ตามรอยพระศาสดานั้นรู้ทันธรรมกาย (ตาสว่าง)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คมสันต์usa, 23 กรกฎาคม 2013.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    **รายละเอียดของนรกแต่ละขุม**

    สำหรับภิกษุที่ละเมิดพระวินัย (ทุศีล) อยู่เป็นประจำโดยไม่คิดจะแก้ไข – ปรับปรุง – เรียนรู้
    เมื่อตายเพราะกายแตกจะต้องไปรับโทษในมหานรกตามความหนัก – เบาของการละเมิดนั้นๆ

    รายละเอียดของมหานรกขุมต่างๆ แบบย่อๆ

    สัญชีวนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะต้องถูกนายนิรยบาลที่ถืออาวุธต่างๆที่มีไฟลุกโพลง ตัดร่างกายของสัตว์นรกให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ ให้สัตว์นรกนั้นถึงแก่ความตายแล้วสัตว์นรกนั้นก็กลับมีชีวิตขึ้นมารับกรรมอีก
    เป็นอยู่เช่นนี้ จนกว่าจะสิ้นอายุ

    ************************************

    กาฬสุตตนรก = นรกขุมนี้ นายนิรยบาลทั้งหลาย
    จะพากันตะโกนโห่ร้องด้วยเสียงอันดังติดต่อกันไม่ขาดระยะ
    ถืออาวุธต่างๆที่มีไฟลุกโพลง ไล่ติดตามทำร้ายสัตว์นรกทั้งหลายที่กำลังวิ่งหนีไปๆมาๆ อยู่เหนือแผ่นดินเหล็กที่มีไฟลุกโพลง เมื่อสัตว์นรกล้มลงบนแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟแล้ว จึงขึงสายบรรทัดที่ลุกโพลงด้วยไฟ แล้วถือขวานที่มีไฟติดลุกโพลง พากันโห่ร้อง กระทำสัตว์นรกผู้กำลังคร่ำครวญอยู่ด้วยเสียงอันน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
    ตัดร่างกายของสัตว์นรกนั้น ให้เป็น 8 ส่วนบ้าง 16 ส่วนบ้าง นรกขุมนี้จะดำเนินไปอยู่อย่างนี้

    ************************************

    สังฆาฏนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกนายนิรยบาล จัดให้อยู่ในแผ่นดินเหล็กที่ลุกโพลง มีระยะได้ 9 โยชน์ (144 ก.ม.) เพียงเอว แล้วทำให้สัตว์นรกเหล่านั้นเคลื่อนไหวไม่ได้ จากนั้นภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงลูกใหญ่ๆ เกิดขึ้นแต่ด้านทิศตะวันออก ครางกระหึ่มเหมือนสายฟ้าฟาด กลิ้งมาบดสัตว์นรกเหล่านั้น ราวกับว่าจะบดเมล็ดงาให้เป็นผุยผง แล้วไปตั้งอยู่ทิศตะวันตก
    แม้ภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงที่ตั้งขึ้นทางด้านทิศตะวันตกก็กลิ้งมาบดสัตว์นรกเหล่านั้น แล้วไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก อนึ่ง เมื่อภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงทั้ง 2 ลูกนั้น
    กลิ้งมาปะทะกันแล้วบดขยี้สัตว์นรกนั้น เหมือนกับลำอ้อยที่ถูกบีบในเครื่องยนต์สำหรับบีบอ้อย
    สัตว์นรกทั้งหลายย่อมประสบทุกข์อยู่ในสังฆาฏนรกนั้น ฉะนี้

    **************************************

    โรรุวะนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกควันแสบแทรกเข้าไปในปากแผล (ทวาร) ทั้ง 9 ของสัตว์นรก แล้วควันอันแสบนั้น จะทำลายร่างกายของสัตว์นรกให้เป็นผง แล้วใหลออกมาคล้ายแป้ง
    สัตว์นรกทั้งหลายย่อมร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง

    *************************************

    มหาโรรุวะนรก = นรกขุมนี้จะเต็มไปด้วยเปลวไฟอันแดงคล้ายเลือด
    ตั้งอยู่ตลอดกัป เปลวไฟนั้นจะแทรกเข้าไปตามปากแผล (ทวาร) ทั้ง 9 ของสัตว์นรก
    แล้วเปลวไฟก็จะเผาร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้น สัตว์นรกย่อมร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง

    *************************************

    ตาปนรก = นรกใดเผาสัตว์นรกไม่ให้กระดิกได้ นรกนั้นมีชื่อว่า ตาปนรก
    เพราะนายนิรยบาล ย่อมให้สัตว์นรกนั่งอยู่บนหลาวเหล็กอันลุกโพลง มีประมาณเท่าลำต้นตาล แผ่นดินภายใต้จากหลาวเหล็กนั้นย่อมลุกโพลง ส่วนหลาวเหล็กนั้นไม่ติดไฟ แต่สัตว์นรกทั้งหลายย่อมลุกเป็นเปลวเพลิง นรกนั้นย่อมเผาสัตว์ไม่ให้กระดิกได้ ด้วยประการฉะนี้

    ************************************

    มหาตาปนรก = สัตว์นรกในขุมนี้จะถูกนายนิรยบาล ทำร้ายด้วยอาวุธต่างๆที่กำลังลุกโชน แล้วให้ขึ้นสู่ภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลง ในเวลาที่สัตว์นรกนั้นยืนอยู่บนยอดเขา
    ลมที่เกิดจากบาปกรรมเป็นปัจจัย ย่อมพัดสัตว์เหล่านั้น สัตว์นรกเหล่านั้นก็ไม่อาจจะทรงตัวอยู่ได้ ก็ตกลงมา จากนั้นก็มีหลาวเหล็กลุกเป็นไฟที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินเหล็กเบื้องต่ำ หัวของสัตว์นรกเหล่านั้นก็กระแทกกับหลาวเหล็ก
    และร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้นก็ทะลุเข้าไปในหลาวเหล็กที่กำลังลุกโพลงเผาใหม้อยู่
    นรกนั้นย่อมเผาสัตว์ให้เร่าร้อนอย่างเหลือเกิน ด้วยประการฉะนี้

