ตามหาลูกหลานพญานาคที่มาเกิด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย MANENAKA WANGKATEKEAW, 13 มีนาคม 2013.

  1. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    อนุโมทนาครับ... การเห็นย้อนภพชาติ ผมเชื่อว่าจริง...การสแกนกรรมที่ฮิตๆ กันก็เป็นจริง (ผมเชื่อของผมอย่างนั้น) แต่.... ผู้ที่สแกนกรรมได้จนสุดประมาณนั้น...มีเพียงพระองค์เดียว... หากไปเชื่อการสแกนกรรม ท่านสแกนได้กี่ภพชาติ ... แล้วก่อนหน้านั้นอีกเป็นอนันตชาติสแกนไม่ได้ แล้วจะมาแนะนำให้เราแก้กรรมได้อย่างไร

    สุดท้าย...การปฏิบัติภาวนาวิปัสสนากรรมฐานจะเป็นทางออกที่ประเสริฐ

    พระอริยสงฆ์องค์หนึ่งกล่าวไว้ว่า "เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฏแห่งกรรมมีวิปัสสนากรรมฐาน"
     
  2. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    มีนิทานมาอีก

    วันนี้ (27 ธ.ค.) ได้นำพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ และพระธาตุจากเพื่อนธรรมท่านที่สอง ที่สามารถอัญเชิญมาปรากฏแบบอจินไตยไปถวายพระอาจารย์อีกชุดหนึ่งเพื่อมอบให้แก่ทางวัดที่ได้ขอไปบูชาผ่านทางท่าน เมื่อได้ไปพบท่านที่กุฏิและหลังจากถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ และพระธาตุแด่ท่านแล้ว ท่านได้แจ้งว่าพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ และพระธาตุชุดแรกนั้นได้ถวายต่อไปยังวัดที่จ.มุกดาหาร 2 วัดและจ.เลย อีก 1 วัด (ก็ขอให้ท่านที่เข้ามาอ่านและมีความศรัทธาได้ร่วมโมทนาบุญนี้ด้วยกันนะครับ)

    ต่อจากนั้...ท่านก็ได้เล่านิทานให้ผมฟังอีกครับ เรื่องมีอยู่ว่า

    เรื่องที่ 1 - สามวันที่ผ่านมา หลังจากล้างบาตรเสร็จแล้ว พบลูกแก้วกลมขนาดเมล็ดลำไยใหญ่ๆ สีน้ำเงินเหลือบทองวางอยู่บริเวณที่ผึ่งบาตรให้แห้ง ท่านเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นของเด็กๆ ที่มาเล่นในวัดแล้วลืมทิ้งไว้ ท่านจึงนำไปวางไว้ที่โคนไม้ใหญ่ในวัด พอกลับขึ้นกุฏิกลับพบว่า ลูกแก้วนั้นกลับมาวางอยู่ตรงบันไดขึ้นกุฏิ ท่านยังไม่คิดอะไรมากก็ขว้างลูกแก้วนั้นออกไปไกลๆ

    สักพักท่านลงมาจากกุฏิ ที่หน้ากุฏิมีต้นไม้ขนาดปานกลางอยู่ต้นหนึ่ง ท่านก็มองลงไปที่โคนต้นไม้นั้นก็เห็นจะจะเลยว่าลูกแก้วลูกเดิมนั้นผุดพรวดขึ้นมาจากดินที่โคนไม้พุ่งขึ้นเหนือดินไปในอากาศประมาณ 1 ฟุตก็ตกลงบนดิน (นึกภาพเหมือนเราอมลูกอมแล้วเงยหน้าเป่าลูกอมขึ้นไปในอากาศ) คราวนี้ท่านก็เลยเก็บไว้ แต่ไม่ได้นำเข้ากุฏิ แต่วางไว้ในกระถางต้นไม้แขวน ซึ่งต้นไม้นั้นมีชื่อว่าต้น "นาคราช" เล่าจบแล้วท่านก็มองหน้าผม ผมเองก็ยังเฉยๆ เพราะสิ่งมงคลที่เสด็จมาแบบอจินไตยนี้ก็พอจะมีอยู่บ้างแล้ว ท่านเห็นผมเฉยๆ ท่านก็เล่านิทานเรื่องต่อไป...

    เรื่องที่สอง - ท่านหยิบวัตถุมงคลองค์หนึ่งที่ถูกสร้างเป็นท่านท้าวเวสสุวรรณ (เนื้อผงสีน้ำตาลเทา) มาให้ชมแล้วกล่าวว่า สิ่งเหนือโลกทั้งหลายมีทั้งสัมมาทิษฐิ และมิจฉาทิษฐิ หากโยม (หมายถึงผม) หากต้องไปปฏิบัติธรรมหรือต้องเดินทางไปในถิ่นที่ห่างไกลแล้วก็ให้นำติดตัวไปด้วย... ท่านกล่าวเพียงแค่นี้แล้วก็มอบวัตถุมงคลนั้นให้ผมไว้

    ผมถามว่า...วัตถุมงคลนี้ท่านมาอย่างไร
    พระอาจารย์ตอบว่า... มาวางอยู่บนพานบนโต๊ะพระในกุฏิท่านเอง ไม่ทราบว่าใครเอามาให้

    เมื่อได้เวลาสมควร ผมก็กราบลาท่านกลับ ท่านเมตตาเดินลงมาส่ง แล้วกล่าวว่าตามอาตมามาหน่อย... ท่านก็เดินไปที่ต้น "นาคราช" นั้น ลูกแก้วนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม ท่านจึงหยิบออกมาแล้วมอบให้ผมไว้บูชาครับ

    จบนิทานแล้วครับ... ธรรมะสวัสดี
     
  3. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    คิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นบาปเพียงใด?
    โดย
    ดังตฤณ
    ธันวาคม ๕๖


    ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน
    กรรมสำเร็จด้วยใจ
    ฉะนั้น ผลแห่งกรรมทั้งหลายย่อมไหลมาจากใจเช่นกัน
    จะคิดอะไรแล้วบาปแค่ไหน หรือเป็นบุญเพียงใด
    ก็ขึ้นอยู่กับใจที่มุ่งคิด
    ขึ้นอยู่กับกำลังใจที่ใช้ก่อกรรม


