ติดตามสถานะการณ์

ครม.เห็นชอบจ้างงานรูปแบบอื่นทดแทนเกษียณราชการมีผล 1 ต.ค.61 Publisher : 3 October 2017
พ.อ. อภิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)(3ตุลาคม2560) ว่าที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการทดแทนอัตราว่างงานผลการเกษียณของอายุข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น โดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนของภาครัฐปี 2557-2561
ทั้งนี้สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 และวันที่ 19 มกราคม 2560 เกี่ยวกับการจัดสรรอัตราว่างจากการเกษียณอายุราชการในแต่ละปี โดยให้พิจารณากำหนดสัดส่วนการรับบุคลากรภาครัฐให้สอดคล้องกับกรอบอัตรากำลังที่กำหนด โดยให้มีการลดการบรรจุข้าราชการทดแทนในอัตราว่างและหากมีการบรรจุข้าราชการทดแทนในอัตราว่างในระดับล่าง ให้พิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสม
วันนี้ที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้
สำหรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของราชการ ในสายงานสนับสนุนประเภททั่วไป
เช่น ตำแหน่งหน้าที่พนักงานธุรการ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี เจ้าหน้าที่พนักงานพัสดุให้ทดแทนอัตราว่างจากผลเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นทั้งหมด ทั้งนี้ สำหรับตำแหน่งประเภททั่วไปในระดับอาวุโส ให้ยกเว้นการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น เนื่องจากเป็นทางก้าวหน้าของข้าราชการในสายงานสนับสนุน
สำหรับตำแหน่งประเภทวิชาการในสายงานสนับสนุนของส่วนราชการ อาทิ ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับงานประจำพื้นฐานที่สนับสนุนการบริหารจัดการของส่วนราชการ เช่น ตำแหน่งในสายงานนักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการเงินและบัญชี และนักวิชาการพัสดุ เป็นต้น
ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างรูปแบบอื่น อย่างน้อยร้อยละ
10 ของอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของตำแหน่ง ประเภทวิชาการในสายงานสนับสนุนที่ส่วนราชการมีในปีนั้น
ส่วนการทดแทนอัตราว่างงานในสายงานหลักประเภทวิชาการ ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น โดยคำนึงถึงความจำเป็นของภารกิจของส่วนราชการ
ความมีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าและเงื่อนไขในการจ้างงานภาครัฐ เช่น ความจำเป็นในการดึงดูดผู้ที่มีความรู้ความสามารถและการแข่งขันกับภาคเอกชนและภาคส่วนอื่น ความเร่งด่วนในการใช้ผู้มีศักยภาพในการปฏิบัติงาน เป็นต้น
สำหรับตำแหน่งในสายงานหลักประเภทตำแหน่งประเภททั่วไป ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นอย่างน้อยร้อยละ10 ของอัตราว่างของส่วนราชการมีในปีนั้น ทั้งนี้ สำหรับส่วนราชการกรมขนาดเล็กที่มีอัตรากำลังไม่เกิน 1 พันอัตรา ให้พิจารณาใช้รูปแบบการจ้างงานอื่นทดแทนการบรรจุข้าราชการตามความเหมาะสม และตามความจำเป็นของภารกิจ
สำหรับในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ส่วนราชการทั้งหลายมีระยะเวลาในการเตรียมตัวและสามารถวางแผนการทดแทนอัตราว่างจากการเกษียณอายุของข้าราชการตามแผนดังกล่าว เห็นควรให้ดำเนินการตามแนวทางนี้ มีผลบังคับใช้สำหรับทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป
http://m.thansettakij.com/content/215107?ts
.

 

อียิปต์หักหลัง สหรัฐฯ สั่งซื้ออาวุธเกาหลีเหนือ หลังจับกุมเรือสินค้าเกาหลีเหนือทุกอาวุธเต็มลำส่งอียิปต์ ทำสหรัฐฯโกรธจัดระงับงบช่วยเหลือทั้งหมด วันพุธ 4 ตุลาคม 2017 6:11 amต่างประเทศ, ทันเหตุการณ์



สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาว่า มีการจับกุมเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ โดยเรืนเป็นเรือสัญชาติเกาหลีเหนือ ซึ่งมีการตรวจค้นบนเรือพบว่ามีการขนอาวุธหนักมาเต็มลำเรือ โดยมีปลายทางที่ท่าเทียบเรือในประเทศอียิปต์ เรื่องดังกล่าวทำให้ทางด้านสหรัฐอเมริการู้สึกไม่พอใจทางรัฐบาลอียิปต์เป็นอย่างยิ่ง และได้สั่งระงับงบช่วยเหลือชั่วคราวแก่อียิปต์กว่าหมื่นล้านบาท

รายงานข่าวว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาแต่ข่าวนั้นเพิ่งจะถูกเปิดเผยว่า มีการยึดเรือเกาหลีเหนือลำหนึ่งติดธงของประเทศกัมพูชาและเรือลำดังกล่าวมีชื่อว่า Jie Shun บรรทุกอาวุธมาเต็มลำ จำนวนมุ่งหน้าสู่ประเทศอียิปต์ โดยทางด้านเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ของอียิปต์ เข้าตรวจยึดเรือพร้อมอาวุธ ซึ่งมีเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจีกว่า 30,000 กระบอก ซึ่งซ่อนเอาไว้กับสินแร่

การสอบสวนจากสหประชาชาติเผยว่าการส่งอาวุธมายังอียิปต์ครั้งนี้เป็นการสั่งซื้อขายอย่างลับๆเพื่อนำมาใช้ในกองทัพ โดยทางรัฐบาลสหรัฐฯกล่าวหาว่าอียิปต์พยายามทำการค้าอาวุธอย่างลับๆกับเกาหลีเหนือ และไม่ให้ความร่วมมือในการลงโทษเกาหลีเหนือ จนกระทั่งหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯต้องแจ้งไปยังทางการอียิปต์จึงจะมีการเข้าค้นเรือลำดังกล่าว

เกาหลีเหนือถือว่าเป็นผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ราคาถูก ส่งออกให้กับหลายประเทศอย่าง อิหร่าน เมียนมา ซีเรีย ซึ่งเกาหลีเหนือได้รับใบอนุญาตในการผลิตอาวุธจากเทคโนโลยีจากสหภาพโซเวียตเดิมและจีนเช่นอาวุธปืนไรเฟิล เครื่องยิงจรวด เรือรบและรถถัง เป็นต้น

http://www.springnews.co.th/th/2017/10/112499/?sp

 

ชุย เอ ซิ "กลุ่มติดอาวุธและผู้สนับสนุนว่าสร้างการรณรงค์ทางสื่อซึ่งทำให้ "ผู้นำมาซึ่งความหวาดกลัวและความรุนแรงกลายเป็นเหมือนผู้ถูกกดขี่ซะเองในตอนนี้"

ชุย เอ ซิ
(นางงามเมียนมาโวย โดนถอดมงกุฎเพราะวิจารณ์กลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา)
โพสต์แถลงการณ์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กของเธอ ชี้ให้เห็นว่าการถูกปลดจากตำแหน่งของเธอเกี่ยวข้องกับการออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา โดยระบุว่า "ถือเป็นเรื่องจำเป็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะใช้ชื่อเสียงเธอในการพูดความจริงเพื่อประเทศ" และบอกว่าการโจมตีในลักษณะคล้ายกลุ่มรัฐอิสลามของกลุ่มอาร์ซาทำไปอย่างเกินควร

"ใช่ ชุย เอ ซิ ทำวิดีโอที่เกี่ยวกับห้วงเวลาแห่งความหวาดกลัวที่กลุ่มติดอาวุธอาร์ซาทำให้เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ขึ้นมาจริง แต่นั่นแทบจะไม่นับว่าเป็นความล้มเหลวในการรักษาภาพลักษณ์ของนางงาม" แถลงการณ์ของเธอระบุ

ในวิดีโอนี้ ชุย เอ ซิ วิจารณ์กลุ่มติดอาวุธและผู้สนับสนุนว่าสร้างการรณรงค์ทางสื่อซึ่งทำให้ "ผู้นำมาซึ่งความหวาดกลัวและความรุนแรงกลายเป็นเหมือนผู้ถูกกดขี่ซะเองในตอนนี้"

อย่างไรก็ตาม ชุย เอ ซิ ไม่ได้พูดถึงการกระทำอันรุนแรงของกองทัพเมียนมาต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่แต่อย่างใด
....
นางงามเมียนมาโวย โดนถอดมงกุฎเพราะวิจารณ์กลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา
3 ตุลาคม 2017

Image copyrightSHWE EAIN SI
คำบรรยายภาพซุย เอ ซิ ได้โพสต์แถลงการณ์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กของเธอ ชี้ให้เห็นว่าการถูกถอนตำแหน่งของเธอเกี่ยวข้องกับการออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา

ชุย เอ ซิ นางงามเมียนมาปีล่าสุด อ้าง ถูกปลดจากตำแหน่งเพราะโพสต์วิดีโอวิจารณ์กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชุย เอ ซิ นางงามเวทีมิสแกรนด์เมียนมาปี 2017 วัย 19 ปี โพสต์วิดีโอความรุนแรงในรัฐยะไข่ซึ่งเป็นภาพที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความขัดแย้งยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) คณะผู้จัดการประกวดได้ออกมาประกาศถอดถอนตำแหน่งของเธอ โดยให้เหตุผลว่า เธอไม่ปฏิบัติตามสัญญา และไม่ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ไม่ได้อ้างถึงเรื่องวิดีโอดังกล่าวแต่อย่างใด

ล่าสุด ในวันนี้ (3 ต.ค.) ชุย เอ ซิ โพสต์แถลงการณ์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กของเธอ ชี้ให้เห็นว่าการถูกปลดจากตำแหน่งของเธอเกี่ยวข้องกับการออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา โดยระบุว่า "ถือเป็นเรื่องจำเป็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะใช้ชื่อเสียงเธอในการพูดความจริงเพื่อประเทศ" และบอกว่าการโจมตีในลักษณะคล้ายกลุ่มรัฐอิสลามของกลุ่มอาร์ซาทำไปอย่างเกินควร

"ใช่ ชุย เอ ซิ ทำวิดีโอที่เกี่ยวกับห้วงเวลาแห่งความหวาดกลัวที่กลุ่มติดอาวุธอาร์ซาทำให้เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ขึ้นมาจริง แต่นั่นแทบจะไม่นับว่าเป็นความล้มเหลวในการรักษาภาพลักษณ์ของนางงาม" แถลงการณ์ของเธอระบุ

ในวิดีโอนี้ ชุย เอ ซิ วิจารณ์กลุ่มติดอาวุธและผู้สนับสนุนว่าสร้างการรณรงค์ทางสื่อซึ่งทำให้ "ผู้นำมาซึ่งความหวาดกลัวและความรุนแรงกลายเป็นเหมือนผู้ถูกกดขี่ซะเองในตอนนี้"

อย่างไรก็ตาม ชุย เอ ซิ ไม่ได้พูดถึงการกระทำอันรุนแรงของกองทัพเมียนมาต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่แต่อย่างใด