    ************************************

    อเวจีมหานรก = ความทุกข์ – เปลวไฟ ในนรกขุมนี้ย่อมไม่มีที่ว่าง ย่อมไม่มีระหว่างคั่น เปลวไฟทั้งหลายตั้งขึ้นจากฝาทางด้านทิศตะวันออก ย่อมกระทบฝาด้านทิศตะวันตกเป็นต้น แล้วเปลวไฟก็ทะลุฝาออกไปประมาณ 100 โยชน์ (1,600 ก.ม.) เปลวไฟจากเบื้องต่ำย่อมกระทบเบื้องบน
    เปลวไฟจากเบื้องบนย่อมกระทบเบื้องต่ำ เปลวไฟทั้งหลายในอเวจีย่อมไม่มีระหว่างอย่างนี้
    ภายในนรกขุมนี้ เต็มไปด้วยสัตว์นรกหาที่ว่างไม่ได้เลย เหมือนกับทะนานที่เต็มไปด้วยน้ำนมและแป้ง
    ถึงแม้ว่าสัตว์นรกจะมีปริมาณมากขนาดนั้น แต่สัตว์นรกก็ไม่เบียดเสียดซึ่งกันและกัน
    ย่อมใหม้อยู่ในที่เฉพาะตนๆเท่านั้น

    *************************************

    ข้อมูลนี้จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 62 หน้า 180 อรรถกถาสังกิจจชาดกที่ 2

    เครดิต จากเฟสต์บุค พระไตรปิฎก พร้อมหัวข้อธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      68
  2. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )


    ..(มรรค = อริยมรรค = มัชฌิมาปฏิปทา = มรรคแปด = ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ = ทางสายกลาง)
    ..........แนวทางดำเนินอันประเสริฐของชีวิตหรือกาย วาจา ใจ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์
    .....เรียกว่า อริยมรรค แปลว่าทางอันประเสริฐ เป็นข้อปฏิบัติที่มีหลักไม่อ่อนแอ จนถึงกับ
    .....ตกอยู่ใต้อำนาจ ความอยากแห่งใจ แต่ก็ไม่แข็งตึงจนถึงกับเป็นการทรมานกายให้เหือด
    .....แห้งจากความสุขทางกาย เพราะฉะนั้นจึงได้เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือทางดำเนินสาย
    .....กลาง ไม่หย่อนไม่ตึง แต่พอเหมาะเช่นสายดนตรีที่เทียบเสียงได้ที่แล้ว

    ..........คำว่ามรรค แปลว่าทาง ในที่นี้หมายถึงทางเดินของใจ เป็นการเดินจากความทุกข์
    .....ไปสู่ความเป็นอิสระหลุดพ้นจากทุกข์ซึ่งมนุษย์หลงยึดถือและประกอบขึ้นใส่ตนด้วย
    .....อำนาจของอวิชชา ....มรรคมีองค์แปด คือต้องพร้อมเป็นอันเดียวกันทั้งแปดอย่างดุจเชือก
    .....ฟั่นแปดเกลียว องค์แปดคือ :-
    ..........1. สัมมาทิฏฐิ ิคือความเข้าใจถูกต้อง
    ..........2. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง
    ..........3. สัมมาวาจา คือการพูดจาถูกต้อง
    ..........4. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง
    ..........5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีพถูกต้อง
    ..........6. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
    ..........7. สัมมาสติ คือการระลึกประจำใจถูกต้อง
    ..........8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง
    .....การปฏิบัติธรรมทุกขั้นตอน รวมลงในมรรคอันประกอบด้วยองค์แปดนี้ เมื่อย่นรวมกัน
    .....แล้วเหลือเพียง 3 คือ ศีล - สมาธิ - ปัญญา สรุปสั้น ๆ ก็คือ
    ...............การปฏิบัติธรรม(ศีล-สมาธิ-ปัญญา)ก็คือการเดินตามมรรค
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      55
  3. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
     เครดิตคุณDan Sarawong  จาก เฟสต์บุค
    เปิดความจริงเรื่องพระฉัพพรรณรังสี พระรัศมีมีวรรณะ ๖ ประการ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๓ ส.ค.๒๕๕๖

    พระฉัพพรรณรังสี ๖ ประการ เป็นส่วนที่ได้คัดลอกจากหนังสือ คัมภีร์มหาปัฏฐาน รจนาโดย พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ มีเนื้อความดังต่อไปนี้:

    เมื่อพระพุทธองค์พิจารณาถึงคัมภีร์ที่ ๗ คือ ปัฏฐานนี้ พระฉัพพรรณรังสี ๖ ประการได้แก่ นีละ สีเขียวเข้ม ปีตะ สีเหลือง โลหิตะ สีแดง โอทาตะ สีขาว มัญชิฏฐะ สีหงสบาท (สีม่วง) ปภัสสระ สีเลื่อมพรายปภัสสร ก็ซ่านออกจากพระวรกายของพระองค์

    ทั้งนี้ก็เพราะคัมภีร์ปัฏฐานนี้ เป็นคัมภีร์ที่กว้างขวาง มีอรรถรสลึกซึ้ง สุขุมคัมภีรภาพกว่าทุกคัมภีร์ ที่พระองค์ทรงพิจารณามา และเป็นคัมภีร์เดียวเท่านั้นที่เหมาะสมแก่พระสัพพัญญูตญาณ อันเป็นญาณที่กว้างลึกซึ้งพอเหมาะกัน ฉะนั้น ขณะที่ทรงพิจารณาอยู่นั้น จึงทำให้เกิดความปีติในธรรมรส อยู่ตลอดเวลา อุปมาเหมือนปลาใหญ่ ชื่อ ติมิรปิงคละ ได้โอกาสแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรอันลึกถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ย่อมจะมีความร่าเริงบันเทิงใจ ในการที่ได้แหวกว่ายไปมาในมหาสมุทรนั้นโดยสะดวกฉันใด เมื่อพระศาสดาทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามสบาย ก็ย่อมทรงมีความปีติร่าเริงในการที่ได้พิจารณาอย่างกว้างขวางลึกซึ้งในคัมภีร์ปัฏฐานก็ฉันนั้น

    ๑. พระรัศมีสีเขียวเข้มนั้น (นีลวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระเกษา พระมัสสุ และจากที่มีสีเขียวเข้าแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๒. พระรัศมีสีเหลืองนั้น (ปีตวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระฉวีวรรณ และจากที่สีเหลืองแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๓. พระรัศมีสีแดงนั้น (โลหิตวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระมังสะ พระโลหิต และจากที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๔. พระรัศมีสีขาวนั้น (โอทาตวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระอัฐิ พระทนต์ และจากสีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๕. พระรัศมีหงสบาท (มญฺชิฏฺฐวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระสรีระประเทศนั้นๆ
    ๖. พระรัศมีเลื่อมปภัสสรนั้น (ปภสฺสรวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระสรีระประเทศนั้นๆ

