ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วิจารณ์สนั่น!! เปิดคลิปวินาที"ศรีวราห์" ไล่นิติกรกรมอุทยานฯ,ผู้ไม่เกี่ยวข้อง!! ออกนอกห้องสอบสวน"หน.วิเชียร"..ลั่นการสอบสวนเป็นความลับ?
    (โปรดใช้วิจารณญาณ)

    จากข่าวใหญ่ ที่เป็นกระเเสอย่างต่อเนื่องในบ้านเรา กรณี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวก อีกสามคน บุกรุกเข้าล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก รายงานว่า คณะของนายเปรมชัย กรรณสูต ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ซึ่งเป็นจุดที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์..
    ที่มา Tnews

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โกงอีก! ทุนนร.ยากไร้ชายแดนใต้ ยังไม่เว้น
    09 มี.ค. 2561 / 15:04 น.
    4-13.jpg
    ป.ป.ท. เขต 9 พบพิรุธศูนย์คนไร้ที่พึ่งจังหวัดยะลา มอบทุนการศึกษาให้ 4 โรงเรียนในอำเภอเบตง โดยมอบทุนแค่รายละ 1,000 บาท แต่ทำใบเสร็จรับเงินเพิ่มอีกเท่าตัว
    วันนี้ (9 มี.ค.61) นายแทนไท จันทร์ชู นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เขต 9 สงขลา นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อำเภอเบตง หลังพบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยะลา สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2560 ส่งเสริมอาชีพให้ผู้ยากไร้ คนจน ในการประกอบอาชีพสร้างรายได้ และเงินสวัสดิการผู้พิการ ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี อย่างไม่โปร่งใส

    %E0%B8%99%E0%B8%A3.%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%87-5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.jpg

    เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เขต 9 เน้นสอบถามข้อมูลผู้มีรายชื่อรับเงิน จนทราบวิธีการใหม่อีกหนึ่งวิธีของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยะลา คือ การใช้ครูในสถานศึกษาขนาดเล็กระดับชั้นประถมศึกษาของอำเภอ 4 โรงให้เข้ามามีส่วนร่วม

    โดยศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยะลา แจ้งกับทางโรงเรียนว่า จะมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน เพียงครูส่งรายชื่อผู้ปกครองและนักเรียนไปให้พิจารณา หากผ่านเกณฑ์จะมอบทุนการศึกษาให้รายละ 1,000 บาท โดยครูและผู้ปกครองไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่ออกใบเสร็จรับเงินจำนวน 2,000 บาท ซึ่งมีนักเรียนในอำเภอเบตงได้รับทุนการศึกษาครั้งนี้เกือบ 200 คน

    %E0%B8%99%E0%B8%A3.%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%87-3-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.jpg

    นอกจากนี้ ยังตรวจพบเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยะลา จัดทำงบประมาณเบิกจ่ายเงิน มาแล้ว แต่ไม่ได้จ่ายตามงบฯ ที่ขอไป และมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อเบิกงบฯ สนับสนุนกลุ่มอาชีพให้ชาวบ้านประมาณ 500 คน โดยจะขอเอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน และให้ชาวบ้านลงรายชื่อ โดยไม่ระบุเงินจำนวนที่จะได้รับ

    %E0%B8%99%E0%B8%A3.%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%87-4%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.jpg

    ผู้มีสิทธิ์รับเงินบางรายให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพิ่มเติมว่า หลังมีนักศึกษาฝึกงานออกมาเปิดเผยการทุจริตของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ได้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยะลา เดินทางไปพบชาวบ้านในอำเภอเบตง พร้อมกำชับว่า หากมีเจ้าหน้าที่สอบถามเรื่องนี้ ให้ตอบไปว่า ได้รับเงิน 2,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามจะไม่หาทุนไปสนับสนุนให้อีก


    http://www.springnews.co.th/view/210416
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สุดสลดใจประเทศไทย ข้าราชการหญิงระดับซี 8 โกงเงินช่วยหญิงภาคเหนือ 88 ล้าน พอรู้ว่าเป็นใคร ถึงกับรับไม่ได้จริงๆ!!

    ล่าสุดกำลังเป็นข่าวดัง ข้าราชการหญิงระดับสูงอมเงินที่เอาไว้ช่วยเหลือเด็กหญิงภาคเหนือ เป็นทุนการศึกษาให้มีชีวิตที่ดี โดยนางเป็นถึงระดับผู้บริหารโครงการนี้ แต่กลับอมเงินใช้เองสุขสบายตลอด 10 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2561 ยอดเงินที่โกงไปมากถึง 88 ล้าน จนเพื่อนบ้าน เด็กฝึกงาน จับได้ว่ารวยผิดปกติ สืบไปสืบมา ความแตกในที่สุด

    สงสารเด็กๆเหล่านี้ ชีวิตเลือกเกิดแต่ยังต้องมาโดนข้าราชการเลวๆโกงเงินไปอีก เป็นสิบๆปี เกือบร้อยล้าน จิตใจไปด้วยอะไร

    แชร์ไปเพื่อสังคมที่ดี ต่อต้านการโกงในประเทศไทย

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    TheMo-Bupphesanniwas_cover.png


    ว่าด้วยความเชื่อ ‘ฝรั่งเลว—ไทยดี’ และสิ่งที่ ‘บุพเพสันนิวาส’ ไม่ได้บอก
    IN FOCUS MAR 8, 2018
    • บุพเพสันนิวาส ปรากฏร่องรอยของอุดมการณ์ชาตินิยมและภาพของฝรั่งที่เป็น ‘คนเก่ง’ แต่ไม่ใช่ ‘คนดี’ แต่หากดูจากการตีความของนักประวัติศาสตร์หลายคนก็พบว่า ต่อให้มีข้อมูลจำนวนมาก เราก็อาจไม่สามารถบอกได้ว่าใครดีหรือเลว
    • จุดประสงค์ที่ชัดเจนของประเทศตะวันตกที่เข้ามาในอยุธยาคือผลประโยชน์ทางพาณิชย์นาวี และการเข้าควบคุมการค้าในเส้นทางจีน-ญี่ปุ่น ขณะที่กษัตริย์อยุธยาก็ได้รับผลประโยชน์สูงสุดเช่นกัน ทั้งอำนาจทางการเมืองและความมั่งคั่งทางการคลัง
    • การมีอยู่ของชาวต่างชาติในอยุธยาเป็นเครื่องมือสำคัญของกษัตริย์และราชสำนักในเกมการเมือง โดยเฉพาะในราชวงศ์ปราสาททองตอนปลาย ที่มีความขัดแย้งและการแย่งชิงอำนาจในราชสำนักเป็นคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดที่สุด
    “ขุนหลวงนารายณ์ท่านโปรดคนฉลาด ฉลาดด้วยรู้รอบด้วยท่านยิ่งโปรด นายก็องสตังซ์เขารู้รอบเรื่องการค้า เรื่องเดินเรือเขาก็รู้ การช่างเรื่องอาวุธยุทธภัณฑ์เขาก็รู้ ท่านโปรดฟังเรื่องของกษัตริย์เมืองต่างๆ นายคนนี้ก็เล่าถวาย จริงบ้างไม่จริงบ้าง ใครจะไปรู้…จริงมั้ย ท่านโปรดเขาให้เข้าเฝ้าใกล้ชิด ทูลแนะนำเรื่องอะไรท่านก็ทรงเชื่อไปเสียหมด พวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่…แน่นอนก็มี…เหล่บ้าง…ลุงพูดถูกไหมเจ้า”

    —ออกญาโหราธิบดีกล่าวกับเกศสุรางค์ในร่างแม่หญิงการะเกด จากบทโทรทัศน์ บุพเพสันนิวาส โดย ศัลยา



    คงไม่ต้องสงสัยกันแล้วว่า สรรพนาม ‘ออเจ้า’ มาจากไหน และคำนาม ‘เว็จ’ แปลว่าอะไร หรือหากยังไม่ถูกชี้แจงก็คงจะถามคนใกล้ตัวเอาได้ เพราะละครหลังข่าวเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่มาของศัพท์โบราณสองคำนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันทั้งประเทศ จนมีมีมแม่หญิงการะเกดออกมาให้แชร์กันสนุกมือ และมีผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ยุคพระนารายณ์ (ค.ศ. 1656-1688) ออกมาแบ่งปันเกร็ดประวัติศาสตร์กันอย่างครึกครื้น

    แต่ถึงละครย้อนยุค/ข้ามภพ/โรแมนติก/คอเมดี้เรื่องนี้จะมีฉากหลังอิงประวัติศาสตร์ มีบุคคลสำคัญในอดีตหลายตัว และมีการแทรกเกร็ดความรู้ให้ผู้ชม ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่ทำให้ผู้ชมติดละครเรื่องนี้คือความน่ารัก ตลก กุ๊กกิ๊ก ระหว่าง การะเกด (เบลล่า—ราณี แคมเปน) และพี่หมื่น (โป๊ป—ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) และสิ่งที่คนดู ‘พูดถึง’ มากที่สุดก็คือซิกซ์แพ็กแน่นๆ และหุ่นแซ่บๆ ของหมื่นเรือง (ปั้นจั่น—ปรมะ อิ่มอโนทัย) ซึ่งไม่แปลกและไม่ใช่เรื่องผิดแม้แต่น้อย

    ฟังก์ชันหลักของละครหลังข่าวไทย (รวมทั้งบทประพันธ์และบทโทรทัศน์ ซึ่งมีความเป็นเรื่องแต่งอย่างสมบูรณ์) ยังคงเป็นความสนุกสนานและความบันเทิงที่ช่วยคลายความทุกข์ร้อนที่เราเจอมาตลอดทั้งวัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำหน้าที่อื่นไปด้วย โดยเฉพาะบุพเพสันนิวาส ที่ถึงจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนละครย้อนยุคเรื่องอื่นๆ แต่ก็ยังมี ‘คราบ’ ของอุดมการณ์ชาตินิยมและการชื่นชมความสงบสุขของอยุธยาแทรกเข้ามาอยู่เป็นระยะ จนผู้ชมเกิดอารมณ์โหยหาอดีต อยากย้อนกลับไปเป็นแบบอยุธยาที่ละครนำเสนอ นั่นคือเวอร์ชันที่ฝรั่งนั้นเป็น ‘คนเก่ง’ แต่ไม่ใช่ ‘คนดี’ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่บุพเพสันนิวาส จะแทนค่าคำว่าฝรั่งด้วยตัวละคร คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เมอร์ซิเออร์ก็องสตังซ์ (หลุยส์ สก๊อตต์) ที่หวังจะมากอบโกยผลประโยชน์ เถลิงอำนาจ และทำตัวเป็นปรปักษ์กับขุนนางไทยที่เป็นคนดี รักสงบ มีความจงรักภักดีต่อขุนหลวงนารายณ์

    ผู้ชมเกิดอารมณ์โหยหาอดีต อยากย้อนกลับไปเป็นแบบอยุธยาที่ละครนำเสนอ นั่นคือเวอร์ชันที่ฝรั่งนั้นเป็น ‘คนเก่ง’ แต่ไม่ใช่ ‘คนดี’

    แต่เมื่อลองดูการตีความของนักประวัติศาสตร์หลายคนทั้งไทยและเทศก็พบว่า ต่อให้มีข้อมูลมากมายหลากหลายแค่ไหน เราก็อาจไม่สามารถบอกได้ว่าใครดีหรือเลว เพราะความคิดของผู้เขียนในฐานะผู้ศึกษาประวัติศาสตร์สังคม เป้าประสงค์ของการศึกษาประวัติศาสตร์ไม่ใช่การตัดสินคนด้วยศีลธรรมซึ่งเป็นเรื่องอัตวิสัย หากแต่คือการใช้ข้อมูลเชิงบูรณาการ นั่นคือใช้ปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง มาประกอบขึ้นเป็น ‘ภาพของสังคม’ และนี่คือภาพของสังคมการเมืองอยุธยาในยุคสมัยพระนารายณ์แบบที่ผู้เขียนเห็น ส่วนผู้อ่านจะมองอย่างไรก็ถือเป็นอิสระของผู้อ่านโดยสมบูรณ์

    ตะวันตก: ตัวร้ายหรือแค่เข้ามาค้าขาย?
    ในช่วงศตวรรษที่ 14-17 เป็นยุคที่ต่างชาตินั้นเข้ามาค้าขายในดินแดนอยุธยากันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ญี่ปุ่น แขกมัวร์ เปอร์เซีย อาหรับ หรืออินเดีย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จะมีเพียงพ่อค้าและขุนนาง สิ่งที่ผู้อ่านน่าจะทราบกันดีคือพระมหากษัตริย์เองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับประโยชน์อย่างสูงจากการค้าขายกับต่างแดน ความสัมพันธ์ทางการค้าที่แนบแน่นนั้นทำให้ราชสำนักดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง นั่นคือทำให้กษัตริย์มีทั้งอำนาจในทางการเมืองและความมั่งคั่งทางการคลัง

