เยนอ่อนแตะระดับต่ำสุดใน 34 ปี นักลงทุนจับตาแบงก์ชาติญี่ปุ่นแถลงผลการประชุมพร้อมแนวโน้มดอกเบี้ยพรุ่งนี้ (26 เม.ย.)
.
[อ่านรายละเอียดเต็มๆ ในเว็บไซต์ที่ https://www.amarintv.com/spotlight/finance/detail/64206]
.
เงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุด ทะลุระดับ 155.73 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่ปี 1990 ขณะดอลลาร์แข็งค่ากดดันต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนจับตามองว่าธนาคารกลางของญี่ปุ่นจะออกมาตรการการเงินมาพยุงเงินเยนหรือไม่
.
ปัจจุบัน ค่าเงินเอเชียหลายสกุล เช่น เยน วอน บาท รูเปียห์ และ รูปี อ่อนค่าลงต่อเนื่องจากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี และอัตราเงินเฟ้อที่ยังค่อนข้างสูง ทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะคงดอกเบี้ยระดับสูงไว้อีกซักพัก
.
ปัจจัยเหล่านี้กดดันสกุลเงินเอเชียให้ลดลง รวมถึง เยนที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนในวันนี้ (25 เม.ย.) ทะลุระดับ 155 เยน แตะระดับสูงสุดที่ 155.51 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่น่าเป็นห่วง และอาจจะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องออกมาแถลงการณ์ เคลื่อนไหว หรือออกมาตรการบางอย่างเพื่อพยุงค่าเงินเยนไม่ให้ผันผวน หรืออ่อนค่าลงไปมากกว่านี้
.
ขณะที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างจับตามองผลการประชุมนโยบายการเงินของแบงก์ชาติญี่ปุ่นประจำเดือนเมษายน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ในวันที่ 25-26 เมษายน เพราะแม้หลายๆ ฝ่ายยังคาดการณ์ว่า แบงก์ชาติจะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ในครั้งนี้ คำแถลงการณ์หลังการประชุมย่อมส่งผลต่อค่าเงินเยน เพราะมันจะสะท้อนแนวทางในการควบคุมค่าเงินของแบงก์ชาติญี่ปุ่นต่อไป
.
โดยถ้าหากแบงก์ชาติญี่ปุ่นส่งสัญญาณว่า จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า เงินเยนก็อาจจะอ่อนตัวลงอีก อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2022 ที่เกิดเหตุการณ์เงินเยนอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาแสดงทีท่าว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย จนทำให้สุดท้ายรัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซง
.
#ค่าเงิน #ค่าเงินเยน #เยน #ญี่ปุ่น #เยนอ่อน #บาทอ่อน #เงินบาท #สกุลเงินเอเชีย
https://www.facebook.com/share/p/V7QznyYce9Htgj2s/?mibextid=oFDknk
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 11133 ของ 11172
-
-
(Apr 25) ตลาดคาด BOJ คงอัตราดอกเบี้ย แม้เยนอ่อนค่า ในรอบ 34 ปี จับตารัฐบาลเข้าแทรกแซง: เมื่อคืนวานนี้ (24 เม.ย. 2567) เงินเยนอ่อนค่าลงสู่กรอบ 155 เยนต่อดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 34 ปี ที่ระดับ 155.37 เยนต่อดอลลาร์ เพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงค่าเงิน
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงคลังญี่ปุ่นได้ออกมาเน้นย้ำหลายครั้งถึงความจำเป็นที่จะเข้ามาแทรกแซงค่าเงิน โดยนานมา ซาโตะ คันดะ (Masato Kanda) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจับตาสถานการณ์ ค่าเงินอย่างเร่งด่วน และพร้อมดำเนินการด้วยมาตรการที่เหมาะสม หากค่าเงินมีความผันผวนมากเกินไป
อย่างไรก็รัฐบาลไม่ได้กำหนดกรอบค่าเงินว่าต้องอยู่ที่ระดับใดถึงจะเข้ามาแทรกแซง แต่พิจารณาจากทิศทางและความเร็วของการเคลื่อนไหวเมื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงในตลาดสกุลเงิน
ทั้งนี้ข้อมูลจาก Depository Trust & Clearing Corporation (DTCC) ระบุว่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากแรงเทขายคู่สัญญาระหว่าง สกุลเงินเยน-ดอลลาร์สหรัฐ และเงินเยน-ยูโร รวมถึงสัญญาสิทธิล่วงหน้า (Options) มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะหมดอายุในหนึ่งเดือน โดยตั้งแต่ต้นปีเงินเยนอ่อนค่าลงกว่า 9% และกลายเป็นสกุลที่มีผลดำเนินการที่แย่ที่สุดในเอเชีย เมื่อเทียบกับกลุ่ม G10 แม้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบ และขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 17 ปี เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันค่าเงินเยน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อดุลการค้าของญี่ปุ่น
ในการประชุมนโยบายการเงินระหว่างวันที่ 25-26 เม.ย.นี้ ตลาดส่วนใหญ่คาดว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.1% อ้างอิงผลสำรวจของ Quick ซึ่งระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 22% มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ส่วนอีก 18% คาดว่าจะเกิดในเดือนกันยายน และมีเพียง 2% เท่านั้นที่มองว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
สาเหตุที่ตลาดเทน้ำหนักไปที่การคงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจาก BOJ มีท่าทีอย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อ เงินเฟ้อเคลื่อนไหวสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% โดยพิจารณาจากการส่งผ่านราคาไปยังผู้บริโภค หลังธุรกิจขนาดเล็กปรับขึ้นค่าแรง อีกทั้งปัจจุบัน BOJ มองว่าเงินเยนที่อ่อนค่าไม่ได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
"เราต้องการยืนยันว่าวัฏจักรระหว่างการเติบโตของค่าจ้างและราคากําลังแข็งแกร่งขึ้น" แหล่งข่าวจาก BOJ กล่าว
Source: ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ/2780927
เพิ่มเติม
- Yen at multi-decade lows, dollar drops before US data: https://www.reuters.com/markets/cur...ervention-yen-struggles-155-level-2024-04-25/
- Japan feels inflation heat from Fed’s ‘higher for longer’ shift: https://www.ft.com/content/da95c3ed-733d-4f2a-be24-003331fc7e44
https://www.facebook.com/share/p/myiRuErbp6fHdTJK/?mibextid=oFDknk -
(Apr 25) จับสัญญาณแบงก์ชาติ ‘ปิดประตู’ ลดดอกเบี้ยนโยบายแล้วในปีนี้? นักเศรษฐศาสตร์ประเมินท่าที กนง. อาจปิดประตูสำหรับการปรับดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วในปีนี้ ขณะที่ ธปท. ยืนยันยึดหลัก Data Dependent และไม่ได้ยึดติดว่าอัตราดอกเบี้ยจะต้องอยู่ในระดับปัจจุบันไปตลอด