    -พระรัศมีวรรณะ ๖ ประการเหล่านี้ ซ่านออกจับมหาปฐพีอันหนาทึบ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนก้อนทอง ที่เขาไล่มลทินออกแล้ว
    -และพระรัศมีนี้ ก็แทรกแผ่นดินไปจับน้ำที่รองรับแผ่นดินอันหนา ๘๔๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนทองคำที่ไหลคว้างออกจากเบ้าทอง
    -แล้วแทรกน้ำไปจับลมหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนกองทองที่เขากองสุมไว้
    -แล้วแทรกลมแล่นไปสู่อัชฎากาศในภายใต้
    -พระรัศมีโดยส่วนเบื้องบนพลุ่งขึ้นไปจับสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราช
    -แทรกสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชขึ้นไปจับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    -จากนั้นก็ชั้นยามา ชั้นดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวตี
    -จนถึงพรหมโลก ๙ ชั้น จด เวหับผละสุทธาวาส ๕ อรูปพรหมทั้ง ๔
    -พระรัศมีชำแรกอรูปพรหมทั้ง ๔ แล่นไปสู่อัชฎากาศ ไปสู่โลกธาตุไม่มีที่สุด ไม่มีสถานที่ใดๆ ที่พระรัศมีจะแผ่ไปไม่ถึง ล้วนแต่เป็นสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยพระรัศมีของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น

    พระรัศมีนี้ มิใช่สำเร็จด้วยการอธิษฐาน และมิใช่สำเร็จด้วยภาวนาแต่ประการใด หากแต่เกิดมาจากการพิจารณาธรรมอันละเอียด สุขุม ลึกซึ้ง กว้างขวาง โดยเหตุนี้แหละ พระโลหิตจึงใส รูปวัตถุผ่องใส พระฉวีวรรณผ่องใส วรรณธาตุ (ธาตุ คือ รัศมี) มีจิตเป็นสมุฏฐาน ได้ตั้งอยู่ไม่หวั่นไหวในประเทศ ประมาณ ๘๐ ศอก

    อ้างอิงที่มา : ตั้งใจสวดคัมภีร์มหาปัฏฐาน อย่างน้อย วันละ ๑ จบ
    เปิดความจริงเรื่องพระฉัพพรรณรังสี พระรัศมีมีวรรณะ ๖ ประการ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๓ ส.ค.๒๕๕๖

    พระฉัพพรรณรังสี ๖ ประการ เป็นส่วนที่ได้คัดลอกจากหนังสือ คัมภีร์มหาปัฏฐาน รจนาโดย พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ มีเนื้อความดังต่อไปนี้:

    เมื่อพระพุทธองค์พิจารณาถึงคัมภีร์ที่ ๗ คือ ปัฏฐานนี้ พระฉัพพรรณรังสี ๖ ประการได้แก่ นีละ สีเขียวเข้ม ปีตะ สีเหลือง โลหิตะ สีแดง โอทาตะ สีขาว มัญชิฏฐะ สีหงสบาท (สีม่วง) ปภัสสระ สีเลื่อมพรายปภัสสร ก็ซ่านออกจากพระวรกายของพระองค์

    ทั้งนี้ก็เพราะคัมภีร์ปัฏฐานนี้ เป็นคัมภีร์ที่กว้างขวาง มีอรรถรสลึกซึ้ง สุขุมคัมภีรภาพกว่าทุกคัมภีร์ ที่พระองค์ทรงพิจารณามา และเป็นคัมภีร์เดียวเท่านั้นที่เหมาะสมแก่พระสัพพัญญูตญาณ อันเป็นญาณที่กว้างลึกซึ้งพอเหมาะกัน ฉะนั้น ขณะที่ทรงพิจารณาอยู่นั้น จึงทำให้เกิดความปีติในธรรมรส อยู่ตลอดเวลา อุปมาเหมือนปลาใหญ่ ชื่อ ติมิรปิงคละ ได้โอกาสแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรอันลึกถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ย่อมจะมีความร่าเริงบันเทิงใจ ในการที่ได้แหวกว่ายไปมาในมหาสมุทรนั้นโดยสะดวกฉันใด เมื่อพระศาสดาทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามสบาย ก็ย่อมทรงมีความปีติร่าเริงในการที่ได้พิจารณาอย่างกว้างขวางลึกซึ้งในคัมภีร์ปัฏฐานก็ฉันนั้น

    ๑. พระรัศมีสีเขียวเข้มนั้น (นีลวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระเกษา พระมัสสุ และจากที่มีสีเขียวเข้าแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๒. พระรัศมีสีเหลืองนั้น (ปีตวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระฉวีวรรณ และจากที่สีเหลืองแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๓. พระรัศมีสีแดงนั้น (โลหิตวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระมังสะ พระโลหิต และจากที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๔. พระรัศมีสีขาวนั้น (โอทาตวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระอัฐิ พระทนต์ และจากสีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง
    ๕. พระรัศมีหงสบาท (มญฺชิฏฺฐวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระสรีระประเทศนั้นๆ
    ๖. พระรัศมีเลื่อมปภัสสรนั้น (ปภสฺสรวณฺณรํสี) ซ่านออกจากพระสรีระประเทศนั้นๆ

    -พระรัศมีวรรณะ ๖ ประการเหล่านี้ ซ่านออกจับมหาปฐพีอันหนาทึบ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนก้อนทอง ที่เขาไล่มลทินออกแล้ว
    -และพระรัศมีนี้ ก็แทรกแผ่นดินไปจับน้ำที่รองรับแผ่นดินอันหนา ๘๔๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนทองคำที่ไหลคว้างออกจากเบ้าทอง
    -แล้วแทรกน้ำไปจับลมหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนกองทองที่เขากองสุมไว้
    -แล้วแทรกลมแล่นไปสู่อัชฎากาศในภายใต้
    -พระรัศมีโดยส่วนเบื้องบนพลุ่งขึ้นไปจับสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราช
    -แทรกสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชขึ้นไปจับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    -จากนั้นก็ชั้นยามา ชั้นดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวตี
    -จนถึงพรหมโลก ๙ ชั้น จด เวหับผละสุทธาวาส ๕ อรูปพรหมทั้ง ๔
    -พระรัศมีชำแรกอรูปพรหมทั้ง ๔ แล่นไปสู่อัชฎากาศ ไปสู่โลกธาตุไม่มีที่สุด ไม่มีสถานที่ใดๆ ที่พระรัศมีจะแผ่ไปไม่ถึง ล้วนแต่เป็นสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยพระรัศมีของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น

