ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯ ทนไม่ไหวตัดงบช่วยเหลือปากีสถาน กล่าวหาหลอกกินเงินไม่จัดการก่อการร้าย เผยแพร่: 5 ม.ค. 2561 05:40:00 ปรับปรุง: 5 ม.ค. 2561 08:51:00 โดย: MGR Online
    561000000123401.jpg

    พวกผู้สนับสนุนของกลุ่มต่างๆทางศาสนาในปากีสถาน เดินขบวนต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในเมืองลาฮอร์ ของปากีสถาน เมื่อวันอังคาร(2ม.ค.)
    รอยเตอร์ - สหรัฐฯเผยในวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) กำลังระงับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ปากีสถาน ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งบอกว่าเป็นเงินกว่า 255 ล้านดอลลาร์ จนกว่าอิสลามาบัดจะลงมือจัดการกับพวกตอลิบานอัฟกันและเครือข่ายฮักกานี

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าว โดยบอกว่า มันสะท้อนถึงความรู้สึกผิดหวังของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกรณีที่ปากีสถานไม่ดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในการจัดการกับทั้งสองกลุ่ม ซึ่งใช้แหล่งกบดานในปากีสถานลงมือโจมตีในชาติเพื่อนบ้านอย่างอัฟกานิถาน เข่น ฆ่ากองกำลังสหรัฐฯ, อัฟกัน และอื่นๆ

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดี ทรัมป์ โจมตีปากีสถานผ่านทวีตแรกของปี 2018 โดยกล่าวหาพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯแห่งนี้ โกหกหลอกหลวงเพื่อให้ได้เงินช่วยเหลือจากอเมริกา ในขณะที่ยังคงให้แหล่งกบดานพวกก่อการร้ายอยู่

    ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯปฏิเสธให้ตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะระงับเงินช่วยเหลือปากีสถานเป็นจำนวนเท่าใด โดยบอกว่ายังอยู่ระหว่างคำนวณตัวเลขอยู่ แต่บอกว่ามันจะรวมถึงเงินช่วยเหลือของทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และ กระทรวงกลาโหม ด้วย

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยว่า การระงับเงินช่วยเหลือครั้งใหม่นี้ จะเป็นจำนวนมากกว่า 255 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการลำเลียงยุทโธปกรณ์ทางทหารและเงินชดใช้สำหรับค่าปฏิบัติการต่างๆ ในการต่อต้านก่อการร้ายของปากีสถาน

    ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯได้ระงับเงินช่วยเหลืออีกก้อน 255 ล้านดอลลาร์ ในโครงการซึ่งเรียกว่าเงินสนับสนุนทหารต่างชาติ เป็นทุนสำหรับจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการฝึกฝนและบริการต่างๆ จากอเมริกา

    https://mgronline.com/around/detail/9610000001169
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หยุมหยิม! กระทรวงสาธารณสุข ห้ามหมอ-พยาบาล “ชาร์จแบตมือถือ” ในที่ทำงาน เผยแพร่: 5 ม.ค. 2561 11:03:00 ปรับปรุง: 5 ม.ค. 2561 12:22:00 โดย: MGR Online
    561000000129401.jpg

    โลกนี้ชักอยู่ยาก ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ห้ามเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชาร์จมือถือในที่ทำงาน โวยทุกวันนี้สั่งงานผ่านมือถือ - ไลน์ งานอยากได้ ผลงานอยากมี แต่ไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกน้องตัวเอง

    วันนี้ (5 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในแวดวงบุคลากรสาธารณสุขได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำหนังสือที่ สธ. 0201.04/ว 3784 ลงวันที่ 29 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา เรื่อง มาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ระบุว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แสดงเจตจำนงสุจริตในการบริหารราชการและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในตำแหน่งหน้าที่อันมิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นแบบอย่างที่ดี ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อความเชื่อมั่น ศรัทธาแก่ประชาชน

    เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกคนถือปฏิบัติ

    สำหรับมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ระบุว่า เพื่อเป็นกลไกในการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยกำหนดการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ได้แก่ ข้อ 1. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำวัสดุ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ข้อ 2. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนตัวมาชาร์จไฟในสถานที่ราชการ ข้อ 3. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ของทางราชการ ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว ข้อ 4. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐให้พนักงานขับรถยนต์ของหน่วยงาน ไปกระทำภารกิจส่วนตัว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องในหน้าที่หรือภารกิจของทางราชการ ข้อ 5. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ส่วนตัวและครอบครัวมาจอดค้างคืนในสถานที่ราชการ และข้อ 6. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ส่วนตัวมาล้างในสถานที่ราชการ

    กลไกการกำกับตามมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ข้อ 1. ผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพฤติปฏิบัติตามมาตรการ ข้อ 2. ผู้บริหารต้องเห็นความสำคัญในการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการ ข้อ 3. หน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ทราบมาตรการ ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกคนถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางวินัยและได้รับโทษทางวินัยตามควรแก่กรณี

    เฟซบุ๊กเพจ “หมออนามัยขี้mouth” ได้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าว เห็นว่า ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก งานอยากได้ ผลงานอยากมี แต่ไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกน้องตัวเอง เช่น ต้องใช้เพาเวอร์แบงก์ในการชาร์จโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันมีการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ และโทรศัพท์มือถือ รถส่วนตัวนอนบ้านพักในสถานที่ราชการ เช่น สถานีอนามัย ก็คงต้องเอาไปจอดนอกรั้ว อีกทั้งยังต้องนำรถยนต์ส่วนตัวออกปฏิบัติงานในหน้าที่ โดยใช้เงินส่วนตัวในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเห็นว่าถ้าหากใครใช้ทรัพย์สินของทางราชการเกิดความเสียหาย ก็ควรพิจารณาเป็นรายๆ ไป


    561000000129402.jpg


    561000000129403.jpg

    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000001225
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คณะกรรมการปฏิรูปพลังงาน ชงดึง กฟน.-กฟภ.สังกัดกระทรวงพลังงาน
    เผยแพร่: 4 ม.ค. 2561 20:04:00 ปรับปรุง: 5 ม.ค. 2561 08:12:00 โดย: MGR Online
    561000000116701.jpg

    คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เสนอร่างปฏิรูปพลังงาน หวังสร้างโครงสร้างราคาพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สร้างขีดความสามารถของประเทศ ฮึดอีกรอบเสนอให้โอนย้ายกฟน.- กฟภ.สังกัด ก.พลังงาน

    นายพรชัย รุจิประภา ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการได้จัดทำร่างการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานที่มีทั้งหมด 3 ด้าน 17 ยุทธศาสตร์เสร็จแล้วหลังเปิดรับฟังความคิดเห็นครบ 4 ครั้ง โดยหนึ่งในข้อเสนอ คือ เสนอให้ 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ควรอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน จากที่ ปัจจุบัน กฟน. และ กฟภ. อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากตามหลักการจะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น สมาร์ทกริด ไมโครกริด ระบบสำรองพลังงาน (Energy Storage System) การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทั้งแบบบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป ) แบบติดตั้งบนพื้นที่ดิน (โซลาร์ฟาร์ม )

    “เทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนภาพในอดีตจาก 3 การไฟฟ้า มีแหล่งผลิตจาก กฟผ. เพียงรายเดียว กลายเป็นประชาชน เอกชนผลิตไฟฟ้าใช้เองกันมากขึ้น ดังนั้น 3 การไฟฟ้า ก็ต้องมาพิจารณาว่า ทำอย่างไรการลงทุนจะไม่ซ้ำซ้อน ไปเป็นต้นทุนค่าไฟอีก ระบบสายส่ง กระบวนการผลิตไฟฟ้าทั้งหลาย ระบบโครงข่ายต่างๆ การจัดการจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายพรชัย กล่าว

    ทั้งนี้ การปฎิรูปทั้ง 17 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ข้อเสนอบริหารจัดการ 3 ยุทธศาสตร์, ด้านไฟฟ้า 3 ยุทธศาสตร์, ด้านปิโตรเลียม ปิโตรเคมี 2 ยุทธศาสตร์, ด้านพลังงานทดแทน และเชื้อเพลิงชีวภาพ 4 ยุทธศาสตร์, ด้านการอนุรักษ์ และประสิทธิภาพ พลังงาน 4 ยุทธศาสตร์ ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน 2 ยุทธศาสตร์ ซึ่งข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปพลังงาน จึงเน้นเรื่อง โครงสร้างการบริหาร เพื่อจัดการประสิทธิภาพและให้มีผลต่อราคาต่ำที่สุด ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยมูลค่าพลังงานคิดเป็น 14% ของจีดีพี และนับเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแค็ปของตลาดหลักทรัพย์ฯถึง 25% และนับเป็นต้นทุนการผลิต ของอุตสาหกรรมและบริการ ถึง 15%

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวว่า จากการเปิดรับฟังความเห็นที่ผ่านมาจะมีการเสนอถึงแนวทางการเปิดเสรีโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งขณะนี้มี ข้อถกเถียงว่าควรกำหนดปริมาณ หรือ ควรเปิดกว้างไม่จำกัด อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่บนเงื่อนไขกติกาที่จะต้องมีการควบคุมดูแล เพราะแสงอาทิตย์ผลิตได้เต็มที่เพียง 4 - 5 ชั่วโมงเท่านั้น และจะกักเก็บพลังงานเข้าระบบได้มากน้อยเพียงใด และจะกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าอย่างไรโดย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะต้องไปดูเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อให้เกิดความมั่นคง เช่น การกำหนดค่าสำรองไฟฟ้า หรือแบ็กอัพ ค่าบริการสายส่งของ 3 การไฟฟ้า (wheeling charge )

    https://mgronline.com/business/detail/9610000001105
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “ทรัมป์” ด่าอดีตผู้ช่วยสำคัญ “เสียสติ” ฉุนว่าลูกชายขายชาตินัดคุยรัสเซีย เผยแพร่: 4 ม.ค. 2561 20:59:00 ปรับปรุง: 5 ม.ค. 2561 08:56:00 โดย: MGR Online
    561000000117901.jpg

    “สตีฟ แบนนอน” อดีตผู้ช่วยคนสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สาปส่งหนึ่งในพันธมิตรการเมืองที่ใกล้ชิดที่สุด จวก “สตีฟ แบนนอน” เสียสติและสำคัญตัวเองผิด หลังอดีตหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ทำเนียบขาวผู้นี้วิจารณ์ผ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เตรียมวางแผงเร็วๆ นี้ ว่า การที่ลูกชายคนโตของประธานาธิบดีนัดคุยกับทนายที่มีสายสัมพันธ์กับเครมลินเป็น “การทรยศชาติ”

    ทรัมป์ตอบโต้แบนนอนอย่างเร็วรี่เมื่อวันพุธ (3 ม.ค.) ด้วยถ้อยคำเจ็บแสบที่สุดแม้เมื่อเทียบกับมาตรฐานความปากร้ายที่ผ่านมาของประมุขทำเนียบขาวผู้นี้ก็ตาม

    “สตีฟ แบนนอน ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับผมหรือตำแหน่งประธานาธิบดีของผม ตอนที่ถูกไล่ออก เขาไม่ได้แค่เสียงาน แต่เสียสติด้วย” และสำทับว่า แบนนอนทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง รวมทั้งโทษว่า เขาเป็นต้นเหตุให้รีพับลิกันเสียที่นั่งในวุฒิสภาจากความพ่ายแพ้ของรอย มัวร์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้วุฒิสมาชิกในรัฐแอละแบมาที่มีข่าวฉาวลวนลามเด็กสาว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

    อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์จากนิวยอร์ก ที่ชีวิตพลิกผันได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังโจมตีว่า แบนนอนเสแสร้งทำสงครามกับสื่อโดยเรียกสื่อว่าเป็น พรรคฝ่ายค้าน แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในทำเนียบขาว เขากลับปล่อยข้อมูลเท็จให้สื่อเพื่อสร้างภาพว่า ตัวเองมีความสำคัญ