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า จากการแถลงในงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 1/2024 ว่า ท่าทีแบงก์ชาติแทบจะปิดประตูสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว เนื่องจากมองเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้น และการเบิกจ่ายจากภาครัฐกำลังจะกลับมา ดังนั้นความจำเป็นในการใช้อัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแทบไม่มีแล้ว
นอกจากนี้ ดร.พิพัฒน์ยังมองว่า สิ่งที่แบงก์ชาติกังวลมากที่สุดคือ ‘หนี้ครัวเรือน’ ดังนั้นถ้าปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อกับการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้มีปัญหา ก็ไม่ควรทำให้เสถียรภาพระบบการเงินมีปัญหาในระยะยาว
“ผมมองว่า ธปท. ส่งสัญญาณชัดมากว่า ถ้าเศรษฐกิจไม่ได้แย่กว่าที่ประเมินไว้อย่างมีนัยสำคัญ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องลดอัตราดอกเบี้ย” ดร.พิพัฒน์กล่าว นอกจากนี้ ธปท. ยังกล่าว (Defend) อีกว่า Potential GDP Growth และ Neutral Rate อาจไม่ได้เปลี่ยนไปเยอะ และความไม่แน่นอนมีสูง เท่ากับเป็นการปิดประตูแล้ว
ดร.พิพัฒน์ยังมองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% ไว้ถึงไตรมาสแรกของปี 2568 เนื่องจากหากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินไปได้ น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และไตรมาสแรกของปีหน้า ดังนั้นหากเศรษฐกิจชะลอก็อาจเกิดขึ้นหลังจากนั้น ถ้าจะมี Room ให้ลดดอกเบี้ยก็น่าจะเกิดในไตรมาส 2 ปีหน้า
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในมุมมองของ ดร.พิพัฒน์เป็น 0% เนื่องจากตอนนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ได้ดีมาก เงินเฟ้อไม่ได้สูง ต่างจากสถานการณ์ในสหรัฐฯ ที่มีแรงกดดันจากอุปสงค์ (Demand Pull) เยอะ ต่างจากประเทศไทยที่ผู้คนยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีอยู่
อย่างไรก็ดี ดร.พิพัฒน์ยังแนะให้จับตาสัญญาณจากการประชุม กนง. นัดต่อไป โดยระบุว่า หากการประชุมในวันที่ 12 มิถุนายนไม่มีการลดดอกเบี้ย ในปีนี้ก็ไม่น่าจะมีแล้ว
ด้าน ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ก็มองว่า กนง. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบันไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้ เนื่องจากแบงก์ชาติมองว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัว การเบิกจ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวที่น่าจะมาต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังจากนั้น (สิ้นปี) อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า มีโอกาสทั้ง 2 ทางคือ ขึ้นและลดอัตราดอกเบี้ย “หากเศรษฐกิจดีขึ้น และเงินเฟ้อมีแนวโน้มร้อนแรงมาก ก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย” ดร.ปิยศักดิ์กล่าว
“มุมมองของแบงก์ชาติ ต้องการให้ดูแลหนี้ครัวเรือนเป็นหลัก ทางหนึ่งยังมองว่า เศรษฐกิจไม่ได้มีความเสี่ยง เงินเฟ้อไม่ได้สูงหรือต่ำเกินไป ดังนั้นจึงใช้นโยบายการเงินช่วยดูแลหนี้ครัวเรือน”
ขณะที่ ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและตลาดเงิน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า โอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ย ‘มีน้อยลง’ จากเดิมที่ EIC คาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ดร.ฐิติมายังขอรอดูผลประชุม กนง. ในรอบเดือนมิถุนายนก่อน ว่าเสียงโหวตและการสื่อสารจะมีการปรับโทนอย่างไร ก่อน EIC จะมีการปรับ Outlook ในรอบเดือนมิถุนายน
ธปท. ยืนยัน Data Dependent มองเศรษฐกิจไทยกำลังกลับสู่ระดับศักยภาพ
ขณะที่ ปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวในงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 1/2024 ว่า กนง. พร้อมที่จะทบทวนนโยบายอัตราดอกเบี้ย หากมีข้อมูลใหม่เข้ามาเพิ่มเติม และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อมุมมองเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งยืนยันว่า กนง. ไม่ได้ยึดติดว่าอัตราดอกเบี้ยจะต้องอยู่ในระดับนี้ไปตลอด
“หนึ่งในสิ่งที่ กนง. มุ่งเน้นในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายคือ อัตราดอกเบี้ยจะต้องไม่อยู่ในจุดที่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไปสู่จุดศักยภาพ” ปิติกล่าว
โดย ธปท. ยังมองว่าในปี 2567 และ 2568 เป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวกลับไปสู่ระดับศักยภาพ ดังนั้นภาวะการเงินและอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันก็น่าจะสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยแล้ว
นอกจากนี้ ในการแถลงข่าว ธปท. ยังยืนว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินระยะยาว อีกทั้งเป็น Robust Policy (สามารถรองรับความเสี่ยงต่างๆ ในระยะข้างหน้า)
โดย วาราดา ทองจำนงค์
Source: Standard Wealth
https://thestandard.co/catch-bot-signals-about-interest-rates/
เพิ่มเติม
- Monetary Policy Forum ครั้งที่ 1/2567 :
https://www.bot.or.th/content/dam/b...ication/monetary-policy-forum/MPF_2567_01.pdf
https://www.facebook.com/share/p/jkG5XqTEUsozNS3e/?mibextid=oFDknk -
ผู้ใช้แรงงานเฮ! 1 พ.ค.นี้ "พิพัฒน์"ย้ำ ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ จับตาประชุมไตรภาคี 14 พ.ค.ตั้งเป้ามีผล 1 ต.ค.67
วันนี้(25 เม.ย.)นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยืนยันถึงการประกาศบิ๊กเซอร์ไพรส์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ว่า จากการประชุมของคณะกรรมการไตรภาคี เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการไตรภาคี ได้หารือกับคณะกรรมการว่า ในปีนี้จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจากการหารือมีนโยบายทําตามนโยบายของรัฐบาล คือจะมีการขึ้นค่าแรงที่ 400 บาท โดยในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่ง และคาดว่าจะประกาศในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งตนเองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงคณะกรรมการไตรภาคี เพราะเป็นคณะกรรมการที่เป็นอิสระในการพิจารณา
.
