ตามรอยพระศาสดานั้นรู้ทันธรรมกาย (ตาสว่าง)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คมสันต์usa, 23 กรกฎาคม 2013.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เครดิต
    จำนวนคนอ่านล่าสุด 1603 คน
    วันที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 20:30 น. ข่าวสดออนไลน์


    เปิดวิทยานิพนธ์ ว.วชิรเมธี ชี้ วัดพระธรรมกาย เป็นอันตรายต่อศาสนา
    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก กรณี ธรรมกาย


    เปิดวิทยานิพนธ์ ว.วชิรเมธี ชี้ วัดพระธรรมกาย เป็นอันตรายต่อศาสนา

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก กรณี ธรรมกาย

    ชาวเน็ตแชร์วิทยานิพนธ์ ว.วชิรเมธี ที่เคยศึกษาไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ชี้ วัดพระธรรมกายประพฤติวิปริต ปลอมปนคำสอนลัทธิตัวเองลงในพระไตรปิฎก มุ่งเน้นแต่เรื่องนิพพาน ใช้เรื่องบุญเป็นสินค้า เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและสังคมไทย


    ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา มีข่าวคณะครูในจังหวัดอุบลราชธานีออกมายื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการเขตพื้นที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 เพื่อขอปฏิเสธไม่เข้ารับการอบรมจริยธรรมกับศูนย์ปฏิบัติธรรมกาย ตามที่มีรายชื่อที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) จัดให้ ขณะที่ก่อนหน้านั้น ก็มีครูหลายคนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกมาร้องเรียนกับมูลนิธิแห่งหนึ่งว่าถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม โครงการโรงเรียนในฝัน กับเครือข่ายศูนย์ปฏิบัติธรรมกายเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว

    ข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายที่ออกมาบ่อยครั้งในลักษณะนี้ ก็ทำให้เฟซบุ๊ก กรณี ธรรมกายหยิบยกวิทยานิพนธ์เรื่อง "บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) : ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย" ที่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (บุญถึง) หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี เคยจัดทำไว้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2546 ขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง และข้อความดังกล่าวกำลังถูกแชร์ต่อกันไปทั่วโลกไซเบอร์

    โดย ท่าน ว.วชิรเมธี ได้วิเคราะห์สาระสำคัญที่ศึกษาพบจากกรณีวัดพระธรรมกายไว้ทั้งสิ้น 7 ข้อ สรุปสั้น ๆ ได้ว่า วัดพระธรรมกายทำให้พระธรรมวินัยวิปริต และประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย อีกทั้งยังพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎก นำคำสอนของลัทธิตัวเองมาปลอมปนในพระไตรปิฎก พร้อมกับยกเรื่องการทำบุญมาเป็นสินค้า

    นอกจากนี้ วัดพระธรรมกายยังนำเอาลัทธิทุนนิยมมาผสมผสานกับการบริหารจัดการวัด ซึ่งพฤติการณ์ทั้งหมดนี้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐาน เพราะหากวัดพระธรรมกายทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทในประเทศไทยต้องสูญสิ้นได้

    บทคัดย่อวิทยานิพนธ์เรื่อง "บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) : ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย" โดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (บุญถึง)

    จากการศึกษาบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เฉพาะกรณีธรรมกายเป็นหลัก และกรณีอื่น ๆ มีกรณีสันติอโศก เป็นต้น เป็นองค์ประกอบทำให้ผู้วิจัยได้ข้อค้นพบที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญของงานวิจัยเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้

    1. กรณีธรรมกายหมายถึงชื่อเรียกโดยรวมเกี่ยวกับพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น พฤติการณ์ทั้งหมดที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นต้นเหตุให้เกิดขึ้นนั้นเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วก็มีสองลักษณะเท่านั้น คือ การทำพระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย

    2. การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตที่พบว่ามีสาเหตุมาจากสำนักวัดพระธรรมกายก็คือ การทำลายความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ประมวลไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า การพยายามปลอมปนคำสอนในลัทธิของตนลงในพระไตรปิฎก การพยายามยกย่องครูบาอาจารย์ของตน หรือแม้แต่นักวิชาการจากต่างประเทศให้มีฐานะสำคัญ ถึงขนาดที่ใช้ทัศนะของท่านเหล่านั้นขึ้นมาอ้างเป็นมาตรฐานเพื่อตัดสินหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างเรื่องนิพพาน เป็นต้น การพยายามให้อรรถาธิบายชักจูงให้คนทั่วไปเข้าใจว่า บุญมีฐานะเป็นดุจสินค้าชนิดหนึ่ง และเมื่อทำบุญและอานิสงส์ของบุญจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างปาฏิหาริย์

    3. การประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัยเฉพาะประเด็นหลัก ได้แก่ การพยายามนำเอาลัทธิทุนนิยมที่มีความโดดเด่นอยู่ที่ระบบการตลาดเข้ามาผสมผสานกับการบริหารจัดการวัด การจัดตั้งองค์กร รวมทั้งการระดมทุนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล องค์กรทางธุรกิจ การเมือง และการศาสนาทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลให้สำนักวัดพระธรรมกายกลายเป็นสำนักที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทั้งในทางวัตถุ ทุนทรัพย์ และในทางเกียรติคุณชื่อเสียง แต่วิธีเหล่านี้เป็นพฤติการณ์ที่สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับพระพุทธศาสนาเถรวาทที่เน้นความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติชนิดที่ปราศจากการจัดตั้ง หรือการจัดการ และไม่เกี่ยวข้องกับระบบทุนนิยม (รวมทั้งวัตถุนิยม) อย่างสิ้นเชิง

    4. พฤติการณ์อันสืบเนื่องมาจากสำนักวัดพระธรรมกายทั้งหมดนั้น เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐานชนิดที่ว่า ถ้าสำนักวัดพระธรรมกายทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่สำนักตั้งเอาไว้ ก็จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาอย่างเถรวาทต้องสูญสิ้นอันตรธานไป และสังคมไทยก็อาจกลายเป็นสังคมที่มีค่านิยมหวังผลดลบันดาลเชื่อมั่นศรัทธาในเทพเจ้า ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มัวเมาอยู่ในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และถูกหลอกให้เพลินจมอยู่ในสุขอันดื่มด่ำจากสมาธิวิธีที่ถือว่าเป็นมิจฉาสมาธิและเต็มไปด้วยผู้คนที่ตกเป็นทาสของลัทธิทุนนิยม บริโภคนิยม และวัตถุนิยมอย่างงมงายไม่อาจหลุดพ้นเป็นอิสระไปจากการครอบงำของลัทธิเหล่านี้ได้

    5. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เห็นว่า การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตก็ดี การประพฤติให้วิปริตจากพระธรรมวินัยก็ดี ล้วนไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนา ต่อสถาบันสงฆ์ และต่อสังคมไทย ท่านจึงได้อุทิศตนเองออกมาทำหน้าที่ในการรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ด้วยการชี้แจงแสดงหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนาผ่านหนังสือชื่อ "กรณีธรรมกาย" และผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่าง ๆ

    6. สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) สามารถดำเนินบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นเพราะท่านเจริญรอยตามพุทธจริยาและปฏิปทาของบุรพาจารย์ทั้งหลายแต่ปางก่อน และเพราะท่านประกอบด้วยคุณสมบัติที่สำคัญก็คือ การมีจิตสำนึกแห่งความเป็นชาวพุทธ การถือธรรม และถือประโยชน์สุขของมหาชนเป็นใหญ่ การเป็นภิกษุผู้เปี่ยมด้วยกตัญญุตาธรรมต่อพระพุทธศาสนา และการมีคุณสมบัติของชาวพุทธชั้นนำตามที่พระพุทธเจ้าทรงวางเอาไว้อย่างครบถ้วน

    7. ในกรณีธรรมกายที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ทำบทบาทที่สำคัญสองประการด้วยกัน บทบาทประการที่หนึ่งก็คือ การทำหน้าที่รักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เหมือนเดิม และบทบาทประการที่สองก็คือ การได้อุทิศตนเป็นแบบอย่างของชาวพุทธชั้นนำ ผู้มีศักยภาพพร้อมเต็มที่ที่จะทำหน้าที่รักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัยให้ยั่งยืนสืบต่อไปในอนาคตตราบนานเท่านาน บทบาททั้งสองประการนี้นอกจากจะช่วยให้กรณีธรรมกายคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว ยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการรักษาพระธรรมวินัยแก่ชาวพุทธร่วมสมัย และแก่อนุชนในภายหลังได้อย่างมีนัยสำคัญไม่น้อยไปกว่าที่บุรพาจารย์ทั้งหลายได้เคยทำเอาไว้ในอดีตอีกด้วย


