ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    #SPACE เตรียมตัวดูกันอีกรอบ แต่ครั้งนี้จะสว่างกว่าครั้งไหน ๆ นักดาราศาสตร์พบดาวหางดวงใหม่ที่ชื่อว่า C/2023 A3 ซึ่งกำลังมุ่งหน้ามาโลกคาดว่าเข้าใกล้ที่สุดช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมปีหน้า! 2024 (รอนานนิดนึง) สิ่งพิเศษคือมันจะสว่างมากกว่าดาวฤกษ์บนท้องฟ้าหลายดวง และมีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 80,660 ปี
    .
    ดาวหางดวงนี้ถูกค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์ในโครงการ Last Alert System (ATLAS) ซึ่งเป็นโปรเจ็คสแกนท้องฟ้าทั้งหมดเพื่อหาดูว่าดาวเคราะห์น้อยดวงไหนเป็นอันตรายต่อโลกบ้างของ NASA (ซึ่งเราจะพูดถึงกันอีกทีในโอกาสหน้า) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และหอดูาวเพอร์เพิลเมาน์เท่น ในประเทศจีนก็ตรวจพบดาวหางดวงนี้อย่างอิสระด้วยเช่นกัน
    .
    ทั้งคู่ได้ยืนยันและรายงานออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ปัจจุบัน ดาวหางดวงนี้กำลังเดินทางอยู่ระหว่างดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี ด้วยความเร็ว 290,664 กิโลเมตรมาทางโลก และคาดว่าจะใกล้โลกสุดในวันที่ 13 ตุลามคม 2024 หรือปีหน้านั่นเอง
    .
    นักดาราศาสตร์ประเมินว่าดาวหางมีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 80,660 ปีต่อรอบ ดังนั้นหากพลาดครั้งนี้ไปก็ต้องรอไปอีกกว่าเกือบแสนปีถึงจะได้ดูอีกครั้ง แน่นอนว่าหากถึงเวลาใกล้ ๆ เราจะมาเตือนทุกคนอีกครั้ง
    .
    สิ่งพิเศษที่นักวิทยาศาสตร์บอกไว้คือ มันมีความสว่างมากซึ่งอาจสว่างพอ ๆ กับดาวศุกร์ตอนสว่างที่สุด รวมไปถึงสว่างกว่าดาวฤกษ์เพื่อนบ้านอย่าง Betelgeuse บนท้องฟ้า
    .
    ตอนนี้นักดาราศาสตร์ยังไม่สามารถบอกอะไรได้มาก เพราะเพิ่งค้นพบและเพิ่งเริ่มการศึกษา แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าแม้เราจะมีกล้องมองไกลไปในอวกาศได้เป็นพันล้านปีแสง หรือมีหอดูดาวทั่วโลก แต่ก็ยังมีวัตถุอีกมากมายที่เราไม่รู้จักเลย
    .
    นี่จึงเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นที่ทุกคนได้จะเห็นถึงความสวยงามของจักรวาล เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นี่แหละ ดีแล้ว
    .
    ที่มา
    .
    EarthSky : New comet – C/2023 A3 – could be bright in 2024
    .
    Science Alert : Approaching Comet Predicted to Shine Brighter Than Stars in The Sky
    .
    Live Science : Bright new comet discovered zooming toward the sun could outshine the stars next year
    .
    Photo : NASA/Comet ISON

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    ที่มาของ กะละแม

    กะละแมเป็นชื่อขนมไทยชนิดหนึ่งใน ๓ ชนิดที่นิยมทำกันในช่วงสงกรานต์ และต้องทำให้เสร็จก่อนวันสงกรานต์ ขนม ๓ ชนิดดังกล่าวคือ ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง และกะละแม. ขนมทั้ง ๓ ชนิด ทำด้วยข้าวเหนียว กะทิ และน้ำตาล แต่กะละแมต้องกวนกันจนข้าวเหนียวแหลกไม่เป็นเม็ดและมีสีน้ำตาลเข้ม ขนมชนิดนี้ได้มาจากมอญและพม่า เรียกว่า กฺวายฺนกลาแม (อ่านว่า กฺวาน-กะ -ลา-แม) คำว่า กฺวายฺน (อ่านว่า กฺวาน) แปลว่า ขนม.

    กะละแมมี ๒ ชนิด เรียกตามวัตถุดิบหลักที่ใช้คือ ชนิดแรกเรียกกะละแมเม็ด เป็นขนมดั้งเดิม ใช้ข้าวเหนียวทั้งเมล็ดกวนกับกะทิและน้ำตาล จนเป็นแป้งเหนียว แต่ยังมีเมล็ดข้าวส่วนที่ละลายไม่หมดเป็นไตเล็ก ๆ อยู่. ชนิดที่ ๒ เรียกว่า กะละแมแป้ง ใช้แป้งข้าวเหนียวกวนกับกะทิและน้ำตาล กะละแมที่กวนขายกันในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นกะละแมแป้งเพราะทำได้ง่ายกว่า และดัดแปลงให้มีสี รส และกลิ่นต่าง ๆ เช่น กะละแมสีแดง กะละแมรสช็อกโกแลต กะละแมกลิ่นใบเตย เป็นต้น