    อย่างที่นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน เดวิด ไวแอตต์ กล่าวไว้ว่า “ยิ่งกษัตริย์มีความมั่งคั่งจากการค้ามากเท่าไหร่ เขายิ่งสามารถเอาชนะและควบรวมศัตรูทั้งภายในและภายนอกได้ง่ายขึ้นเท่านั้น รวมทั้งสามารถใช้ดินแดนเหล่านั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการค้าขายให้กับราชสำนักต่อไปได้อีก”

    แต่จุดเริ่มต้นของการค้ากับประเทศตะวันตกนั้นไม่ใช่การเดินเรือเข้ามาของฟากตะวันตกโดยตรง แต่เริ่มจากความสัมพันธ์กับจีนในฐานะที่อยู่ใต้ระบบบรรณาการ นั่นคืออยุธยาต้องส่งบรรณาการไปยังจีน แต่ในทางกลับกันก็ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองและผลประโยชน์ทางการค้า และเช่นเดียวกับแขกมัวร์ ชาวจีนที่เดินเรือมายังไทยจำนวนมากได้ตัดสินใจพำนักอาศัยบนแผ่นดินอยุธยาในฐานะประชาชนและข้าราชการ (โดยหนึ่งในข้าราชการชาวจีนที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ ‘กรมท่าซ้าย’ ผู้ดูแลการค้าขายในเขตทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ซึ่งหมายถึงจีนตอนใต้ นางาซากิ เกาะริคคิว และเวียดนาม) ประเทศตะวันตกที่เข้ามาทีหลังจึงเข้ามาเพราะอยากควบคุมการค้าในเส้นทางจีน-ญี่ปุ่นนั่นเอง

    ความสัมพันธ์ทางการค้าที่แนบแน่นทำให้ราชสำนักดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง นั่นคือทำให้กษัตริย์มีทั้งอำนาจในทางการเมืองและความมั่งคั่งทางการคลัง

    ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าจุดประสงค์ที่ชัดเจนยิ่งของการเข้ามาในอยุธยาของประเทศตะวันตกคือ ผลประโยชน์ทางพาณิชย์นาวี และประเทศเหล่านี้ก็ได้ใช้วิธีการทางการทูตเพื่อทำให้การตกลงทำธุรกิจเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่างเช่นโปรตุเกสที่เข้ามาในอยุธยาเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1511 และใช้อำนาจในฐานะผู้ปกครองแคว้นมะละกาซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอยุธยา เพื่อบังคับกษัตริย์รามาธิบดีที่ 2 ให้เซ็นสัญญายอมให้โปรตุเกสค้าขายได้อย่างเสรีในมะละกา (ความสำคัญของกรณีนี้คือโปรตุเกสจะสามารถควบคุมหรือมีอิทธิพลเหนือการค้าในเส้นทางอินเดีย—เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้) ตามมาด้วยการตัดสินใจพำนักในอยุธยาเป็นการถาวรในไม่กี่ปีหลังจากนั้น เหมือนอย่างแขกมัวร์และชาวจีน

    หลังจากนั้นในปี 1603 หรือในยุคกษัตริย์เอกาทศรถ ชาวดัตช์ก็ตามมาด้วยหวังจะลดอิทธิพลของโปรตุเกสลงด้วยการก้าวก่ายเส้นทางการค้าของโปรตุเกส จนได้ขึ้นมามีบทบาทแทนโปรตุเกสในยุคของพระเจ้าปราสาททอง แต่ก็ต้องเสียอำนาจนั้นให้กับฝรั่งเศสในอีกหลายทศวรรษให้หลัง หลังจากฝรั่งเศสเริ่มติดต่อกับอยุธยาเป็นครั้งแรกในปี 1680 และคงความนิยมในราชสำนักจนปลายรัชสมัยของพระนารายณ์ในปี 1688 แต่ในขณะที่ประเทศอื่นที่เน้นหนักไปที่การค้าขาย ฝรั่งเศสกลับไม่ได้เดินทางมาด้วยเหตุผลเดียวกัน แถมยังมีความสัมพันธ์ทางการทูตและการเมืองกับอยุธยาอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดในลำดับต่อไป

    อยุธยา: รักสงบหรือแก่งแย่งชิงดี?
    ความขัดแย้งและการแย่งชิงอำนาจในราชสำนักเป็นคาแร็กเตอร์ที่เด่นชัดที่สุดของราชวงศ์ปราสาททองตอนปลาย การรัฐประหาร การก่อกบฎ และการประหารชีวิตเป็นสิ่งที่พบเห็นได้โดยทั่วไปในรัชสมัยของกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์อย่างพระนารายณ์ ผู้ซึ่งใช้กลยุทธ์ของพระเจ้าปราสาททองในการรับมือกับขั้วอำนาจทางการเมืองต่างๆ ทั้งเชื้อพระวงศ์จากเมืองอื่นที่อยากเข้าใกล้การปกครองส่วนกลาง (ซึ่งเกิดขึ้นจากกระบวนการรวมศูนย์อำนาจในช่วงต้นของศตวรรษที่ 17) ขุนนางระดับสูงที่มีไพร่ในมือ และข้าราชการที่ดูแลกิจการระดับรองๆ เช่น พราหมณ์ หัตถกรรม และการเดินเรือ แต่กลุ่มบุคคลที่ที่ราชสำนักไม่ไว้ใจมากที่สุดคือเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่บางคนเป็นขุนนางชั้นสูง ซึ่งในที่นี่จะขอเรียกสั้นๆ ว่า ‘อีลีท’ (elite)

    อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้วิเคราะห์ไว้ว่า กลยุทธ์ ‘ทางตรง’ ของพระเจ้าปราสาททองที่ว่าไปนั้น ประกอบด้วยการปล่อยให้มีตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งว่างอยู่เป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้กลุ่มอีลีทส่งไม้ต่อให้กับพวกของตัวเองได้ สั่งยึดมรดกและที่ดินของกลุ่มอีลีทถึงหนึ่งในสามส่วนมาเก็บไว้ในพระคลังหลวง และประหารอีลีทจำนวนมาก ซึ่งทำให้ลูกหลานของอีลีทเหล่านั้นกลายเป็นสามัญชนไปโดยปริยาย สะท้อนลักษณะ ‘absolutist’ ของกษัตริย์อยุธยาตามคำนิยามของ ฟาน ฟลีต พ่อค้าบริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม วัน วลิต ได้ดี

    ส่วนกลยุทธ์ ‘ทางอ้อม’ นั้นคือการมอบตำแหน่งรองๆ ให้กับชาวต่างชาติ ก่อนจะย้ายพวกเขาขึ้นมารับตำแหน่งสูงๆ ของเหล่าอีลีทที่อาจจะกำลังเลื่อยบัลลังก์ของพระองค์ คนที่รู้จักกันดีก็คือ ‘ออกญาเสนาภิมุข’ หรือ ยามาดะ นากามาสะ ผู้ซึ่งภายหลังสนับสนุนพระไชยเชษฐาธิราชให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าทรงธรรมเมื่อปี 1628 และพระนารายณ์ก็ใช้กลยุทธ์นี้เช่นกัน ด้วยการมอบตำแหน่งรองๆ ให้ชาวกรีกนาม คอนสแตนติน ฟอลคอน ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเขาได้กลายเป็น ‘เจ้าพระยาวิไชเยนทร์’ ในที่สุด

    มาถึงจุดนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ขุนนางต่างชาตินั้นมีอิทธิพลกับการเมืองภายในของอยุธยาอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่แค่ขุนนางคนใดคนหนึ่งที่มีสิทธิขาดในการตัดสินใจของกษัตริย์ โดยเฉพาะพระนารายณ์ที่คงไม่ได้ ‘หูเบา’ อย่างที่พูดกันในละคร เพราะพระองค์ยังมี ‘เครื่องมือ’ อื่นๆ อีกนอกเหนือจากที่กล่าวไป เครื่องมือที่ว่านั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักกับฝรั่งเศส ชาติตะวันตกที่มีจุดประสงค์ในการเข้ามายังอยุธยาต่างจากโปรตุเกสหรือดัตช์ นั่นคือไม่ได้เข้ามาเพื่อการค้าหรือการควบคุมเส้นทางการค้า แต่มาเพื่อส่งคณะมิชชันนารีไปยังอินโดจีนและแคว้นตงกิง ก่อนที่จะมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสยามในกาลถัดมา

    ขุนนางต่างชาตินั้นมีอิทธิพลกับการเมืองภายในของอยุธยาอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่แค่ขุนนางคนใดคนหนึ่งที่มีสิทธิขาดในการตัดสินใจของกษัตริย์

    ที่ว่าพระนารายณ์มองฝรั่งเศสเป็น ‘เครื่องมือ’ ก็เพราะพระองค์เห็นว่าราชสำนักสามารถใช้ประโยชน์จากการมีอยู่ของฝรั่งเศสในอยุธยาได้ (ไม่ว่าฝรั่งเศสจะต้องการอะไรจากความสัมพันธ์นี้ก็ตาม แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันในระดับหนึ่งว่าเป็นความสัมพันธ์แบบวิน-วิน) ทั้งเพื่อเพิ่มความสามารถทางการทหารให้กับราชสำนัก เช่น สร้างป้อมปราการแปดเหลี่ยมที่มีที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ภายใน โดย เดอ ลา มาร์ วิศวกรชาวฝรั่งเศส และเพื่อคานอำนาจทางการเมืองโดยใช้ความสนิทสนมชิดเชื้อกับฝรั่งเศสที่เห็นได้ชัดผ่านการส่งคณะทูตไปยังฝรั่งเศสถึงหลายครั้งหลายครา มาคัดง้างกับเครือข่ายของพระเพทราชา อันประกอบด้วยองค์กรสงฆ์ที่มีปัญหาคาราคาซังกับปีกของพระนารายณ์มานาน และพ่อค้ามุสลิมที่เสียผลประโยชน์

    แต่สุดท้ายพระเพทราชาก็ได้ ‘ใช้’ การมีอยู่ของกองทัพฝรั่งเศสในลพบุรีและบางกอกเป็นข้ออ้างในการปฏิวัติยึดราชบัลลังก์จากพระนารายณ์จนสำเร็จในปี 1688 (ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผู้พูดถึงและเขียนถึงไว้เป็นจำนวนมาก สามารถไปตามหาอ่านกันได้) จนอาจพูดได้ว่า หากฝรั่งเศสเป็นเครื่องมือของพระนารายณ์ฉันใด ฝรั่งเศสก็เป็นเครื่องมือของพระเพทราชาด้วยเฉกเช่นกัน

    ฉะนั้นแล้ว การที่เกศสุรางค์เชื่อว่าอยุธยาสงบสุข ไม่มีการคอรัปชั่น และมีฝรั่งเป็นส่วนเกิน จึงแสดงให้เราเห็นว่าผู้ชมบางส่วนไม่พอใจในปัจจุบันอันแสนจะวุ่นวาย เต็มไปด้วยการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และไร้ซึ่งความปรองดอง จนเกิดความโหยหาอดีต (ซึ่งเป็นอดีตที่ตัวเองไม่เคยมองเห็นด้วยตา แต่เป็นอดีตที่ถูกประกอบสร้างขึ้นโดยผู้อื่น) อยากย้อนกลับไปเป็นแบบอยุธยาในฉบับที่ละครนำเสนอ และเชื่อว่าเป็นแล้ว สงบแล้ว เพียงแค่ได้ตบแต่งตัวเองด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่แสดงให้เห็นถึง ‘ความเป็นไทย’ แบบที่ตัวเองเข้าใจเท่านั้น





    หมายเหตุ* ผู้เขียนใช้ปีคริสตศักราชเพื่อให้ง่ายต่อการเทียบเคียงกับเอกสารทางประวัติศาสตร์ของต่างชาติและเหตุการณ์โลกอื่นๆ

    อ้างอิง

    • บางส่วนเรียบเรียงจากบทความของผู้เขียนในชื่อ An Overview of the Siamese-French Relationship and King Narai Court’s Perception of the French, 1681-1688.
    • Eoseewongse, Nithi. การเมืองไทยสมัยพระนารายณ์. 8th ed. Bangkok: Matichon Books, 2014.
    • Kitiarsa, Pattana. “An Ambiguous Intimacy: Farang as Siamese Occidentalism.” In The Ambiguous Allure of theWest, edited by Rachel V. Harrison and Peter A. Jackson, 57-74. Hong Kong: Hong Kong University Press, 2010.
    • Lourido, Rui D’Ávila. “European Trade Between Macao and Siam, from Its Beginnings to 1663.” Journal of The Siam Society 84, Part 2 (1996): 75-101.
    • Pitpoomwithi, Pridi. จากบางเจ้าพระยาสู่ปารีส. Bangkok: Matichon Books, 2008.
    • Ruangsilp, Bhawan. Dutch East India Company Merchants at the Court of Ayutthaya: Dutch Perceptions of the Thai Kingdom c. 1604-1765. Leiden: Koninklijke Brill NV, 2007.
    https://themomentum.co/will-of-heaven_thai-drama/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หน่วยงานดูแลโครงการรถไฟฟ้าของนครโฮจิมินห์ซิตี้เรียกร้องรัฐบาลท้องถิ่นช่วยจัดสรรเงินทุนเพื่อนำมาจ่ายหนี้ให้กับผู้รับเหมาก่อนในขณะที่รอเงินทุนจากรัฐบาลกลาง เพราะหากการชำระเงินล่าช้าก็อาจทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก

    โดยล่าสุดหน่วยงานดังกล่าวเผยมีหนี้จำนวน $43.9ล้าน (ประมาณ 1.38พันล้านบาท) ซึ่งเป็นหนี้กับบรรดาผู้รับเหมาของโครงการ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลท้องถิ่นนครโฮจิมินห์ซิตี้ต้องนำเงินงบประมาณท้องถิ่นมาจ่ายในโครงการรถไฟฟ้าของเมืองก่อน ในปี 2016 และ 2017 รัฐบาลท้องถิ่นได้ควักเงินจ่ายให้กับโครงการก่อนจำนวนราว 2.3ล้านล้านด่อง (ประมาณ 3.17พันล้านบาท) เนื่องจากเงินที่ได้รับจากรัฐบาลกลางไม่เพียงพอ

    ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าของนครโฮจิมินห์ซิตี้เริ่มต้นในปี 2012 และมีกำหนดเสร็จในปี 2020 ซึ่งขณะนี้โครงการแล้วเสร็จแล้วประมาณ 50% แต่ด้วยเงินลงทุนที่มาบ้างไม่มาบ้าง ทำให้โครงการอาจเสร็จไม่ทันตามกำหนด

    ซึ่งหากโครงการไม่สามารถชำระหนี้ได้อาจกลายเป็นหายนะของนครโฮจิมินห์ซิตี้ เพราะนอกจากอาจต้องเผชิญกับการฟ้องร้องตามกฎหมายแล้วยังกระทบถึงชื่อเสียงของเมืองอีกด้วย

    ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/news/s...er-delays-due-to-44-million-debt-3720565.html

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นครพนมสุดฉาว! โกงเงินคนจนตั้งเบิก 5 พัน แต่จ่ายจริงหัวละ 500 วันที่ 9 มี.ค. 61 20:03

    16661_1520601849.jpg


    นครพนมสุดฉาว!โกงเงินคนจนตั้งเบิก5พันแต่จ่ายจริงหัวละ50

    1520601832.jpg

    เมื่อเวลา15.00น.วันที่9มี.ค.61พ.ท.กรทิพย์ดาโรจน์เลขาธิการป.ป.ท.เผยว่าวันนี้ตนพร้อมชุดปฏิบัติการปราบปรามสำนักงานป.ป.ท.ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่จ.นครพนมโดยเฉพาะอ.นาหว้าและอ.นาทมหลังจากการลงพื้นที่ของนายธนวัฒน์สนิทศักดิ์ดีนักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษพร้อมเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ5ระหว่างวันที่5-8มี.ค.ที่ผ่านมาปรากฏข้อเท็จจริงส่อทุจริตรวม4ประเด็นดังนี้1.มีการปลอมเอกสารลายมือชื่อในใบรับเงินสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและปลอมลายมือชื่อในแบบสำรวจผู้ประสบปัญหาทางสังคมของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.นครพนมโดยชาวบ้านไม่เคยได้รับเงินสงเคราะห์แต่มีหลักฐานใบรับเงินระบุว่าชาวบ้านมีการรับเงินไปแล้ว

    "2.ชาวบ้านยืนยันว่าได้รับเงินครบจำนวนแต่ภายหลังกลับคำให้การว่าไม่เคยได้รับเงินตามวันเวลาที่ระบุในใบสำคัญรับเงินแต่เพิ่งได้รับเงิน1,000บาทเมื่อกลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งได้รับภายหลังเป็นข่าวป.ป.ท.เข้าตรวจสอบการทุจริตโดยชาวบ้านได้มอบพยานหลักฐานเป็นคลิปเสียงและคลิปวิดีโอบันทึกภาพเคลื่อนไหวของแกนนำเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดหน่วยงานอื่นเรียกชาวบ้านประชุมซักซ้อมเมื่อช่วงปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อให้ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.ไปในแนวทางเดียวกันว่าลงชื่อจริง รับเงินจริง3.ชาวบ้านยืนยันว่าศูนย์ฯให้ลงชื่อโดยไม่ทราบว่าลงชื่ออะไรและให้รับรองสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและได้รับเงินค่าลงชื่อในเอกสาร50-100บาทแต่เมื่อป.ป.ท.ตรวจสอบกลับพบว่าเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯนำเอกสารที่ชาวบ้านลงชื่อไปเบิกเงินคนละ5,000บาทและ4.มีการจ่ายเงินล่าช้าใบรับเงินระบุวันที่จ่ายในปี59และ60แต่ชาวบ้านเพิ่งได้รับเงินโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯเพิ่งติดต่อให้ชาวบ้านที่ลงชื่อมารับเงินเมื่อประมาณกลางเดือนก.พ.61"พ.ท.กรทิพย์กล่าว


    เลขาฯป.ป.ท.เผยอีกว่านอกจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดกรมพัฒนาสังคม(พม.)แล้วป.ป.ท.จะขยายผลไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดหน่วยงานอื่นเช่นผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.นครพนมมีพฤติกรรมส่อร่วมทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯด้วยขณะนี้ยังมีชาวบ้านจำนวนมากไม่กล้าเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯเกรงว่าคราวหน้าจะไม่ได้รับการสงเคราะห์ช่วยเหลือใดๆและที่สำคัญที่ชาวบ้านกลัวมากคือไม่อยากขึ้นศาล

    ที่มา//ไทยรัฐ

    http://www.topicza.com/news66418.html?d=09032018&f=18206
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป...อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม

    อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม ท่านพิการเดินไม่ได้มาเป็นเวลาถึง ๓๗ ปี จวบถึงวันสุดท้ายของชีวิต ชาวพุทธใจสิงห์อย่างท่าน ได้นำทุกขเวทนาเหล่านั้นมาพัฒนาจิตตน รักษาศีล ภาวนา กลายเป็นที่พึ่ง เป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาล

    เมื่อวันที่๓เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ ชีวิตของครูพละหนุ่ม กำพล ทองบุญนุ่ม จากนครสวรรค์ ต้องพลิกผันอย่างสิ้นเชิง หลังการกระโดดพุ่งหลาวลงสระน้ำในวิทยาลัยพลศึกษา จ.อ่างทอง แล้วเกิดพลาดท่าศีรษะกระแทกกับพื้นก้นสระ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้กระดูกต้นคอข้อที่ ๕ ของเขาหักไปถูกประสาทสันหลังเกิดอาการชาทั้งตัวและกลายเป็นอัมพาต ซึ่งแพทย์บอกว่าเขาไม่มีทางหายเป็นปกติได้อีกเหมือนเดิม ต้องพิการไปตลอดชีวิต แต่อาจารย์กำพล กลับใช้สังขารร่างกายของตนเป็น “อุปกรณ์ของพระธรรม” ด้วยร่างกายอันพิการ ใช้งานได้เพียง ๒๐% ของคนปกติทั่วไป แต่ท่านกลับประยุกต์ใช้มันได้เต็ม ๑๐๐% เพื่อการแสดงธรรม ...

    แล้วพวกเราเองล่ะ ร่างกายเต็ม ๑๐๐% เอาไปรับใช้ธรรมะเพื่อตนเองหรือผู้อื่นสักกี่เปอร์เซ็นต์

    ไม่เพียง “จิต” ของท่านจะพัฒนาสูงขึ้นๆ โดยลำดับ จากครูบาอาจารย์หลายท่านที่วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

    "เริ่มต้นจากที่ท่านเขียนจดหมายไปหาหลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ แล้ว หลวงพ่อก็เมตตาชี้แนะผ่านมาทางจดหมาย อาจารย์กำพลก็น้อมนำคำสอนจากหลวงพ่อมาปฏิบัติ จนพาตัวเองออกจากความทุกข์ได้

    "จนกระทั่งผ่านไปสองปี หลวงพ่อมอบหมายให้พระที่วัด เดินทางมาหาอาจารย์กำพล ที่บ้านใน จ.นครสวรรค์ พร้อมกับให้ถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์อาจารย์กำพล กลับไปให้ท่านชม หลังจากนั้นท่านจึงให้พระที่สุคะโต เดินทางมาหาอาจารย์กำพลอีกครั้ง พร้อมให้ชวนไปอยู่ด้วยกันที่วัดป่าสุคะโต

    “นี่เป็นการเดินทางไกลออกจากบ้านครั้งแรกหลังจากชีวิตต้องพบกับความพิการ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นี่คือการเดินทางที่พาอาจารย์กำพลไปพบหลวงพ่อคำเขียนที่ท่านนับถือ และไปใช้ชีวิตท่ามกลางกัลยาณมิตรที่วัดป่าสุคะโต”

    จากนั้นการปฏิบัติเจริญสติโดยการเคลื่อนไหวนิ้วที่เป็นสิ่งเดียวของร่างกายที่พอจะเคลื่อนไหวได้ ตามแนวทางที่หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อคำเขียนค้นพบ ก็นำไปสู่การเจริญสติปัฏฐานอย่างต่อเนื่อง จนพลิกจิตที่ส่งออกนอกไปกับการทุกข์กาย กลับมาอยู่กับความรู้สึกตัวในการเคลื่อนไหวนิ้วอย่างมีสติ จนจิตเป็นอิสระในที่สุด หมดทุกข์ก่อนตาย

    อานิสงส์จากจิตที่เป็นอิสระจากกาย กลับกลายเป็นธรรมโอสถอันวิเศษที่มาช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่านให้ดีวันดีคืน จากที่ขยับได้แค่มือขวา ทำให้สามารถยกมือซ้ายได้อีกด้วย พระอาจารย์หลายท่านที่วัดป่าสุคะโต ให้ความเห็นว่า ธรรมดาคนพิการเป็นอัมพาตทั่วไปมีแต่ร่ายกายจะเสื่อมถอยลง แต่ของอาจารย์กำพลกลับดีขึ้น สีหน้าสีตา สดใสขึ้น น้ำเสียงแจ่มใส แววตามุ่งมั่นและเปี่ยมเมตตา นั่นแหละเป็นลักษณะของคนที่เริ่มมีภูมิธรรมสูงขึ้น

    ครั้นเมื่อจิตท่านเข้าถึงธรรมแล้ว ... บางครั้งท่านปรารภธรรมกับพระอาจารย์บางรูป ท่านพูดเป็นปริศนาธรรมอย่างหน้าตาเฉยว่า ...

    พระอาจารย์ครับ ... ชีวิตผม เป็นชีวิตที่ไม่มีอนาคตแล้วครับ

    มนุษย์ขี้เหม็นทั่วไปหากได้ฟังประโยคนี้แล้วก็คงคิดว่าคนที่พูดเช่นนี้เป็นคนหมดอาลัยตายอยากแล้ว ไม่สู้ชีวิตเอาเสียเลย ไม่น่าคบหาสมาคมด้วย แต่สำหรับพระผู้มีปัญญากลับทราบด้วยจิตว่า คนคนนี้แหละน่าคบเป็นกัลยาณมิตรอย่างยิ่ง ชีวิตที่ไร้อนาคต ในทางธรรมนั้น หมายถึงดวงจิตที่เป็นอยู่กับแต่ปัจจุบัน ไม่อาลัยต่ออดีต และที่สำคัญไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยสังขารปรุงแต่งไปถึงอนาคต ที่ไม่เคยมาถึง (Tomorrow never come) ให้เป็นทุกข์เปล่าๆ ต่างหากล่ะ

    ดังที่ท่านเคยให้สัมภาษณ์ว่า ...

    “ผมเดินไม่ได้ก็ยังเดินไม่ได้เหมือนเดิม แต่ใจผมจะไปไหนก็ได้ ถึงบอกว่าผมเดินด้วยใจ แต่เวลาไปไหนไปด้วยล้อเลื่อน มันแยกกันทำงาน เมื่อใจดีแล้วถึงโลกจะเลวร้ายเราก็สามารถมองให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองได้ เหมือนปุ๋ยมันเกิดจากอะไร เกิดจากของเหม็นเน่า คนไม่ชอบ แต่สิ่งที่เหม็นเน่าหมักหมมมันเป็นก็เป็นปุ๋ยได้ ถ้ารู้จักมอง เหมือนกันความพิการก็ใช่ว่าจะไม่เป็นประโยชน์ ถ้าไม่พิการแล้วเราจะมาสนใจธรรมทำไม”

    นั่นแสดงว่า ... ท่านเห็นแจ้งชัดในการแยกรูปและนาม กายและใจ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แล้วท่านรู้จักมองมุมบวก (Positive thinking) สามารถแปลงความพิการของท่าน มาเป็นแรงขับดันให้สนใจธรรมะ ตามสำนวนที่ท่านพุทธทาสว่าไว้ ... หาสุขได้จากทุกข์

    เมื่อท่านสนใจธรรมะแล้ว ท่านก็เข้าถึงการลงมือปฏิบัติด้วยจิตของท่านเอง หลังจากเสียเวลาไปสิบกว่าปี ศึกษาธรรมด้วยวิธีคิดอย่างเดียว จากบางส่วนที่ท่านเล่าไว้ ...

