ตายในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย noom8a, 30 ตุลาคม 2013.

  1. noom8a

    noom8a เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +226
    อยากทราบว่าพี่นั่งสมาธิกันเป็นปกติไช่ไม๊ครับ
    -การตายในฌานหรือแค่ในสมาธิจิตอยู่ในกายในสมาธิก่อนตายหรือตาแล้วจิตออกมาเป็นณานอยู่นอกกายหยาบ
    จะทำให้เราไปเป็นพรหมกันไช่ไม๊ครับ
    -ทีนี้ถ้าเราจะไปดุสิตหรือดาวดึงตอนตายก็ปล่อยธรรมชาติเลยไช่ไม๊ครับไม่ต้องเข้าฌานสมาธิ
    -ถ้าเราเข้าฌานตายแล้วได้เป็นพรหมอายุืนนานมากแล้วเราจะจุติก่อนกำหนดได้ไม่ครับได้ยินว่าทหารไทยหลายคนลงมาจากพรมโดยจุติก่อนนี่เป็นไปได้ไม๊ครับ
    -ในสภาวะที่เป็นพรหมอยู่มีโอกาศเลื่อนสภาวะธรรมเข้านิพานได้ง่ายไม๊ครับเพระว่ามันก๊เฉียดนิพพานไช่ไม๊ครับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่เคยตาย ตอบไม่ได้ งะ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.จะตายในสมาธิ หรือในฌาน หยาบ กลาง ละเอียด ก็แล้วแต่

    ไม่ได้กำหนดได้ว่าจะไปเกิดเป็น เทวดา หรือ เป็น พรหม หรอกนะครับ

    ไปเกิดตามแรงกรรม ที่สร้างไว้ครับ กรรม จิดสุดท้ายก่อนตาย

    2.ไปตามแรงกรรมครับ จะ ไป ดุสิต หรือ ดาวดึง

    3.ถ้าเป็นพรหม หรือ เทวดา ถ้าต้องการจะลงมาจุติก่อนกำหนด ทำได้แล้วแต่จะลงครับ

    4.เป็น รูปพรหม เข้านิพพาน ได้ครับ

    .
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [h=1]
    เรื่องที่ ๙๘
    ตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นท่านท้าวมหาราชบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช
    [/h]จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน

    "..วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ สอง วันที่ผ่านมาร่างกายไม่ดี ใช้กำลังสมถภาวนาไม่ได้ ต้องใช้กำลังวิปัสสนาญาณเป็นตัวยืน อารมณ์ของคนเราถ้าเจริญพระกรรมฐานต้องเข้าใจว่า กรรมฐานที่ทรงตัวจริงๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ๑๑ อย่าง และกรรมฐานแบบคิดอีก ๒๙ อย่าง เวลาที่ร่างกายมีกำลังดี ไม่ป่วยไข้ไม่สบายมากจิตจะทรงตัว ใช้กรรมฐานทรงตัวได้ แต่ถ้าจิตเกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บมันกวนมาก มันเพลียมาก ก็ต้องใช้กรรมฐานคิดใช้วิปัสสนาญาณควบ ไม่ต้องการรู้อะไรทั้งหมด
    ท้าวจตุโลกบาล
    มา วันนี้อารมณ์เริ่มทรงตัวขึ้นมาบ้าง ก็ใช้กำลังทรงตัวได้ แต่ถ้าใช้กำลังทรงตัวแน่นไปอีกก็ไม่เห็นอะไร พอขยับจิตเคลื่อนลงมานิดหนึ่งอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ ก็เห็นท่านท้าวมหาราชนั่งอยู่ข้างๆ ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ เขาเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่รักษาคุ้มครองชาวมนุษยโลก ถ้าสร้างความดีก็หาทางป้องกันช่วยเหลือ จะส่งเทวดาไปอารักขา ถ้าสร้างความชั่วก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้ก็อดใจไว้ และก็มีหน้าที่บันทึกความดีความชั่วของคนทั้งการพูด การคิด การทำทุกอย่าง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชอยู่กึ่งกลางเขาพระสุเมรุ คนที่ตายแล้วมาเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชได้ ต้องเคยได้ฌานสมาบัติ แต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ถ้าขณะที่ตายเข้าฌานตาย ก็จะไปเกิดเป็นพรหม
    ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ
    ๑) ท่านท้าวเวสสุวัณ คุมด้านทิศเหนือ
    ๒) ท่านท้าววิรุฬหก คุมด้านทิศใต้
    ๓) ท่านท้าวธตรฐ คุมด้านทิศตะวันออก
    ๔) ท่านท้าววิรูปักข์ คุมด้านทิศตะวันตก
    ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ
    ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ และเป็นประธานของท้าวมหาราชทั้ง ๔ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ใน เมืองมนุษย์มักจะทำสัญลักษณ์เป็นรูปยักษ์ จะเห็นได้ตามวัด ตามถํ้าจะมีรูปปั้นยักษ์อยู่ทางด้านหน้าทางเข้า ก่อนที่ท่านจะมาเป็นท่านท้าวมหาราชเขตจาตุมหาราช ถอยหลังไป ๑ ชาติ ในตอนต้นเลยทีเดียวที่ยังไม่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ท่านมีนามว่า "กุเวรพราหมณ์" เป็นชื่อเดิม ต่อมาท่านเป็นกษัตริย์ครองกรุงราชคฤห์มหานครทรงพระนามว่า "พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์" ท่านเกิดรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารครองกรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งต่อมาทรงออกผนวชบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทรง พระนามว่า "สมเด็จพระสมณโคดม" ท่านมีพระสหายอีก ๒ องค์คือ พระเจ้าปเสนทิโกศลครองกรุงสาวัตถีกับท่านพันธุรเสนา รวมเป็น ๔ องค์ เป็นเพื่อนรักกันมาก ต่างคนต่างเป็นลูกกษัตริย์ สมัยนั้นไปเรียนหนังสือที่เมืองตักศิลาด้วยกัน
    ต่อ มาเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารทรงออกมหาภิเนษกรมณ์ พระเจ้าพิมพิสารทรงคิดว่ามีเรื่องราวกับใคร จึงนิมนต์ให้เข้าประทับในเมือง จะมอบอำนาจให้ครึ่งหนึ่งและสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ให้เป็นมหาอุปราช พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า"ไม่ได้ หนีใคร ทรงเบื่อความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องการแสวงหาโมกขธรรม คือธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้นจากความตาย และต้องการเอาธรรมนั้นมา สอนคนอื่น"