    แบนนอน ซึ่งเป็นประธานกรรมการของเว็บไซต์ข่าวขวาจัด “เบรตบาร์ต นิวส์” เป็นผู้อุ้มสมทรัมป์เข้าถึงกลุ่มชาตินิยมขวาจัด ช่วยกำหนดนโยบายประชานิยม ร่างข้อความต่อต้านนักการเมืองกระแสหลัก ทั้งนี้ ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า หลังเหตุการณ์คราวนี้แล้วจะทำให้แบนนอนยิ่งโจมตีบรรดาผู้นำรีพับลิกันหนักข้อขึ้นหรือขยายผลเล่นงานทรัมป์ด้วย หรือว่ากลับทำให้ตัวเขาเองอ่อนแอลง

    สื่ออเมริกันรายงานว่า ชาร์ลส์ ฮาร์เดอร์ ทนายความประธานาธิบดี ส่งจดหมายแจ้งให้แบนนอนยุติการกระทำเช่นที่ทำอยู่ และกล่าวหาว่า แบนนอนละเมิดข้อตกลงไม่เปิดเผยความลับภายหลังพ้นตำแหน่ง จากการที่ให้ข้อมูลกับไมเคิล โวล์ฟ ผู้แต่งหนังสือ “ไฟร์ แอนด์ ฟิวรี: อินไซด์ เดอะ ทรัมป์ ไวท์ เฮาส์” ที่กำลังจะวางแผง

    ข้อความส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ ที่หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน และนิตยสารนิวยอร์ก นำออกมาเผยแพร่ ได้อ้างอิงคำพูดของแบนนอนที่วิจารณ์โดนัลด์ จูเนียร์ และอิวองกา ลูกชายและลูกสาวของทรัมป์

    แบนนอนที่ถูกปลดจากทำเนียบขาวเมื่อเดือนสิงหาคม ยังบอกว่า การสอบสวนของที่ปรึกษาพิเศษฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม โรเบิร์ต มุลเลอร์ กรณีความเป็นไปได้ที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 และทีมหาเสียงของทรัมป์สมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่นั้น จะโฟกัสที่เรื่องการฟอกเงิน

    561000000117902.jpg

    (แฟ้มภาพ) “สตีฟ แบนนอน” หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ทำเนียบขาวในขณะนั้น เข้าร่วมประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และแกนนำสภาคองเกรส ในห้องรูสเวลต์ของทำเนียบขาว ในวอชิงตัน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2017

    อดีตหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ทำเนียบขาวผู้นี้ ยังระบุว่า การที่ โดนัลด์ จูเนียร์, จาเร็ต คุชเนอร์ สามีของอิวองกา และ พอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ นัดพบ นาตาเลีย เวเซลนิตสกายา ทนายความรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ที่ทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนิวยอร์กโดยไม่มีทนายร่วมเป็นสักขีพยานด้วยเลย ถือเป็นพฤติการณ์ทรยศขายชาติ

    แบนนอน แจงว่า หลังจากคนกลางที่ติดต่อมาให้สัญญาว่า ทนายความหญิงผู้นี้มีข้อมูลที่สามารถทำลายชื่อเสียง ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งของทรัมป์จากพรรคเดโมแครตได้ ลูกชายคนโตของทรัมป์อีเมลตอบกลับไปว่า “ยินดีอย่างยิ่ง”

    ทรัมป์ จูเนียร์ ทวีตตอบโต้ทันควันเช่นกันว่า แบนนอนฉกฉวยสิทธิพิเศษและโอกาสจากการได้ทำงานในทำเนียบขาว มาแทงข้างหลัง ล่วงละเมิด ปล่อยข่าวลวง และบ่อนทำลายประธานาธิบดี

    “เขาไม่ใช่นักยุทธศาสตร์ แต่เป็นนักฉวยโอกาส”

    นอกจากนั้น ในหนังสือของโวล์ฟที่เจ้าตัวอ้างว่า มาจากการสัมภาษณ์ทรัมป์ เหล่าผู้ช่วยอาวุโส และคนอื่นๆ ยังแฉว่า การที่ทรัมป์เลือกรับประทานอาหารจากร้านแมคโดนัลด์ เพราะเชื่อว่า จะไม่ถูกลอบวางยา และยังบอกว่า ทีมหาเสียงกระทั่งสมาชิกครอบครัวไม่เชื่อว่า เขาจะชนะการเลือกตั้ง

    “หลังผ่านสองทุ่มไม่นานในคืนเลือกตั้ง ตอนที่ดูเหมือนเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ทรัมป์ ชนะ ดอน จูเนียร์ บอกเพื่อนว่า พ่อทำหน้าตาเหมือนเจอผี ส่วนเมลาเนียปล่อยโฮ แต่ไม่ใช่เพราะดีใจแน่นอน”

    หนังสือเล่มนี้ยังให้รายละเอียดของทรงผมประหลาดของทรัมป์ โดยอ้างอิงคำบอกเล่าของอิวองกากับเพื่อนๆ ของเธอว่า มาจากการ “หวีผมปิดหัวล้าน” แล้วฉีดสเปรย์ทับ ส่วนผมสีบลอนด์ส้มก็เป็นเพราะการใช้ยาย้อมปิดผมขาวยี่ห้อจัสต์ ฟอร์ เมนมาเป็นเวลานาน

    ร้อนถึงซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ต้องออกมาแก้ข่าวว่า หนังสือของโวล์ฟมีแต่เรื่องโกหกและทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยมาจากบุคคลที่ไม่สามารถเข้าถึงหรือมีอิทธิพลใดๆ ในทำเนียบขาว

    เช่นเดียวกัน สเตฟานี กริแชม โฆษกเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์โจมตี ว่า หนังสือดังกล่าวคงต้องวางขายในส่วนหนังสือลดราคา และยืนยันว่า เมลาเนียสนับสนุนการตัดสินใจของสามีในการลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี รวมทั้งเชื่อมั่นและดีใจที่สามีได้รับชัยชนะ

    https://mgronline.com/around/detail/9610000001121
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    In Clip:“รองปธน.เพนซ์” ประกาศ ประเทศอื่นควรช่วยสหรัฐฯ พูดสนับสนุนประท้วงอิหร่าน ส่วน “ทำเนียบขาว” เล็งลงโทษพวกสลายการประท้วง เผยแพร่: 4 ม.ค. 2561 14:04:00 โดย: MGR Online
    561000000092601.jpg

    ภาพกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลอิหร่านเดินขบวนในงานพิธีศพของทหารกองกำลังพิทักษ์การปฎิวัติอิหร่านในวันที่ 3 ม.ค




    เอเจนซีส์/เอเอฟพี - เมื่อวานนี้(3 ม.ค) รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ออกมาแสดงความเห็นผ่านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ผู้นำหลายชาติของยุโรปและองค์การสหประชาชาติ “ล้มเหลว” ในการออกมาประกาศให้การสนับสนุนต่อการประท้วงในอิหร่าน แหล่งข่าวทำเนียบขาวให้ความเห็นในวันเดียวกันว่า สหรัฐฯเตรียมหาลู่ทางใช้มาตรการคว่ำบาตรลงโทษกลุ่มรับผิดชอบการสลายประท้วง ส่วนเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติเตือน “ไม่ควรให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นครั้งต่อไป”

    เดอะ ฮิล สื่อการเมืองสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(3 ม.ค)ว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ได้แสดงความเห็นผ่านหน้าบทบรรณาธิการซึ่งเป็นหน้าแสดงความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในวันพุธ(3)ว่า

    “ประธานาธิบดีสหรัฐฯและผมขอเรียกร้องไปยังผู้นำประเทศที่รักในเสรีภาพทั้งหลายทั่วโลก ให้ร่วมประณามเผด็จการบริหารของอิหร่านที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองอิหร่านในการที่จะเขียนอนาคตและกำหนดในโชคชะตาของตัวเอง”

    สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ประชาชนชาวอิหร่านออกมาประท้วงในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อสภาพเศรษฐกิจ แต่ไม่นานหลังจากนั้นการประท้วงเปลี่ยนมาเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อเจ้าหน้าที่อิหร่านแทน

    เอพีรายงานก่อนหน้าในวันอังคาร(2)ว่า ในช่วงข้ามคืนมีคนจำนวน 9 รายถูกสังหาร และมีการสลายการประท้วง ส่งผลทำให้ตัวเลขโดยรวมของผู้เสียชีวิตในวันอังคาร(2)อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 21 ราย และยังคงเป็นตัวเลขคงที่มาจนถึงวันพุธ(3) อ้างอิงจากการรายงานของเอเอฟพีวันนี้(4)

    ทั้งนี้เดอะฮิลชี้ว่า เพนซ์ได้เคยออกมากล่าวถึงการประท้วงอิหร่านเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐฯจะไม่ขอเลียนแบบการกระทำที่ผิดพลาดอย่างน่าอับอายของรัฐบาลสหรัฐฯชุดที่แล้วในสมัยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่ได้เลือกไม่ออกมาประกาศให้การสนับสนุนต่อกลุ่มผู้ประท้วง

    และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯยังได้ออกมาตอกย้ำจุดยืนเดิมในวันพุธ(3)ต่อปฎิกริยาของรัฐบาลโอบามาในการประท้วงในอิหร่านปี 2009 โดยเขากล่าวว่า “การออกมาปฎิเสธที่จะไม่จัดการใดๆอย่างเด็ดขาดของรัฐบาลสหรัฐฯชุดที่แล้ว เป็นเสมือนการแสดงความสนับสนุนต่อผู้ปกครองเผด็จการอิหร่านต่อการกวาดล้างการแสดงออกทางความคิดเห็น”

    ในขณะเดียวกันในข้อเขียนชิ้นนี้ เพนซ์ได้ออกมาชื่นชมประธานาธิบดีทรัมป์ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนด้วยการสนับสนุนต่อการประท้วงในอิหร่านล่าสุด โดยกล่าวว่า “ครั้งนี้ เราจะไม่ยอมเงียบอีกต่อไป”

    เดอะฮิลรายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทรัมป์ออกมาทวีต “เกือบรายวัน” ในการแสดงความสนับสนุนต่อการประท้วงในอิหร่าน และการเป็นปฎิปักษ์ต่อผู้มีอำนาจเตหะราน โดยเขากล่าวว่า “ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลง” ในขณะที่สมาชิกสภาคองกรซสหรัฐฯส่วนใหญ่นั้นมีท่าทีออมาสนับสนุนต่อจุดยืนของผู้นำสหรัฐฯในสถานการณ์นี้ถึงแม้ว่า สว. ลินเซย์ แกรม (Lindsey Graham) พรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์แคโรไลนาออกมาเตือนทรัมป์ว่า ทรัมป์ควรที่จะทำมากกว่าการทวีตรายวันเกี่ยวกับการประท้วง

    แต่อย่างไรก็ตามในวันพุธ(3)หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน ประกาศว่าสถานการณ์ความไม่สงบที่สั่นคลอนอิหร่านในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้ยุติลงแล้ว

    โดยในรายงานของเอเอฟพีในวันพุธ(3)ชี้ว่า โมฮัมหมัด อาลี จาฟารี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านกล่าวผ่านแถลงการณ์บนเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานว่า “วันนี้ เราสามารถแถลงได้ว่าการปลุกระดมฝูงชนต่อต้านอำนาจรัฐได้สิ้นสุดลงแล้ว" และกล่าวต่อว่า "มีผ้เข้าร่วมชุมนุมสูงสุดในแต่ละจุดแค่ 1,500 คนและจำนวนพวกก่อปัญหาทั่วประเทศไม่น่าจะเกิน 15,000 คน"