    หากจงใจคิดไม่ดี เช่น อาฆาตมาดร้ายอยากเอาคืน
    หรือเห็นการคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องสนุก
    เรียกว่ามโนกรรมอันเป็นมหาอกุศล
    เพราะอาศัยกำลังใจก่อบาปตรงๆ เต็มๆ


    แต่หากไม่ได้จงใจ ทว่าเกิดความรู้สึกอยากทำร้าย
    อยากขโมย อยากผิดกาม อยากโกหก
    หรืออยากลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ในรูปความคิดแวบผ่านเข้ามาในหัว
    ไม่ได้มีกำลังใจของตนเองหนุนหลังจริงจัง
    อย่างนี้เรียกว่าเป็น ‘ความจำได้หมายรู้’ อันเป็นอกุศล
    หาใช่การก่อกรรม หาใช่บาปร้ายแรง
    ที่จะติดตัวเป็นเงาตามไปให้ผลไม่


    อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดความจำ
    หรือเกิดความสำคัญมั่นหมายอันเป็นอกุศลขึ้นในหัวแล้ว
    ที่จะชี้วัดว่าเกิดบาปหรือเกิดบุญตามมา
    ต้องดู ‘ใจ’ ที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับอกุศลธรรมนั้นๆ


    หากเอาแต่เฝ้าทรมานใจ
    แอบกังวลอยู่กับตัวเองโดยไม่กล้าบอกใคร
    ครุ่นคิดว่าเราเป็นคนบาปแล้วหนอ
    หรือสงสัยว่าเราจะต้องตกนรกหรือเปล่าหนอ
    เช่นนี้ แท้จริงแล้วคุณกำลัง ‘รับผลของกรรมเก่า’
    ที่เคยไปเบียดเบียนคนอื่นให้เจ็บใจ
    หาใช่ ‘ก่อกรรมใหม่’ ด้วยการทำให้ใครเดือดร้อนไม่
    ไม่แม้กระทั่งจงใจคิดร้ายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหนๆด้วยซ้ำ


    แต่หากเริ่มคล้อยตามความคิดพิเรนทร์
    เต็มใจครุ่นคิดต่อ ตามเสียงกระซิบของปีศาจในหัว
    กระทั่งคึกคะนอง โพล่งวาจาทะลึ่งตึงตังให้คนอื่นได้ยิน
    อย่างนี้เรียกว่าก่อกรรมใหม่อันเป็นไปในวิถีปีศาจแล้ว
    เมื่อสะสมบาปมาก จิตวิญญาณย่อมมีรูปปีศาจ
    เหมาะกับแดนปีศาจในภายภาคหน้า


    ในทางกลับกัน
    หากอาศัยความจำได้หมายรู้อันเป็นอกุศลนั้น
    เป็นเครื่องมือฝึกสติ ทำสติให้เจริญขึ้น
    เริ่มจากยอมรับตามจริงว่า อกุศลธรรมเกิดขึ้นในหัว
    เห็นตามจริงว่าเราไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เต็มใจให้มันเกิดขึ้น
    สิ่งใดเกิดขึ้นด้วยสาเหตุหนึ่งๆเป็นธรรมดา
    เมื่อหมดเหตุหนึ่งๆแล้ว สิ่งนั้นย่อมต้องดับลงเป็นธรรมดา
    ไม่น่ายินดี และไม่น่ายินร้าย
    เห็นอย่างนี้เรียกว่าก่อกรรมใหม่เป็นการ ‘เจริญสติ’
    ซึ่งทางพุทธศาสนาถือเป็นบุญขั้นสูงสุด
    เหนือกว่าการรักษาศีลสำเร็จ
    และเหนือกว่าการให้ทานไม่เลือกหน้า


    สรุปคือ หากมองถูก
    อกุศลธรรมก็เป็นปัจจัยให้เกิดบุญขั้นสูงสุด
    เท่าที่มนุษย์จะทำได้
    และมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ชี้ทางให้ทำได้
    โดยก่อตั้งศาสนาที่สอนให้ดูความคิดไม่เที่ยง
    ทรงสอนให้เห็นบ่อยจนรู้ซึ้งว่า ความคิดไม่ใช่ตัวตน
    จะเป็นความคิดฝ่ายกุศลหรืออกุศลก็ตาม


     
  4. klaichid

    klaichid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +807
    ขอบพระคุณ มากสำหรับนิทานและบทความที่ดีๆเช่นนี้

    เป็นกุศลอย่างมาก และเป็นแนวทาง ที่ช่วยสรุปสาระสำคัญให้ผู้ที่กำลังปฎิบัติได้ทราบ

    สาธุ ธรรม ค่ะ ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้น เจ้าค่ะ
     
  5. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    คุยกันตามประสาเพื่อน

    30 ธค 2556
    ถามแบบไม่ได้ศึกษาทางจิตวิญญาณนะครับ
    - เหตุใดวิญญาณชั่วจึงมาเกิดเป็นคนได้ แล้วมาก่อกรรมทำให้ต้องไปชดใช้ในภพภูมิถัดไป
    - การลงโทษให้ชดใช้กรรมชั่วหลังจากตายไปมันช้าไปไหม ใช้กรรมแบบทันทีทุกๆกรณีจะได้ไหม จะได้มีโอกาสสะสมบุญบารมีในทุกชาตฺที่เกิด
    - คนเราเกิดมาน่าจะได้สร้างกรรมดี สะสมบุญให้เกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นจนนิพพาน แต่ทำไมยังมีโอกาสให้ทำชั่วได้ ก่อกรรมได้ ทำอย่างไรทุกคนจึงจะหมดโอกาสทำชั่วได้เมื่อได้เกิดเป็นคนแล้ว...
    -----------------------------------------------------------------------------------------------

    เพื่อนรัก... คำถามของเพื่อนนั้น... ต้องให้พระอริยสงฆ์ตอบซะแล้ว....
    ตัวผมเอง...ก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก...ปฏิบัติภาวนามากๆ เข้าก็รู้เลยว่า ตัวเรานี้ช่างแย่อะไรปานนี้

    ถ้าจะตอบคำถามเพื่อนตามภูมิปัญญาที่ได้รู้มาเล็กๆ น้อยๆ ก็น่าจะเป็นตามนี้ (ต้องบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวนะเพื่อน... เหมือนคุยกันในหมู่เพื่อนฝูง)