Image copyrightREUTERS
คำบรรยายภาพอนาสตาเซีย หลิน
นี่เป็นกรณีล่าสุดที่ผู้ชนะการประกวดเวทีนางงามถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เมื่อเดือนกันยายน อิตีร์ อีเซน นางงามเวทีมิสตุรกี ปี 2017 ถูกถอดถอนจากตำแหน่งหลังจากเธอเขียนลงในทวีตเตอร์ในช่วงครบรอบ 1 ปีของการพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีเมื่อปี 2016 ว่า การมีประจำเดือนของเธอเป็นการเฉลิมฉลองเลือดของผู้สละชีวิตในการต่อต้านกองทัพที่พยายามเข้ายึดอำนาจ

ย้อนไปในปี 2015 อนาสตาเซีย หลิน นางงามแคนาดาเชื้อสายจีนซึ่งเป็นตัวแทนแข่งเวทีมิสเวิลด์ พลาดการเข้าแข่งขันเนื่องจากไม่ได้รับจดหมายเชิญจากประเทศจีนซึ่งเป็นเจ้าภาพการจัดงาน ทำให้เธอไม่สามารถขอวีซ่าได้ โดยเธอบอกว่าเป็นเพราะเธอวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน

http://www.bbc.com/thai/international-41488210?ocid=socialflow_facebook

 

วงแหวนแห่งไฟจะระเบิด:

วงแหวนแห่งไฟกำลังระเบิดขึ้นในขณะนี้ ด้วยการประทุขอวงภูเขาไฟ 32 แห่ง และอีก 33 แห่งแสดงความไม่สงบหรือกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ และเกิดแผ่นดินไหวขึ้นหลายครั้ง

ภูเขาไฟล่าสุดที่ปะทุขึ้นเป็น ภูเขาไฟ Rincon de La Vieja และ ภูเขาไฟ Turrialba ในคอสตาริกา ภูเขาไฟ Fuego และ ภูเขาไฟ Pacaya ในกัวเตมาลา และเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องที่ ภูเขาไฟ Mount Agung ในอินโดนีเซีย

ภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นในปัจจุบัน เดือนตุลาคม 2017

ปัจจุบันมีภูเขาไฟ 32 จุดปะทุขึ้นทั่วโลก ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2017 แวดวงแสดงแผ่นดินไหวที่มีขนาดใหญ่กว่า M5.0 ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (ภาพแรก)



เมื่อเพิ่มภูเขาไฟที่กำลังแสดงกิจกรรมย่อยหรืออยู่ภายใต้การเตือนภัยแผนที่จะดูน่ากลัวยิ่งขึ้น:

การปะทุของภูเขาไฟ (สีแดง) และภูเขาไฟในปัจจุบันแสดงการเตือนหรือกิจกรรมย่อย ๆ (สีส้ม) มีภูเขาไฟที่ไม่สงบ 33 แห่ง (ภาพที่สอง)



ฉันแล้วคุณเพิ่มภูเขาไฟที่แสดงความไม่สงบแล้วคุณสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าแหวนแห่งไฟจะระเบิด:

ภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นในปัจจุบัน (สีแดง), ภูเขาไฟในปัจจุบันแสดงคำเตือนหรือกิจกรรมเล็กน้อย (สีส้ม) และภูเขาไฟในปัจจุบันแสดงถึงความไม่สงบ (สีเหลือง) (ภาพที่สาม)



http://strangesounds.org/2017/10/th...-activity-and-several-strong-earthquakes.html

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปูตินเตือนสหรัฐ: มีความเป็นไปได้ในการโจมตีเกาหลีเหนือ แต่ผลที่จะตามมานั้น "ไม่แน่นอน" หลังทรัมป์บอกว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือมีแต่จะทำให้เสียเวลาเปล่า



-----------

วันที่ 4 ต.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "มีความเป็นไปได้ในการโจมตีเกาหลีเหนือ แต่ผลที่จะตามมาไม่แน่นอน - ปูติน" (Launching strike on N. Korea possible, but outcome would be uncertain – Putin)

การโจมตีจากทั่วโลกเพื่อปลดอาวุธเกาหลีเหนืออาจจะมีความเป็นไปได้ แต่ผลที่จะตามมาจากการโจมตี "ไม่แน่นอน" เนื่องจากเกาหลเหนือเป็น "ประเทศปิด" (a closed state) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าว

"มาพูดให้ตรงประเด็นเลยนะครับ ท้่ายที่สุดแล้ว บางคนจะสามารถโจมตีจากทั่วโลกเพื่อปลดอาวุธได้จริงหรือไม่? มันจะไปถึงเป้าหมายไหม? มันไม่มีความชัดเจนเลย เพราะว่าไม่มีใครทราบอย่างแน่นอนเลยว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง" ปูตินกล่าวในการกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนานานาชาติเกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ 2017 เมื่อวันพุธนี้

ปูตินกล่าวต่ออีกว่า "ไม่มีความรู้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับวัตถุต่างๆของเกาหลีเหนือ เนื่องจากเขาเป็นประเทศปิด"

ในขณะเดียวกันปูตินได้กล่าวอีกว่า วาทกรรมเชิงขู่กรรโชกที่มีต่อกรุงเปียงยางและความพยายามที่จะพูดจากจุดแข็ง มีแต่จะทำให้ผู้นำของเกาหลีเหนือมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

ผู้นำรัสเซียได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายลดการตีโวหารและการปะทะกันด้วยคำพูด "ทุกฝ่ายจะต้องขจัดวาทกรรม และหาหนทางสำหรับการเจรจาแบบเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ รวมทั้งระหว่างเกาหลีเหนือกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคด้วย มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้พบกับการตัดสินใจที่สมดุลและสมเหตุสมผล ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้มีความสนใจที่จะกำหนดและประเมินนโยบายต่างๆของประธานาธิบดีสหรัฐ" (At any rate, it is not my cup of tea to define and assess policies of the United States president.)

ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียไม่สามารถอยู่เฉยโดยไม่พูดอะไรต่อวิกฤตเกาหลีเหนือ เนื่งอจากรัสเซียมีชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ

"เรามีชายแดนติดกัน และการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็อยู่ห่างจากชายแดนของรัสเซียเพียงแค่ 200 กิโลเมตรเท่านั้น"

ก่อนหน้านี้ (30 กันยายน 2560) นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐได้ส่งสัญญาณที่ดูเหมือนว่าจะเป็นบวกต่อเกาหลีเหนือเพื่อคลี่คลายวิกฤคาบสมุทรเกาหลีในครั้งนี้ ในการเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวว่า "รากำลังตรวจสอบ อย่าเพิ่งไปไหน เราขอถามว่า: คุณต้องการจะคุยกันไหม? เรามีสายการติดต่อสื่อสารกับกรุงเปียงยางหลายสาย เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์มืด"

วันที่ 1 ตุลาคม 2560 นายทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐก็โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ของตนเองว่า "ผมได้บอกกับคุณเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศผู้โลกสวยของพวกเราไปแล้วว่า เขาจะเสียเวลาเปล่าในการพยายามเจรจาต่อรองกับเจ้ามนุษย์จรวดจิ๋วคนนั้น ประหยัดพลังงานของตนเองเถอะคุณเร็กซ์ เราจะทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ!" (RT รายงาน)

ส่วนพล.อ. Jim Mattis รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐกล่าวเมื่อวันอังคารนี้ (3 ต.ค.60) ว่า เพนตากอนขอสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีหนือด้วยวิธีทางการทูตอย่างเต็มที่ สำนักข่าว Yonhap News ของเกาหลีใต้รายงาน

ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็เคลื่อนกองเรือรบขนาดใหญ่ซึ่งนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan มุ่งหน้าเข้าสู่คาบสมุทรเกาหลี และจะแวะเทียบท่าที่ฮ่องกงก่อน

วันที่ 3 ต.ค.60 สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานว่า เกาหลีเหนือสัญญาว่าจะทำให้เกิดเมฆนิวเคลียร์เหนือประเทศญี่ปุ่น หลังจากญี่ปุ่นเรียกร้องให้มีการเพิ่มการกดดันต่อกรุงเปียงยางมากขึ้นเกี่ยวกับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ กรุงเปียงยางยังกล่าวอีกว่า ในกรณีที่เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมา ญี่ปุ่นจะจมสู่เปลวเพลิงในทันที (Japan will be immediately “engulfed in flames.”)

บทความฉบับหนึ่งของ KCNA กล่าวว่า "การกระตุ้นความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเป็นการพยายามฆ่าตัวตายแบบหนึ่ง ซึ่งจะนำเมฆหมอกนิวเคลียร์ไปปกคลุมหมู่เกาะญีปุ่่น หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมา หมู่เกาะญี่ปุ่นนั่นแหละที่จะจมอยู่ในเพลิงในทันที ซึ่งจะประจักษ์ด้วยตนเอง"

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
04/10/2560
---------
https://www.rt.com/news/405644-putin-strike-north-korea/
https://www.rt.com/usa/405116-us-has-direct-channels-communication-korea/
https://www.rt.com/usa/405258-trump-tillerson-korea-waste-time/
https://sputniknews.com/asia/201710041057923462-japan-north-korea-war-words/
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/10/03/37/0401000000AEN20171003004953315F.html
https://sputniknews.com/asia/201710021057887370-us-supercarrier-hong-kong-korea/
https://www.rt.com/news/405499-nkorea-nuclear-clouds-japan/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวบันเทิง: เครื่องบินรบ Su-34 และ Su-35 ของรัสเซียบอมบ์พวกระดับหัวหน้าผู้ก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ในซีเรียตายหมู่ 12 ตัว หัวหน้าใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแขนขาดข้างหนึ่ง (มีคลิป)



-----------

วันที่ 4 ต.ค.60 TASS พาดหัวข่าวว่า "กองทัพอากาศของรัสเซียได้กำจัดบรรดาผู้บัญชาการของกลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ในซีเรีย" (Russia’s Aerospace Forces eliminate 12 Jabhat al-Nusra commanders in Syria)

พล.ท. Igor Konashenkov โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงข่าวเมื่อวันพุธนี้ว่า กองทัพอากาศของรัสเซียได้กวาดล้างกองบัญชาการของกลุ่มก่อการร้าย Jabhat al-Nusra (พวกอัลเคด้าในซีเรีย) ซึ่งผู้นำสูงสุดของกลุ่มนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่พวกผู้บัญชาการอีก 12 คนถูกสังหารเรียบ (ด้วยการบอมบ์เม็ดเดียว แบบเน้นๆ)

"วันที่ 3 ตุลาคม หน่วยข่าวสายของรัสเซียรายงานว่าได้ทราบช่วงเวลาและสถานที่ที่พวกผู้นำของกลุ่มก่อการร้าย Jabhat al-Nusra จะประชุมร่วมกัน ซึ่งมีนาย Abu Muhammad al-Julani เป็นหัวหน้า (พลเมืองซาอุดิอาระเบียเชื้อสายอิรัค) เครื่องบินรบ Suknoi Su-34 และ Su-35 จากกองทัพอากาศรัสเซียในซีเรียได้รับมอบภารกิจโจมตีเป้าหมาย" (ภารกิจส่งพวกมันไปยมโลกแบบฉบับพลัน)