    ทั้งนี้ จาฟารี กล่าวว่ากองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ ซึ่งขึ้นตรงต่อ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน ได้เข้าแทรกแซงในแนวทางที่จำกัดเพื่อควบคุมการประท้วงในจังหวัดอิสฟาฮาน, โลเรสถาน และฮาเมดาน

    ซึ่งถึงแม้อิหร่านจะออกมาประกาศว่าการประท้วงได้สงบลง แต่ทว่าพบว่าผู้นำสหรัฐฯยังคงยืนยันที่จะแสดงการสนับสนุนบรรดาผู้ประท้วงต่อไป โดยเขากล่าวว่า "ด้วยความเคารพต่อประชาชนชาวอิหร่าน ในขณะที่พวกเขาพยายามเอาคืนรัฐบาลคอรัปชันของพวกเขา คุณจะได้เห็นแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์

    เอเอฟพีรายงานล่าสุดวันนี้(4)ว่า ทำเนียบขาวประกาศจะพยายามกดดันอิหร่าน ด้วยการออกมาตรการคว่ำบาตรต่อบรรดกลุ่มเจ้าหน้าที่อิหร่านที่เกี่ยวข้องกับการสลายการประท้วง

    โดยแหล่งข่าวทำเนียบขาวที่ไม่ประสงค์ที่จะเอ่ยนามออกมาให้สัมภาษณ์ในวันพุธ(3)ว่า ***รัฐบาลสหรัฐฯจะพิจารณาถึงข้อมูลด้านกฎหมายเพื่อเริ่มต้นการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อกลุ่มคนที่รับผิดชอบต่อการเข้าสลายการประท้วง***

    ในขณะที่เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติออกมาให้ความเห็นเช่นกัน โดยอันโตนิโอ กูแตร์เรส กล่าวต่อต้านต่อการสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้รโดยชี้ว่า “ความรุนแรงครั้งต่อไปสมควรหลีกเลี่ยง”




    561000000092602.jpg

    ภาพกลุ่มผู้ประท้วงในฝรั่งเศสออกมาให้กำลังใจสนับสนุนการลุกขึ้นสู้ของประชาชนอิหร่านต่อรัฐบาลเผด็จการเตหะรานในวันที่ 3 ม.ค

    https://mgronline.com/around/detail/9610000000913
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รุนแรงกว่าทุกปี “บอมโบเจเนซิส” (bombogenesis) หรือ “ระเบิดสภาพอากาศ” (bomb cyclone) ถล่มยุโรปแช่แข็ง สหรัฐ-ฟลอริดาติดลบต่ำสุดในรอบ 3ทศวรรษ

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไปกันใหญ่ พายุกระหน่ำยุโรป ซัดน้ำขั้วโลกเหนือเอ่อท่วมหลายเมือง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2018
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เกิดอะไรกับโลกใบนี้ #หรือนี่คือสัญญาณการสลับขั้วแม่เหล็ก พายุกระหน่ำยุโรป ซัดน้ำขั้วโลกเหนือเอ่อท่วมหลายเมืองในสหรัฐฯวิกฤตหนัก

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รอยเท้าซีไอเออยู่ในเหตุการณ์การจลาจลในอิหร่าน/ซาอุฯ และอิสราเอลได้เข้าสู่การดำเนินการ
    Published: Thursday, 04 January 2018 23:13 |
    Protests-Iran-Pon1.jpg

    "ซาอุดิอาระเบีย อิสราเอลและอเมริกามีความพยายามอย่างมากที่จะประสานความร่วมมือเพื่อที่จะจัดการกับอิหร่าน และการแกะลายนิ้วมือของบรรดาศัตรูอิหร่านในเหตุการณ์ความไม่สงบล่าสุดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากนัก ... "

    เว็บไซต์ "แอนตี้วอร์" (antiwar) ได้ตีพิมพ์รายงานหนึ่งที่สะท้อนคำพูดของ "รอน พอล" นักเขียนและนักการเมืองชาวอเมริกัน เกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ซาอุดิอารเบียและระบอบไซออนิสต์ ในความวุ่นวายล่าสุดของอิหร่าน

    "รอน พอล" เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกาหลายสมัย และนอกจากนี้นับจากปี 1988 ยังเคยเข้าร่วมชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ มาแล้วสามสมัย

    "รอน พอล" ได้กล่าวในรายการวิเคราะห์ของตน ภายใต้หัวข้อ "รายงานอิสระ" ว่า :

    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา "โดนัลด์ ทรัมป์" และเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ) ได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นแผนการที่พวกเขาจะดำเนินการ ซึ่งพวกเขาได้พูดในลักษณะที่ว่า จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกับอิหร่านเร็วๆ นี้

    ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีแผนโจมตีอิหร่านหรือดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่คล้ายกัน แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการของพวกเขาค่อนข้างเป็นความลับ

    ความจริงก็คือว่า นับจากช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์มากมายได้เกิดขึ้น การชุมนุมประท้วงต่างๆ ในอิหร่านเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และขยายวงออกไปอย่างกว้างขวาง บางคนพูดถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ บางคนพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจการปกครอง และอีกบางส่วนก็บอกว่า เป็นไปได้ว่ามีรัฐบาลต่างชาติอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ แต่ในท่ามกลางเหตุการณ์นี้ชาวอิหร่านหลายคนได้สูญเสียชีวิต

    นับจากช่วงเริ่มต้นของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี (ของสหรัฐฯ) ทรัมป์มีแนวทางที่รุนแรงเกี่ยวกับอิหร่าน และได้ประกาศว่า เขาถือว่าพวกเขา (ชาวอิหร่าน) เป็นศัตรูของเราและเป็นพวกชั่วร้าย เขาไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนิวเคลียร์และพยายามที่จะขจัดอำนาจทางด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะขัดแย้งกับสิ่งที่บรรดาผู้ตรวจการของสหประชาชาติเชื่อมั่นก็ตาม

    ดังนั้นเราจึงทราบดีถึงจุดยืนของทรัมป์ และผมไม่คิดว่าทรัมป์จะเปลี่ยนแปลงแนวทางของตน เนื่องจากการเริ่มต้นของการประท้วงต่างๆ ในอิหร่านนั้น ทรัมป์ได้แสดงการสนับสนุนการก่อจลาจลอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับที่อิสราเอลได้กระทำ และแน่นอนซาอุดิอาระเบียก็สนับสนุนความไม่สงบในอิหร่านอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน เนื่องจากสิ่งนี้คือเป้าหมายของพวกเขา

    แม้ว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่การขยายตัวของความรุนแรงต่างๆ ในภูมิภาค กระนั้นก็ตามสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่า ในกรณีที่ความรุนแรงขยายวงกว้าง เราจะควบคุมสถานการณ์เอง โดยใช้เวลาอันสั้นและจะไม่เป็นประเด็นใหญ่ ... แต่คุณลองมองไปที่อัฟกานิสถาน หลังจาก 16 ปีของการปรากฏตัวของสหรัฐอเมริกา ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกิดขึ้นและดูเหมือนว่าเราได้กลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

    Protests-Iran-Pon2.jpg

    ผู้ดำเนินรายการ : เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รอยเท้าของหน่วยข่าวกรองกลางอเมริกา (ซีไอเอ) และรัฐบาลสหรัฐอเมริกาหรือทั้งสองของพวกเขา ปรากฏอยู่ในการประท้วงต่างๆ ของอิหร่าน แน่นอนไม่อาจปฏิเสธได้ว่า บางส่วนของประชาชนอิหร่านก็ไม่พอใจกับราคาสินค้าต่างๆ ที่สูงลิ่ว แต่ในประเทศของเราเองก็มีความกังวลและความไม่พอใจเกี่ยวกับราคาสินค้าที่สูง แต่ก็ไม่ถูกต้องนักที่เราจะบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาไข่ในอิหร่าน ทำให้ประชาชนรับตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง โดยมีการประสานงานกันอย่างเบ็ดเสร็จในหลาย ๆ เมือง ได้ตัดสินใจที่จะโค่นระบอบการปกครองอย่างฉับพลัน นั่นคือสิ่งเดียวกันกับที่ได้ถูกเปิดเผยกับเราเกี่ยวกับกรณีของซีเรีย ที่กล่าวว่าราคาขนมปังที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ประชาชนทั้งหมดออกไปสู่ท้องถนนเพื่อโค่นล้มรัฐบาล

    ผมคิดว่าการยอมรับประเด็นนี้จะเป็นเรื่องยากสักนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมและวิธีการของทรัมป์ที่มีต่ออิหร่าน อย่างน้อยที่สุดในปี 2009 (วิกฤต 88) เมื่อโอบามาพยายามที่จะล้มล้างรัฐบาลอิหร่าน ได้ดำเนินการอย่างรัดกุมและระมัดระวัง แต่ทรัมป์ได้ประกาศจุดยืนของตนด้วยเสียงดังอย่างมากว่า "ประชาชนจงกระจายกันออกสู่ถนนสายต่างๆ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกท่านจะล้มล้างระบอบการปกครอง เราจะอยู่กับพวกท่าน"

    ในขณะนี้ ด้านหนึ่งเรามีหัวหน้าของซีไอเอ ซึ่งมีท่าทีที่ต่อต้านอิหร่านอย่างสุดขั่ว และอีกด้านหนึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ประกาศแสดงความเกลียดชังต่ออิหร่าน ผมคิดว่าถ้าหากเรานำชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์เหล่านี้มาวางเรียงต่อกัน เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในครั้งนี้ก็เช่นกัน มีความพยายามต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ในสนามเพื่อการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในประเทศอื่นๆ

    รอน พอล : แน่นอนเราไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้ เนื่องจากแนวทางของพวกเขาในนโยบายต่างประเทศเป็นแบบนี้ พวกเขาเป็นนักแทรกแซง (Interventionist) พวกเขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ (Neoconservatism) และพวกเขาเชื่อว่าเรามีความรับผิดชอบ ด้วยเหตุผลต่างๆ บางครั้งเนื่องจากอุตสาหกรรมที่ซับซ้อนทางด้านการทหารและการค้าอาวุธหลาย คนคิดว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีหน้าที่รับผิดชอบในการขยายความดีและความเป็นพิเศษของตนเองออกไปทั่วทุกมุมโลก! และนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมปัจจุบันเราจึงมีการปรากฏตัวทางทหารใน 150 ประเทศทั่วโลกโดยประมาณ กล่าวคือบุคลากรทางทหารของเราอยู่ในประเทศเหล่านี้ นี่เป็นสิ่งที่ประชาชนของเราไม่รู้ กระทั่งว่าจำเป็นต้องบอกว่า แม้แต่บางคนในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ความจริงก็คือ งบประมาณทางทหารของเรากำลังเพิ่มขึ้นทุกปี

    ผู้ดำเนินรายการ : การแสดงออกของสื่อต่างๆ ของเรา เกี่ยวกับข่าวการประท้วงของอิหร่านก็น่าสนใจ พวกเขาได้รายงานข่าวประเด็นนี้ไว้อย่างหวานชื่นและมีความสุขมาก บางทีอาจจะทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดของมนุษย์สูงขึ้นได้!