    - เหตุใดวิญญาณชั่วจึงมาเกิดเป็นคนได้ แล้วมาก่อกรรมทำให้ต้องไปชดใช้ในภพภูมิถัดไป

    ตอบ - สัตว์ต่างๆ (หมายรวมถึงสัตว์ต่างๆ ใน 31 ภพภูมิ) ได้เกิดมาทำกรรมดีและกรรมชั่วนับอนันตชาติ เมื่อได้รับผลของกรรมดีและกรรมชั่วมาเรื่อยๆ หลายล้านชาติภพจนมาชาติภพปัจจุบัน ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์เพราะมีเศษของกรรมดีหนุนส่ง (การทำงานของกรรม พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นเรื่องอจินไตยครับ) ไม่ใช่เพราะชาติที่แล้วเป็นวิญญาณชั่ว แล้วเหตุไฉนจึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ก็เนื่องจากเศษของบุญที่ได้เหลือไว้... แต่ดวงจิตที่มาอาศัยร่างนี้เป็นจิตที่เศร้าหมองชั่วช้า...จึงมาทำกรรมชั่ว อีก... แต่ที่แน่ๆ หล้ังจากหมดชาติปัจจุบันนี้ ดวงจิตนี้ก็จะไม่ได้ขึ้นสุคติภูมิ (ได้แก่ มนุษย์ เทวดา พรหม) อีกนานแสนนานคือลงทุคติภูมิ (เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือสัตว์นรก)

    - การลงโทษให้ชดใช้กรรมชั่วหลังจากตายไปมันช้าไปไหม ใช้กรรมแบบทันทีทุกๆกรณีจะได้ไหม จะได้มีโอกาสสะสมบุญบารมีในทุกชาตฺที่เกิด

    ตอบ - เรื่องนี้ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นชัดขึ้นนะเพื่อน...

    สมมติว่า การสร้างบุญทุกครั้งของคนๆ หนึ่งเหมือนกับการสร้่างเรือลำหนึ่ง... ทำมากๆ เข้า เรือก็ลำใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น สามารถต้านทานกระแสน้ำ (ผลสะท้อนแห่งกรรมชั่ว) อันเชี่ยวกรากรุนแรงได้

    แต่ทว่าคนนี้..เลิกสร้างบุญ แต่ไม่ทำชั่ว บุญเก่าก็คือเรือก็ยังคุ้มตัวไปได้ แต่ก็ค่อยๆ ผุพังลงตามกาลเวลา..จนในที่สุดเรือก็พัง กระแสน้ำแห่งกรรมชั่วก็จะลากเขาลงสู่นรก นั่นก็คือ มันต้องใช้เวลาสักระยะที่ให้คนผู้นี้รับกรรมชั่วที่ได้เคยทำมา
    หากแต่ว่าคนนี้...นอกจากเลิกสร้างบุญ ยังเติมบาป ก็เหมือนกันเริ่มทุบทำลายเรือของตนเองทีละนิด....หากบุญเก่ามาก อันหมายถึงเรือลำใหญ่มาก แข็งแรงมาก การทุบทำลายของเขาจนเรือจะพังลงก็ใช้เวลาบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เรือลำนี้ก็จะพังได้เร็วกว่าในกรณีแรก

    ผู้ที่มีปัญญา..ทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว...จะไม่ยอมทำชั่ว (ทุบทำลายเรือ) นอกเสียจากทำแต่ความดี (บุญ 10 ประการ) เรือของเขาก็จะแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไปจนกรรมชั่วที่เคยทำมา ทำอะไรเขาไม่ได้ และถ้าหากได้ปฏิบัติภาวนาจนพ้นโลกิยะภูมินี้แล้ว จิตเข้าสู่พระอรหันต์ กรรมต่างๆ จะกลายเป็นอโหสิกรรมไปทั้งหมด

    - คนเราเกิดมาน่าจะได้สร้างกรรมดี สะสมบุญให้เกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นจนนิพพาน แต่ทำไมยังมีโอกาสให้ทำชั่วได้ ก่อกรรมได้ ทำอย่างไรทุกคนจึงจะหมดโอกาสทำชั่วได้เมื่อได้เกิดเป็นคนแล้ว...

    ตอบ - จิตของมนุษย์ทุกคนนั้นเดิมทีเป็นจิตที่สะอาด ผ่องใส แต่มาเริ่มเศร้าหมองเพราะเมื่อมีปํญญาเรียนรู้มากขึ้น เกิดความปรุงแต่ง เกิดความนึกคิด อันเป็นมิจฉาทิษฐิ (ดื้อรั้นในทางที่ผิด) และคิดไปเองว่า สิ่งที่ตนเข้าใจนั้นถูกต้องตรงกับปัจจุบัน ดังนั้น..สิ่งชั่วที่มนุษย์คนนั้นทำลงไป คนนั้นไม่เคยคิดว่ามันเป็นความชั่วเลยสักนิด เช่นความเห็นแก่ตัว ความละโมบโลภมากในผลกำไรในการค้าจนเกินไป ความไม่มีมนุษยธรรม ซึ่งมันค่อยๆ หมดลงไปจนจะไม่เหลือแล้ว

    ถ้าพวกเรา หันมาศึกษาพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้ง... ไม่ใช่แค่ทำบุญแล้วหวังผลต่างๆ ภายหลัง ... ควรศึกษาว่า วงจรปฏิจจสมุปบาทนั้นเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจให้ได้ (ซึ่งไม่ยากจนเกินไปนัก เพราะธรรมของพระองค์นั้นมีไว้สอนมนุษย์) แล้วเราก็จะพบทางพ้นทุกข์ทั้งๆ ที่มีกายเนื้อนี้ได้จริงๆ ศาสนาพุทธมีไว้ให้พิสูจน์ ไม่ได้มีไว้ให้เชื่อนะครับเพื่อน..

