ตามรอยพระศาสดานั้นรู้ทันธรรมกาย (ตาสว่าง)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คมสันต์usa, 23 กรกฎาคม 2013.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เทศน์ลำดับญาณ โดย พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ)
    ญาณ16 (โสฬสญาณ) เป็นญาณที่เกิดแก่ผู้บำเพ็ญวิปัสสนา
    โดยลำดับตั้งแต่ต้น จนถึงจุดหมายคือมรรคผลนิพพาน คือ

    1.นามรูปปริจเฉทญาณ หมายถึง ญาณกำหนดแยกนามรูป
    2.นามรูปปัจจัยปริคคหญาณ หมายถึง ญาณจับปัจจัยแห่งนามรูป
    3.สัมมสนญาณ หมายถึง ญาณพิจารณานามรูปโดยไตรลักษณ์
    4.อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณตามเห็นความเกิดและความดับแห่งนามรูป วิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้(ระหว่­างเกิดถึงดับ เห็นเป็นดุจกระแสน้ำที่ไหล)
    5.ภังคานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณตามเห็นจำเพาะความดับเด่นขึ้นมา(ระหว่า­งดับถึงเกิด)
    6.ภยตูปัฏฐานญาณ หมายถึง ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว ไม่แน่นอน ดุจกลัวต่อมรณะที่จะเกิด
    7.อาทีนวานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณคำนึงเห็นโทษภัยของสิ่งทั้งปวง ผันผวนแปรปรวน พึ่งพิงมิได้
    8.นิพพิทานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณคำนึงเห็นด้วยความเบื่อหน่าย
    9.มุจจิตุกัมยตาญาณ หมายถึง ญาณหยั่งรู้อันใคร่จะพ้นไปเสีย
    10.ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณพิจารณาทบทวนเพื่อจะหาทางหนี
    11.สังขารุเบกขาญาณ หมายถึง ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางวางเฉยต่อสังข­าร
    12.สัจจานุโลมิกญาณ หมายถึง ญาณเป็นไปโดยควรแก่การหยั่งรู้อริยสัจ (พิจารณาวิปัสสนาญาณทั้ง๘ที่ผ่านมา ว่าเป็นทุกข์ เมื่อเห็นทุกข์ก็เห็น สมุทัย นิโรธ มรรค โดยแต่ละญาณเป็นเหตุเกิดมรรค ทั้ง๘ ตามลำดับ )
    13.โคตรภูญาณ หมายถึง ญาณครอบโคตร คือ หัวต่อที่ข้ามพ้นภาวะปุถุชน (ถ้าเป็นอริยบุคคลแล้ว จะเรียกว่าวิทานะญาณ)เห็นความทุกข์จนไม่กล­ัวต่อความว่าง ดุจบุคคลกล้าโดดจากหน้าผาสู่ความว่างเพราะ­รังเกียจในหน้าผานั้นอย่างสุดจิตสุดใจ
    14.มัคคญาณ หมายถึง ญาณในอริยมรรค
    15.ผลญาณ หมายถึง ญาณอริยผล
    16.ปัจจเวกขณญาณ หมายถึง ญาณที่พิจารณาทบทวน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      49
    • DSC06073.JPG
      DSC06073.JPG
      ขนาดไฟล์:
      518.3 KB
      เปิดดู:
      48
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      51
  2. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ประวัติพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) อดีตพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    ๑.ชีวประวัติ
    พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) นามเดิมชื่อ “หนูคล้าย นามโสม” (ภายหลังสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) แห่งวัดมหาธาตุ ได้เปลี่ยน ชื่อให้ใหม่ว่า “โชดก”เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๔๖๑ ตรงกับวันอังคารขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย ณ บ้าน หนองหลุบ ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โยมบิดาชื่อ “นายเหง้า นามโสม” โยมมารดาชื่อ “นางน้อย นามโสม” มีพี่น้องร่วมตระกูลทั้งหมด ๙ คน เป็นพี่สาว ๕ คน น้องชาย ๑ คน และน้องสาว ๓ คน คุณปู่ของท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นขุน ชื่อขุนวงษ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านติดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย มีฐานะดี ส่วนบิดาของท่านเป็นชาวนา แต่มีความรู้พิเศษ เป็นหมอชาวบ้าน-ช่างไม้-ช่างเหล็ก ประจำหมู่บ้าน

    ๒. การศึกษาเบื้องต้น
    พ.ศ.๒๔๗๒ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนบ้านหนองหลุบ ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น

    ๓. บรรพชา-อุปสมบท
    วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ เมืออายุ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์กลาง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระครูเลิ่ง เจ้าอาวาส เป็นพระอุปชฌาย์ และย้ายไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดกลาง ในตัวเมืองขอนแก่น สอบนักธรรมตรีได้จากวัดนี้และย้ายไปอยู่วัดยอดแก้ว ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อเรียนนักธรรมชั้นโท และบาลีมูลกัจจายน์ และสอบนักธรรมชั้นโทได้
    พ.ศ.๒๔๗๘ ได้ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพมหานครโดยครั้งแรก ได้อยู่ที่วัดเทพธิดาราม สอบ ป.ธ.๓, ป.ธ. ๔ และนักธรรมชั้นเอกได้ในสำนักนี้

    พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้ย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุโดยขุนวจีสุนทรรักษ์เป็นผู้นำมาฝากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี )ขณะดำรงสมณศักดิ์ในราชทินนามที่ “พระพิมลธรรม” ได้เมตตารับไว้ให้อยู่ คณะ ๑ วัดมหาธาตุฯ

    ๔. วุฒิการศึกษา
    พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียน วัดโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
    พ.ศ. ๒๔๗๘ สอบได้นักธรรมชั้นโท ในสำนักเรียน วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
    พ.ศ. ๒๔๘๐ – ๒๔๘๑ สอบได้นักธรรมชั้นเอก ป.ธ. ๓, ป.ธ.๔ ในสำนักวัดเทพธิดาราม แขวงสำราญราษฎร์เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
    พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๙๔ สอบได้ ป.ธ.๕-ป.ธ.๙ ในสำนักวัดมหาธาตุฯ ในสมัยสอบ ป.ธ.๙ ได้ใน พ.ศ. ๒๔๙๙ นั้น นับเป็นผู้สอบได้เพียงรูปเดียวในประเทศไทย
    พ.ศ. ๒๔๘๖-๒๔๙๒ ไปปฎิบัติศาสนกิจ ณ จังหวัด ขอนแก่น โดยครั้งแรกเปิดสอนพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกนักธรรม-บาลี ที่วัดสว่างพิทยา อำเภอเมือง ประมาณ ๑ ปี แล้วย้ายมาอยู่วัดศรีนวล ในเขตเทศบาล เมืองขอนแก่น ปรากฏว่า ได้ส่งเสริมการศึกษาในสำนักนี้ให้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ต่อมา ท่านได้ลาออกจาก ตำแหน่งสาธารณูปการจังหวัด เพื่อกลับมาอยู่วัดมหาธาตุฯ สำนักเดิม



    ๕. การปฎิบัติศาสนกิจ
    พ.ศ. ๒๔๙๓ ย้ายกลับเข้ามาอยู่วัดมหาธาตุฯ ในสมัยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระพิมลธรรม” เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้อยู่คณะ ๕ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะ ๕ วัดมหาธาตุฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ และอยู่ประจำที่คณะ ๕ ตลอดมาจนมรณภาพ

    ๖. หน้าที่การงานเกี่ยวกับการศึกษา
    พ.ศ. ๒๔๘๓-๒๕๓๐ เป็นครูสอนปริยัติธรรมทั้งนักธรรม
    - บาลี ในมหาธาตุวิทยาลัย ได้เป็นครูสอนบาลีไวยากรณ์ชั้นมูล ๓ ได้นิตยภัต ตั้งแต่เดือนละ ๖ บาท ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ จนกระทั่งสอน ป.ธ. ๗-๘-๙ เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรม – บาลี สนามหลวง ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๗ ตลอดมา จนมรณภาพ
    เป็นผู้อำนวยการแผนกบาลี สำนักเรียนวัดมหาธาตุฯ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นต้นมา