    ท่านได้ชี้ถึงการพูดคุยกันระหว่างทิลเลอร์สันกับทรัมป์ และระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กับอิสราเอลก็มีการพบปะกันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์ "ฮาอาเร็ตซ์" ของอิสราเอลได้รายงานว่า ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอลได้พบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ได้ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่ในการจัดการกับอิหร่าน รายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผย แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบนถนนต่างๆ ของอิหร่าน

    ซาอุดิอาระเบีย อิสราเอลและอเมริกามีความพยายามต่างๆ ที่จะประสานความร่วมมือเพื่อที่จะจัดการกับอิหร่าน และการมองเห็นลายนิ้วมือของบรรดาศัตรูอิหร่านในเหตุการณ์ความไม่สงบล่าสุดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากนัก

    รอน พอล : เป็นที่น่าสนใจที่ว่า สหรัฐอเมริกา อิสราเอลและซาอุดีอาระเบียในการแสดงออกต่อเหตุการณ์จลาจลในอิหร่านเป็นเหมือนเชียร์ลีดเดอร์ในสนามกีฬา

    ผู้ดำเนินรายการ : อีกประเด็นหนึ่งในกรณีเกี่ยวกับการประท้วงของอิหร่าน ก็คือรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกการประท้วงของอิหร่านว่า เป็นการประท้วงอย่างสันติ อย่างไรก็ตามไม่ว่าการกระทำการใดๆ ก็ตามที่ผู้ประท้วงจะทำ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะประกาศว่าการประท้วงนี้เป็นไปอย่างสงบ การโจมตีฐานตำรวจ หลายคนถูกสังหารโดยผู้ประท้วง การบุกเข้าสู่ฐานทหารและความพยายามที่จะเข้ายึดอาวุธต่างๆ การเผารถตำรวจและอื่น ๆ ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่า หากในสหรัฐอเมริกา ถ้ามีคนใดกระทำในสิ่งที่เล็กน้อยกว่านี้มาก เขาก็จะถูกฆ่าตาย แค่คุณยืนเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เพียงพอแล้วที่คุณจะถูกฆ่าตาย

    เป็นที่ชัดเจนว่าวิธีการเช่นนี้ โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะเกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายต่างๆ : ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะกดดันรัฐบาลอิหร่าน, กำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่านเพิ่มขึ้น, ใช้เป็นข้ออ้างในการยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์โดยทรัมป์, กดดันความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย อย่างไรก็ดีการประท้วงเหล่านี้ถือเป็นโอกาสทองสำหรับทรัมป์ สำหรับนโยบายต่อต้านอิหร่านของเขา

    รอน พอล : เพื่อที่จะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นถึงการแทรกแซงของซีไอเอในการประท้วงล่าสุดในอิหร่าน เพียงพอแล้วที่เราจะพิจารณาดูคำพูดของทรัมป์เกี่ยวกับอิหร่าน อย่างไรก็ดีประวัติศาสตร์ก็มีเรื่องราวมากมายที่จะยืนยันในเรื่องนี้ได้ หน่วยซีไอเอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารในอิหร่าน เมื่อปี 1935 แบบเผด็จการที่กดขี่และไร้ความปราณีจนได้ขึ้นสู่อำนาจในอิหร่าน สิ่งที่ตลกก็คือว่า ตอนนี้ลูกชายของอดีตกษัตริย์ชาฮ์แห่งอิหร่านก็ประกาศว่า เขาสามารถที่จะมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบูรณะอิหร่าน! การขุดเขาออกมาและเปิดตัวเจ้าชายผู้นี้ก็เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก

    ผู้ดำเนินรายการ : เขาจะอยู่ใกล้ชิดกับซีไอเอและพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ของสหรัฐฯตลอดเวลา แน่นอนยิ่งว่าเขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะกลับสู่อิหร่านและทวงคืนบัลลังก์ของบิดาของเขา

    รอน พอล : ผมไม่คิดว่าสหรัฐอเมริกาจะมีความรับผิดชอบทางกฎหมายที่จะเข้าไปแทรกแซงในปัญหาของอิหร่าน แต่มีเหตุผลต่างๆ มากมายที่ชี้ถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับการดำเนินการเหล่านี้ และรัฐธรรมนูญของเราก็ไม่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่ใครเล่าที่ปรารถนาจะได้ยินมัน เราจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการดำเนินการเช่นนี้ และเราจะเพิ่มปัญหาเสียมากกว่า

    ท้ายที่สุดจำเป็นต้องกล่าวว่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ประชาชนหลายแสนคนได้ถูกฆ่าตายโดยอาวุธของสหรัฐฯ และถ้าในกรณีอย่างเช่นสถานการณ์เกาหลีเหนือได้หลุดออกจากการควบคุม สามารถจะนำไปสู่การใช้ระเบิดปรมาณูและการถูกฆ่าของผู้คนมากขึ้น ดังนั้นทางที่ดีกว่า เราควรจะทำงานของเราเอง และยุติการแทรกแซงในกิจการของประเทศอื่นๆ

    ที่มา : ญอมนิวส์

    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
    http://www.iicth.com/menu-article/menu-analyze/134-analyzes-12
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มะฮ์ดะวียะฮ์-ผู้ที่ถูกรอคอย
    สัญญาของพระผู้เป็นเจ้าจะบรรลุความจริงอย่างแน่นอน
    เขียนโดย Sahibzaman Taem
    หมวดหลัก: บทความศาสนา
    เผยแพร่เมื่อ: 05 มกราคม 2561
    ฮิต: 107
    Pic-ethics-5.jpg

    พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้ทรงเริ่มต้นอัลกุรอานบท (ซูเราะฮ์) อัลกอซ็อซ ด้วยเรื่องราวของท่านศาสดามูซา (อ.) (โมเสส) โดยตรัสว่า

    نَتْلُو عَلَيْكَ مِن نَّبَإِ مُوسَىٰ وَفِرْعَوْنَ بِالْحَقِّ لِقَوْمٍ يُؤْمِنُونَ إِنَّ فِرْعَوْنَ عَلَا فِي الْأَرْضِ وَجَعَلَ أَهْلَهَا شِيَعًا يَسْتَضْعِفُ طَائِفَةً مِّنْهُمْ يُذَبِّحُ أَبْنَاءَهُمْ وَيَسْتَحْيِي نِسَاءَهُمْ إِنَّهُ كَانَ مِنَ الْمُفْسِدِينَ

    “เราจะแถลงแก่เจ้า เกี่ยวกับเรื่องราวบางส่วนของมูซาและฟิรเอาน์ด้วยความจริง เพื่อหมู่ชนผู้ศรัทธา แท้จริงฟิรเอาน์นั้นหยิ่งผยองในแผ่นดิน และทำให้ประชาชนแตกแยกเป็นกลุ่มๆ เขาทำให้ชนกลุ่มหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้นอ่อนแอ โดยฆ่าลูกหลานผู้ชายของพวกเขา และไว้ชีวิตบรรดาสตรีของพวกเขา แท้จริงเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้บ่อนทำลาย”

    (อัลกุรอานบทอัลกอซ็อซ โองการที่ 3 และ 4)

    ในโองการนี้ได้อธิบายว่า ฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) ได้ก่อการละเมิดและสร้างความเสียหายในหน้าแผ่นดิน เขากระทำการกดขี่ต่างๆ อย่างมากมาย และทำให้เผ่าพันธุ์จำนวนมากของอิสราเอลตกอยู่ภายใต้การกดขี่และการอธรรมของเขา บังคับใช้แรงงานพวกเขาด้วยความเข้มงวดเยี่ยงทาส ถึงขั้นที่ว่าเขาจะฆ่าลูกหลานผู้ชายของเผ่าพันธุ์อิสราเอลและไว้ชีวิตสตรีและเด็กผู้หญิง เพื่อใช้เป็นทาสี

    จากนั้นพระองค์ทรงเล่าถึงเรื่องราวต่อไปนี้ว่า

    وَ نُرِيدُ أَنْ نَمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْضِ وَ نَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَ نَجْعَلَهُمُ الْوارِثِينَ

    “และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำ และทำให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดมรดก (การปกครองในแผ่นดิน)”

    (อัลกุรอานบทอัลกอซ็อซ โองการที่ 5)

    โองการนี้เป็นคำมั่นสัญญาและการแจ้งข่าวดีแก่กลุ่มชนผู้อ่อนแอและผู้ถูกกดขี่ โดยที่วันหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่จะทรงทำให้พวกเขาหลุดพ้นออกจาก ความอธรรมและการกดขี่ของฟิรเอาน์ และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นจริง พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้ทรงทำให้สัญญาของพระองค์บรรลุผล และทรงช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) โดยท่านศาสดามูซา (อ.) (โมเสส)

    ในการอรรถาธิบายโองการนี้ ท่านอายะตุลลอฮ์มะการิม ชีราซี ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นหนึ่งอย่างสวยงาม โดยเขียนว่า

    "โองการข้างต้นนี้มิได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่องราวและเหตุการณ์ปลีกที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธ์ของอิสราเอลเพียงเท่านั้น แต่ทว่ามันเป็นสิ่งที่อธิบายให้เห็นถึงกฎทั่วไป (และกฎเกณฑ์สากล) สำหรับทุกยุคสมัยและทุกหมู่ชน กฎเกณฑ์สากลจะบอกว่า “เราประสงค์ที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอและถูกกดขี่ในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำ และเป็นผู้สืบทอดอำนาจการปกครองในแผ่นดิน”

    โองการนี้ เป็นการแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับชัยชนะของสัจธรรม (ฮักก์) เหนือความเท็จ (บาฏิล) และของความศรัทธา (อีหม่าน) เหนือการปฏิเสธ (กุฟร์) เป็นการแจ้งข่าวดีสำหรับมวลมนุษย์ผู้เป็นเสรีชนและเรียกร้องหารัฐบาลและอำนาจการปกครองที่มีความยุติธรรมและเที่ยงธรรม เป็นการถูกถอนรากถอนโคนความอธรรมและการกดขี่

    ตัวอย่างเล็กๆ ของการบรรลุความจริงของสัญญาดังกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า ก็คืออำนาจการปกครองของเผ่าพันธุ์อิสราเอล (บนีอิสรออีล) และการสิ้นสลายของอำนาจการปกครองของฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) และตัวอย่างที่สมบูรณ์ยิ่งกว่านั้นก็คือ อำนาจการปกครองของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และบรรดาสาวกของท่าน ภายหลังจากการปรากฏตัวขึ้นของศาสนาอิสลาม อำนาจการปกครองของบรรดาผู้อ่อนแอผู้มีความศรัทธาและถูกกดขี่ที่มีจิตใจอันสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งต้องตกอยู่ภายใต้การดูถูกเหยียดหยามและการเย้ยหยัน โดยฟาโรห์และบรรดาผู้ปฏิเสธแห่งยุคสมัยมาโดยตลอด และต้องตกอยู่ภายใต้การบีบครั้น การกดขี่และความอธรรมเสมอมา

    รัฐในอุดมคติ (มะดีนะฮ์) อันจำเริญของท่านศาสดา การพิชิตนครมักกะฮ์ และการมีชัยชนะเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธ (กุฟฟาร) ได้ถูกกระทำโดยมือของคนกลุ่มนี้ และแน่นอนยิ่งตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดของสัญญาของพระผู้เป็นเจ้านี้จะบรรลุความจริง ด้วยกับการปรากฏขึ้นของรัฐบาลโลกที่เป็นสัจธรรมและเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมที่จะปกคลุมทั่วทุกมุมของโลก โดยท่าน “อิมามมะฮ์ดี” (วิญญาณของเราขอพลีแด่ท่าน) โองการนี้คือส่วนหนึ่งจากบรรดาโองการที่แจ้งข่าวดีอย่างชัดเจนถึงการปรากฏขึ้นของรัฐบาลดังกล่าว (1)

    ในขณะเดียวกัน ถ้าหากเราย้อนกลับไปดูคำรายงาน (ริวายะฮ์) ต่างๆ จากบรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า โองการนี้สอดคล้องโดยตรงกับการปรากฏกาย (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ท่านเหล่านั้นได้กล่าวว่า จุดประสงค์ของโองการนี้คือการปรากฏขึ้นของรัฐบาลของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และการสถาปนาความยุติธรรมด้วยมือของท่าน ในหนังสือนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวไว้เช่นนี้ว่า

    لَتَعْطِفَنَّ الدُّنْيَا عَلَيْنَا بَعْدَ شِمَاسِهَا عَطْفَ الضَّرُوسِ عَلَى وَلَدِهَا

    “โลกจะยอมโอนอ่อนต่อเรา ภายหลังจากการปฏิเสธของมัน ประหนึ่งดังการโอนอ่อนของอูฐที่ดื้อดึงยอมให้นมแก่ลูกของมัน”