    ที่มา : บทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    รมว.กลาโหมเขมรย้ำหนุน ‘ฮุน มาเนต’ นั่งนายกฯ ซัดฝ่ายค้านโพสต์เชียร์ลูกชายเจตนาสร้างความแตกแยก
    .
    .
    MGR ออนไลน์ - พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชากล่าวสนับสนุนลูกชายคนโตของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งสูงสุดของประเทศ และกล่าวหา สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยในต่างแดนว่า พยายามสร้างความแตกแยกในพรรครัฐบาล
    .
    การสนับสนุนดังกล่าวถูกประกาศขึ้นหลังมีรายงานความขัดแย้งภายในพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ที่เป็นรัฐบาล ในขณะที่ประเทศกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่อาจได้เห็นฮุนเซน หนึ่งในผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก ถูกแทนที่โดยฮุน มาเนต ในฐานะนายกรัฐมนตรี
    .
    สม รังสี หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ที่ถูกยุบพรรคไปแล้วเคยวิพากษ์วิจารณ์การสืบทอดอำนาจจากรุ่นสู่รุ่น และได้โพสต์เฟซบุ๊กว่าเขาสนับสนุน เตีย เซ็ยฮา ลูกชายของ พล.อ.เตีย บัญ ที่เวลานี้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐ เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต
    .
    “ผมขอคัดค้านโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กของสม รังสี ที่มีเนื้อหายั่วยุปลุกปั่น ผมและครอบครัวยังคงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อ พล.ท.ฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต” พล.อ.เตีย บัญ ระบุ
    .
    “ความคิดเห็นของสม รังสี เป็นความพยายามที่จะสร้างความแตกแยกให้พรรค CPP เราต้องป้องกันไม่ให้สังคมตกอยู่ในความไม่มั่นคง ความไม่มีเสถียรภาพ ความแตกแยกของคนในชาติและสงครามอีกครั้ง” สื่อที่สนับสนุนรัฐบาลรายงานอ้างคำกล่าวของพล.อ.เตีย บัญ
    .
    ขณะเดียวกัน เตีย เซ็ยฮา ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ความเห็นของสม รังสี โดยระบุว่าในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ในพรรค CPP และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของ พล.อ.เตีย บัญ เขาขอประณามอย่างรุนแรงต่อสม รังสี ที่ยุยงปลุกปั่น ใส่ร้ายป้ายสี และดูหมิ่นครอบครัวของเขา สื่อของกัมพูชารายงาน
    .
    “ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ พ่อของผมบอกผมเสมอว่าในกัมพูชา มีเพียงนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเท่านั้นที่สามารถนำประเทศได้เป็นอย่างดี พ่อของผมยังสอนเราทุกคนในครอบครัวว่าไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม เราต้องจงรักภักดีต่อนายกรัฐมนตรีฮุนเซน” เตีย เซ็ยฮา กล่าว
    .
    กัมพูชากำลังจะจัดการเลือกตั้งในเดือน ก.ค. การเลือกตั้งที่มีเพียงพรรค CPP ที่สามารถชนะได้หลังจากพรรค CNRP ถูกยุบพรรคในปลายปี 2560 ทำให้พรรครัฐบาลได้ทุกที่นั่งในสภาในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561
    .
    เมื่อวันที่ 3 มี.ค. แกม สุขา อดีตหัวหน้าพรรค CNRP ถูกตัดสินโทษกักบริเวณในบ้านเป็นเวลา 27 ปี และห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมืองตลอดชีวิต หลังเขาถูกตัดสินว่าสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐฯ เพื่อขับไล่ฮุนเซนออกจากอำนาจ
    .
    คำตัดสินดังกล่าวถูกประณามอย่างกว้างขวางว่าเป็นแผนการที่ออกแบบมาเพื่อขัดขวางฝ่ายค้านในการเลือกตั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากสหประชาชาติระบุว่า การพิจารณาคดีของแกม สุขา เต็มไปด้วยความผิดปกติและไม่เป็นไปตามมาตรฐานของกฎหมายสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ.
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    กองทัพแห่งชาติลิเบีย (Libyan National Army - LNA) เผยถังบรรจุแร่ “ยูเรเนียม” จำนวน 10 ใบที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ประกาศว่าสูญหายไปจากโกดังแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของลิเบียถูกค้นพบแล้ว โดยอยู่ห่างจากจุดเดิมประมาณ 5 กิโลเมตร และคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธ “ชาด” ที่มาขนออกไป
    .
    คอลิด มาห์จูบ หัวหน้าฝ่ายสื่อมวลชนของ LNA ซึ่งเป็นหน่วยทหารหลักทางภาคตะวันออกของลิเบีย แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.) ว่า ถังบรรจุยูเรเนียมทั้งหมดที่หายไปถูกติดตามจนเจอแล้ว
    .
    ก่อนหน้านี้ IAEA ได้ส่งหนังสือลับแจ้งเตือนไปยังรัฐภาคีเมื่อวันพุธ (15) ว่า พบถังบรรจุยูเรเนียมสูญหายไปจากโกดังแห่งหนึ่งในลิเบียระหว่างที่เจ้าหน้าที่ IAEA เข้าไปตรวจสอบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14)
    .
    มาห์จูบ ระบุว่า โกดังแห่งนี้อยู่ติดกับชายแดนชาด (Chad) และ IAEA เคยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อปี 2020 และได้ทำการปิดผนึกถังยูเรเนียมทั้ง 10 ถังเอาไว้ด้วยแว็กซ์สีแดง
    .
    กองกำลัง LNA ไปค้นพบถังเหล่านี้อยู่ห่างจากโกดังประมาณ 5 กิโลเมตร โดยเขาสันนิษฐานว่ากลุ่มติดอาวุธชาดอาจเข้าไปรื้อค้นโกดัง และนำถังออกไปโดยเข้าใจผิดว่าเป็น “อาวุธ” หรือ “เครื่องกระสุน” และเมื่อพบว่าไม่ใช่ของที่ต้องการจึงทิ้งไว้
    .
    IAEA ยืนยันว่าได้รับแจ้งเรื่องการค้นพบถังยูเรเนียมแล้ว และอยู่ระหว่างส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจพิสูจน์
    .
    ถังเหล่านี้บรรจุแร่ยูเรเนียมเข้มข้น (uranium ore concentrate) หรือที่เรียกกันว่า “เค้กเหลือง” (yellow cake) หนักประมาณ 2.5 ตัน ซึ่งสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบทำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับใช้กับเตาปฏิกรณ์ รวมถึงอาจนำไปเสริมสมรรถนะเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    ปราจีนบุรี 18 มี.ค.-พบเบาะแสสำคัญวัสดุซีเซียม 137 หายจากโรงไฟฟ้าฯ มีกระบะมาล้างท้ายรถมีวัสดุคล้ายแท่งซีเซียม 137 และได้สัมผัสโดยตรง ประสานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจร่างกาย

    ตำรวจได้เบาะแสสำคัญหลังเร่งติดตามค้นหา “แท่งกัมมันตรังสีซีเซียม-137” หายจากโรงไฟฟ้าฯ ที่ จ.ปราจีนบุรี ท่ามกลางความวิตกกลัวรังสีรั่วไหลของประชาชน โดยมีพลเมืองดีเจ้าของร้านคาร์แคร์ เข้าแจ้งความให้ข้อมูลว่า มีกระบะมาล้างที่กระบะท้ายมีวัสดุคล้ายกับแท่งซีเซียม-137 และได้สัมผัสโดยตรงเกรงว่าจะเป็นอันตราย

    ภายหลัง นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และผู้เกี่ยวข้องแถลงข่าว วัสดุซีเซียม-137 หายจาก โรงงานไฟฟ้า NPS ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จนมีข่าวลือว่า มีการลอบเข้าไปขโมยออกไป หรือบางรายบอกว่า เป็นการกลั่นแกล้งเพื่อดิสเครดิตในกลุ่มพนักงาน แต่มีบางคนบอกว่าหายจริง โดยที่คนเก็บไปขายคิดว่าเป็นเศษเหล็กทั่วไป ล่าสุด หลังมีการเสนอข่าวออกไป เจ้าของร้านคาร์แคร์ ใน ต.ท่าตูม จำได้ว่า นานร่วมเดือนมีชายอายุประมาณ 30-35 ปี ไม่ทราบว่าทำงานอะไรขับรถยนต์กระบะ จำทะเบียนไม่ได้ มาล้างและที่ท้ายรถมีแท่งเหล็กใหญ่และยาวเกือบศอกเหมือนกับวัสดุซีเซียม-137 ที่เป็นข่าว ขณะที่กำลังล้างพยายามขยับออกเพื่อล้างแต่หนักเลื่อนไม่ไหวจึงไม่ได้ล้างส่วนนั้นของรถจึงทำได้แค่ฉีดน้ำ ซึ่งน้ำยังได้กระเซ็นมาโดนใบหน้าตนเองด้วยแต่ไม่ได้คิดอะไรหลังล้างเสร็จเจ้าของรถก็ขับออกไป และไม่สบายใจหลังเห็นในข่าว จึงตัดสินใจโทรแจ้งเบาะแส สภ.ศรีมหาโพธิ ต่อมาทางตำรวจได้มาพบและนำภาพถ่ายมาให้ดู จึงยืนยันว่าเหมือนกันกันทุกอย่าง พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่างตามข้อเท็จจริง

    หนุ่มเจ้าของร้านคาร์แคร์ที่ดูมีความกังวลที่ตนเองได้สัมผัสกับวัตถุดังกล่าว และโดนน้ำที่ฉีดไปถูกใบหน้า ขณะนี้มีความรู้สึกผิดปกติที่ผิวหน้ามีอาการแสบร้อน บวมแดง คิดว่าน่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากวัสดุนั้น ระบุอยากขอความช่วยเหลือ หรือคำแนะนำในการดูแลตนเอง แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงมาขอความร่วมมือกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องดังกล่าวเลย จึงขอให้ผู้สื่อข่าวประสานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าทำการตรวจร่างกาย

    ที่มา : สำนักข่าวไทย
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://tna.mcot.net/region-1136577
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    (Mar 18) จี้ธปท.รับมือ'วิกฤติการเงินโลก': "แบงก์ชาติสวิตเซอร์แลนด์" ไฟเขียวปล่อยกู้ให้ "เครดิต สวิส" ต่อลมหายใจ หลังประเมินแล้วเข้าข่ายแบงก์ที่มีความสำคัญ ต่อระบบ ช่วยคลายกังวลให้ตลาด ด้านนักวิเคราะห์ฟันธงปัญหายังไม่จบ ด้าน "ธีระชัย" ห่วงลามทั่วโลก แนะธปท. หาแนวทางรับมือ
    ความกังวลที่มีต่อวิกฤติภาคการเงินในยุโรปเริ่มคลี่คลายลงไปบ้าง หลังจากที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานกำกับดูแลตลาดเงินสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ เครดิตสวิส โดยระบุในแถลงการณ์ว่า เครดิต สวิส มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ด้านเงินทุนและ สภาพคล่องที่มีการกำหนดเอาไว้สำหรับธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบ

    สำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ธนาคารกลาง สวิตเซอร์แลนด์ จะให้กู้ยืมเงินกับ เครดิตสวิส เป็นวงเงินราว 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ราว 5.36 หมื่นล้านดอลลาร์(หรือประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุมและการจัดหา สภาพคล่องในระยะสั้น

    ข่าวการเข้าช่วยเหลือ เครดิตสวิส ส่งผลให้ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงบ่ายวานนี้(16มี.ค.) ดีขึ้นทันที โดยราคาหุ้นเครดิต สวิส พุ่งขึ้นกว่า 30% ขณะที่หุ้นธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ก็ดีดตัวขึ้นยกแผง แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าปัญหายังไม่สงบดี