    พระรัศมีนี้ มิใช่สำเร็จด้วยการอธิษฐาน และมิใช่สำเร็จด้วยภาวนาแต่ประการใด หากแต่เกิดมาจากการพิจารณาธรรมอันละเอียด สุขุม ลึกซึ้ง กว้างขวาง โดยเหตุนี้แหละ พระโลหิตจึงใส รูปวัตถุผ่องใส พระฉวีวรรณผ่องใส วรรณธาตุ (ธาตุ คือ รัศมี) มีจิตเป็นสมุฏฐาน ได้ตั้งอยู่ไม่หวั่นไหวในประเทศ ประมาณ ๘๐ ศอก

    อ้างอิงที่มา : ตั้งใจสวดคัมภีร์มหาปัฏฐาน อย่างน้อย วันละ ๑ จบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      57
  4. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ธรรมวินัยอันน่าอัศจรรย์ 8ประการ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในมหาสมุทรมีธรรม
    อันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้แล ที่พวกอสูรเห็นแล้ว ๆ พา
    กันยินดีในมหาสมุทร.
    [๑๑๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ ก็มีธรรมอันน่า
    อัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้ว ๆ พากันยินดี
    อยู่ในธรรมวินัย ฉันนั้นเหมือนกัน ๘ ประการเป็นไฉน ?

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 526
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ มีการศึกษาไปตามลำดับ
    มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุ
    อรหัตผลโดยตรง เปรียบเหมือนมหาสมุทรลาดลุ่มลึกไปตามลำดับ ไม่
    โกรธชันเหมือนเหวฉะนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ในธรรมวินัยนี้
    มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตาม
    ลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
    ไม่เคยมีมา ประการที่ ๑ ในธรรมวินัยนี้ ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้ว ๆ พา
    กันยินดีอยู่ในธรรมวินัยนี้.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายของเรา ไม่ล่วงสิกขาบทที่เรา
    บัญญัติแล้วแม้เพราะเหตุแห่งชีวิต เปรียบเหมือนมหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่
    เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ฉะนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่สาวกทั้งหลายของเรา
    ไม่ล่วงสิกขาบทที่เราบัญญัติแล้ว นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา
    ประการที่ ๒. . .
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ทุศีล มีบาปธรรม มีความประพฤติ
    ไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปกปิดกรรมชั่ว ไม่ใช่สมณะ ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ
    ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เสียใน ชุ่ม
    ด้วยราคะ เป็นดุจหยากเยื่อ สงฆ์ไม่ยอมอยู่ร่วมกับบุคคลนั้น ประชุมกัน
    ยกวัตรเธอเสียทันที แม้เขาจะนั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ แต่เขาก็ชื่อว่า
    ห่างไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ห่างไกลจากเขา เปรียบเหมือนมหาสมุทร
    ไม่เกลื่อนกล่นด้วยซากศพ เพราะคลื่นย่อมซัดเอาซากศพในมหาสมุทร
    เข้าฝั่งให้ขึ้นบกฉะนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่บุคคลผู้ทุศีล มีบาป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      75
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSC04110.JPG
      DSC04110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      536.9 KB
      เปิดดู:
      62
  5. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    - ธรรมกายไม่ใช่พุทธ ---

    ฝรั่งมาสัมภาษณ์ผม ผมบอกเลยว่าไม่ใช่พุทธศาสนา
    ในความหมายที่แท้จริงคือ
    โดยรูปแบบเขาเป็นพระในพุทธศาสนาและเป็นเถรวาทด้วย
    แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่พุทธ
    เพราะว่าเขาไม่แสดงคำสอนของพุทธศาสนา
    เพียงแต่ไปหยิบเอาคำสอนของพุทธศาสนาบางจุด
    เพื่อสร้าง ค ว า ม ร่ำ ร ว ย ค ว า ม ยิ่ ง ใ ห ญ่ ใ ห้ แ ก่ ตั ว

    ถ้าเราถอยหลังมาพิจารณาสักนิด..เราจะเห็นว่า
    การสอนแม้แต่หลักบุญหลักทาน
    ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานที่สังคมไทยสอนกันมาตามหลักพุทธศาสนานี่
    ก็สอน “ให้เพื่อการสงเคราะห์ ให้เพื่อช่วยเหลือสังคม”
    ใครมีก็ช่วยเหลือเจือจานคนอื่นตามกำลังความสามารถ

    ไม่เคยมีคำสอนใดในสังคมไทยหรือในพุทธศาสนาที่สอนว่า
    “มึงมีเท่าไรมึงทุ่มให้หมด” ไอ้มีเท่าไรทุ่มให้หมดนี่นะฮะ
    ถึงกับสร้าง slogan ว่า “ขายบ้านขายรถ ทุ่มสุดฤทธิ์ ปิดเจดีย์”
    ไม่มีก็ให้ไปขอยืมเขามา ให้ทำมากๆ ท่านก็จะได้มากๆ
    หมายถึงว่าได้สิ่งตอบแทนกลับมา เช่นให้ไป ๑,๐๐๐ บาท
    คุณจะได้รับตอบแทนกลับมา ๓,๐๐๐ บาท ๓ เท่าตัว…
    ไม่มีใครสอนอย่างนี้

    ว่ากันจริงๆ นะ ถ้าถอยหลังมานั่งคิดสักนิด
    โอ้โห! นี่มันเป็นลัทธิขูดรีด
    “มึงจะชิบหายช่างมึง แต่ว่าต้องเอาเงินมาให้กูให้ได้ ให้กูได้ร่ำได้รวย”
    เอาเงินมาแล้วเอาไปทำอะไร
    สังคมก็เห็นอยู่แล้วว่าเงินทองเอาไปทำอีลุ่ยฉุยแฉก
    จ่ายให้สีกาคนละ ๑๐๐ ล้าน ๒๐๐ ล้าน
    เอาไปทำธุรกิจ ก็เห็นๆ กันอยู่
    ทำไมคนถึงมองไม่เห็น ก็เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของผ้าเหลือง
    นี่ถ้าสมมติว่าเป็นคุณ นุ่งกางเกง
    ถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณก็โดนถีบ โดนกระทืบตายแล้วใช่ไหม
    อันนี้เห็นได้ชัดๆ ไม่ใช่พุทธศาสนา
    คือเราเกรงใจ พูดกันแบบเกรงใจ ผมไม่เกรงใจหรอกแบบนี้...