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย





    ชาวเน็ตแชร์วิทยานิพนธ์ ว.วชิรเมธี ที่เคยศึกษาไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ชี้ วัดพระธรรมกายประพฤติวิปริต ปลอมปนคำสอนลัทธิตัวเองลงในพระไตรปิฎก มุ่งเน้นแต่เรื่องนิพพาน ใช้เรื่องบุญเป็นสินค้า เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและสังคมไทย

    ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา มีข่าวคณะครูในจังหวัดอุบลราชธานีออกมายื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการเขตพื้นที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 เพื่อขอปฏิเสธไม่เข้ารับการอบรมจริยธรรมกับศูนย์ปฏิบัติธรรมกาย ตามที่มีรายชื่อที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) จัดให้ ขณะที่ก่อนหน้านั้น ก็มีครูหลายคนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกมาร้องเรียนกับมูลนิธิแห่งหนึ่งว่าถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม โครงการโรงเรียนในฝัน กับเครือข่ายศูนย์ปฏิบัติธรรมกายเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว

    ข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายที่ออกมาบ่อยครั้งในลักษณะนี้ ก็ทำให้เฟซบุ๊ก กรณี ธรรมกายหยิบยกวิทยานิพนธ์เรื่อง "บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) : ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย" ที่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (บุญถึง) หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี เคยจัดทำไว้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2546 ขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง และข้อความดังกล่าวกำลังถูกแชร์ต่อกันไปทั่วโลกไซเบอร์

    โดย ท่าน ว.วชิรเมธี ได้วิเคราะห์สาระสำคัญที่ศึกษาพบจากกรณีวัดพระธรรมกายไว้ทั้งสิ้น 7 ข้อ สรุปสั้น ๆ ได้ว่า วัดพระธรรมกายทำให้พระธรรมวินัยวิปริต และประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย อีกทั้งยังพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎก นำคำสอนของลัทธิตัวเองมาปลอมปนในพระไตรปิฎก พร้อมกับยกเรื่องการทำบุญมาเป็นสินค้า

    นอกจากนี้ วัดพระธรรมกายยังนำเอาลัทธิทุนนิยมมาผสมผสานกับการบริหารจัดการวัด ซึ่งพฤติการณ์ทั้งหมดนี้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐาน เพราะหากวัดพระธรรมกายทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทในประเทศไทยต้องสูญสิ้นได้

    บทคัดย่อวิทยานิพนธ์เรื่อง "บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) : ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย" โดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (บุญถึง)

    จากการศึกษาบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เฉพาะกรณีธรรมกายเป็นหลัก และกรณีอื่น ๆ มีกรณีสันติอโศก เป็นต้น เป็นองค์ประกอบทำให้ผู้วิจัยได้ข้อค้นพบที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญของงานวิจัยเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้

    1. กรณีธรรมกายหมายถึงชื่อเรียกโดยรวมเกี่ยวกับพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น พฤติการณ์ทั้งหมดที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นต้นเหตุให้เกิดขึ้นนั้นเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วก็มีสองลักษณะเท่านั้น คือ การทำพระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย

    2. การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตที่พบว่ามีสาเหตุมาจากสำนักวัดพระธรรมกายก็คือ การทำลายความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ประมวลไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า การพยายามปลอมปนคำสอนในลัทธิของตนลงในพระไตรปิฎก การพยายามยกย่องครูบาอาจารย์ของตน หรือแม้แต่นักวิชาการจากต่างประเทศให้มีฐานะสำคัญ ถึงขนาดที่ใช้ทัศนะของท่านเหล่านั้นขึ้นมาอ้างเป็นมาตรฐานเพื่อตัดสินหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างเรื่องนิพพาน เป็นต้น การพยายามให้อรรถาธิบายชักจูงให้คนทั่วไปเข้าใจว่า บุญมีฐานะเป็นดุจสินค้าชนิดหนึ่ง และเมื่อทำบุญและอานิสงส์ของบุญจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างปาฏิหาริย์

    3. การประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัยเฉพาะประเด็นหลัก ได้แก่ การพยายามนำเอาลัทธิทุนนิยมที่มีความโดดเด่นอยู่ที่ระบบการตลาดเข้ามาผสมผสานกับการบริหารจัดการวัด การจัดตั้งองค์กร รวมทั้งการระดมทุนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล องค์กรทางธุรกิจ การเมือง และการศาสนาทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลให้สำนักวัดพระธรรมกายกลายเป็นสำนักที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทั้งในทางวัตถุ ทุนทรัพย์ และในทางเกียรติคุณชื่อเสียง แต่วิธีเหล่านี้เป็นพฤติการณ์ที่สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับพระพุทธศาสนาเถรวาทที่เน้นความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติชนิดที่ปราศจากการจัดตั้ง หรือการจัดการ และไม่เกี่ยวข้องกับระบบทุนนิยม (รวมทั้งวัตถุนิยม) อย่างสิ้นเชิง

    4. พฤติการณ์อันสืบเนื่องมาจากสำนักวัดพระธรรมกายทั้งหมดนั้น เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐานชนิดที่ว่า ถ้าสำนักวัดพระธรรมกายทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่สำนักตั้งเอาไว้ ก็จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาอย่างเถรวาทต้องสูญสิ้นอันตรธานไป และสังคมไทยก็อาจกลายเป็นสังคมที่มีค่านิยมหวังผลดลบันดาลเชื่อมั่นศรัทธาในเทพเจ้า ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มัวเมาอยู่ในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และถูกหลอกให้เพลินจมอยู่ในสุขอันดื่มด่ำจากสมาธิวิธีที่ถือว่าเป็นมิจฉาสมาธิและเต็มไปด้วยผู้คนที่ตกเป็นทาสของลัทธิทุนนิยม บริโภคนิยม และวัตถุนิยมอย่างงมงายไม่อาจหลุดพ้นเป็นอิสระไปจากการครอบงำของลัทธิเหล่านี้ได้

    5. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เห็นว่า การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตก็ดี การประพฤติให้วิปริตจากพระธรรมวินัยก็ดี ล้วนไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนา ต่อสถาบันสงฆ์ และต่อสังคมไทย ท่านจึงได้อุทิศตนเองออกมาทำหน้าที่ในการรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ด้วยการชี้แจงแสดงหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนาผ่านหนังสือชื่อ "กรณีธรรมกาย" และผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่าง ๆ

    6. สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) สามารถดำเนินบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นเพราะท่านเจริญรอยตามพุทธจริยาและปฏิปทาของบุรพาจารย์ทั้งหลายแต่ปางก่อน และเพราะท่านประกอบด้วยคุณสมบัติที่สำคัญก็คือ การมีจิตสำนึกแห่งความเป็นชาวพุทธ การถือธรรม และถือประโยชน์สุขของมหาชนเป็นใหญ่ การเป็นภิกษุผู้เปี่ยมด้วยกตัญญุตาธรรมต่อพระพุทธศาสนา และการมีคุณสมบัติของชาวพุทธชั้นนำตามที่พระพุทธเจ้าทรงวางเอาไว้อย่างครบถ้วน

    7. ในกรณีธรรมกายที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ทำบทบาทที่สำคัญสองประการด้วยกัน บทบาทประการที่หนึ่งก็คือ การทำหน้าที่รักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เหมือนเดิม และบทบาทประการที่สองก็คือ การได้อุทิศตนเป็นแบบอย่างของชาวพุทธชั้นนำ ผู้มีศักยภาพพร้อมเต็มที่ที่จะทำหน้าที่รักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัยให้ยั่งยืนสืบต่อไปในอนาคตตราบนานเท่านาน บทบาททั้งสองประการนี้นอกจากจะช่วยให้กรณีธรรมกายคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว ยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการรักษาพระธรรมวินัยแก่ชาวพุทธร่วมสมัย และแก่อนุชนในภายหลังได้อย่างมีนัยสำคัญไม่น้อยไปกว่าที่บุรพาจารย์ทั้งหลายได้เคยทำเอาไว้ในอดีตอีกด้วย