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เป็นเรื่องยากที่จะประเมินความเสียหายล่วงหน้า หากเกิด กรณีธุรกิจเครดิตสวิสล้ม โดยธนาคารแห่งนี้มีสินทรัพย์อยู่ประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์และมีพนักงานกว่า 50,000 รายทั่วโลก

    "แอนดรูว์ เคนนิงแฮม" หัวหน้า นักเศรษฐศาสตร์ประจำยุโรปของบริษัทแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุว่า เครดิต สวิส ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป "มีความเชื่อมโยงในระดับโลกมากกว่าธนาคารซิลิคอน วัลเลย์(เอสวีบี) และ ซิกเนเจอร์ แบงก์ อย่างมาก โดยมีสาขานอกสวิตเซอร์แลนด์มากมาย ซึ่งรวมถึงในสหรัฐ"

    "เครดิต สวิสไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของสวิตเซอร์แลนด์ แต่เป็นปัญหาระดับโลก" เคนนิงแฮม กล่าว

    เครดิต สวิสเป็นที่รู้จักในฐานะ "ธนาคารที่มีความสำคัญในเชิงระบบระดับโลก"เมื่อธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งประสบปัญหา ผู้คนต่างก็เริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในระบบธนาคารและสงสัยว่าธนาคารแห่งใดจะเผชิญวิกฤตเป็นรายต่อไป

    แม้เครดิตสวิสจะได้รับเงินช่วยชีวิตจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังคงมีความเสี่ยงและผลกระทบที่คาดไม่ถึงจากเครดิตสวิสอีกมาก ส่งผลให้นักลงทุนต้องระมัดระวังตัว

    วิกฤติยังไม่อยู่ภายใต้การควบคุม

    "อาร์เธอร์ วิลมาร์ธ" อาจารย์ประจำสถาบันกฎหมายจอร์จ วอชิงตัน ให้ความเห็นว่า ภาวะปั่นป่วนของเครดิต สวิสบ่งชี้ว่าวิกฤติครั้งนี้ยังไม่อยู่ภายใต้การควบคุม

    "ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้เดียงสาที่คนส่วนใหญ่คิดว่าสามารถควบคุมวิกฤตได้ด้วยการจัดการธนาคารระดับภูมิภาคสองแห่งแต่เห็นได้ชัดว่าขณะนี้ยังคงมีภาวะตื่นตระหนกอยู่ภายในระบบธนาคารของเรา ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจกระจายไปยังธนาคารที่มีขนาดใหญ่มาก"วิลมาร์ธ กล่าว

    ห่วง"เครดิตสวิส"สะเทือนทั้งโลก

    นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและอดีตรองผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ DEEP Talk ของกรุงเทพธุรกิจว่า ปัจจัยที่ทำให้ ธนาคารเครดิตสวิส ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก จุดเริ่มต้นมาจาก การเข้าไปสนับสนุนธุรกิจรายใหญ่เก็งกำไร ในช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่เกินตัว อย่างสุดกู่ โดยการเข้าไปเก็งกำไรในธุรกิจที่มีความเสี่ยง จนนำไปสู่ผลขาดทุน จากธุรกิจที่ไปลงทุนประสบปัญหา รวมถึงปัญหาจากการเข้าไปแซกชันของยุโรป จากเหตุการณ์รัสเซียยูเครน ทำให้ต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อครัวเรือน จนมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น

    การประสบปัญหาของ "เครดิตสวิส" ครั้งนี้ สร้างความสะเทือนไปทั่วโลก และการแก้ไขปัญหาของเครดิตสวิสอาจไม่ได้ทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะการใช้หลักการเดียวกับการแก้ไขปัญหาของสหรัฐ ที่เข้าไปอุ้มเฉพาะผู้ฝากเงิน แต่ทิ้งผู้ถือหุ้นธนาคารเพราะเครดิตสวิส มีผู้ถือหุ้นเป็นกองทุนมั่งคั่งจากตะวันออกกลาง ดังนั้นการทิ้งผู้ถือหุ้นคงทำได้ยาก จึงอาจต้องเข้าไปแก้ไขปัญหานี้

    ทั้งนี้ หากธนาคารกลางยุโรป ภาครัฐ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เชื่อว่า จะมีผลกระทบทั่วยุโรป และลามเป็นปัญหาหลายประเทศ นอกเหนือจากยุโรป เพราะเครดิตสวิส ถือเป็นธนาคารใหญ่ ที่มีธุรกรรม การค้าขายกับหลายประเทศ ดังนั้นเหล่านี้จึงอาจเป็นผลกระทบ โยงเป็นใยแมงมุมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถือเป็นโจทย์หนักของธนาคารกลางยุโรป ในการเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าว

    จับตา Junk Bond หวั่นเกิดปัญหา

    ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อว่า ปัญหาจะไม่ลามเฉพาะระบบธนาคาร ในสหรัฐ และยุโรป แต่ปัญหาจะลามไปสู่ตลาดตราสารหนี้ ที่อยู่ในระดับที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้( Junk Bond) ในสหรัฐ และยุโรปได้ รวมถึงตลาดพันธบัตรรัฐบาล ที่สถานะอ่อนแอ หรือมีเครดิตต่ำ ทั้งในยุโรป สหรัฐ อิตาลี สเปน ที่อาจมีปัญหาตามมาได้ ดังนั้นต้องติดตามปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะหากสถานการณ์ดังกล่าวไม่สามารถคลี่คลายได้ ผลกระทบจะสะเทือนถึงทั่วโลกแน่นอน ประเทศไทยก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าวได้เช่นกัน

    โดยเฉพาะ ตลาดตราสารหนี้ Junk bond ที่เชื่อว่า จะเริ่มมีประเด็นปัญหาจากการ ผิดนัดชำระหนี้ Default ที่จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแน่นอน เช่น ผู้กู้อาจมีต้นทุนทางการเงินเพียง 4% แต่พอครบกำหนด บนอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ผู้ออก Junk bond อาจมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 10-12% ดังนั้นอาจมีบริษัทที่ออก Junk bond ได้รับผลกระทบ หรือมีปัญหาตามมาได้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด"

    "วันนี้ประเมินยากว่าจะลามแค่ไหน หากเทียบกับวิกฤติการเงินในอดีต เพราะรูปแบบ สาเหตุ ขั้นตอนการแก้ปัญหาต่างกันมาก แต่ผมมองว่าวิกฤติเที่ยวนี้ใหญ่มาก และเรากำลังเพิ่งเริ่มเห็นอาการเริ่มต้นเท่านั้น และอาจเป็นปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอได้ ดังนั้นสิ่งที่เราจะหวังได้ คือการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น หวังว่าพรรคการเมืองจะนำประเด็นเหล่านี้ไปคิดวางแผน กำหนดนโยบายเพื่อช่วยให้ประเทศไทยเรารอดในภาวะที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น"

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแบงก์ไทยเชื่อว่า จากการเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง ทุนที่แข็งแกร่งของแบงก์ไทย และอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้ขึ้นสูงจนเกินไป ทำให้การเก็งกำไรไม่ได้มากเหมือนต่างประเทศ ดังนั้นปัญหาหรือผลกระทบมาสู่แบงก์ไทยเชื่อว่ามีน้อย แต่ผลกระทบจะมาผ่าน ส่งออก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้ลดลง

    นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า แม้ผลกระทบโดยรวมในขณะนี้อาจจะยังไม่มาก แต่ไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต้องคิดและวางแผนล่วงหน้าเพื่อดูว่าหากปัญหาเหล่านี้ลามมาถึงไทยจะต้องรับมืออย่างไร

    เชื่อไม่จบแค่'เครดิตสวิส'

    ด้าน นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า อาจจะไม่ใช่เฉพาะเครดิตสวิสที่เกิดปัญหา แต่เชื่อว่า สถานการณ์ และปัญหาดังกล่าวจะลามไปสู่แบงก์อื่นๆในยุโรปมากขึ้น เพราะเครดิตสวิส ถือว่าใหญ่กว่า ปัญหาของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์(SVB) มาก จากผลของดอกเบี้ยขาขึ้นดังนั้นตลาดจะจับตามากขึ้น ว่าจะมีโดมิโนตัวต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะ หลายแบงก์ขนาดใหญ่ในยุโรปที่ไม่แข็งแกร่งหรือมีปัญหาขาดทุนมาก่อนหน้า