    ๗.หน้าที่เกี่ยวด้วยพระไตรปิฎก
    พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการแปลพระไตรปิฎก เป็นภาษาไทย ในแผนกตรวจสำนวน
    พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจทาน พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง
    พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการปาลิ วิโสธกะ พระอภิธรรมปิฎก ฉบับสังคายนา พ.ศ. ๒๕๓๐
    พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบรรณกรในการพิมพ์พระไตรปิฎก ฉบับสังคายนา พ.ศ. ๒๕๓๐

    ๘ . งานด้านวิปัสสนาธุระ
    พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้เข้ามาปฎิบัติวิปัสสนากรรมธานอยู่ ณ มณฑปพระธาตุ วัดมหาธาตุ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๔ รวมเวลา ๗ เดือน ๑๙ วัน โดยพระภาวนาภิรามเถระ (สุข) วัดระฆังโฆสิตารามเป็นอาจารย์สอน
    พ.ศ. ๒๔๙๕ ไปดูการพระศาสนาที่ประเทศพม่า และได้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ สำนักศาสนายิสสา เมืองแรงกูน ประเทศพม่า เมื่อสำเร็จการศึกษาและปฎิบัติวิปัสสนาแล้ว ได้เดินทางกลับประเทศไทย พร้อมกับพระอาจารย์ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ๒ รูปที่รัฐบาลไทยขอจากรัฐบาลพม่า เพื่อมาสอนวิปัสสนากรรมฐาน ประจำอยู่ในประเทศไทย พระวิปัสสนาจารย์ ๒ รูปนั้น คือ ท่านอาสภเถระ ปธานกัมมัฎฐานาจริยะ และท่านอินทะวังสะ ธัมมาจริยะกัมมัฏฐานาจริยะ
    เมื่อท่านกลับมาประเทศไทยแล้ว ท่านได้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานต่ออีก ๔ เดือน ในสมัยนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระพิมลธรรม” ได้ประกาศตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานแห่งประเทศไทยขึ้นที่วัดมหาธาตุ และได้แต่งตั้งท่าน พระมหาโชดก ป.ธ.๙ ให้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นรูปแรก ท่านได้รับภาระหนักมากเพราะเป็นกำลังสำคัญของท่านเจ้าประคุณสมเด็จในการวางแผนขยายสำนักงานสาขาไปตั้งในที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จัดทำหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน คัดเลือกพระวิปัสสนาจารย์ไปสอนประจำอยู่ตามสำนักสาขาที่ตั้งขึ้น และจัดไว้สอนประจำที่วัดมหาธาตุ พระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศส่วนมากเป็นศิษย์ของท่าน
    อนึ่ง ในครั้งนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ได้จัดตั้ง กองการวิปัสสนาธุระขึ้นเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานที่คณะ ๕ วัดมหาธาตุ และได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้อำนวยการกองการ วิปัสสนาธุระ ในความอำนวยการของท่าน มีกิจการเจริญก้าวหน้ามาก มีผลงานปรากฏ ดังนี้
    จัดพิมพ์วิปัสสนาสาร ซึ่งเป็นวารสารราย ๒ เดือน (ออกปีละ ๖ เล่ม) ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๘ และได้ออกติดต่อตลอดมาถึงบัดนี้ มีสมาชิกให้การอุดหนุนวารสารนี้มีมากพอสมควร
    จัดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขึ้นที่ คณะ ๕ โดยจัดสร้างห้องปฎิบัติขึ้นรับผู้ประสงค์จะเข้าปฎิบัติหรือ ผู้มีปัญหาชีวิต เข้าปฏิบัติได้ทุกเวลา ทั้งประเภทอยู่ประจำ และไม่ประจำ (คือมารับพระกรรมฐานจากอาจารย์ไปปฏิบัติที่บ้านแล้วมารับสอบอารมณ์ หรือ มาปฎิบัติในเวลาว่างแล้วกลับไปพักที่บ้าน)
    อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ และคณะศิษย์ของท่านได้ไปสอนวิปัสสนากรรมฐานในพระอุโบสถวัดมหาธาตุ ตึกมหาธาตุวิทยาลัย ตึกธรรมวิจัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทุกวันพระ และวันอาทิตย์
    ให้ความอุปถัมภ์สำนักวิปัสสนากรรมฐานอื่นที่เป็นสาขาอีกหลายสำนัก เช่น สำนักวิเวกอาศรม อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี สำนักวิปัสสนาภูระงำ อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น และสำนักบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น

    พระธรรมธีรราชมหามุนี ได้อุทิศชีวิตอบรมและเผยแพร่ วิปัสสนากรรมฐานติดต่อมาเป็นเวลายาวนาน ประมาณ ๔๐ ปี จึงมีศิษยานุศิษย์และมีผู้เคารพศรัทธาเลื่อมใสมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และบุคคลผู้มาปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น มีทุกระดับชั้น ทุกฐานะอาชีพ
    พ.ศ. ๒๔๙๘ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมวิชาญาณเถรได้เป็นพระอาจารย์ถวายวิปัสสนากรรมฐาน แด่สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ซึ่งได้เสด็จมาสมาทานพระกรรมฐานเมื่อวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ เวลา ๑๙.๐๐ น.ณ.พระมณฑปพระบรมธาตุ วัดมหาธาตุ ในโอกาสนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม ได้ถวายศีลแล้ว พระอุดมวิชาญาณเถรเป็นผู้ถวายพระกรรมฐาน และถวายสอบอารมณ์พระกรรมฐานด้วย เป็นประจำทุกวัน ณ . พระมณฑปพระบรมธาตุเวลา ๑๗.๐๐ น.รวมเวลาที่ทรงเสด็จมาสอบพระกรรมฐานทุกวันเป็นเวลา ๑ เดือน และทรงได้รับผลจากการปฎิบัติวิปัสสนาเป็นอย่างดี จนกระทั่งได้ฟังเทศน์ลำดับญาณพร้อมกันกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภายในพระอุโบสถวัดมหาธาตุ

    ในวันที่ ๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) ได้มอบหมายให้พระทิพย์ปริญญา มาติดต่อกับท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม ขอให้พระอุดมวิชาญาณเถร ไปสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่ท่าน โดยมีพระอุดมวิชาญาณเถระและพระทิพย์ปริญญา นายเสวต เปี่ยมพงศ์สานต์ ได้ไป
    ถวายพระกรรมฐานแก่ท่านในตอนเย็นวันนั้น ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เนื่องจากท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี ได้อธิษฐานไว้ว่า ท่านจะไม่ไปค้างคืนที่วัดอื่น ดังนั้นท่านจึงขอร้องให้พระอุดมวิชาญาณไปสอนภายในพระอุโบสถ วัดปากน้ำ ครั้นท่านได้ปฎิบัติครบบทเรียน ครบหลักสูตรแล้วใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน ทางสำนักได้จัดให้มีการฟังเทศน์ลำดับญานภายในพระอุโบสถวัดมหาธาตุ โดยพระอุดมวิชาญาณเถร เทศน์จบก็ได้ถวายวิชาครูท่านไป ๑ ชุด

    เป็นว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทั้งในด้านสมถะและด้านวิปัสสนา เป็นพระเถระที่ไม่มีทิฏฐิมานะสมเป็นนักปฏิบัติธรรมแท้ ควรแก่การเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้น ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนีได้ส่งภาพของท่านมาถวายไว้เป็นที่ระลึกแก่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดมหาธาตุ และได้เขียนบันทึกใต้ภาพยกย่องว่า “ให้สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุ ไว้เป็นที่ระลึก ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา ตามแบบแผนทีวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันว่าการปฎิบัติแบบนี้ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตร ทุกประการ”
    ลงชื่อ พระภาวนาโกศลเถร วัดปากน้ำ ธนบุรี ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      68
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSC05715.JPG
      DSC05715.JPG
      ขนาดไฟล์:
      557 KB
      เปิดดู:
      61
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970