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      64
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      47
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2013
  2. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    พระพรหมคุณาภรณ์
    (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
    ป.อ. ปยุตฺโต
    Prayudh Payutto.jpg
    เกิด 12 มกราคม พ.ศ. 2481
    อุปสมบท 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2505
    พรรษา 51
    อายุ 75
    วัด วัดญาณเวศกวัน
    จังหวัด นครปฐม
    สังกัด มหานิกาย
    วุฒิการศึกษา ป.ธ.๙ (นาคหลวง), น.ธ.เอก, พธ.บ. (เกียรตินิยมอันดับ 1), พ.ม.
    ตำแหน่ง
    ทางคณะสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน
    ศาสตราจารย์พิเศษ[1] พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) (นามเดิม:ประยุทธ์ อารยางกูร) หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปในนามปากกา "ป.อ. ปยุตฺโต" เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2481 ที่อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 12 ปี เมื่อ ปีพ.ศ. 2494 และเข้ามาจำพรรษาที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพมหานคร จนสอบได้นักธรรมเอก และเปรียญธรรม ๙ ประโยค ขณะยังเป็นสามเณร เป็นรูปที่สองในรัชกาลปัจจุบัน และเป็นรูปที่สี่ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยได้รับการอุปสมบทโดยเป็นนาคหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระพรหมคุณาภรณ์ เป็นพระนักวิชาการนักคิดนักเขียนผลงานทางพระพุทธศาสนารุ่นใหม่ มีผลงานทางวิชาการพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ผลงานของท่านที่เป็นที่รู้จัก เช่น พุทธธรรม เป็นต้น ท่านได้รับการยกย่องจากทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างมาก ด้วยผลงานของท่านทำให้ท่านได้รับรางวัลและดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากหลายสถาบันทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ท่านเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพ จากองค์การยูเนสโก (UNESCO Prize for Peace Education) [2] นอกจากนี้ปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่ท่านได้รับรวมมีมากกว่า 15 สถาบัน ซึ่งนับว่าท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ไทยที่ได้รับการยกย่องให้ได้รับดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มากที่สุดในปัจจุบัน และในปี พ.ศ. 2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ปัจจุบันพระพรหมคุณาภรณ์ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์พิเศษ ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และจำพรรษาอยู่ที่วัดญาณเวศกวัน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
    เกียรติคุณของพระพรหมคุณาภรณ์[แก้]

    ตลอดชีวิตของพระพรหมคุณาภรณ์ ท่านได้ใช้ความรู้พระไตรปิฎกแท้ ๆ เพื่อช่วยปกป้องสังฆมณฑลในประเทศไทยหลายกรณี ไม่ว่า กรณีสันติอโศกหรือกรณีวัดพระธรรมกาย ท่านได้ช่วยชี้แจงให้คนไทยได้รับทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับพระไตรปิฎกที่ถูกต้องเอาไว้หลายครั้ง ในขณะเดียวกัน ท่านยังมีบทบาทในการชี้แนะสังคมไทยในด้านการบริหารประเทศหลายครั้ง เช่น ในหนังสือ มองอเมริกาแก้ปัญหาไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลของระบบทุนนิยมเสรีในประเทศไทย และยังได้ชี้ให้เห็นว่าสังคมตะวันตก หรืออเมริกา มีแง่มุมที่ไม่ควรเป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศไทย ที่จะทำให้เน้นแต่พัฒนาวัตถุ ทำให้นักคิดไทยหลายคนตื่นตัวมาหาหลักพุทธธรรมเป็นแนวในการพัฒนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      50
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      37
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG][/IMG]

    'ธรรมกาย'อันตราย!วิทยานิพนธ์ที่คนอ่านมากสุด
    'ธรรมกาย'อันตราย!วิทยานิพนธ์'พระมหาวุฒิชัย'ที่คนอ่านมากสุด : เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพอุทร ศรีพันธ์

    ในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายนนี้ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. ณ หอประชุม มวก. ๔๙ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีการจัดงาน เผยแพร่ผลงานและวิทยานิพนธ์ดีเด่น ที่สามารถนำพุทธบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่อย่างลงตัว พร้อมได้องค์ความรู้ใหม่ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ต่อสังคม มวลมนุษยชาติ ถือเป็น “ยอดมงกุฎ” อันล้ำค่าทางวิชาการ พระพุทธศาสนา ที่พร้อมเผยแพร่ให้สาธารณชนเข้าใจเข้าถึงและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้จริง

    ระหว่างนี้เองกลับมีผลงานวิจัยเรื่อง "บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) : ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย" เป็นผลงานวิจัย ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (บุญถึง) หรือ "ว.วชิรเมธี" เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่ มจร. คณะพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พระพุทธศาสนา) โดยมีคณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ ชิ้นนี้มี ๓ ท่าน คือ พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ นายสนิท ศรีสำแดง และ นาย รังษี สุทนต์

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลงานวิจัยชิ้นนี้จะถูกนำเสนอเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๔๖ หรือเมื่อ ๑๐ ปี ที่แล้ว แต่ผลงานชิ้นนี้ถูกหยิบขึ้นมาโพสต์และมีการแชร์ต่อผ่านสื่อออนโลน์กันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ใน "www.mcu.ac.th/thesis_file/254620.pdf" มีผู้เข้าชม ๑๒,๑๒๘ ครั้ง" ในขณะที่ "www.komchadluek.net" มีผู้เข้าชมกว่า ๗๐,๐๐๐ ครั้ง ณ วันที่ ๑๓ ก.ย.

    บทคัดย่อ งานวิจัยชิ้นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิกฎ (ป.อ.ปยุตฺโต) โดยในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมุ่งศึกษาบทบาทของท่านเฉพาะกรณีธรรมกายอย่างเป็นด้านหลักและศึกษากรณีอื่นๆ เช่น กรณีสันติอโศก เป็นต้น ประกอบบ้างตามสมควร ทั้งนี้เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการของแนวคิด บทบาท รวมทั้งแรงจูงใจที่เป็นเหตุปัจจัยให้ท่านมีแนวคิดและดำเนินบทบาทในการทำงานรักษาพระธรรมวินัยในแต่ละครั้ง

    จากการศึกษาบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิกฎ (ป.อ.ปยุตฺโต) เฉพาะกรณีธรรมกายเป็นหลักและกรณีอื่นๆ มีกรณีสันติอโศก เป็นต้น เป็นองค์ประกอบทำวิจัยได้ข้อค้นพบที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญของงานวิจัยเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้

    ๑. กรณีธรรมกายหมายถึงชื่อเรียกโดยรวมเกี่ยวกับพฤติการณ์ต่างๆ ที่สำนักวัดธรรมกายเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น พฤติการณ์ทั้งหมดที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นต้นเหตุให้เกิดขึ้นนั้นเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วก็มีสองลักษณะเท่านั้น คือ การทำพระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย

    ๒. การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตที่พบว่ามีสาเหตุมาจากสำนักวัดพระธรรมกายก็คือ การทำลายความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎกซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ประมวลไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า การพยายามปลอมปนคำสอนในลัทธิของตนลงในพระไตรปิกฎ การพยายามยกย่องครูบาอาจารย์ของตนหรือแม้แต่นักวิชาการจากต่างประเทศให้มีฐานะสำคัญถึงขนาดที่ใช้ทัศนะของท่านเหล่านั้นขึ้นมาอ้างเป็นมาตรฐานเพื่อตัดสินหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างเรื่องนิพพาน เป็นต้น การพยายามให้อรรถาธิบายชักจูงให้คนทั่วไปเข้าใจว่าบุญมีฐานะเป็นดุจสินค้าชนิดหนึ่งและเมื่อทำบุญและอานิสงส์ของบุญจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่างๆ ได้อย่างปาฏิหาริย์

    ๓. การประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัยเฉพาะประเด็นหลักได้แก่การพยายามนำเอาลัทธิทุนนิยมที่มีความโดดเด่นอยู่ที่ระบบการตลาดเข้ามาผสมผสานกับการบริหารจัดการวัด การจัดตั้งองค์กร รวมทั้งการระดมทุนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนารวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล องค์กรทางธุรกิจ การเมือง และการศาสนา ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลให้สำนักวัดพระธรรมกายกลายเป็นสำนักที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทั้งในทางวัตถุ ทุนทรัพย์ และในทางเกียรติคุณชื่อเสียง แต่วิธีเหล่านี้เป็นพฤติการณ์ที่สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับพระพุทธศาสนาเถรวาทที่เน้นความเรียบง่ายความเป็นธรรมชาติชนิดที่ปราศจาการจัดตั้งหรือการจัดการ และไม่เกี่ยวข้องกับระบบทุนนิยม (รวมทั้งวัตถุนิยม) อย่างสิ้นเชิง

    ๔. พฤติการณ์อันสืบเนื่องมาจากสำนักวัดพระธรรมกายทั้งหมดนั้น เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐานชนิดที่ว่า ถ้าสำนักวัดพระธรรมกายทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่สำนักตั้งเอาไว้ก็จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาอย่างเถรวาทต้องสูญสิ้นอันตรธานไป และสังคมไทยก็อาจกลายเป็นสังคมที่มีค่านิยมหวังผลดลบันดาลเชื่อมั่นศรัทธาในเทพเจ้า ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มัวเมาอยู่ในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และถูกหลอกให้เพลินจมอยู่ในสุขอันดื่มด่ำจากสมาธิวิธีที่ถือว่าเป็นมิจฉาสมาธิและเต็มไปด้วยผู้คนที่ตกเป็นทาสของลัทธิทุนนิยม บริโภคนิยม และวัตถุนิยมอย่างงมงายไม่อาจหลุดพ้นเป็นอิสระไปจากการครอบงำของลัทธิเหล่านี้ได้