    สำหรับการแก้ปัญหาในครั้งนี้ทำไม่ได้ง่าย และต้องรีบทำให้จบโดยเร็ว เพราะหากยืดเยื้อ แบงก์ในยุโรปจะมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นตามมาได้ เช่นเดียวกับเยอรมนีในอดีตที่ธนาคารยุโรปต้องเข้ามาอุ้ม ดังนั้นในที่สุดสวิตเซอร์แลนด์ และยุโรปน่าหาทางอัดฉีดเงิน ตั้งกองทุนขึ้นมาพยุงแบงก์ทั้งหลายไม่ให้ล้ม เพราะนี่คือฉนวนวิกฤติความเชื่อมั่นของภาคการเงินทั่วโลก และท้ายสุดธนาคารกลางยุโรปหรือECBอาจต้องพิจารณาว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้แค่ไหน แม้เงินเฟ้อยังสูง

    ในด้านผลกระทบต่อประเทศไทย นักลงทุนน่าเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเงินบาทอ่อนค่าลง และมีความเสี่ยงสูงขึ้นมาก ที่แบงก์ ชาติ ไทยอาจเลือกคงดอกเบี้ย ไว้ที่ 1.50% เพื่อรอดความชัดเจนจากการประชุมเฟด แต่ในส่วนภาคธนาคาร ของไทยไม่น่าได้รับผลกระทบเพราะเกณฑ์ของแบงก์ชาติเข้มงวดมากและคุณภาพสินทรัพย์ของแบงก์ยังดีและไม่มีวิกฤติ ด้านความเชื่อมั่นเหมือนประเทศอื่น และบทเรียนที่สำคัญในระบบธนาคารคือ การรักษาความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ FB_IMG_1679147072653.jpg
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    นอนหลับฝันดีครับ


    Bailout คืออะไร? รัฐควรอุ้มสถาบันการเงินที่ล้มละลาย?

    ทุกคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า Bailout หรือการที่รัฐเข้าไปอุ้มธุรกิจที่ล้มละลาย โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คำนี้น่าจะเป็นคำที่เราเห็นตามข่าวอยู่บ่อยๆ หลังการล้มละลายของ Silvergate Capital และ Silicon Valley Bank ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว และคาดว่า Signature Bank อาจจะเป็นรายต่อไปในไม่ช้า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นธนาคารที่ให้บริการอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีและกลุ่มบริษัทเทคสตาร์ทอัพเป็นหลัก

    ก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมนำเงินภาษีประชาชนไป Bailout หรืออุ้มสถาบันการเงินที่ล้มละลายเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งทางคุณเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแถลงไว้ว่า จะไม่มีการ Bailout เหมือนตอนวิกฤติการณ์เงินปี 2008 อีกแล้ว…

    ในบทความนี้เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า Bailout กันให้มากขึ้น และลองคิดดูว่าในครั้งนี้ ทำไมสหรัฐฯ ถึงตัดสินใจเช่นนั้น

    Bailout คืออะไร?

    คำว่า Bailout อาจแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า การเข้าไปอุ้มธุรกิจหนึ่งๆ มักจะใช้พูดถึงสถานการณ์ที่รัฐเข้าไปให้ความช่วยเหลือทางการเงิน แก่บริษัท หรืออุตสาหกรรมที่ล้มละลาย โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบของเงินกู้ เงินสด พันธบัตร หรือการอัดฉีดทุนเข้าไป วิธีที่เรามักจะพบเห็นบ่อยที่สุด ก็คือการให้เงินกู้โดยตรง หรือเข้าไปรับประกันเงินกู้ให้

    ทำไมรัฐต้องเข้าไปอุ้มธุรกิจที่ล้มละลาย?

    แน่นอนว่าการเข้าไปอุ้มธุรกิจที่ล้มลายนั้นเต็มไปด้วยต้นทุนและความเสี่ยง แต่ส่วนใหญ่ที่รัฐต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันผลกระทบรุนแรงที่อาจตามมา หากบริษัทนั้นๆ ล้มละลาย ซึ่งโดยมากมักจะเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่รัฐจะยอมให้ล้มได้ เนื่องจากมองว่าการล้มละลายของบริษัท หรืออุตสาหกรรมนั้นจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

    การที่รัฐยื่นมือเข้าไปอุ้มธุรกิจที่ล้มละลาย ก็เลยเหมือนเป็นการช่วยรับประกันว่าธุรกิจนั้นๆ จะอยู่รอดต่อไปได้ ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ป้องกันไม่ให้เกิดการล่มสลายของระบบการเงิน ช่วยเพิ่มเสถียรภาพ ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของภาวะภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งมักเป็นผลตามมามาจากการล้มละลายของระบบการเงินการธนาคาร

    อย่างไรก็ตาม การเข้าไปอุ้มธุรกิจที่ล้มละลายก็มีราคาที่ต้องจ่ายมหาศาลเช่นกัน…

    เมื่อครั้งที่รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าไปอุ้มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ล้มละลายจากวิกฤติการณ์การเงินในปี 2008 สถาบันการเงินของสหรัฐฯ ในขณะนั้นทั้ง Countrywide, Lehman Brothers, และ Bear Stearns ต่างก็พากันล้มละลายไป จนในที่สุดรัฐบาลต้องตัดสินใจออกมาตรการช่วยเหลือ โดยมีการตั้งงบไว้ 700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับซื้อสินทรัพย์ที่ไม่ดีมาจากสถาบันการเงินต่างๆ

    นอกจากนี้ยังมีการเข้าไปอุ้มธุรกิจยานยนต์อย่าง Chrysler และ General Motors (GM) ซึ่งประสบปัญหาในช่วงปี 2008 เช่นกัน เนื่องจากธุรกิจยานยนต์ เผชิญกับแรงกดดันทั้งยอดขายตกต่ำ แก๊สขึ้นราคา และผู้บริโภคขอสินเชื่อรถยนต์ได้ยากจากกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่เข้มงวดขึ้น ท้ายที่สุด รัฐบาลก็ต้องยอมช่วยเหลือทั้งสองบริษัทดังกล่าวด้วยเงินกว่า 63.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    แต่นอกเหนือจากต้นทุนทางการเงินมหาศาลแล้วนั้น การที่รัฐเข้าไปอุ้มสถาบันการเงิน ตลอดจนธุรกิจต่างๆ จะกลายเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ดีในระยะยาวสำหรับธนาคาร ที่จะกล้าทำอะไรเสี่ยงๆ ปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงเกินกว่าที่กำหนดไว้ เพราะคาดว่าหากตนเองไม่ทำตามกฎระเบียบแล้วล้มขึ้นมา วันข้างหน้ารัฐก็จะต้องเข้ามาอุ้มอยู่ดี

    และอย่าลืมว่าเงินที่ใช้ในการอุ้มสถาบันการเงินเหล่านั้น มาจากภาษีของประชาชน…

    ในครั้งนี้ สหรัฐฯ จึงไม่มีการอุ้มสถาบันการเงินที่ล้มละลายเหมือนในปี 2008 อีกแล้ว แต่เลือกที่จะสร้างความเชื่อมั่น ผ่านการเข้าไปรับประกันเงินให้แก่ผู้ฝากเงินทุกคนแทน เพื่อหวังว่าจะไม่เกิดความตื่นตระหนกแล้วทำให้ธนาคารอื่นๆ ต่างพากันล้มตามๆ กันไป…

    ผู้เขียน: ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Economist, Bnomics
    ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics

    ════════════════
    Bnomics - Bangkok Bank Economics
    'Be an Economist for Everyone'
    วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    ตามรายงานของสื่อสหรัฐ ขณะนี้ Federal Reserveเร่งอัดฉีดเงินฝาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าธนาคาร First Republic Bank ของสหรัฐ ทั้ง 11 แห่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส และซิตี้กรุ๊ป ที่มีปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นสภาพคล่องหลีกเลี่ยงการล้มละลาย!