    ...นึกแล้ว ว่าสักวันต้องมาถึงจุดนี้


    จุดที่ใครๆ ก็เคยนำมาพูด มาโพส


    แต่...ถ้าจะคิดพิจารณาอย่างยุติธรรม


    ต้องถามว่า ทำไม แม้แต่ก่อนหลวงปู่สดจะมรณภาพ ท่านก็ยังเจริญวิชชาธรรมกาย
    และ ให้มีการสั่งสอน บันทึก จดบันทึก วิชชาธรรมกาย ทุกระดับ ไว้สอนและค้นคว้าต่อมาจนถึงปัจจุบัน



    ........ที่ผมไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้ก่อน เพราะจะกระทบถึงคนจำนวนมาก

    ไม่ว่า วงการสงฆ์ (ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งไม่ควร) และ ฯลฯ


    ผมอยากถามว่า

    ทำไม พระสายพองหนอยุบหนอบางท่าน ก็อ้างเรื่องนี้ แต่ต้องมารอให้หลวงปู่สดมรณภาพก่อน จึงออกมาบอกว่า รอหลวงปู่มรณภาพก่อนจึงมาพูด

    และ ถ้าจะทราบความจริงเกี่ยวกับหลวงปู่สด ทำไมต้องรอให้คนอื่นภายนอกออกมาเล่า

    ทั้งที่มีคนใกล้ชิด ทั้งพระ และฆราวาส ที่รับรู้เรื่องในขณะที่พระมากมาย รวมทั้งหลวง
    ปู่สด ถูกเกณฑ์ไปร่วมปฏิบัติพองหนอยุบหนอ ที่วัดมหาธาตุสมัยนั้น

    ไม่ว่ารูปถ่าย ที่เคยเอามาพูดกันว่า หลวงปู่สดบอกว่าวิปัสสนาวัดมหาธาตุถูกตามรอยสติปัฏฐานสี่ หรืออะไร ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า หลวงปู่สดบอกด้วยตนเองว่าให้เลิกวิชชาธรรมกายและให้ไปฝึกพองยุบ

    .................เรื่องพวกนี้ เราคุยกันมาตั้้งแต่สมัยเรียนหนังสือ และได้ข้อมูลลึกมามาก

    แค่ไม่อยากพูดอะไร ที่จะกระทบสังคมส่วนรวม ให้เกิดความแตกแยกทางความคิดมาก

    คนที่เข้าใจ ท่านไม่ออกมาพูด ก็ค่อยๆหายไป

    ..และก็นึกแล้วว่า สักวันต้องถูกคนที่ยังไม่เคลียรเรื่องนี้ นำขึ้นมาเป็นข้อกล่าวอ้างถึงหลวงปู่สดอีก


    .....เดี๋ยวมีโอกาส จะทยอยคุยเรื่องนี้ ( ความจริง หลายอย่าง ใช้เหตุผลง่ายๆ ไม่ต้องมีคลิบที่คลุมเคลือ มาชี้นำ ก็จะพอเข้าใจ )



    **********************************************************



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์

    วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตนแล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้วแต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ

    ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน (เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดาวดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น

    พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่ ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับหลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่ทีนี้ต่อมา

    หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่างที่พูดนี้ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อสดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมากรวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก

    แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริงเวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มีการใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑. เช้ามืด และประการที่ ๒. ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับ มาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม

    ..............ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ

    บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอก วะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม


    ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ



    ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่านมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้
    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่ม

    ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด



    ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน

    ก็รวมความว่ากำลังไล่เรื่อยกัน


    บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์....

    (จากหนังสือ อ่านเล่น เล่ม 6 โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)




    ขอบคุณ เมื่อหลวงปู่ปานให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำไปเรียนธรรมกาย « ศูนย์พุทธศรัทธา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2013
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970

    ..........หลวงปู่สด เขียนว่า การที่ให้ท่านไปปฏิบัติ(เข้าคอร์สครั้งนั้น)

    ท่านรับรองว่า การปฏิบัติตอนนั้นถูกต้องตามร้องรอยในมหาสติปัฏฐานสี่



    ( แล้วมีตรงไหน ที่ท่านว่า ท่านจะไม่บำเพ็ญวิชชาธรรมกาย เลิกวิชชาธรรมกาย วิชชาธรรมกายไม่ใช่ของแท้ ฯลฯ ตามที่คนรุ่นหลังๆมาใช้สิ่งนี้มากล่าวอ้างถึงหลวงปู่สด ไหมครับ )
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    .....เหตุผล สำคัญ ที่ใช้การพิจารณาง่ายๆ ก็จะเข้าใจ.....

    ควรจะฟังจากหลวงปู่สดท่านเอง ในพระธรรมเทศนากว่า 90 กัณฑ์ ทางวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้ทำการบันทึกการสอนสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ซึ่งสอนโดยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก่อนปี พ.ศ. 2500 ซึ่งในสมัยนั้นเครื่องบันทึกเสียงเข้ามาในเมืองไทยเป็นครั้งแรกจำนวน 8 เครื่อง เครื่องในจำนวนนั้นมาอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญยี่ห้อ Reverse ผู้บันทึกการสอนฯ ของหลวงพ่อในครั้งนั้นคือ พระปลัดธนิต สมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็นพระพิพัฒธรรมคณี

    พระธรรมเทศนาเรื่องสติปัฏฐานสูตร เมื่อตุลาคม 2497


    "นี่เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา
    เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม
    เห็นจริงๆ อย่างนี้ อุเทศทวารก็เห็นอย่างนี้เรื่อยๆ
    เห็นเข้าไปตั้ง 18 กายนั่นแน่ะ

    เห็นเข้าไปอย่างนี้แหละ 18 กาย
    ชัดๆ ใช้ได้ทีเดียว ไม่ใช่พอดีพอร้ายล่ะ
    ถ้าสนใจจริงๆ ก็เห็นจริงๆ อย่างนี้"

    ฟังจากหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยตรง ท่านบอกไว้ชัดทีเดียวครับ

    จากหลักฐานพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำในทุกปี ก่อนปีพ.ศ. 2498 ในปี พ.ศ. 2498 และหลังปี พ.ศ. 2498 ไม่ปรากฎว่าท่านสอนแบบอื่นๆ หลวงพ่อสอนวิชชาธรรมกายโดยเน้นย้ำว่าต้องเดินทางนี้ทางเดียว และแบบนี้แบบเดียวตลอดชีวิตของท่านครับ
    เรื่องนี้ควรฟังคนใกล้ชิด ไม่ใช่ฟังจากคนอื่น มีชีวิตอยู่หลายคนที่วัดปากน้ำ หลวงพ่อสดจะทิ้งท่านคงจะบอกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อาจารย์ตรีธา เนียมขำ ซึ่งเปรียบดังบุตร บุตรีของท่าน ยังมีพระราชพรหมเถรอีก ปัจจุบันเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ท่านยังมาควบคุมการปฏิบัติธรรมวิชชาธรรมกายอยู่ มีการสอนทุกวันที่วัดปากน้ำ



    *********************************************************


    สิ่งหนึ่งที่สำคัญและยืนยันได้ว่าท่านไม่ได้ล่ะทิ้งวิชาธรรมกาย ก็ตอนท่านใกล้ล่ะสังขาร ท่านก็ยังสั่งลูกศิษย์เผยแพร่วิชาธรรมกายต่อไป และหลังจากท่านได้พบท่านเจ้าคุณโชดก หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้กลับลำให้พระและลูกศิษย์ในวัดปากน้ำมาใช้ ยุบหนอ พองหนอ ในการฝึกเลย สิ่งนี้เป็นสิ่งยืนยันได้ดีมากๆ

    1. ข้อโต้แย้งกันคือ ท่านเจ้าคุณเดินทางมาสอนที่วัดปากน้ำในโบสน์ และหลายๆตำราบอกว่า หลวงพ่อเดินทางไปขอเรียนที่วัดมหาธาตุ