    พวกนี้สำคัญผิดหรือเจตนาฉ้อฉล
    (เครดิต อาจารย์# เสฐียรพงษ์ วรรณปก )


    _+-/เจ้าของกระทู้ต้องขออภัยในคำบางคำในบทความโพสต์นี้ท่านอาจจะพูดตรงเกินไปและใช้ภาษาชาวบ้าน ท่านอาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ปธ. ๙
    ราชบัณฑิตไทย (เป็นข้อความที่ไม่ได้ตัดต่อแก้ไขทั้งสิ้น เพื่อคงไว้ซึ่งข้อมูลเดิมและเป็นข้อความที่เปิดเผย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      50
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ขอโอกาสเรียนถามท่านอาจารย์นะคะว่า
    ในอริยมรรคมีองค์ ๘
    ท่านอาจารย์มีความคิดเห็นว่าข้อใดมีความสำคัญมากที่สุด เพราะเหตุใด?
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ขอเรียนถามอีกข้อค่ะ
    ในศีล ๕ ท่านอาจารย์มีความเห็นว่าศีลข้อใดสำคัญมากที่สุด เพราะเหตุใด ?
    กราบขอพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    วันนี้ ได้อ่านบทความนี้จากเฟสบุ๊คค่ะ

    --- สุขา สังฆัสสะ สามัคคี มีจริงที่สกลนคร ---

    เหตุเกิดที่สกลนคร (2) โดย วสิษฐ เดชกุญชร

    หมายเหตุ - บทความนี้ผมเก็บความมาจากบทความชื่อ สุขา สังฆัสสะ สามัคคี มีจริงที่สกลนคร ซึ่งพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ อีสาน บิซวีค เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ขอขอบคุณท่านผู้เขียนและ อีสานบิซวีค ไว้ในที่นี้ด้วย

    ขอเท้าความเล็กน้อยว่าวันอังคารก่อนนี้ ผมเขียนเรื่องเดียรถีย์คณะหนึ่งพยายามจะเข้าครอบครองวัดร้างบนเกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหนองหาร จังหวัดสกลนคร ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ความพยายามเริ่มเมื่อ 24 ปีมาแล้ว และเกือบสำเร็จในเดือนกันยายน 2555 เมื่อสำนักงานที่ดินจังหวัดสกลนครออกประกาศจะออกโฉนดที่ดิน 85 ไร่ ให้แก่วัดดอนสวรรค์ โดยให้ผู้ประสงค์จะคัดค้านยื่นคำร้องภายใน 30 วัน และเทศบาลนครสกลนครยื่นคำร้องคัดค้าน

    หลังจากที่ทราบว่าเทศบาลนครสกลนครทำหนังสือร้องคัดค้านการออกโฉนด ชาวสกลนคร จำนวนประมาณ 1,000 คน ได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน มีการตั้งกลุ่ม รักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล ขึ้นทางเฟซบุ๊ก (Facebook) ชั่วเวลาไม่กี่วันมีผู้สมัครเป็นสมาชิกกลุ่มกว่า 2 หมื่นคน

    วันที่ 10 กันยายน 2555 เทศบาลนครสกลนครเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครยกเลิกการออกโฉนดที่ดินวัดดอนสวรรค์ และยกเลิกการขึ้นทะเบียนวัดร้าง เพื่อคงสภาพการเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์เอาไว้สำหรับให้ประชาชนใช้ร่วมกัน ในวันนั้นและวันที่ 17 กันยายน ชาวสกลนครประมาณ 5,000 คน ชุมนุมสนับสนุนการเรียกร้องของเทศบาลนครสกลนคร หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครก็ยอมถอนคำร้องขอออกโฉนด แต่เรื่องก็ยังไม่ยุติ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เชิญผู้แทนกรมที่ดิน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสกลนคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร นายกเทศมนตรีนครสกลนคร และผู้แทนกลุ่ม รักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล ไปร่วมประชุม เพื่อพิจารณาการร้องเรียนของเทศบาลนครสกลนคร การประชุมยังไม่สิ้นสุด คณะกรรมาธิการมีมติให้เชิญผู้เกี่ยวข้องไปร่วมประชุมต่อ

    วันที่ 18 ตุลาคม 2555 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสกลนครมีหนังสือถึงชมรมส่งเสริมคนดีเมืองสกลนคร มีใจความว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ขึ้นทะเบียนวัดร้างบนเกาะดอนสวรรค์จริง และสันนิษฐานว่าเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    เมื่อเป็นที่เห็นได้ชัดว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังมีแผนที่จะให้ออกโฉนดที่ดินเพื่อสร้างวัดบนเกาะดอนสวรรค์ให้ได้ องค์กรภาคประชาชน 16 องค์กรจึงรวมกันก่อตั้ง เครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล ขึ้นแทนกลุ่มที่มีอยู่เดิม โดยยืนยันวัตถุประสงค์เดิมที่จะคัดค้านการออกโฉนด เพิกถอนชื่อวัดดอนสวรรค์ (ร้าง) ออกจากทะเบียนวัดร้างของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ที่จะปลูกจิตสำนึกรักท้องถิ่นและหวงแหนผืนแผ่นดินอันเป็นสาธารณสมบัติของชาวสกลนคร และที่จะสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาดอนสวรรค์เชิงอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าดึกดำบรรพ์ให้ยั่งยืน

    วันที่ 30 ตุลาคม 2555 สำนักงานที่ดินจังหวัดสกลนครมีหนังสือตอบเครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล ความตอนหนึ่งมีว่า การยื่นคำขอ (ให้ออกโฉนด) ใหม่เป็นสิทธิของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แปลว่าสำนักงานนั้นยังไม่ยอมแพ้

    ต้นเดือนพฤศจิกายน 2555 พระสงฆ์ที่ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดดอนสวรรค์ (ตามโครงการบวชพระแสนรูปของวัดธรรมกาย) เดินทางออกจากดอนสวรรค์ หลังจากนั้นเมื่อขึ้นปีใหม่ 2556 เครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล ก็ยังเดินหน้าเคลื่อนไหวร้องขอให้คณะอนุกรรมาธิการสิทธิชุมชน ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไปรับฟังคำชี้แจงทั้งของภาครัฐและประชาชน ทั้งยังนำข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องเกาะดอนสวรรค์เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการจังหวัดสกลนคร และต่อคณะอนุกรรมาธิการแก้ปัญหาวัดร้าง ศาสนสมบัติกลางและที่ธรณีสงฆ์ สภาผู้แทนราษฎร และเชิญคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ไปพบชาวสกลนครเพื่อฟังข้อเท็จจริงด้วย

    ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2556 คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มีมติให้คณะอนุกรรมการศึกษาปัญหาวัดร้างฯ สรุปผลการดำเนินการและยุติการดำเนินการ แต่ปรากฏว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกลับมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ขอให้จังหวัดร่วมกับคณะสงฆ์ทำความเข้าใจกับประชาชน แล้วจึงจะถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง แต่จะขอออกโฉนดเฉพาะส่วนที่เป็นของวัดดอนสวรรค์ร้าง