    เพื่อตอบสนองความต้องการในการถอนเงินของผู้ฝากที่ตกอยู่ในวิกฤตความเชื่อมั่น ผู้ฝากเข้าคิวเพื่อถอนเงิน ธนาคารแห่งอเมริกายังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ย เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เชื่อว่า: ในบรรดาผู้ฝากเงินที่ถอนเงินเกินวงเงินประกัน มีความเสี่ยงร้ายแรงที่จะทำให้การถอนเงินจำนวนมากจะกระจายออกไป ซึ่งอาจทำให้ธนาคารหลายแห่งล้มเหลวและก่อให้เกิดความตื่นตระหนก ในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างนี้ต้องย่อมที่จะลดการใช้จ่ายทางทหาร ความทะเยอทะยาน ที่จะครอบครองโลกก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ และเครดิตของ US Dollar ก็จะพังทลาย และวันดีๆ ของ US ก็จะสิ้นสุดลง!
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดยังไม่จบง่ายๆ

    ความคืบหน้าเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังเตรียมเจรจากับเจ้าภาพกัมพูชา ให้ลดค่าลิขสิขสิทธิ์ที่ตั้งไว้สูงถึง 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27.6 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทบทวนยกเลิกกฎ "มัสต์แฮฟ" (Must Have) เพราะเห็นว่าเป็นต้นตอปัญหาในการดึงภาคเอกชนร่วมลงทุนในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬา 7 รายการที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลกนั้น

    ล่าสุด นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า กรณีของการพิจารณาประเด็นปัญญาของกฎ "มัสต์แฮฟ" ที่ขัดแย้งกับธุรกิจกีฬาโลกนั้น บอร์ด กสทช. มีความเห็นให้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุด โดยมี น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เป็นประธานเพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่รอฟังข้อสรุปก่อนจะพิจารณาตัดสินใจต่อไป

    ด้าน น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องที่ กกท. ระบุว่า กสทช. บีบบังคับให้ กกท. ดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชานั้น น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน เพราะก่อนหน้านี้ กสทช. เชิญ กกท. และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ มาหารือและชี้แจงทำความเข้าใจกฎ "มัสต์แฮฟ" และ "มัสต์ แครี่" ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า สำหรับการบังคับใช้ของกฎ "มัสต์ แฮฟ" และ "มัสต์ แครี่" จะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อ ลิขสิทธิ์ถูกซื้อมาดำเนินการในประเทศไทย แต่ตราบใดที่ไม่มีการซื้อเข้ามา กฎดังกล่าวก็ไม่ได้บังคับใช้ หรือสรุปง่ายๆ ว่า ถ้าประเทศไทยไม่ซื้อถือว่า ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่ถ้าซื้อมาแล้ว ต้องถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชมตามช่องทางต่างๆ ที่ระบุไว้แบบไม่เสียเงินค่ารับชม อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าทาง กกท. จะดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของ กกท. ซึ่งแจ้งไว้คร่าวๆ ว่า กำลังหางบประมาณ และจะขอจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

    น.ส.มณีรัตน์ กล่าวว่า การพิจารณาทบทวนยกเลิก หรือไม่ยกเลิกกฎ "มัสต์แฮฟ" นั้น จะยึดหลัก ตลาดเรื่องกีฬามีการแข่งขันกันสูง ประกันการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน วิถีของวงการกีฬาของโลก และ กรอบ กติกา ที่ถือปฏิบัติกันทั่วโลก การจะดำเนินการแก้กฎ "มัสต์แฮฟ" หรือถอดกีฬาใดกีฬาหนึ่งออกจาก "มัสต์แฮฟ" ต้องทำการรับฟังความเห็นสาธารณะ ต้องพิจารณาผลกระทบทุกภาคส่วน

    โดยคณะทำงานจะหาสรุปประเด็นดังกล่าวอย่างเร็วที่สุด เพราะเข้าใจดีว่าเป็นประเด็นที่สังคมจับตามอง เมื่อคณะทำงานศึกษาข้อมูลได้สรุปเสร็จจะต้องทำเสนอเข้าที่ประชุมอนุกรรมการโทรทัศน์เพื่อพิจารณา, ดำเนินการรับฟังความเห็นสาธารณะ ใช้เวลา 45 วัน จากนั้นจะเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการอีก 3 ชุด เพื่อจัดทำร่างและเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดเพื่อลงมติ ก่อนจะลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    สหรัฐฯ ผวาคำเตือนอย่างจริงจังที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนคนหลายแสนคนจะถูกสังหารหรือถูกจับกุมในยูเครนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า!

    เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น Scott Ritter เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่เกษียณแล้ว กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับช่อง YouTube ว่ากองกำลังยูเครนหลายแสนนายจะพ่ายแพ้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะถูกฆ่าหรือถูกจับ

    ความคืบหน้าของสงครามเลวร้ายกว่าที่คิด! “ชาวยูเครนทุกคนที่อยู่ในสนามรบตอนนี้จะต้องตาย บาดเจ็บ หรือถูกจับภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า เรากำลังพูดถึงคนหลายแสนคน นี่คือชะตากรรมของพวกเขา” ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ คนนี้ถึงทำอย่างนั้น ข้อความที่น่าประหลาดใจ? เขาควรจะทำนายอย่างเป็นกลางในด้านของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เขามาจากภูมิหลังด้านข่าวกรองเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของสมรภูมิยูเครน
    Scott Ritterกล่าวว่ากองทัพยูเครนจะไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันอันแข็งแกร่งของกองทัพรัสเซียได้ ดังนั้นกองทัพยูเครนจะประสบ "ความสูญเสียอย่างมหันต์" ในการรุก อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เสริมว่า ความล้มเหลวของเคียฟจะชัดเจนขึ้นในฤดูร้อนนี้ เนื่องจากทรัพยากรกระสุนและระดมกำลังหมดลง ย่อหน้านี้ถือได้ว่าเป็นการวิเคราะห์เชิงตรรกะของความพ่ายแพ้ในสงครามยูเครน เวลา สถานที่ ตัวละคร และโครงเรื่องนั้นถูกต้องทุกประการ เห็นได้ชัดว่าเขาได้ทำลายตอนจบของสคริปต์ของ "Bachmut's Armageddon" และนักแสดงบางคนไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้

    การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์อย่างเร่งด่วนของข้อมูลสำคัญ[Forbidden Military Aircraft Office] มีดังต่อไปนี้ -

    1. สงครามกำลังทวีความน่าสลดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์ของ Scott Ritter จุดสุดยอดของสงครามกำลังจะมาถึง
    2.ยูเครนยังคงมีทหารอยู่ในมือ 500,000 นาย กำลังเสริมสำหรับ Bakhmut ในครั้งนี้คือ 40,000 นาย และยังคงมีทหารอีก 30,000 นายที่อยู่ภายใต้การปิดล้อมใน Bakhmut กล่าวอีกนัยหนึ่งหากการรบแตกหักของ Bakhmut แตกออก กองทัพยูเครนจะมีที่ กองกำลังอย่างน้อย 70,000 นายที่จะ ส่งไปที่ Bakhmut! แม้ว่า Zelensky ยังคงให้กำลังใจทหาร แต่ทุกคนก็รู้ว่าทหารยูเครนแนวหน้าที่ไป Bakhmut เกือบตกอยู่ใน "สถานการณ์ร้ายแรง"! ในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันบนท้องถนนอย่างดุเดือดรอบโรงงานโลหะใจกลางเมืองบาห์มุท ซึ่งเป็นป้อมปราการที่มีลักษณะคล้ายกับโรงงานเหล็กมาริอูโปล มีป้อมปราการใต้ดินมากถึง 10 ชั้น และขยายออกไปทุกทิศทุกทาง ที่สำคัญคือ ทหารยูเครนจำนวนมากทำให้กองกำลังของ Wagner ป้องกันได้ยาก
    3.บัคมุทเป็นเพียง "ดวงตา" ของสมรภูมิรัสเซีย - ยูเครน ดูเหมือนว่ากองกำลังหลักของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม กองทหารหนักที่เหลือกำลังจัดทัพอย่างชำนาญ ในปัจจุบัน การสู้รบในแนวรบด้านเหนือได้หยุดลงโดยทั่วไปแล้ว และกองกำลังหลักของทั้งสองฝ่ายได้หันไปหา Bakhmut แต่รัสเซียยังคงทำการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ Kharkov เป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่ากองทัพรัสเซียยังคงได้เปรียบอย่างชัดเจน ในแนวรบด้านเหนือ
    4.การโจมตี Bakhmut ของกองทัพรัสเซียเข้าสู่ระยะหดตัวขั้นสุดท้าย โดยพยายามยุติการสู้รบก่อนที่กองกำลังเสริมใหม่ของยูเครนจะเข้าสู่ Bakhmut ข่าวล่าสุด: ในตอนนี้ แนวหน้าของทหารรับจ้าง "วากเนอร์" ได้มาถึงใกล้กับอนุสาวรีย์เครื่องบินรบ MiG-17 ที่มีชื่อเสียงใน Bakhmut หลังจากปิดล้อม Bakhmut ได้สามด้านแล้ว รัสเซียก็ค่อยๆ ปิดเข้ามาจากด้านเหนือและด้านใต้ และการปิดล้อมก็แน่นขึ้นเรื่อยๆ จากภาพ ระยะห่างระหว่างกองทหารรัสเซียทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ห่างกันเพียง 2.44 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับกองทัพยูเครน ช่องทางเดียวนี้ไม่ต่างจากการไม่มีอยู่จริง อย่างไรก็ตาม เวลานี้ กองทัพรัสเซียได้สั่งสมประสบการณ์ในการโจมตีโรงงานเหล็กและเหล็กกล้า Mariupol เขารู้วิธีกำจัดหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแล้ว
    5.หากกองทัพยูเครนโจมตีใน Bakhmut แนวป้องกันด้านตะวันออกทั้งหมดจะถูกเจาะโดยสมบูรณ์ จากมุมมองทางยุทธศาสตร์ แนวป้องกันยูเครนมากกว่า 100,000 คนในภูมิภาค Zaporozhye และ Donetsk จะไม่มีอันตรายใด ๆ ที่จะป้องกัน กองทัพรัสเซีย 350,000 นายได้ก่อตัวเป็นรูปก้ามปูล้อมรอบพวกเขา และกำลังรอการสู้รบครั้งสุดท้ายของ Bakhmut จากนั้นกองทัพรัสเซียอาจเปิด "การรุกทั่วไป"! นี่คือสิ่งที่ Scott Ritterอธิบายว่าเป็นการรุกฤดูร้อน—ตอนจบที่ยิ่งใหญ่ เท่าที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการล่าช้าอีกต่อไป พวกเขากังวลว่ามันจะยากสำหรับประเทศในนาโต้ที่จะจบลงในที่สุด