    ๕. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เห็นว่า การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตก็ดี การประพฤติให้วิปริตจากพระธรรมวินัยก็ดี ล้วนไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนา ต่อสถาบันสงฆ์ และต่อสังคมไทย ท่านจึงได้อุทิศตนเองออกมาทำหน้าที่ในการรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ด้วยการชี้แจงแสดงหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนาผ่านหนังสือชื่อ "กรณีธรรมกาย" และผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ

    ๖. สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) สามารถดำเนินบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของฝ่ายเป็นเพราะท่านเจริญรอยตามพุทธจริยาและปฏิปทาของบุรพาจารย์ทั้งหลายแต่ปางก่อน และเพราะท่านประกอบด้วยคุณสมบัติที่สำคัญก็คือ การมีจิตสำนึกแห่งความเป็นชาวพุทธ การถือธรรมและถือประโยชน์สุขของมหาชนเป็นใหญ่ การเป็นภิกษุผู้เปี่ยมด้วยกตัญญุตาธรรมต่อพระพุทธศาสนา และการมีคุณสมบัติของชาวพุทธชั้นนำตามที่พระพุทธเจ้าทรงวางเอาไว้อย่างครบถ้วน

    ๗. ในกรณีธรรมกายที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ทำบทบาทที่สำคัญสองประการด้วยกัน บทบาทประการที่หนึ่งก็คือ การทำหน้าที่รักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เหมือนเดิม และบทบาทแระการที่สองก็คือ การได้อุทิศตนเป็นแบบอย่างของชาวพุทธชั้นนำผู้มีศักยภาพพร้อมเต็มที่ที่จะทำหน้าที่รักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัยให้ยังยืนสืบต่อไปในอนาคตตราบนานเท่านาน

    บทบาททั้งสองประการนี้นอกจากจะช่วยให้กรณีธรรมกายคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้วยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการรักษาพระธรรมวินัยแก่ชาวพุทธร่วมสมัยและแก่อนุชนในภายหลังได้อย่างมีนัยสำคัญไม่น้อยไปกว่าที่บุรพาจารย์ทั้งหลายได้เคยทำเอาไว้ในอดีตอีกด้วย

    วิทยานิพนธ์ “ยอดมงกุฎ”

    พระสุธีธรรมานุวัตร, ผศ.ดร. คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร. ประธานคณะกรรมการคัดเลือกวิทยานิพนธ์ดีเด่นประจำปีการศึกษา ๒๕๕๕ ได้จัดให้มีการคัดเลือกผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ดีเด่น เพื่อเผยแพร่ผลงานที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถของผู้สร้างสรรค์ผลงานและมาตรฐานของมหาวิทยาลัย

    ในปีนี้ มีงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ที่ได้รับการคัดเลือก จากบัณฑิตวิทยาลัย, วิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ ในสังกัดของ มจร. ทั่วประเทศ ในระดับดีเด่น, ระดับดี และชมเชย มีจำนวน ๒๕ เรื่อง โดยผลงานวิจัยทุกเรื่อง นอกจากจะทรงคุณค่าทางวิชาการแล้ว ยังเป็นผลงานวรรณกรรมในทางพระพุทธศาสนาอันล้ำค่ายิ่งอีกด้วย กล่าวได้ว่า ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ดีเด่นที่ผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการนี้ถือเป็น “ยอดมงกุฎ” อันล้ำค่าในทางวิชาการและในทางพระพุทธศาสนาได้อย่างชัดเจน

    สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอผลงานได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งยังได้ชมนิทรรศการทางวิชาการที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจอย่างมากมาย และที่พลาดไม่ได้คือ การปาฐกถา โดย พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต),ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

    ลองอ่านดู ในฐานะชาวพุทธนะคะ
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ยุคสมัยนี้ มีการนำเอาศรัทธาผู้คนมาใช้ทำมาหากินกันมากเหลือเกิน ประหนึ่งว่าไม่กลัวบาป กลัวกรรม ทำอะไรก็ได้ สร้างภาพบิดเบือนให้ดูสวยงามก็ได้ เพื่อให้ได้มาอย่างเดียวคือ เงิน...
    หลายปีนี้ มีทั้งที่ห่มผ้าเหลือง และ ที่ห่มผ้าขาว ต่างพากันตั้งสำนัก ตั้งกลุ่ม จัดกิจกรรมต่างๆ ดูไปภายนอกเหมือนจะดี แต่สุดท้ายไปจบลงกันตรงที่ผลประโยชน์มากมาย ...

    การพูดการจา อ่อนหวาน ใบหน้าที่ยิ้มละไม ดั่งเจ้าแม่กวนอิมผู้มีเมตตา จุติลงมาโปรดสัตว์ จัดให้มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เชิญชวน มีฝ่ายการตลาดเข้ามาดูแล ฯลฯ แข่งขันกันจัดสร้างสิ่งใหญ่ๆโตๆ ใหญ่ที่สุดในโลก... เหล่านี้มีอยู่มากมาย...

    ส่วนพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มักไม่ค่อยพูด พูดน้อย พูดตรงๆ คำพูดแสลงต่อกิเลส แสลงต่อตัณหา ต้องไปอยู่ป่าอยู่เขา ไกลๆผู้คน กว่าจะรู้ว่าท่านดี ก็ตอนที่มรณะภาพไปแล้ว นี่ก็น่าเสียดายครับ...

    ธรรมดาของโลกใบนี้...
    ให้อ่านหนังสือเรียน กับอ่านหนังสือการ์ตูน คนเลือกอ่านการ์ตูน...
    ให้ทำงานกับไปเที่ยว คนเลือกไปเที่ยว...
    ให้กินน้ำผัก กับกินน้ำอัดลม คนโดยมากเลือกกินน้ำอัดลม...
    ให้ใช้ photoshop วาดรูป ออกแบบ กับให้ใช้ เฟส ใช้ ไลน์ คุยกัน คนก็เลือกอย่างหลัง..

    ดังนั้นหากจะมีใครบอกว่า เอาเงินมา แล้วซื้อสวรรค์ได้ ซื้อนิพพานได้ ซื้อตั๋วไปเกิดยุคพระศรีอารย์ได้ คนจะชอบมาก..ถ้าทำได้จริงจะชอบมาก...แต่ว่าเรื่องจริงๆมันทำไม่ได้ ที่ผมเห็นว่าทำไม่ได้นี่เพราะว่าใน 84000 พระธรรมขันธ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่เคยสอนเรื่องเหล่านี้เอาไว้...

    ธรรมปฏิบัตินี้แม้ยังมีอยู่ แต่ก็เหมือนหนังสือตำราเรียน มันไม่สนุกสนาน เหมือนอย่างหนังสือการ์ตูน คนก็ไม่ชอบ อยากได้อะไรที่มันง่ายๆ สบายๆ สนุกสนาน อยากจะกราบไหว้อ้อนวอนขอ แล้วก็ได้ทุกสิ่งสมปรารถนากันทั้งนั้น...นี่มันเรื่องกิเลส เรื่องของตัณหา ทั้งหมด ใครจับเอาจุดนี้มาใช้หากินได้ไม่หมดไม่สิ้น หากินกับศรัทธาคน หากินกับความกลัวของคน หากินกับความฝันลมๆแล้งๆของคน .... ถ้าไม่ต้องสนเรื่องเวรกรรมสักอย่างเดียว หรือถ้าไม่มีเรื่องเวรกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว มันก็น่าทำเสียจริง มันได้เงินมาก ได้ลาภสักการะมาก ทำง่าย...