    ใช่แต่เท่านั้น ในเดือนเมษายน 2556 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอหารือว่าวัดดอนสวรรค์เป็นวัดตามกฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์ฉบับใดหรือไม่

    ในขณะเดียวกัน ผู้แทนเครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล และประชาชนประมาณ 80 คน ก็เดินทางไปพบผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยกเลิกหนังสือที่มีไปถึงผู้ว่าราชการ จังหวัดสกลนคร เพราะจะนำไปสู่ความแตกแยกของชาวพุทธ ขอให้ทบทวนมติคณะทำงานวิเคราะห์ข้อมูล เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 และให้ลบชื่อวัดดอนสวรรค์ออกจากทะเบียนวัดร้าง เพื่อมิให้มีการลอบมาขอออกโฉนดที่ดินในภายหลัง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยอมยกเลิกหนังสือฉบับที่กล่าว แต่ยังไม่รับข้อเรียกร้องอื่น แต่จะให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาวัดดอนสวรรค์ไปพบเครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล ในตอนปลายเดือนพฤษภาคม

    เมื่อเห็นว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังดันทุรังจะคงวัดดอนสวรรค์ไว้ให้ได้ ประธานเครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร จึงขอความเห็นจากประชาชนที่ไปร่วมโสเหล่ (ภาษาพื้นบ้านอีสานแปลว่าเสวนา) กันเมื่อวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2556 ผู้ร่วมประชุมเห็นสมควรยกระดับการเรียกร้อง และระดมประชาชนออกมาแสดงพลังครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

    ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสกลนครกับประธานและกรรมการเครือข่ายรักษาดอนสวรรค์เพื่อไท สกล เดินทางไปให้ความเห็นแก่คณะกรรมการกฤษฎีกาที่กรุงเทพฯ

    หลังจากนั้นสัปดาห์เดียว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ขอยกเลิกและถอนชื่อวัดดอนสวรรค์ออกจากทะเบียนที่ดินศาสนสมบัติกลางและวัดร้าง

    กรณีเกาะดอนสวรรค์นี้จะเห็นว่าแม้ประชาชนชาวจังหวัดสกลนครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสกลนครจะไม่ต้องการที่จะให้มีวัดอยู่บนเกาะดอนสวรรค์ แต่ต้องการที่จะสงวนเกาะนั้นเป็นสาธารณสมบัติ พัฒนาเชิงอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าดึกดำบรรพ์ แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ยังพยายามที่จะให้มีการออกโฉนดที่ดินเพื่อสร้างวัดให้ได้ ทั้งๆ ที่จังหวัดสกลนครมีวัดอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก และหลายวัดเป็นวัดสำคัญ ทั้งทางประวัติศาสตร์และทางด้านการศึกษาทั้งของพระสงฆ์และฆราวาส ไม่ปรากฏชัดว่าเหตุใดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงพยายามผลักดันให้มีวัดขึ้นมาอีกบนเกาะที่เป็นสมบัติของชาวสกลนครมาแต่โบราณกาล

    การต่อสู้ของชาวสกลนครเป็นอุทาหรณ์แสดงว่า ด้วยการรวมพลังกันอย่างเป็นปึกแผ่น เหนียวแน่น และไม่ถอยหลังเท่านั้น ชาวสกลนครจึงประสบชัยชนะ และสามารถรักษาสมบัติมรดกของตนเอาไว้ให้พ้นจากเงื้อมมือของเดียรถีย์ได้

    http://www.matichon.co.th
     
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ช่วยดันครับ
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    คุณโตมาดัน
    ติงก็มาช่วยดันอีกคนค่ะ
    เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ

    วันก่อนด้วยความไม่รู้
    ติงก็เลยส่งe-mail ถามคุณพี่ท่านหนึ่ง
    ที่ทำงานระดับแนวหน้าของประเทศ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
    คำตอบที่ได้พบว่า...
    (ขออภัยที่ไม่สามารถเขียนต่อได้ค่ะ
    บอกได้เพียงว่า สิ่งที่คนเขาพูดมานั้น
    ได้รับการยืนยันว่าจริง)
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733

    สิ่งที่น่ากลัว กำลังคืบคลานเข้ามา
    ใครหนอจักช่วยได้

     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    ขอรบกวนและขอความเมตตา คุณคมสันต์เจ้าของกระทู้

    ผมก็นับถือหลวงปู่สด และพระลูกศิษย์ที่ปฏิบัติตรงในสายวัดปากน้ำ ที่เป็นวิชชาธรรมกาย ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายท่านที่ไม่ได้เห็นชอบต่อนโยบายของวัดฯ ที่ปทุมธานีเลย


    ชื่อกระทู้ของท่าน ใช้คำว่าธรรมกาย ซึ่งคนไม่ทราบ อาจดูเป็นการเหมารวมทั้งสาย

    แต่ ทางหลวงปู่สด และศิษย์สายตรง ที่ไม่เห็นด้วยต่อนโยบายของวัดที่ปทุมธานีก็มีมาก

    เวลาคนอื่นมาอ่าน แล้วมีอคติ ไม่ว่าจะด่าในใจ ด่าด้วยคำพูด และเขียนออกมา มากน้อยเพียงใด

    ก็ล้วนแต่เป็นกรรมไม่ดี ที่จะติดตัวไปอีกนาน


    รบกวนคุณคมสันต์ แก้ชื่อให้ถูกต้องได้ไหมครับ



    ...................นั่นคือสิ่งเดียว ที่ผมเห็นชื่อกระทู้นี้แล้ว จะรู้สึกบางอย่างขึ้นมา

    อย่าก่อกรรมต่อกันเลยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 สิงหาคม 2013
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน )
    ดาบหัก*, คมสันต์usa .............................................................................................................5:35 .



