับมาคิดถึงสิ่งที่เคยผ่านมา จะรู้สึกเป็นสุขกับช่วงเวลานี้แน่ ๆ ปุ๊กก้ารับรอง


    หลังจากนั่งมองธรรมชาติไปเรื่อย ๆ ก้หันกลับมามองคนหาม รู้สึกสงสารเค้ามากนะ เค้าต้องหามเรา หนักก้หนัก เดินตากฝนอีกต่างหาก แต่ทุกคนก้ต้องดิ้นรนต่อสู้ เพื่อหาเลี้ยงชีวิตตัวเอง


    คำว่า อยู่อย่างพอเพียง ผุดขึ้นมาในสมอง บางคนมีมากแล้ว แต่เพราะคำว่า ไม่รู้จักพอ เค้าจึงยังจนอยู่เสมอในความคิดของตัวเอง


    มองเห็นคนหามเค้าลำบากขนาดนี้ เราสบายกว่าเค้าตั้งเยอะ ทำไมเราต้องกลุ้มที่บางวันรายได้น้อย ทั้ง ๆ ที่รายได้เรายังมากกว่าเค้า ทำงานสบายกว่าเค้าตั้งเยอะ


    การนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเสลี่ยงช่วงเวลานั้นทำให้ได้ข้อคิดอะไรหลายอย่าง ใจที่บางครั้งเคยร้อนรุ่มกับสภาพเศรษฐกิจเมืองไทยตอนนี้ก้สงบลงอย่างราบคาบ ปล่อยวางบ้างแล้วเราจะไม่ทุกข์ไปกับปัญหาใด ๆ ที่เข้ามากระทบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 029.JPG
      029.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      1,034
    • 030.JPG
      030.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      734
    • 031.JPG
      031.JPG
      ขนาดไฟล์:
      23.1 KB
      เปิดดู:
      650
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2009
  14. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    [​IMG]

    ชอบมากๆเลย...ชอบทุกที่ด้วย...ต้องไปมั่งอ่ะดิ...เค้าอิจฉาเจ้าปุ๊กก้าซะแย้ว...

    [​IMG]
    คนนี้พี่แก้ว.......คนข้างล่างน้องปุ๊กก้า

    [​IMG]

    พี่แก้วจาติดตามอ่านนะจ๊ะ...พี่แก้วขอบคุณน้องมากที่นำสิ่งดีๆมาให้ดูจ้ะ....จุ๊บ....จุ๊บ
     
  15. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    แง..แง...ปุ๊กก้ามะเป็งคนนี้ได้อะป่าวอ่า.....
     
  16. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo)


    [​IMG]


    อินทร์แขวนดังธาตุเจ้า- - - - - - แขวนฟ้า อยู่ฤา

    เพี้ยงเอกองค์อินทรา - - - - - - -ท่านสร้าง

    สถิตอยู่ยอดบรรพตา - - - - - - -สูงส่ง สวรรค์เฮย

    ปองกราบธาตุทิพย์อ้าง- - - - - -ดั่งเฝ้าพุทธองค์ฯ


    และแล้วก้มาถึงจุดหมายปลายทางของปุ๊กก้าเสียที ถ้าใครต้องการหาข้อมูลของพระธาตุอินทร์แขวน ปุ๊กก้าแนะนำให้ไปอ่านที่กระทู้พระธาตุอินทร์แขวนนะจ้ะ ที่กระทู้นี้ปุ๊กก้าคงไม่พูดถึงข้อมูลเชิงลึก ขอเล่าเพียงเรื่องที่ปุ๊กก้าได้ไปกราบนมัสการ และเรื่องบางเรื่องที่เพิ่งไปได้ยิน ได้ฟังมา


    ตามความเชื่อของชาวพม่า ภายใน 1 ปี ให้มากราบสักการะที่พระธาตุอินทร์แขวนให้ได้ 3 ครั้ง แต่ละครั้งให้อธิษฐานเหมือนกัน แล้วจึงจะสมหวัง


    ที่นี่สามารถมานั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดทั้งคืน แต่ประตูที่เปิดไปถึงที่ตัวพระธาตุจะปิดตอน 22.00 น.


