ตามรอยผู้เยี่ยมวิทยายุทธ์

ต่อรองกับพระแม่มาเรียในศาสนาคริสต์

เมื่อสองปีก่อนน้องสาวเกิดป่วยหนักกระทันหันโดยหมอยังหาสาเหตุไม่พบเธอปวดท้องนอนดิ้นอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่สองวันเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าเกนฑ์ปกติมีไม่ถึง ๔ พัน ร่างกายเธอผอมลงไปมากเหมือนกับคนเสียเลือดไปมากพอ ๑ อาทิตย์
อาการเริ่มดีขึ้นหน่อย น้องสาวนั้นชอบไปโบสถคริสต์ และชอบไม้กางเขน
แต่ก็ยังทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ คือได้ทั้งสองอย่าง แต่จะชอบไปทางคริสต์มากกว่า
เธอรับพลังไป ๒ วันติดฯกัน เมื่อเรามีเวลาว่างจึงนั่งสมาธิเพื่อทำการช่วยน้องสาว
ให้หายป่วยอีกทางหนึ่ง เมื่อสมาธิจิตนิ่งสงบดีจึงแยกกายออกตามไปดูน้องสาวที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล คราวนี้เธอหายไปจากเตียงนอนของโรงพยาบาลเหลือแต่ร่างนอนนิ่งอยู่
เราจึงรีบตามขึ้นไปหาทันที เธอขึ้นมาอยู่บนชั้นพรหม กับพระแม่มาเรีย
พระแม่มาเรีย พร้อมกับทหารสนิท สองท่านยืนรออยู่
ตอนขึ้นมาถึงชั้นพรหม บทสนทนาภาษาจิต กับพระแม่มาเรีย
พระแม่มาเรีย
ท่านมีธุระอันไดหรือจึงขึ้นมาหาเราถึงจนบนนี้
ผู้เขียน
มาตามหาน้องสาวกลับครับ
พระแม่มาเรีย
รอสักครู่น้ะ
ผู้เขียน
ครับ
ภาพน้องสาวมาปรากฏให้เห็นทันที แต่ดูแก่กว่าวัยไปมากเธอพึ่งอายุ  ๓๖ ปี
แต่ภาพที่เห็นอายุราวฯ๕๕ ปีคงจะได้  เราดูอยู่พักหนึ่ง 
ก็ถามพระแม่มาเรียกลับไปว่า นี่ไม่ใช่น้องสาวคนเดิมของเรานี่นา
เราอธิฐานอยู่ว่าน้องสาวยังมีภาระลูกทั้งสองคนยังอยู่วัยเรียนอยู่อย่างไรก็ให้ลูกของเธอโตจนช่วยเหลือตัวเองได้ก่อน
(ในทำนองว่าขอน้องสาวคนเดิมกลับมา)
พระแม่มาเรีย รอสักครู่นะ
ท่านหายไปสักพักคราวนี้ท่านพาน้องสาวมาส่งคราวนี้ดูสดใสกว่าเดิม  แต่ก็ยังมีร่องรอยที่แก่กว่าวัย
เรายังไม่ทันได้ถามว่าทำไม ท่านรีบตอบมาว่า ดีที่สุดได้แค่นี้แหละท่าน
เราน้อมเคารพ ขอบคุณในความเมตตา ของพระแม่มาเรียและอำลา พาน้องสาวลงมา
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มดีขึ้น และหายเกือบเป็นปกติ แต่ก็ทิ้งใว้ให้เห็นถึงสภาพที่แก่กว่าวัย ตามที่พระแม่มาเรีย ได้น้องสาวส่งคืนมาให้ครับ

 

อันนี้ไม่เกี่ยวกับท่านคมสันต์แต่ประการใดนะครับ..