    2. หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เล่าให้ศิษย์บรรพชิตท่านฟังว่า ท่านปฏิบัติบรรลุญาณ ๑๖ มาเป็นสิบๆปีแล้ว ก่อนที่กรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะวิชชาธรรมกายก็มีการพิจารณาไตรลักษณ์ และพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณากายในกาย เวทนาใน้เวทนา จิตในจิต และพิจารณาธรรมในธรรม และท่านยังได้บอกศิษย์ว่า สามเณรที่ทางวัดมหาธาตุรับรองว่าบรรลุญาณ๑๖แล้ว(เข้าใจว่าเป็นรูปแรก) ที่บอกใครๆว่าสามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ทุกที่นั้น ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น จะไม่สามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ที่วัดปากน้ำ และเป็นจริงตามที่หลวงพ่อพูด ต่อมาสามเณรรูปนั้นสึกแล้วเป็นหัวขโมย [หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน มหาวีระ ถาวโร) , ......, เรื่องจริงอิงนิทานเล่ม๑, น.๑๖๙- ๑๗๒. ]

    3. “ให้สำนักวิปัสสนา ในการที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ” พระภาวนาโกศล วัดปากน้ำ ธนบุรี ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘

    นี่คือประโยคที่ หลวงพ่อท่านเขียนให้แก่สำนักวัดมหาธาตุ ขอถามว่ามีประโยคไหนว่า วิชาธรรมกายไม่ถูกต้อง ตามข้อความข้างบน

    4. จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อวิชชาธรรมกายนำไปบิดเบือน คือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว แต่อีกครึ่งไม่ยอมบอกใครๆว่า ที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองให้นั้นเป็นการเขียนรับรองตามคำขอ เพราะเจ้าประคุณพระพิมลธรรม(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้นใหญ่มาก มีอำนาจมาก เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่เสียชีวิตไปแล้วเล่าให้ฟัง

    5. อันนี้เด็ดกว่าลบคำกล่าวอ้าง .. หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่า “ต้นธาตุสั่งให้ท่านมาเกิดเพื่อปราบมาร” เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๙๘ (นางแฉล้ม อุศุภรัตน์, ๒๔๙๙, โอวาทเจ้าคุณพ่อ, ใน เรื่องธรรมกาย ของพระมงคลราชมุนี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ,หน้าธ–ป.) ซึ่งหลวงพ่อสดเทศน์ภายหลังจากที่ท่านเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วประมาณ ๕ เดือนครึ่ง นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าหลวงพ่อเชื่อมั่นในวิชชาธรรมกาย แม้แต่การเดินจงกรม ในเรื่องสติ ถ้าให้พูดถึงและดังมากๆ คนฝึกนิยมกัน ก็ต้องของคุณแม่สิริ ส่วนของหลวงพ่อจรัญ เดินจงกรม 6 ระยะ (คงไม่มีใคร ไปนั่งแบ่งแยก สายนี้ผิด สายนี้ถูก น่ะครับ) ที่พูดเพื่อต้องการบอกว่า ทุกอย่างก็มีการปรับเปลี่ยนไป ตามแล้วแต่จริตคน ชอบแนวทางสายไหนก็ฝึกสายนั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2013
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    คำเทศน์ของหลวงพ่อสดจวบจนก่อนมรณภาพ

    ก็เห็นท่านสอนวิชชาธรรมกายจนมรณภาพ ไม่เคยเห็นท่านเลิกสอนแต่อย่างใด

    ในเว็บศาสนาเว็บต่างๆ สมัยก่อนมีมาก แต่ตอนนี้มีเป็นระยะๆเบาบางลง คงเพราะมีคนทราบความจริงมากขึ้น

    แต่ก็ยังมีคนพยายามตั้งกระทู้เรื่องหลวงพ่อสดเลิกสอนธรรมกายมาหลายที แล้วก็มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อสดไม่ว่าจะเป็นสายไหนๆ ออกมายืนยัน นอนยัน นั่งยัน กันตลอด พร้อมทั้งหยิบยกหลักฐานกันมาแสดงหักล้างกันตลอดว่าหลวงพ่อสดยังคงสอนวิชชาธรรมกายจนมรณภาพ

    แต่กระทู้แบบนี้ก็ยังมีอยู่เป็นระยะๆ อ้างเรื่องที่ท่านไปสอบอารมณ์กับท่านเจ้าคุณโชดกกันอยู่เนืองๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกัน น่าจะลองเซิสหากระทู้เก่าๆ อ่านกัน หรือ ศึกษาประวัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำให้ละเอียดชัดเจนกัน หรือไม่ก็ศึกษาเหตุการณ์ที่หลวงพ่อสดไปสอบอารมณ์กับท่านเจ้าคุณโชดกจากต้นแหล่งข้อมูล (primary data) ที่ไม่ใช่บทความของท่านอื่นที่เขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ ซึ่งถือเป็น secondary data (ปกติ secondary data จะมี error เกิดขึ้นเสมอ) ก่อนจะโพสควรใช้โยนิโสมนสิการมากๆก็ดีนะครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นการปรามาสพระสุปฏิปันโน มันบาปกรรมที่แก้ยาก เพราะท่านมรณภาพไปแล้ว จะไปกราบขอขมาเพื่อให้ได้รับคำกล่าวอโหสิกรรมที่ไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2013
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    นักปฏิบัติผู้ไม่ได้บริกรรมนิมิต
    อย่าพยายามที่จะวิพากษ์วิจารณ์นิมิต
    เพราะยิ่งพูดไป มันก็ยิ่งเข้ารกเข้าพง
    มันเหมือนนักอักษรศาสตร์ กำลังวิจารณ์แคลคูลัส


    เราควรจะคุยเรื่องที่เราปฏิบัติและรู้ดี จะดีกว่า

    เพราะ ถ้าพลาดวิจารณ์ และหลงเข้าไปถ่ายทอดสิ่งเท็จที่กล่าวถึงพระปฏิบัติดีในทาง
    ไม่ควร บาปกรรม และ ห่วงโซ่กรรม ที่ถูกถ่ายทอดต่อๆไป จะรับไหวหรือ
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    เรื่องการเมืองในวงการปกครองสงฆ์ก็เป็นเรื่องปกติ

    เพราะยังอยู่ในโลก ยังต้องอาศัยสมมุติ

    ให้สืบดูดีๆ ยุคนั้น ใคร สายไหน ปกครองคณะสงฆ์

    และ ได้ไปเล่าเรียนกรรมฐานสายพองยุบจากทางพม่ามา

    เมือ่ได้เล่าเรียนมา และมีตำแหน่ง ก็เป็นธรรมดาที่หวังดี ที่จะเชิญพระ บุคคลสำคัญ
    วัดต่างๆ มาร่วมเข้าการฝึกสอน

    แล้วมีการบันทึกภาพ บันทึกเสียง ( บางตอน )

    แล้ว มีการกล่าวถึงในภายหลัง

    แต่ การจะกล่าวถึงในภายหลัง จะกล่าวโดยเนื้อแท้ที่เกิดในตอนนั้นได้กี่เปอร์เซนต์

    เพราะ หลายท่านก็เกิดไม่ทัน


    ถึงเกิดทัน ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง..........