    แต่ว่าธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นธรรมที่ทวนกระแส เป็นไปเพื่อ ลด ละ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด เพื่อออกจากกาม ดังนั้นจึงไม่เป็นหนทางที่กิเลสชอบ ...ตรงนี้เองพุทธศาสนิกชนผู้มีปัญญา ย่อมเลือกเอาเองว่า จะเสพธรรมอันใด บริโภคสิ่งใด เป็นไปเพื่อมรรคผล หรือเป็นไปเพื่อมักง่าย...ตรงนี้ทุกคนมีปัญญา ตัดสินใจเองได้ เลือกเองได้ แม้ว่ามีคำแนะนำใดๆมากมาย แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจเลือกคือตัวเราเอง เลือกมาผิดหรือถูก เราเองต้องรับผิดชอบด้วยตัวเราเอง อย่าไปด่าคนแนะนำ อย่าไปด่าคนที่ตักเตือน ชวนเชื่อ... เพราะชวนให้ตาย ถ้าเราไม่ตัดสินใจไปลงมือกระทำเสียแล้ว ใครก็ทำอะไรไม่ได้...ใช่ไหมล่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  5. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    สิ่งใดที่ผิดเพี้ยนและบิดเบือนไปจากคำสอนของพระพุทธศาสนา
    ก็ต้องช่วยกันติเตือน ให้สติเพื่อชาวพุทธจะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
    บางทีหลายท่านอาจจะเลือกที่จะนิ่งเฉยเรียกว่าธุระไม่ใช่ เลยปล่อยแบบเลยตามเลย
    และอาจจะกลัวคำที่มาอ้างว่าปรามาส บ้าง  บาปบ้าง กรรมบ้าง (ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์)
    แต่ในทางตรงกันข้าม พระพุทธศาสนาสอนใว้อย่างชัดเจน ผู้ปฏิบัติ ธรรม ในพระพุทธศาสนานั้นต้องที่ยอมรับการติเตียนโดยธรรม จากพื่อนธรรมด้วยกัน
    อย่างเช่น  พระพรหมคุณาภรณ์(ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
                พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (บุญถึง)
                อาจารย์เสถียรพงษ์ วรรณปก
    ถ้าว่าเป็นบาปเป็นกรรมและปรามาสแล้ว ทั้งสามท่านชื่อที่กล่าวมา ข้างบน
    คงจะไม่กล้าที่จะทำ  และ ไม่เอาชื่อเสียงและคุณงามความดีของท่านที่สั่งสมมา เป็นเวลายาวนาน มาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางพระพุทธศาสนา
    อย่างแน่นอน ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      57
    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      52
    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      75
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      35
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]

    ไปอ่านพบค่ะ เป็นผลงานของคุณครูท่านหนึ่งค่ะ
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ครูเป็นปูชนียบุคคลที่ปู่ย่าตาทวด เคารพ กราบไหว้...
    ในอดีตนั้น คนเป็นครู แม้อายุยังน้อย เมื่อผ่านไปยังบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ ยังยกมือไหว้ ด้วยความเคารพ ในคำว่าครู...
    ครู จึงเป็นผู้ประกอบด้วย คุณธรรม วิชา เมตตา...
    ซึ่งปัจจุบันนี้หาพบได้ยากมาก ส่วนใหญ่ที่พบเห็น จะเป็นคนที่รับจ้างสอนหนังสือเท่านั้นเอง...

    การจะให้ครู กลับมาอีกครั้ง ต้องอาศัยคุณธรรม คือ ธรรมะที่เป็นคุณ ...
    การส่งเสริม สนับสนุน ให้ครู ได้เข้ารับการฝึกฝน อบรม เพาะบ่มคุณธรรม เป็นสิ่งที่ดี น่าสรรเสริญ ... สำหรับวิธีการที่เหมาะสมนั้น ควรเป็นการ จูงใจ ให้ครูไปเข้าร่วมการปฏิบัติธรรม ในช่วงปิดเทอม... แล้วนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้ฝึกอบรมจิตใจของครูนั้น มาถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์...เช่น วิธีการทำสมาธิ เบื้องต้น เพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้ เป็นพื้นฐาน...

    ส่วนการบังคับ หลอกล่อ ด้วยเล่ห์กลอุบายต่างๆ จนนำมาซึ่งการบิดเบือนพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ต้องร่วมกันขัดขวาง ร่วมกันประนาม และพยายามกำจัดให้สิ้นไปจากแผ่นดินพุทธ ....
    บุคคลผู้มีความกล้านั้น นอกจากกล้าที่จะปฏิเสธต่อการทำความชั่วแล้ว ต้องกล้าที่จะต่อต้านความชั่ว กล้าที่จะทำความดี และกล้าที่จะสนับสนุนคนดี...แม้ว่าจะมี พรบ.คอมพิวเตอร์ค้ำคอหอย ให้ต้องคดีอาญา ติดคุกได้ถึง 10 ปีก็ตามที...

    อีกส่วนหนึ่งของครูคือ ต้องขวนขวายค้นคว้า ในวิชาที่ตนสอนให้เกิดความชำนาญแตกฉาน ในวิชานั้นๆ รวมถึงชำนาญในกระบวนการถ่ายทอดวิชานั้นๆ ให้กับลูกศิษย์ หมั่นปรับปรุงสิ่งที่ดีแล้วให้ดียิ่งๆขึ้น ไปเสาะหาดูว่า ที่สอนพิเศษดังๆ เด็กไปเรียนกันเยอะๆนั้น เขามีวิธีสื่อสารอย่างไรให้เด็กๆ เข้าใจในเนื้อหาวิชาที่เรียน ....

    การสอนเด็กดี เด็กฉลาด ให้ได้รับความรู้อย่างเต็มที่นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก..แต่ครูที่ควรแก่การเป็นครูนั้น จะสอนเด็กเกรียน เด็กกาก ให้ได้เป็นคนดี มีความรู้วิชาการ มากยิ่งขึ้นนั้น จึงจะน่ายกย่อง จึงได้ชื่อว่า ขัดเกลา...

    พล่ามไปมากก็เพราะคิดถึงครูสมัยก่อนที่สอนผมมา..ท่านเป็นครูที่สมควรแก่คำว่าครูจริงๆ ไม่ใช่ คู...

    วกกลับมาเรื่องนิกายต่างๆที่บิดเบือนคำสอน เพื่อหวังในลาภสักการะ มุ่งหวังแต่เงินบริจาค ซึ่งไม่มีใครทำอะไรได้สักที แม้แต่ต้นสังกัด ท่านก็ไม่ทำอะไรครับ...แล้วพวกเราจะทำอะไรกับนิกายต่างๆพวกนี้ได้อย่างไรบ้าง???
    อีกนิกายหนึ่งซึ่งยึดเอาการกินมังสะวิรัต แนวความคิดในการอยู่กับธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การนำคำสอนมาบิดเบือนนั้น เป็นความผิดร้ายแรง ถึงแม้จะอ้างว่าไปบวชในมหายานแล้วก็ตาม จะไม่ได้ใช้ชื่อว่าพระ แต่ก็เพียงเหล้าเก่าในสลากใหม่เท่านั้น แนวคำสอนก็อันตราย เช่นเดียวกัน เหล่านี้ จะทำอะไรอย่างไรได้บ้าง??
     
  8. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    วกกลับมาเรื่องนิกายต่างๆที่บิดเบือนคำสอน เพื่อหวังในลาภสักการะ มุ่งหวังแต่เงินบริจาค ซึ่งไม่มีใครทำอะไรได้สักที แม้แต่ต้นสังกัด ท่านก็ไม่ทำอะไรครับ...แล้วพวกเราจะทำอะไรกับนิกายต่างๆพวกนี้ได้อย่างไรบ้าง???
    ถ้าชาวพุทธมองเห็นภัยในการบิดเบือนคำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าซึ่งเป็น บรมศาสดาของศาสนาพุทธ แล้ว มีหลายวิธีที่พวกเรา
    จะช่วยกันได้ ครับ
    ๑  งดให้การสนับสนุนวัดธรรมกายและกิจกรรมทั้งทางตรงแล้วทางอ้อม
         
    ๒  กระจายข่าวสารข้อมูลที่วัดธรรมกายที่บิดเบือนคำสอนของพุทธศาสนา
        และยังอาศัยพระพุทธศาสนาบังหน้าหาผลประโยชน์จากชาวพุทธ

    ๓  งดซื้อสิ่งผลิตต่างฯที่ออกมาจากวัดและเครือข่ายวัดธรรมกาย

    ๔  ผลิตผลของวัดธรรมกายแม้นจะเอามาแจกให้ฟรีก็ไม่ควรรับ

    ทั้ง ๔ ข้อนี้ชาวพุทธศาสนาที่มองเห็นภัยจากวัดธรรกายช่วยกันทำได้เลย   ครับ 
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      54
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ทำหมดแล้วทั้ง 4 ข้อครับ...นิกายนี้ก็ยังอยู่ได้ เหมือนจะยิ่งเจริญทางด้านวัตถุมากยิ่งขึ้น...
    หลายปีก่อน น้องเมียเพื่อนผม ไปบวช ... แม่ยายมันกะเมียมันดีใจมาก...
    เมื่อบวชแล้วได้ที่พักอยู่บนคอนโดฯ .. แม่ให้ใช้เดือนละ 2 แสนบาท...
    แม่ก็หวังว่าจะเลิกติดนักร้อง...แต่ก็เปล่าประโยชน์ ไปหานักร้องมันทั้งจีวร...
    จนผู้หญิงทนไม่ได้ ต้องหาสามีใหม่ ก็ตามไปร้องห่มร้องไห้ หน้าห้องพัก...