    จากนั้นท่านได้อ่านโองการนี้ว่า

    وَ نُرِيدُ أَنْ نَمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْضِ وَ نَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَ نَجْعَلَهُمُ الْوارِثِينَ

    “และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำ และทำให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดมรดก (การปกครองในแผ่นดิน)” (2)

    และในคำรายงานอีกบทหนึ่ง ท่านได้อรรถาธิบายโองการนี้โดยกล่าวว่า

    هُمْ (یعنی مستضعفین) آلُ مُحَمّدٍ (صلوات الله علیهم اجمعین) يَبْعَثُ اللهُ مَهْدِيَّهُمْ بَعْدَ جَهْدِهُمْ فَيُعِزُّهُمْ وَ يُذِلُّ أعَداءَهُمْ

    “พวกเขา (หมายถึงบรรดาผู้ถูกกดขี่) คือวงศ์วานของมุฮัมมัด (ซ็อลฯ) อัลลอฮ์จะทรงส่งมะฮ์ดีของพวกเขามา ภายหลังจากความทุกข์ยากของพวกเขา และพระองค์จะทรงทำให้พวกเขามีเกียรติศักดิ์ศรี และจะทรงทำให้บรรดาศัตรูของพวกเขาพบกับความอัปยศอดสู” (3)

    ทำนองเดียวกันนี้ ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า

    وَ الَّذِي بَعَثَ مُحَمَّداً بِالْحَقِّ بَشِيراً وَ نَذِيراً إِنَّ الأَبْرَارَ مِنَّا أَهْلَ الْبَيْتِ وَ شِيعَتَهُمْ بِمَنْزِلَةِ مُوسَى وَ شِيعَتِهِ وَ إِنَّ عَدُوَّنَا وَ شِيعَتَهُمْ بِمَنْزِلَةِ فِرْعَوْنَ وَ أَشْيَاعِه.

    “ขอสาบานต่อพระผู้ซึ่งทรงแต่งตั้งมุฮัมมัดมาด้วยสัจธรรม เพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน แท้จริงบรรดาผู้มีคุณธรรมจากเราอะฮ์ลุลบัยติ์และชีอะฮ์ (ผู้ปฏิบัติตาม) ของพวกเขาอยู่ในฐานะของมูซาและชีอะฮ์(ผู้ปฏิบัติตาม) เขา และแท้จริงศัตรูของเราและผู้ที่ปฏิบัติตามของเขาอยู่ในฐานะของฟิรเอาน์และผู้ที่ปฏิบัติตามเขา” (ท้ายที่สุดเราจะเป็นผู้ชนะและพวกเขาจะพินาศ และอำนาจการปกครองแห่งสัจธรรมและความยุติธรรมจะเป็นของเรา) (4)

    แน่นอน! สิ่งนี้ก็คือคำสัญญาที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับมันว่า

    وَ الَّذِي بَعَثَنِي بِالْحَقِّ نَبِيّاً لَوْ لَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْيَا إِلَّا يَوْمٌ وَاحِدٌ لَأَطَالَ اللَّهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ حَتَّى يَخْرُجَ فِيهِ وَلَدِي الْمَهْدِيُّ فَيَنْزِلَ رُوحُ اللَّهِ عِيسَى ابْنُ مَرْيَمَ ع فَيُصَلِّيَ خَلْفَهُ وَ تُشْرِقَ الْأَرْضُ بِنُورِ رَبِّها وَ يَبْلُغَ سُلْطَانُهُ الْمَشْرِقَ وَ الْمَغْرِبَ

    “ขอสาบานต่อพระผู้ซึ่งทรงแต่งตั้งฉันมาเป็นศาสดาด้วยสัจธรรม มาตรว่าไม่มีเวลาเหลืออยู่ในโลกนี้แม้แต่เพียงวันเดียว แน่นอนอัลลอฮ์ก็จะทรงทำให้วันนั้นยืนยาวจนกว่ามะฮ์ดีบุตรชายของฉันจะปรากฏตัวขึ้นในวันนั้น โดยที่รูฮุลลอฮ์ อีซาบุตรของมัรยัม (อ.) จะลงมาและนมาซตามหลังเขา และแผ่นดินจะสว่างไสวไปด้วยรัศมีแห่งองค์พระผู้อภิบาลของมัน และอำนาจการปกครองของเขาจะครอบคลุมไปยังทิศตะวันออกและทิศตะวันตก”(5)

    พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งจะไม่ทรงบิดพลิ้วในคำมั่นสัญญาของพระองค์อย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ วันหนึ่งจะมาถึงซึ่งเป็นวันที่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) จะปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อพิชิตโลกนี้ จะมาปราบปรามบรรดาศัตรูของอิสลามและศัตรูของอะฮ์ลุลบัติ์ (อ.) และจะทำให้โลกเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เหมือนดังที่มันได้เคยเต็มไปด้วยความอธรรมและการกดขี่

    เชิงอรรถ :

    (1) ตัฟซีรนะมูเนะฮ์ เล่มที่ 16 หน้าที่ 18
    (2) นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ กะลิมาตุ้ลกิซ๊อร 209
    (3) อัลฆ็อยบะฮ์ เชคฏูซี หน้าที่ 184
    (4) บิฮารุ้ลอันวาร เล่มที่ 24 หน้าที่ 167
    (5) บิฮารุ้ลอันวาร เล่มที่ 51 หน้าที่ 72

    บทความ : เชคมูฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
    http://www.sahibzaman.net/index.php/religious-article/religious-mahdi/25-mahdi-the-waiting-5
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    อีกหนึ่งตัวอย่างของการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแบบอเมริกัน: สหรัฐตัดเงินช่วยเหลือ UNRWA แค้นที่ปาเลสไตน์ไม่ยอมยกยูเรซาเลมให้อิสราเอล

    FB_IMG_1515242122573.jpg FB_IMG_1515242125939.jpg FB_IMG_1515242129794.jpg

    -----------

    วันที่ 5 ม.ค.61 RT พาดหัวข่าวว่า "US suspends $125mn UNRWA payment - report"

    กรุงวอชิงตันได้ระงับการจ่ายเงินจำนวน $125 ล้าน (ประมาณ 4,000,000,000 บาท) สำหรับ "สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้" (United Nations Relief and Works Agency for Palestine Refugees in the Near East) ซึ่งมีกำหนดจ่ายในวันที่ 1 มกราคมปีนี้ เจ้าหน้าที่ทางการทูตที่ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว UNRWA เป็นหนึ่งในองค์กรของสหประชาชาติที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์

    สถานีโทรทัศน์ Channel Ten ของอิสราเอลได้อ้างแหล่งข่าวจากนักการทูตชาวตะวันตก 3 คน และรายงานว่าการระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเมื่อวันศุกร์นี้ นักการทูตเปิดเผยอีกว่า สหรัฐได้ระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่องค์กร UNRWA จนกว่ารัฐบาลของนายทรัมป์จะเสร็จสิ้นการทบทวนการให้ความช่วยเหลือแก่ทางการปาเลสไตน์

    เมื่อวันอังคารนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ของตนเองว่าจะพิจารณาระงับการจ่ายเงินให้ปาเลสไตน์ นางนิกกี้ เฮลี่ย์เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นก็พูดเหมือนกับทรัมป์

    "แต่เนื่องจากพวกปาเลสไตน์ไม่ได้ต้องการที่จะเจรจาสันติภาพอีกต่อไป ทำไมเราจะต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้พวกเขาในอนาคตด้วยหละ?" ทรัมป์กล่าว การระเงินเงินจำนวนนี้ คิดเป็นหนึ่งในสามของเงิน $300 ล้านที่สหรัฐจ่ายให้ UNRWA ทุกปี

    [สหรัฐถือวิสาสะยกเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากปาเลสไตน์ ยูเอ็น และทั่วโลก ทรัมป์จึงบอกว่านั่นไง พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะเจรจาสันติภาพ เพราะว่าพวกเขาไม่ยอมยกเยรูซาเลมให้ยิวครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือให้พวกเขาอีกต่อไป ของฟรีไม่มีในโลก! - ผู้แปล]

    UNRWA ก่อตั้งขึ้นในปี 1949 เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม อาหรับ-อิสราเอล ในปี 1948 และสงครามหกวันในปี 1967 UNRWA ได้ตั้งค่ายผู้ลี้ภัย 5 แห่ง สำหรับรองรับชาวปาเลสไตน์ ในจอร์แดน เลบานอน ซีเรีย ฉนวนกาซา และเวสต์แบงค์ (รวมทั้งในเยรูซาเลมตะวันออกด้วย) ค่ายอื่นๆนอกเหนือจากนี้อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กร UNHCR

    + ความตอแหลของยิว
    ---------
    1.) วันที่ 4 ม.ค.61 The Times of Israel พาดหัวข่าวว่า "นายเนทันยาฮู เรียกร้องให้ชาวอเมริกันอย่างได้ตัดเงินช่วยเหลือ UNRWA - ทีวีรายงาน" (Netanyahu urging Americans not to cut funding for UNRWA — TV report)

    2.) วันที่ 5 ม.ค.61 The Times of Israel พาดหัวข่าวว่า "รัฐมนตรีระดับสูงสนับสนุนสหรัฐขู่จะตัดเงินช่วยเหลือ UNRWA กำลังติดต่อกับกระทรวงต่างประเทศ" (Top minister backs US threat to cut UNRWA aid, contradicting Foreign Ministry)

    3.) วันที่ 5 ม.ค.61 Arutz Sheva ของอิสราเอลพาดหัวข่าวว่า "'UNRWA เป็นองค์กรที่สนับสนุนการก่อการร้าย'" ('UNRWA is a terror-supporting organization') นาย Bennett รมว.การศึกษาของอิสราเอลกล่าว และสนับสนุนการตัดสินใจของทรัมป์ในการตัดเงินช่วยเหลือ UNRWA สำหรับชาวปาเลสไตน์

    [เกมนี้เล่นไม่ยาก...
    ขั้นที่ 1: สร้างความขัดแย้ง ก่อสงคราม เพื่อให้ประชาชนชาวปาเลสไตน์ทิ้งบ้านเรือนและที่ดินของตนเองไปอยู่ที่อื่น

    ขั้นที่ 2: สร้างค่ายผู้ลี้ภัยทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับผู้ลี้ภัยเหล่่านั้น เรียกรับเงินบริจาคจากทั่วโลก

    ขั้นที่ 3: อิสราเอลออกกฎหมายฮุบที่ดินของชาวปาเลสไตน์และสร้างที่อยู่อาศัยให้ชาวยิวเขัาไปอยู่แทนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ขั้นที่ 4: หลังจากที่พบว่ามีชาวยิวอาศัยอยู่ในพื้นที่มากกว่าชาวปาเลสไตน์ ก็ประกาศให้เยรูซาเลมเป็นเมืองของอิสราเอล

    ขั้นที่ 5: งดจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปล่อยให้หากินเอง เป็นการประหยัดงบไปในตัว - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/01/2561
    ----------
    https://www.rt.com/usa/415114-unrwa-funding-suspended-palestinians/
    https://www.axios.com/scoop-trump-administration-freezes-funds-to-u-n-relief-agency-2522788356.html
    https://www.timesofisrael.com/netanyahu-urging-americans-not-to-cut-funding-for-unrwa-tv-report/
    http://www.jpost.com/Arab-Israeli-C...-back-down-from-UNRWA-funding-threat-532913#/
    https://www.timesofisrael.com/top-m...cut-unrwa-aid-contradicting-foreign-ministry/
    http://www.israelnationalnews.com/News/News.aspx/240297
    https://en.wikipedia.org/wiki/UNRWA
    https://www.nytimes.com/2018/01/03/...-would-it-mean-if-trump-cuts-its-funding.html
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สื่อจีนเย้ยสหรัฐ... "ทรัมป์ยิงปืนนัดเดียว, สี จิ้นผิง ได้นกสองตัว" กรณีปากีสถานทิ้งดอลลาร์ ใช้เงินหยวนในการค้าขายกับจีนและจีนเตรียมสร้างฐานทัพเรือในปากีสถาน หลังสหรัฐประกาศยกเลิกการสนับสนุนทางทหาร ขอบคุณสำหรับนโยบายเปลี่ยนมิตรให้เป็นศัตรูของทรัมป์