"ถามว่าเราประกาศเลยได้ไหมในวันที่ 1 พฤษภาคม เราสามารถประกาศให้รับรู้ได้ว่าเราจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป หลังจากนำร่องไปแล้ว ตรงนี้ถือเป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องทําตาม จากการหารือไม่น่าจะมีอะไรที่ขัดข้อง เพราะว่าส่วนหนึ่งในเรี่องค่าใช้จ่าย หรือสิ่งของที่เป็นอุปโภค บริโภค ก็มีการขึ้นไปล่วงหน้าแล้ว หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะมีการประกาศค่าแรงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เรามีการนําร่องในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา วันที่ 1 ตุลาคม เราสามารถประกาศได้ในภาพรวมทั้งประเทศ 400 บาทในทุกประเภทธุรกิจ”นายพิพัฒน์ กล่าว
https://www.facebook.com/share/p/tPCZsRACFxUZ8wd3/?mibextid=oFDknk -
Weather: มณฑลกวางตุ้ง ของจีน มีรายงานผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้ว 4 คน และล่าสุดยังมีคำเตือนฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ 24-26 เมษายน ซึ่ง 3 วันนี้ จะทำให้น้ำท่วมหนักและวิกฤตเพิ่มเป็น 3 เท่า ซึ่งก่อนหน้านี้ในเมืองกวางเจา เมืองเอกของกวางตุ้ง ฝนที่ตกหนัก วัดปริมาณฝนสะสมได้สูงเกือบ 70 เซนติเมตรซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของเดือนเมษายนในรอบ 65 ปี
.
มณฑลกวางตุ้ง ของจีน ออกประกาศเตือนพายุระลอกใหม่ หลังฝนตกหนักต่อเนื่องและลมกระโชกแรงรอบใหม่ ทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ยังคงท่วมสูง ถนนยังคงกลายเป็นคลองเจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือเพื่อช่วยเหลือประชาชน มีรายงานว่า ปริมาณฝนที่ตกในเมืองกวางเจา เมืองเอกของกวางตุ้ง ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา วัดปริมาณฝนสะสมได้สูงเกือบ 70 เซนติเมตรซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของเดือนเมษายนในรอบ 65 ปี ขณะที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมบางส่วนในมณฑลกวางตุ้งได้เริ่มเก็บกวาดความเสียหายจากน้ำท่วมแล้ว
.
ด้านซินหัวรายงานว่า กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนเตือนว่า พื้นที่ลุ่มแม่น้ำจูเจียง (Pearl River) ในภาคใต้ ที่เกิดน้ำท่วมหนักมานานหลายวัน จะทำให้น้ำท่วมหนักขึ้นอีก 3 เท่าพร้อมเรียกร้องให้เตรียมพร้อมรับมือ กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนเตือนว่า จะเกิดฝนตกหนักระลอกใหม่ในช่วงวันที่ 24-26 เมษายนนี้ ซึ่งจะทำให้แม่น้ำใหญ่ 3 สายในพื้นที่ลุ่มน้ำจูเจียง คือแม่น้ำซีเจียง เป่ยเจียง และหานเจียง มีระดับน้ำเพิ่มสูงถึงระดับน้ำท่วม ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำขนาดเล็กและขนาดกลางในพื้นที่ลุ่มน้ำจูเจียง อาจเพิ่มสูงเหนือระดับเตือนภัยน้ำท่วมด้วย โดยมีการคาดว่าอาจเกิดฝนตกหนักสูงสุดถึง 300 มิลลิเมตรในช่วง 3 วันนี้
_____
#TNNEARTH #จีน #น้ำท่วม #โลกรวน #ภัยพิบัติ #ภัยธรรมชาติ #ฝนตกหนัก #กวางตุ้ง
_____
ติดตามข่าวสภาพอากาศ และเช็คจุดฝนตกน้ำท่วมถนนรถติดผ่าน TNN EARTH
Website: https://bit.ly/3MXvq5I
Youtube: https://bit.ly/3MZUVmK
TikTok: https://bit.ly/3naJL4p
Facebook: https://bit.ly/3bxVMy0
Line: https://lin.ee/rPHmFpD
Instagram: https://bit.ly/3PDLpuJ
https://www.facebook.com/share/p/YPtwMioznwfSJj8M/?mibextid=oFDknk -
Weather: กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศล่วงหน้า ทั่วไทยร้อนจัดถึงต้น พ.ค. ระวังโรคที่มากับความร้อน แนะหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน
.
อากาศยังร้อนและร้อนจัด ต่อเนื่องโอกาสเกิดฝนยังมีน้อย ช่วงนี้ต้องทนร้อนต่อไปถึงต้นเดือน พ.ค.67 ต้องระวังรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด หลังจากนั้นลมเริ่มเปลี่ยนทิศทาง สัญญาณฝนเริ่มมา โดยในช่วงวันที่ 3-6 พ.ค.67 ฝนจะเริ่มตกทางภาคอีสาน ภาคตะวันออก ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลนำเข้าใหม่ ภายใต้สถานการณ์ปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังอ่อน ซึ่งทำให้สภาวะทางอุตุนิยมวิทยาเปลี่ยนแปลงไป
.
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา
_____
#TNNEARTH #สภาพอากาศวันนี้ #สภาพอากาศ #ตรวจสอบอากาศ #ฝนฟ้าคะนอง # #กรมอุตุนิยมวิทยา #พยากรณ์อากาศ #พยากรณ์อากาศวันนี้ #ฤดูหนาว #ฤดูหนาวปี66 #ลมหนาว #น้ำค้างแข็ง #สภาพอากาศทั่วไทย #อากาศหนาว
_____
ติดตามข่าวสภาพอากาศ และเช็คจุดฝนตกน้ำท่วมถนนรถติดผ่าน TNN EARTH
Website: https://bit.ly/3MXvq5I
Youtube: https://bit.ly/3MZUVmK
TikTok: https://bit.ly/3naJL4p
Facebook: https://bit.ly/3bxVMy0
Line: https://lin.ee/rPHmFpD
Instagram: https://bit.ly/3PDLpuJ
https://www.facebook.com/share/8eY8y61BFcbuygUR/?mibextid=oFDknk -
'เวียดนาม' เปิดมหกรรมเช็กบิลคนโกง ล่าสุดจำคุก 8 ปี เศรษฐีธุรกิจเครื่องดื่ม ฐานฉ้อโกง 1,500 ล้าน ลูกโดนด้วย
.
ต่อจากเจ้าแม่อสังหาฯ ที่เจอโทษประหารชีวิต คราวนี้ถึงคิวมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ เจอคุกยาว 8 ปี ฐานฉ้อโกง 1,500 ล้าน ลูกสาว 2 คนโดนโทษคุกด้วย 4 ปี
.