พล.ท. Igor Konashenkov กล่าวอีกว่า การตัดสินใจเพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากได้รับการยืนยันผ่านช่องทางข่าวกรองหลายแห่งว่าพวกผู้ก่อการร้ายได้เดินทางไปถึงสถานที่นัดหมายกันแล้ว และก็เริ่มประชุมกัน

"หลังจากการโจมตี นาย Abu Muhammad al-Julani หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มก่อการร้าย Jabhat al-Nusra ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหลายแห่งและเสียแขนไปข้างหนึ่ง อาการร่อแร่ แหล่งข่าวอิสระหลายแห่งยืนยัน นอกจากพวกบอดี้การ์ดจำนวนมากแล้ว (ราว 50 คน) พวกผู้บัญชาการภาคสนามของกลุ่มก่อการร้าย Jabhat al-Nusra ซึ่งรวมทั้งนาย Ahmad al-Ghizai ผู้ช่วยคนสนิทของนาย al-Julani และเป็นหัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยด้วย ได้ถูกสังหาร"

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานอีกว่า มีสมาชิกผู้ก่อการร้ายหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและปานกลาง ข้อมุลเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ไปรวมตัวกัน ได้รับการรวบรวมโดยระบบข่าวกรองหลายระดับ (ของรัสเซีย)

วันที่ 3 ตุลาคม Sputnik รายงานว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้โจมตีทางอากาศใส่พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย สังหารผู้ก่อการร้ายได้ 304 ตัว ได้รับบาดเจ็บ 170 ตัว (แหล่ม!) ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส ใกล้จังหวัด Deir ez-Zor "ผู้บัญชาการภาคสนามของพวกไอซิสจำนวน 7 ตัวซึ่งรวมทั้งนาย Abu Islam al-Kazaki เชื้อสายคาซัคสถานด้วย ถูกสังหาร"

ป.ล. คลิปรัสเซียบอมบ์พวกหัวหน้าอัลนุสราฟรอนท์ยกฝูง

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
04/10/2560
---------
http://tass.com/defense/968792
https://sputniknews.com/middleeast/201710031057910810-syria-russian-warplanes-video-daesh/
https://sputniknews.com/middleeast/201710031057892414-russia-syria-daesh/

 

ปอกเปลือก ทรราช
น้ำใจจากนายทาส



-----------

น้ำใจจากนายทาส... ทรัมป์โยนห่อกระดาษชำระแจกฝูงชนพร้อมแจกห่อข้าวสารและไฟฉายในขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในการเดินทางไปเยือนเปอร์โตริโก ที่ประสบภัยพิบัติจากพายุมาเรีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รัฐบาลท้องถิ่นของเปอร์โตริโกได้ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสหรัฐ เนื่องจากประเทศขาดแคลนไฟฟ้า น้ำดื่ม อาหาร และระบบสาธารณูปโภคถูกทำลายเป็นส่วนมาก มีผู้ป่วยในโรงพยาบาลเสียชีวิตหลายรายเนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่มีไฟฟ้าใช้ (ทรัมป์ก็แจกไฟฉายให้ใช้แทน)

เปอร์โตริโก (Puerto Rico) เป็นหนึ่งในเมืองขึ้นของสหรัฐ เป็นประเทศที่อยู่ในสภาวะล้มละลายโดยพฤตินัย เคยร้องขอให้รัฐบาลกลางสหรัฐยอมรับว่าเปอร์โตริโกเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอย่างเป็นทางการ แต่สภาของสหรัฐปฏิเสธ เนื่องจากหนี้สินของประเทศนี้มีจำนวนมาก สหรัฐกำหนดไว้ว่าประธานาธิบดีของเปอร์โตริโกและเกาะกวมจะต้องเป็นคนเดียวกับประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ประชาชนชาวเปอร์โตริโกและเกาะกวมไม่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของตนเอง (ประชาธิปไตยแบบอเมริกัน) ผู้แทนจากเปอร์โตริโกและเกาะกวมมีที่นั่งในสภาคองเกรส แต่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใดๆสนับสนุนหรือคัดค้านในสภาคองเกรส
https://www.rt.com/usa/405609-trump-paper-towels-puerto-rico/

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
04/10/2560
---------
https://www.rt.com/usa/405609-trump-paper-towels-puerto-rico/

 

ปอกเปลือก ทรราช
คลิปบันเทิง: นักรบฮุติแห่งเยเมนสอยโดรนสอดแนม MQ-9 ของสหรัฐได้หนึ่งลำในกรุงซานาอะ (Sanaa) เมืองหลวงของเยเมน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560
-----------

https://www.reuters.com/article/us-...illance-drone-state-news-agency-idUSKCN1C619H
https://www.japantimes.co.jp/news/2...s-shoot-u-s-surveillance-drone-capital-sanaa/

 

ปอกเปลือก ทรราช
คลิปรัสเซียโจมตีทางอากาศถล่มรังไอซิสในซีเรีย หายไปทั้งตึกเลย (3 ต.ค.60)
-----------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปูตินปล่อยมุกตลกในที่งานสัมมนาเกี่ยวกับการใช้พลังอย่างมีประสิทธิภาพ

ปูติน: พวกคุณอยากจะฟังเรื่องตลกเกี่ยวกับทหารอิสราเอลบ้างไหมครับ?

ปูติน: มีทหารหนุ่มคนหนึ่งถูกถามว่า "ถ้าคุณเห็นพวกผู้ก่อการร้ายมากัน 20 คน คุณจะทำอย่างไร?"

ทหาร: ผมก็ใช้ปืนอูซี่ยิงพวกมันสิครับ

นายพล: ถ้ามีรถถังวิ่งมาทางคุณหละ?

ทหาร: ผมก็จะใช้เครื่องยิงจรวดและป้องกันตนเองครับ

นายพล: และถ้าคุณเห็นทั้งเครื่องบิน รถถัง และพวกผู้ก่อการร้ายมาด้วยกันหละ? (ตรงนี้น่าคิค ปูตินกำลังเหน็บอิสราเอลและสหรัฐหรือเปล่า?)

ทหาร: ท่านนายพลครับ ในกองทัพนี้มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นหรือครับ? ผมใคร่ขอถามท่านว่า ทั้งกองทหารนี้มีผมเพียงคนเดียวหรือครับ? (ผู้ฟังฮากระจาย แต่เชื่อว่ามีหลายคนไม่เก๊ต)
----------

.

 

ซ้อนแผนจับ 2 สาวอบต.!! เรียกเงินผู้รับเหมาเกือบ 4 แสนแลกชนะประมูลทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ วันที่ 5 ตุลาคม 2560 - 00:26 น.

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายศานต์ชาติ ตึดสันโดษ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญ ปปท.เขต 3 นครราชสีมา พร้อมด้วย นายศุภชัย ไชยหงษ์ ผอ.ป.ป.ช.จังหวัดอุลราชธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี นำกำลังดักซุ่มภายในปั้มน้ำมันปตท.สาขาวนารมย์ ถ.เลี่ยงเมือง ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อจับกุมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกินเพล (ส.อบต.กินเพล) อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังเรียกรับเงินผลประโยชน์ 371,500 บาท จากผู้ที่ชนะการประมูลโครงการจัดทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพของตำบลหนองกินเพล หลังผู้ชนะการมูลเข้าแจ้งความ

เมื่อถึงเวลานัดหมายได้มีนางรัชนี คมขำ อายุ 38 ปี ส.อบต.กินเพล พร้อมด้วย น.ส.อมรรัตน์ ขยายวงศ์ อายุ 33 ปี แพทย์ประจำตำบลขับรถยนต์เก๋งเข้ามาพบผู้รับเหมาที่ชนะการประมูล แต่ปรากฎว่าไม่ทันที่ผู้รับเหมาจะมอบซองบรรจุเงินกว่า 370,000 บาท ซึ่งได้นำไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับตำรวจแล้ว นางรัชนีเกิดไหวตัวทันพยายามส่งสัญญาณให้น.ส.อมรรัตน์ ขับรถหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบออกมาแสดงตัวแล้วเข้าจับกุมตัวนำไปสอบสวนที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี

จากการสอบสวนทั้ง 2 คน รับสารภาพว่า ได้เรียกรับเงินจากผู้รับเหมาจริง แต่ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว เป็นการเรียกรับในฐานะที่เป็นกรรมการและจะนำเงินส่วนต่างนี้ไปใช้จ่ายในโครงการอื่นต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงแจ้งข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์ตอบแทนโดยมิชอบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_549754

 

Gill Broussard

อุกกาบาต / Fireball ตกลงไปใน White Mountains ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ (เป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาในเขตนิวอิงแลนด์) ทำให้เกิดไฟป่าขนาดใหญ่! 4 ตุลาคม 2017: "ข่าวไฟไหม้ในท้องฟ้าข่าว" / อุกกาบาตจะถูกโยงเข้ามา โดยเป็นไปได้ ...

 

Chaiyawat Choophan

คุณ นิดหน่อย ห้องLine หมี CNN







flakka ยาซอมมบี้ เสพแล้วมีอาการคลั่งคล้ายกับซอมบี้

ผู้ที่เสพยาซอมบี้ หรือ flakka ที่หากเสพเข้าไปแล้วจะเกิดอาการคลั่งคล้ายผีดิบ ซอมบี้ ทำร้ายตัวเองและคนอื่น ซึ่งยาประเภทนี้อยู่แถวประเทศ อเมริกา บลาซิล และส่วนต่างๆของโลก

Flakka จัดว่าเป็นยาเสพติด แบบใหม่ ที่สังเคราะห์มาจากพืช โดยแรกเริ่มเดิมที่เขาทำมาเพื่อเป็นยารักษาโรค และถูกต้องตามกฏหมาย แต่ทว่ามีคนหัวหมอ เสี้ยนซะเหลือเกินเอามาดัดแปลง ให้กลายมาเป็นสารเสพติดตัวใหม่ ซึ่งหลายคนเรียกมันว่า Bath Salt เพราะมีลักษณะคล้ายเกลือ ที่ใช้แช่อาบน้ำ

และเจ้า flaka ตัวนี้เป็นที่นิยมอย่างมากที่อเมริกา แถมหาซื้อง่ายและราคาถูก และการออกฤทิธ์แรงกว่าเฮโรอีนหรือยาบ้าสิบเท่า แต่ราคาถูกกว่า หากเสพเข้าไปแล้วบางครั้งต้องใช้เวลากว่าหลายวันกว่าจะหายคลั่ง เรียกสติกลับมาได้

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า Flakka จะออกฤทธิ์ทำให้ผู้เสพมีอุณหภูมิร่างกายสูงถึงสี่สิบองศา เหมือนกับเป็นไข้อย่างหนัก และอาจทำเกิดอาการหัวใจวาย ไตหยุดทำงาน และตายได้ เนื่องจากยาตัวนี้ทำให้ระบบร่างกายหยุดทำงานและพังพินาศไปในที่สุด