    6.เพนตากอนไม่มีอารมณ์กับ Zelensky ในตอนนี้ และ Austin ได้เรียกร้องให้กองทัพยูเครนถอนตัวออกจาก Bakhmut อย่างเปิดเผย แต่นักแสดงไม่ฟังผู้กำกับและไม่มีทางที่จะเขียนบทด้วยตัวเอง Scott Ritter มองเห็นแก่นแท้ของปัญหาได้—นักแสดงสวมบทบาทเป็นคนดัง และพวกเขาไม่ฟังคำแนะนำของผู้กำกับในการขโมยฉาก ซึ่งรังแต่จะนำจุดจบอันน่าเศร้ามาสู่สนามรบ ตอนนี้ยังมีทหาร 500,000 นายในยูเครน หากกองทัพทั้งหมดถูกกวาดล้างเพราะ Bakhmut มันจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้า!
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ได้รับเงินอัดฉีดในรูปเงินฝากจากแบงก์ใหญ่วานนี้ แต่มาตรการดังกล่าวจะช่วยพยุงฐานะการเงินของทางธนาคารได้เพียงชั่วคราว ก่อนที่จะต้องขายกิจการในที่สุด
    .
    "แม้ว่าเงินฝากดังกล่าวได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของ ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB แต่ทางธนาคารก็ยังคงต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากดังกล่าว ซึ่งคิดในอัตราปัจจุบัน และจะส่งผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยของธนาคาร และเนื่องจาก FRB มีสถานะการเงินที่ย่ำแย่ ทางธนาคารก็อาจจะต้องพิจารณาการขายกิจการในที่สุด" นายอาร์ต โฮแกน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท B. Riley Wealth Management กล่าว
    .
    ทั้งนี้ FRB ได้รับการก่อตั้งในปี 2528 โดยมีสินทรัพย์จำนวน 2.12 แสนล้านดอลลาร์ และเงินฝาก 1.764 แสนล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565
    .
    นอกจากนี้ FRB ได้ทำการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำนวน 1.09 แสนล้านดอลลาร์ในระหว่างวันที่ 10-15 มี.ค.
    .
    สื่อรายงานว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังหลายรายในการโน้มน้าวให้ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ FRB
    .
    ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำข้อตกลงดังกล่าว ได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
    .
    ตามข้อตกลงดังกล่าว ธนาคารขนาดใหญ่ในวอลล์สตรีทจะฝากเงินใน FRB เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ทางธนาคาร โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน จะฝากเงินใน FRB รายละ 5 พันล้านดอลลาร์
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1058479?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจBusiness
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    ช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ อุบัติการณ์ “มะเร็งลำไส้ใหญ่” มักตรวจเจอในกลุ่มคนสูงอายุ 50-70 ปี แต่ในช่วงหลังมานี้ เริ่มพบผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปและปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายนอก
    .
    “มะเร็งลำไส้ใหญ่” คือโรคมะเร็งชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกันกับมะเร็งอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายมนุษย์ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ลำไส้ใหญ่ โดยเซลล์เกิดการแบ่งตัวแบบเพิ่มจำนวนจนควบคุมไม่ได้ ส่งผลให้เกิดเนื้องอก และเมื่อปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นานหลายปี ก็จะบ่มเพาะตัวเองเป็นเซลล์เนื้อร้าย และกลายเป็นมะเร็งที่พร้อมจะลุกลามแพร่กระจายไปที่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย
    .
    ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มักมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันผู้ป่วยโรคนี้กลับมีอายุน้อยลง ปัจจุบันพบข้อมูลจาก CNN ระบุว่า สัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 55 ปีเพิ่มขึ้นจาก 11% ในปี 1995 เป็น 20% ในปี 2019 นอกจากนี้ 60% ของผู้ป่วยโรคลำไส้ใหญ่และทวารหนักรายใหม่ในทุกช่วงอายุมักพบในช่วงระยะสองถึงสามแล้ว หรืออยู่ในอาการวิกฤติ
    .
    สำหรับ “ปัจจัยเสี่ยง” ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่อายุน้อยในอดีต หากแบ่งกลุ่มตาม “ไลฟ์สไตล์” การใช้ชีวิตที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรค ได้แก่ อาหารบางชนิด ไม่ออกกำลังกาย และน้ำหนักมากเกินไป แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีข้อมูลระบุว่าแม้บางคนจะกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และมีน้ำหนักตัวตามมาตรฐาน ก็ยังป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เนื่องจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายนอก
    .
    สารพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกหนึ่งตัวการก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่
    .
    มะเร็งลำไส้ใหญ่และสิ่งแวดล้อม อาจดูเหมือนว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ข้อมูลจาก CNN อธิบายว่า สารพิษในสิ่งแวดล้อม รวมถึงสารพิษจากอุตสาหกรรม มีความเชื่อมโยงกับอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเมืองที่เคยเป็นที่ตั้งของโรงงานหรือมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ นอกจากนี้มลพิษจากสารเคมีที่แผ่กระจายไปทั่วโลกกำลังคุกคามเสถียรภาพของระบบนิเวศทั่วโลกที่มนุษย์เราต้องพึ่งพาอาศัย ด้านข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ รายงานว่าในปี 2020 มีการวิเคราะห์ปัจจัยในสิ่งแวดล้อมว่าเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้ของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในระยะเริ่มต้น โดยมักจะมาจากปัจจัยด้าน มลพิษทางอากาศและน้ำ สารเคมีในดินและอาหาร และการใช้ยาฆ่าแมลง เป็นต้น
    .
    อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1058233?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจHealth
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    เป็น #ซีเนียร์ มันเหนื่อย! เมื่อ #มนุษย์ออฟฟิศ วัย 40 ขึ้นไป ท้อแท้กับหลายๆ สิ่งในชีวิต ทั้งสุขภาพ การงาน และครอบครัว จนนำไปสู่ #วิกฤติวัยกลางคน
    .
    หนุ่มสาวหลายคนเริ่มทำงานในฐานะ “พนักงานออฟฟิศ” ทำมายาวนานจนบางครั้งลืมนับวันเวลา รู้ตัวอีกทีอายุก็ก้าวเข้าสู่เลขสี่ และกลายเป็น “ซีเนียร์” ในที่ทำงานไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่ตามมาด้วยคงหนีไม่พ้น ภาระงานมากขึ้น, ปัญหาสุขภาพ, ภาระการเงิน, ภาระดูแลครอบครัว, ดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ หลายอย่างประดังประเดเข้ามาในชีวิตจนไม่รู้จะเครียดกับเรื่องไหนก่อนดี?
    .
    วัยกลางคนรุ่นซีเนียร์ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่ผู้คนมักใช้ไปกับการทบทวนตัวเอง นับเป็นห้วงเวลาของการเชื่อมโยง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตว่า ตนเองกำลังเดินมาถึงจุดไหนของชีวิต ซึ่งภาวะดังกล่าวเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียด และอาจเสี่ยงต่อภาวะที่เรียกว่า “วิกฤติวัยกลางคน” ได้
    .
    จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ วัยกลางคนจะสร้างการรับรู้ในเรื่องของ “เวลา” ที่เปลี่ยนไป โดยมักจะเกิดคำถามว่า ยังเหลือเวลาใช้ชีวิตอีกกี่ปี? ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้เริ่มคิดว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้อย่างไรให้ดีที่สุด?
    .
    นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเตือนอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่า คุณกำลังเกิดวิกฤติวัยกลางคน ได้แก่
    .
    ความผิดปกติทางอารมณ์ มีความโกรธหรือความหงุดหงิดเพิ่มขึ้น
    น้ำหนักลดลง
    นอนหลับไม่เต็มประสิทธิภาพ
    การถอยห่างจากความสัมพันธ์
    ความเครียดจากการตกงาน การนอกใจ การหย่าร้าง การเสียชีวิตของพ่อแม่ ความกังวลทางการเงิน และกังวลเรื่องความตาย
    .
    สิ่งเหล่านี้บีบคั้นให้มนุษย์ออฟฟิศต้องทำใจยอมรับความเป็นจริงของโลกนี้ให้ได้ อีกทั้ง คนรุ่นซีเนียร์ยังต้องรับมือกับความเจ็บป่วยมากขึ้น เพราะเป็นวัยที่เริ่มจะได้พบเจอกับความเสื่อมโทรมทางด้านร่างกายและจิตใจ เช่น วัยหมดประจำเดือน แถมยังต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ตัวลง ในขณะที่ลูกๆ ก็กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน
    .
    ชีวิตของวัยกลางคนจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความเครียด ทั้งเรื่องที่ทำงานและที่บ้าน ที่น่าเศร้าไปกว่านั้น คือ คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการบอกให้ใครทราบเกี่ยวกับความเครียดที่ตนกำลังเผชิญอยู่ ส่งผลให้ไม่สามารถมีความสุขกับชีวิตประจำวันได้เท่าที่ควร
    .