    “คิดอย่างเดียวไม่ได้ … ถ้าคิดอย่างเดียว ๑๖ ปีแรกที่ผมศึกษาเรื่องนี้ก็คงบรรลุธรรมไปนานแล้ว คือที่ผ่านมาความคิดของเรามันไม่ถูกต้องไง เราไปเชื่อว่าคนพิการนั้นปฏิบัติไม่ได้ เราไม่ได้ไปบวช ไปอยู่วัดเหมือนกระแสเขา เราอยู่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะปฏิบัติธรรมได้อย่างไร

    แต่เมื่อถึงเวลาที่ทุกข์จนพอเพียง มันคิดได้ว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้ปฏิบัติทางกายอย่างเดียว ใจต่างหากที่สำคัญ เอาล่ะเมื่อเราไปวัดไม่ได้ เราก็ทำในสภาพพิการเช่นนี้แหละ ยอมรับตามอัตภาพของเรา ไม่ต้องเหมือนกัน พอเราคิดแบบนี้เราก็ทำเท่าที่เราทำได้ เพราะเราเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายที่เป็นธรรม มันเป็นบุญกุศลทั้งนั้น เหมือนยาที่มันขมดูแล้วไม่อร่อยแต่ก็มีประโยชน์ ...”

    ใครที่เคยได้สัมผัส เสวนาธรรม ปรนนิบัติชิดใกล้ท่าน จะไม่รู้สึกว่าท่านเป็นคนพิการแต่อย่างใด ใจของคนที่คิดจะทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น จิตของผู้ที่ปฏิบัติธรรม แม้ร่างกายไม่อำนวยนั้น หล่อเลี้ยงท่านจนกลายเป็นหนึ่งในอาจารย์สอนกรรมฐานชีวิต สละกายตนเป็นอุปกรณ์สอนธรรมะ แสดงผลแห่งทุกขเวทนาทางกายนั้น ไม่อาจล้ำเส้นไปถึงจิตใจได้ ทำให้ผมหวนนึกถึง รูปทิเบตแสดงวงปฏิจจสมุปบาทที่สวนโมกข์ รูปที่แสดงอาการ เวทนา มีชายถูกศรปักลูกตาถึง ๒ ข้าง หมายถึงคนธรรมดาๆ ทั่วไป เมื่อร่างกายเจ็บป่วย พิการ อาการจะเหมือนถูกศรปักทั้งสองข้าง แต่ผู้รู้ธรรมเห็นธรรมแล้วจะเพียงแค่ถูกปักด้วยศรข้างเดียว (คือกระทบแต่กาย หาได้กระทบจิตไม่)

    จิตของอาจารย์กำพลจึงตื่นรู้และเบิกบานเสมอ ตราบจนวาระสุดท้าย ผู้เขียนจึงขอแสดงมุทิตาจิตต่อธรรมะที่ท่านอาจารย์กำพลได้แสดงให้เห็นประจักษ์ ตลอดระยะเวลาที่ท่านอยู่บนโลกนี้ครับ

    ... คำพูดช่วงท้ายๆ ก่อนท่านจะสิ้นลม เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๔๖ น. ที่ชมรมเพื่อนคุณธรรม ที่ผ่านมา

    การบรรลุธรรมเป็นเพียงคำพูด “การสิ้นทุกข์” ถือเป็นของจริง

    กายย่อมเสื่อม กายไป ใช่ของแปลก

    จิตกลับแยก ส่วนกัน อัศจรรย์เหลือ

    ทุกขเวทนา สำแดงชัด ไม่คลุมเครือ

    น่าเหลือเชื่อ ท่านกำพล ไม่สนใจ

    สติท่าน แก่กล้า ไม่สับสน

    เลือกจะเป็น คนสอนคน ไม่เฉไฉ

    ปฏิบัติธรรม ด้วยเห็นทุกข์ ทางร่างกาย

    ดับไม่เหลือ เชื้อเกิดใหม่ ให้เห็นเอยฯ

    Cr ทุกข์เท่านั้นที่ดับไปอาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม : วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพิสุทธิ์ เกรียงบูรพา

    หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    deepsnews_1520656183_7315.jpg
    อยากได้ความเป็นธรรมและชี้แจง!!!ดอกเตอร์จากกรมอุทยาน ชี้ชัด DNAเป็นของเปรมชัย...ข่าวที่ออกมาบอกมีสารปนเปื้อน เป็นคำกล่าวที่ตลกมาก

    วันที่ 10 มี.ค.61 ในเฟสบุ๊ก Kanita Ouitavon โพสตืข้อความพร้อมภาพระบุว่า...

    เรียน เพื่อนๆ ผู้สนใจติดตามข่าวเสือดำถูกล่าในเขตฯทุ่งใหญ่ทุกท่านนะคะ...

    สืบเนื่องจากข่าวในวันนี้ที่กล่าวถึงการติดตามการตรวจพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยานในคดีฯดังกล่าว ที่กล่าวว่าพบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีดและเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอคนใช้ได้ชัดเจน เหตุเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนนั้น อาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้....ดิฉัน ดร. กณิตา อุ่ยถาวร ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสััตว์ป่าในคดีนี้ ขอชี้แจงให้ทุกท่านเข้าใจ...ดังนี้นะคะ

    1. กรมอุทยานฯ โดยหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ได้รับตัวอย่างวัตถุพยาน (ซึ่งมีมีดทั้ง 6 เล่ม และชิ้นส่วนของเขียงรวมอยู่ด้วย) จาก สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งมีการระบุว่าได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาเรียบร้อยแล้ว ในนั้นมีอุจจาระที่ตรวจแล้วว่าเป็นดีเอ็นเอของคุณเปรมชัย กรรณสูต อยู่ด้วย ซึ่งมีการแจ้งความประสงค์ว่าต้องการนำมาตรวจหาดีเอ็นเอสัตว์ป่าต่อ.. (ดูภาพถุงประกอบค่ะ) และต้องการให้หาว่ามีดีเอ็นเอของเสือดำอยู่ด้วยหรือไม่? ซึ่งทางหน่วยฯ ได้รับตัวอย่างไว้ตรวจตามที่ร้องขอ...จึงแสดงว่าทางกรมอุทยานฯ มิได้นำตัวอย่างวัตถุพยานดังกล่าวนี้มาตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนแต่อย่างใด แต่ตรวจตามที่ตำรวจร้องขอและเป็นผู้นำมาส่งให้ หลังจากที่ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของมนุษย์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว

    2. ในเนื้อข่าวที่ระบุว่า...มีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่แรก ทำให้ตรวจดีเอ็นเอบุคคลไม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้ว (อันนี้..เป็นคำกล่าวที่ตลกมากและไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดนะคะ คือไม่มีการใช้สารเคมีอะไรเลยค่ะ) ขอเรียนว่าทางหน่วยฯ ตรวจดีเอ็นเอจาก swab หรือก้านสำลีที่ทางตำรวจป้ายคราบเลือดมาให้เรียบร้อยแล้ว เพียงก้านเดียวก็พบดีเอ็นเอของเสือดำแล้ว ส่วนตัวมีดทั้ง 6 เล่ม ทางหน่วยฯ เป็นผู้เก็บรักษาไว้ให้ (ตั้งแต่วันที่ได้รับมาคือวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ส่งคืนคือวันนี้ 9 มีนาคม 2561) โดยที่มิได้มีการแตะต้องที่ด้ามมีด หรือตัวมีดแต่อย่่างใด อีกทั้งยังใส่ถุงมือเวลาทำงาน ดังนั้นลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์ที่จะมีก่อนหน้านั้น จึงยังมิได้ถูกทำลายแต่อย่างใดค่ะ ซึ่งก็ได้ส่งคืนให้แล้วในวันนี้ ดังนั้นทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานก็สามารถนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ได้อย่างแน่นอนค่ะ

    คดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก ในท่ามกลางการสูญเสีย คือชีวิตที่กลับคืนมาไม่ได้ของเสือดำตัวนี้นั้น...สิ่งที่เราได้กลับคืนมาอย่างเข้มแข็งในตอนนี้ก็คือจิตสำนึกร่วมของประชาชนในการหวงแหนและอยากจะปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ดูบอบบางของชาติให้คงอยู่ตลอดไป...ในฐานะที่ดิฉันก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีจิตสำนึกร่วมนี้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่คนตรวจดีเอ็นเอสัตว์ป่า ก็อยากจะเห็นความถูกต้อง ความยุติธรรม และการไม่บิดเบือนความจริงใดใด รวมทั้งก็อยากเห็นทุกท่านที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แม้แต่น้อยนึงก็ตาม ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจ...อยากเห็นทุกคนช่วยกันแสดงออกเพื่อเป็นปากเสียงให้กับสัตว์ป่าผู้น่าสงสารที่ต้องมาตายเพราะถูกมนุษย์ใจร้ายล่าอย่างแท้จริงค่ะ...ได้โปรดช่วยกันเพื่อให้เสือดำตัวนี้ไม่ตายฟรีนะคะ ขอบพระคุณมากค่าา

    2(47).jpg

    3(42).jpg

    4(35).jpg

    http://www.deepsnews.com/contents/gq/1945



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2018
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผ่าเครือข่าย "เงินทอน" งาบดะ "วัด-โรงเรียน-คนจน"
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV
    9 มีนาคม 2561 19:16