    ก็อาจมีการตีความเข้าข้างความคิดตนเอง

    เอนไปทางคติ ชอบ ของตน


    ผู้เป็นบัณฑิต ใจกว้าง ย่อมเปิดรับฟังความจริงทุกด้าน


    สมควรที่จะได้รับฟังความจริงจากคนใกล้ชิดและหลักฐานของทางวัดปากน้ำและศิษย์ใกล้ชิดด้วย
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    [​IMG]






    สำหรับข้อความที่ว่า

    "ให้สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุไว้เป็นที่ระลึก ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา ตามแบบที่วัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฎฐานสูตรทุกประการ"
    ลงชื่อโดยพระภาวนาโกศลเถร วัดปากน้ำ ธนบุรี




    อ่านให้ละเอียดๆ ดีๆ





    ในประโยคดังกล่าว สามารถมองได้ว่า หลวงพ่อสดได้รับการนิมนต์ให้ไปศึกษาและตรวจสอบว่าการทำสมาธิที่วัดมหาธาตุเทศน์สอนอยู่นั้น ถูกต้องร่องรอยตามมหาสติปัฏฐานสูตรหรือไม่ ผลก็คือ"ถูกต้อง" ท่านก็เลยเขียนข้อความดังกล่าวยืนยันไว้ให้ ผมยังไม่เห็นคำไหนบ่งบอกเลยว่า วิชชาธรรมกายของท่านผิด ท่านเลิกวิชชาธรรมกาย ผมกลับมองว่า ท่านเหมือนอาจารย์ตรวจข้อสอบมากกว่านะครับ ถ้ามองจากประโยคของหลวงพ่อสดด้งกล่าวข้างต้นที่คุณคมสันต์ยกมา

    ***********************************************



    หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านไม่ได้ทิ้งหรอกครับ วิชชาธรรมกาย
    แต่ที่ีไปเรียนกับท่านโชดก เข้าใจว่า เป็นความปรารถนาดีของพระพิมลธรรม (อาจ)
    ตอนนั้นท่านก็เป็นสังฆมนตรีด้วย ตำแหน่งใหญ่ไม่ใช่เล่น
    หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นพระผู้น้อย ท่านก็ต้องยอมตาม
    จริง ๆ ท่านไม่ได้สนใจ ท่านมั่นใจในวิชชาของท่าน
    แต่เพราะเป็นเรื่องของ "เกมการเมือง" ในคณะสงฆ์ มากกว่าอย่างอื่น

    แล้วที่สำนักยุบพองได้รับการยอมรับ
    ส่วนหนึ่งก็เพราะรูปถ่ายรูปนั้นและข้อความใต้รูป
    สำนักยุบพองจึงมีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้

    เพราะก่อนสายยุบพองจะมา ก็มีอยู่แล้ว 2 สำนักใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียง
    หนึ่งคือสำนักพุทโธ ของท่านพ่อลี และสองคือสำนักสัมมาอรหัง ที่วัดปากน้ำ
    ต้องถือว่าเป็นความอนุเคราะห์ของหลวงพ่อสดท่านมากกว่า
    จึงมีสำนักยุบพองขึ้นมาผงาดเป็นสำนักที่สามได้
    ข้อเท็จจริง ก็คือหลวงพ่อวัดปากน้ำให้การยอมรับสำนักยุบพอง มีแค่นั้น
    แต่ที่เหลือไม่ทราบว่าใครเสริมเติมแต่งขึ้นมา เพราะคนที่เสริมเติมแต่งขึ้นมา
    คงตั้งใจจะกดสำนักอื่น และชูสำนักตัวเองขึ้นมา
    ซึ่งไม่ใช่วิถีของนักปฏิบัติ แต่(ขอบอกตามตรง)เป็นวิถีของคนอยากดัง
    ผมไม่เคยเห็นนักปฏิบัติตัวจริงที่ไหน ที่บอกว่าของคนอื่นสอนไม่ดี
    ต้องของฉันเท่านั้น ดีที่สุด ประเสริฐที่สุด

    แต่ทางวัดปากน้ำเอง ทราบว่าไม่มีนโยบายตอบโต้ในประเด็นนี้ครับ
    ถึงว่าทางนั้นจะโหมกระพือข่าว fake นี้มาก็ตาม
    ทางวัดปากน้ำ คงรู้ความจริงนี้ดี แต่ถ้าจะเปิดเผยก็เปลืองตัวเปล่าละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2013
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ตามที่คุณคมสันต์ ยกเอาฐานะและคุณสมบัติของอาจารย์เสถียรพงษ์ วรรณปก และ เจ้าคุณโชดก มาให้ทราบ


    ผมได้เห็นและพิจารณา มาตั้งแต่สมัยที่ยังจัดกิจกรรม เชิญอาจารย์เสถียรพงษ์ มาให้ความรู้ทางพุทธศานา ที่มหาวิทยาลัย ฯ รวมทั้งพระสายพองยุบด้วย และท่านก็น่าชื่นชมที่มีความรู้ทางหลักปริยัติเป็นที่ยอมรับขนาดนั้น


    ...ที่สำคัญต้องพิจารณาคือ ท่านได้รับการรองจากครูอาจารย์พระอริยะเจ้าที่คนยอมรับไหมว่า ท่านได้มรรค ได้ผลลำดับใด

    การจะสอบอารมณ์วิปัสสนา จะสอบตามอาการที่ท่องจำมาว่า มีอาการแบบนี้ๆ ได้ญาณขั้นๆนี้ หรือ ว่า ต้องได้มรรคได้ผล สูงกว่าญาณขั้นนั้น และทราบด้วยเจโตปริยญาณถึงวาระจิตที่ทรงอยู่ว่า อยู่ในขั้นตอนปฏิบัติจิตตอนใด แล้วต้องแก้ ต้องต่อเพื่อเข้าสู่วิปัสสนาญาณที่สุงขึ้นอย่างไร
     
  11. ช่อทิพย์123

    ช่อทิพย์123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +120
    คุณดาบหักได้ญาณขั้นใดแล้วหรือว่าคำกล่าวนี้ก็จำเขามาเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะมาวิจารณ์อันใด คุณช่างเป็นคนอคติมองคนอื่นในแง่ร้ายและเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่าลืมมองตนเองด้วยล่ะ
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    อ้างอิง



    [​IMG]



    **********************************************



    ประโยคไหนของผม เป็นการบ่งชี้ว่า ผมมองคนในแง่ร้ายหรือครับ?


    และขอบคุณ ที่ย้ำเตือนให้ผมมองตนเอง

    แม้ผมจะมีกิเลสหนา ปัญญาน้อยอยู่ ก็พยายามมองตนเอง แม้จะหลุดบ้างทำได้บ้าง
    ยังดีและโชคดี ที่มีคนดีๆหลายคนและคนดีอย่างคุณช่อทิพย์123ช่วยเตือนสติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2013
  13. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ตามนี้เลย...

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=MZrO2qnFlAM]ครูเมืองดอกบัวยื่นหนังสือขอคัดค้านการไม่เข้าร่วมอบรมจริยธรรมกับธรรมกาย - YouTube[/ame]
     
  14. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    จะยุบหนอพองหนอ พุทโธ สัมมาอะระหัง หรือสายปฏิบัติธรรมต่างฯ
    ล้วนแด่ดีทั้งนั้นครับ  อันไหนที่เราได้ปฏิบัติแล้วกิเลสของเรามันเบาบางลงก็ใช้ได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      52
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      55
    • PICT0979.JPG
      PICT0979.JPG
      ขนาดไฟล์:
      861.8 KB
      เปิดดู:
      45
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970

    สาธุครับ................................................................


    ตอนเรี่ยนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่2 หลวงปู่สดท่านพาพระป่ามาให้คนๆหนึ่งรู้จัก

    หลังจากนั้นไม่นาน ที่บ้านคหบดีท่านหนึ่ง ได้ทราบข่าวว่า มีการเชิญครูบาอาจารย์สายพระป่ามาบ่อยๆ โดยเฉพาะสายหลวงปู่มั่น จึงได้มีโอกาสไปพบ
    พระป่ารูปนั้น ที่หลวงปู่สดเคยพามาให้รู้จักในอีกมิติ

    ในความเป็นพุทธบุตร คือ ผู้ถึงกระแส ย่อมไม่มีนิกาย สาย ก๊ก เหล่า ตามที่ทางโลกสมมุติ



    แหม...แต่ละองค์ ถามไปไม่กี่คำ ท่านเทศน์เสียยาว คนอื่นฟังคงคิดว่าท่านด่า ( แต่ก็คงด่า คนกิเลสเยอะนั่นแหละ )

    คนอื่นก็งงอยู่ ทั้งที่ไม่ได้นั่งตรงหน้าท่าน ท่านหันมามองแล้วเทศน์ประสาพระป่า ที่ตรงต่อการทุบกิเลส