    คนที่จะหมดโอกาสทำชั่วนั้น..ไม่มี..ยกเว้นพระอรหันต์ เนื่องจากท่านได้ฝึกจิตของตนจนสามารถรู้ทันสิ่งที่เข้ามากระทบความรู้สึก ต่างๆ ในจิตท่าน พระอรหันต์ไม่ใช่ผู้ที่สกัดกั้นหรือบังคับจิตตนเองได้ แต่ท่านรู้ทันต่างหาก

    ตัวอย่าง - คนมีสติทั่วๆ ไป เวลารู้สึกโกรธ สติหรือความรู้สึกตัวจะหายไปทันที จนอีกสักพักจะรู้สึกได้ว่า "โกรธไปแล้ว" ถ้ามีสัมปชัญญะก็จะดึงสติกลับมาให้อภัยหรือปล่อยวาง (ตามประสาเพื่อนก็คือ "ช่าง....มัน") แต่พระอรหันต์จะไม่ขาดสติและสัมปชัญญะในเรื่องโกรธและไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น (รัก โลภ โกรธ เกลียด อาฆาต ริษยา ฯลฯ อันเป็นการทำงานของจิต) ท่านรู้ทันและวางลงได้อย่างรวดเร็วมาก

    พระอรหันต์ท่านละวางลงทั้งทางร่างกายและจิตใจทั้งหมด ท่านรู้แล้วว่า ขันธ์ทั้งห้าคือทุกข์ จิตของท่านก็คือทุกข์ เมื่อละวางทั้งขันธ์ห้าและจิตแล้ว ...แสนจะบรมสุข...แล้วก็นิพพาน

    ธรรมะสวัสดีครับ


     
  6. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    วันที่เสาร์ ที่18 มค. 2556

    ทางวัดป่าประชาสามัคคีธรรม บรบือ
    จัดพิธีอัญเชิญฯ ลูกแก้ว


    ท่านใดที่สนใจสามารถ ไปที่วัดได้โดยตรง


    หรือสอบถามเส้นทาง รายละเอียด
    087-111-0916
    ติดต่อทีวัดโดยตรง 082-169-7865
    Mail:wangkatekeaw@hotmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  7. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    วันที่เสาร์ ที่24 มค. 2556

    ทางวัดป่าประชาสามัคคีธรรม บรบือ
    จัดพิธีอัญเชิญฯ ลูกแก้ว


    ท่านใดที่สนใจสามารถ ไปที่วัดได้โดยตรง


    หรือสอบถามเส้นทาง รายละเอียด
    087-111-0916
    ติดต่อทีวัดโดยตรง 082-169-7865
    Mail:wangkatekeaw@hotmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    วันที่ 25 มกราคม 2557

    ลูกหลานพญานาคที่มาเกิด ไปพบกัน เวลา 10.19 น.
    วัดป่าประชาสามัคคีธรรม บรบือ จ.มหาสารคาม

    เพื่อเปิดบ้านแปลงเมือง เพื่อเป็นศิริมงคล
    ในงาน เปิดเมือง "อธิบดีศรีหราช" เป็นเมืองในยุคพระศรีอริยะเมตไตย
    ณ.วังเกศแก้วบัวบาน วัดป่าประชาสามัคคีธรรม

    ในวันดังกล่าว มีเปิดโรงทานเลี้ยง...

    ท่านใดมีความจำนงค์
    จะเป็นเจ้าภาพโรงทาน ติดต่อที่ 087-111-0916

    ติดต่อทีวัดโดยตรง 082-169-7865
    Mail:wangkatekeaw@hotmail.com


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    คติธรรม ๑๘ พระอาจารย์

    ที่มา www.cupamnat.com/phodma/Form/thamma/t1.doc

    ๑. หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
    วิปัสสนานี้ มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา มีสุคติภพ คือ มนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว
    อนึ่ง ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล ๕ และกุศลกรรมบท ๑๐ จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนักเพราะอันตรายชีวิตทั้งภายใน ภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ยากยิ่งนัก เพราะกาลที่ว่างเปล่าอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบ บางสมัย จึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย

    ๒. หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    การบำรุงรักษาสิ่งใดๆ ในโลก...การบำรุงรักษาตนคือ ใจเป็นเยี่ยม จุดที่เยี่ยมยอดของโลกคือ ใจ ควรบำรุงรักษาด้วยดี
    ไม่ว่าธรรมส่วนใด ถ้าสำคัญ "ตน" ว่าเสวยเป็นอันผิดทั้งนั้น
    ติดดี นี่แก้ยากกว่าติดชั่วเสียอีก


    ๓. หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    ส่วนธรรมะ ให้ดูที่จิตของตัวเอง ปฏิบัติที่จิต เมื่อเข้าใจจิตแล้ว อย่างอื่นก็เข้าใจเอง หลักธรรมที่แท้จริงนั้นคือ จิต ให้กำหนดดูจิต ให้เข้าใจจิตตัวเองสึกซึ้งแล้ว นั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม
    ถึงจิตไม่สงบก็ไม่ควรให้มันออกไปไกลใช้สติระลึกไปแต่ในภายในกายนี้ ดูให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อสุภสัญญา หาสาระ แก่นสารไม่ได้ เมื่อจิตมองเห็นชัดแล้ว จิตก็เกิดความสลดสังเวช เกิดนิพพิทา ความหน่ายคลายกำหนัด ย่อมตัดอุปาทานขันธ์ได้เช่นเดียวกัน
    การศึกษาธรรมด้วยการอ่านการฟัง สิ่งที่ได้ก็คือ สัญญา (ความจำได้) การศึกษาธรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ สิ่งที่เป็นผลของการปฏิบัติคือ ภูมิธรรม
    การปฏิบัติ ให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสำรวม เพื่อความละ เพื่อความคลายกำหนัดยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์วิมาน หรือแม้พระนิพพานก็ไม่ต้องตั้งเป้าหมายเพื่อจะเห็นทั้งนั้น ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอยากเห็นอะไร เพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง

    ผู้ที่ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้าชาติหลัง หรือนรก สวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรงศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง ๑๖ ชั้นตามมตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้วย่อมได้เลื่อนฐานะของตนโดยลำดับ หรือถ้าสวรรค์นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ

    ๔. หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี
    ตามกระแสพระธรรมเทศนาของสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทุกข์เป็นของไม่ควรละ แต่เป็นของควรต่อสู้ ความทะยานอยากได้สุขหรือไม่อยากให้มีทุกข์ต่างหาก เป็นของควรละ ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น
    ทุกข์กับความเพียรเท่านั้นที่มีค่ามากในโลกนี้ หากไม่มีทุกข์กับความเพียรเสียแล้ว ใครๆ ในโลกนี้ จะไม่ทำความดีเพื่อพ้นทุกข์ในโลกนี้และโลกหน้า ตลอดถึงพระนิพพาน
    แท้จริงความนึกคิดไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์
    หลักอนัตตา ในทางพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยปัญญาอันชอบ พระองค์มิได้ตรัสว่าอนัตตาเป็นของไม่มีตนไมมีตัว เป็นของว่างเปล่า พระองค์ตรัสว่า ตนตัวคือ ร่างกายของคนเรา อันได้แก่ขันธ์ทั้ง ๕ นี้ มันมีอยู่แล้ว แต่จะหาสิ่งเป็นสาระในขันธ์ ๕ นั้นไม่มี ดังนี้ต่างหาก
    การเห็นความฟุ้งซ่านของจิตนั้นคือ "ปัญญาชั้นต้น"
    คนใดว่าตนดี คนนั้นยังไม่ดี ใครว่าตนวิเศษวิโส หรือฉลาดเฉียบแหลม คนนั้นคือ คนโง่

    ๕. หลวงปู่ขาว อนาลโย
    สติเป็นแก่นของธรรม แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติ ให้พากัน หัดทำให้ดี ครั้นมีสติแก่กล้าดีแล้ว ทำก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด กุศลธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้น เมื่อบุคคลอยู่กับสติแล้ว สติเป็นใหญ่ สติมีกำลังดีแล้ว จิตมันรวม เพราะสติคุ้มครองจิต

    ๖. หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    เวลากิเลสมันเกิดขึ้น เกิดขึ้นทางกาย เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ รู้ทันมันเดี๋ยวนี้ มันก็ดับไปเดี๋ยวนี้แหละ
    ตัวสติมันปกครองอยู่เสมอ ถ้ามีสติอยู่ทุกเมื่อ มันบ่ได้คุบมันหละ ครั้นเกิดขึ้น รู้ทันมันก็ดับ รู้ทันก็ดับ รู้ทันก็ดับ คิดผิดก็ดับ คิดถูกก็ดับ พอไจไม่พอไจก็ดับลงทันทีที่ตัวสติ


    ๗. ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
    เมื่อมนุษย์เป็นคนไม่ดี แม้วัตถุเหล่านั้นจะเป็นของดีก็ตาม มันจะกลับกลายเป็นโทษแก่ปวงชนได้เหมือนกัน
    ถ้ามนุษย์มีธรรมประจำใจ สิ่งทั้งหลายที่ให้โทษก็จะกลายเป็นประโยชน์
    พวกเราทั้งหลายไม่มีความสัตย์ความจริงต่อดัวเอง จึงมิได้ประสบสุขอันแท้จริงเหมือนอย่างพระพุทธองค์ เราบอกกับตัวเองว่า อยากได้ความสุข แต่เราก็โดดเข้าไปสู่กองไฟร้อน เรารู้ว่าสิ่งนั้นๆ เป็นยาพิษ แต่เราก็ดื่มมันเข้าไป นี่แหละเป็นการทรยศต่อตัวเอง

    ๘. ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต
    คำว่า "ไม่สบายใจ" อย่าใช้ และอย่าให้มีขึ้นในใจต่อไป "Let it go, and get it out !" ก่อนมันจะเกิด ต้อง "Let it go" ปล่อยให้มันผ่านไป อย่ารับเอาความไม่สบายใจไว้
    ที่จะทำอะไรไม่ผิดนั้น ข้อสำคัญอยู่ที่สติถ้ามีสติคุ้มครองกาย วาจา ใจ อยู่ทุกขณะ จะทำอะไรไม่ผิดพลาดเลย ที่ผิดพลาดเพราะขาดสติคือ เผลอ เหม่อ เลินเล่อ ประมาท ระเริง หลงลืมจึงผิดพลาด จงนึกถึงคติพจน์ว่า "กุมสติต่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม"
    ต้องฝึกหัดแก้ไขปรับปรุงจิตใจเสียใหม่ทั้งก่อนที่จะทำอะไร หรือกำลังกระทำอยู่ และเมื่อเวลากระทำเสร็จแล้ว ต้องหัดให้จิตใจ แช่มชื่นรื่นเริง เกิดปีติปราโมทย์ เป็นสุขสบายอยู่เสมอเป็นเหตุให้เกิดกำลังกาย กำลังใจ "Enjoy living" มีชีวิตอยู่ด้วยความเบิกบาน สมองจึงจะเบิกบาน จะศึกษาเล่าเรียนก็เข้าใจง่ายเหมือนดอกไม่ที่แย้มบานต้องรับหยาดน้ำค้าง และอากาศอันบริสุทธิ์ฉะนั้น
    "จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆ นะ" เป็นคำแทนคำอวยพรอย่างสูงสุด ประกอบด้วยเหตุผล เมื่อทำกรรมดีแล้ว ไม่ให้พรก็ต้องดี เมื่อทำชั่วแล้ว จะมาเสกสรรปั้นแต่งอวยพรอย่างไร ก็ดีไม่ได้ ทำชั่วเหมือนก้อนหินจะต้องจมทันที ไม่มีผู้วิเศษใดๆ จะเสกเป่าอวยพร ขอร้องให้หินลอยขึ้นมาได้ ทำกรรมชั่วต้องล่นจมป่นปี้เสียราศีเกียรติคุณชื่อเสียง เหมือนก้อนหินหนักจมลงไปอยู่กับโคลนใต้น้ำ

    ๙. หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    เราเป็นผู้ก่อกรรม ก่อเวร ก่อภัย ไม่มีใครก่อให้ ไม่ใช่เทวบุตร เทวธิดาสร้างให้ พี่น้องสร้างให้ บิดามารดาสร้างให้ เราสร้างเอง

    ๑๐. หลวงปู่คำดี ปภาโส
    ความจริงจิตใจของเราเองเป็นตัวก่อทุกข์ สังเกตได้จากพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เมื่อท่านมีความรู้ มีปัญญาคุ้มครองรักษาใจท่านดีแล้ว ท่านก็ไม่มีทุกข์ เพราะท่านไม่ปรารถนาในสิ่งต่างๆ เมื่อเราประสบกับรูป กลิ่น เสียง หรืออื่นๆ ก็เพราะใจเรามีตัณหา ปรารถนา ทะเยอทะยาน ยินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น ทำให้เราเป็นทุกข์
    ไม่ใช่ว่ารูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ หรือสิ่งอื่นๆ ที่จะได้มาเผาเราให้ร้อนเป็นทุกข์ ตัวของเราเองที่เป็นไฟมาคอยเผาตัวเอง