    พระเจ้าพิมพิสารจึงบอกว่า "ถ้าพระองค์ทรงบรรลุเมื่อไร ขอมาโปรดท่านก่อน"
    พระ พุทธเจ้าก็ทรงรับ เมื่อองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้วก็ทรงสอน คนมาตามทาง จนกระทั่งถึงกรุงราชคฤห์มหานคร พบพระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร ก็ทรงเทศน์ พอเทศน์จบปรากฏว่า พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบันพร้อมกับคนจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ได้อาราธนาพระพุทธเจ้าเข้าประทับในพระเวฬุวันมหาวิหาร
    อานิสงส์ของการถวายทาน
    ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่นั้น พระเจ้าพิมพิสารไปเฝ้าทุกวัน ได้ถวายทานทุกวัน ฟังเทศน์ทุกวัน จึงมีอานิสงส์ดังนี้คือ
    การถวายทาน เป็นปัจจัยให้ได้ทิพยสมบัติ
    การถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร เป็นเหตุให้ได้วิมานสวยงาม
    กำลังความเป็นพระโสดาบันและทรงฌานสมาบัติด้วย เป็นเหตุให้มีกำลัง เมื่อไปเป็นเทวดาก็ทรงอำนาจมาก
    เวลาที่ท่านจะตาย ท่านถูกลูกชายคือ พระเจ้าอชาตศัตรู ทรมาน คือพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกบฏทรยศต่อพ่อ แย่งราชสมบัติแล้วก็ทรมานพ่อ โดยจับขังคุก ต่อมาให้อดข้าว เมื่อท่านยังเดินจงกรมได้ ท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ แม้จะอดข้าวก็ไม่ตายผิวพรรณยังผ่องใส ในที่สุดเขาก็เฉือนเท้าไม่ให้เดิน ท่านก็มีความเจ็บปวดมาก แต่จิตใจก็นึกถึงองค์สมเด็จพระจอมไตร ท่านก็มีจิตใจชุ่มชื่น ปวดน่ะปวด แต่ท่านก็ยอมรับนับถือกฎของธรรมดาว่า คนเราที่เกิดมาทุกคน แม้ฐานะจะต่างกัน แต่สภาพจริงๆ มันเหมือนกันคือ มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้นเหมือนกันหมดทุกคน และก็เดินเข้าไปหาความแก่ มีทุกขเวทนา มีการทรมานจากร่างกาย และในที่สุดก็เป็นคนตาย ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ จะเป็นเศรษฐี คหบดี หรือคนยากจนก็ตาม มีสภาพเหมือนกันไม่มีอะไรแตกต่างกัน
    พระเจ้าพิมพิสารบรม กษัตริย์ท่านเป็นพระโสดาบันขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เวลาตายท่านออกด้วยกำลังของฌาน ๔ จะต้องไปเกิดเป็นพรหม แต่พอจิตแยกออกจากกายแล้ว ท่านมีความรู้สึกด้วยอำนาจกำลังจิตที่เป็นทิพย์ว่า ก่อนที่ท่านจะมาเกิดเป็นพระเจ้าพิมพิสารท่านเคยเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชมา ก่อน ท่านก็เลยไม่ไปอยู่พรหม มาอยู่ชั้นจาตุมหาราชที่เดิม เมื่อท่านเป็นเทวดาแล้ว ท่านก็ฝึกฝนจนเป็นพระอนาคามี และท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
    ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้
    ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักเข้าใจว่า ท่านท้าววิรุฬหกและบริวารของท่านเป็นกุมภัณฑ์