    แม้ว่าคนเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงช่วงเวลานี้ของชีวิตไปได้ แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยให้วัยกลางคนก้าวข้ามผ่านวิกฤติแห่งวัยได้ ด้วยคำแนะนำดังนี้
    .
    ⭕️ยอมรับและเข้าใจสภาวะอารมณ์ตนเอง : ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้นเสมอ เรื่องราวที่ผ่านมา เป็นเรื่องดีที่ทำให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ จนหลอมรวมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้
    .
    ⭕️จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม : เมื่ออายุมากขึ้น ควรหาวิธีการจัดการกับความเครียด และทำสม่ำเสมอ เช่น นั่งสมาธิ ฝึกสติ ออกกำลังกาย ใจดีกับตนเองและผู้อื่น ฟังเพลง ท่องเที่ยวผ่อนคลาย สิ่งเหล่านี้ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจ
    .
    ⭕️เปิดโอกาสให้ตัวเอง : การลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น ปีนหน้าผา, เรียนดำน้ำ, เรียนร้องเพลง ฯลฯ นอกจากจะช่วยคลายเครียดแล้ว ยังทำให้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากขึ้น
    .
    .
    .
    อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1057980?anm=
    .
    อ้างอิง : Psychologytoday1, Psychologytoday2, Pobpad
    .
    กราฟิก : วิชัย นาคสุวรรณ
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจHealth
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    แม้จะเข้าสู่หน้าร้อน ไฮซีซั่นสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะหมวดเครื่องดื่ม แต่ภาพรวมแบรนด์ยังคงแตะเบรกใช้จ่ายงบโฆษณา จนฉุดให้ 2 เดือนแรก "ติดลบ" 10%
    .
    นีลเส็นรายงานภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาช่วง 2 เดือนแรก(ม.ค.-ก.พ.66) ยังออกตัวติดลบ 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเม็ดเงินสะพัด 15,763 ล้านบาท หากดูเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2566 แบรนด์เปย์งบรวมยมูลค่า 8,161 ล้านบาท ลดลง 8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
    .
    ทั้งนี้ สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ “ติดลบ” หนักสุด 76% มีมูลค่า 120 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อ ตามด้วยทีวี 4,202 ล้านบาท ติดลบ 12% สื่อสิ่งพิมพ์ 184 ล้านบาท ติดลบ 10% สื่อในห้าง 58 ล้านบาท ติดลบ 3% ส่วนที่เป็นบวก ได้แก่ สื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่มูลค่า 1,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% วิทยุ 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
    .
    ส่วนสื่ออินเตอร์เน็ตยังเป็นมูลค่า 2,168 ล้านบาท แต่ภาพรวมของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ จะเติบโตมากน้อยแค่ไหน สัปดาห์หน้า สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเชิงลึก
    .
    แม้กุมภาพันธ์ จะเริ่มเข้าฤดูร้อน ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของตลาดสินค้าเครื่องดื่ม แต่การใช้จ่ายเงินของแบรนด์ในหมวดดังกล่าว ยังแตะเบรก! เช่นกัน สำรวจหมวดสำคัญๆ สถานการณ์จับจ่ายเงินเพื่อโฆษณา เป็นดังนี้
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1058511?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจBusiness
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    “แคสเปอร์สกี้” ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์โลก เปิดรายงานความปลอดภัยไซเบอร์ล่าสุด พบไทยเจอเหตุการณ์โจมตีที่เป็นอันตรายจำนวน 364,219 เหตุการณ์ เกิดจากเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ในประเทศไทย สูงกว่าปีที่แล้ว 89.48% หรือ 192,217 เหตุการณ์
    .
    นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า ประเทศไทย มีสถิติที่โดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยปี 2562 มีการบันทึกเหตุการณ์โจมตีมากที่สุดกว่า 1.08 ล้านเหตุการณ์ ตัวเลขดังกล่าวลดลงในช่วงที่เกิดโรคระบาดในปี 2563-2564 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นได้บันทึกไว้อีกครั้งล่าสุดในปี 2565
    .
    ช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลายเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับภาคธุรกิจ องค์กรทุกขนาดถูกบังคับให้เปลี่ยนลำดับความสำคัญ โดยมุ่งเน้นที่การปลดล็อกเพื่อเปลี่ยนไปสู่การทำงานจากระยะไกล ในขณะที่ยังต้องต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาซัพพลายเชน และการลงทุนในแหล่งรายได้ใหม่
    .
    อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจหลังแพร่ระบาดดูเหมือนจะได้รับการเตรียมพร้อมอย่างดี สำหรับอนาคตที่สดใสของประเทศไทย โดยปีนี้ รัฐบาลไทยมีเป้าหมายเร่งรัดการลงทุนของรัฐ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3-4% ในปี 2566 โดยการเติบโตได้แรงหนุนจากแผนรัฐบาลในการเร่งการลงทุนของรัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ขณะที่ ภาพรวมของภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
    .
    อย่างไรก็ตาม ปี 2565 ทั่วโลกระบบตรวจจับของแคสเปอร์สกี้ ยังค้นพบไฟล์ที่เป็นอันตรายโดยเฉลี่ย 400,000 ไฟล์ทุกวัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2564 ขณะที่ พบว่า แรนซัมแวร์ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่ล็อกอุปกรณ์หรือไฟล์นั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ มีสัดส่วนการตรวจพบแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 181% ทุกวัน
    .
    ในรายงานระบุด้วยว่า ประเทศไทยมีจำนวนเหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่ถูกบล็อกมากเป็นอันดับสอง (82,438 เหตุการณ์) จากเหตุการณ์ที่กำหนดเป้าหมายโจมตีเป็นองค์กรธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด 304,904 เหตุการณ์
    .
    ขณะที่ก่อนหน้านี้ แคสเปอร์สกี้ตรวจพบความพยายามในการคุกคามเว็บจำนวน 17,295,702 รายการบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ที่เข้าร่วม Kaspersky Security Network หรือ KSN ในไทย ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าปีที่แล้ว 0.46% หรือ 17,216,656 รายการ คิดเป็นผู้ใช้ชาวไทยจำนวน 29.1% ที่จะถูกโจมตีจากภัยคุกคามทางออนไลน์ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 109 ของโลก
    .
    การโจมตีผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เป็นวิธีการหลักในการแพร่กระจายโปรแกรมที่เป็นอันตราย การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในเบราว์เซอร์และปลั๊กอิน รวมถึงวิศวกรรมสังคม เป็นวิธีที่อาชญากรไซเบอร์ใช้เจาะระบบโดยทั่วไปมากที่สุด
    .
    ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1058498?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจTech #กรุงเทพธุรกิจUpdate
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แนะนำผู้โดยสารใช้ระบบ TTS ค้นหาตำแหน่งรถไฟทั่วประเทศ หรือ Train Tracking System รู้เวลาล่วงหน้าก่อนถึงสถานี ซึ่งจะทำให้เราสามารถกะเวลาเดินทางได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ
    .
    การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แนะนำผู้โดยสารใช้ระบบ TTS ค้นหาตำแหน่งรถไฟทั่วประเทศ หรือ Train Tracking System รู้เวลาล่วงหน้าก่อนถึงสถานี ซึ่งจะทำให้เราสามารถกะเวลาเดินทางได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ป้องกันการตกรถ
    .
    สำหรับ ระบบติดตามขบวนรถไฟ (TTS : Train Tracking System) เป็นระบบในเว็บไซต์ที่สามารถรู้ตำแหน่งของรถไฟ และสามารถวางแผนการเดินทางสำหรับผู้โดยสารและผู้รอรับได้ง่าย ทั้งยังสามารถตรวจสอบเวลาของขบวนรถไฟทุกขบวน ตามรายละเอียดดังนี้
    .
    หมายเลขขบวน
    ต้นทาง/ปลายทาง
    สถานีล่าสุด
    สถานะขบวนรถ
    .
    สำหรับระบบ TTS รองรับ 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน โดยระบบจะแสดงรายละเอียดเช่น หมายเลขขบวน ต้นทาง-ปลายทาง สถานีล่าสุด และสถานะขบวนรถถึงเวลากี่โมง ล่าช้ากี่นาที พร้อมเมนู "เพิ่มเติม" ซึ่งเมื่อกดเข้าไปในระบบจะแสดงข้อมูลรายละเอียดของแต่ละขบวนนั้นๆ ตามที่ต้องการ
    .
    ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือสามารถจองตั๋วออนไลน์ได้ทาง เว็บไซต์ www.thairailwayticket.com
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจUpdate
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    ‼️แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.9 เขย่า #เอกวาดอร์ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมือง Naranjal จังหวัด Guayas ไปทางใต้ 14 กม. ที่ความลึก 75 กม. ตามรายงานของ USGS #แผ่นดินไหว #แรงสั่นสะเทือน