ขออภัยด้วยหากทำให้มิสบอารมณ์ ถ้าจะนำเสนอแบบtoplus99 หากโดนพวกที่มีพลังจิตขั้นสูงเล่นงาน เรารู้ว่าเขามีพลังจิตสูง...เรารู้ว่าสู้ยังไงก็ไม่ไหวจริงๆ!!จะฝืนไปทำไมล่ะ..อิอิ

...ก็คงบอกเขาไปว่า
" ฉันยอมแพ้แล้วจ้า สงสารฉันเถิดนะจ๊ะ เราเลิกแล้วต่อกันนะ...นะ.. น๊าตัวเอง "
เห็นtoplus99 ยังงี้...นี่รู้จักยอมคนเหมือนกันนะเนี่ย

อยากน้อย ยังมีโอกาสลุ้น
- โทษประหาร ก็อาจลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต
- โทษตาย ก็เหลือพิการ
- เจ็บมาก เหลือเจ็บน้อย
- โทษหน้าบึ้ง เหลือไว้แค่ไม่ยิ้มให้

ปรับจิตปรับใจ อโหสิกรรมด้วยใจจริงเอาธรรมะเข้าข่ม
เวรย่อม ระงับด้วยการไม่จองเวร ...ส่วนใครจะจองเวรต่อ เรื่องของเขา ส่วนเราสบาย

เพราะทุกข์จากการพยาบาทอาฆาต ย่อมจองจำจิตใจผู้พยาบาทเอง

ที่บ้านหลังหนึ่ง นอนหลับไปกลางห้องรับแขก
(นอนหันหัวไปทิศตะวันตก เพราะนอนในห้องฟูกหนา แล้วปวดหลัง)
..จากนั้นมีผู้หญิงชุดดำๆปรากฏร่างขึ้นมาดึงขา เหมือนจะให้ลุกขึ้นจากที่นอน..พอลืมตารู้สึกตัวชะรอย..มิใช่ฝันธรรมดาแน่ เลยนึกท้าลองในใจซะเลย

"งั้นเรามาลองสู้กันดูซักตั้งก่อนดีมั๊ย" จากนั้นก็นอนหลับตาต่อ

พอเคลิ้มๆ ผู้หญิงชุดดำก็มาอีก..ก็เริ่มใช้กระแสจิตตั้งสู้..กลัวที่ไหนล่ะ!!!

ฮ่ะฮ่า...ผลนะเหรอ โน้นเลย เขาลากเราไปไกลเกือบ 2 เมตรจากที่นอนปิคนิค
วิญญาณร่างชุดดำไม่พูดไม่จา อะไรต่อซักคำ... แค่รู้กันว่าฉันชนะนะ

เราบอกไปในจิตว่า
"แพ้แล้วจ้า..ยอมแพ้ก็ได้ จะกลับไปนอนในห้องเดิมแล้ว ห้ามตามไปกวนอีกนะ ไม่งั้นเอาจริง" ขู่ได้อีกอ่ะ

พอลืมตาขึ้นมา ร่างเรายังนอนอยู่ที่นอนปิคนิคเดิมนี่หว่า
..แต่เอาวะ ไงๆแพ้เขาแล้วนี่..ยอมย้ายที่กลับไปนอนในห้องเดิมก็ได้

====
อันตรายเกิดได้ในทุกที่ ทุกเวลา จากภัยที่มาจากหลายๆคน
หากเราหยิ่งยโสอวดดี..

ความอ่อนน้อมถ่อมตน..ป้องกันภัยได้ดีระดับหนึ่ง
อ่อนน้อม...ที่มิใช่เพราะอ่อนแอ

หมั่นเจริญจิตด้วยเมตตา พรหมวิหารสี่ อยู่เป็นนิจ ให้แม้แต่ผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นศัตรู..

นั่นย่อมเป็นที่รัก ของมนุษย์ เทวดา และภูตวิญาญาณทั้งหลายเป็นเครื่องกั้นกำแพงอันตรายจากจิตพยาบาท ทำร้ายได้ทุกกรณี ทั้งโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ ย่อมพาตนให้พ้นภัย

 