    ช่วงนี้มาติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกของ "ล่าความจริง" คุณผู้ชมคงยังจำกันได้กับ "ปมทุจริตงบประมาณของรัฐ" ที่ล่าความจริงเกาะติดมาตลอด จนเกิดวาทกรรมใหม่ว่าด้วย "เงินทอน" ตั้งแต่ "เงินทอนวัด" ซึ่งตอนนี้ตรวจสอบกันไปแล้ว 3 เฟส ตามด้วยการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ยากไร้และคนไร้ที่พึ่ง รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีทั้งการ "หักหัวคิว" และ "เงินทอน" ล่าสุดยังมีการทุจริตเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผันเงินไปใช้สนับสนุนกิจกรรมก่อความไม่สงบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบลึกลงไป ก็พบรูปแบบ "เงินทอน" อีกเหมือนกัน
    แผนประทุษกรรมการทุจริตทั้ง 3 เรื่อง มีความคล้ายคลึงกันในบางแง่มุม แล้วก็มีความแตกต่างกันในบางประเด็น ซึ่งวันนี้ล่าความจริงจะนำมาชำแหละให้เห็นกันชัดๆ โดยเฉพาะนวัตกรรมการโกงที่เรียกกันว่า "เงินทอน" ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีข้าราชการทุกระดับเข้าไปเกี่ยวข้อง และอาจโยงถึงฝ่ายการเมืองด้วย เข้าข่ายเป็นการ "ทุจริตเชิงนโยบาย" แบบหนึ่งกันเลยทีเดียวแผนประทุษกรรมภาพรวม
    เรามาดูโครงสร้างแผนประทุษกรรมการโกงในภาพรวมกันก่อน เริ่มจากการจัดสรรงบประมาณของประเทศให้กับกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตามแผนงานการใช้จ่ายงบประมาณที่รัฐบาลต้องเสนอผ่านสภา เมื่อสภาอนุมัติ งบจะถูกจัดสรรมาที่กระทรวง จากกระทรวงจะลงมาที่กรม และหน่วยงานระดับเดียวกันแต่เรียกชื่ออย่างอื่น เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หน่วยงานระดับกรมนี้จะมี "แขน-ขา" เป็นหน่วยงานย่อยของตนเองที่ทำงานกับประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เรียกว่าหน่วยงานในระดับภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานระดับจังหวัด และหน่วยงานในระดับจังหวัดนี้เอง ที่ต้องทำงานสัมผัสกับประชาชนในแต่ละท้องถิ่น ทุกภาคของประเทศไทย
    เมื่องบถูกจัดสรรลงมาที่หน่วยงานระดับจังหวัด เม็ดเงินก็จะกระจายไปถึงมือ "องค์กร" หรือ "ประชาชน" ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเรียน คนยากคนจน , วัด หรือแม้แต่โรงเรียน งบที่ลงมานี้ ถ้าข้าราชการในระดับจังหวัดเป็นเครือข่ายการทุจริตของ "ระดับบิ๊ก" ในส่วนกลาง ก็จะมีการส่ง "เงินทอน" กลับไปให้ผู้บังคับบัญชาของตน ทั้งส่งตรงกลับไปเลย คือหักจากงบที่ได้มาทั้งก้อนแบบดื้อๆ หรือไม่ก็ไปเรียกเงินทอนเอาจาก "องค์กร" หรือ "ประชาชน" ที่เป็นผู้รับงบประมาณ แล้วส่งเป็น "ส่วยเงินทอน" กลับไปยังผู้บังคับบัญชา คุณผู้ชมจะเห็นว่า คนที่ได้ประโยชน์จากการ
    ทุจริตรูปแบบนี้ ก็คือ "บิ๊กข้าราชการ" ระดับ "นายๆ" ที่อยู่ในส่วนกลางนั่นเอง
    คำถามก็คือ แล้วข้าราชการที่คุมหน่วยงานในระดับภูมิภาค เขาได้อะไร วิธีการโกงของเขา ก็คือการไป "หักหัวคิว" เอากับประชาชนหรือองค์กรที่เป็นผู้รับงบประมาณ เช่น ต้องได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ก็ไป "หักหัวคิว" จ่ายจริงแค่ 2,000 บาท หรือ 1,000 บาท อย่างนี้เป็นต้น เงินหัวคิวเหล่านี้ ส่วนหนึ่งก็จะแบ่งกันเข้ากระเป๋าเครือข่ายในระดับจังหวัด อีกส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้เป็น "กองกลาง" เอาไว้ดูแล "นาย" เมื่อ "นาย" ลงพื้นที่ ถามว่าทำไมต้องดูแล "นาย" คำตอบก็คือ ผลงานเหล่านี้ (เรียกว่าผลงานเลยนะ แต่เป็นผลงานของเครือข่ายโกง) ถ้าใครหา "เงินทอน" ส่งนายได้เยอะ ดูแล "นาย" แบบประทับใจ ข้าราชการพวกนี้ก็จะได้รับการโปรโมทขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงกว่า จากนั้นก็จะเติบโตไปเรื่อยๆ จนขึ้นไปเป็น "ระดับบิ๊กในส่วนกลาง" แล้วก็สร้างเครือข่ายโกงต่อไปอีก เป็นวัฏจักรการโกงหมุนวนไปแบบนี้
    นี่คือแผนประทุษกรรมการโกงในภาพรวมที่ "ล่าความจริง" นำมาอธิบายให้คุณผู้ชมเข้าใจง่ายๆ ก่อน คราวนี้เรามาเจาะลึกลงไปในแต่ละเรื่อง แต่ละกระทรวงกันต่อ ว่ารายละเอียดการโกง เขาทำกันแบบไหน
    ทุจริตเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนชายแดนใต้
    ลงไปล่างสุดกันก่อน ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่นี้มีโรงเรียนเอกชนนับพันแห่ง แต่ละแห่งจะได้รับเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนจากรัฐบาล เป็นเงิน 14,000 บาทต่อคนต่อปี แต่โรงเรียนเขาจะมีวิธีโกง ด้วยการแจ้งยอดนักเรียนเกินจริง หรือชื่อซ้ำซ้อนกับโรงเรียนอื่น เรียกว่า "นักเรียนผี" คือมีแต่ชื่อ แต่ไม่ได้มาเรียนจริงๆ ทำให้โรงเรียนได้รับงบอุดหนุนรายหัวเกินจริง
    งบอุดหนุนจะแบ่งเป็น 5 หมวด คือ ค่าเล่าเรียน , ค่าหนังสือ , ค่าอุปกรณ์การเรียน , ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาผู้เรียน ในส่วนของค่าเล่าเรียนและค่าพัฒนาผู้เรียน ทางโรงเรียนรับไป ส่วนค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน และเครื่องแบบนักเรียน ต้องจัดซื้อจากห้างร้านภายนอกจึงมีการร่วมมือกับห้างร้านที่เป็นเครือข่าย สร้างหลักฐานเท็จด้วยการซื้อใบเสร็จปลอมจากทางร้าน หรือไม่ก็ทางร้านขาย "ตรายาง" ของร้านให้โรงเรียนไปปั๊มใบเสร็จกันเองเลย
    เมื่อทำใบเสร็จปลอมเรียบร้อย ก็นำใบเสร็จนั้นไปเบิกงบอุดหนุนจาก "สช." หรือสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด ทำให้ได้งบเกินจริง และมี "เงินทอน" แบ่งกันระหว่างโรงเรียนกับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ขณะที่บริษัทตรวจสอบบัญชี จะเข้ามามีบทบาทในการทำ "บัญชีงบดุลเท็จ" ให้กับทางโรงเรียน เพื่อเป็นหลักฐานปลอม ก่อนส่งให้กระทรวงศึกษาฯตรวจสอบ
    นี่คือรูปแบบการทุจริตเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนที่ชายแดนใต้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกตรวจสอบ แต่เคยมีการตรวจสอบกันไปบ้างแล้วในยุค คสช.นี่แหละ แค่ 3 ปีงบประมาณย้อนหลัง พบโรงเรียนเอกชนเบิกเงินซ้ำซ้อนมากถึง 134 ล้านบาท ที่ร้ายที่สุดก็คือ เงินจำนวนนี้นอกจากจะไหลเข้านอนอุ่นในกระเป๋าของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนหนึ่งยังไหลไปยังเครือข่าย "โจรใต้" นำไปใช้ก่อความไม่สงบรูปแบบต่างๆ ด้วย พูดง่ายๆ คือ ใช้งบรัฐไปทำระเบิด ไปเผา ไปยิงเจ้าหน้าที่ เพื่อต่อต้านรัฐอีกที เข้าทำนอง "จับเสือมือเปล่า" เอาเงินรัฐมาต่อต้านรัฐ ร้ายยิ่งกว่าล่าเสือดำอีกนะคะ
    ทุจริตเงินทอนวัด
    การ "งาบงบ" แบบ "ปล้นกลางแดด" นี้ ไม่ได้มีแค่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่วัดในพระพุทธศาสนาก็มีเหมือนกัน นั่นก็คือ "เงินทอนวัด" ที่เป็นข่าวดังสะเทือนวงการเมื่อปีที่แล้ว
    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทุจริต "เงินทอนวัด" ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หรือ พศจ. และวัด งบที่เขาโกงกันมี 2 ก้อนใหญ่ๆ และใช้วิธีการไม่เหมือนกัน
    ก้อนแรก งบบูรณะปฏิสังขรณ์วัด วิธีการโกงก็คือ พศจ. หรือ "สำนักพุทธฯจังหวัด" จะเข้าไปติดต่อวัดในพื้นที่ ว่าจะจะรับงบบูรณะปฏิสังขรณ์หรือไม่ ถ้ารับ ต้องจ่ายเงินทอนร้อยละ 50-80 ทางวัดฟังแล้วก็คิดว่าได้เงินบ้างยังดีกว่าไม่ได้เลย โดยมากก็จะตอบตกลง (ส่วนใหญ่วัดไม่เกี่ยวกับการทุจริต) จากนั้น "สำนักพุทธฯจังหวัด" จะทำเรื่องเสนอของบไปที่สำนักพุทธฯส่วนกลาง เพื่อจัดสรรงบประมาณให้ในแต่ละปี กระจายลงไปที่สำนักพุทธฯจังหวัด จากนั้น สำนักพุทธฯจังหวัดจะโอนเงินให้วัด แล้วเรียกคืนเงินทอน (อัตราการทอนเฉลี่ยที่ ปปป.ตร.ตรวจสอบพบ สูงถึง 63%) เมื่อได้เงินทอนมาแล้ว กฺ็จะแบ่งกันระหว่าง สำนักพุทธฯจังหวัด กับผู้บริหารสำนักพุทธฯ (งบก้อนนี้ได้รับการจัดสรรปีละ 500 ล้านบาททั่วประเทศ - ถ้าคิดเงินทอน 50% เป็นเงินเท่าไหร่แล้ว ลองคำนวณกันดู)
    ก้อนที่สอง เรียกว่า "งบอุดหนุนเพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม" ตัวละครที่เกี่ยวข้อง นอกจาก สำนักพุทธฯในส่วนกลาง , สำนักพุทธฯจังหวัด และวัดเหมือนงบก้อนแรกแล้ว งานนี้ยังมี "พระผู้ใหญ่" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    วิธีการโกง ข้าราชการระดับสูงในสำนักพุทธฯ และพระผู้ใหญ่ จะส่งพระในเครือข่ายไปเป็นเจ้าอาวาส หรือเจ้าคณะในพื้นที่เป้าหมาย จากนั้นในแต่ละปีจะส่งเอกสารของบอุดหนุนเพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยอ้างว่าเปิดสอนในวัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ แต่แจ้งยอดนักเรียนเกินจริง (นักเรียนผี - เหมือนโรงเรียนที่ชายแดนใต้) เมื่องบอุดหนุนถูกส่งไปถึงวัด ก็จะมียอดส่วนต่างจากจำนวนนักเรียนที่แจ้งยอดเกินเอาไว้ กลายเป็น "เงินทอน" แบ่งสรรปันส่วนกันระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการ ที่น่าตกใจก็คือ บางแห่ง บางวัดไม่มีเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมจริงๆ ด้วยซ้ำ เรียกว่านักเรียนผี 100% โรงเรียนก็ยังผี เพราะไม่มีอยู่จริง (งบก้อนนี้แต่ละปีตั้งไว้ถึง 1,200 ล้านบาท)
    ทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง (งบคนจน)
    ไปดูกันอีกกระทรวงหนึ่งที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ กระทรวง พม. มีการเปิดโปงการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ตัวละครของเครือข่าย "งาบงบคนจน" นี้ ประกอบด้วย ผู้บริหาร พม. ผู้บริหารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัด และปลายทางที่ได้รับผลกระทบจากการโกง คือ คนไร้ที่พึ่ง ผู้มีรายได้น้อย และผู้ติดเชื้อ HIV
    วิธีการโกง ผู้บริหาร พม.และกรมพัฒนาสังคมฯ จะตั้งคนของตัวเองลงไปเป็น ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัด จากนั้น ผอ.ศูนย์ฯ จะสำรวจจำนวนผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับเงินสงเคราะห์ในพื้นที่ของตน (ทั้งคนไร้ที่พึ่ง ผู้มีได้รายได้น้อย ผู้ติดเชื้อ HIV) จากนั้นส่งจำนวนกลับไปยังกรมพัฒนาสังคมฯ เพื่อทำเรื่องของบประมาณผ่านกระทรวง พม.ในแต่ละปี
    เมื่อได้รับการจัดสรรงบมา ก็จัดสรรลงไปตามจังหวัดต่างๆ โดย ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในจังหวัดที่อยู่ในเครือข่ายทุจริต จะส่งงบเป็น "เงินทอน" กลับไปให้ผู้บริหารกระทรวง จากนั้นนำเงินที่เหลือไปแจกให้ผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับเงินสงเคราะห์ แต่ "หักหัวคิว" จ่ายไม่เต็ม หรือไม่จ่ายเลยกรณีที่ส่งชื่อปลอมตั้งแต่แรก (คือไม่ใช่คนจนจริง แค่ยืมชื่อมาใช้) เงินที่เหลือจากการ "หักหัวคิว" เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดก็แบ่งกัน และกันส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นค่า "ดูแลนาย" เวลาผู้บังคับบัญชาของกระทรวง พม.หรือของกรมฯลงพื้นที่ ใครดูแลดี เงินทอนสูง ก็จะได้ปูนบำเหน็จ ขึ้นเป็นผู้ปกครองนิคมสร้างตนเอง ซึ่ง "ซี" สูงกว่า จากนั้นก็ขยับขึ้นเป็นรองอธิบดี และเข้าไปเป็นผู้บริหารกรมหรือกระทรวงฯ ไปสร้างเครือข่ายโกงวนไปเรื่อยๆ
    นี่คือ "วัฏจักรการทุจริตคอร์รัปชั่น" ในรูปแบบ "เงินทอน" จาก 3 โครงการ 3 กระทรวงที่เรานำมาชำแหละให้คุณผู้ชมเห็นชัดๆ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตัวการทุจริตล้วนเป็นข้าราชการซึ่งอยู่ใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลทั้งสิ้น ฉะนั้นการจะกวาดล้างขบวนการนี้ให้หมดไป จึงอยู่ที่ความจริงจัง จริงใจของรัฐบาล โดยเฉพาะ "รัฐบาล คสช." ที่ประกาศตัวว่าเป็น "รัฐบาลปราบโกง" ก็ต้องวัดใจว่าจะจัดการให้สิ้นซากหรือไม่ ถ้าไม่ทำ หรือปล่อย "ชิลล์ๆ" ไป ก็ไม่แปลกถ้าคนเขาจะคิดว่า มีคนในรัฐบาลนี้ได้ผลประโยชน์อยู่ด้วย


    http://www.nationtv.tv/main/program/378607590/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2018
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเเทิง: สหรัฐส่งโดรนสอดแนมราคาลำละสองร้อยกว่าล้านเหรียญไปถ้ำมองใกล้ชายแดนไคร์เมียของรัสเซีย แต่ถูกตรวจจับได้ จึงรีบเผ่นก่อนที่จะถูกสอยร่วง แหมะ… รัสเซียกำลังเตรียมจัดปาร์ตี้ต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญอยู่แล้ว ทำไมรีบกลับซะหละคุณอีแอบ?
    FB_IMG_1520682641525.jpg FB_IMG_1520682645587.jpg FB_IMG_1520682650221.jpg
    -------------

    วันที่ 8 มี.ค. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ไม่ได้ล่องหนจริงนิ: โดรนสายลับเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐถูกตรวจจับได้ใกล้ไคร์เมีย" (Not That Stealthy: Strategic US Spy Drone Reportedly Spotted Near Crimea)