    FB_IMG_1515242468820.jpg FB_IMG_1515242475660.jpg FB_IMG_1515242478941.jpg

    -----------

    วันที่ 4 ม.ค.61 Global Times พาดหัวข่าวว่า "ทวิตเตอร์ของทรัมป์ดึงจีนและปากีสถานให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น" (Trump tweet draws China, Pakistan closer) ปากีสถานใช้เงินหยวนในการค้าขายระดับทวิภาคกับจีน, จีนเจรจาสร้างฐานทัพเรือในปากีสถาน

    การโจมตี (ปากีสถาน) ด้วยทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐในวันขึ้นปีใหม่ (2018) ปรากฎว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วระหว่างปากีสถานกับจีนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น จากนั้นเพียงไม่กี่วันทั้งสองประเทศก็บรรลุความร่วมมือทางด้านการเงินและการทหารที่เจรจากันมายาวนาน

    ทวิตเตอร์ของทรัมป์ ซึ่กล่าวหาปากีสถานว่าให้ที่หลบซ่อนแก่พวกผู้ก่อการร้าย (ในอัฟกานิสถาน) ได้กระชากกรุงอิสลามาบัดกลับหลังอย่างรุนแรง และช่วยผูกการป้องกันประเทศของปากีสถานไว้กับกรุงปักกิ่งไปในตัว - เป็นไดนามิกที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างก็พากันเน้นย้ำถึงความเข้มแข็งของมิตรภาพที่ก้าวหน้า เนื่องจากว่า ในแง่ของยุทธศาสตร์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ในวงกว้างนั้น สหรัฐต้องการที่จะผูกมิตรกับอินเดีย (หลอกใช้อินเดียมากกว่ามั๊ง?) ด้วยการกล่าวหาและใส่ร้ายปากีสถาน

    เมื่อวันอังคารนี้ เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ทรัมป์ทวิตเตอร์โจมตีปากีสถาน ธนาคารกลางของปากีสถานก็ได้ประกาศว่า ได้ดำเนินมาตรการต่างๆที่รับประกันการใช้เงินหยวนในการค้าขายและการทำธุรกรรมทางการเงินระดับทวิภาคี โดยที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างก็มีอิสระที่จะเลือกใช้สกุลเงินของจีนในการค้าขายและกิจกรรมด้านการลงทุนระดับทวิภาคี

    Dong Dengxin ผอ.สถาบันด้านการเงินและความมั่นคง จากมหาวิทยาลัย Wuhan University of Science and Technology ของจีนกล่าวกับ Global Times ของจีนว่า "นี่เป็นแถลงการณ์ทางการเมืองเพื่อตอบโต้การกดดันจากสหรัฐ และบอกกับสหรัฐว่า ปากีสถานได้มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับจีน และว่าปากีสถานกจะใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น"

    Geng Shuang โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า "เราสนับสนุนภาคการตลาดของทั้งสองประเทศให้ใช้สกุลเงินของพวกเราเองในการค้าขายและการลงทุนระดับทวิภาคี เรายินดีต้อนรับมาตรการต่างๆ จากฝ่ายปากีสถาน"

    นกตัวที่สองที่ตกอยู่ในมือของจีน... การสร้างฐานทัพเรือของจีนในปากีสถานใกล้ชายแดนอิหร่าน
    ความร่วมมือทางการทหารระหว่างจีนกับปากีสถานอาจจะช่วยยืนยันถึงการตอบโต้ ต่อการเปลี่ยนขั้วด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐที่มีต่ออินเดีย ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับทั้งปากีสถานและจีน

    หนังสือพิมพ์ The Washington Times ของสหรัฐ ได้รายงานเมื่อวันพุธนี้ว่า จีนกำลังเจรจากับปากีสถาน เพื่อสร้างฐานทัพเรือแห่งที่สองของตนเองในต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันสำหรับแสนยานุภาพที่่ยิ่งใหญ่ทางทะเลตามเส้นทางเดินเรือในทะเลที่สำคัญทางยุทธศาสตร์

    ฐานทัพแห่งนี้อาจจะสร้างที่ท่าเรือ Jiwani ใกล้กับชายแดนของอิหร่านในอ่าวโอมาน ซี่งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือพาณิชย์ของจีนที่เมือง Gwadar (ในปากีสถาน) ที่เมือง Jiwani มีสนามบินด้วย

    [อินเดียก็มีฐานทัพเรือของตนเองที่กรุง Muscat ในโอมาน ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของอ่าวโอมาน สหรัฐก็มีฐานทัพอากาศในกาตาร์ และอีกหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ฐานทัพเรือแห่งแรกของจีนในต่างประเทศอยู่ที่ประเทศจิบูติ (Djibouti) สหรัฐก็มีฐานทัพของตนเองในจิบูติด้วย ทหารญี่ปุ่นบางส่วนก็ประจำการอยู่ที่จิบูติด้วยเช่นกัน - ผู้แปล]

    "ทั้งกรุงปักกิ่งและกรุงอิสลามาบัด ต่างก็มีขีดความสามารถในการสร้างฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศร่วมกันในปากีสถาน แต่มันยังไม่มีความจำเป็นในเวลานี้" เนื่องจากว่ามันจะช่วยหนุนแผนการด้านยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐและพันธมิตร ศ. Lin Minwang จากศูนย์การศึกษาเอเซียใต้แห่งมหาวิทยาลัย Fudan University กล่าวกับ Global Times

    [สหรัฐยังเมามันกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่กดหัวคนอื่น เพื่อชักใยและควบคุมประเทศต่างๆให้อยู่ในอำนาจของตนเอง โดยหวังว่าวิธีการอันธพาลมาเฟียแบบเดิมๆ จะใช้ได้ผล สุดท้ายเหล่าลูกน้องเก่าต่างหันไปพึ่งพาคู่แข่งของสหรัฐแทน และก็กลายเป็นว่าทรัมป์ช่วยเตะหมูเข้าปากมังกรซะงั้น

    หากจีนสร้างฐานทัพเรือที่ Jiwani เสร็จ การที่จะขนอะไรเข้าออกในปากีสถานและอิหร่าน ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ตกลงว่าได้นกถึงสามตัวเลยหรือนี่ ฮ่าๆๆ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/01/2561
    ----------
    http://www.globaltimes.cn/content/1083361.shtml
    https://sputniknews.com/asia/201801051060541891-china-second-foreign-base-pakistan/
    https://sputniknews.com/military/201706201054817467-Islamabad-chinese-base-us-influence/
    http://www.scmp.com/news/china/dipl...-djibouti-now-pakistan-port-earmarked-chinese
    https://www.washingtontimes.com/news/2018/jan/3/china-plans-pakistan-military-base-at-jiwani/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: เพนตากอนปล่อยคลิป propaganda หวังโม้ว่า F-15 สหรัฐสกัดกั้น Su-30 ของรัสเซียใกล้ทะเลบอลติกแต่กลับถูก Su-30 ล็อกเป้าแทน

    Screenshot_2018-01-06-19-47-26.png Screenshot_2018-01-06-19-47-53.png Screenshot_2018-01-06-19-48-00.png

    -----------

    วันที่ 5 ม.ค.61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "สหรัฐโชว์เครื่องบินรบ F-15C สกัดกั้นเครื่องบินรบ Su-30 ของรัสเซียใกล้ทะเลบอลติก (วีดีโอ)" (US Shows Its F-15C Jets Intercept Russia's Su-30 Fighters Near Baltics (VIDEO))

    ข่าวนี้สื่อรัสเซียเอามาจากสื่อของสหรัฐ dvidshub และ Stars and Strikes ซึ่งพาดหัวข่าวว่า "กองทัพอากาศปล่อยคลิปโชว์เครื่องบินรบจากฐานทัพอากาศ Lakenheath สกัดกั้นอากาศยานของรัสเซีย" (Air Force video shows Lakenheath fighters' intercepts of Russian aircraft)

    สหรัฐจะส่งมอบการเป็นผู้นำในภารกิจตรวจน่านฟ้าเหนือบอลติกของนาโต้ให้เดนมาร์กในสัปดาห์หน้า หลังประจำการในลิทัวเนียถึง 4 เดือน ซึ่งพบว่าเครื่องบินรบของสหรัฐได้ขึ้นบินขับไล่สกัดกั้นอากาศยานของรัสเซียประมาณ 30 ครั้ง ที่บินเข้าใกล้น่านฟ้าของนาโต้ เจ้าหน้าที่กล่าว (แต่สหรัฐไม่เปิดเผยข้อมูลที่ว่าอากาศยานของแก๊งนาโต้ได้บินเข้าใกล้น่านฟ้าของรัสเซียในบอลติกกี่สิบครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน)

    กัปตัน Kay Nissen โฆษกหญิง Europe-Air Forces Africa ของกองทัพอากาศสหรัฐกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวเมื่อเทียบกับการขึ้นบินขับไล่ในภารกิจลาดตระเวนน่านฟ้าในอดีตแล้ว พบว่ามีกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการเปลี่ยนกำลัง เนื่องจากมีการซ้อมรบของกองทัพรัสเซียในช่วงเวลานั้น

    ในช่วงปลายของภารกิจ เมื่อวันศุกร์นี้ กองทัพอากาศสหรัฐประจำยุโรป (USAFE) ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ การสกัดกั้น "ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน (นาโต้)" (safe and standard) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการบินขับไล่ที่นำโดยสหรัฐ คลิปนี้บันทึกภาพจากกล้องที่ติดอยู่ด้านหน้าในห้องนักบินของเครื่องบินรบ F-15 จากฐานทัพอากาศ Lakenheath ของกองทัพอากาศอังกฤษ ในประเทศอังกฤษ กัปตัน Kay Nissen กล่าว

    คลิปนี้เป็นการรวมกันของสองเหตุการณ์เข้าในหนึ่งคลิป (เป็นคลิปตัดต่อสไตล์หนังฮอลลิวูด) เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 และเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม 2560 (ทั้งสองวันนี้ตรงกับวันที่ F-22 ของสหรัฐถูกไล่บี้โดย Su-35S ของรัสเซียเหนือน่านฟ้ารัสเซีย ช่างบังเอิญซะจริงๆ)

    USAFE กล่าวว่า เครื่องบินรบ SU-30 Flankers จำนวน 2 ลำของกองทัพเรือรัสเซีย (Russian Navy) ได้บินคู่กันในน่านฟ้าสากลใกล้กลุ่มประเทศบอลติก เครื่องบินรบของรัสเซียบินเข้า-ออกจากฐานทัพต่างๆในพื้นที่ทางเหนือของแคว้น Kaliningrad ดินแดนนอกแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียในทะเลบอลติกอยู่บ่อยครั้ง

    เจ้าเครื่องบินรบ Flankers ที่ถูกสกัดกั้น ไม่ได้แจ้งรหัสที่เหมาะสมตามที่ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศกำหนด และไม่มีแผนการบินในระบบด้วย USAFE กล่าว

    [สิ่งที่ ทอ.สหรัฐไม่กล้าที่จะพูดถึงอย่างละเอียดก็คือ ในคลิปนี้เริ่มต้นด้วยมีเสียงสัญญาเตือนดังขึ้น นักบินสองนายก็รีบวิ่งลงมาตามบันไดจากภายในอาคารหลังหนึ่ง แลก็หยุดเพื่อแต่งตัว จากนั้นก็วิ่งออกไปด้านนอก เพื่อไปขึ้นรถตู้สีขาวคันหนึ่งที่จอดรออยู่ด้านหน้าอาคาร โดยมีตากล้องมือสมัครเล่นวิ่งตาม (น่าตื่นเต้นมาก!)