แต่ถ้ารอดมาได้ ผู้เสพก็จะมีอาการจิตหลอน อยากเข้าสังคม มีพลังขับเคลื่อนทางเพศแบบบ้าคลั่ง มีเพลิดเพลิน รื่นเริง สนุกสุดเหวี่ยง

แต่เมื่ออำนาจด้านบวกหายไป พลังด้านมืดจะเข้าควบคุมผู้เสพอย่างรวดเร็ว

และทำให้เกิดอาการคล้ายสัตว์ป่าที่หิวกระหาย หัวใจเต้นระทึกรุนแรง ประสาทสัมผัสทุกชนิดตื่นตัวพร้อมโจมตี ร่างกายแข็งแกร่งเป็นหินผา เกิดอาการหวาดระแวงและคุ้มคลั่ง

ซึ่งผู้เสพจะรู้สึกหวงแหนอำนาจอันทรงพลังจากยา Flakka และอยากเสพมากขึ้นมากขึ้น จนเสพยาเกิดขนาด และขาดใจตาย หรือคุ้มคลั่งกลางถนนตามที่เห็นในคลิบที่ปรากฎ

คลิป 1 https://youtu.be/X-N2LwJL75g

คลิป 2 https://youtu.be/LKwBggInNdc

คลิป 3 https://youtu.be/Wqt9RMSsD6k

 

Jeerachart Jongsomchai

... “กลยุทธ์สงครามในอดีตระหว่างสเปนกับอเมริกา ทำให้เข้าใจปัจจุบัน”



... ในอดีตนั้น ช่วงปี 1765 – 1783 ที่เป็นสงครามประกาศอิสรภาพระหว่างอาณานิคมของอังกฤษในอเมริกากับประเทศอังกฤษเองนั้น นอกจากฝรั่งเศสที่ได้เปิดหน้าเข้ามาช่วยเหลือนักรบอาณานิคมอเมริกาสู้ตามหลักการที่ทั้งสองทำต่อกันคือเป็นมิตรกับศัตรูของศัตรู ฝรั่งเศสก็ทำทุกอย่างให้อังกฤษอ่อนแอลงไปโดยการเข้าไปช่วยเหลืออเมริกา โดยที่สเปนนั้นก็เข้ามาช่วยอเมริกาด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะไม่มากมายแบบฝรั่งเศส ทั้งการสนับสนุนช่วยเหลือให้อาวุธต่างๆ แต่นั่นเป็นเพราะว่าสเปนหวังจะได้อาณานิคมของอังกฤษในอเมริกาด้วย ในตอนนั้นทั้งสเปนและอเมริกาเป็นมิตรรักกันดี

... ในช่วง “สงครามคาบสมุทรไอบีเรียน” ในปี 1807-1814 ที่อังกฤษ สเปนและโปรตุเกสทำสงครามต่อต้าน “ฝรั่งเศสของนโปเลียน” ที่คิดจะทำสงครามยึดเอาทั้งคาบสมุทร แต่อังกฤษก็ไม่ยอมให้ฝรั่งเศสได้ไป เพราะจะแข็งแกร่งจะเป็นอันตรายต่ออังกฤษด้วยในภายหลัง ทั้งที่ในช่วงแรกนั้น ฝรั่งเศสกับสเปนตั้งใจจะโจมตีโปรตุเกสร่วมกันด้วยซ้ำ แต่พอโปรตุเกศแตกไป ฝรั่งเศสกลับทรยศสหายสเปนกลับจะมาตียึดเอาสเปนด้วย สเปนเลยร่วมกับอังกฤษและโปรตุเกศหันมารบกับนโปเลียนของฝรั่งเศสแทน ในตอนนั้นอเมริกาวางตัวเป็นกลางไม่มาช่วยเหลือเพื่อนๆ

... และในช่วงที่นโปเลียนปั่นป่วนยุโรป “อเมริกา” เองก็ฉวยโอกาศต้องการจะขยายดินแดนอาณานิคมเองบ้างโดยหมายตาไว้ที่ตอนใต้ จนเกิดสงครามระหว่างสเปนกับอเมริกาในการแย่งชิงอาณานิคมทางใต้ โดยสเปนก็สนับสนุนให้ทาสชาวผิวดำติดอาวุธเข้าไปปั่นป่วนต่อนายทาสอเมริกาในรัฐทางใต้ทำให้อเมริกาไม่พอใจ ขณะที่อเมริกาก็เอาคืนแนวเดียวกันโดยการสนับสนุนอย่างลับๆกับผู้ตั้งรกรากในดินแดนฟลอริดาที่ตอนนั้นเป็นอาณานิคมของสเปน ให้ลุกขึ้นมาต่อต้านประท้วงอำนาจของสเปน ( เหมือนที่ตัวเองทำสำเร็จกับอังกฤษ อาหรับสปริง สงครามสีส้มในยูเครน และชาวเคิร์ด ชาวคาตาลุนญ่า เรียกร้องเอกราชในปัจจุบัน สูตรเดียวกัน ) จนสุดท้ายสเปนต้องเสียฟลอริด้าให้กับอเมริกาในปี 1819

... และตอนนั้นตามสายตาของมหาอำนาจเก่ากว่า สเปน ก็เริมมองเห็นอะไรบางอย่าง จึงอ่านออกและเชื่อว่าอเมริกาไม่ได้หวังแค่นั้น แต่ได้หมายตาจะฮุบเอาทั้ง “ลาตินอเมริกา” มาเป็นของตัวเองและครอบครองทั้งโลกที่สเปนได้แผ่วถางไว้ต่อไป และก็เป็นความจริง โดยอเมริกาเริ่มเข้ามาปลุกระดมคนในดินแดนอาณานิคมในช่วง 1850-60s ทั้ง “คิวบา เปอร์โตริโก้ โดมินิกัน” ให้ออกมาประท้วงเรียกร้องเอกราชจากสเปน โดยในหน้าฉากอเมริกาได้ส่งพ่อค้านักลงทุนเข้าไปในดินแดนนั้นก่อนอย่างมาก และบอกว่าไปแค่ค้าขายและขยายฐานการลงทุน แต่สเปนเชื่อว่าอเมริกาต้องการทั้งเกาะของสเปนมากกว่า

... By the mid-1820s, Spaniards believed that the United States wanted to control the entire New World at Spain's expense, considering the independence movements in Latin America as proof of this.[12] In 1821, a Spaniard wrote that Americans "consider themselves superior to all the nations of Europe

... ในช่วง “สงครามกลางเมืองอเมริกา 1861-1865” นั้น สเปนพยายามจะเข้าไปแทรกแซงในสงครามเป็นการแก้แค้นอเมริกาด้วย ประธานาธิบดีลินคอร์น ของอเมริกา ( ไม่ใช่คนดีในสายตาของคนลาตินอเมริกาเพราะเขาคือนักล่าอาณานิคม แต่ในสายตาคนอเมริกาหรือคนที่นิยมหรือเรียนต่อในอเมริกา อาจจะคิดว่าเป็นคนดี ) จึงส่งทูต Carl Schurz ไปเจรจาต่อรองกับสเปน เพื่อขอให้สเปนจะไม่แทรกแซงในสงครามกลางเมือง โดยต่อรองว่าอเมริกาจะไม่ยุ่งเกี่ยวแทรกแซงดินแดน “คิวบา” อาณานิคมของสเปนเพื่อสกัดอำนาจมาป่วนสงครามภายใน สเปนยอมตกลงวางตัวเป็นกลางแม้รู้ว่าหลังสงครามกลางเมืองอเมริกาจะกลับมายุ่งอีกแน่

... Schurz was successful in his efforts; Spain officially declared neutrality on June 17, 1861.[21] However, since neither the Union nor the Confederacy would sign a formal treaty guaranteeing that Cuba would never be threatened, Madrid remained convinced that American imperialism would resume as soon as the Civil War had ended.

... แม้ว่าจะพยายามปลุกระดมคนในพื้นที่อาณานิคมประท้วงเอกราชจากสเปนแต่ก็ไม่สำเร็จ ในปี 1897 เดือนมิถุนายน ประธานาธิบดี Mckinley ของอเมริกาจึงได้เสนอของซื้อดินแดนอาณานิยมเหล่านั้นจากสเปน แต่ได้ถูกปฏิเสธไปและทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองย่ำแย่ลงกว่าเดิม

... In June 1897, President William McKinley had appointed Stewart L. Woodford to the post of Envoy Extraordinary and Minister Plenipotentiary to Spain, in a last attempt to convince the Spanish government to sell its colonies. Spain refused and severed diplomatic relations with the U.S. on April 21, 1898.

... จนในที่สุดก็เกิด “สงครามสเปนกับอเมริกา” ในปี 1898 โดยเริ่มในคิวบาก่อน โดยอเมริกาอ้างว่าต้องปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาในเกาะคิวบา โดยการหลอกใช้พลเมืองของคิวบาและอ้างคำว่าเอกราชมาเป็นขนมหลอกใช้เด็ก ทำให้เกิดปัญหาสำหรับสเปนอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่มีการใช้สื่อมวลชนนักข่าวมาโฆษณาชวนเชื่อในการสร้างและขยายกลุ่มต่อต้านสเปน เป็นเครือข่ายทั้งในคิวบา เปอร์โตริโก้ กวม ฟิลิปปินส์และหมู่เกาะคาร์โรไลน์

... ในกรณีของ “สมรภูมิคิวบา” นั้น สเปนก็มีการตั้งกลุ่มนิยมสเปนออกมาต่อต้านอเมริกา อเมริกาเองก็สร้าง “แนวร่วมต่อต้านสเปน” ขึ้นมาในคิวบาจนเกิดการปะทะกันเป็น “สงครามกลางเมือง” ( ปัจจุบันมีหลายส่วนของโลกก็ถูกเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ ) สุดท้ายพอเกิดเรื่องนี้ อเมริกาถือโอกาสบีบสภาให้ส่งทหารไปอ้างปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองในคิวบาจนกลางเป็นสงครามใหญ่ครบสูตร สเปนต้องทำสงครามหลายหน้าหลายสมรภูมิทั้งคิวบา เปอร์โตริโก้ กวม ฟิลิปปินส์ คาร์โรไลน์ จนสุดท้ายสเปนพ่ายแพ้ต้องเสียอาณานิคมเกือบทั้งหมดให้กับอเมริกาไปในที่สุด ในปี 1898

... ในกรณีของคิวบานั้นหลังจากอ้างว่ามาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยให้เป็นเอกราชจากสเปน แต่พอสเปนแพ้ อเมริกาก็หวังจะมาเป็นเจ้าอาณานิคมใหม่แทน เปิดโฉมหน้าปีศาจที่แท้จริงออกมา จนชาวคิวบาต้องออกแรงทำสงครามกับอเมริกาอีกรอบ และเป็นความแค้นฝังใจและไม่เคยไว้ใจรัฐบาลอเมริกาอีกต่อไปในสายตาของคนคิวบา จนถึงปัจจุบัน 2017