    เพื่อนผมมันเล่าไปก็ด่าไป...แค้นใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งเมีย-แม่ยาย ก็ไม่กล้าทำอะไรได้แต่กลุ้มใจ...เราทั้งหลายต่างก็รู้ดีว่า ในผ้าเหลือง โทษคือปาราชิก แต่นิกายนี้ไม่ถือ ถ้ามีเงินเข้ามา ต้อนรับ ดูแล อย่างดี...

    เวรกรรม มีจริง แม้ธรณีสูบจะไม่มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน...
    15ค่ำเดือน9 งานบั้งไฟพญานาค ที่หนองคาย ...
    ขากลับ รถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ ทั้งพระทั้งฆารวาส เกิดอุบัติเหตุ ...
    น้องเมียเพื่อน กระเด็นออกมา คอหักตายคาผ้าเหลือง...
    จบสิ้นเรื่องราวของ อลัชชี ผู้หนึ่ง...
    ทางนิกายนี้ ได้จัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ พร้อมประกาศเกียรติคุณให้มากมาย...
    ให้สมกับการที่แม่และพี่สาวได้บริจาคเงินให้เป็นจำนวนมาก...มากจริงๆ...
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ท่านระมิงค์ ติงอ่านที่ท่านเขียนแล้วรู้สึกจิตตกเล็กๆค่ะ
    น่าเสียดายที่ได้เกิดเป็นคน
    น่าเสียดายที่ได้เกิดเป็นบุรุษเพศ
    น่าเสียดายที่ได้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนา
    น่าเสียดายที่ได้นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์
    อนิจจา...
     
  11. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    แม้นเราจะทำอะไรไม่ได้มาก อย่างน้อยเราก็ได้ทำหน้าที่ของเรา เพื่อปกป้อง
    พระพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นพุทธบริษัท ๔ ที่เหลือเราก็ต้องรอให้
     จนกว่า ที่เวรและบาปกรรม จะส่งผลในไม่ช้า 
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSC04110.JPG
      DSC04110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      536.9 KB
      เปิดดู:
      39
    • PICT0711.JPG
      PICT0711.JPG
      ขนาดไฟล์:
      942.8 KB
      เปิดดู:
      42
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ครูติง อย่าพึ่งจิตตกเลยนะ...ผมเข้าไปคลุกคลีอยู่ 2 ระยะในสำนักนิกายนั้น เพื่อศึกษาหาข้อมูล...มีเรื่องให้จิตตกมากไปกว่านั้นเสียอีก...แต่ว่าหลังจากครูติงได้รับพระเครื่องอันทรงคุณค่า จากท่านคมสันต์แล้ว จิตก็จะปีติ กลับมาอิ่มอ้วน..อุ๊ย..อิ่มเอิบ เหมือนดังเดิม...

    สำหรับผมแล้วเรื่องใดที่ไม่ได้สัมผัส รับรู้ ไม่ได้เข้าไปศึกษา คลุกคลี ในวิถีของเขาแล้ว ผมจะไม่วิจารณ์นะครับ เนื่องจากว่าเรายังเพียงแต่แค่เสพข้อมูลบางประการ ยังไม่นับว่าได้เข้าไปศึกษาค้นคว้า อย่างแท้จริง การจะวิพากษ์วิจารไปนั้น จะมีข้อผิดพลาดได้...
    สำหรับนิกายนี้นั้น แต่เดิมผมเคยคิดว่า จะทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรซะเอง ไปกำจัดเสีย ให้สิ้นไปจากแผ่นดินพระพุทธศาสนา เพราะขืนรอเวรกรรมจะมาตามสนอง เห็นทีพระพุทธศาสนาจะมัวหมองไปมากมายจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว...


    มาตั้งสติเสียใหม่ ก็เห็นว่าตัวเรายังเศร้าหมอง ไปด้วยกิเลส ตัณหา อาสวะ ... ครั้งจะไปลงมือกำจัด จัดการ ก็ดูจะไม่เจียมตัว...ควรหันมาเข่นฆ่ากำจัด สิ่งชั่วในดวงใจเราเสียก่อน เห็นจะดีมีประโยชน์กว่า เมื่อสำเร็จประโยชน์ตนแล้ว จึงยังประโยชน์ท่านให้บังเกิดก็ยังไม่สาย....

    ความเห็นส่วนตัวผมประการหนึ่งคือ ธุดงควัตร 13 และการอยู่ปริวาส นี้ มีคุณอยู่มาก...
    หากท่านผู้เป็นใหญ่ในคณะสงฆ์ ได้จัดการให้ เจ้าของลัทธินิกายต่างๆ ได้เข้าอยู่ปริวาส สัก 1 ปี พร้อมกับ ถือธุดงควัตร 13 ในสถานที่อันจัดไว้ให้โดยเฉพาะ ได้แล้วนั้น ก็อาจช่วยบรรเทาปัญหา ความเดือดร้อนใจ ของพุทธบริษัทฯทั้งหลายได้...

    ด้วยระยะเวลา 1 ปีที่อยู่ปริวาส และถือธุดงควัตร 13 นั้น ไม่มีผู้เข้าไปพบปะ เว้นเสียแต่พระผู้ใหญ่ที่มีอำนาจสั่งการ และพระอุปฐาก เพียงเท่านั้น สังคมพุทธใน 1 ปีก็สงบลง และหากผลของการอยู่ปริวาส และถือธุดงควัตร 13 นี้ จะช่วยเปลี่ยนฑิฐิ ความเห็น ให้กลับมาตรงตามคำสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้แล้วนั้น ก็เห็นจะเป็นเรื่องน่ายินดีเสียยิ่งกว่าการพุ่งเป้าจะทำร้าย ทำลายล้างลัทธิ ความเชื่อนั้นๆลง..
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    กราบอนุโมทนาค่ะท่านพี่ระมิงค์ สาธุค่ะ
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040



    *****************************************


    สาธุ สาธุสาธุ กุศลา จิตตัง ธัมมัง.....





    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • พระ.jpg
      พระ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.6 KB
      เปิดดู:
      770
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    เป็นธรรมกาย แล้วอย่าเป็น ธรรมเก ธรรมโกง



    [​IMG]

    หลวงปู่ชั้ว เป็นญาติหลวงปู่สด และมีศักดิ์เป็นน้าในทางโลก






    โอวาทของท่าน

    พระครูวินัยธร (ชั้ว โอภาโส)


    -----------------------------------------------------------------------------------------



    หมายเหตุ พระครูวินัยธร (ชั้ว โอภาโส) พระมหาเถระผู้ทำวิชชาอยู่ในกุฏิหลวงพ่อวัดปากน้ำ จะกล่าวว่าเป็นพระคู่บารมีกับหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ไม่ผิดครับ


    เรื่อง

    เป็นธรรมกายแล้ว อย่าเป็นธรรมโกย, ธรรมเก, ธรรมโกง



    (เมื่อหลวงพ่อชั้ว ได้แนะนำวิธีการเจริญภาวนา เข้าดูนิพพานด้วยธรรมกายแล้ว
    ก็ได้ให้โอวาทต่อไปอีกว่า)

    เมื่อพบเห็นพระพุทธเจ้าหมดแล้ว จะเข้าไปถวายนมัสการท่านได้
    และจะทูลถามท่านได้ ติดขัดเรื่องอะไร ทูลถามท่านจะบอกหมด

    แต่ว่า ถ้าจะทูลถามพระพุทธเจ้า ต้องนิ่งให้สนิทนะ
    ถ้านิ่งไม่สนิทหละ ไม่ได้ยินเสียงท่าน
    จะเห็นแต่พระโอษฐ์ท่านงาบ ๆ อยู่เท่านั้น เพราะเรานิ่งไม่พอ
    ถ้าเรานิ่งพอหละ พระสุรเสียงดังก้องอย่างฟ้าเชียว ไพเราะ

    การที่จะดูอย่างนี้ละ ต้องดูเฉพาะตัวนะ และอย่าไปดูให้ใคร
    เมื่อได้ธรรมกายแล้ว จะแก้โรคภัยไข้เจ็บได้ทุกอย่าง
    แต่ถ้าเราไม่แก้ได้ละก็ดี หรือเราไม่ดูให้ใครได้ละก็ดี เราไม่ให้เขารู้ว่าเรารู้ได้ละก็ดี

    ถ้าว่าให้เขารู้ละก็ หนักเข้าก็มีคนมาหา
    เมื่อมีคนมาหาเข้าละก็ ทีหลังเราแก้ไข เขาก็จะให้ลาภสักการะ
    นี่มันจะกลายเป็นหมอดูไป เมื่อกลายเป็นหมอดูละหนักเข้า
    เขาก็ให้ลาภสักการะ ได้เงินได้ทอง เกิดโลภขึ้น
    เมื่อเกิดโลภขึ้นแล้วก็กลายเป็น ธรรมโกย หละ