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ศาลในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ เวียดนาม ได้ตัดสินลงโทษจำคุก 8 ปี "เจิ่น กวี แถ่ง" (Tran Qui Thanh) เศรษฐีเจ้าของบริษัท Tan Hiep Phat ซึ่งเป็นธุรกิจเครื่องดื่มรายใหญ่ในประเทศเวียดนาม ในความผิดฐานฉ้อโกงนักลงทุนมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,500 ล้านบาท)
.
ศาลยังตัดสินลงโทษลูกสาว 2 คน ของเศรษฐีวัย 71 ปีรายนี้ โดยลงโทษจำคุก 4 ปี เจิ่น เวียน เฟือง (Tran Uyen Phuong) ลูกสาววัย 43 ปีซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองซีอีโอของบริษัท และลงโทษจำคุก 3 ปี เจิ่น หง็อก บิก (Tran Ngoc Bich) ซึ่งเป็นลูกสาววัย 40 ปี ซึ่งทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันหลอกลวงนักลงทุนเรื่องเงินกู้ในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563
.
ทั้งนี้ Tan Hiep Phat ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มชาบรรจุขวดและเครื่องดื่มให้พลังงาน
.
คดีนี้ยังนับเป็นคดีล่าสุดของมหกรรมไล่เช็กบิลการฉ้อโกงและคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ในเวียดนาม ซึ่งมีผู้ถูกจับกุมและตั้งข้อหาไปมากกว่า 4,400 คน ตั้งแต่บุคคลทั่วไป ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง ไปจนถึงนักธุรกิจรายใหญ่หลายคน
.
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำตัดสินตัดสินประหารชีวิต "เจือง มาย หลั่น" (Truong My Lan) ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ วัน ถิง ฟัต ในคดีฉ้อโกงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกี่ยวกับธนาคารไซง่อน คอมเมอร์เชียล (SCB) ทำให้ธนาคารเสียหายกว่า 1 ล้านล้านบาท
.
ส่วนในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลในกรุงฮานอยได้ตัดสินจำคุก 8 ปี โด่ห์ แอง สุง (Do Anh Dung) มหาเศรษฐีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และจำคุกลูกชายเป็นเวลา 3 ปี ฐานฉ้อโกงนักลงทุนหลายพันคนเกี่ยวกับการออกหุ้นกู้วงเงิน 355 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.3 แสนล้านบาท)
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจUpdate
https://www.facebook.com/share/p/47kTj2qfDeVXrUZw/?mibextid=oFDknk -
‘คันทรี การ์เดน’ ดิ้นเฮือกสุดท้าย? เล็งเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ ภายในช่วงครึ่งหลังปีนี้
.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดในวันนี้ (26 เม.ย.) ว่า “คันทรี การ์เดน” บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน วางแผนที่จะเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
.
เมื่อปลายปีที่แล้ว คันทรี การ์เดน ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ต่างประเทศเป็นมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.06 แสนล้านบาท) และขณะนี้กำลังเผชิญกับคำร้องขอให้มีการชำระบัญชี (liquidation) ในฮ่องกง เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระเงินกู้มูลค่า 205 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,572 ล้านบาท) โดยศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกไว้ในวันที่ 17 พ.ค.นี้
.
แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า คันทรี การ์เดน ตั้งเป้าที่จะนำเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้เบื้องต้นต่อกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้เฉพาะกิจในเดือน มิ.ย. เป็นอย่างเร็วเพื่อขอเจรจา และจะเผยแพร่แผนดังกล่าวต่อกลุ่มเจ้าหนี้ในวงกว้างในไตรมาส 3
.
“บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศ ที่ปรึกษา และนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า คำร้องขอให้คันทรี การ์เดน ชำระบัญชีนั้น สร้างแรงกดดันให้บริษัทต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อหารือเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้” แหล่งข่าวระบุ
.
ปัจจุบัน คันทรี การ์เดน กำลังดำเนินการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการตามข้อเสนอการปรับโครงสร้างใด ๆ
.
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ บรรดาเจ้าหนี้ของคันทรี การ์เดน รวมถึงกลุ่มธนาคารผู้ให้กู้ กำลังตรวจสอบข้อมูลที่บริษัทนำเสนอให้ แต่ยังไม่ได้เริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเงื่อนไขการปรับโครงสร้างแต่อย่างใด
.
ถึงแม้คันทรี การ์เดน ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรอบเวลาของข้อเสนอดังกล่าว แต่ระบุว่า บริษัทกำลังทำงานร่วมกับกลุ่มเจ้าหนี้และที่ปรึกษาของกลุ่มเจ้าหนี้อย่างเป็นธรรม และบริษัทหวังว่าจะเสร็จสิ้นการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงเริ่มหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ร่วมกับกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้และผู้ให้กู้รายสำคัญ
.
อ้างอิง: https://www.reuters.com/world/china...vamp-plan-second-half-sources-say-2024-04-26/
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
https://www.facebook.com/share/p/V7YhVPJT7WuAfVZM/?mibextid=oFDknk -
‘ภาวะโลกร้อน’ ทำ ‘ทะเลเดือด’ อุณหภูมิน้ำพุ่งสูงทับสถิติต่อเนื่อง‘เอเชีย’ น้ำร้อนกว่าที่อื่น 3 เท่า
.
“อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเล” ยังคงทำลายสถิติอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปีแล้ว และมีแนวโน้มว่าปี 2024 จะทำลายสถิติไปเรื่อย ๆ เพราะ “ภาวะโลกร้อน” ยังคงรุนแรง เข้าสู่ยุค “ทะเลเดือด” เต็มตัว ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลทั่วโลก
.
สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป หรือ C3S ระบุว่า เดือนมีนาคม 2567 กลายเป็นเดือนที่อุณหภูมิรายเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยอุณหภูมิ 21.07 องศาเซลเซียส
.
กาวิน ชมิดต์ นักอุตุนิยมวิทยาและผู้อำนวยการสถาบันก็อดดาร์ดเพื่อการศึกษาอวกาศ ของนาซาระบุว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นจนทำลายสถิติใหม่ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา และลากยาวมาจนปีนี้ เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของนักวิทยาศาสตร์ แม้จะคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วก็ตาม
.
อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มจะสูงขึ้นในระยะยาว เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ โดยในขณะนี้ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้นกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยยุคก่อนอุตสาหกรรมประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มหาสมุทรที่มืดกว่าจะยิ่งดูดซับความร้อนจากก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้มหาสมุทรร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
.
“ทะเล” ในเอเชียร้อนกว่าทั่วโลก
.