    มีรายงานเปิดเผยว่าอากาศยานหมายเลข 10-2043 ซึ่งขึ้นบินจากสถานีอากาศ Sicilian ของ ทร. สหรัฐที่ฐานทัพเรือ Sigonella นาโต้ใน Sicily อิตาลี และบินลาดตระเวนตามแนวชายฝั่งทางตะวันตกและทิศใต้ของคาบสมุทรไคร์เมีย

    อากาศยานไร้คนขับ (UAV) RQ-4 Global Hawk ของสหรัฐปฏิบัติภารกิจสอดแนมรอบๆไคร์เมีย (ของรัสเซีย) CivMilAir องค์กรจับตาการบินทางทหารทั่วโลกโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์

    โดรน RQ-4 Global Hawk ได้บินรอบเมือง Sevastopol เข้าใกล้ในรัศมี 30 กิโลเมตรของชายฝั่ง ก่อนที่จะบินปฏิบัติภารกิจรอบๆไคร์เมีย อากาศยานลำดังกล่าวบินลาดตระเวนล้ำเส้นปักปันเขตแดน (demarcation line) ในภูมิภาคดอนบาสส์ (เขตยึดครองของฝ่ายกบฏยูเครน ทางตะวันออกของยูเครน) และเข้าใกล้ชานแดนของรัสเซียซึ่งอยู่ติดกับยูเครน

    เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ เครื่องบินสอดแนม EP-3 Aries ของสหรัฐ หมายเลขประจำเครื่อง 157326 ถูกตรวจพบใกล้ชายแดนของรัสเซีย ซึ่งบินออกจากฐานทัพอากาศของสหรัฐที่เกาะ Crete ของกรีซ อ้างว่าเพื่อปฏิบัติภารกิจสอดแนม (ถ้ำมอง) ใกล้ชายฝั่งไคร์เมีย และบินวนอยู่แถวภูมิภาค Krasnodar ทางภาคใต้ของรัสเซียเป็นเวลาหลายชั่วโมง

    ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็ส่งโดรนสอดแนม RQ-4A Global Hawk หมายเลข 10-2043 (ลำเดียวกันกับที่ส่งมาครั้งล่าสุดนี้) ออกจากฐานทัพอากาศใน Sicily ด้วย และก็บินเข้าใกล้ชายฝั่งไคร์เมียและคูบาน (Kuban)

    [ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะกวนตีนรัสเซียเล่นๆ เห็นว่ารัสเซียส่ง S-400 ไปประจำการที่ไคร์เมียแล้ว และปูตินก็เพิ่งจะเปิดตัวอาวุธสุดล้ำของรัสเซียเมื่อเร็วๆนี้ คงอยากจะลองของหรือไม่อาจจะอยากดูด้วยตาของตนเองโดยที่เจ้าบ้านไม่ได้เชิญหละมั๊ง? หากรัสเซียส่งเครื่องบินรบขึ้นไปขับไล่สกัดกั้นอีกครั้ง สหรัฐก็คงจะเล่นมุกชิงโวยวายว่า "รัสเซียบินหวาดเสียว ไม่เป็นมืออาชีพ พลาๆๆ" ตามมาเหมือนครั้งก่อนๆ

    โดรนสอดแนม RQ-4A Global Hawk บินได้นานประมาณ 32 ชั่วโมง บินสูงสุดที่ 18,000 เมตร ในปีงบประมาณ 2013 ราคาอยู่ที่ลำละประมาณ $131.4 ล้าน ถ้ารวมค่า R&D ด้วยก็จะตกอยู่ที่ราคาลำละ 222.7 ล้าน แพงกว่า F-35 อีกแหนะ ผลิตโดยบริษัท Northrop Grumman เข้าประจำการใน NASA และ NATO ตั้งแต่ปี 1998 ผลิตมาทั้งหมด 42 ลำ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) ราคาสูงใช่ย่อย

    ในปี 2010 ค่าใช้จ่ายในการบินต่อชั่วโมง $40,600 ต่อมาลดลงมาเรื่อยๆเหลือประมาณ $11,000 ต่อชั่วโมง เคยตกเองในอัฟกานิสถานอย่างน้อยสองครั้ง (ปี 2001 และ 2002) และตกอีกครั้บงในปากีสถาน (2002) เกิดจากขัดข้องทางเทคนิคเหมือนกัน ต่อมาก็ตกในรัฐ Maryland ประทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2012 คาดว่าคงจะโดนฝ่ามือพิฆาตของคิมน้อยหรือแม่ชี ปีที่แล้ว (2017) ก็ร่วงเองที่แคลิเฟร์เนีย ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าบางส่วน - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    09/03/2561
    ----------
    https://sputniknews.com/us/201803091062365713-strategic-us-spy-drone-spotted-crimea/
    https://sputniknews.com/us/201802271062026483-us-spy-planes/
    https://edition.cnn.com/2012/06/11/us/maryland-drone-crash/index.html
    https://www.popularmechanics.com/military/news/a27044/global-hawk-drone-crash/
    http://www.thedrive.com/the-war-zone/11755/u-s-air-force-global-hawk-drone-crashes-in-california
    http://www.foxnews.com/story/2002/0...crashes-in-pakistan-engine-failure-cited.html
    https://en.wikipedia.org/wiki/Northrop_Grumman_RQ-4_Global_Hawk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: ไปคารวะท่านปูตินกันเถอะ? บรรดา ส.ว. อเมริกันกลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเร่งเจรจากับกรุงมอสโค หลังปูตินเผยสุดยอดขีปนาวุธนิวเคลียร์ขั้นเทพไร้เทียมทานของรัสเซีย (เห็นมะ! บอกแล้วว่าอเมริกันเริ่มปอดแล้ว)
    FB_IMG_1520683124411.jpg FB_IMG_1520683128779.jpg FB_IMG_1520683132461.jpg FB_IMG_1520683139908.jpg FB_IMG_1520683143897.jpg FB_IMG_1520683147753.jpg FB_IMG_1520683157739.jpg FB_IMG_1520683161118.jpg FB_IMG_1520683164744.jpg FB_IMG_1520683168561.jpg
    -------------

    วันที่ 9 มี.ค.61 RT พาดหัวข่าวว่า "ไปเจอรัสเซียด่วน: บรรดา ส.ว. สหรัฐเรียกร้องให้มีการเจรจากัน หลังจากรัสเซียเปิดเผยแสนยานุภาพด้านนิวเคลียร์รุ่นใหม่ล่าสุด" (‘Urgently engage with Russia’: US senators call for dialogue after new nuclear arsenal unveiled)

    ส.ว. กลุ่มหนึ่งของสหรัฐได้เรียกร้องให้มีการเจรจากันด้านยุทธศาสตร์กับกรุงมอสโค พวกเขามีความรู้สึกว่า เรื่องนี้ "เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก" (more urgent) หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียได้เปิดเผยระบบอาวุธที่ล้ำสมัยหลายรายการ (เมื่อวันที่ 1 มีนาคมนี้)

    "การเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-รัสเซียเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีปูติน กล่าวถ่อยแถลงต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 1 มีนาคมนี้ เมื่อเขาอ้างถึงอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ๆหลายรายการ ซึ่งตามรายงานระบุว่ารัสเซียกำลังพัฒนา ซึ่งรวมทั้งครูซมิสไซล์และโดรนใต้น้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ (และติดหัวรบนิวเคลียร์ รัศมีทำการไร้ขีดจำกัด วิ่งรอบโลกซักสามรอบแล้วถึงโจมตีเป้าหมายก็ได้)" จดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งซึ่งลงนามโดย วุฒิสมาชิก Edward J. Markey (D-MA), Jeff Merkley (D-OR), Dianne Feinstein (D-CA), และ Bernie Sanders (I-VT) กล่าว

    ในจดหมายถึงกล่าว ได้ระบุถึงนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐด้วย ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ บรรดาวุฒิสมาชิกเหล่านี้ได้เน้นย้ำว่า ในขณะที่ประเทศต่างๆมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญหลายประการ ซึ่งรวมทั้งข้อกล่าวหา (ที่ไร้หลักฐาน) ที่ว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐ และการผนวกแคว้นไคร์เมีย (ซึ่งเคยเป็นของรัสเซียมาก่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้) กรุงมอสโคแลกรุงวอชิงตันจำเป็นต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจา

    "เกี่ยวกับรอยร้าวในนโยบายเหล่านี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม... สหรัฐควรจะรีบเร่งไปพบกับรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงการคำนวณที่ผิดพลาด และลดสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความขัดแย้ง" แถลงการณ์ในจดหมายกล่าว

    [เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการคำนวณ ระบุพิกัดเป้าหมายทำเนียบขาว คองเกรส กองบัญชาการเพนตากอน สำนักงานใหญ่ของซีไอเอหรือเปล่า เอาให้แม่นๆ เลยนะท่านปูติน อย่าได้เคลื่อนจากพิกัดแม้แต่เซ็นต์เดียวนะ ประมาณนั้นหรือเปล่าครับท่าน ส.ว.? - ผู้แปล]

    รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ฝ่ายนิติบัญญัติเหล่านี้ต่างก็พากันแสดงความกังวลใจว่า อาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ของรัสเซียไม่อยู่ในสนธิสัญญาลดอาวุธด้านยุทธศาสตร์ (Strategic Arms Reduction Treaty) ซึ่งทราบกันโดยทั่วไปว่า START ฉบับใหม่ และดังนั้น จึงได้เรียกร้องให้มีการทำข้อตกลงเพื่อขยาย (ขอบเขตของสนธิสัญญาให้ครอบคุมการใช้อาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่เหล่านี้ของรัสเซีย) อาวุธที่ยังเป็นที่สงสัยเหล่านี้ซึ่งรวมทั้งครูซมิสไซล์ที่มีรัศมีทำการไร้ขีดจำกัดและโดรนติดระเบิดนิวเคลียร์ใช้พลังงานนิวเคลียร์ด้วย

    สื่อรัสเซียรายงานว่า มีข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของรัสเซียและสหรัฐ ซึ่งได้แก่นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ และนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ตามลำดับ อาจจะพบกันในขณะที่ทั้งสองคนอยู่ในแอฟฟริกาก็ได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีการเจรจาระดับทวิภาคีใดๆเกิดขึ้น เมื่อ (นักข่าว) ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า ข้อกล่าวอ้างที่ว่า การปรึกษาหารือกันเช่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลยนั้น "ไม่ใช่เรื่องจริง"

    วันที่ 1 มีนาคม ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียได้แสดงอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ของรัสเซียหลายรายการ บางรุ่นยังไม่ได้ตั้งชื่อ ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลงต่อสมาชิกรัฐสภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ปูตินได้เน้นย้ำว่า รัสเซียจะไม่ให้อาวุธใหม่ๆเหล่านี้ต้องนำมาซึ่งความกังวลใจทางกฎหมายต่อสหรัฐและพันธมิตรของสหรัฐ "ไม่มีใครต้องการที่จะเจรจากับเราเกี่ยวกับรากเหง้าของปัญหานี้ ไม่มีใครฟังเราเลย ดังนั้นคราวนี้จงเงี่ยหูฟังพวกเราได้แล้ว!" ปูตินกล่าว (Nobody wanted to talk to us about the root of the problem. Nobody listened to us; so listen to us now!)