    ขอบคุณ คุณคมสันต์ที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่าน และกำลังพิจารณา ผมเพิ่งเข้ามาตั้งโพส และทราบความเห็นความเดือดร้อนของกล่มคุณ ที่เป็นครู หรือ ผู้ได้รับผลกระทบต่อโครงการของวัดฯที่ปทุมธานี

    ...แต่ผมขอร้อง ว่า อย่าต่อว่า อย่าด่ารวม กับ พระผู้ปฏิบัติดี กลุ่มผู้ปฏิบัติดีในสายวิชชาธรรมกายทั้งหมดเลย จะก่ออกุศลกรรมต่อกันอีกหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่นชีวิต ตามที่โพสข้างบนบอกเล่า ถึงแนวร่วมบนเฟสบุคที่เข้ามาร่วมการจ้องจะยึดเกาะอะไรนั่น

    คุณเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ที่ผ่านโลกมามาก ขอให้พิจารณาในคำร้องของผมและความจริงที่เกิดขึ้นด้วยครับ ขอขอบคุณมาอีกครั้ง


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 สิงหาคม 2013
  14. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    การเผยแพร่พระพุทธศาสนาและการสืบทอดในพระพุทธศาสนานั้น
    เป็นหน้าที่โดยตรง เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาในพระพุทธศาสนาท่านได้มอบมรดกอันล้ำค่าคือพระธรรมคำสั่งสอนไว้ให้ และได้ฝากไว้กับพุทธบริษัท ๔
    คือ พระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
    สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้องหรือที่ผิดไปจากหลักธรรมหรือออกนอกลู่นอกทางก็ต้องช่วยกันติเตือนโดยธรรม และหาทาง เพื่อเตือนสติ ตามความรู้และสติปัญญาและภูมิธรรมของแต่ละท่าน
    เรียกว่าช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนา แม้นจะมีบางท่านอาจจะไม่ถูกใจบ้าง
    แต่คงจะไม่มีใครที่จะปฏิเสธหรือค้านในพระธรรมสิ่งที่พระองค์ศาสดาทรงสอนมาอย่างแน่นอนครับ

    พระภิกษุสงฆ์ที่ไม่ยอมปฏิบัติหรือเผยแพร่ธรรมในตามพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาแล้วย่อมที่จะปฏิเสธในความเป็นพระสงฆ์สาวก ขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าผู้เป็นองค์พระศาสดาของศาสนาพุทธ โดยแท้
    ที่คุณดาบหักเขียนว่า( อย่าต่อว่า อย่าด่ารวม กับ พระผู้ปฏิบัติดี ) ข้อความในโพสต์ไหนครับ กรุณาให้ความกระจ่างด้วยครับ ยินดีที่จะแก้ไขให้ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      39
  15. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )


    ..(มรรค = อริยมรรค = มัชฌิมาปฏิปทา = มรรคแปด = ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ = ทางสายกลาง)
    ..........แนวทางดำเนินอันประเสริฐของชีวิตหรือกาย วาจา ใจ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์
    .....เรียกว่า อริยมรรค แปลว่าทางอันประเสริฐ เป็นข้อปฏิบัติที่มีหลักไม่อ่อนแอ จนถึงกับ
    .....ตกอยู่ใต้อำนาจ ความอยากแห่งใจ แต่ก็ไม่แข็งตึงจนถึงกับเป็นการทรมานกายให้เหือด
    .....แห้งจากความสุขทางกาย เพราะฉะนั้นจึงได้เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือทางดำเนินสาย
    .....กลาง ไม่หย่อนไม่ตึง แต่พอเหมาะเช่นสายดนตรีที่เทียบเสียงได้ที่แล้ว

    ..........คำว่ามรรค แปลว่าทาง ในที่นี้หมายถึงทางเดินของใจ เป็นการเดินจากความทุกข์
    .....ไปสู่ความเป็นอิสระหลุดพ้นจากทุกข์ซึ่งมนุษย์หลงยึดถือและประกอบขึ้นใส่ตนด้วย
    .....อำนาจของอวิชชา ....มรรคมีองค์แปด คือต้องพร้อมเป็นอันเดียวกันทั้งแปดอย่างดุจเชือก
    .....ฟั่นแปดเกลียว องค์แปดคือ :-
    ..........1. สัมมาทิฏฐิ ิคือความเข้าใจถูกต้อง
    ..........2. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง
    ..........3. สัมมาวาจา คือการพูดจาถูกต้อง
    ..........4. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง
    ..........5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีพถูกต้อง
    ..........6. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
    ..........7. สัมมาสติ คือการระลึกประจำใจถูกต้อง
    ..........8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง
    .....การปฏิบัติธรรมทุกขั้นตอน รวมลงในมรรคอันประกอบด้วยองค์แปดนี้ เมื่อย่นรวมกัน
    .....แล้วเหลือเพียง 3 คือ ศีล - สมาธิ - ปัญญา สรุปสั้น ๆ ก็คือ
    ...............การปฏิบัติธรรม(ศีล-สมาธิ-ปัญญา)ก็คือการเดินตามมรรค
    ข้อ ๑ สัมมาทิฏฐิ คือความเข้าใจถูกต้อง เหมือนเราติดกระดุมเม็ดแรก
    ถ้ามีความเห็นที่ผิดแล้ว กระดุมเม็ดที่เหลือย่อมจะผิดตามไปด้วย ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      55
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969





    อันดับแรก ต้องขอขอบคุณ

    ที่ท่านคมสันต์ มีเมตตามาคุยกับผุ้น้อยโนเนมอย่างผม และให้เกียรติพูดจาอย่างสุภาพ สมกับที่หลายคนเรียกว่า "อาจารย์"
    --------------------------------------------------------

    เข้าเรื่องเลยนะครับ...........


    ถูกต้องครับ พุทธบริษัทสี่ ต้องช่วยกันเข็นกงล้อธรรมจักรและช่วยปกป้องดูแลพระศาสนา ทั้ง ดูแลจากภัยภายนอก และ ปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจของตน
    เป็นการกำจัดภัยภายในของแต่ละคน



    ผมอาจใช้คำพูดผิดไปต้องขออภัย......เพราะคนที่ด่าว่าไม่ใช่คุณคมสันต์โดยตรง แต่เป็นโพสบางโพสที่อ้างมา

    ผมควรใช้คำพูดที่ว่า -- การใช้ชื่อกระทู้ว่าธรรมกาย และ เนื้อที่หาที่อ้างอิงมาจากที่ต่างๆ ดูแล้วหมายถึง การเข้าไปมีส่วนร่วมของศิษย์แม่ชีจันทร๋ทางวัดแถวปทุมฯเป็นส่วนใหญ่นะครับ

    ทางคณะศิษย์หลวงปู่สด ที่สืบวิชชาสายตรงต่อๆกันมา ไม่เคยเห็นพ้องต้องความคิดในนโยบายไปแทรกแทรงที่อื่นๆ ไม่ว่าระบบการเรียน การศึกษา ระบบราชการ ฯลฯ

    แต่มุ่งเผยแผ่ธรรมปฏิบัติตรงตามที่หลวงปู่สดท่านสอนและบันทึกเอาไว้


    คนในสายที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก ทราบดี และคนภายนอกจำนวนหนึ่งก็ทราบดี ว่า ใครทำ