... จากปี 1898 สเปนก็ตกต่ำลงมาเรื่อยๆ ภายนอกแพ้อเมริกา เสียอาณานิคม ขาดรายใต้จากอาณานิคมทั่วโลก เศรษฐกิจตกต่ำ และก็เกิดการแตกแยกแย่งชิงอำนาจกันภายในเหมือนกรรมตามสนอง ทั้งแคว้นคาตาลุนญ่าก็ต้องการแยกตัวเป็นอิสระเอกราชยาวมาจนวันนี้แต่ไม่เคยสำเร็จ

... ในปัจจุบัน สิ่งที่สเปนเคยทำนายเอาไว้ว่า “อเมริกา” จะไปยึดและล่าเอาดินแดนอาณานิคมทุกที่ ที่สเปนไปถึงนั้นเป็นความจริงแล้ว โดยใช้รูปแบบยุทธวิธีทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ที่คาดไม่ถึงและอ่านออกยากในสายตาของคนทั่วไป ทั้ง Hard และ Soft Power ในการครองโลกตามนโยบาย “การจัดระเบียบโลกใหม่”

... และสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่าง “สงครามสเปนกับอเมริกา” นั้นก็สามารถเปิดเผยให้เห็นบางส่วนของกลยุทธ์และเล่ห์เหลี่ยมของอเมริกาในการเข้าไปปั่นป่วนเพื่อจะครอบครองโลกได้ การเข้าใจอดีตสามารถเข้าใจปัจจุบัน เพื่อจะรู้เท่าทันและเตรียมตัวพร้อมป้องกันประเทศเราได้


https://en.wikipedia.org/wiki/Spain–United_States_relations
https://en.wikipedia.org/wiki/American_Civil_War
https://en.wikipedia.org/wiki/War_of_1812
https://en.wikipedia.org/wiki/War_of_the_Sixth_Coalition

 

Jeerachart Jongsomchai

... "แคว้นคาตาลุนญ่า กับความเหมือน ภาคใต้ไทย"



... ในช่วงคริศตสรรษที่ 8 ที่กองทัพมุสลิมได้ตีและยึดครองคาบสมุทรไอบีเรียได้เกือบหมดและภาคใต้ของฝรั่งเศศบางส่วนนั้น คาตาลุนย่า ถูกอิทธิพลอิสลามปกครองน้อยที่สุด เพราะได้รับการปกป้องจากกองทัพฝรั่งเศส ( ฝรั่งเศสอาจจะมองว่าเอาคาตาลุนยา เป็นรัฐกันชนของตนเองด้วย ) และสุดท้ายฝรั่งเศสก็ปกป้องได้สำเร็จและคาตาลุนย่าก็เป็นเมืองใต้อาณัติของฝรั่งเศสนานกว่าเกือบสองร้อยปี

... ในอดีตนั้น ปี 1469 ช่วงที่แคว้นคาสติลล์ได้รวมกับอารากอนที่คาตาลันเป็นส่วนหนึ่งได้รวมกันโดยการอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงอิสซาเบลล่าแห่งคาสติลล์กับเจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอนเพื่อต่อต้านและทำสงครามกับกองทัพมุสลิมจนพ่ายแพ้ในปี 1492 แต่หลังจากนั้นความสันพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ไม่ราบรื่น จนมีการอยากแยกกันอีกครั้ง ในปี 1492 นั้นมีการค้นพบทวีปอเมริกาโดยนักเดินเรือคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทำให้มีการปล้นเงินทองคำสมบัติมีค่าและทรัมพยากรจากดินแดนอาณานิคมมากมายมาสร้างความมั่งคั่งให้สเปน

... แต่ความมั่งคั่งของการค้นพบอเมริกาถูกเก็บไว้ที่แคว้นคาสติลล์ ไม่ตกถึงท้องแคว้นตาลาลันเลย และคนคาตาลันก็ไม่สามารถจะไปตั้งถิ่นฐานในอเมริกาได้เหมือนคนสเปนจากแคว้นอื่นๆ โดยเฉพาะชาวอัลดาลุส ทางภาคใต้ที่มีอิทธิพลอิสลามเดิมได้ย้ายไปตั้งรกรากใหม่ที่่อเมริกามากมาย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวคาตาลุนย่า ที่คิดว่าอำนาจและผลประโยชนจากดินแดนอาณานิคมไปตกที่แคว้นคาสติลล์ที่มีเมืองมาดริดเป็นศูนย์กลางอยู่หลังจากการรวมประเทศ

... และในปี 1640 แคว้นคาตาลันในอารากอนที่กำลังถูกทอดทิ้ง กดดันและหมดทางไป เพราะทางตะวันออกอาณาจักรอ๊อตโตมันของชาวเติร์กอิสลามก็รุ่งเรืองเกินหน้าไป ทางตะวันตกพวกสเปนมาดริดคาสติลลืก็รุ่งเรืองมาก ตัวเองไปไหนไม่ได้ ก็ประกาศเอกราชจากคาสติลล์มาดริด โดยมีกองทัพฝรั่งเศสให้ท้ายช่วยเหลือตามเดิม เพราะฝรั่งเศสตอนนั้นก็แข่งกันเป็นเจ้าอาณานิคมในการล่าเมืองขึ้นแก่สเปนด้วย การดึงคาตาลุนย่าออกจากสเปนจึงคือการบ่อนทำลายศัตรูคู่แข่งอีกทางหนึ่ง กองทัพสเปนจากคาสติลล์ต้องใช้เวลากว่า 19 ปี ในการรบชนะและเอาคาตาลุนย่ากลับมาเป็นของสเปนอีกครั้ง ช่วงก่อนอาณาจักรอ๊อตโตมันของอิสลามทางฝั่งตะวันออกจะรุ่งเรืองนั้น บาร์เซโลน่าของคาตาลุนย่า เคยเป็นเมืองการค้า การเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนเมื่ออ๊อตโตมันแข่งแกร่งและคาสติลล์ตัดกำลัง ทำให้คาตาลุนย่าอ่อนแอและลดความสำคัญลงเรื่อยๆ

... และช่วงศตวรรษที่ 19 ที่สเปนอ่อนแอ ที่แพ้สงครามต่ออเมริกา ทำให้เกิดกระแสต่อต้านสเปนและแยกตัวออกจากสเปนกลาง หรือในความหมายของชาวคาตาลุนย่า ก็คือการแยกตัวออกจากอิทธิพลของแคว้นคาสติลล์ให้ได้เสียที

... เมื่อ 18 สิงหาคม 2017 ปีนี้ มีการก่อการร้ายในเมืองบาร์เซโลน่าในแคว้นคาตาลุนย่าของสเปนและมีการออกมาประกาศว่าเป็นผลงานชองกลุ่ม ไอซิส ที่มีอีแร้งสร้างขึ้นมาป่วนยุโรป

... เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มีการประท้วงการเพื่อเรียงกร้องให้ประชามติเพื่อเป็นเอกราชจากสเปน จนเกิดการปะทะกันบาดเจ็บหลายร้อยคน

... แคว้นกาตาลุนย่าอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็น “เมืองชุมทาง” เมืองผ่านที่สำคัญของสเปน และฝรั่งเศส มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาช้านาน มีความแตกต่างด้านวัฒนธรรม และภาษาที่ไม่ได้เหมือนกับคนส่วนใหญ่ เป็นเมืองอุตสาหกรรม มีขนาดเศรษฐกิจถึง 1 ใน 5 ของทั้งประเทศ และคิดสัดส่วนในการเสียภาษีเข้ารัฐถึง 21 เปอร์เซ็นต์ มี "บาร์เซโลนา" เป็นหัวใจสำคัญของพื้นที่ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศต่างก็พุ่งตรงที่อุตสาหกรรมในพื้นที่นี้

... ช่วงที่อเมริกาเลิกโดดเดี่ยวตัวเอง และเริ่มล่าอาณานิคมใหม่นั้น อเมริกามีนโยบายหลักอย่างหนึ่งนั้นคือ New World Order หรือ "การจัดระเบียบโลกใหม่" หลักการก็คือการจะเข้ามามีอำนาจในการเป็นมหาอำนาจใหม่แทน เจ้ามหาอำนาจเดิม ที่พวกเขาเรียกว่าโลกเก่า อย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ฮอลันดา และหนึ่งในนั้นก็คือการส่งเสริมสนับให้หัวเมืองใหญ่น้อยที่แตกต่างกันทางประวัติศาสตร์แยกตัวออกจากอาณานิคมหรือส่วนหนึ่งของประเทศเจ้าอาณานิคม เช่น สนับสนุนชาวมุสลิมต่อต้านฮอลันดาในอินโดนีเซีย ช่วยเหลือชาว คิวบา ฟิลิปปินส์ต่อต้านสเปน

... ถ้ามองจะเห็นว่า เหตุการณ์ในภาคใต้ของไทย กับคาตาลุนย่า มีความคล้ายกันมาก ตั้งแต่ในอดีตที่มีการพยายามแยกคาตาลุนยาออกจากสเปนเพื่อทำให้สเปนลดพลังและอำนาจลดลง ขณะที่บ้านเราในบางช่วงก็มีเพื่อนบ้านจากแดนติดกันและจากชาวอาหรับแดนไกลเข้ามาตั้งกลุ่มป่วนอย่างจริงจัง กรณี 18 สิงหาคม 2017 นั้น เป็นครั้งแรกที่ไอซิสประกาศตัวในการโจมตีสเปนที่เมืองบาร์เซโลน่าจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และรู้กันดีว่าไอซิสเป็นเด็กของใคร ดังนั้นจึงเป็นการทำให้สเปนอ่อนแอและเป็นประเทศที่เล็กลงกว่าเดิมอีก เหมือนที่ตุรกีก็ต่อต้านการเกิดของรัฐหรือประเทศเคิร์ดสุดตัวเหมือนกัน

... ถ้ามีการเดินประท้วงเพื่อขอแยกตัวเป็นอิสระของรัฐเท็กซัส และ ลอสแองเจลลิสจาก อเมริกาๆคงจะไม่ยอมเพราะผิดกฎหมายของประเทศ แต่ตอนนี้ต้องระวังประเทศของเราให้ดี เพราะมีความคล้ายคลึงกันมากระวังอย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดกับไทย เพราะคราวที่แล้ว พวกเขาก็เอาประวัติศาสตร์ล้านนาครึ่งเดียวมาเพื่อทำให้คนล้านนา คิดจะแยกตัวออกจากไทยมาแล้ว ทั้งๆที่เป็นคนตระกูลไต ลาวเหมือนกัน

... เขาเร่งหนักมากช่วงนี้ หวังว่าการซื้ออาวุธเครื่องบินมากมาย อาจจะชะลอเหตุการณ์รุนแรงได้บ้าง

https://www.theguardian.com/world/l...van-driven-into-crowd-in-las-ramblas-district
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/775359
https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Catalonia

 

Jeerachart Jongsomchai

... “เรื่องราวของสเปนและแคว้นคาตาลัน”