    การภาวนา ท่านต้องการให้เราปราบกิเลสของเราเท่านั้น คือเห็นความโลภ เห็นความโกรธของตน เห็นความหลงของตน เห็นราคะตัณหาของตน เห็นมานะทิฏฐิของตน
    นี่แหละ บรรดาสิ่งสมมติที่เราไปยึดถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเรานั้น ก็จะได้เพียงชีวิตหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยา หรือสมบัติต่างๆ เมื่อเราตายไปแล้ว เราจะยึดถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอีกไม่ได้ เราจะเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นติดตามไปสวรรค์ นรก หรือที่ไหนๆ ก็ไม่ได้ ตรงกับคำว่า "สมบัติของโลก ก็ต้องอยู่ในโลก"

    ๑๑. หลวงพ่อดู่ พฺรหฺมปญฺโญ
    "โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม" เรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้
    ส่วนเรื่องธรรมนั้นมีที่สุด มาจบที่ตัวเรา ให้มาไล่ดูตัวเองแก้ไขตัวเราเอง ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง
    ถ้าเป็นโลกแล้ว จะมีแต่ส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา แต่ถ้าคิดสิ่งที่เป็นธรรมแล้ว ต้องวกกลับเข้ามาหาตัวเอง เพราะธรรมแท้ๆ ย่อมเกิดในตัวของเรานี่ทั้งนั้น
    รอให้แก่เฒ่าหรือจวนตัวแล้วจึงสนใจภาวนา ก็เหมือนคนหัดว่ายน้ำเอาตอนเรือหรือแพใกล้แตก มันจะไม่ทันการณ์

    ๑๒. หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    เมื่อสิ่งที่ไม่เที่ยงนั้นแหละมาถึงบุคคลใด บุคคลนั้นจะต้องรู้เท่าทัน อย่าไปยึดเอาถือเอา เมื่อไปยึดสิ่งได ถือสิ่งไดสิ่งนั้นไม่เป็นไปตามใจหวัง ก็เกิดความทุกข์ขึ้นมา ถ้าไม่ยึดเอาถือเอา เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีความไม่เที่ยงอย่างนี้ มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เกิดขึ้นใหม่ ตั้งอยู่ ก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เป็นอยู่อย่างนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าคน สัตว์ วัตถุธาตุทั้งหลาย มีความไม่เที่ยงแท้แน่นอนอย่างนี้
    วันเวลาที่หมดไปสิ้นไปโดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตัวเองบ้างในชีวิตที่เกิดมาในโลก และได้พบพระพุทธศาสนานี้ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก เวลาแม้เพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้านบาท ก็ไม่สามารถซื้อกลับคืนมาได้ ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้ จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับปล่อยวันเวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว
    "มรณกรรมฐาน" นี้เป็นยอดกรรมฐานก็ว่าได้ คนเราเมื่ออาศัยความประมาทมัวเมา ไม่ได้มองเห็นภัยอันตรายจะมาถึงตน คิดเอาเอง หมายเอาเองว่า เราคงไม่เป็นอะไรง่ายๆ เราสบายดีอยู่เรายังเด็กยังหนุ่มอยู่ ความตายคงไม่กล้ำกรายได้ง่าย อันนี้เป็นความประมาทมัวเมา

    ๑๓. ท่านอาจารย์ffice:smarttags" />พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
    ธัมมะท่านสอนให้ดูตัวเอง ระวังตัวเอง จะได้เห็นความบกพร่องของตัวเอง แล้วแก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ จนสมบูรณ์ได้

    ๑๔. ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
    ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่าที่จะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นต้นของการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร
    ไปกี่วัดกี่วัด รวมแล้วก็วัดเดียวนั่นหละคือ วัดตัวเรา
    จิตเปรียบเหมือนพระราชา อารมณ์ทั้งหลายเปรียบเหมือนเสนา เราอย่าเป็นพระราชาที่หูเบา
    มัวแต่นึกถึงวันเกิด ให้นึกถึงวันตายเสียบ้าง
    ของดีจริงไม่ต้องโฆษณา คนชอบขายความดีตัวเอง ที่จริงขายความโง่ของตัวเองมากกว่า คมให้มีในฝัก ให้ถึงเวลาที่จะต้องใช้จริงๆ จึงค่อยชักออกมา จะได้ไม่เสียคม
    สักวันหนึ่งความตายจะมาถึงเรา มาบีบบังคับให้เราปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้น เราต้องหัดปล่อยวางล่วงหน้าให้มันเคย ไม่อย่างนั้น พอถึงเวลาไปจะลำบาก
    เวลาเราทำงานอะไรอยู่ ถ้าเราสังเกตว่าใจเราเสีย ก็ให้หยุดทันที แล้วกลับมาดูใจของตนเอง เราต้องรักษาใจของเราไว้เป็นงานอันดับแรก
    คนอื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืมไป แต่เราไปเก็บมาคิด เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไปแล้ว เราไปเก็บมากิน แล้วจะว่าใครโง่

    ๑๕. หลวงพ่อชา สุภทฺโท
    ผู้ไปยึดอารมณ์จะเป็นทุกข์ เพราะอารมณ์มันไม่เที่ยง
    ดูซิ...เราข้ามกันไปหมด พากันทำบุญ แต่ว่าไม่พากันละบาป ผ้าสกปรกไม่ฟอก แต่อยากจะรับน้ำย้อมนะ
    ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม เราคิดว่าจิตเป็นสุขจิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์ ฉะนั้น เราจึงต้องมาฝึกจิตใจให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ
    การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลัง มันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังก็คือ การออกกำลังกายทำกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่ง นี่คือการทำกายให้มีกำลัง การทำจิตใจให้มีกำลังก็คือ ทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่น คิดนี่ไปต่างๆ ให้อยู่ในขอบเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้นไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังทางด้านสมาธิภายใน