ข้อมูลจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่า อุณหภูมิพื้นผิวทะเลของฝั่งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งกระแสน้ำญี่ปุ่น หรือกระแสน้ำคุโรชิโอะ ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกของแอ่งมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ รวมถึง ทะเลอาหรับ ทะเลแบเรนตส์ตอนใต้ ทะเลคาราตอนใต้ และทะเลลัปเตฟทางตะวันออกเฉียงใต้ สูงกว่าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกถึง 3 เท่า
.
ทะเลแบเรนตส์กลายเป็นจุดความร้อนของมหาสมุทร เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่พื้นผิวมหาสมุทรส่งผลกระทบสำคัญต่อธารน้ำแข็งในน้ำทะเล ซึ่งเร่งให้เกิดการ
สูญเสียน้ำแข็งในทะเลให้เร็วยิ่งขึ้น และทำให้ดูดกลืนก๊าซเรือนกระจกและแสงอาทิตย์ได้มากกว่าธารน้ำแข็งที่เป็นสีขาวที่สะท้อนแสงได้ดีกว่า
.
สำหรับคลื่นความร้อนที่เกิดในทะเลอาหรับตะวันออกและทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก จะกินเวลานานถึง 3-5 เดือน โดยความร้อนที่ยืดเยื้อยาวนานนี้จะส่งผลกระทบต่อมหาสมุทรอย่างรุนแรง
.
“ทะเลเดือด” ทำร้ายสิ่งมีชีวิตในทะเล
.
ปรากฏการณ์ “ทะเลเดือด” ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล จะทำให้โลกสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดย 1 ใน 3 ของสัตว์ทะเลพื้นเมืองในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอาจเปลี่ยนแหล่งที่อยู่อาศัย ย้ายอยู่ในน้ำที่ลึกกว่าและเย็นกว่า เช่น “ปลาค็อด” ที่อพยพย้ายไปยังน่านน้ำใกล้รัสเซียและนอร์เวย์
ในขณะที่ สัตว์ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน เช่น ปูม้า และปลาสิงโตจะเจริญเติบโตในน้ำอุ่น บุกรุกที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่น
.
“สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในภูมิภาค เนื่องจากพวกมันสามารถแข่งขันกับสายพันธุ์พื้นเมืองได้” เวอร์จินิยุส ซินเควิชิอุส สมาชิกคณะกรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม มหาสมุทร และการประมง ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times
.
นอกจากนี้ ซินเควิชิอุสยังตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งมีชีวิตในท้องทะเลมีจำนวนลดลง เป็นเพราะว่าน้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดและการปนเปื้อนมลพิษจากภาคการเกษตร ทำให้สาหร่ายในน้ำแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว จนแหล่งน้ำไม่มีออกซิเจน ทำให้สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ รวมไปถึงการประมงเกินขีดจำกัดก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้สิ่งมีชีวิตในท้องทะเลลดลงอย่างน่าใจหาย
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1124024?anm=
.
ที่มา:
Financial Times: https://bit.ly/4bcIoZA
The New York Times: https://bit.ly/3w94HAG
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจClimate
https://www.facebook.com/share/p/z7qWe3JhUzodfdFt/?mibextid=oFDknk -
จากมหากาพย์ ‘โกงเงิน’ เฉียด 4% ของจีดีพี สู่ ‘วิกฤติเชื่อมั่น’ ระบบการเงินเวียดนาม
.
จากมหากาพย์ ‘โกงเงิน’ กว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.6 ล้านล้านบาท) หรือ เฉียด 4% ของจีดีพี สู่ ‘วิกฤติเชื่อมั่น’ ที่อาจนำไปสู่การล่มสลายของระบบการเงินเวียดนาม ประเทศที่ว่ากันว่า "เนื้อหอมที่สุด" ในเอเชีย
.
“การฉ้อโกง” เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ฉุดรั้งความเจริญของเศรษฐกิจเวียดนามมาอย่างนานถึงขนาดที่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์ออกแคมเปญปราบปรามการทุจริตเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2016
.
แต่ท้ายที่สุด “คดีฉ้อโกง” ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์จากธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล (SCB) เวียดนามก็เกิดขึ้นด้วยมูลค่าความเสียหายกว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.6 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นประมาณ 4-5% ของจีดีพี
.
จุดเริ่มต้น ‘คดีฉ้อโกง’ ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
.
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากตัวละครที่ชื่อว่า “เจือง มาย หลั่น” นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์จากเวียดนามที่เริ่มต้นการทำงานในฐานะแม่ค้าแผงลอยขายเครื่องสำอางในตลาดแห่งหนึ่ง
.
ก่อนที่จะผันตัวเข้ามาในวงการที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลังจากในปี 1986 พรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจด้วยนโยบายโด่ยเหมย (Doi Mei) จากนั้นความมั่งคั่งของเธอก็ขยับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนรวมทั้งธุรกิจของเธอก็ขยับขยายมาในแวดวงโรงแรมและภัตตาคารมากขึ้นระหว่างปี 1990 – 2000
.
นอกจากนี้ ท่ามกลางระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ในช่วงนั้นที่ดินส่วนใหญ่ในเวียดนามจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ นั้นหมายความว่าหากผู้ประกอบการต้องการเข้าถึงกรรมสิทธิ์ดังกล่าวจึงจำเป็นต้องอาศัย “ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐ” ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตขึ้น
.
ชื่อเสียงของนักธุรกิจหญิงผู้นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากเธอเริ่มเข้ามาในธุรกิจธนาคารและในปี 2011 ทางการอนุญาตให้ควบรวมกิจการของธนาคารย่อยสามแห่งและเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล โดยเธอถือหุ้นธนาคารมากกว่า 90% จากการใช้โนมินีเพื่อถือหุ้นแทนเช่นการใช้บริษัทเปล่า (Shell Company) และบุคคลอื่นอีกหลายราย
.
ทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซีรายงานข้อมูลว่า หลังจากควบรวมกิจการเธอแต่งตั้งคนใกล้ชิดจำนวนมากให้เข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้จัดการในหลายแผนกเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเองในการอนุมัติปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มบริษัทเปล่าของเธอซึ่งเม็ดเงินที่ปล่อยออกไปคิดเป็นกว่า 93% ของยอดการปล่อยสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารไซ่ง่อน ที่สำคัญการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทเปล่าเหล่านั้นคือการยักยอกเงินเพราะเป็นเพียงการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทเปล่าที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
.
รวมทั้งเธอยังใช้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ วัน ทินห์ ฟัต กรุ๊ป (Van Thinh Phat Group) ออกหุ้นกู้ซึ่งขายผ่านธนาคารไซ่ง่อนจำนวนเงินกว่า 30 ล้านล้านดอง (4.3 หมื่นล้านบาท) เพื่อขยายกิจการ
.