    ทีหลังเวลาเขาจะมาหา ก็จะคิดเอาเงินเอาทองเขา เมื่อเกิดโลภขึ้นเช่นนั้น
    ธรรมกายนี่เป็นของบริสุทธิ์ หนักเข้าก็มืดไปเสีย ไม่งั้นก็ดับสูญหายไปเสีย

    บางที เมื่อทำสิ่งใด เมื่อสติมันเกิดเป็น ธรรมเก ขึ้น
    เมื่อเป็นธรรมเกขึ้นแล้ว ทีนี้มันก็จะต้องเกิดเป็น ธรรมโกง
    หนักเข้าก็จะต้องหลอกลวงเขาเลี้ยงชีวิต เมื่อดับมืดเสียแล้ว
    นี่เป็นแต่ครั้งพุทธกาลมาแล้วที่เป็นธรรมกาย ธรรมเก ธรรมโกง

    ธรรมโกงนี่น่ะ พระเทวทัตน่ะ นั่งธรรมกายดีกว่าเดี๋ยวนี้มากมาย
    ถึงกับเหาะไปในอากาศได้ แต่ทีนี้ไปติดลาภเข้า
    พอพระเจ้าอชาตศัตรูบำรุงบำเรอด้วยภัตตาหารบริบูรณ์ ก็เกิดเป็นธรรมโกงขึ้น

    ธรรมกายเป็นของบริสุทธิ์ นี่คิดจะฆ่าพระพุทธเจ้า จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง
    ธรรมกายก็ดับไป เมื่อดับแล้วก็เกิดเป็นธรรมเกขึ้น

    ทีนี้พระเจ้าอชาตศัตรูก็ำไม่เล่นด้วย
    เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูไม่เล่นด้วย ก็เสื่อมจากลาภสักการะ เกิดเป็นธรรมโกง
    ไปขอวัตถุ ๕ ประการต่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ให้
    ก็เกิดทำสังฆเภทขึ้น ก็ไปอยู่ในอเวจีนรกกันเท่านั้น





    (จากหนังสือ ทางมรรคผลนิพพาน: ธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย
    จัดพิมพ์โดย โครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชน วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พ.ศ. ๒๕๒๕)
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ท่านพี่ระมิงค์
    วันนี้ติงมารออ่านข้อความของท่านพี่ค่ะ
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]

    “ครูที่ไม่นับถือธรรมกายมีมากมาย อยามาบังคับจิตใจกันเลย” ข้อความจาก ครูโต้ง รักในหลวง
    “ไม่ยึดติด ไม่ถือมั่น และไม่ไป” ข้อความจาก Sommai Phumrattanapisal
    “ขอบอกด้วยคนว่าจะไม่ไป แต่เห็นบางคนบอกถ้าใครไม่ไปก็ไม่ได้เกียรติบัตร และไม่สามารถต่อใบประกอบวิชาชีพครูได้ มันเกินไปแล้ว” ข้อความจาก Somporn Jantra

    ท่ามกลางกระแสวิพากษ์ของครูค่อนประเทศ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่อดรนทนไม่ไหวกับกรอกรณี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ออกเอกสารเกณฑ์ครูทั้งประเทศกว่า 700,000 คน เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการในลัทธิธรรมกาย รวมกว่า 11 รุ่น ทั้งยังสั่งปิดโรงเรียน 3 วัน เฉพาะกิจ

    เรื่องของเรื่องก็คือ ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ. ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง แจ้งการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรรมโครงการโรงเรียนในฝัน และโรงเรียนมาตรฐานสากล ถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้โรงเรียนแจ้งข้าราชการครู ครูผู้ช่วย และครูอัตราจ้างของโรงเรียนในสังกัดนับแสนคน เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ ระหว่าง 24 ก.ค. - 4 ต.ค. 56

    ก่อนหน้านี้ คณะครูเมืองอุบลฯ ก็มีการเคลื่อนไหวยื่นหนังสือ นำโดย มานิตา มีแก้ว ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนนารีนุกูล จ.อุบลราชธานี และ กมลทิพย์ โชติจำรัส ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนศรีปทุมพิทยาคาร อ.เมือง พร้อมตัวแทนครูในเขตพื้นที่ฯ กว่า 40 คน ได้ทำการหนังสือต่อผู้อำนวยการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 จ.อุบลราชธานี เพราะไม่เห้นด้วยกับการที่กระทรวงศึกษาฯ บังคับครูให้เข้าอบรมกับวัดธรรมกาย เนื่องด้วยวัดธรรมกายยังตกเป็นโจทย์ของสังคม ประกอบกิจเชิงพุทธพาณิชย์ ทั้งยังบิดเบือนคำสอน อวดอ้างตน และระดมเงินบริจาค

    โครงการฯ เริ่มขึ้นโดยไม่สนใจกระแสต่อต้านจากครูจำนวนมาก ทั้งยังเดินเคลื่อนมาร่วมครึ่งทางแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีครูบางส่วนที่พยายามเรียกร้องความเป็นธรรรมต่อกรณีดังกล่าว ล่าสุด 18 ก.ย. 56 นำโดย มานิตา มีแก้ว ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนนารีนุกูล และ สมเกียรติ กาญจนชาติ บล็อกเกอร์ ทำการเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ ประธานคณะกรรมมาธิการการศึกษา ณ อาคารรัฐสภา เรื่อง ขอยกเลิกโครงการสัมมนาเชิงปฎิบัติธรรมของโรงเรียน ครู และนักเรียนทั่วประเทศที่ละเมิดรัฐธรรมนูญ และตรวจสอบการใช้งบประมาณของโครงการอีกครั้ง

    เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือที่ครูทำการยื่น เรื่อง ขอยกเลิกโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมของโรงเรียน ครู และนักเรียนทั่วประเทศที่ละเมิดรัฐธรรมนูญ และตรวจสอบการใช้งบประมาณของโครงการนี้ ตีแผ่ข้อเท็จจริงที่รอการตรวจสอบ อธิบายถึงตังเลขงบประมาณโครงการ ในปีงบประมาณ 56 สพฐ. อนุมัติงบประมาณ แบ่งเป็น

    1. สพฐ. อนุมัติวงเงิน 89 ล้านบาท ให้ โรงเรียนดีศรีตำบล
    2. สพฐ. อนุมัติวงเงิน 200 ล้านบาท ให้โครงการ โรงเรียนในฝัน (งวดแรก จำนวน 50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 56 และงวดสอง จำนวนเงิน 150 ล้านบาท ภายใน 15 ก.ค. 56)
    และงบประมาณปี 57 สพฐ. อนุมัติวงเงินงบประมาณรองรับ 77,780,000 บาท

    เนื้อหาระบุว่า โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมดังกล่าว แท้จริงเป็นการจัดของธรรมกายโดยธรรมกายและเพื่อธรรมกาย ตามหลักฐานที่ปรากฏเป็นเอกสารกำหนดการโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมเป็นพระจากวัดธรรมกายเป็นวิทยากรอบรมตลอดงาน ถ่ายทอดสดคำสอนจากวัดธรรมกาย สพฐ.เป็นเสมือนองค์กรหนึ่งของวัดธรรมกาย

    ผลการบังคับครูเข้าอบรมตามโครงการ ครูจำนวนมากบอกว่าไม่ต้องการไปอบรมกับวัดธรรมกาย ต้องชี้แจงบ้าง ลากิจ ลาป่วยบ้าง บ้างก็ไปลงเวลาแล้วกลับบ้าน ฯลฯ เป็นเหตุการณ์ที่สามารถตรวจสอบได้จากทุกโรงเรียนที่มีคำสั่งให้ไปอบรม ผลที่ตามมา คือ สพฐ. เสียงบประมาณไปเปล่าๆ 1,500-3,000 บาท : คน

    การบังคับ ไม่ว่าจะถือพุทธนิกายใด ไปเข้าโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพการนับถือศาสนาตามมาตรา 37 ของรัฐธรรมนูญ งบประมาณแผ่นดินอันเป็นภาษีราษฎรจำนวนมากดังกล่าว ที่ใช้ไปแล้ว และยังจะใช้ต่อไปในปีการศึกษา 57 อีก เป็นการใช้งบประมาณให้กับวัดธรรมกายโดยแท้จริง เป็นที่น่าวิตกถึงความเสียหายต่องบประมาณ ต่อประเทศชาติ ต่อพระพุทธศาสนา และต่อเยาวชนของประเทศในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม โครงการฯ ดำเนินการมากว่าครึ่งทางแล้ว ก็คงต้องจับดูกันต่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาฯ จะเจียดตามองเรื่องร้องเรียน หรือใช้ดุลพินิจพิจารณาข้อกังขาของครูในสังกัดหรือไม่?