    "กุมภะ" แปลว่า "หม้อ" ท่านจึงแสดงรูปร่างอ้วนใหญ่เหมือนกับพ้อมใส่ข้าว ผิวดำปี๋ พุงก็ปลิ้น คอก็สั้น หัวก็โต ฟันก็ขาว เขี้ยวก็โง้งออกจากปาก มีริมฝีปากนูนๆ ตาใหญ่มาก สว่างแวววาวเหมือนกับไฟฉาย มองส่ายไปส่ายมา ทำให้น่ากลัว แต่ความจริงท่านสวยสดงดงามมาก ท่านมาบอกอาตมาว่า ในสมัยเป็นมนุษย์ท่านเป็นคนกรุงเทพฯ อาชีพของท่านเป็นคนมีเงินเดือน เป็นหัวหน้าคนกลุ่มใหญ่มีคนใต้บังคับบัญชานับพันคน ท่านบอกท่านเคยมีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน เคยเข้าสมาคมกับขุนนางชั้นสูงและกับคนทุกชั้น เพราะท่านมีเมตตาความรัก กรุณาความสงสาร ท่านถือว่าทุกคนฐานะไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่กำลังใจเท่านั้น นอก จากนั้นท่านมีความต้องการหนังเหนียวยิงไม่ออก แคล้วคลาดจากอาวุธ และสามารถแสดงฤทธิ์ ท่านมีอาจารย์เป็นพระและเป็นฆราวาสก็มี ถ้ามีความดีเป็นกรณีพิเศษ การทำให้หนังเหนียวต้องใช้คาถา ก่อนที่จะใช้คาถาทั้งหมด ท่านต้องมีความเคารพพระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจ เคารพในพระธรรมคำสอน และเคารพในพระสงฆ์ที่เป็นครูบาอาจารย์ หลังจากนั้นต้องทำจิตให้มั่นคงโดยภาวนาให้จิตทรงตัว ก็คือ จิตเป็นสมาธินั่นเอง ถ้าจิตมีสมาธิสูง กำลังอานุภาพที่ต้องการก็จะมีอานุภาพมาก ถ้ากำลังสมาธิตํ่าของที่เรียนมาก็มีอานุภาพตํ่า การท่องคาถาอาคม การปลุกตัว การปลุกของ ต้องทำทุกวันเพื่อความมั่นคง จิตต้องเข้าถึงฌานสมาบัติแต่เวลาที่ท่านตาย ท่านไม่ได้เข้าฌานตาย
    เมื่อตายแล้วท่านไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช ต่อมาก็ขึ้นเป็น เทวดาชั้นอินทกะ (คำว่า"อินทกะ" แปลว่า"ผู้เป็นใหญ่" คือเป็นรองท่านท้าวมหาราช อินทกะนี้มีได้ทิศละพันองค์ พร้อมที่จะเป็นท้าวมหาราชได้ตามความสามารถและวาสนาบารมี ในเมื่อท่านท้าวมหาราชไปจากชั้นนี้ คือจากชั้นจาตุมหาราชไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงบ้าง หรือว่าไปเป็นพรหมบ้าง หรือมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม) จากอินทกะท่านก็เป็นท้าวมหาราช คือท่านท้าววิรุฬหกในปัจจุบันนี้
    ท่านท้าวธตรฐ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันออก
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เห็นท่านท้าวมหาราชมานั่งอยู่ องค์หนึ่งมาตัวสูงเท่ายอดตาล จึงหันไปถามว่า "ใคร" ท่านท้าววิรุฬหกตอบว่า "ท่านธตรฐครับ" พอท่านเข้ามาใกล้ก็เลยถามว่า "ทำไมสูงเหมือนเปรตแบบนี้ล่ะ" ท่านตอบว่า "อย่างนี้เขาเรียกสูงแบบเทวดา ไม่ใช่สูงแบบเปรต" ถามท่านท้าวธตรฐว่า "อดีตของท่านเคยเป็นอะไรมาตอนเป็นมนุษย์" ท่านตอบว่า "อดีตผมเป็นพระราชาเมืองพาราณสีครับ"ก็เลยถามท่านว่า "เวลานั้นไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นเทวดาได้อย่างไร"
    ท่านตอบว่า "เทวดาหรือพรหมไม่จำเป็นต้องนับถือพระพุทธศาสนาเสมอไป พราหมณ์ก็เป็นเทวดาเป็นพรหมได้" เวลานี้ท่านเป็นพระอนาคามี เป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง ท่านไม่กลับลงมาเกิดอีกแล้ว
    ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันตก
    ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ วันเดียวกันนั้นอาตมาได้หันไปถาม ท่านวิรูปักษ์ ว่า "อดีตท่านเป็นอะไร" ท่านตอบว่า "อดีตผมอยู่ปักษ์ใต้ ประเทศไทยนี่เอง เป็นผู้ชายไทย ฐานะสูงมากสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ ฌานสมาบัติแต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ตายแล้วไปเป็นอินทกะเลย เมื่อท่านวิรูปักษ์องค์เก่าขึ้นไปเป็นพรหม ท่านก็ขึ้นเป็นแทน ท่านเก่งมาก
    เป็น อันว่าก็ได้ทราบประวัติของท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้วว่าใครเป็นใคร ทำให้ทราบว่าการเป็นเทวดาก็ไม่หนักสำหรับพวกเรา การเป็นพรหมก็ไม่หนัก การไปพระนิพพานก็ไม่หนัก การไปนรกก็ไม่หนัก ชอบทางไหนก็ไปได้ทั้งนั้น.."