    คนๆนั้น ก็รีบคลานในระยะ 10 เมตรเข้าไปทันทีที่ทราบว่า โดนท่านเมตตาฟาดกระบาลกิเลสอีกแล้ว

    พอท่านเทศน์อย่างรุนแรง(ต่อกิเลส) ด้วยความเมตตา จบลง ก็กราบอย่างสนิทใจ



    ดีใจเป็นล้นพ้น ที่ยังมีสงฆ์สาวกพระบรมศาสดา ปรากฏอยู่ให้เห็นในโลกอีกมากมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กันยายน 2013
  16. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ตามที่คุณคมสันต์ ยกเอาฐานะและคุณสมบัติของอาจารย์เสถียรพงษ์ วรรณปก และ เจ้าคุณโชดก มาให้ทราบ
    ผมได้เห็นและพิจารณา มาตั้งแต่สมัยที่ยังจัดกิจกรรม เชิญอาจารย์เสถียรพงษ์ มาให้ความรู้ทางพุทธศานา ที่มหาวิทยาลัย ฯ รวมทั้งพระสายพองยุบด้วย และท่านก็น่าชื่นชมที่มีความรู้ทางหลักปริยัติเป็นที่ยอมรับขนาดนั้น


    ก็สาเหตุนี้ท่านได้บอกเรื่องธรรมกายไว้ชัดเจน และตรง ฯ โดยไม่อ้อมค้อม
    ของอาจารย์เสถียรพงษ์ วรรณปก ฉายอีกรอบครับจะได้เข้าใจ

    - ธรรมกายไม่ใช่พุทธ ---

    ฝรั่งมาสัมภาษณ์ผม ผมบอกเลยว่าไม่ใช่พุทธศาสนา
    ในความหมายที่แท้จริงคือ
    โดยรูปแบบเขาเป็นพระในพุทธศาสนาและเป็นเถรวาทด้วย
    แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่พุทธ
    เพราะว่าเขาไม่แสดงคำสอนของพุทธศาสนา
    เพียงแต่ไปหยิบเอาคำสอนของพุทธศาสนาบางจุด
    เพื่อสร้าง ค ว า ม ร่ำ ร ว ย ค ว า ม ยิ่ ง ใ ห ญ่ ใ ห้ แ ก่ ตั ว

    ถ้าเราถอยหลังมาพิจารณาสักนิด..เราจะเห็นว่า
    การสอนแม้แต่หลักบุญหลักทาน
    ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานที่สังคมไทยสอนกันมาตามหลักพุทธศาสนานี่
    ก็สอน “ให้เพื่อการสงเคราะห์ ให้เพื่อช่วยเหลือสังคม”
    ใครมีก็ช่วยเหลือเจือจานคนอื่นตามกำลังความสามารถ

    ไม่เคยมีคำสอนใดในสังคมไทยหรือในพุทธศาสนาที่สอนว่า
    “มึงมีเท่าไรมึงทุ่มให้หมด” ไอ้มีเท่าไรทุ่มให้หมดนี่นะฮะ
    ถึงกับสร้าง slogan ว่า “ขายบ้านขายรถ ทุ่มสุดฤทธิ์ ปิดเจดีย์”
    ไม่มีก็ให้ไปขอยืมเขามา ให้ทำมากๆ ท่านก็จะได้มากๆ

    หมายถึงว่าได้สิ่งตอบแทนกลับมา เช่นให้ไป ๑,๐๐๐ บาท
    คุณจะได้รับตอบแทนกลับมา ๓,๐๐๐ บาท ๓ เท่าตัว…
    ไม่มีใครสอนอย่างนี้

    ว่ากันจริงๆ นะ ถ้าถอยหลังมานั่งคิดสักนิด
    โอ้โห! นี่มันเป็นลัทธิขูดรีด
    “มึงจะชิบหายช่างมึง แต่ว่าต้องเอาเงินมาให้กูให้ได้ ให้กูได้ร่ำได้รวย”
    เอาเงินมาแล้วเอาไปทำอะไร
    สังคมก็เห็นอยู่แล้วว่าเงินทองเอาไปทำอีลุ่ยฉุยแฉก
    จ่ายให้สีกาคนละ ๑๐๐ ล้าน ๒๐๐ ล้าน
    เอาไปทำธุรกิจ ก็เห็นๆ กันอยู่
    ทำไมคนถึงมองไม่เห็น ก็เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของผ้าเหลือง
    นี่ถ้าสมมติว่าเป็นคุณ นุ่งกางเกง
    ถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณก็โดนถีบ โดนกระทืบตายแล้วใช่ไหม
    อันนี้เห็นได้ชัดๆ ไม่ใช่พุทธศาสนา
    คือเราเกรงใจ พูดกันแบบเกรงใจ ผมไม่เกรงใจหรอกแบบนี้...

    พวกนี้สำคัญผิดหรือเจตนาฉ้อฉล
    (เครดิต อาจารย์# เสฐียรพงษ์ วรรณปก )

    _+-/เจ้าของกระทู้ต้องขออภัยในคำบางคำในบทความโพสต์นี้ท่านอาจจะพูดตรงเกินไปและใช้ภาษาชาวบ้าน ท่านอาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ปธ. ๙
    ราชบัณฑิตไทย (เป็นข้อความที่ไม่ได้ตัดต่อแก้ไขทั้งสิ้น เพื่อคงไว้ซึ่งข้อมูลเดิมและเป็นข้อความที่เปิดเผย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      62
    • DSC05583.JPG
      DSC05583.JPG
      ขนาดไฟล์:
      496.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      44
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  17. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    การเผยแพร่พระพุทธศาสนาและการสืบทอดในพระพุทธศาสนานั้น
    เป็นหน้าที่โดยตรง เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาในพระพุทธศาสนาท่านใด้มอบมรดกอันล้ำค่าคือพระธรรมคำสั่งสอนไว้ให้ และได้ฝากไว้กับพุทธบริษัท ๔
    คือ พระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
    สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้องหรือที่ผิดไปจากหลักธรรมหรือออกนอกลู่นอกทางก็ต้องช่วยกันติเตือนโดยธรรม และหาทาง เพื่อเตือนสติ ตามความรู้และสติปัญญาและภูมิธรรมของแต่ละท่าน
    เรียกว่าช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนา แม้นจะมีบางท่านอาจจะไม่ถูกใจบ้าง
    แต่คงจะไม่มีใครที่จะปฏิเสธหรือค้านในพระธรรมสิ่งที่พระองค์ศาสดาทรงสอนมาอย่างแน่นอนครับ


    ประชาชนจะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของบ้านเมือง
    มาตรา 38 บุคคลย่อมมีเสรีภาพสมบรูณ์ ในการนับถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติ ตามศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
    การใช้เสรีภาพดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง มิให้รัฐกระทำการ ใดๆ อันเป็นการรอนสิทธิ หรือเสียประโยชน์อันควรมี ควรได้ เพราะเหตุที่นับถือศาสนา นิกายของศาสนา ลัทธินิยมในศาสนา หรือปฏิบัติตามศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อ แตกต่างจากบุคคลอื่น

    โชคดียังมีครูที่สอน วิชาพุทธศาสนา และศีลธรรมได้มองเห็นความสำคัญ ในการที่ ธรรมกาย บิดเบือนคำสอน ของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดา ออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องและปกป้องพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง เพราะครูรวมกัน ๔๐  กว่าท่านไม่ได้เป็นชาวพุทธเพียงแค่ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      55
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      48
    • DSC04037.JPG
      DSC04037.JPG
      ขนาดไฟล์:
      579.2 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      55
    • PICT0540.JPG
      PICT0540.JPG
      ขนาดไฟล์:
      912.5 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    เช่นกันครับ คุณคมสันต์

    ผมก็ยังยืนยัน ว่าวิชชาธรรมกายไม่ได้บิดเบือนคำสอน มีหลักฐาน พยาน ทั้งด้าน
    ปริยัติ ปฏิบัติ เอกสารวิชาการ เอกสารอ้างอิงถึงพระไตรปิฏก ตามทีึ่คณะศิษย์วัดปากน้ำภาษีเจริญ และวัดหลวงพ่อสด ฯราชบุรี หรือ สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย
    ได้ชี้แจงไว้