ขึ้นสู่ดอยทดสอบจิต ในป่าร้างกลางดงเขา
 คณะแสวงบุญ ราว ๑๑ คน รวมพระ ดร. อีกสองรูป มุ่งเดินทางออกจาก กทม.
มุ่งสู่เชียงดาว เชียงใหม่ แต่ละคนต่างปิติยินดีที่จะได้ออกไปสั่งสมประสพการณ์
จากการที่ไปสัมผัสสถานที่จริง ในป่า ซึ่งเล่าลือกันว่าผีดุ ชนิดที่ว่าขนาดเวลากลางวัน
ยังขนลุกชัน รถแล่นมาจอดถึงวัดร้างพอดีบ่าย ๔โมงเย็น คนขับรถซึ่งมีองค์ในหรือเทพฯ
ติดตามมาได้บอกกับเขาทันทีว่า ที่นี่ผีดุมาก คนขับรถหลังจากช่วยขนข้าวของลงแล้ว
จึงขอตัวตีรถกลับเขามานอนในตัวเมืองแทน ส่วนที่เหลือได้แยกย้ายกันหามุมสงบ
ในเขต วัดร้างเพื่อลงมือปฏิบัติกรรมฐาน ในค่ำคืน เหมือนนักมวยที่ฟิตจัดรอขึ้นสังเวียน
เวทีชก กับกิเลสและสิ่งที่เรามองไม่เห็น ยามค่ำคืนมีแต่ แสงเทียนริบหรี่ กับความเงียบสงัด ที่ชนิดจับไปถึงขั้วหัวใจ ก็ว่าได้  บนเรือนร้างและบ้านทรงไทยโบราณมีฝุ่นจับหนา ว่างห่างจากผู้คนมานาน
เสียงนกเสียงกาและสัตว์ป่าร่ำร้อง อยู่ไม่ไกล 

 

พระดร.สองรูปท่าน แยกออกไปปฏิบัติของท่าน ส่วนคณะที่เหลือต่างหามูมสงบ บางท่านก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ชนิดที่ว่าคนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย
หลายคนก็คงจะไม่พากันมาตายหมู่ ยังอุ่นใจที่มีเพื่อนนั่งอยู่ข้างฯ
ส่วนเราผู้เขียนแยกไปนั่งตรงที่ศาลากลางน้ำ เริ่มได้เวลาตะวันตกดิน
ความมืดสนิทเข้ามาแทนที่ ก่อนจะนั่งได้วางพระเครื่องที่ติดตัวมาใว้ด้านข้างหลัง
และเข้าสมาธิทันที เมื่อจิตสงบดีเพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงดังเหมือนคนเดิน
ลงเท้าหนัก มาก ใกล้เข้ามา พร้อมทั้งกลิ่นที่เหม็นสาป อับเหมือนซากศพ
ที่ถูกปล่อยทิ้งใว้เป็นเวลานาน พร้อมทั้งมีมือมาแตะจิ้มอยู่ด้านกลางหลังเรา
จึงค่อยฯน้อมจิตตามไปดูอย่างช้าฯ ตรงที่ด้านหลัง สิ่งที่มาสัมผัสนั้นได้หายไป พร้อมกับกลิ่นเหม็นสาป แต่คราวนี้กลับกลายเป็นหมาป่าสูงใหญ่ดำสนิทแทนวิ่งมาทางด้านหลังพร้อมกับเดินวนเวียนอยู่หลายรอบ (ครูบาอาจารย์สอนใว้ว่าเวลานั่งสมาธิไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม อย่าละออกจากสมาธิหรือลุกขึ้นเป็นอันขาด
เพราะหลายท่านเอาชีวิตมาทิ้งเสียมากมายที่ในป่า คำสอนของผู้เป็นพระอาจารย์ยังดังก้องในสมาธิ) บ้างก็ถูกภูตผีหลอกหลอน
จนเสียสติ หรือถูกสัตว์ป่ากัดกินเป็นอาหาร จนนับไม่ถ้วน
 ในไม่ช้าหมาป่าตัวใหญ่ที่มาเดินวนอยู่หลายรอบก็กระโดดลงสระน้ำหายไป
(เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง) พระอาจารย์หลวงพ่อจรัญ
วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านใช้อยู่ประจำ ในที่สุดทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ความเงียบสงัดทำให้กำลังใจและความปิติอิ่มเอิบในสมาธิอย่างล้นพ้น
เสียงไก่ป่าเริ่มขัน รับกันเป็นช่วงฯ ในไม่ช้าแสงทองของพระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างขึ้น ได้เวลาแผ่เมตตาไปยังเทพฯเทวาที่รักษาป่าพร้อมทั้งวิญญาณสัพสัตว์
น้อยใหญ่ เมื่อแผ่เมตตาเสร็จ กลิ่นหอมดอกมะลิโชยมากับลมที่สัมผัสกายสามรอบพร้อมกลิ่นธูป
หอมมาแต่ไกล เทพฯเทวามารออนุโมทนาบุญ ได้เวลาเช้าหลังจากออกจากสมาธิ ก็ไปพบคณะที่ร่วมเดินทางมาปรากฏว่าทุกคนเงียบกันหมด
ไม่มีใครปริปากพูดถึงเหตุการณ์ที่แต่ละคนได้ประสพในช่วงค่ำคืนแรกเลยครับ