    [ทั้งสื่อหลักของตะวันตกนำโดยสหรัฐและและพวกนีโอคอนสายเหยี่ยวและจอมกระหายสงครามในเพนตากอนต่างก็พวกันดิ้นพล่านกันใหญ่

    คราวนี้ มองไปที่เกาหลีเหนือ เราจะเห็นได้ว่าการที่เกาหลีใต้ยอมเจรจากับเกาหลีเหนือ และสหรัฐแสดงท่าทีที่ดูเหมือนว่าจะยอมเจรจากับเกาหลีเหนือด้วย ขณะเดียวกันเกาหลีใต้ก็ส่งทูตพิเศษไปกล่อมญีปุ่นด้วยเช่นกัน ผู้นำจีนก็แสดงความยินดีต่อท่าทีของสหรัฐที่จะยอมเจรจากับเกาหลีเหนือ

    แม้ว่าสหรัฐจะโม้ว่าการที่เกาหลีเหนือยอมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งนั้นเป็นผลมาจากการถูกสหรัฐและนานาชาติกดดันอย่างหนักด้วยการคว่ำบาตรก็ตาม แต่แท้ที่จริงแล้วมันมาจากการที่เกาหลีเหนือมีนุกที่ทันสมัยและสามารถโจมตีแผ่นดินหใหญ่ของสหรัฐได้ทุกจุดต่างหาก และกรณีที่บรรดา ส.ว. ของสหรัฐเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐรีบไปขอเจรจากับรัสเซียหลังจากที่ปูตินเปิดเผยคลังแสงนิวเคลียร์รุ่นใหม่ของรัสเซียเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น

    หากคุณไม่มีแสนยานุภาพเหล่านี้ไว้เป็นเครื่องต่อรอง อย่าได้หวังว่าการทูตจะประสบความสำเร็จ มีแต่จะถูกอีกฝ่ายกดหัวและเอารัดเอาเปรียบอยู่ร่ำไป - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    10/03/2561
    ----------
    https://www.rt.com/news/420839-us-russia-dialogue-nuclear-arsenal/
    https://www.rt.com/news/420206-russia-strategic-weapons-putin/
    https://www.markey.senate.gov/news/...-to-jumpstart-new-strategic-talks-with-russia
    https://www.rt.com/news/420774-lavrov-neo-imperialist-us-interfering/
    http://www.wearethemighty.com/news/these-are-russias-new-unstoppable-nuclear-weapons
    https://sputniknews.com/world/201803071062304907-putin-russia-nuclear-weapons/
    https://www.rt.com/news/420715-putin-world-russia-nuclear/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: นักการเมืองสหรัฐโวยวายว่า "จีนใช้เงินทุนเป็นอาวุธ" หลังจากที่คอมมิวนิสต์จีนหันไปใช้ระบบทุนนิยมแบบตะวันตกค้าขายกับทุกประเทศทั่วโลกจนประสบความสำเร็จ
    FB_IMG_1520684081341.jpg FB_IMG_1520684075376.jpg FB_IMG_1520684087692.jpg
    -------------

    วันที่ 9 มี.ค.61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "'มันทำให้ผมต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก': ปลัด ทร.สหรัฐเตือน จีน 'กำลังใช้เงินทุนเป็นอาวุธ'" (‘Keeps Me Up at Night’: US Navy Secretary Warns China Is ‘Weaponizing Capital’)

    [สมัยก่อนนี้ก็พากันด่าและกล่าวหาฝ่ายคอมมิวนิสต์ว่าใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบ "สังคมนิยม" เป็นการกดขี่ข่มเหงประชาชน เอารัดเอาเปรียบ ไม่เปิดกว้างทางการค้า กีดกันทางการค้า ไม่มีเสรีภาพในการค้าขาย เป็นพวกเผด็จการ ต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนก็หันไปใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบ "ทุนนิยม" เหมือนพวกตะวันตกบ้าง สหรัฐอเมริกาผู้นิยมและช่องชองในการทำการค้าแบบผูกขาดและกดขี่ผู้อื่น และนิยมก่อสงครามปล้นทรัพยากรของต่างประเทศ

    กลับไม่สามารถแข่งขันในระบอบทุนนิยมที่ตนเองเขียนกติกาขึ้นมาเองกับจีนได้อย่างยุติธรรม และกำลังพ่ายแพ้ให้กับจีน จึงออกมาโวยวายว่า "จีนใช้เงินทุนเป็นอาวุธ" (แน่จริงยกกองทัพถล่มกันเลยไหม?) เอาใจยากจริงๆ เดี๋ยวก็คงจะโวยต่ออีกว่า จีนไม่เป็นประชาธิปไตย มีสิทธิ์อะไรมาใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม? - ผู้แปล]

    บรรดาผู้นำจากสองเหล่าทัพของสหรัฐได้ออกมาเตือนว่า จีนกำลังใช้เงินทุนเป็นอาวุธ (weaponizing capital) ในการกว้านซื้อที่ดินที่มีค่าเชิงยุทธศาสตร์จากประเทศต่างๆ เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพของตนเอง "เพื่อเอาชนะโดยไม่ต้องรบ"

    [สหรัฐกำลังบอกว่า จีนทำไม่ถูกต้อง! จีนควรจะเอาอย่างสหรัฐสิ ต้องยกกองทัพของตนเองเข้ายึดดินแดนของประเทศอื่นโดยที่เจ้าของประเทศไม่ได้เชิญ และยูเอ็นไม่ได้อนุญาต เหมือนกับที่สหรัฐและพันธมิตรกำลังยึดดินแดนของซีเรียและอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางอยู่ในขณะนี้ ใช่ไหม? - ผู้แปล]

    ระหว่างการชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านความมั่นคงในสภาผู้แทนฯ เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ Richard V. Spencer ปลัดกองทัพเรือสหรัฐได้กล่าวกับบรรดา ส.ส. ว่า ปัญหาเกี่ยวกับจีนกว้านซื้อที่ดิน "ทำให้ผมต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก"

    [ฮ่าๆๆ ทำไม พวกมันถึงไม่ใช้วิธียกกองทัพเข้าไปปล้นเอาดื้อๆเหมือนพวกเราวะ! ทำไมต้องใช้เงินซื้อด้วย? สเปนเซอร์ไม่เข้าใจ นอนไม่หลับ เซ็งว๊อยยยยย! - ผู้แปล]

    "เมื่อพูดถึงจีน เบื้องลึกสุดจะต้องมีสมุทเช็คแน่ๆ ไม่เพียงแต่เป็นเงินดอลลาร์และเซ็นต์เท่านั้นที่พวกเขาเขียน (สั่งจ่าย) เพื่อสนับสนุนการขยาย (อิทธิพล) ทางทหาร และงานด้านเทคโนโลยีของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ทั่วโลกก็คือ... การใช้เงินทุนเป็นอาวุธ ไง!"

    [แล้วประเทศไหนหว่าที่คิดจะฮุบสนามบินนานาชาติอู่ตะเภอและเกาะภูเก็ตของไทย? จีน? รัสเซีย? หรือเกาหลีเหนือ? ไม่ใช่ครับ! ก็สหรัฐตัวแสบนั่นแหละ! หากสหรัฐโวยวายจีนในจุดนี้ แล้วสหรัฐเข้าไปตั้งฐานทัพของตนเองในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟฟริกา คิวบา ลาตินอเมริกา ทำไม?

    ส่วนนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐก็เดินสายไปร่ายมนต์สะกดเป่าหูชาวแอฟฟริกาทีสมัยก่อนี้เคยถูกสหรัฐและพวกยุโรปจับไปค้าขายเป็นทาสจนสร้างประเทศของตนเองให้เจริญรุ่งเรืองว่า ระวังจีนจะใช้เงินกู้เพื่อฮุบอธิปไตยของแอฟฟริกานะ ถ้าแอฟฟริกากู้เงินจากจีนไปพัฒาประเทศ ต้องแบมือรับเงินบริจาคจากสหรัฐสิ อย่าไปกูจีน จากนั้นก็ให้พวกนักการเมืองเอาไปแบ่งกันกิน บางส่วนก็ส่งให้พวก NGO เติมเงินคอยเคลื่อนไหวภายในประเทศนั้นเพื่อป่วนรัฐบาล และอ้างว่าเป็นงบสนับสนุนประชาธิปไตย ในขณะที่ประชาชนชาวอเมริกันเป็นแสนๆ คนกำลังจะอดตายจากความยากจน

    สื่อรัสเซีย (RT) พาดหัวข่าวว่า "อาการโรคประสาทแดกกำลังกำเริบ (หลอน) ในสหรัฐกรณีจีนในแอฟฟริกา" (‘Hysteria in the United States over China in Africa’) โดยอ้างคำพูดของนักระวัติศาสตร์ จีนนำความเจริญเข้าไปสู่แอฟฟริกา มีการสร้างงาน คนท้องถิ่นก็ต้อนรับ เป็นการค้าตามระบอบทุนนิยมภายใต้กฎกติการที่ยุติธรรม แลกเปลี่ยนกับทรัพยากรบางอย่าง มันย่อมดีกว่าให้สหรัฐนำสงครามเข้าไปและยึดทรัพยากรเหล่านั้นอยู่แล้ว แน่นอนว่ามีการต่อต้านบ้างจากผู้เสียผลประโยชน์หรือพวกม็อบเติมเงิน หรือจะรอให้สหรัฐและพันธมิตรเอาเครื่องบินรบและกองเรือรบขนประชาธิปไตยไปแจกเหมือนในอิรัค ลิเบีย ซีเรีย อัฟกานิสถาน เยเมน และเวียตนามในอดีต? - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    10/03/2561
    ----------
    https://www.rt.com/news/420856-china-africa-us-competition/
    https://sputniknews.com/asia/201803091062356295-china-weaponizing-capital-military-purchases/
    https://www.cnbc.com/2018/03/09/us-tillerson-warns-against-china-loans-to-africa.html
    https://www.usnews.com/news/busines...-ambitiously-in-africa-as-us-sounds-the-alarm
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ดูข่าวเนชั่นตะกี้ มีหมาแถวโคราชต้องสงสัยว่าเป็นพิษสุนัขบ้าแล้วตาย จนท ตัดหัวส่งตรวจ 8 ตัว ก็ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า 8 ตัว
    ตอนีน้ไม่ใช่แค่วัคซีนสำหรับฉีดหมาแมวที่ขาดแคลน ของคนก็ขาดแคลนแล้ว ทาง สธ อย่าบอกว่าไม่ระบาดๆ ต้องวางแผนรับมือปัญหานี้กันแล้วนะ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เชี่ยละ ที่บุรีรัมย์ มีวัวติดเชื้อพิษสุนัขบ้า ตาย
    แต่เจ้าของวัวไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ชำแหละวัวที่ตายไปแบ่งกันกินสิบกว่าคน

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายวรวุฒิ วาจามั่น ปศุสัตว์อำเภอบัวลาย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากชาวบ้านว่ามีสัตว์ในพื้นที่หมู่บ้านหนองจาน ต.หนองหว้า ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุจำนวนหลายสิบตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสุนัขและแมว จึงได้ขอความร่วมมือจากชาวบ้านเพื่อให้ตัดหัวของสัตว์เหล่านั้นมาให้ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาสัตว์แพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างตรวจพิสูจน์ ซึ่งผลการตรวจพบว่าสัตว์เหล่านั้นติดเชื้อพิษสุนัขบ้า จึงได้ประสานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอเบิกวัคฉีดพิษสุนัขบ้ามาฉีดป้องกันให้กับสัตว์ในพื้นที่ทั้งหมาและแมวเป็นการด่วน

    รวมถึงฉีดให้วัวและควายด้วยเนื่องจากพบว่าวัวถูกสุนัขกัด โดยได้รับสนับสนุนวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้กับสัตว์ต่างๆ ในพื้นที่จำนวน 715 หลอด เบื้องต้นยังไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากยังมีอีกหลายพื้นที่ในรัศมี 5 หมู่บ้าน รอบๆบ้านหนองจาน ต.หนองหว้า เป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง

    ■■■■■■■■■■■■■■■■

    ตอนนี้ข่าวจากคนในธุรกิจเวชภัณฑ์ วัคซีนพิษสุนัขบ้าเริ่มขาดแคลนแล้วครับ ของขาดไปสองบริษัทละ เหลือแค่บริษัทเดียว
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สถานการณ์การระบาดของโรคกลัวน้ำหรือโรคพิษสุนัขบ้า ดูเหมือนจะยังไม่ดีขึ้นนะครับ พบการติดเชื้อของสัตว์แล้วมากถึง 37 จังหวัด (ถ้าพบมากขนาดนี้ ที่ติดเชื้อแล้ว แต่ยังตรวจไม่พบ คงอีกเท่าตัว นั่นหมายความว่า อาจระบาดทั่วประเทศแล้วก็ได้ครับ)
    ...
    https://workpointnews.com/2018/03/05/เตือน-โรคพิษสุนัขบ้า-ระ/
    ...
    http://www.nationmultimedia.com/detail/national/30340506
    ...
    https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-news/64173-rabies64173.html
    ...
    พบสัตว์ติดเชื้อแล้ว มากถึง 345 ตัว ในระยะเวลาสองเดือน (ปีที่แล้ว ทั้งปี พบสัตว์ติดเชื้อประมาณ 800 ตัว นั่นหมายความว่า ปีนี้ ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่ ภายในสิ้นปีนี้ คงเกิน 2000 ตัว)
    ...
    ที่น่าสนใจคือ สัตว์ที่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่เป็นหมามีเจ้าของครับ
    ...
    http://outbreaknewstoday.com/thailand-reports-increase-animal-rabies-18861/
    ...
    ผมเข้าใจว่า ยังไม่มีการเตือนนักท่องเที่ยวเป็นรูปธรรมนะครับ ช่วยเตือนนักท่องเที่ยวกันด้วยนะครับ เพราะถ้ามาเสียชีวิตเรื่องนี้ในบ้านเรา คงดังพิลึก
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สถานการณ์การระบาดของโรคกลัวน้ำหรือโรคพิษสุนัขบ้า ดูเหมือนจะยังไม่ดีขึ้นนะครับ พบการติดเชื้อของสัตว์แล้วมากถึง 37 จังหวัด (ถ้าพบมากขนาดนี้ ที่ติดเชื้อแล้ว แต่ยังตรวจไม่พบ คงอีกเท่าตัว นั่นหมายความว่า อาจระบาดทั่วประเทศแล้วก็ได้ครับ)
    ...
    https://workpointnews.com/2018/03/05/เตือน-โรคพิษสุนัขบ้า-ระ/
    ...
    http://www.nationmultimedia.com/detail/national/30340506
    ...
    https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-news/64173-rabies64173.html
    ...
    พบสัตว์ติดเชื้อแล้ว มากถึง 345 ตัว ในระยะเวลาสองเดือน (ปีที่แล้ว ทั้งปี พบสัตว์ติดเชื้อประมาณ 800 ตัว นั่นหมายความว่า ปีนี้ ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่ ภายในสิ้นปีนี้ คงเกิน 2000 ตัว)
    ...
    ที่น่าสนใจคือ สัตว์ที่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่เป็นหมามีเจ้าของครับ
    ...
    http://outbreaknewstoday.com/thailand-reports-increase-animal-rabies-18861/
    ...
    ผมเข้าใจว่า ยังไม่มีการเตือนนักท่องเที่ยวเป็นรูปธรรมนะครับ ช่วยเตือนนักท่องเที่ยวกันด้วยนะครับ เพราะถ้ามาเสียชีวิตเรื่องนี้ในบ้านเรา คงดังพิลึก
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL25zLzAvdWQvMTEyNS81NjI3MzY2L25ld3MxNi5qcGc=.jpg
    กำแพงยักษ์โล่กำบังคลื่นสึนามิ ญี่ปุ่นหวังจะไม่ซ้ำรอยปี 2011
    10 มี.ค. 61 (11:46 น.)