... 1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราชมีหลายชนเผ่าที่เข้ามาครอบครองดินแดนคาบสมุทรไอบีเรียนแห่งนี้ ทั้งเคลท์ คาร์เทจ ฟีนีเซีย กรีก โรมัน
หลังสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 ถือได้ว่าคาบสมุทรไอบีเรียเกือบทั้งหมดตกอยู่ภายใต้อำนาจของโรม หลังจากที่ขับไล่ชาวคาร์เทจออกไปแล้ว การเข้าครอบครองดินแดนก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว “ฮิสปาเนีย” หรือชื่อภาษาโรมันที่เรียกดินแดนแถบนี้ในโบราณ ก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจโรมัน ตั้งแต่ 300 ปี ก่อน ค.ศ. จนถึง คริสต์ศตวรรษที่ 5

... ในคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 ชาวฮั่น หน้าตาเอเชีย (Huns) ซึ่งมาจากเอเชียกลางได้เข้าโจมตีและผลักดันชนเผ่าเยอรมันให้เข้ามาในเขตแดนของจักรวรรดิโรมัน ชนเผ่าเหล่านี้ได้หนีและร่นลงมาสร้างความวุ่นวายและก่อสงครามกับโรมันตามภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้จักรวรรดิค่อย ๆ อ่อนแอลง หลายเผ่าของเยอรมันและโรมันได้รับผลกระทบไปด้วย เผ่าเยอรมันเหล่านั้นได้เข้ามารุกรานโรมันแทน และจนสุดท้ายโรมันก็แตกในปี 476 โดยจากนั้นชาววิซิกอธที่เป็นเผ่าเยอรมันกลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลในคาลสมุทรไอบีเรียนแทน และเมื่ออำนาจใหญ่จากโรมันหมดลง อำนาจย่อยๆต่างก็แย่งกันเป็นอิสระและความยิ่งใหญ่ ที่นำมาซึ่ง สงครามกลางเมือง กลางคาบสมุทรไอบีเรีย

... ในปี 711 ชาวมัวร์ที่นับถืออิสลามจากอาฟริกาเหนือ ที่อยู่ภายใต้กษัตรริย์ราชวงศ์อุมัยยะห์เริ่มเข้ามาในดินแดนไอบีเรีย ในที่สุดเมื่อ ค.ศ. 718 ชาวมุสลิมก็มีอำนาจครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของคาบสมุทร และเรียกชื่อดินแดนฮิสปาเนียส่วนที่ชาวมุสลิมครอบครองว่า "อัลอันดะลุส" (Al-Andalus) เหลือเพียงอาณาจักรคริสต์ที่ อัสตูเรียส กันตาเบรีย และ บาสก์ซึ่งต้านกำลังมุสลิมไว้ได้และเริ่มการพิชิตดินแดนคืน (Reconquista) ผู้ปกครองของอัลอันดะลุสมีตำแหน่งอยู่ระดับเอมีร์ ( ผู้นำ ) โดยขึ้นกับกาหลิบอัลวะลีดที่ 1 แห่งราชวงศ์อุมัยยะห์ที่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ( ปัจจุบันคือเมืองดามัสกัส เมืองไม่กี่เมืองในโลก ที่เป็นเมืองโบราณหลักพันปีก่อน ที่ยังคงมีลงหายใจสืบทอดความเป็นเมืองต่อมาจนถึงปัจจุบัน เช่น โรม แบกแดด เป็นต้น )

... ระหว่างที่อิสลามปกครองสเปน ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมถูกบังคับให้ยอมรับกฎหมายไม่เป็นธรรมซึ่งส่งเสริมสถานะของศาสนาอิสลามให้อยู่เหนือศาสนาคริสต์และศาสนายิวในสังคม จึงมีชาวคริสต์จำนวนหนึ่งในอัลอันดะลุสเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามโดยหวังจะได้รับสิทธิในสังคมเท่าเทียมกับชาวมุสลิม เช่น จ่ายภาษีน้อยลง หรือไม่ต้องเป็นทาสหรือข้าติดที่ดินอีกต่อไป ซึ่งเรียกพวกนี้ว่า "มูลาดีเอส”

... หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 750 ราชวงศ์อุมัยยะห์ ก็ถูกราชวงศ์อับบาซิดจากกรุงแบกแดดขับลงจากอำนาจ กลุ่มผู้นำที่หลงเหลืออยู่ซึ่งมีเจ้าชายอับดุรเราะฮ์มานเป็นผู้นำได้หลบหนีมาที่ไอบีเรียและท้าทายอำนาจของราชวงศ์อับบาซิดด้วยการประกาศให้กอร์โดบาเป็นอิสระ ด้วยเหตุนี้ อัลอันดะลุสจึงประสบความขัดแย้งทั้งภายในหมู่ชาวอาหรับด้วยกันเองและกับชาววิซิกอท-โรมัน (ชาวคริสต์) ที่ยังอาศัยอยู่ในคาบสมุทรไอบีเรีย

... ล่วงมาถึงในคริสต์ศตวรรษที่ 10 เจ้าชายอับดุรเราะฮ์มานที่ 3 ก็ได้จัดตั้งอาณาจักรกาหลิบแห่งกอร์โดบา Caliphate of Córdoba ขึ้น ซึ่งถือเป็นการตัดสัมพันธ์กับกาหลิบแห่งแบกแดดอย่างสิ้นเชิง

... และจุดเปลี่ยนอำนาจก็มาถึง ในปี ค.ศ. 1031 อาณาจักรกาหลิบแห่งนี้ต้องแตกออกเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ กว่า 40 แห่ง รวมเรียกว่า กลุ่มอาณาจักรไตฟา (Taifas) ผู้ปกครองของแต่ละอาณาจักรนี้ก็แข่งขันกันเองไม่เพียงแต่ในการสงครามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปกป้องคุ้มครองศิลปะอีกด้วย ทำให้วัฒนธรรมมุสลิมรุ่งเรืองขึ้นอีกในช่วงสั้น ๆ จุดนี้เองที่ผู้ปกครองอิสลามในไอบีเรียเริ่มอ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม ไตฟาแต่ละแห่งค่อย ๆ สูญเสียดินแดนให้กับราชอาณาจักรคริสต์ทางเหนือ เอมีร์หรือผู้ปกครองชาวมุสลิมของไตฟาจึงไปขอความช่วยเหลือจากดินแดนภายนอกถึง 2 ครั้ง คือ จากราชวงศ์อัลโมราวิด จากอาฟริกาเหนือที่เป็นอิสลามเหมือนกัน หลังจากที่เสียโตเลโดไปในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1085 และจากนั้น “ชาวคริสต์หลายแคว้นก็รวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านอิสลาม” ของราชวงศ์อัลโมฮัด จนในปี ค.ศ. 1212 กองทัพอัลโมฮัดได้พ่ายแพ้ต่อกองทัพชาวคริสต์ซึ่งเป็นพันธมิตรระหว่างราชอาณาจักรคาสตีล นาวาร์ อารากอน เลออนและโปรตุเกส จนกระทั่งเมื่อถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวมุสลิมก็เสียกอร์โดบาและเซบียาไป เหลือกรานาดา

... ในปี 1469 จุดเปลี่ยนที่สำคัญก็มาถึง เมื่อเจ้าหญิงอิซาเบลลาแห่งแคว้นคาสตีล ได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งอารากอน ทำให้ชาวคริสต์แข็งแกร่งขึ้น และสุดท้ายก็นำชาวคริต์เอาชนะกองทัพอิสลามจนพ่ายแตกในปี 1492 ปีเดียวที่โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา และชาวยิวกับชาวอิสลามก็มีสองทางเลือกคือ เปลี่ยนมานับถือและเป็นชาวคริสต์ หรือก็ต้องอพยพย้ายหนี หรือตายเท่านั้น จาก ปี 711 - 1492 เป็นเวลา 781 ปีที่ผู้นำอิสลามปกครองสเปน

... และจากจุดที่มีการอภิเษกสมรสเพื่อผลทางการเมืองนั้น ก็ได้นำไปสู่การรวมเป็นประเทศสเปนในเวลาต่อมา เมื่อค้นพบอเมริกาก็มีการปล้นทองคำจากดินแดนอาณานิคมในทวีปอเมริกา ทำให้สเปนกลายเป็นเจ้าอาณานิคมทางทะเลในภายหลัง

... “แคว้นอารากอน” ในอดีตก็มีดินแดนคาตาลัน หรือคาโลเนีย อยู่ในนั้นด้วย ที่เป็นที่ตั้งของเมืองบาร์เซโลน่า เมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของยุโรปที่นำเงินจากการท่องเที่ยวเข้าประเทศสเปนมากมาย จนรัฐบาลสเปนต้องเอาไปเฉลี่ยช่วยเหลือดินแดนอื่น จนทำให้ชาวเมืองและในแค้นนี้ไม่พอใจจนอยากแยกตัวออกมากจากประเทศสเปนตลอดมา และก่อนหน้าการอภิเษกสมรสครั้งนั้น บริบทของคาบสมุทรไอบีเรียนั้น ต่างคนต่างอยู่แย่งกันเป็นใหญ่ หลังจากจักรวรรดิโรมันแตกเป็นต้นมา

... การแย่งบัลลังค์ภายในและการก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจใหม่ของอังกฤษ ( ที่ปล้นเรือบรรทุกทองคำของสเปนแบบน่าเกลียดจนเป็นที่มาของโจรสลัดแห่งคาริบเรียน ) และฝรั่งเศส ทำให้สเปนเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เสียเมืองขึ้นในอเมริกาใต้ ทั้งเปอร์โตริโก ฟิลิปปินส์ กวม ให้อเมริกา หลังจากแพ้สงครามกับอเมริกามหาอำนาจดาวรุ่งป้ายแดงในปี1898 รัฐบาลเริ่มอ่อนแอ เมื่อไร้เมืองขึ้นทรัพยากรผลประโยชน์เศรษฐกิจก็ตกต่ำลง บ้านเมืองก็ปั่นป่วน

... "หายนะ" ในปี 1898 ได้ก่อให้เกิดกลุ่ม 98 ซึ่งเป็นกลุ่มของรัฐบุรุษและปัญญาชนที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลชุดใหม่ขึ้น นอกจากนี้ ขบวนการอนาธิปไตยและฟาสซิสต์เริ่มก่อตัวขึ้นในสเปนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในปลายเดือนกรกฎาคม 1909 รัฐบาลเรียกเกณฑ์กำลังสำรองอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อส่งไปรบและรักษาดินแดนอาณานิคมในโมร็อกโก ทำให้ชนชั้นแรงงานในเมืองบาร์เซโลนา ของ “แคว้นคาตาลัน” หรือ คาตาโลเนีย และเมืองอื่น ๆ ไม่พอใจอย่างมาก จึงนัดหยุดงานประท้วงและก่อการจลาจลโดยได้รับการสนับสนุนจากพวกอนาธิปไตย พวกต่อต้านทหาร และพวกสังคมนิยม นำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังของรัฐบาลกับชนชั้นแรงงานซึ่งเรียกกันว่า สัปดาห์แห่งโศกนาฏกรรม ผลคือฝ่ายหลังถูกปราบปรามอย่างรุนแรงและเสียชีวิตไปมากกว่าร้อยคน