    [​IMG]


    [​IMG]


    2 ภาพ ด้านบนนี้จะเป็นภาพตามตำนานตอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทาน พระเกศา ให้กับพระฤาษี


    [​IMG]


    ส่วนภาพด้านบนนี้ เป็นภาพตามตำนานเช่นกัน ขอให้เพื่อน ๆ สังเกตุภาพพระธาตุ ทั้ง 3 องค์นะจ้ะ

    องค์ขวาสุด จะเห็นว่า ก้อนหินทั้ง 2 ก้อนยังไม่ติดกันมีช่องว่างขนาดเท่ากับ ไก่บินลอดได้

    องค์กลาง ก้อนหินทั้ง 2 ก้อนก้ยังไม่ติดกัน แต่ช่องว่างมีขนาดเล็กลง เท่ากับนกบินลอดได้

    มาที่องค์ซ้ายสุด จึงจะเป็นภาพพระธาตุ ณ.ปัจจุบันที่หินทั้ง 2 ก้อนลงมาติดกันแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 032.JPG
      032.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      690
    • 033.JPG
      033.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.9 KB
      เปิดดู:
      649
    • 034.JPG
      034.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.5 KB
      เปิดดู:
      749
  17. donjudo077

    donjudo077 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,719
    ค่าพลัง:
    +14,438
    กะลังมันเลย รอติดตามต่อไปครับ โมทนาบุญด้วยครับ
     
  18. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ที่พระธาตุอินทร์แขวน ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชนชาวพม่านับถืออยู่อีก 2 องค์ คือ

    พระนางเจ้าชเวนันจิ


    [​IMG]


    ชาวพม่านิยมมากราบไหว้พระนางกันเป็นจำนวนมาก เพราะมีความเชื่อกันว่าหากเจ็บป่วยตรงส่วนไหนของร่างกาย เวลาไหว้พระนางก็ให้จับ บีบ นวดรูปปั้นพระนางตรงส่วนที่เจ็บป่วยแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ร่างกายของเราตรงที่เจ็บป่วยก็จะหายได้ (อย่างไม่น่าเชื่อ)


    เทพทันใจ

    ^
    ^
    ^
    ^
    ^
    ^
    ^
    ^


    แหะ...แหะ...ไม่มีรูปอะ ก้แหมฝนมันตกอะ ตกหนักด้วย เลยถ่ายไม่ได้อะ อิอิแต่ปุ๊กก้าก้ได้กราบนมัสการ เทพทันใจที่นี่ เป็นที่ที่ 3 ครบแล้วตามหลักสูตรของชาวพม่า ^__^


    [​IMG]


    นี่เป็นของที่ใช่ไหว้เทพทันใจ จะมีราคาประมาณ 5000 จ้าด


     
  19. siamesecat2005

    siamesecat2005 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    2,304
    ค่าพลัง:
    +292
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ
    ขอบคุณน้องปุ๊กก้ามาก ๆ เลยค่ะ ^^
    ภาพพระและสถานที่สวยงดงามมากเลยค่ะ
    แต่พี่แคทคงไปไม่ไหวแน่ ๆ เลยค่ะ อิอิ
    ต้องผจญภัยขนาดนั้นน่ะ พี่แคทบุญน้อยไปหน่อยค่ะ ^^"
    แต่ขออนุโมทนาบุญกับน้องปุ๊กก้าแล้วกันนะคะ ^____^
     
  20. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    พี่แคทไปไหวจิ ไปหน้าหนาวไม่ต้องสมบุกสมบันเป็นคูโบว์ต้า อย่างปุ๊กก้าหรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...