    logo_support_100x35.jpg สนับสนุนเนื้อหา
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วันที่ 11 มีนาคมนี้ จะครบรอบ 7 ปีของมหาวิบัติเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ภาพความหายนะต่างๆ ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วโลก แม้ว่าปัจจุบันพื้นที่ภัยพิบัติต่างๆ จะได้ปรับการฟื้นฟูซ่อมแซมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้วก็ตาม

    หนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ 11 มีนาคม 2011 หนักหน่วงที่สุดก็คือ เมืองมิยะโกะ จังหวัดอิวาเตะ มวลน้ำมหาศาลได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่เมืองอย่างรวดเร็ว และยังกลายเป็นภาพข่าวที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวันนี้ เมืองแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 คน แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น การฟื้นฟูเมืองเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วและชาวบ้านได้หวนกลับสู่บ้านตัวเองอีกครั้งในเวลาไม่นาน

    ปัจจุบัน เมืองมิยะโกะ ถูกล้อมด้วยกำแพงยักษ์ สูงราวๆ 10-12 เมตร หรือชาวบ้านเรียกว่า โล่กำบังสึนามิ กำแพงสูงใหญ่ที่ถึงแม้จะบดบังทัศนียภาพไปเกือบหมด แต่กำแพงก็จะเป็นปราการที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ในอนาคต

    เมืองมิยะโกะ ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียงไม่มากนัก กลายเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากคลื่นสึนามิในครั้งนั้น ทำให้ชาวเมืองอนุมัติให้ทางการสร้างกำแพงยักษ์ดังกล่าวแทบจะทันที แม้ว่าภาพที่ออกมาจะดูเหมือนว่าเป็นเมืองในเรือนจำใหญ่ๆ แห่งหนึ่งก็ตาม แต่เพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีกแล้ว จึงยินยอมหาทางป้องกันดีกว่าต้องถูกกระแสน้ำพัดทุกสิ่งทุกอย่างไปอีกครั้ง

    อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเมืองทั่วญี่ปุ่นเห็นชอบที่ให้มีกำแพงยักษ์ปกป้องเมืองจากคลื่นสึนามิ ทำให้ขณะนี้มีโครงการสร้างกำแพงยักษ์เกิดขึ้นอีกหลายแห่ง ตามหัวเมืองชายฝั่งทะเลของญี่ปุ่น รวมระยะกว่า 395 กิโลเมตรแล้ว ซึ่งรัฐบาลได้ทุ่มเงินลงทุนนับล้านล้านเยน เพื่อหวังว่าจะต่อสู้กับภัยธรรมชาติที่ไม่อาจจะยั้งรู้ได้ และไม่ให้ซ้ำรอยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

    https://news.sanook.com/5627366/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หาเจอแล้วว !!! ตามหามานานมากกกก
    ลูกสาวชอบมากก โดยส่วนตัวก้ชอบมากเหมือนกัน

    แอนิเมชั่น เล่าศาสตร์พระราชา
    เรื่อง “ ของขวัญจากดิน “

    เป็นเรื่องที่ทุกบ้านควรได้ดูค่ะ
    ดูสนุก ได้ความรู้ เนื้อเรื่องดี สีภาพสวย
    และ สอดแทรกหลักเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย

    “ มาปลูกฝังสิ่งดีดีให้ลูกหลานกันนะคะ “

    #BeCharmed

    เครดิต.ผู้จัดทำ
    https://www.facebook.com/CreativeEconomyCenter/
    ขอบคุณแหล่งที่มา Phae Ao

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (อ่านตรงนี้หน่อย) #ประกาศเขตโรคระบาดพิษสุนัขบ้าจังหวัดล่าสุด #แชร์แจ้งเตือนกันด้วยนะคะ #ข่าวออกน้อยมากกลัวจะไม่รู้กันค่ะ พบเชื้อที่ ต.บางกระสอ อ.เมือง จังหวัดนนทบุรี (เฝ้าระวัง 30 วัน โดยนับจากวันที่ 6 มี.ค สิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย.) *รีบพาสัตว์เลี้ยงไปรับวัคชีนและโปรดระวังลูกหลานเป็นพิเศษกันด้วยนะคะ เราไม่อาจรู้ว่าหมาแมวตัวไหนมีเชื้อบ้าง เพราะโรคนี้ร้ายแรงมาก หากได้รับเชื้อไม่มียารักษา ตายสถานเดียวค่ะ อย่าลืมพาน้องหมา น้องแมวไปฉีดวัคซีนด้วยนะคะ

    #หากโดนแค่สัตว์ขีดข่วนถลอก ก็อันตรายถึงชีวิตนะ!! 3 ลักษณะเสี่ยงที่จะติดเชื้อ มีดังนี้

    กรณีที่ 1 #ถ้าสัมผัสกับสัตว์ (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดทั้งสัตว์บ้านและสัตว์ป่า) หรือถูกเลียโดนที่ผิว หนังไม่มีบาดแผลใดๆ #ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร

    กรณีที่ 2 #ถ้าถูกงับเป็นรอยช้ำเล็กๆบนผิวหนัง หรือถูกข่วนเป็นรอยถลอกมีเลือดออกเพียงซิบๆ หรือถูกเลียบนผิวหนังที่มีบาดแผล #ให้รีบฉีดวัคซีนทันที

    กรณีที่ 3 #ถ้าถูกกัดหรือข่วนที่มีเลือดออกชัดเจน หรือถูกเลียโดนเยื่อบุต่างๆ เช่น เลียตา เลียปาก #ให้รีบให้สารภูมิคุ้มกันต้านทานและวัคซีนทันที

    ข้อควรปฏิบัติภายหลังจากถูกสุนัขบ้าหรือสัตว์ที่สงสัยว่าบ้ากัด

    1. ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด ฟอกด้วยสบู่ 2-3 ครั้ง แล้วทาแผลด้วยน้ำยาพิวิดีน (เบตาดีน) หรือแอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์ ไอโอดีน แล้วรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที

    2. ถ้าสุนัขตายให้นำซากมาตรวจ ถ้าหากสุนัขไม่ตายให้ขังไว้ดูอาการ 10 วัน ขณะเดียวกันให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนการรักษาทางสมุนไพรหรือแพทย์แผนโบราณไม่สามารถป้องกันโรคได้ ไม่ควรรอดูอาการสุนัข เพราะอาจสายเกินไปที่จะฉีดวัคซีน

    3. ในกรณีที่ติดตามสัตว์ที่กัดไม่ได้ เช่น เป็นสัตว์ป่า สัตว์จรจัด สัตว์กัดแล้วหนีไป หรือจำสัตว์ที่กัดไม่ได้ จำเป็นต้องรับการฉีดวัคซีน

    4. ผู้ที่ต้องมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าคือ มีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำเขียวหรือมีเลือดไหล แผลถลอกหรือแผลลึก รวมทั้งผู้ที่ถูกสุนัขเลียที่นัยน์ตา ริมฝีปาก และผิวหนังที่มีแผลถลอก ส่วนในกรณีที่ถูกเลียผิวหนังที่ไม่มีแผลหรือเพียงแต่อุ้มสุนัขไม่สามารถจะติดโรคได้

    โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร ?

    โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ เรบีส์ ไวรัส (Rabies) ทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น คน สุนัข แมว ลิง ชะนี กระรอก ค้างคาว ฯลฯ โรคนี้เมื่อเป็นแล้วจะทำให้มีอาการทางประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลาง และถ้าเป็นแล้วเสียชีวิตทุกราย ในปัจจุบันยังไม่มียาอะไรที่จะรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้

    คนติดโรคพิษสุนัขบ้าจากทางใดได้บ้าง ?

    คนเป็นโรคพิษสุนัขบ้าเนื่องจากได้รับเชื้อโรคพิษสุนัจบ้าจากสัตว์ที่เป็นโรค คนสามารถติดโรคจากสัตว์เหล่านี้ได้ 2 ทางคือ

    1. ถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด เชื้อไวรัสจากน้ำลายของสัตว์ที่เป็นโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลที่ถูกกัด

    2. ถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลีย โดยปกติคนถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลีย จะไม่ติดโรคจากสัตว์เหล่านั้น นอกเสียจากว่าบริเวณที่ถูกเลียจะมีบาดแผลหรือรอยถลอกหรือรอยขีดข่วน โดยคนนั้นไม่ได้สังเกต ในกรณีนี้จะทำให้สามารถเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ รวมทั้งถูกเลียที่ริมฝีปากหรือนัยน์ตา

    สัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีอาการอย่างไร ? พบได้ 2 แบบคือ

    1. แบบดุร้าย มีอาการหงุดหงิด เห่าผิดปกติ ไล่กัดคนและสัตว์อื่น ๆ ถ้าผูกโซ่หรือกักขังไว้ในกรง จะกัดโซ่ กรง หรือสิ่งของที่อยู่ใกล้อย่างดุร้าย บางครั้งสุนัขจะกัดจนฟันหักหรือลิ้นเป็นแผล มีเลือดออก เมื่อแสดงอาการดุร้ายได้ 2-3 วัน ก็จะอ่อนเพลียลง ขาหลังไม่มีแรง เดินโซเซ และตายในที่สุด

    2. แบบเซื่องซึม มีอาการปากอ้าหุบไม่ได้ ลิ้นมีสีแดงคล้ำ บางครั้งมีสิ่งสกปรกติดอยู่และลิ้นห้อยออกมานอกปาก มีอาการคล้ายกระดูกติดคอ โดยเจ้าของมักจะเอามือล้วงแต่ไม่พบกระดูก สุนัขจะเอาขาหน้าตะกุยบริเวณแก้มปากและคอบวม สุนัขจะลุกนั่ง ยืน และเดินไปมาบ่อย ๆ กินของแปลก ๆ เช่น ใบไม้ ก้อนหิน หรือบางตัวจะกินปัสสาวะของตัวเอง ไม่กัด ถ้าไม่ถูกรบกวน สุนัขแบบหลังนี้จะสังเกตอาการยากมาก ดังนั้น หากสุนัขตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรตัดหัวไปพิสูจน์ก่อน

    คนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า จะมีอาการอย่างไร ?

    ในระยะ 2-3 วันแรก อาจมีไข้ต่ำ ๆ ต่อไปจะมีอาการเจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คันหรือปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณแผลที่ถูกกัด ทั้ง ๆ ที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อไปจะมีอาการตื่นเต้นง่าย กระสับกระส่าย ไม่ชอบแสงสว่าง ไม่ชอบลม และไม่ชอบเสียงดัง กลืนลำบาก แม้จะเป็นของเหลวหรือน้ำ เจ็บมากเวลากลืน เพราะการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน แต่ยังมีสติพูดจารู้เรื่อง ต่อไปจะเอะอะมากขึ้น และสุดท้ายอาจมีอาการชัก เป็นอัมพาต หมดสติ และเสียชีวิต เนื่องจากส่วนที่สำคัญของสมองถูกทำลายไปหมด

    >> ใครอ่านจบมาถึงตรงนี้ก็อย่าลืมบอกต่อกันด้วยนะคะ โพดเรียบเรียงเนื้อหาในสิ่งที่ใกล้ตัวและมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงมาก่อนเน้อ ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติมแบบละเอียดๆตามเครดิตด้านล่างได้เลย และใครที่ชอบเล่นสุนัขจร หรือแม้แต่หมาที่มีเจ้าของ บางทีถ้าเราโดนกัด เค้าอาจไม่ได้บอกความจริงกับเราทั้งหมด ทางทีดีเลี่ยงได้เลี่ยงหรือถ้าโดนกัดรีบล้างรีบไปฉีดยานะคะ ด้วยความเป็นห่วงและปรารถนาดีจาก #ข้าวโพดเป็นหมาตัวหนึ่ง ❤

    แหล่งข้อมูสาระดีๆจาก
    ข่าวสด : https://goo.gl/K6bxW7
    หาหมอ : https://goo.gl/8KRP3f
    Ku.ac.th : https://goo.gl/QYPbRv

    Cr. นนทบุรีพบเชื้อประกาศเขตระบาดชั่วคราว http://www.naewna.com/local/325611
     

แชร์หน้านี้

Loading...