     
  5. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องจะน่าอ่านมากเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ

    ไม๊ = ไหม
    โอกาศ = โอกาส
    ก๊ = ก็
     
  6. ปราบผี

    ปราบผี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +365
    ทีนี้ถ้าเราจะไปดุสิตหรือดาวดึงตอนตายก็ปล่อยธรรมชาติเลยไช่ไม๊ครับไม่ต้องเข้าฌานสมาธิ

    อย่าปล่อยตามธรรมชาตินะ เพราะถ้ายังไม่บรรลุธรรม ยังมีสิทธิ์
    ไปอบาย (นรก เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต) ได้อยู่ ดูอย่างพระนางมัลลิกามเหสีพระเจ้าปเสนทิโกศลสิ ทำดีมาทั้งชีวิต แต่พลาดตอนตายนิดเดียว ไป อบาย (ไม่แน่ใจว่า นรก หรือ เปรต จำไม่ได้) อยู่ 7 วัน ก่อนตายให้ ตั้งจิตเป็นกุศล ระลึกถึงพระรัตนตรัยบ้าง สมาทานศีลบ้าง ( 5 หรือ 8 ก็ได้) ระลึกถึงบุญที่เคยทำบ้าง ระลึกถึงลมหายใจออก ลมหายใจเข้าบ้าง ระลึกถึงความเป็นไปของร่างกายเราบ้าง รวมๆ 10 อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนในเรื่อง อนุสสติ 10

    ถ้าทำเช่นนี้ได้ตอนตาย (ต้องซ้อมให้ชำนาญตั้งแต่ยังไม่ตาย) สุคติก็เป็นอันหวังได้ (มนุษย์ เทวดา 6 ชั้นชั้นใดชั้นหนึ่งไม่จำเป็นต้องดุสิตหรือดาวดึงส์เสมอไป)

    -ถ้าเราเข้าฌานตายแล้วได้เป็นพรหมอายุืนนานมากแล้วเราจะจุติก่อนกำหนดได้ไม่ครับ

    ถ้าอธิษฐานก็คงได้มั๊ง

    -ในสภาวะที่เป็นพรหมอยู่มีโอกาสเลื่อนสภาวะธรรมเข้านิพพานได้ง่ายไม๊ครับเพระว่ามันก๊เฉียดนิพพานไช่ไม๊ครับ

    หลวงพ่อปราโมทย์ท่านสอนว่า มนุษย์ภูมิ เป็นภูมิที่ดีที่สุดในการบรรลุอรหันต์ เป็นชัยภูมิที่ดีที่สุดในการประหารกิเลส พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะตรัสรู้ก็ต้องมาอุบัติที่มนุษย์ภูมิ

    แต่ถามว่าเป็นพรหมแล้วบรรลุได้ไหม ก็ได้เหมือนกัน
    ถ้าเป็นรูปพรหม แม้ไม่รู้วิธีปฏิบัติ ก็ยังมีโอกาส มาไต่ถามพระพุทธเจ้า หรือ พระสาวกอรหันต์ได้ถ้ามีโอกาส และเมื่อปฏิบัติก็มีสิทธิ์บรรลุอรหันต์ได้

    แต่อรูปพรหมนั้น ก็บรรลุอรหันต์ได้เหมือนกัน แต่ว่า ต้องรู้วิธีปฏิบัติธรรมและเคยปฏิบัติธรรม ในสายที่ใช้นามธรรม เป็นกรรมฐานเช่น ดูจิต มาก่อน (ดูกายใช้ในอรูปพรหมไม่ได้เพราะไม่มีรูป) เมื่อเข้าอรูปพรหมและยังมีความจำได้หมายรู้เหลืออยู่ก็ยังสามารถปฏิบัติธรรมในอรูปพรหมจนบรรลุอรหันต์ได้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2013
  7. ขอนไม้แห้ง

    ขอนไม้แห้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมเคยศึกษาว่า ไม่มีใครสามารถตายในฌานได้ ยิ่งฌานสูงๆ ไฟเผาก็ไม่ไหม้ โยนน้ำก็ไม่ตาย ฌานจัดเป็นมหากุศลใหญ่ ถ้าจิตฝึกจนเคยชิน จิตจะหน่วงเอาอารมณ์นั้น ก็จะไปตายไปเกิดบนพรหมโลกตามอารมณ์นั้นๆ
    หรือหากคนที่เคยได้ฌานแต่ฌานเสื่อม แต่ขณะจิตตายจิตไปหน่วงเอาอารมณ์ที่ตัวเองเคยได้เคยสงบ ก็จะไปเกิดบนพรหมโลกเหมือนกัน
     
  8. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    อย่าไป คิดมากเลย มันเป็น วิจิกิจฉา
    เป็นกิเลส ขวาง ความเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ
    สิ่งที่ อยากรู้นั้น เป็น เพราะ สมอง อยากรู้