 

เทพฯฝากของใว้ให้จากบ้านร้าง
ย้อนหลังไป ๘ ปีโดยประมาณ ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันประกวดราคาซื้อบ้าน
เก่าที่ ต้องนำมาซ่อมแชม เป็นมรดกตกทอดที่พี่น้องลงขายทอดตลาด เพื่อแบ่งเงินกัน
ผู้เขียนเป็นรายที่สองที่เสนอราคาให้ ๑ แสน ๙ หมื่น เหรียญสหรัฐ ส่วนรายแรกเสนอราคาถึง ๒ แสนเหรียญ สหรัฐ แต่เพียงอาทิตย์เดียว ผู้ที่เสนอราคารายแรก เกิดเปลี่ยนใจยกเลิกโดยถอนตัวออก ผู้เขียนจึงมีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้โดยง่ายดาย ทั้งที่มีคนสนใจเข้าร่วมแข่งขันราคาถึง ๕ รายด้วยกัน หลักจากได้เป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้วจึงลงมือ ซ่อมแซมทันทีใช้เวลา ๒ เดือนกว่า ช่วงที่กำลังซ่อมอยู่มีเทพฯเทวดา
มาบอกเป็นภาษาจิตว่า คม คุณย้ายเข้ามาเร็วไป พวกเราเก็บของไม่ทัน เหลือใว้ ๔ กล่อง อยู่ที่ชั้นบน หมายถึงชั้น ๒ ที่มากันหมดทั้งครอบครัว เรายินดียกให้ท่าน
ทั้งหมด และย้ำว่า   อย่าลืมน้ะของ ๔ กล่องนั้นว่ามันมีค่ามาก  เทพฯเทวดาบอกใว้ก่อนลาจาก เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่าจนผู้เขียนลืมไปแล้ว วันนั้นคนงานได้รื้อหลังคาบ้านออก เพื่อเตรียมปูหลังคาใหม่  คนงานก็ได้แจ้งว่ามีกล่องลังกระดาษใบใหญ่อยู่ ๔ กล่อง
และมีแสตมป์เก่าถูก บรรจุใว้เต็มกล่องอัดกันจนล้น ออกมา  คนงานจึงช่วย
กันลำเรียง ออกลงมาจากหลังคา แบบทุลักทุเล เพราะพื้นที่จำกัด
เมื่อเปิดออกมาปรากฏว่าเป็นแสตมป์เก่ามากมีอายุจาก ๔๐ปี-๑๐๐ ปีขึ้นไป
จึงนำมาเก็บใว้ก่อน พักจิบน้ำชาก่อนครับ

 

ชาค่ะท่านอาจารย์

 