... และนั่นก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนที่ทำให้ “แคว้นคาตาลัน” หรือ คาตาโลเนีย อยากจะแยกตัวเป็นเอกราชอีกครั้ง หลังจากในอดีตพวกเขาเคยเป็นแคว้นอิสระหรือในชื่อเดิมอย่าง “แคว้นอารากอน”

... และจากนั้นก็เกิด “สงครามกลางเมืองขึ้นในสเปน” จนยาวมาตลอดเมืองใหญ่ๆหลายเมืองจับกลุ่มกันเพื่อต่อสู้กับอีกหลายเมืองที่แนวคิดทางการเมืองต่างกันออกไป จนสุดท้ายทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบหนึ่งล้านคน และในที่สุดนายพลฟรังโก้ก็ปกครองยึดอำนาจได้เด็ดขาด ปกครองสเปนมาจากปี 1936 – 1975 ที่แม้ทำให้ประเทศสเปนเป็นเอกภาพแต่คลื่นใต้น้ำสมัยก่อนนั้นโดยเฉพาะจากเมืองใหญ่ๆอย่างแคว้นคาตาลัน หรือ แคว้นบาสก์ ต่างก็ยังฝังใจและอยากจะแยกตัวออกมาเพื่อปกครองตนเองตลอดเวลา โดยเฉพาะ แคว้นคาตาลันที่เมืองบาร์เซโลน่า เป็นเมืองใหญ่และทำเงินเข้าประเทศมากมาย และไม่พอใจที่ต้องจ่ายภาษีอุ้มเมืองอื่นๆของประเทศ ( แบบที่ลอสเองเจลลิส ของอเมริกาต้องการแยกตัวออกจากอเมริกาแต่ติดที่กฎหมายอเมริกาไม่ยอม จึงหมดสิทธิ์จะทำการโหวตเพื่อออกจากอเมริกาได้ )

... จนเมื่อล่าสุด ก็มีการเดินประท้วงศาลสูงสุดของสเปนที่ห้ามไม่ให้มีการโหวตประชามติเพื่อจะขอแยกตัวออกจากสเปน จนทำให้มีการบาดเจ็บหลายคน

... สเปนก็เหมือนอ๊อตโตมัน และประเทศตุรกีในปัจจุบัน ของ ชาวเติร์ก ที่ถ้าชาวเคิร์ดตั้งเป็นประเทศอีก ประเทศก็จะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ ดังนั้นพวกเขาชาวสเปนจึงไม่ยอมให้แคว้นคาตาลันแยกเป็นประเทศเอกราชอย่างแน่นอน

https://th.wikipedia.org/wiki/ประวัติศาสตร์สเปน
https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Catalonia
https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Spain

 

Jeerachart Jongsomchai
... “อิหร่านจับมือกับกาต้าร์ ตัวเปลี่ยนเกมของสงครามซีเรีย, เยเมนและแนวท่อแก๊ส”



... 23 สิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา แทนที่ “กาต้าร์” จะถอนความสัมพันธ์กับ “อิหร่าน” ตามการบีบคอหอยจากการบังคับของ “ซาอุดิอาระเบีย” ผู้ที่พยายามสร้างภาพว่าเป็นพี่ใหญ่แห่งนิกายซุนหนี่ แต่กลายเป็นว่าวันนั้น กาต้าร์กลับรื้อความสัมพันธ์กลับไปตั้งเอกอัครราชทูตกลับไปประจำที่กรุงเตหะรานเมืองหลวงของอิหร่านเหมือนเดิม เหมือนกับว่าไม่แคร์ซาอุดเลย และเหมือนจะบอกว่า แม้ว่าอิหร่านจะเป็นพี่ใหญ่ของนิกายชีอะห์ แต่กาต้าร์ก็สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ ( จริงๆแล้ว ซาอุดิอาระเบีย ก็ทำธุรกิจมากมายกับนายทุนคนยิว คนฝรั่งที่นับถือศาสนาคริสต์มากมาย ที่ในคัมภีร์กล่าวถึงในเชิงเป็นฝ่ายตรงข้ามของอิสลามด้วยซ้ำ แต่บางนิกายตีความว่า ชีอะห์นั้นเป็นศัตรูร้ายแรงต่อซุนหนี่มากกว่ายิว คริสต์ โดยเฉพาะอุลามะจากฝั่งซาอุด )

... กาต้าร์ ก็เหมือนตุรกีที่เป็นตัวละครที่สำคัญใน “สงครามซีเรีย” ที่เป็นปลายทางของการต่อสู้กันระหว่าง การสร้างทางเดินท่อแก๊สจาก North Dome , South Pars “สายอิหร่าน อิรัก ซีเรีย” หรือเข้าใจได้ว่า “สายท่อแก๊สชีอะห์” ที่มี “รัสเซีย” หนุนหลัง กับอีกทางคือ “สายซุนหนี่ ” ที่จะเดินท่อแก๊สผ่าน กาต้าร์ ซาอุดิอาระเบีย ไปซีเรีย ที่อเมริกา อิสราเอล ซาอุดิอาระเบียหนุนหลัง ที่มีข้อแม้ว่าต้องทำให้ซีเรียถูกปกครองโดยผู้นำนิกายซุนหนี่ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศให้ได้ก่อน โดยการสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทั้งอาวุธ การเงิน และการฝึกรบเพื่อโค่นล้มอัลอัสสาด

... “กาต้าร” จึงคือ “ตัวเปลี่ยนเกม” ของสงครามซีเรียอย่างแท้จริง กาต้าร์พยายามคานอำนาจคบทั้งสองฝั่ง เพราะว่าแหล่งพลังงานแก๊สนั้นก็อยู่ติดกับอิหร่านย้ายทะเลไม่ได้ ยังไงก็ต้องคบต่อไป ขณะที่พี่ใหญ่ทั้งซาอุดและอเมริกาไม่ยอมแบบนั้นแน่ จึงออกมาตรการตัดการคมนาคมทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศบีบกาต้าร์ทุกวิถีทาง แต่ยังดีที่อิหร่าน ตุรกี รัสเซีย ที่อยากขยายอิทธิพลย่านนี้อยู่แล้วเข้ามาช่วยเหลือส่งข้าว ส่งน้ำอาหารการกินให้

... ที่ผ่านมานั้น “กาต้าร์” อยู่ฝ่ายซุนหนี่เต็มตัว ต้องการร่วมสร้างเส้นทางท่อแก๊สสายผสมผ่าน กาต้าร์ ซาอุด ซีเรีย และยังสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียด้วย รวมทั้งส่งทหารไปรบในเยเมนที่ผิดกฏหมายระหว่างประเทศด้วย ( กฎหมายบอกว่าถ้าประเทศเจ้าบ้านไม่ยินยอมให้ทหารประเทศใดเข้ามา ฝืนเข้ามาถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าเยเมนยอมให้เข้า ถือว่าไม่ผิด )

... ทั้ง ตุรกีและกาต้าร์ต่างเป็นผู้สนับสนุนกลุ่ม Hayat Tahrir al-Sham, หรือในชื่อเดิม Jabhat al-Nusra ที่เป็นสาขาอัลกออิดะห์ในซีเรีย ซึ่งกลุ่มนี้เป็นตัวละครสำคัญในการพยายามยึดจุดยุทธศาสตร์ที่เมือง Idlib ในซีเรียที่ยังไม่มีฝ่ายไหนชนะอย่างชัดเจน

... ซึ่งคาดกันว่า อิหร่าน อาจจะถือโอกาสนี้เป็นช่วงเวลาทองในการเจรจากับกาต้าร์ในการปรับท่าทีในการ่วมสงครามในซีเรียและเยเมน ในเยเมนนั้น กาต้าร์เองเคยกล่าวว่าอาจจะถอนทหารออกมาแล้ว จะปล่อยให้ซาอุดเป็นฆาตกรชายเดี่ยวไปเอง

... “อิหร่าน” นั้นนอกจากกำลังเจรจากับ กาต้าร์แล้ว แล้วก็ยังเจรจากับ ”ตุรกี” ด้วยเมื่อ 8-9 เดือนสิงหาคมที่ผ่านโดยเฉพาะสถานการณ์ในเมือง Idlib นี้ ที่อาจจะทำให้ตุรกีเปลี่ยนท่าทีมาเป็นลดการสนับสนุนกลุ่ม Hayat Tahrir al-Sham, ก็ได้ ซึ่งตอนนี้ “รัสเซีย” ปูทางการทูตมาดีแล้ว ตุรกีก็เริ่มเอียงเอนมาทางฝั่งอิหร่านมากขึ้น ล่าสุดก็ร่วมมือกันในการต่อต้านการเกิดประเทศเคิร์ด ที่ฝั่งอเมริกาสร้างโจทย์ใหม่มาป่วนอีก

... ดังนั้น ตอนนี้อิหร่านจึงกำลังเจรจาเพื่อดึงกาต้าร์มาเป็นพวกแม้ว่าจะต่างนิกายกันก็ตาม เพื่อจะมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมในดินแดนแห่งอิสลามแห่งนี้ให้ได้

.
http://www.al-monitor.com/pulse/originals/2017/08/iran-qatar-reset-syria-turkey-idlib-israel-charlottesville.html
http://www.zerohedge.com/news/2016-10-24/oil-gas-war-over-syria-4-maps
https://www.globalresearch.ca/multi...g-picture-in-the-qatar-saudi-fracture/5594564

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(Oct 5) เฟดมีแผนที่ปรับกฎระเบียบสถาบันการเงิน: วานนี้นาง Janet Yellen, Fed Chair กล่าวสุนทรพจน์เปิดงานสัมมนา Community Banking ประจำปี 2560 โดยระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการปรับกฎระเบียบสถาบันการเงิน โดยจะมุ่งเน้นการบังคับใช้กฏต่างๆ แยกตามขนาดของสถาบันการเงิน ความซับซ้อนของการประกอบการ รวมถึงบทบาทในตลาดการเงินต่างประเทศเป็นหลัก
นาง Yellen กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแผนการปรับกฎระเบียบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยลดภาระต่อสถาบันการเงินขนาดเล็กเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Community bank สอดคล้องกับการกล่าวสุนทรพจน์ของนาย Jerome Powell, Fed Governor วานนี้
ทั้งนี้ นาง Yellen ไม่ได้แสดงความเห็นต่อการดำเนินนโยบายการเงินในระยะเวลาข้างหน้าแต่อย่างใด ขณะที่นาย Stanley Fischer, Fed Governor (เกษียณในเดือนนี้) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg TV ในทิศทางบวกว่า ภาวะการตึงตัวของตลาดแรงงานที่มีอย่างต่อเนื่องจะส่งผลผลักดันให้อัตราค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อขยายตัวได้ในที่สุด โดยนาย Fischer กล่าวว่า ตนยังคงมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี นาย Fischer ประเมินว่า กระบวนการส่งผ่านระหว่างอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำสู่แรงกดดันด้านอัตราค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อนั้นมีแนวโน้มใช้เวลานานกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ นาย Fischer ให้ความเห็นต่อคุณสมบัติของ Fed Chair ในสมัยหน้าว่า ควรเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นทางความคิด และเป็นผู้นำพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต
Source: BOTSS
เพิ่มเติม
1. Fed chief needs "flexibility of mind" in tough times: Fischer:
http://www.reuters.com/article/us-u...-of-mind-in-tough-times-fischer-idUSKCN1C91L6