    แต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ไม่ได้ปฏิบัติไตรสิกขามามาก พอมีสื่อต่อว่าวัดนั้น
    ที่เดิมชื่อวัดวรณีฯ แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดธรรมฯ ก็เข้าใจเหมารวมไปทั้งสาย
    ซึ่งผู้ที่ไม่ทราบ และหลงปรามาสผู้ปฏิบัติดีในสาย มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน
    คำก็ด่า ธรรมกายเลว ธรรมกาย ฯลฯ บางที่ บางคน ถ้ามีเวลาได้อธิบายเค้าก็เบาลง พอเข้าใจ จะได้ไม่เป็นบาปจากวจีกรรม มโนกรรม ติดดวงจิตดวงใจพวกเค้าไป


    ถ้าเป็นคนระดับพวกท่าน ผมก็ไม่บังอาจคิดว่าแยกแยะไม่ออก เพราะความเป็นนักปฏิบัติดี และมีครูดี ของคณะท่าน

    และอีกอย่างทางหลวงพ่อฤาษีฯซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของหมู่คณะท่าน ก็รับรองในหลวงปู่สดไว้แล้ว




    .สรุป ขอเพียงแค่ชื่อกระทู้ ปรับเปลียนหน่อยแค่นั้นครับ

    แค่นั้น พอบางท่านอ่านชื่อกระทู้แล้ว จิตกระทบครั้งแรกในชื่อกระทู้จะได้ไม่นำไปสู่วิบากจิตที่เป็นอกุศลต่อสายวิชชาธรรมกายโดยรวม ครับ

    ส่วนเนื้อหาข้างใน ก็ให้ไปพิสูจน์กันเองตามหลักฐานและสติปัญญาของแต่ละท่าน[/COLOR]
    [/B][/SIZE]


    นับถือในธรรม

    นายดาบหัก



    ปล. มากระทู้นี้ พลังดี แน่น และสบาย พอสมควร ไม่อึดอัด ไม่มีพลังโกรธเกรี้ยวรุนแรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 สิงหาคม 2013
  17. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สวัสดีค่ะ..
    วันนี้ได้มีโอกาสอ่านกระทู้ทั้งหมด ก็ยัง งง ๆ อยู่พอสมควร
    ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ..คุณครู และวัดธรรมกาย
    ตัวดิฉันเอง ก็มีโอกาสไปเข้ารับการอบรมที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง
    ที่ โคราช เป็นโครงการของคุรุสภา ถ้าจำไม่ผิด
    หลังจากนั้น ก็เริ่มเห็นโรงเรียนดีศรีตำบล อบรมบ้าง
    แล้วปีนี้ก็เป็นโรงเรียนในฝัน ก็ไม่ค่อยรู้ข้อมูลเรื่องวัดธรรมกายเท่าไร
    แต่เข้าใจ คุณครูในฐานะที่เป็นฝ่ายปฏิบัติพอสมควร ว่าคิดอย่างไร ทำอย่างไร
    ถือเสียว่า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ...
     
  18. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ศีล ๕ ข้อ คือ
    ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
    ๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
    ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
    ๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
    ๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

    เพียงรู้จักว่าศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้างเท่านั้น ยังไม่พอ ผู้รักษายังต้องรู้เลยไปถึงว่า ท่านวางกฎเกณฑ์ไว้อย่างไรในการวินิจฉัยว่าทำอย่างไรแค่ไหนจึงล่วงศีล คือศีลขาด โดยใช้กฎเกณฑ์ในการวินิจฉัยที่ท่านเรียกว่า องค์ของศีล เป็นเครื่องตัดสิน ถ้าครบองค์ของศีลข้อนั้นๆ ศีลข้อนั้นก็ขาด ถ้าไม่ครบองค์ที่วางไว้ ขาดไปหนึ่งหรือสองข้อ ถือว่าศีลไม่ขาด แต่ศีลก็เศร้าหมอง องค์ของศีลที่ท่านวางไว้จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้สำรวมระวังไม่ประมาท
    เช่น
    ศีลข้อ ๑ มีองค์ ๕ คือ
    ๑. *ปาโณ สัตว์มีชีวิต
    ๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
    ๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
    ๔. อุปกฺกโม เพียรเพื่อจะฆ่า
    ๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความเพียรนั้น
    ข้อ๑ จึงมีโทษบาปหนักกว่าทุกข้อ เพราะเป็นการฆ่าสัตว์ที่มีชีวิตให้ตาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      57
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      48
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    มีกระทาชายนายคนหนึ่ง
    แกเป็นคนดีทีเดียว ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินลูกเมียใคร ไม่พูดเท็จและพูดคำหยาบ แต่เรื่องสุรานี่ก็เป็นไปตามกาล...
    อยู่มาวันหนึ่ง งานเลี้ยงฉลองขึ้นบ้านใหม่ พวกๆกันจึงชวนไปดื่ม...
    มีสาวเจ้าของบ้าน มาคอยรินให้...

    1 ก๊ง นงนุช...
    2 ก๊ง พุทธวาจา...
    3 ก๊ง เริ่มบ้า...
    4-5 เริ่มเมา...

    ครั้งเมาได้ที่ ก็เริ่มโกหกบ้างแล้ว ... เมื่อต่างก็คุยโม้กันไป หันไปเห็นร่องอกเจ้าของบ้านสาวๆ ขาวๆเข้า ก็เกิดอารมณ์ จึงตรงเข้าข่มขืน...ความที่กลัวความผิดจะตามมา จึงฆ่าสาวเจ้าของบ้านเสีย แล้วไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ ด้วยความเมา จึงถอดเอาสร้อยทองที่คอ และขโมยเงิน กับรถ ก่อนจะหนีไป...

    นิทานเรื่องนี้ครูติง และท่านคมสันต์ คงเคยได้ยินกันมาตั้งกะเด็กๆ
    ครูติงก็เลยเอามาถามว่าศีล5 ข้อไหนสำคัญที่สุด ชิมิ...
    จะด้วยต้องการทราบนานาทัศนะล่ะสินะ...
     
  20. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ท่านพี่ระมิงค์เล่นยกตัวอย่างการละเมิดศีลทั้ง ๕ ข้อรวดเดียวจบ(แบบคนมีปัญญา)ทันใจเลย
    ครับ เยี่ยม ฉนั้นคนที่ดื่มสุรา อย่างน้อยก็ควรเว้นรินสุรามาเป็นระยะฯอย่าให้ถึงกับขาดสติที่เรียกว่า
    สุราพา วอดวาย คนดื่มฉิบหาย คนขายสบาย ผิดศีลธรรมทั้งคนดื่มคนขาย
    (รวมทั้งคนที่ทำกับแกล้มมาสนับสนุนวงสุราด้วยเรียกว่าถูกหางเลขครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      53
    • PICT0889.JPG
      PICT0889.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      40
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...