เมื่อรวบรวม ของทั้ง๔ กล่องลงมาแล้ว ก็จำได้ทันทีถึงคำพูดที่เทพฯเทวดามาบอกใว้ เมื่อเดือนก่อน ที่แปลกอีกก็คือเมื่อยก กล่องลงมาหมดแล้ว ด้านข้างล่างกล่องจะมี
กองไม้ฉลุเป็นรูปเทพฯเทวดาอยู่ สวยงามมาก ทั้ง ๖ รูป ๑ ในคนงานที่เป็นช่างซ่อมบ้านเขาชอบมากเลยได้ขอรูปเทพฯเทวดาที่ฉลุเป็นไม้ทั้ง ๖ รูป ไปบูชา ขึ้นหิ้ง
เป็นอันว่าแม้นแต่ไม้ฉลุ ที่เป็นรูปเทพฯเทวดายังมีเทพฯ เทวดามาสถิตย์อยู่
และเป็นเรื่องราวที่น่าศึกษาหาความรู้สำหรับคนที่สนใจ
ย่างเข้าเดือนที่สามบ้านที่ซ่อมแซม ก็เสร็จเรียบร้อยตามกำหนดเวลา
เมื่อเสร็จแล้วก็ ขายได้ทันที ในราคา ๓ แสน ห้าหมื่นเหรียญ
หมดเงินค่าซ่อมและด่าแรงงานไป ๖ หมื่นเหรียญ  ( เทพฯเทวดาจัดหามาให้
เลยยิ่งทำให้เราเร่งปฏิบัติ และหมั่นสร้างบุญกุศลเพิ่มขึ้นอีกครับ)

 

เมื่อสองสามวันก่อน มีความคิดว่า...
อยากหาหินสลักรูปยักษ์ (ท้าวเวสสุวรรณ) ไปตั้งไว้ที่บริเวณบ้าน
ผมว่าถ้าเราตั้งใจดี..ท่านก็อาจมาอยู่ช่วย (มั้ง)
และสมควรทำหรือไม่ รบกวนชี้แนะครับ

 

จะนำรูปหินสลักท่านมาตั้งก็ไม่แปลกอะไรครับ
เทพฯเทวดานั้นมีอยู่ทั่วไป  ถ้าเราเคารพและบูชาท่าน ท่านก็ย่อมสงเคราะห์เรา
เช่นการทำเทวตาพลี ฉนั้นเราจึงไม่อาจจะที่ปฏิเสธเทพฯเทวดาไปได้
แต่เมื่อเราทำความเข้าใจแล้วก็จะมีแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลทั้งสิ้นครับ

 

มาทำความรู้จักกับบรรดาเทพฯเทวดา กันครับ

เทวภูมิ ๖ (สวรรค์ ๖) แดนอันแสนดีเลิศล้ำด้วย กามคุณ ทั้ง ๕ โลกของ เทวดา ตามปกติหมายถึง กามาพจรสวรรค์
๑.จาตุมหาราชิการ (สวรรค์ชั้นที่ ๑) สวรรค์ที่ท้าวมหาราช ๔ องค์ ปกครอง
จาตุมหาราชิกา มีมหาราช ๔ องค์
๑. ท้าววธตรัฐะ มหาราช เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศตะวันออก
๒. ท้าวิรุฬหกะ มหาราช เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศใต้
๓. ท้าววิรูปักษ์ มหาราช เป็นผู้ปกครอง นาคะเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศตะวันออก
๔. ท้าวเวสสุวรรณ มหาราช เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศเหนือ
(ท้าวกุเวร หรือ เวสสวัณ)
ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ องค์นี้ เป็นผู้รักษาโลกมนุษย์ด้วย จึงชื่อว่า ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวโลกบาล ๔
พระเจ้าพิมพิสาร เอง แม้จะเป็น พระโสดาบัน แต่ก็พอใจสวรรค์ชั้นนี้
ได้เกิดเป็นบริวารของ ท้าวเวสสุวรรณมหาราช

เทวดาที่อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของ ท้าวจาตุมหาราช
๑. ปัพพตัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยภูเขาอยู่
๒. อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยอยู่ในอากาศ
๓. ขิฑฑาปโทสิกเทวดา เทวดาที่ มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา จนลืมบริโภคอาหาร แล้วตาย
๔. มโนปโทสิเทวดา เทวดาที่ ตายเพราะความโกรธ
๕. สีตวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น
๖. อุณหวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น
๗. จันทิมเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระจันทร์
๘. สุริยเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระอาทิตย์

 