    จากนั้นก็ตัดไปที่นักบินคนดังกล่าวนั่งอยู่ในห้องนักบินเตรียมตัวจะนำเครื่องบินรบออกจากโรงเก็บเครื่องบิน ด้านนอกมีตากล้องและนักข่าวหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่สนามหญ้าใกล้ลานบินพร้อมกับถ่ายรูปและบันทึกคลิปขณะ F-15 กำลังแล่นผ่านไปช้าๆ จากนั้น F-15 สองลำก็ทะยานขึ้นสู่อากาศ ฟิ้วววว!

    ต่อมาก็ตัดมาที่ฉาก เครื่องบินรบ F-15 ของสหรัฐบินประกบด้านข้าง Su-30 ของรัสเซียลำหนึ่ง และมี Su-30 ของรัสเซียอีกหนึ่งลำบินอยู่ด้านหลัง F-15 ลำนั้นด้วย ส่วน F-15 อีกลำก็ทำหน้าที่เป็นตากล้องถ่ายคลิปสำหรับเอาไปโม้

    ตัดมาเหตุการณ์ที่สอง ไม่เห็นว่ามี F-15 บินเข้าใกล้ Su-30 ของรัสเซีย ในส่วนนี้คาดว่าเป็นการบันทึกภาพจาก F-15 อีกเช่นเคย แต่เห็นเฉพาะ Su-30 ของรัสเซียสองลำที่บินชิลๆ ตามปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ดุเหมือนว่า ทอ.สหรัฐจะภูมิใจมากที่ส่ง F-15 ของตนเองขึ้นขับไล่สกัดกั้นเครื่องบินรบ Su-30 ของรัสเซีย แต่กลับถูก Su-30 ของรัสเซียล้อกเป้าจากด้านหลังซะงั้น เวรกรรม! คาดว่าจุดประสงค์ที่ปล่อยคลิปในครั้งนี้ก็คงจะไม่มีอะไรมาก นอกจากพยายาม ล้างอายเพื่อกลบเกลื่อนกรณี F-22 ถูก Su-35S ไล่บี้มาแล้วถึงสองรบในซีเรียนั่นเอง - ผู้แปล]

    กลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ตอกหน้าสหรัฐกลับทันทีว่า "เส้นทางการบินของเครื่องบินรบรัสเซียเป็นไปตามหน่วยควบคุมด้านลอจิสติกทางอากาศ และได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบสากลในการใช้น่านฟ้าโดยไม่ได้ละเมิดชายแดนของประเทศอื่น ระหว่างการบินในครั้งนี้ เครื่องบินรบ F-15 ของนาโต้นั่นแหละที่บินเข้าไปใกล้เครื่องบินรบของรัสเซีย ในระยะห่างที่ปลอดภัย จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนเส้นทางบินและบินจากไป"

    [สรุปว่าใครผิด? รัสเซียไม่ผิด เพราะว่ารัสเซียอยู่ในน่านฟ้าสากล สหรัฐแถเข้าไปกวนตีนรัสเซียก่อน แต่กลับถูกเครื่องบินรบของรัสเซียล็อกเป้าจากด้านหลัง ยังมีหน้ามาโพสต์คลิปโชว์ความอ่อนด๋อยของตนเองให้ทั่วโลกได้เห็นอีก - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/01/2561
    ----------
    https://sputniknews.com/world/201801061060549849-us-russian-fighter-jets-intercept/
    https://www.dvidshub.net/video/5787...intercepts-during-baltic-air-policing-mission
    https://www.stripes.com/news/europe...hters-intercepts-of-russian-aircraft-1.505403
    https://theaviationist.com/2014/06/18/su-30-beat-f-15-everytime/
    http://www.newsweek.com/watch-us-military-releases-video-russian-fighter-jets-intercepted-772668


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทำความเข้าใจ "บอมบ์ ไซโคลน" ชี้ตัวการถล่มสหรัฐฯ แท้จริงคือ พายุเกรย์สัน
    10:25 | 6 มกราคม 2561 |

    G0DL5oPyrtt5HBAi37Orn9waeHYP5ay7UsDhU0J43dKXvm0uHcCJ9a.png


    สัปดาห์แรกของศักราชใหม่ 2018 ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บเป็นประวัติการณ์ สื่อมวลชนต่างเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "บอมบ์ ไซโคลน"

    ปรากฏการณ์ "บอมบ์ ไซโคลน" ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูหนาว แต่ว่าปีนี้สภาพอากาศหนาวเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับสื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกาหลายสำนักต่างพาดหัวข่าวโดยใช้คำว่า "บอมบ์ ไซโคลน" เพื่อดึงความสนใจของผู้ชม ส่วนชื่อจริงๆ ของพายุลูกนี้ คือ เกรย์สัน แต่สื่อไม่ค่อยพูดถึงกันสักเท่าไหร่

    "บอมบ์ ไซโคลน" เป็นคำเรียกอย่างไม่เป็นทางการ ที่นักอุตุนิยมวิทยาใช้เรียกกันมาตั้งแต่ปี 1940 เนื่องจากเป็นคำที่ให้ความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและฉับพลันของพายุไซโคลน โดยชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของบอมบ์ ไซโคลน คือ บอมโบเจเนซิส

    TSNBg3wSBdng7ijM58laxGVfuP0aZuAnWc307lsHKHL.png

    สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ เกิดจากความกดอากาศของพายุที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ตามเกณฑ์คือจะต้องลดลงอย่างน้อย 24 มิลลิบาร์ ในเวลา 24 ชั่วโมง ทำให้อากาศที่อยู่รอบด้านไหลเข้าไปแทนที่ในจุดศูนย์กลาง เกิดเป็นลมพายุที่มีความเร็วและความแรงเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคน

    ในอดีตที่ผ่านมาพายุไซโคลนส่วนใหญ่ที่กลายเป็นบอมบ์ ไซโคลน ความกดอากาศจะลดลงประมาณ 30 มิลลิบาร์ แต่สำหรับในครั้งนี้ พายุเกรย์สัน ความกดอากาศลดลงถึง 49 มิลลิบาร์ ในเวลา 24 ชั่วโมง มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่าตัว ยิ่งความกดอากาศลดลงมาก ความรุนแรงของพายุก็มากตามไปด้วย

    ภาพถ่ายดาวเทียมจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพายุเกรย์สัน เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น พายุเคลื่อนที่ไปตามแนวชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

    TSNBg3wSBdng7ijM58laxGVfuP0aZuBfcf05nDWEEnW.png

    แม้ "บอมบ์ ไซโคลน" จะฟังดูน่ากลัว แต่พายุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการระเบิด แต่จะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงกว่าปกติ อย่างหลายพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้เผชิญกับอุณหภูมิติดลบเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้กระแสลมแรงยังส่งผลกระทบต่อการสัญจร ทั้งทางบก ทางอากาศและทางน้ำ

    “บอมบ์ ไซโคลน” จะทำให้เกิดความเสียหายและดำรงชีวิตลำบาก นักวิทยาศาสตร์พบว่าบอมบ์ ไซโคลน สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและศึกษาโครงสร้างส่วนลึกใต้พื้นโลกได้ โดยใช้คลื่นไหวสะเทือนที่เกิดจากสภาพทะเลที่ปั่นป่วนขณะเกิดพายุ นักวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบคลื่นไหวสะเทือนนี้ว่า เป็นเหมือนไฟฉายที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ส่องเข้าไปดูส่วนลึกของโลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    http://news.thaipbs.or.th/content/269129
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1515255821848.jpg FB_IMG_1515255825186.jpg

    ชาวบ้านพากันแตกตื่นตกใจ
    เมื่อจู่ๆน้ำทะเลก็ขึ้นสูงจนล้นชายหาด
    แล้วไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ชายทะเล
    รุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินชายฝั่ง

    โดยพวกเขาไม่รู้ว่า "แผ่นดินหายไป"
    เพราะน้ำทะเลไหลเข้าท่วมนี้
    มีสาเหตุเกิดจากอะไร

    เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นที่ #rodadero
    ในซานต้ามาร์ธา
    ประเทศ #โคลัมเบีย
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Visudhi Punya

    น้ำทะเลขึ้นสูงจนท่วมชายหาด
    แล้วรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดิน
    น้ำทะขึ้นโดยไม่ยอมลดลง

    ขณะที่หลายแห่งในโลกน้ำทะเลลดลง
    จนห่างหายไปจากชายหาด

    แต่เหตุการณ์น้ำทะเลท่วมหาดนี้
    กำลังเกิดขึ้นที่ #rodadero
    ในซานต้ามาร์ธา
    ประเทศ #โคลัมเบีย



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2018
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    เครื่องบินรบ Panavia Tornado ของซาอุดิอาระเบียถูกนักรบฮูติสอยหนึ่งลำในเยเมน แต่แก้ตัวว่าขัดข้องทางเทคนิคจึงตก

    IMG_7950.JPG IMG_7951.JPG IMG_7952.JPG

    -----------

    วันที่ 7 ม.ค.61 RT พาดหัวข่าวว่า "พันธมิตรอาหรับโทษ 'ปัญหาขัดข้องทางเทคนิค (มุกอมตะ)' ในขณะที่นักรบฮูติอ้างว่าเป็นฝีมือของตนเองในการสอยเครื่องบินรบของซาอุดิอาระเบียในเยเมน" (Coalition blames ‘technical glitch’ as Houthi rebels claim downing of Saudi jet in Yemen)

    เมื่อวันอาทิตย์นี้ เครื่องบินรบลำหนึ่งของกองทัพอากาศซาอุดิอาระเบียตกในพื้นที่ภาคเหนือของเยเมน พันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียได้ยืนยันการขาดการติดต่อกับเครื่องบินรบลำดังกล่าว โดยออกแถลงการณ์ทางสำนักข่าว SPA กระบอกเสียงของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยอ้างว่าเกิดจากปัญหาขัดข้องทางเทคนิคและตกในสมรภูมิ นักบินสองนายรอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้รับความช่วยเหลือและอพยพในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยร่วมกัน พันธมิตรกล่าว

    "กองบัญชาการกองทัพพันธมิตรอาหรับได้ดำเนินการปฏิบัติการพิเศษร่วมกัน เพื่ออพยพนักบินสองนาย โดยการมีส่วนร่วมของกองทัพอากาศและกองทัพบก ในจุดที่นักบินสองนายได้อพยพเข้าไปในดินแดนของราชอาณาจักร" Colonel Turki Al-Malki โฆษกกองทัพพันธมิตรร่วม กล่่าวในแถลงการณ์ผ่าน SPA โดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของเครื่องบินรบ

    สำนักข่าว Al-Masirah ของฮูติเปิดเผยว่า เครื่องบินรบลำดังกล่าวนี้ถูกยิงโดย "ระบบป้องกันภัยทางอากาศของเยเมน" (hit by the Yemeni air defense) และเครื่องบินรบลำนี้ก็คือ Panavia Tornado ซึ่งผลิตโดยอังกฤษ ในละแวกนั้น มีเพียงซาอุดิอาระเบียประเทศเดียวเท่านั้นที่มีเครื่องบินรบตระกูลนี้ประจำการ

    สำนักข่าว Middle East Eye รายงานว่า "เครื่องบินรบลำดังกล่าวเกิดขั้นข้องทางเทคนิคในเวลา 15:40 (1840 GMT) และประสบอุบัติเหตุ... ในพื้นที่ปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเยเมน" อ้างคำพูดของ Turki al-Maliki ที่กล่าวกับสำนักข่าว AFP

    AMN ของเลบานอนรายงานว่า เครื่องบินรบ Panavia Tornado ของ ทอ. ซาอุดิอาระเบีย 1 ลำถูกยิงตกด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ ในขณะปฏิบัติภารกิจสู้รบ (รุกรานน่านฟ้าเยเมนและบอมบ์บ้านเรือนประชาชนชาวเยเมนตามปรกติ) ในพื้นที่จังหวัด Saada ภาคเหนือของเยเมน

    ป.ล. Panavia Tornado ของ ทอ.ซาอุดิอาระเบียตก เนื่องจากเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค แต่ซาอุดิอาระเบียไม่กล้าเปิดเผยว่าสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินรบของตนเองเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคนั้น อาจจะมาจากบินไปชนเข้ากับ SAM (ขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ) ของนักรบฮูติและกองทัพเยเมนก็ได้ จะโทษอิหร่านหรือรัสเซียอีกหรือเปล่านะ? หรือว่าจะโทษคิมน้อยดีหว่า?