    รู้ไป ก้อ บังคับ ไม่ได้ ยิ่งรุ้ยิ่งยึดติด ยิ่งห่างไกลไปใหญ่

    ทำตามพระพุทธเจ้าท่านบอก ง่ายๆ แค่นี้ ก้อพอ
    (แต่ ที่ไม่ง่าย เพราะ คนไม่ยอม ที่จะทำ ยิ่งบอกยิ่งหนี ยิ่งบอกยิ่งสงสัย ... ไปโน่นเลย ป่าดงดิบ เหอ เหอ เหอ)
     
  9. ไดอารี่

    ไดอารี่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2019
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
     
  10. ไดอารี่

    ไดอารี่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2019
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    การไปพรหมแบบไม่เข้าฌาน

    เมื่อจิตเข้าสู่สุขคติภูมิ ให้ปล่อยวางและสละสวรรค์-นรก และทิพยสมบัติที้งปวง จิตจะพบความว่าง นั่นแหละอนัตตา จะไปเกิดในอวิหาเทวาภูมิฯ

    หรือท่านที่สามารถทำได้ดีกว่านั้น มาแชร์กันได้ครับ
     
  11. ไดอารี่

    ไดอารี่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2019
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
     
  12. ไดอารี่

    ไดอารี่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2019
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    การไปพรหมแบบไม่เข้าฌาน

    เมื่อจิตเข้าสู่สุขคติภูมิ ให้ปล่อยวางและสละสวรรค์-นรก และทิพยสมบัติที้งปวง จิตจะพบความว่าง นั่นแหละอนัตตา จะไปเกิดในอวิหาเทวาภูมิฯ

    หรือท่านที่สามารถทำได้ดีกว่านั้น มาแชร์กันได้ครับ
     
  13. ไดอารี่

    ไดอารี่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2019
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
     
  14. ไดอารี่

    ไดอารี่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2019
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    การไปพรหมแบบไม่เข้าฌาน

    เมื่อจิตเข้าสู่สุขคติภูมิ ให้ปล่อยวางและสละสวรรค์-นรก และทิพยสมบัติที้งปวง จิตจะพบความว่าง นั่นแหละอนัตตา จะไปเกิดในอวิหาเทวาภูมิฯ

    หรือท่านที่สามารถทำได้ดีกว่านั้น มาแชร์กันได้ครับ
     
  15. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ตอบครับ

    - ตอนจิตเป็นสมาธิ จิตจะรวมตัวกันอยู่ครับ ไม่เกี่ยวกับ ถ้าตายตอนนั้นก็ไปเป็นพรหม

    - ถ้าอยากจะไปสวรรค์ชั้นไหนก็ต้องตั้งใจว่าจะไปชั้นนั้น ๆ นึกถึงสวรรค์ชั้นนั้น ๆ ไว้ตลอดจนจิตเป็นสมาธิ ก็จะไปชั้น ๆ ได้ตามต้องการครับ

    - ได้ครับ แต่ต้องมีพรหมชั้นผู้ใหญ่ให้การรับรองก่อนว่าถ้าลงมาแล้ว จะต้องดีขึ้นกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็ต้องดีเท่าเดิมให้ได้ถึงจะมีสิทธิ์ลงมาเกิดก่อนกำหนดได้

    - มีครับ เวลาที่พระพุทธเจ้าท่านขึ้นไปเทศน์โปรดพุทธมารดา พรหมเทวดาจำนวนมากก็บรรลุมรรคผลกันเป็นล้าน ๆ เช่นกัน
     
  16. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    ......
    .... กรุณาใช้ สมาธิในตายน่ะ ถ้าเราสามารถฝึกใช้สมาธิบ่อยๆ การใช้สมาธิในตาย จะสะดวกกว่า คือจะฝึกได้ง่าย.... เช่นการไม่มีความรู้สึกอะไรแต่มีสติอยู่ เช่นก่อนนอนทำสมาธิ หลับไปแต่มีสติรู้อยู่อย่างนั้นจนสติ สมาธิ ดิ่งอยู่ได้นานๆอย่างนั้น คือช่วงจังหวะนั้นเรารู้สึกอยู่เพียงแค่นั้น คือรู้ แต่ไม่บังคับ เป็นธรรมชาติของสมาธิอย่างนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...