    ที่มา:Daily News - Manager Online -
     
  19. ปลายธาตุ

    ปลายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +225
    วัดพระธรรมกายนั้นมารมันส่งมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ผู้คนจะใด้รูู้สึกรังเกียจ และไม่อยากปฏิบัติตาม ซึ่งแท้จริงแล้ววิชชานี้เดินจิตอย่างเดียวทำบุญอื่นเรื่องเล็ก และเป็๋นวิชชาของพระพุทธเจ้าแท้ๆที่ท่านใช้สอนทุกคนที่มานับถือศาสนาพุทธ แนวเดินวิชชาชัดเจนตลอดบรรยายอธิบายใด้ตามพระไตรปิฎกทุกขั้นตอน ไม่ต้องนั่งแปลเปรียบเทียบข้างๆคูๆอย่างแนวทางปฏิบัติอื่นๆเลย คนตั้งใจทำจริงจะใด้จริงๆ แต่ต้องเรียนกับผู้ที่ต่อสายแท้ๆจากหลวงพ่อสดเท่านั้น สอนก็ฟรี อะไรมันจะดีแต่....... คนไม่สนใจ ถ้าสนใจลองเข้าไปค้นคว้าดูกลุ่มนี้จริงแท้ที่สุดในสามโลกแล้ว ดร. มนัสตอบปัญหา: ขอเชิญถามปัญหา
     
  20. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    หากจะวิจารณ์ วิชชาธรรมกาย นั้น ผมเห็นว่าผมฝึกมายังน้อยอยู่ จะวิจารณ์ไปอาจผิดพลาดได้มากกว่า...เพราะที่ผมฝึกมาสมัยรุ่นๆนั้น เริ่มจากการกำหนดลูกแก้วเท่าเม็ดลูกปัด เข้าทางรูจมูกด้านขวา ไหลไปพร้อมกับลมหายใจ ผ่านโพลงจมูก กั๊กศีรษะ ลงมาผ่านลำคอ มาผ่านกระบังลม จรดลงที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7

    เวลาพูดๆบอกๆกันว่าฐานที่ 7 อยู่ตรงไหนนั้นก็รู้หรอกนะ แต่พอหลับตาลงไปแล้ว มันอยู่ตรงไหนหว่า??? มันเลยเหมือนคนหย่อนเบ็ดตกปลา ให้ผ่านร่องลงไปให้ปลาฮุบเหยื่อ มันก็ลองจรดไปเรื่อยๆ นับวัน นับเดือน ไม่ได้ แต่สังเกตว่า พอจรดได้ลง ตรงฐานที่ 7 เม็ดลูกแก้วขนาดเท่าลูกปัด มันขยายตัวเป็นลูกแก้วใหญ่เท่าลูกบอล จรดลงไปตรงกลางลูกแก้วก็เห็นองค์พระเป็นแก้วใส กำหนดไปที่ ฐาน ที่7 ของพระแก้วใสก็เห็นพระแก้วใสอีกองค์อยู่ภายใน ตรงนี้ไม่ยากแล้ว เพราะถ้ากำหนดไปไม่ถึงที่ฐานที่ 7 ของพระแก้วใส ก็จะไม่เห็นพระแก้วใสที่อยู่ภายใน...ทำไปเรื่อยๆผมไม่ได้นับเลยว่าผ่านไปกี่กาย จนสุด ก็เหมือนกายในมันหลุด ออกไป ปรากฎอยู่เบื้องหน้าพระแก้วใสองค์ใหญ่มากองค์หนึ่ง แล้วหมดแล้ว กำหนดเข้าไปที่ฐานที่ 7 ขององค์ท่านไม่ได้อีกแล้ว...ผมทำไปได้แค่เท่านั้น...

    แต่ว่าก็พอจะเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนไว้ มีอยู่จริง จะว่าจริงโดยสมมติหรือวิมุตก็ตามที ผมก็เห็นว่า หากทำตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนไว้แล้ว ก็มีผลตามที่ท่านสอนอยู่ ผมจึงไม่มีอะไรจะเถียงจะค้านหลวงพ่อวัดปากน้ำ ....

    ด้วยบารมีหลวงพ่อวัดปากน้ำ ทำให้ทุกวันนี้วัดปากน้ำ เจริญด้วยวัตถุเป็นอันมาก สิ่งก่อสร้างล้วนสวยงามวิจิตรตระการตา...หากแต่ว่าห้องสมุดวัดปากน้ำที่พอจะอาศัยศึกษาค้นคว้าคำสอนของหลวงพ่อนั้นกลับเก่า ทรุดโทรม ขาดการดูแล และหากว่าไปเลียบๆเคียงๆดูก็จะเห็นโรงงานผลิตวิชชา...ที่เงียบเหงาเก่าโทรมเสียเหลือเกิน เมื่อเปรียบเทียบกับวิหารที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์และเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้วนั้น...ไม่อาจเปรียบกันได้...

    ภิกษุสงฆ์ไม่ยึดถือคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ มีเพียงศึกษาปริยัติและสุขสบายด้วยลาภสักการะที่มากล้น วิชชาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำค้นพบ เฝ้าเพียรสอนนั้น ไม่เห็นแล้วในวัดปากน้ำ ห้องประชาสัมพันธ์กลายเป็นห้องจำหน่ายวัตถุมงคล แต่วิชชาที่เป็นมงคลกลับไม่มีพระ เณรสนใจใยดี...เล่าต่อไปก็จะพาให้จิตตกกันไปใหญ่ เบนซ์ S350 และรถตู้หรูหรานั่นปะไร???

    ทำไม? จากอดีตจนปัจจุบันยังมีผู้บริจาคเงินมากมายให้กับวัดพระธรรมกาย แม้จะมีการต่อต้าน ประโคมข่าว โจมตี ตีแผ่ แม้สมเด็จพระสังฆราช จะทรงมีพระราชวินิจฉัย อย่างชัดเจนแล้ว ผู้คนที่ยังศรัทธาก็ยังบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก...หากตัดท่อน้ำเลี้ยงนี้ลงเสีย องค์กรนิกายนี้ก็คงอยู่ไม่ได้...

    จากการเข้าไปคลุกคลีอยู่ในหมู่คณะเหล่านั้นเป็นเวลานานพอสมควร ก็พบว่า การอาศัยวิชชาธรรมกาย เพื่อให้ผู้ที่มาฝึก พอจะได้ผลในขั้นอุปจารสมาธิ เกิดปีติอย่างแรงกล้า ประกอบกับน้ำเสียงคำบรรยาย ที่เร่งให้ปีตินั้นฟูขึ้นได้ดี เป็นความสุขที่ถูกเรียกว่าบรมสุข สำหรับผู้นักปฏิบัติผู้หวังความหลุดพ้นแล้ว ปีติแบบนี้ เป็นเหมือนแค่ป้ายโฆษณาที่เราขับรถผ่าน ไม่ได้มีค่ามีราคาให้น่าหลงไหลติดใจได้ปลื้มอะไร...

    แต่ผู้ที่ใหม่อยู่ เมื่อพบปะเข้ากับปีติเช่นนี้เป็นครั้งแรก และถูกปลูกฝังต่อให้ติดอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อผู้นั้นออกจากปีติในขณะนั่งบริกรรมอยู่นั้น ยังคงมีอารมณ์ปีติค้างอยู่ไปได้อีก 3-4 วัน เมื่อนั้นใจจะพองผยองกล้าที่จะทำบุญบริจาคได้ชนิด ที่ทุ่มสุดชีวิต และเมื่อหลายๆคนเกิดอาการเดียวกัน เข้ากลุ่มสนทนาร่วมกัน ปีติก็ยิ่งเกิดมากมาย ในหมู่คณะจึงร่วมแรงร่วมใจกันทำทุกอย่างให้กับทางวัดได้ และปักจิต ปักใจกับสิ่งนี้จนใครพูดก็ไม่ฟัง พ่อแม่เตือนก็ไม่เชื่ออีกแล้ว มีเท่าไรทุ่มหมดตัว

    ตรงนี้ก็ต้องขอยอมรับว่าเป็นวิธีที่แยบคายวิธีหนึ่ง ในการดูดทรัพย์ ดูดนักศึกษาปัญญาชน ดูดคนที่มีศักยภาพไปร่วมทีมด้วย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งๆขึ้น...เมื่อมีกำลังอำนาจขึ้น จะสอนอะไร ดัดแปลงคำสอนอย่างไร พูดอะไรไป ทุกคนเชื่อหมด ...

    นี่เป็นความเห็นส่วนตัวผมที่ได้เข้าไปคลุกคลีมา และพอจะวิเคราะห์เรื่องราวได้ประมาณนี้ ผิด ถูก อย่างไร ไม่รับรอง เพราะว่าเป็นเพียงความเห็นจากสติปัญญาส่วนตัวเท่านั้น ท่านใดอ่านแล้ว ก็ขอให้พิจารณาไตร่ตรองตามกำลังสติปัญญาของท่านเอง อย่าพึ่งได้เชื่อถือคำวิเคราะห์วิจารณ์ของผม....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...