    วิชชาธรรมกาย ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย

    วิชชาธรรมกาย ไม่ได้กำเนิดที่วัดพระธรรมกาย




    ----------ตอนแรก ที่พยายามคุย เพื่อขอให้แยกแยะ เปลี่ยนชื่อกระทู้บางส่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับพระผู้ปฏิบัติดีในสายวิชชาธรรมกาย ที่ไม่เห็นด้วยกับวัดพระธรรมกายแต่คุณคมสันต์ ก็แสดงให้ผมเห็นกระจ่างมากขึ้น โดยโพสคลิบของพระโชดก และยังใช้คำเหมารวมว่าธรรมกาย ไม่ใช่พุทธ


    ------------ก็ทำให้ผมอนุมานเอาเอง ตามรูปการ์ตั้งแต่เริ่มโพสชี้แจงขอ่ร้อง (ถ้าไม่จริงแย้งได้ครับ เดี๋ยวมีคนหาว่าผมมองแต่แง่ร้าย ) ว่า คุณคมสันต์คงเหมารวมเอาทั้งสายวิชชาหรือเปล่า


    ผมพยายามให้ข้อมูลแล้ว ว่า ศิษย์สายตรงอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือ เห็นดีเห็นงามกับกิจกรรม หรือ การวางแผนอะไรของทางสายปทุมธานี เพื่อป้องกันการกระทำมโนกรรม
    วจีกรรม และ กายกรรมต่อกัน


    มีการยกเอาแค่นักวิชาการ และพระบางองค์ที่ไม่เห็นด้วยกับวิชชาธรรมกายมาสร้างความน่าเชื่อถือ
    แต่ ก็มีพระผู้ปฏิบัติดีไม่น้อย แม้ไม่ได้เรียนปริยัติจนจบเปรียญเก้า ก็ไม่มีการค้นคว้าหรือนำมาเปรียบ ให้ความยุติโดยธรรม

    แม้แต่คำพูดที่ผมโพสไว้ ก็นำมาเพียงบางส่วน ที่จะสนับสนุนเหตุผลของคุณ คุณทำไมไม่ยกมาทั้งหมดที่เชื่อมโยงกัน แล้วได้ใจความอีกอย่างหนึ่ง



    ถ้าให้เลือกที่จะเชื่อ คนจำนวนมาก อาจเลือกเชื่อหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง หลวงปู่ดู่
    หลวงปู่ปาน ฯลฯ มากว่า พระเปรียญเก้าบางองค์ หรือนักวิชาการบางคนที่อาจเป็นเพียงนักปริยัติก็ได้


    **********************************





    [​IMG]



    แรงบันดาลใจเกี่ยวกับการพิทักษ์รักษาวิชชาธรรมกายที่บริสุทธิ์



    ในข้อนี้มีความสำคัญอยู่ถึง 2 ประการด้วยกัน

    1. ประการแรก:ก็คือว่า หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร(ปัจจุบัน พระราชพรหมเถระ) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของอาตมภาพนี้ ท่านได้เป็นศิษย์ผู้หนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดวิชชาธรรมกาย ทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และวิชชาธรรมกายชั้นสูง จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) มาเองโดยตรง ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถรยังเป็นฆราวาส แล้วภายหลังต่อมา ก็ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นองค์อุปัชฌาย์ และก็ได้รับการฝึกทำวิชชาธรรมกายชั้นสูงกับหลวงพ่อมาอย่างใกล้ชิดโดยตลอด จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มรณภาพลง แล้วภายหลังจากนั้น ก็ได้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชชาธรรมกายนี้แก่ศิษยานุศิษย์ สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ นับว่าหลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร เป็นศูนย์รวมหรือคลังแห่งวิชชาธรรมกาย ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยตรง และยังเป็นที่รวมวิชชาธรรมกายชั้นสูง ที่ศิษย์ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่เป็นพระเถระรุ่นพี่ ได้จดทำบันทึกไว้ ก็ยังได้มารวมตกแก่หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร องค์ปัจจุบันนี้อีกด้วย

    จึงเห็นว่าวิชชาธรรมกายทุกระดับทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และวิชชาธรรมกายชั้นสูง ควรจะต้องมีการรวบรวมขึ้น เป็นหลักฐานอ้างอิงที่สำคัญต่อไป เพื่อประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลัง จะได้ศึกษาและปฏิบัติต่อไปอย่างถูกทางและสมบูรณ์ ตามที่พระเดช พระคุณหลวงพ่อได้ถ่ายทอดไว้

    2.ในประการที่สอง: หากจะพิจารณาในเหตุผลและจากประสบการณ์ที่อาตมาเคยได้รับได้รู้เห็นมากพอสมควรแล้ว ก็จะพบว่า อาจจะมีผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชชาธรรมกายในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ที่มีภูมิรู้ไม่เท่ากัน และทั้งอาจได้ยินได้ฟังมาไม่เท่ากัน ก็ย่อมจะได้รับวิชชาความรู้ไปได้ไม่เท่ากัน และอาจจะมีบางท่านที่สำคัญผิดและรับรู้ไปผิดเพี้ยนบ้างก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายที่มีพื้นความรู้ทางปริยัติมาน้อย ก็อาจจะมีความสำคัญในธรรมะที่ได้ยินได้ฟังมาผิดๆ และก็อาจถ่ายทอดสืบต่อๆ กันไปผิดๆ ได้ นอกจากนี้ยังอาจจะมีผู้ที่ค้นคว้าวิชชาไปเอง โดยที่ยังมิได้ผ่านการกลั่นกรองและอนุมัติจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อเสียก่อน แล้วนำออกใช้และเผยแพร่สืบทอดต่อๆ กัน ไปอย่างผิดๆ เพี้ยนๆ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปบ้าง ซึ่งก็อาจจะมีได้เป็นได้ ตราบใดที่อวิชชายังไม่หมดสิ้นโดยเด็ดขาดเป็นสมุจเฉทปหาน ก็ยังอาจจะถูกอภิสังขารมาร ได้แก่ ลาภสักการะและฐานะอันสูงส่ง หรือแม้โลกิยวิชชานั้นเองหลอกลวงได้โดยง่าย ผู้ที่มีสมาธิดีที่มิใช่พระอริยะ ซึ่งสามารถเจริญโลกิยวิชชาที่อาจจะใช้ได้ผลดีในบางครั้งบางคราว ก็ยังอาจจะหลง เพราะถูกมารเขาหลอกให้เห็นผิดเป็นชอบได้ อย่างเช่นพระเทวทัต ซึ่งเคยมีโลกิยวิชชา ถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ในสมัยพุทธกาลนั้น เมื่อกิเลสคือ โลภะ โทสะ และโมหะเข้าครอบงำ ก็ถึงกับทำสังฆเภท ยุยงพระสงฆ์ให้แตกแยกกัน และกระทำโลหิตุปบาทแก่พระพุทธเจ้า เป็นอนันตริยกรรมได้ จึงต้องไปเสวยวิบากกรรมในอเวจีมหานรก นั่นแหละ เพราะอย่างนี้ผู้ที่มิใช่อริยบุคคลแต่เจริญโลกิยวิชชาได้ หากหลงในอภิสังขารมารหรือโลกิยวิชชาเมื่อใด ก็อาจจะถูกมารเขาหลอกให้เห็นผิด จึงรู้ผิดคิดผิด พูดผิดทำผิดและแนะนำผู้อื่นผิดๆ ต่อไปเป็นโทษทุกข์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นได้มาก