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1123725?aoj=
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
https://www.facebook.com/share/p/cUZCGBq24EZfwY94/?mibextid=oFDknk -
'เงินเยน' ไหลไม่หยุด ใกล้แตะ 160 ต่อดอลลาร์ ยังไร้สัญญาณแทรกแซงจากญี่ปุ่น
.
สถิติมีไว้ให้ทุบรายวัน! ค่าเงินเยนญี่ปุ่นยังอ่อนค่าไม่หยุด ล่าสุดหลุด 158 เยน/ดอลลาร์ หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแรงจากปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐ นักวิเคราะห์ชี้ต่อให้แทรกแซงก็ช่วยไม่ได้มากถ้าไม่ไปพร้อมการขึ้นดอกเบี้ย
.
ค่าเงินเยนญี่ปุ่นยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่องในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อเย็นวันที่ 26 เม.ย. หรือเช้าวันนี้ตามเวลาในไทย โดยอ่อนค่าลงมากถึง 1.8% ไปแตะระดับ 158.33 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่อีกครั้งของการอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2533
.
ทั้งนี้ ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวที่ปลายๆ 155 เยนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ แต่หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศผลการประชุมโดยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.1% พร้อมการเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ต่อ และนายคาซึโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการบีโอเจไม่ได้กล่าวถึงการสนับสนุนค่าเงินเยนมากนักระหว่างการแถลงข่าว ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงทันทีทะลุระดับ 156 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าลงต่อเนื่องทั้งวัน
.
สถานการณ์ค่าเงินญี่ปุ่นยิ่งแย่ลงในการซื้อขายที่ฝั่งนิวยอร์ก สหรัฐ เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน มี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.8% ในเดือนก.พ. สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังไม่ลดลงง่ายๆ และทำให้ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลักๆ
.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐยังไม่ลดลงมาง่ายๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจคงดอกเบี้ยต่อไป
.
ปัจจุบัน ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงไปแล้วเกือบ 11% ในปีนี้ และทำผลงานแย่ที่สุดในกลุ่ม 10 สกุลเงินหลักของโลก
.
ชารุ ชานานา นักกลยุทธ์จากบริษัทซาโซ แคปิทัล มาร์เก็ตส์ กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า แม้ตลาดจะคาดว่า BOJ จะยังคงใช้แนวทางการเงินแบบผ่อนคลาย หรือสายพิราบต่อไป แต่ผลประชุมทำให้เห็นว่าท่าทีของ BOJ ยิ่งผ่อนมากกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก
.
"เรากลับมายังจุดที่รอคอยว่าจะมีการแทรกแซงเพื่อหยุดการไหลของค่าเงินเยน แต่การแทรกแซงใดๆ ก็ตาม ถ้าไม่ได้ไปด้วยกันกับการส่งสัญญาณหนุนว่าจะใช้นโยบายการเงินตึงตัว ก็อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก"
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance
https://www.facebook.com/share/p/4ukf8B1pkb2jZt1s/?mibextid=oFDknk -
แถลงการณ์ “เลือกข้าง” เตรียมรับการ ”สร้างสถานการณ์” !!!
เนื้อหาข่าว
“วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด รวมถึงพี่น้องคนไทยทั้ง 8 คน ผมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นเรื่องมนุษยธรรม และมีความบริสุทธิ์ใจที่จะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อความปลอดภัยและการปล่อยตัวประกันคนไทยให้ได้กลับบ้านได้เร็วที่สุดครับ”
- การแถลงการณ์แบบนี้ คล้ายเป็นการเลือกข้าง ถือเป็นการกระทำที่ น่าแปลก ที่ออกมาประกาศเรียกร้องเวลานี้ ทั้งๆที่เรื่องเกิดมา ประมาณ 6 เดือนแล้ว ???
#เพจนิวเวิลด์ออเดอร์
- ทำไมถึงต้องประกาศเร่งด่วนตอนนี้หละครับ มาแอด จะผูกเรื่องให้ดู Hidden Agenda !!!
เมื่อ 6 วันที่แล้ว สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประกาศแจ้งเตือนว่าจะมีก่อการร้ายในไทย โดยโยนความผิดให้ อิหร่าน อันนี้คือ “Solution” (ผลลัพธ์) โดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่เมื่อวานนี้ ได้มีการ “Create Problem” (สร้างสาเหตุ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ การที่ นาย ก ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ ออกแถลงการณ์ !!!
- เราจะเห็นการรับไม้ ส่งต่อจิ๊กซอร์การสร้างสถานการณ์ แบบเร่งด่วน เพราะ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ดันไม่อ่านกลุ่ม Line ปล่อย ผลลัพธ์ออกมาก่อนสาเหตุ ทางนาย ก ก็รีบ หาสาเหตุให้โดยทันควัน สงสัย งานนี้ น่าจะเป็นงานเร่งนะครับ ยังไงก็พยายาม หลีกเลี่ยง ที่ชุมชนแน่นๆ หรือ ห้างสรรพสินค้า ดังๆ ในช่วงนี้กันด้วยนะครับ
“ชนวนพร้อม แค่รอสะเก็ดไฟเล็กๆ กระเด็นใส่”
***ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดติดตาม เพจ นิวเวิลด์ออเดอร์ เป็นกำลังใจให้ แอดมิน ด้วยนะครับ ***
https://www.facebook.com/share/p/munB1kENd9rSjq3A/?mibextid=oFDknk
https://www.matichon.co.th/politics/news_4545434
-
#ด่วนที่สุด #เผลอไม่ได้ วิกฤติแบงก์อเมริกายังไม่จบ!
แบงก์ Republic First "รีพับลิก เฟิร์สท์" โดนรัฐยึด แล้วบังคับขาย #อย่าประมาท
จำกันได้ใช่มะครับ ช่วงต้นๆ ปีที่แล้ว ก็ราวๆ นี้แหละ มี.ค. เลยไปถึง เม.ย. พ.ค. เกิดความระทึกขวัญสั่นประสาทต่อความเสี่ยงในการเกิดวิกฤติแบงก์ในอเมริกาว่าจะลุกลามหรือไม่ สุดท้ายจำกัดวงได้ เสียหายเป็นจุดๆ ไม่มีโดมิโน่
https://www.reuters.com/business/fi...epublic-first-bancorp-wsj-reports-2024-04-26/
https://www.facebook.com/share/bHsECdyVU8q8jicY/?mibextid=oFDknk -
เงินทุนไหลออกซู่ จาก { ETF บิตคอยน์ } ของอเมริกา 8 พันล้านบาทในวันเดียว!