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    08/01/2561
    ----------
    https://www.rt.com/news/415230-saudi-coalition-jet-yemen/
    https://www.reuters.com/article/us-...idUSKBN1EW0NV?feedType=RSS&feedName=worldNews
    http://www.middleeasteye.net/news/saudi-warplane-crashes-yemen-crew-rescued-coalition-2128025153
    https://www.almasdarnews.com/articl...ses-shoot-saudi-tornado-warplane-north-yemen/
    http://www.xinhuanet.com/english/2018-01/08/c_136878509.htm
    https://sputniknews.com/middleeast/201801071060577598-saudi-coalition-plane-crash-yemen/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Panavia_Tornado
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ในที่สุดก็หางโผล่จนได้! ไอซิสผัวแพะขี้ข้ายิวประกาศทำสงครามกับกลุ่มฮามาส แค้นที่ไม่ยอมยกเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลตามที่สหรัฐต้องการ

    IMG_7957.JPG IMG_7953.JPG IMG_7954.JPG IMG_7955.JPG IMG_7956.JPG

    -----------

    วันที่ 7 ธ.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ISIS declares war on Hamas over Jerusalem loss to Trump & Israel"

    ขบวนการก่อการร้ายรัฐอิสลาม (Islamic State / ISIS / ISIL/ IS) ในอียิปต์ได้ปล่อยคลิปใหม่ที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้บรรดาขี้ข้าทั้งหลายทำสงครามต่อต้านกลุ่มฮามาส โดยอ้างว่ากลุ่มฮามาสล้มเหลวในการปกป้องนครเยรูซาเลม หลังจากที่กรุงวอชิงตันประกาศรับรองเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

    คลิปโฆษณาชวนเชื่อความยาว 22 นาทีซึ่งคาดว่าเปิดเผยโดยหนึ่งในแนวร่วมของขบวนการก่อการร้ายไอซิสในคาบสมุทรไซไน และเผยแพร่โดยกลุ่ม Jihadist-monitoring SITE Intelligence Group (หนี่งในกระบอกเสียงของแก๊งไอซิสผัวแพะ)

    คลิปดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่่านมาเกี่ยวกับเยรูซาเลม ได้มีการปล่อยคลิปโฆษณาชวนเชื่อ (ล้างสมองพวกโง่ๆ) เมื่อวันพุธนี้ โดยหักมุมด้วยการประหารชีวิตหนึ่งในอดีตสมาชิกของไอซิส ที่นั่งคุกเข่าในชุดนักโทษสีส้ม

    เหยื่อในคลิปนี้อ้างว่ามีชื่อว่า Musa Abu Zamat ในข้อหาลักลอบสนับสนุนอาวุธให้กับกองกำลังกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ จากอียิปต์ นาย Abu Kazem al-Maqdisi ซึ่งอ้างว่าเป็นครูสอนแก๊งไอซิสผัวแพะเกิดที่ฉนวนกาซา ได้เรียกร้องให้บรรดาสาวกไอซิสโจมตีสถานที่ต่างของกลุ่มติดอาวุธฮามาส และที่ทำการศาล (ของปาเลสไตน์) ในฉนวนกาซาด้วย พวกไอซิสกล่าวหากลุ่มฮามาสว่าร่วมมือกับกลุ่มประเทศตะวันตก และบังอาจต่อสู้ชาวยิวในอิสราเอล

    ผ่านไปไม่กี่นาที ไอซิสก็ประหารชีวิตของอดีตสมาชิกด้วยเป่าสมองของ ส่วนเพชฌฆาตที่ลงมือยิงหัวเหยื่อซึี่งเป็นพวกเดียวกันนั้น มีชื่อว่า Muhammad al-Dajani เป็นหนึ่งในอดีตสมาชิกกลุ่มติดอาวุธฮามาสในกาซาด้วย

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    08/01/2561
    ----------
    https://www.rt.com/news/415133-isis-declares-war-on-hamas/
    http://www.newsweek.com/gazas-next-war-looms-isis-vows-defeat-hamas-failing-stop-trump-770694
    https://www.almasdarnews.com/article/isis-declares-war-hamas-jerusalem-loss-trump-israel/
    https://www.sott.net/article/373047...laring-war-on-Palestines-Hamas-but-not-Israel
    http://www.theleadersnews.com/video-declares-war-hamas-jerusalem-loss-trump-israel/
    https://www.timesofisrael.com/islam...res-war-on-hamas-in-gruesome-execution-video/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กองกำลังติดอาวุธโรฮิงยาแถลงรับโจมตีขบวนรถทหาร ชี้พม่าต้องเปิดเจรจา วันที่ 7 มกราคม 2561 - 23:13 น.
    [​IMG]
    arsa-696x395.jpg
    แฟ้มภาพ กองกำลังอาร์ซา
    เมื่อ 7 ม.ค. เอเอฟพีรายงานว่า กองกำลังติดอาวุธปลดปล่อยชาวอาระกันโรฮิงยา หรืออาร์ซา ซึ่งมีพื้นที่ปฏิบัติการอยู่ในรัฐยะไข่ ประเทศพม่า ออกแถลงการณ์ผ่านทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของกลุ่มว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพพม่าส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บ 3 นาย

    แถลงการณ์ของกลุ่มอาร์ซา ระบุอีกว่า พวกตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการต่อสู้ รัฐบาลพม่าจะต้องปรึกษาหารือกับชาวโรฮิงยาต่อการตัดสินใจใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิทธิทางการเมืองของชาวโรฮิงยาในอนาคต

    arsa2-696x392.jpg

    ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐดังกล่าวที่ส่งผลให้มีชาวโรฮิงยาอพยพข้ามชายแดนไปประเทศบังกลาเทศกว่า 650,000 คนแล้ว และสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า ปฏิบัติการของกองทัพพม่าที่กล่าวอ้างว่าเพื่อกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธนั้นอาจเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    AP17348291462867-696x464.jpg
    ผู้อพยพชาวโรฮิงยา (AP Photo/Dar Yasin, File)
    ด้านกองทัพพม่า ระบุถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า มีรถยนต์ของนายทหารโดนกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงยาประมาณ 10 คนเข้าโจมตี ด้วยการระดมยิงด้วยปืนอัตโนมัติ และใช้ทุ่นระเบิดทำเอง ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมาในเขตเมืองดาว รัฐยะไข่ ทำให้คนขับรถ และนายทหารอีก 2 นายบาดเจ็บ

    ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถยืนยันว่ากลุ่มอาร์ซานั้นมีขีดความสามารถในการต่อสู้มากน้อยเพียงใด แต่รัฐบาลพม่าถือว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ส่วนกลุ่มอาร์ซาอ้างว่าต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาวโรฮิงยาจากกดขี่ของพม่า


    https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_697151
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    โรงงานสาวไหมเกาหลีเหนือ: อีกหนึ่งความสำเร็จของคิมน้อยในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าและทันสมัย

    IMG_7989.JPG IMG_7990.JPG IMG_7991.JPG IMG_7992.JPG IMG_7993.JPG IMG_7994.JPG IMG_7995.JPG IMG_7996.JPG IMG_7997.JPG

    --------------

    ปี 2016 ปธน. คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเดินทางไปเยี่ยมและตรวจงานที่ "โรงงานเปียงยาง คิม จอง ซุก ซิลค์ มิลล์" (Pyongyang Kim Jong Suk Silk Mill) ของรัฐบาลเกาหลีเหนือในกรุงเปียงยาง โรงงานแห่งนี้ปั่นและผลิตเส้นใยไหม สำหรับใช้ในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม และสิ่งทออื่นๆที่ทำด้วยผ้าไหม ตั้งชื่อตามอดีตภรรยาประธานาธิบดีคิม อิล-ซุง ซึ่งเป็นผู้นำคนที่หนึ่งของเกาหลีเหนือ และเป็นปู่ของปธน. คิม จอง-อึน ผู้นำคนปัจจุบันของเกาหลีเหนือด้วย

    ดังนั้น คิม จอง-ซุก จึงเป็นย่าของคิมน้อย เป็นวีรสตรีหญิงนักรบ เป็นผู้นำกองกำลังกองโจรชาตินิยมเกาหลีเหนือที่รวบรวมกำลังพลสำหรับต่อต้านและขับไล่พวกทหารญี่ปุ่นที่รุกรานเกาหลีในอดีต

    ที่โรงงานแห่งนี้มีสถานที่ดูแลและเลี้ยงดูเด็กๆระดับอนุบาลด้วย ซึ่งเป็นลูกๆ ของพนักงานที่ทำงานในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งพนักงานใหญ่ใหญ่เป็นผู้หญิง คุณแม่ไปทำงาน คุณพ่อก็ไปทำงานนอกบ้าน เมื่อไม่มีใครอยู่ดูแลลูกๆที่บ้าน แม่ก็ต้องพาลูกของตนเองไปที่ทำงานของตนเองด้วย โดยทางรัฐบาลได้จัดสถานที่พิเศษไว้ในพื้นที่โรงงานสำหรับดูแลและให้การศึกษาแก่ลูกๆของพนักงานด้วย พอเลิกงานก็พากันกลับบ้าน

    โรงงานแห่งนี้มีพนักงานประมาณ 1,600 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผลิตเส้นใยไหมได้ปีละประมาณ 200 ตัน สหรัฐพยายามขัดขวางการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าของเกาหลีเหนือด้วยการใช้อำนาจของตนเองและยูเอ็นในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือหลายทาง ซึ่งรวมทั้งการห้ามเกาหลีเหนือส่งออกผลิตภัณฑ์และสินค้าสิ่งทอทุกชนิด โดยอ้างว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะนำรายได้ที่ได้จากการค้าขายสินค้าเหล่านั้นไปใช้ในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐและพันธมิตร

    แท้ที่จริงแล้ว สหรัฐกลัวว่าเกาหลีเหนือจะมีความก้าวหน้า กลัวว่าประชาชนชาวเกาหลีเหนือจะอยู่ดีกินดี จึงพยายามกดหัวให้เกาหลีเหนือยากจนต่อไป แต่ดูเหมือนว่าภายใต้การกดขี่ข่มเหงสารพัดรูปแบบจากสหรัฐ เกาหลีเหนือกลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    09/01/2561
    ----------
    http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&no=5622
    http://exploredprk.com/photos/pyongyang-kim-jong-suk-silk-mill-4/
    http://uriminzokkiri.com/index.php?...1=1&categ2=2&index=164&pagenum=21&no=5461#pos


    http://missoulian.com/north-korea-s...age_fc5ed938-cc03-53a8-a79c-8d4d1bf69087.html
    https://www.theguardian.com/world/g...urnalists-tour-a-silk-mill-in-pictures#img-14
    https://www.thenational.ae/world/silk-steam-and-slogans-inside-a-north-korean-factory-1.33479
    http://www.nkleadershipwatch.org/2017/12/25/kim-jong-suks-100th-birth-anniversary-marked/
    https://www.kfausa.org/visit-pyongyang-kim-jong-suk-silk-mill/
     

แชร์หน้านี้

Loading...