    หลักการศึกษาและปฏิบัติธรรมของอาตมาและศิษยานุศิษย์ ในสำนักนี้ จึงต้องอิงหลักปริยัติตำรับตำรา และครูอาจารย์ที่เชื่อถือได้ และที่เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ จนกว่าจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานแล้ว นั่นแหละจึงจะวางใจได้ ความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมวิชชาธรรมกายทุกระดับ ออกมาเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญที่เชื่อถือได้ เพื่อไว้อ้างอิงเป็นตำรับตำราแก่อนุชนรุ่นหลัง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คณะผู้บริหาร โครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชน วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และ โครงการพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ได้จัดตั้งสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกายแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้เป็นองค์กร หรือ แหล่งที่รวบรวมสรรพตำราตามแนววิชชาธรรมกาย ที่ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทำได้ โดยคณะบุคคลผู้ซึ่งได้รับถ่ายทอดวิชชาธรรมกาย จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยตรงที่เชื่อถือได้ และศิษยานุศิษย์ผู้มีทั้งในหลักธรรมปฏิบัติและในหลักปริยัติสัทธรรมมาดีพอสมควร เพื่อพิทักษ์รักษาวิชชาธรรมกายอันบริสุทธิ์นี้ไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลัง ได้รู้จักวิชชาธรรมกายที่ถูกต้องตรงตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้ถ่ายทอดเอาไว้ และก็เหตุนี้แหละที่องค์กรนี้ได้ชื่อว่า “สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย”(วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม)




    พระเทพญาณมงคล(หลวงป๋า)




    ********************************************************



    [​IMG]






    พบใครได้ดวงหรือแช่อิ่มองค์พระ(มองเฉยๆ โดยไม่เจริญวิชชาสะสางธาตุธรรม)

    ช่วยกันแนะนำให้ต่อวิชชานะครับ


    เพระการเห็นองค์พระ เป็นเพียงแค่ " ฌาณ " เท่านั้นเอง
    ( และ ยังสามารถทำอกุศลกรรมได้ ถ้าไม่อาศัย
    ญาณพระธรรมกายเพื่อสะสางกิเลส ตัณหา และดับอวิชชา ตัดสังโยชน์ )

    " ธรรมกายของแท้ 1 คน ช่วยคนได้ครึ่งเมือง "







    [​IMG]




    ทุก1-14 พฤษภาคม กลางปี

    และ 1-14 ธันวาคม



    อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้)

    ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี

    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ




    หรือใครที่ได้ดวงธรรมเบื้องต้นแล้ว......ขอเชิญ



    [​IMG]




    หมายเลขโทรศัพท์ ที่วัดหลวงพ่อสดฯ รับรอง สำหรับการใช้ติดต่อ


    090-595-5162 ปชส.1
    090-595-5164 ปชส.2
    081-586-8685 ปชส.1 (พระมหาสมชาติ สุชาโต)
    090-595-5166 ปชส.1 (พระมหาพร้อมไพบูลย์)
    090-595-9562, 083-032-8907 ปชส.1 (พระมหาอธิโชค)
    086-660-4140 พระมหาธีรชัย ธีรชโย
    086-604-3665 พระมหาอนุชา จนฺทปภาโส



    ***************************************************



    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นคนละสำนักปฏิบัติธรรม - คนละคณะบริหาร - คนละนโยบายวัตถุประสงค์ - คนละกิจกรรม กับ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
    ไม่ใช่สาขาของวัดพระธรรมกาย







    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นสายเดียวกับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หรือไม่ ?
    ตอบ หลวงพ่อ พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นศิษย์ของพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสและอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    พระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) นั้นท่านเป็นศิษย์โดยตรง และสืบทอดวิชชาธรรมกายทั้งหมด จากพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)*

    ส่วนเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วรปุญฺญมหาเถร ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน ก็เป็น พระอนุสาวนาจารย์ ของหลวงพ่อ พระเทพญาณมงคล และท่านยังเป็นรองประธานสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย แห่งนี้ด้วย

    ดูเพิ่มเติมที่ ประวัติสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย และ ประวัติวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม











    **********************************************************

    คำถามที่ถามบ่อย (FAQ)

    คำถามทั่วไป
    1. วัดนี้ (วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม) เป็นวัดเดียวกันกับ วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หรือไม่ ?
    2. วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นสาขาของวัดพระธรรมกาย หรือไม่ ?
    3. วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นสายเดียวกับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หรือไม่ ?
    4. เนื่องจาก มีท่านผู้สอนวิชชาธรรมกายหลายท่าน เช่น ที่ราชบุรี มีสำนักสวนแก้วที่แม่ชีหวานใจเป็นผู้สอน, ที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี, อ.การุณย์ บุญมานุช จ.จันทบุรี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ. ดังนั้นหากต้องการฝึกฝน จะพิจารณาอย่างไรว่าควรฝึกในที่ใด ?
    การเข้ารับการอบรม/ปฏิบัติธรรม
    1. ในวันอุโบสถ ฆราวาสสามารถไปอยู่ปฏิบัติธรรมและพักที่วัดได้หรือไม่ ?
    2. ถ้าประสงค์จะไปพักและปฏิบัติธรรมที่วัดในช่วงระยะ ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน จะได้หรือไม่ ? และจะต้องขออนุญาตอย่างไร ? ขอทราบรายละเอียดด้วย
    3. การอบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี และปลายปี ฆราวาสจะมาเข้ารับการอบรมด้วยได้หรือไม่ ? ในรูปเห็นมีแต่พระภิกษุเต็มไปหมด ?
    4. ในการอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปี ฆราวาสจะมาเข้าอบรมในช่วงสั้นๆ เช่น ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน จะได้หรือไม่ ?
    5. มาอบรมที่วัดหลวงพ่อสดฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่ ?
    6. การมาเข้ารับการอบรม ต้องเตรียมอะไรมาบ้าง ?
    การบรรพชาอุปสมบท
    1. การติดต่อเพื่อขอบวชที่วัดนี้ ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
    การติดต่อกับวัด
    1. ถ้าจะส่งเงินมาที่วัด จะทำอย่างไร ?
    2. เดินทางมาที่วัดได้อย่างไร ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กันยายน 2013
  19. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เยี่ยมครับ
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นคนละสำนักปฏิบัติธรรม - คนละคณะบริหาร - คนละนโยบายวัตถุประสงค์ - คนละกิจกรรม กับ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
    ไม่ใช่สาขาของวัดพระธรรมกาย
    ในกระทู้ก็มีได้กล่าวถึง(วิชชาธรรมกาย กับวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามแต่อย่างไดครับ) 
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      69
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  20. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เรียนคุณดาบหัก
    ข้อที่ว่า ผมก็ยังยืนยัน ว่าวิชชาธรรมกายไม่ได้บิดเบือนคำสอน
    (แต่พระวัดธรรมกาย ปทุมธานี บิดเบือนคำสอนอย่างชัดเจนกลับไปอ่านดูใหม่ครับ)
    วิชชาธรรมกาย ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย
    (อย่าลืมบอกที่ พระวัดธรรมกาย ปทุมธานี ด้วยครับ)
    --------ตอนแรก ที่พยายามคุย เพื่อขอให้แยกแยะ เปลี่ยนชื่อกระทู้บางส่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับพระผู้ปฏิบัติดีในสายวิชชาธรรมกาย ที่ไม่เห็นด้วยกับวัดพระธรรมกาย  (แล้วคุณดาบหักไปขอให้วัดพระธรรมกาย ปทุมธานีเปลี่ยนชื่อ วัดด้วยไหมครับ คนจะได้ไม่สับสน และจะได้ไม่มีใครมาเหมารวมเอาได้ จะได้ไม่มีสองมาตราฐาน )
    และขอถามว่า (พระรูปหล่อหลวงพ่อสดที่วัดพระธรรมกาย ปทุมธานี)
    แตกต่างกันกับพระรูปหล่อ หลวงพ่อสด ที่ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อย่างไรครับ 

    และที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม มีป้ายเขียนบอกไว้ไหมครับ  ว่า

    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นคนละสำนักปฏิบัติธรรม - คนละคณะบริหาร - คนละนโยบายวัตถุประสงค์ - คนละกิจกรรม กับ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
    ไม่ใช่สาขาของวัดพระธรรมกายครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      68
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      61
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...