ซู่แรง! น้ำแตกกระเซ็น! ตัวเลขของวานนี้ (25 เม.ย. 2024) เงินทุนไหลออกสุทธิ 218 ล้านดอลลาร์ (8 พันล้านบาท) จาก ETF บิตคอยน์ 11 กองทุน --- สถิติหนักสุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์!
(อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์มันยังสั้น เพราะเพิ่งเริ่มต้น 11 ม.ค. 2024 นี้เอง ... แต่ก็นั่นล่ะ ไม่ค่อยเห็นไหลออกหนักๆ นัก)
ที่พิเศษ คือ มี "เปิดซิง"
เพราะนับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ ETF บิตคอยน์ เทรดวันแรกเมื่อ 11 ม.ค. เป็นต้นมา กองทุน Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund ไม่เคยโดนไหลออกสุทธิเลยสักครั้ง
และแล้ว วันพฤหัสที่ผ่านมาก็เสร็จจนได้!
เบ็ดเสร็จ ไหลออก 23 ล้านดอลลาร์
และย้อนไปก่อนหน้าแค่วันเดียว
วันพุธ กองทุน iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock ก็ "เสียสถิติ"
สถิติไหลเข้าสุทธิต่อเนื่อง มีอันต้องหยุดไว้ที่ 71 วัน เพราะโดนเฉาะไหลออกไปแล้ว!
สัญญาณ?
มองเผินๆ ไม่น่ามีอะไร แค่จังหวะ
มองลึกๆ ส่องให้ถี่ถ้วน ก็ยังเนียนตา ไม่มีไฝฝ้าราคี
อย่าลืมนะครับท่าน
ระยะสั้น สัปดาห์หน้า ETF บิตคอยน์ ที่ฮ่องกงจะถือกำเนิดแล้ว นี้ก็จะกระตุ้น demand บิตคอยน์ และ sentiment ของตลาดบิตคอยน์โดยรวม ชวนคึกคัก
(ผันผวน? ไหลออกจากอเมริกา กระฉอกข้ามมาฮ่องกง? หรือไหลบ่าเข้าทั้งคู่ไปด้วยกัน?)
ระยะยาว บิตคอยน์เพิ่งผ่านการผ่าคุม "อัตราการคลอด" halving น่าจะมีแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานของมันอยู่
สรุปแล้ว ทรงดี แต่มีเสียว
ปลุกขึ้นไม่ขึ้น?
น่าจะขึ้นนะ
... หมายถึงน้องหนูในภาพเดินขึ้นฝั่งจ้ะ (ไม่ได้พยากรณ์ราคาบิตคอยน์)
https://www.facebook.com/share/p/6hu9dorbYdxq7Vay/?mibextid=oFDknk
-
Malaysia: ตอนนี้ที่มาเลเซียกำลังเอาจริงกับการกวาดล้างคอร์รัปชัน ซึ่งล่าสุด มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ก็ถูกสอบสวนเกี่ยวกับคดีคอร์รัปชันของลูกชาย ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการสอบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 98 ปี ของมาเลเซีย ถูกคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตของมาเลเซีย หรือ MACC สอบสวนในคดีทุจริต ที่เกี่ยวข้องกับ มีร์ซาน และ มอกซา ลูกชายของเขาสองคนที่เป็นนักธุรกิจ ซึ่งทาง MACC แจ้งให้ลูกชายของมหาเธร์ทั้งสองคน เปิดเผยรายละเอียดบัญชีทรัพย์สิน เพื่อตรวจสอบการทำธุรกิจ แต่ว่าทาง MACC ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีทุจริต โดย อาซัม บากิ ประธาณคณะกรรมการของ MACC บอกว่า อยากจะให้การสอบสวนเสร็จสิ้นลงก่อน จึงจะมีการแถลงผลการสอบสวนให้ทราบ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
การสอบสวนครั้งนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางการกวาดล้างคอร์รัปชันในวงการเมืองของมาเลเซีย ภายใต้การนำของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของมาเลเซีย และเป็นคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของมหาเธร์ ซึ่งนอกจากตัวของ มหาเธร์ แล้ว ก็มีนักการเมืองที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนถูกสอบสวนด้วย โดยอันวาร์ ยืนยันว่าการสอบสวนไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คู่แข่งทางการเมือง แต่เป็นการกวาดล้างคอร์รัปชันระดับสูง ในกลุ่มนักการเมือง
อย่างไรก็ตาม มีคนตั้งข้อสังเกตว่า แม้อันวาร์จะเอาจริงกับการปราบปรามคอร์รัปชัน และมีการสอบสวนนักการเมืองระดับสูงหลายคน แต่ว่านักการเมืองที่อยู่ในพรรคที่เป็นพันธมิตรกับอันวาร์ มักจะไม่ถูกดำเนินคดี หรือถูกดำเนินคดีไปได้ไม่นาน ก็หลุดพ้นข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องนี้ อันวาร์ยืนยันว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเขาไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของศาล
ทางมหาเธร์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก่อนหน้านี้ เขาเคยพูดว่าการที่ลูกชายของเขาสองคนถูกสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง
—————
ภาพ: Reuters
#TNNWorldNews #มาเลเซีย #มหาเธร์โมฮัมหมัด #ทุจริต #คอร์รัปชัน #อันวาร์อิบราฮิม
#TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
————
อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt
ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bitly.ws/3gBLX และ https://bitly.ws/3gBMb
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
https://www.facebook.com/share/p/nUxL7FwzA5JcSsue/?mibextid=oFDknk -
Tiktok: ‘ไบต์แดนซ์’ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกประกาศ ไม่มีแผนขายกิจการให้นักลงทุนสหรัฐฯ อาจเลือกปิดแอปพลิเคชัน มากกว่ายอมขายกิจการ หากไม่สามารถต่อสู้ทางกฎหมายได้
วันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของ สหรัฐฯ ลงนามบังคับใช้กฎหมายบังคับติ๊กต็อกขายกิจการในสหรัฐฯ โดยมีเวลาให้ดำเนินการ 270 วัน และต่อเวลาให้อีก 3 เดือน เท่ากับว่า ติ๊กต่อกมีเวลาไปจนถึงปี 2025 ในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ByteDance เจ้าของแอปพลิเคชันติ๊กต็อก ยืนยันว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะขายธุรกิจ และจะสู้ในศาลเกี่ยวกับกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้ หากไม่สามารถสู้ได้ ก็จะเลือกปิดบริการแอปฯ แทนที่จะขายกิจการให้บริษัทในสหรัฐฯ
อัลกอริทึมของติ๊กต็อกมีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไบต์แดนซ์ การขายแอปพลิเคชันพร้อมกับอัลกอริทึมจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