    จากบันทึกการเร่งความเร็วของพื้นดินจากทางตอนเหนือของเปรู การสั่นสะเทือนในเอกวาดอร์มีระยะเวลาประมาณระหว่าง 75 ถึง 90 วินาที (1:15 ถึง 1:30 น.)

    ข้อมูลจาก: IGP

    ล่าสุด
    ❗จำนวนผู้ประสบภัยหลังแผ่นดินไหวในเอกวาดอร์เพิ่มเป็น 12 ราย
    FB_IMG_1679195076149.jpg FB_IMG_1679195518264.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    Ecuador-Peru: แผ่นดินไหวในเอกวาดอร์และเปรู ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 14 คน รวมทั้งผู้เสียชีวิต 1 คน ในเปรู ประธานาธิบดีของเอกวาดอร์ลงพื้นที่เกิดแผ่นดินไหว เพื่อประเมินความเสียหายและอนุมัติการสนับสนุน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

    ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.8 ในพื้นที่ชายฝั่งทางใต้ของเอกวาดอร์ แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในพื้นที่ทางเหนือของเปรู เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันเสาร์ (18 มีนาคม) ตามวันเวลาท้องถิ่น มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 14 คนแล้ว รวมในเปรู 1 คน ท่ามกลางการเร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มในหลายเมืองของเอกวาดอร์

    ทำเนียบประธานาธิบดีของเอกวาดอร์ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บกว่า 380 คน ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเอล โอโร พื้นที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด ขณะที่ผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งคน อยู่ในเมืองทัมเบสของเปรูที่มีพรมแดนติดเอกวาดอร์

    ประธานาธิบดีกุยเญอร์โม ลาสโซของเอกวาดอร์ ลงพื้นที่จังหวัดเอล โอโร เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บและระบุว่า เพิ่งมาจากการลงพื้นที่เมืองมาชาลา เพื่อประเมินสถานการณ์ อนุมัติการสนับสนุนและทรัพยากรเพื่อรับมือปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ซึ่งทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่ม

    ทั้งนี้ เอกวาดอร์เคยเผชิญแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 7.8 ในพื้นที่หลายจังหวัดฝั่งตะวันตกของประเทศเมื่อปี 2016 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 673 คน สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ารวม 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #เอกวาดอร์ #เปรู #แผ่นดินไหว
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    Infographic: NASA เปิดตัวต้นแบบชุดนักบินอวกาศ สำหรับภารกิจสำรวจดวงจันทร์อาร์เทมิส 3 ในปี 2025

    นาซาเปิดตัวชุดต้นแบบสำหรับนักบินอวกาศที่จะสวมใส่ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งในภารกิจอาร์เทมิส 3 ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2025

    คาดว่า ภารกิจการสำรวจดวงจันทร์ อาร์เทมิส 3 จะส่งนักบินอวกาศ ซึ่งรวมทั้งนักบินหญิงคนแรก ขึ้นไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์อีกครั้ง หลังจากมีการทดสอบภารกิจ อาร์เทมิส 2 ครั้ง คืออาร์เทมิส 1 และ 2 ซึ่งเป็นการทดสอบการทำงานของยานอวกาศโอไรออน (Orion) ยานอวกาศลำสำคัญที่จะพามนุษย์เดินทางสู่อวกาศห้วงลึก ก่อนที่จะลงจอดบนผิวดวงจันทร์ด้วยระบบลงจอดของเอกชน (Human Lander System) ซึ่งตอนนี้ SpaceX กำลังพัฒนา
    —————
    เรื่อง: ณัฐณิชา นิจผล
    กราฟิก: ผกาทิพย์ ส่งแสง
    #TNNWorldNews #Infographic #NASA #ชุดนักบินอวกาศ #ArtemisIII #อวกาศ
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————

    อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt
    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    211,393
    ค่าพลัง:
    +97,146
    Photo Gallery: ‘ฝรั่งเศสยังประท้วงเดือด ต้านแผนปฏิรูปบำนาญ’

    ชาวฝรั่งเศสยังคงประท้วงดุเดือด ต่อต้านแผนปฏิรูประบบบำนาญ ที่ต้องการเพิ่มอายุเกษียณจาก 62 ปี เป็น 64 ปี โดยเอลิซาเบธ บอร์น นายกฯ ฝรั่งเศส ได้ใช้อำนาจพิเศษของรัฐบาลฝรั่งเศสผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ผ่าน โดยไม่ต้องพึ่งพาการลงคะแนนเสียงในสภา ส่งผลให้การประท้วงรุนแรงขึ้นไปอีกขั้นทั่วประเทศ

    ผู้ประท้วงได้ปะทะกับตำรวจปราบจลาจลเมื่อคืนนี้ (17 มีนาคม) เป็นคืนที่ 2 ทั้งในกรุงปารีสและอีกหลายเมือง ตำรวจปราบจลาจลเข้าขับไล่และขว้างแก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ประท้วงหลายพันคน ที่ชุมนุมกันที่ปลาส เดอ ลา กงกอร์ด หรือจตุรัสคองคอร์ด ใจกลางกรุงปารีส หลังจากผู้ประท้วงขว้างก้อนหินและพลุเข้าใส่ตำรวจ และปิดทางหลวงสายสำคัญรอบกรุงปารีส ตำรวจยังจับกุมประท้วงไปหลายสิบคนด้วย

    ผู้สื่อข่าวของ AFP รายงานความเสียหายในกรุงปารีสระหว่างการประท้วง กระจกหน้าต่างร้านค้าริมถนนแตก รถยนต์ รถจักรยานหลายคันถูกวางเพลิงเผา

    ขณะที่ กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสรายงานมีผู้จับกุม 310 คนทั่วฝรั่งเศส รวมถึง 258 คนในกรุงปารีส ในการประท้วงคืนแรกวันพฤหัสบดี (16 มีนาคม) ที่ผ่านมา
    —————
    ภาพ: AFP, Reuters

    #TNNWorldNews #ฝรั่งเศส #ต้านแผนปฏิรูปบำนาญ #ประท้วง #มาครง
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

     

แชร์หน้านี้

Loading...