การบูชาเทวดา หรือเทวตาพลี
ตรัสแก่สุนีธะและวัสสการะมหาอำมาตย์ภายหลังจากที่พระองค์ได้ฉันของเคี้ยวและของฉันอันประณีตที่ทั้ง ๒ ได้ถวายด้วยมือของตนแล้ว ด้วยคาถาว่า :-ยสฺมึ ปเทเส กปฺเปติ วาสํ ปณฺฑิตชาติโยฯ

บุรุษชาติบัณฑิต ย่อมสำเร็จการอยู่ในประเทศใด
พึงเชิญท่านผู้มีศีล ผู้สำรวมและประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริโภคในประเทศนั้น
ควรอุทิศทักษิณา เพื่อเทวดาผู้สถิตอยู่ในที่นั้นๆ
เทวดาเหล่านั้นอันบุรุษชาติบัณฑิตนับถือบูชาแล้ว ย่อมนับถือบูชาตอบ
แต่นั้นย่อมอนุเคราะห์บุรุษชาติบัณฑิตนั้น ประหนึ่งมารดาอนุเคราะห์บุตร
บุรุษผู้อันเทวดาอนุเคราะห์แล้ว ก็ย่อมเห็นความเจริญทุกเมื่อ.
พุทธวจน ภพภูมิ หน้า ๓๒๑
(ภาษาไทย) มหา. ที. ๑๐/๗๘/๘๔

 

แวะเข้ามาอ่านจึงขอขอบคุณกับความรู้ด้วยค่ะ

 

ธรรมดาของโลก คือ เกิด ดับ
เมื่อรับได้ก็ เป็นสุข
เมื่อรับไม่ได้ก็ เป็นทุกข์.(แค่นั้น)

 

แสนชื่นฉํ่าในรสธรรมคําสั่งสอน
มานั่งนอนรอการกลับของท่านอยู่
ชอบฟังการสนทนาธรรม ของสามครู(ท่านอ คมสันต์่,ท่าน อ raming,ท่าน อ toplus99)
จึงตามดู เพื่อจะได้ไม่"หลงทาง"

กราบ๑
กราบ๒
กราบ๓

 

รออ่านประสบการณ์ดี ๆ และคำสอนที่สอดแทรกมากับหัวข้อต่าง ๆ ในนี้เพื่อเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติครับ

 

รอว่าเมื่อไรจะออกพรรษา
เพื่อที่จะได้อ่านข้อคิด และประสบการณ์จากท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ

 

ออกพรรษามาบรรจบครบอีกครั้ง
รวมพลังพร้อมตั้งจิตอธิฐาน
บุญกุศลบารมีที่เบ่งบาน
แผ่ทุกท่านรับผลบุญเก็บทุนไป

เทพเทวารีบมารับจับจองก่อน
พร้อมรับพรออกพรรษาเก็บมาใว้
เกิดเป็นมนุษย์สุดที่หวังเทพตั้งใจ
พร้อมอวยชัยให้ท่านได้สมดั่งพร

 

น้อมรับบุญ กุศลนี้ ที่ท่านให้
เบิกบานใจ อิ่มเอม เกษมศรี
ท่านพากเพียร ไตรมาสผ่าน สานความดี
มาวันนี้ มอบพรให้ ได้ทั่วกัน

 

โลกของเราลอยคว้างอยู่กลางหาว
เป็นดวงดาวเข้ากลุ่มกาเล็กซี่
สัตว์น้อยใหญ่เปรียบได้ละอองธุลี
มีชีวีเศษเสี้ยวอนันตกาล

ที่ผิวดวงดาวนี้มีเรื่องมาก
ความโลภปักปิดบังเหมือนชั้นม่าน
คิดแต่ได้กอดทรัพทย์ไม่ประมาณ
อยู่ไม่นานสูญไปไร้ตัวตน

พุทธองค์ทรงสอนมาก่อนโลก
พ้นทุกข์โศกข้ามไปให้หมดสิ้น
ทั้งภพชาติ น้อยใหญ่ในผืนดิน
วางเสียสิ้นอัตตาค้นหาธรรม

 

มาพบเลยขอน้อมรับพรของท่านด้วยคนนะคะ

ขอน้อม รับคำพร.....ผสานกลอน แสนอ่อนหวาน
ถูกจิต ใจเบิกบาน.....และขอท่าน ทวีคูณ