ขณะที่ติ๊กต็อกมีสัดส่วนรายได้และจำนวนผู้ใช้งานรายวันเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบธุรกิจของไบต์แดนซ์ทั้งหมด ดังนั้น ในกรณีเลวร้ายสุด การยุติให้บริการในสหรัฐฯ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการขายกิจการให้บริษัทอเมริกันอื่น ๆ เนื่องจากการปิดตัวจะส่งผลกระทบอย่างจำกัดต่อธุรกิจของไบต์แดนซ์ในขณะที่บริษัทไม่จำเป็นต้องละทิ้งอัลกอริทึมหลัก
ก่อนหน้านี้ ‘โซว จื่อ โจว’ ซีอีโอของติ๊กต็อกโพสต์วิดีโอ ระบุว่า เตรียมต่อสู้ในชั้นศาล หลังจากรัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติกฎหมายให้ติ๊กต็อกแยกกิจการจากบริษัทแม่ไบต์แดนซ์ ไม่อย่างนั้นจะต้องเผชิญคำสั่งห้ามใช้งานในสหรัฐฯ ที่มีผลครอบคลุมทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ไบต์แดนซ์ไม่เปิดเผยผลการดำเนินงานหรือรายละเอียดทางการเงินของแต่ละหน่วยธุรกิจ ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจในจีน หลัก ๆ มาจากแอปฯ อื่น ๆ เช่น ‘โต่วอิน’ (Douyin) หรือติ๊กต็อกเวอร์ชั่นจีน และตลาดสหรัฐฯ มีสัดส่วนราว 25% ของรายได้รวมทั้งหมดของติ๊กต็อกในปีที่แล้ว
ขณะที่ไบต์แดนซ์มีหุ้น 20% ในติ๊กต็อก อีก 60% เป็นหุ้นที่ถือโดยนักลงทุนสถาบัน รวมถึงบริษัทลงทุนอเมริกันอย่าง Carlyle Group, General Atlantic เป็นต้น ส่วนอีก 20% เป็นหุ้นที่ถือโดยของพนักงานทั่วโลก และกรรมการบอร์ดติ๊กต็อกซึ่ง 3 ใน 5 คน เป็นคนอเมริกัน
กรณีของติ๊กต็อกนั้นทำให้บรรดาผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มีความกังวล เพราะสหรัฐฯ มีผู้ใช้งาน มากกว่า 150 ล้านคน และมีผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า 7 ล้านรายใช้ติ๊กต็อกสร้างรายได้ รวมมากถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ 5.3 หรือแสนล้านบาทในปี 2023 ขณะที่ติ๊กต็อกระบุว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวนั้นสร้างงานอย่างน้อย 224,000 ตำแหน่งในสหรัฐฯ
—————
ภาพ: Reuters
#TNNWorldNews #Tiktok #ติ๊กต็อก #จีน #อเมริกา #ไบต์แดนซ์
#TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
————
อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt
ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bitly.ws/3gBLX และ https://bitly.ws/3gBMb
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
https://www.facebook.com/share/p/Rt8wcnL9iEb6AB8r/?mibextid=oFDknk -
Tanzania: แทนซาเนียฝนตกหนักน้ำท่วม เสียชีวิตอย่างน้อย 155 ราย
แทนซาเนียเกิดน้ำท่วมและดินถล่ม เนื่องมาจากฝนตกหนักตลอดหลายสัปดาห์ในแถบแอฟริกาตะวันออก ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 200,000 คน และและอีกกว่า 51,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 155 ราย บาดเจ็บ 236 คนในแทนซาเนีย
นายกรัฐมนตรีคาสซิม มาจาลิวา กล่าวกับรัฐสภาว่า เอลนิโญ ซึ่งทำให้ฝนตกหนักยิ่งขึ้น ประกอบกับลมแรง น้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้ถนน สะพาน และทางรถไฟพังเสียหาย โรงเรียนถูกน้ำท่วมจนต้องหยุดการเรียนการสอน ด้านหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังช่วยเหลือผู้คนที่ถูกน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีมาจาลิวา กล่าวเสริมว่า ฝนตกหนักทำให้เกิดความเสียหายรุนแรง เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมไป จากการตัดไม้ทำลายป่า การทำเกษตรกรรมที่ไม่ยั่งยืน เช่น เกษตรกรรมแบบตัดแล้วเผา และการเลี้ยงปศุสัตว์ที่ไม่ได้รับการควบคุม
พร้อมแจ้งเตือนผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำให้ย้ายหนีขึ้นที่สูง และเร่งให้เจ้าหน้าที่เขตตรวจสอบให้แน่ใจว่า มีเสบียงเพียงพอสำหรับผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกเผชิญกับฝนตกหนักกว่าปกติในช่วงฤดูฝนปีนี้ โดยมีรายงานน้ำท่วมในประเทศเพื่อนบ้านอย่างบุรุนดีและเคนยาด้วย
—————
ภาพ: AFP/Getty Images
#TNNWorldNews #แอฟริกา #ฝนตก #น้ำท่วม #ดินถล่ม #ภัยธรรมชาติ
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
————
อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt
ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bitly.ws/3gBLX และ https://bitly.ws/3gBMb
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
https://www.facebook.com/share/p/En3kCNbYtcVdPCFf/?mibextid=oFDknk -
Weather: อุตุฯ เตือนภาคเหนือ-อีสานตอนบน อากาศร้อนจัด 27 เม.ย. อุดรธานี อุณหภูมิสูงสุด 44 องศาเซลเซียส
.
ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย
.
ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมียังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในระยะนี้ไว้ด้วย
.
สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนฝุ่นละอองในระยะนี้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีการสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี
.
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา
_____
#TNNEARTH #พยากรณ์อากาศ #อุณหภูมิสูงสุด #อากาศร้อน #ภาคเหนือ #ภาคอีสาน
_____
ติดตามข่าวสภาพอากาศ และเช็คจุดฝนตกน้ำท่วมถนนรถติดผ่าน TNN EARTH
Website: https://bit.ly/3MXvq5I
Youtube: https://bit.ly/3MZUVmK
TikTok: https://bit.ly/3naJL4p
Facebook: https://bit.ly/3bxVMy0
Line: https://lin.ee/rPHmFpD
Instagram: https://bit.ly/3PDLpuJ
https://www.facebook.com/share/DUTppSGiCn7yAeEd/?mibextid=oFDknk -
-
วิกฤตโลก ภาวะอากาศสุดขั้ว หาทางออกไม่ได้ พ.ค.สิ้นสุดหน้าแล้งจริง แต่ฝนทิ้งช่วง ทำร้อนต่อถึงก.ย. https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4547534
https://www.facebook.com/share/E4TGzmoTX5ZjpwDU/?mibextid=oFDknk
หน้า 11133 ของ 11172