    ๑๖. หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
    มองตัวเองให้มากจึงจะกลายเป็นคนดีได้ มัวแต่มองท่านผู้อื่นแล้วไซร้ ก็กลายเป็นคนพาลไป ไม่รู้ตัว เพราะนิสัยคนพาลย่อมเพ่งโทษผู้อื่นเป็นวัตร โบราณท่านกล่าวว่า อุจจาระของตนนั่งดมอยู่ก็พอดม อุจจาระท่านผู้อื่นเล่า มากระทบจมูกเข้าก็เกิดเป็นพิษเป็นภัยขึ้น (โลกทั้งปวงย่อมเป็นแบบนี้เป็นส่วนมาก)
    ถ้าหากโลกทั้งปวงหนักไปทางสอนตนเองเป็นชั้นหนึ่ง และเป็นของจำเป็นมากกว่าสิ่งใดๆ แล้ว การโต้เถียงเกี่ยงงอนรังเกียจเบียดสีกัน ก็คงสงบไปในตัวเท่าที่ควร และพุทธศาสนาก็ยืนยันว่า "สอนตนดีแล้ว จึงสอนท่านผู้อื่น" จึงไม่เดือดร้อนในภายหลัง
    เรื่องอุปสรรคในโลกทั้งปวง และก็เป็นยาวิเศษทั้งปวงไปในตัว เป็นเหตุให้เข็ดหลาบโลกทั้งปวงไปในตัว แบบถี่ถ้วนแยบคายด้วยซ้ำ
    มุ่งดีในโลกีย์เป็นทางวนเวียน มุ่งดีในทางโลกุตตระเป็นทางพ้นทุกข์

    ๑๗. พระอาจารย์บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
    เราไปเข้าโรงเรียน เพียรศึกษาวิชาการ แล้วมุ่งทำงานอาชีพ เราย่อมได้เงินทองเพื่อมาเลี้ยงร่างกาย
    เราเข้าวัดเพียรศึกษาธรรมะ แล้วมุ่งทำบุญกุศล เราย่อมเสียเงินทองเพื่อเลี้ยงจิตใจ
    ผู้ใดมุ่งเลี้ยงแต่ร่างกาย หรือบำรุงแต่จิตใจเพียงอย่างเดียว ความเจริญของชีวิตย่อมขาดตกบกพร่องไป หากผู้ใดเข้าใจ เลี้ยงทั้งร่างกายและบำรุงจิตใจพร้อมกัน ความเจริญของชีวิตย่อมเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ยังมีชีวิตอยู่ก็สบาย ตายไปก็ต้องเป็นสุข

    ๑๘. พุทธทาสภิกขุ
    วิธีชุบชีวิตยามมีทุกข์ คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ถ้ารูจักแต่ทำมาหากินเลี้ยงร่างกายอย่างเดียว ไม่รู้จักแสวงหาธรรมะมาหล่อเลี้ยงจิตใจให้สุขสงบเย็นด้วยแล้ว การเกิดมานั้น ก็จะเป็นการเกิดมาเพื่อทนทุกข์ทรมานติดคุกติดตาราง ในทางวิญญาณชนิดหนึ่งไปจนตาย ทุกๆ ชาติทีเดียว เพราะถ้าไม่รู้จักทำจิตใจให้สงบตามธรรมบ้างแล้ว แม้คนรวยที่อยู่ตึกก็มีความสุขสู้คนจนที่อยู่กระท่อมซอมซ่อไม่ได้

     
  10. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    วันพรุ่งนี้
    เป็นวันพระที่สำคัญอีกหนึ่งวัน

    ขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวัน พุธ

    ตื่นเช้าใส่บาตร พระองค์แรกที่เราพบ
    ท่านใด ถ้าสะดวก รักษาศีล 8
    สวดมนต์ เจริญภาวนา กันนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. muklinlawa

    muklinlawa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    อยากถามผู้รู้ค่ะว่าถ้าฝันแบบนี้ มีอะไรเกี่ยวข้องกับพญานาคหรือไม่

    สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับพญานาคค่ะ
    ดิฉันเคยฝันถึงพญานาคมาบ้าง แต่พออายุเข้า 23 ปีที่ผ่านมา ฝันถึงบ่อยและมีข้อสงสัยหลายอย่างค่ะ ไม่ทราบว่าท่านคือองค์ไหน และต้องการจะสื่ออะไร ดิฉันเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องพวกนี้มากๆ มาตั้งแต่เด็ก จะเรียกว่ามีเซ้นต์บางนิดหน่อยค่ะ

    ครั้งแรกน่าจะใกล้วันเกิดดิฉันฝันเห็นพญานาคตัวใหญ่ สีเขียวอยู่กลางลำน้ำ เท่านั้นค่ะ

    พอครั้งที่สองฝันเห็นบ้านเรือนไทยริมน้ำ และดิฉันรู้ได้เองว่าคนที่เดินไปมาทั้งหญิงชายบนบ้านนั้นคือพญานาค และเหมือนว่าท่านจะให้ดิฉันไปช่วยใครก็ไม่ทราบแต่เป็นพญานาคเหมือนกัน ดิฉันเลยถามว่าแล้วจะกลายร่างเป็นนาคได้ยังไง เขาเลยถามว่าครั้งแรกที่กลายร่างจำไม่ได้เหรอ แต่ความรู้สึกดิฉันคุ้นๆ ค่ะ เขาเลยบอกให้ดิฉันนอนลงแล้วกำหนดจิต แล้วดิฉันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองขยายใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นนาค แล้วก็ไปช่วยนาคท่านนั้นสำเร็จนะคะ พอตื่นนอนแล้วนั่งทบทวน ความรูสึกที่ตัวเองขยายใหญ่นั้นก็ยังอยู่ ยังรู้สึกสัมผัสได้เหมือนเหตุการณ์นั้นเพิ่งจะเกิดขึ้น

    ครั้งที่สามฝันว่าอยู่ริมน้ำ แต่จำไม่ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แล้วพญานาคท่านก็ลดขนาดตัวลงเท่าแขน เป็นองค์สีเขียวค่ะท่านก็เลื้อยมาพันรอบตัวกลายเป็นสังวาลทับทิมสีเขียวอ่อน แล้วได้ยินเสียงพูดว่าพันอย่างนี้แหละจะได้ตามตัวง่ายๆ

    และครั้งล่าสุดไม่เห็นภาพด้วยตา แต่รู้สึกได้ว่าเป็นพญานาค และไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ได้ยินเสียงพูด ท่านบอกว่า เราเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ

    ดิฉันเคยเล่าความฝันให้ผู้ใหญ่ที่รู้จักท่านนึงฟัง ท่านก็ว่าน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน ท่านก็เป็นคนทรงค่ะ แต่ท่านบอกอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นก็ฝันมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่พอตื่นแล้วจะจำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกอย่างเดียวว่าฝันถึงพญานาค

    จนเมื่อวันออกพรรษาดิฉันนั่งสมาธิอยู่แล้วรู้สึกว่าศรีษะตัวเองคอยแต่จะหงายไปด้านหลัง ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพราะร่างกายเมื่อยหรือเปล่า พอรุ่งเช้าไปเล่าให้พี่ที่ทำงานฟัง พี่คนนี้เขามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับทาางพญานาคเหมือนกันค่ะ เขาก็มองหน้าบอกว่าเป็นเหมือนเขาเลย เขาบอกว่ามันเป็นท่างูชูคอ ซึ่งดิฉันก็ไม่เข้าใจ

    เคยถามตามเพจพญานาคอยู่เหมือนกัน แต่ละท่านก็บอกว่าอาจจะเป็นสัญญาเก่า ให้รอ และหมั่นอยู่ในศีล และทุกครั้งที่คิดจะเล่าให้ใครฟังอย่างที่พิมพ์มาสอบถาม ก็จะมีอาการปวดหัวทุกครั้ง

    แต่ะพี่ที่ทำงานเข้าบอกว่า หากคนที่มีเชื้อสายหรืออะไรเกี่ยวข้องกับพญานาค หากมาเจอคนที่มีเชื้อสายเหมือนกัน ก็จะเป็นสื่อปลุกบางอย่างในตัวขึ้น อันนี้ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า

    รบกวนช่วยวิเคราะห์หรือแนะนำด้วยนะคะว่าควรทำอย่างไร หรือเกิดอะไรขึ้น
     
  12. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    รักษาศีล 5
    สวดมนต์นั่งสมาธิ..นะครับ
    การมาของพระองค์ท่าน....
    จะช่วยเรา...ในทุกๆด้าน..ครับ
    ส่วนการสื่อ..จากองค์ท่าน...แล้วแต่ท่านจะกรุณา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    วันที่ 25 มกราคม 2557

    ลูกหลานพญานาคที่มาเกิด บนภพมนุษย์ นี้
    และอยากมาร่วมสรางบารมี กับเหล่านพญานาคาราช ทั้งหลาย


    พบกัน เวลา 10.19 น.
    วัดป่าประชาสามัคคีธรรม บรบือ จ.มหาสารคาม


    เพื่อเปิดบ้านแปลงเมือง เพื่อเป็นศิริมงคล มหามงคล
    ในงาน เปิดเมือง "อธิบดีศรีหราช" เป็นเมืองในยุคพระศรีอริยะเมตไตย

    ณ.วังเกศแก้วบัวบาน
    วัดป่าประชาสามัคคีธรรม บรบือ จ.มหาสารคาม

    ในวันดังกล่าว มีเปิดโรงทานเลี้ยง...

    ท่านใดมีความจำนงค์
    จะเป็นเจ้าภาพโรงทาน ติดต่อที่ 087-111-0916

    ติดต่อทีวัดโดยตรง 082-169-7865,089-573-7333
    Mail:wangkatekeaw@hotmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05707.JPG
      DSC05707.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.3 MB
      เปิดดู:
      58
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.9 MB
      เปิดดู:
      63
    • DSC05709.JPG
      DSC05709.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.4 MB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2014
  14. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    นาง ภัคชาดา ถ่ายเนียม และครอบครัว
    ร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ เกศแก้วจุฬามณี ศรีอริยะเมตไตย

    จำนวน 500 บาท
    (รับปัจจัย วันที่ 10 มกราคม 2557)

    จะนำถวายหลวงปู่ ในวันที่ 25 มกราคม 2557
    ร่วมกับคณะของผม ในวันนั้นเลยครับ...

    สาธุ สาธุ สาธุ
    อนุโมทานมิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.9 MB
      เปิดดู:
      74
  15. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    อันนี้เป็นแก้วเสด็จใช่มั้ยคะ เปล่งแสงสีเขียวในที่มืดตลอดมั้ยคะ โพสต์เก่าตามรูปนี้ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 20130621_143442_1.jpg
      20130621_143442_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.5 KB
      เปิดดู:
      100
    • DSC05310.JPG
      DSC05310.JPG
      ขนาดไฟล์:
      5.2 KB
      เปิดดู:
      64
    • DSC05325.JPG
      DSC05325.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.7 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSC05459.JPG
      DSC05459.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.9 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  16. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ชื่อ แก้วสุริยันจันทรา เหมือนที่จขกท.เคยลงไว้ ดิฉันได้มาบังเอิญค่ะ ไม่เคยเจออะไรค่ะ แต่ถ่ายรูปคนละวันเปล่งแสงไม่เหมือนกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    เืพื่อนธรรมสายพญานาคได้ตัดชาติภพ อโหสิกรรม ไม่ต้องกลับมาเจอกัน ไม่ต้องกลับมาเกิด ต้องมาทุกข์เพราะรัก โลภ โกรธ หลง กันอีกต่อไป
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=e4qs-37IFzg]กาษานาคา - YouTube[/ame]

    ครา...พบกัน
    [​IMG]

    ลาก่อน.....
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มกราคม 2014
  18. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    สวยงามมาก ครับ...
    แสงสวยงาม ศักดิ์สิทธิ์มาก
    ใช้ทำน้ำมนต์ และช่วยปรับธาตุโดยภาวนาไว้ในมือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05285.JPG
      DSC05285.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.2 MB
      เปิดดู:
      75
  19. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    ประมวลภาพ เปิดเมือง อธิบดีศรีหราช
    ในยุคพระศรีอริยะเมตไตยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. MANENAKA WANGKATEKEAW

    MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,848
    วันเสาร์ ที่ 8 กพ. 57
    ทางวันมีพิธี รับของศักดิ์สิทธิ์
    จากองค์หลวงปู่ใหญ่
    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    และในวันดังกล่าว มีพิธีอัญเชิญลูกแก้วพญานาค
    ติดต่อทีวัดโดยตรง 082-169-7865,089-573-7333
    ท่านใดสะดวกเชิญร่วมงาน นะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...