2. Yellen Says Fed Should Make Sure Bank Rules Aren’t Too Burdensome:
https://www.wsj.com/articles/yellen...ation-and-supervision-to-bank-size-1507144533

3. Yellen Says Fed Is Working on Tailoring Regulations to Bank Size:
https://www.bloomberg.com/news/arti...working-on-tailoring-regulations-to-bank-size

 

รายงานเผย! กลุ่มติดอาวุธในแอฟริกากลางใช้การ “ข่มขืน” เป็นอาวุธทำสงคราม เผยแพร่: 5 ต.ค. 2560 12:34:00



เอเอฟพี – กลุ่มติดอาวุธในสาธารณรัฐแอฟริกากลางกำลังใช้การข่มขืนและการบังคับเป็นทาสในฐานะอาวุธทำสงคราม ในการล่วงละเมิดที่อาจเทียบเท่ากับเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุในวันนี้ (5)

มีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายพันคนและหนึ่งในห้าของชาวแอฟริกากลางต้องพลัดถิ่นในความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นหลังจากกบฏชาวเซเลกาที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมขับไล่ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โบซีเซ เมื่อต้นปี 2013 นำมาซึ่งการตอบโต้กลับจากกลุ่มชาวคริสต์ต่อต้านบาลากา

ทั้งกลุ่มเซเลกาและกลุ่มต่อต้านบาลากาต่างก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน และจับพลเรือนเป็นทาสเพื่อเป็นการล้างแค้นต่อผู้ที่พวกเขาเชื่อว่าสนับสนุนอีกผ่าย ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าว

ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีสมาชิกของสองกลุ่มนี้คนไหนถูกจับกุมหรือถูกไต่สวนฐานล่วงละเมิดทางเพศซักคนเดียว

“กลุ่มติดอาวุธกำลังใช้การข่มขืนอย่างป่าเถื่อนเป็นวิธีในการลงโทษและทำให้ผู้หญิงและเด็กสาวหวาดกลัว” ฮิลลารี มาร์โกลิส นักวิจัยของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวภายหลังออกรายงานบันทึกคดีข่มขืนและใช้ผู้หญิงและเด็กสาวเป็นทาสทางเพศ 305 คดี

“ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ความผิดเหล่านี้อาจถูกพิจารณาเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม” ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าว

เหยื่อบอกกับฮิวแมนไรท์วอทช์ว่า กลุ่มติดอาวุธข่มขืนพวกเธอต่อหน้าลูกๆ ของพวกเธอบ่อยแค่ไหน อีกทั้งทารุณ ทำร้าย และสังหารญาติของพวกเธอด้วย







ผู้หญิงและเด็กหญิงจำนวนมากถูกเฆี่ยน มัด เผา และรุมโทรมครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่ถูกจับเป็นทาสกาม ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าว

“ทุกๆ วันเราไม่ได้พักผ่อนเลย ทุกๆ วันเราถูกข่มขืนโดยนักรบไม่ซ้ำหน้า” จอง วัย 30 ปีที่ถูกนักรบเซเลกาจับตัวไว้นาน 6 เดือนในปี 2014 บอกกับฮิวแมนไรท์วอทช์

ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า การไม่นำคนร้ายมาลงโทษและระบบยุติธรรมที่บิดเบี้ยวทำให้เหยื่อไม่สามารถปริปากได้

จากผู้รอดชีวิตทั้งหมด 296 คนที่ฮิวแมนไรท์วอทช์สัมภาษณ์ มีเพียง 11 คนเท่านั้นที่ระบุว่า พวกเธอพยายามเรียกร้องความยุติธรรม ในขณะที่เหยื่อบางคนกลับถูกกล่าวโทษเสียเอง ส่วนคนอื่นๆ ถูกบอกให้ชี้ตัวคนร้ายเองเพื่อนำสู่การจับกุม

เหยื่อส่วนใหญ่ระบุว่า พวกเธอไม่ได้รับการดูแลการทางแพทย์หลังถูกข่มขืนหรือการดูแลสุขภาพจิต เช่นยาป้องกันเชื้อเอชไอวีและการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ ค่าบริการ หรือค่าเดินทาง และมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับทางเลือกของตนเอง

การสังหารและการข่มขืนพลเรือนอย่างแพร่หลายของกลุ่มติดอาวุธในสาธารณรัฐแอฟริกากลางซึ่งการสู้รบรนแรงเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ยังได้รับการยืนยันจากองค์การสหประชาชาติและกลุ่มสิทธิอื่นๆ เช่นแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนลด้วย

องค์การสหประชาชาติกำลังช่วยรัฐบาลจัดตั้งศาลอาชญากรรมพิเศษจากความเห็นร่วมกันในปี 2015 เพื่อไต่สวนอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไร้ชายฝั่งแห่งนี้

 

สัญญาณมหากลียุค Signs of the end in Current Events
ความยากลำบากจะตกแก่แผ่นดินโลกในช่วงเวลาถัดไป
ความยากลำบากอันยิ่งใหญ่ของชาวยิวในช่วงเวลาถัดไปซึ่งได้แสดงสัญลักษณ์อย่างแม่นยำในวันในเทศกาลเสียงแตรหรือ yom teruah (วันที่สวรรค์ปลุกคนให้ตื่นสำหรับช่วงเวลาถัดไป!)

*ชาวยิวคือใคร ไซออนนิส์มคือใคร อยากทราบความจริงต้องศึกษากลุ่มคน "สิบสองเผ่า" โบราณก่อนเป็นอิสราเอลปัจจุบัน?
ไซออนนิส์มกำลังเดินละเมอหลับไปหาความตาย ..!!
ไม่เพียงแต่ผู้นำแต่ละกระทรวงในสหรัฐที่จะนำความตายไปสู่ชาวอเมริกันผ่านรัฐระเบียบรากลึก แต่โดยเฉพาะไซออนนิมส์ในอิสราเอลกำลังนำการตายสู่อิสราเอลเช่นกัน?
เนทันยาฮูไม่สนสันติภาพแต่จะเดินลุกฆาติตั้งอานาจักร
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลสาบานที่จะสร้างถิ่นฐานเพิ่มเติมพื้นที่ที่เป็นหัวใจของเวสต์แบงก์ http://www.breakingnews.ie/world/is...west-bank-settlement-and-annex-it-808369.html
ยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้นำ ฮิซบุลลอฮ์ ได้เตือนให้ยิวออกจากพื้นปาเลสไตน์ด่วนก่อนการบุก
Hassan Nasrallah เตือนสงครามกำลังมา!
เขากล่าวว่าองค์กรของเขาไม่ต้องการสงครามกับชาวยิว แต่กับไซโอนิส "ข้าพเจ้าเรียกร้องให้ทุกคนที่เข้ามายึดครองปาเลสไตน์เดินทางกลับออกไปยังดินแดนที่คุณมา คุณๆต้องไม่เป็นเชื้อไฟในการทำสงครามใดๆ ที่เกิดจากรัฐบาลที่โง่เขลาของคุณ ...รัฐบาลนาทานนาฮูกำลังนำประชาชนของคุณไปสู่ความหายนะและการทำลายล้าง เขากำลังพยายามที่จะนำพื้นที่เข้าสู่สงครามในซีเรียและเลบานอน นาทานนาฮูและรัฐบาลของเขาไม่ทราบว่าสงครามจะสิ้นสุดลงอย่างไร หากพวกเขาเริ่มต้นและพวกเขาไม่มีภาพที่ที่สวยสดงดงามหากพวกเขาเริ่มใช้ความโง่เขลาของสงคราม"
..
จงระวังการทำลายของพระเจ้าอย่างฉับพลัน!!
โลกจะเดินต่อไปได้ก็ต่อเมื่อเกิดสันติภาพขึ้นในใจ สันติภาพก็คือสันติธรรม สันติธรรมก็คือศิวิไลย์ในใจคน สันติภาพยังหมายรวมถึงการอยู่รวมกันในโลกอย่างสันติสุข เอื้ออารีย์หรือการปรองดองเอื้อเฟื้อจัดสรรปันส่วนอย่างเท่าเทียม .. ในโลกของนักรบฝ่ายวิญญาณสันติภาพคือการกลับใจหันหน้าหาพระเจ้า การหยุดกิจกรรมใดๆที่สวนทางกับการทำลายจิตวิญญาณตนเองที่ต้องเดินทางต่อ แต่เมื่อแต่ละคนแต่ละอำนาจไม่! จงระวังการทำลายของพระเจ้าอย่างฉับพลัน!!
..
"พวกมันเป็นวิญญาณของผีมารที่ทำหมายสำคัญต่างๆ มันออกไปหาปวงกษัตริย์ทั่วโลกเพื่อระดมกษัตริย์เหล่านั้นมาทำสงครามในวันยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์" วิวรณ์ 16
เริ่มตั้งแต่รัฐบาลโอบาม่า - ทรัมป์
ซึ่งได้ตะเวณทั่วยุโรป ดึงประเทศโน้นประเทศนี้เป็นพันธมิตรและบริวาร พร้อมกันนี้ได้ขายอาวุธขนาดจำนวนต่างๆให้กับชาติต่างๆ ......
..
ฝั่งรัสเชียตอนนี้เสร็จสิ้นฝึกซ้อมรบ ...
เพียงไม่กี่วันหลังจากสรุปผลการฝึกทางทหารที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยกระทรวงกลาโหมกล่าวว่ารัสเซียมีการ เตรียมความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ของความขัดแย้งทางทหารกับกลุ่มประเทศนาโต!
กับการฝึกซ้อม Zapad รัสเซียและเบลารุสประกอบด้วยทหาร 12,700 นาย เครื่องบินประมาณ 70 ลำ รถถังและอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกันนาโต้มีการฝึกซ้อมรบ และจะฝึกซ้อมรบทางอากาศที่ลัตเวีย อ่านเพิ่มเติม http://www.zerohedge.com/news/2017-10-03/russia-fears-potential-military-conflict-nato
..
** รัสเซียยึดที่มั่นตั้งฐานทัพในที่สูงทางขั้วโลกเหนือมาพักใหญ่สำหรับความเตรียมพร้อม รอเพียงแต่อุบัติเหตุที่อาจกลายเป็นขัดแย้งทางทหาร ..
การก่อตัวทางทหาร ความโกลาหลของสังคมทั่วโลก แผ่นดินไหว - คำเตือนฟ้าสวรรค์ (ที่โพสก่อนหน้า) จึงเป็นสิ่งเตือนใจว่าคนและอำนาจต่างๆจะกลับใจสร้างสันติภาพหรือสันติธรรมให้เกิดก่อนหรือไม่.
.