ติดตามสถานะการณ์

ป.ป.ท.ไม่เชื่อคำสารภาพ"รจนา ซี8 ศธ."โกงเดี่ยวทุนเสมา 88 ล้านสั่งขยายผล
เรื่องโดย ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย | ภาพโดย Nation TV
20 มีนาคม 2561 16:07

ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน "รจนา สินที" ซี 8 ศธ. เบียดบังเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเข้าบัญชีญาติก่อนหมุนเงินกลับเข้าบัญชีตัวเอง 88 ล้านบาท ไม่เชื่อคำสารภาพทำผิดคนเดียว. ขยายผลสอบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงซีสูง พร้อมรื้อสอบย้อนหลัง





สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) - 20 มี.ค. 61 พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการป.ป.ท. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการป.ป.ท.ว่า ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ



โดยตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร, เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารเพื่อพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามมาตรา 147 ,151, 161 ,162 และ 157 จากกรณีที่สน.ดุสิต รับแจ้งความจากกระทรวงศึกษาธิการว่าถูกเจ้าหน้าที่เบียดบังงบประมาณ ปี 60 นำเงินไปเข้าบัญชีบุคคลอื่นเป็นเงิน 18.8 ล้านบาท


พล.ต.อ.จรัมพร. กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งความตำรวจได้ส่งสำนวนมาให้ป.ป.ท.สอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมกระทำความผิด พร้อมติดตามทรัพย์ โดยก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาได้ตรวจสอบภายในพบเบาะแสทุจริต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาจึงสั่งการให้ตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 โดยในแต่ละปีกองทุนเสมาฯจะได้รับอนุมัติงบประมาณปีละ 10-30 ล้านบาท และถูกโอนเงินไปพักไว้ในบัญชีแม่ น้องชาย น้องสาว น้องสะใภ้ และลูกศิษย์ของนางรจนา รวมถึงบัญชีของบุคคลอื่นๆ รวม 22 บัญชี



จากนั้นจึงโอนกลับเข้าบัญชีของตนเอง. ในชั้นสอบสวนนางรจนารับสารภาพว่าเป็นผู้ดำเนินการเพียงคนเดียว โดยมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขาจดบันทึกรายงานการประชุม หลังจากปลัดกระทรวงพิจารณาอนุมัติกองทุนให้กับนักเรียนที่มีสิทธิตามที่โรงเรียนต่างๆ ในกลุ่มโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์, โรงเรียนสมเด็จพระปิยมหาราช, วิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนี และราชประชาสงเคราะห์ได้ส่งรายชื่อมา หลังการประชุมนางรจนาจะทำเอกสารต่างๆ แทนที่จะนำเงินเข้าบัญชีของนักเรียนแต่กลับทำเอกสารระบุรายชื่อบัญชีของเครือญาติมาสอดแทรกเข้าไปเพื่อรับเงินแทนก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาอนุมัติเงิน โดยผู้ขอรับทุนบางส่วนได้รับเงินจริง บางส่วนก็เข้าไปในบัญชีเครือญาติ


"นางรจนาให้การว่า ในการโอนเงินได้อ้างกับญาติว่าเป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจขายตรงนำไปฝากไว้ ซึ่งในประเด็นนี้ป.ป.ท.ยังใม่ปักใจเชื่อ จะต้องตรวจสอบไปยังทุกรายชื่อที่มีเงินเข้าบัญชีว่า เป็นบัญชีของบุคคลนั้นจริงหรือไม่ และเงินถูกโอนไปอยู่ที่ใครบ้าง โดยจะเริ่มสอบสวนในปีงบประมาณ 60 ก่อน ซึ่งมีบัญชีที่เปิดอยู่ 22 บัญชี และปิดไปแล้ว 22 บัญชี" พล.ต.อ.จรัมพร กล่าว



พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวด้วยว่า คำรับสารภาพของนางรจนาป.ป.ท.ยังไม่เชื่อ ว่าคนเพียงคนเดียวจะสามารถโกงได้เป็นระบบ ที่ประชุมจึงให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่ามีความเชื่อมโยงทางการเงินไปยังบุคคลที่สูงกว่าข้าราชการระดับ 8 หรือไม่


ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าเงินที่ถูกนำไปพักในบัญชีญาติและบุคคลอื่นๆ ได้โอนกลับมาให้นางรจนาเต็มจำนวนหรือไม่ หรือไหลไปอยู่ในบัญชีใครอีกบ้าง ทั้งนี้กองทุนเสมาพัฒนาชีวิตได้เริ่มจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2538 โดยได้รับเงินสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต่อมารัฐบาลก็ได้จัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมเป็น 60 ล้านบาท ปัจจุบันเงินที่นางรจนาเบียดบังไปเป็นของตัวเองสูงถึง 88 ล้านบาท
http://www.nationtv.tv/main/content/378610373/

 

ทุกๆวันนี้บอกตรงๆว่าทึ่งมากสำหรับอาชีพข้าราชการ

 

ไนจีเรีย: รอยแตกใหม่ที่กำลังกว้างและกว้างขึ้นทุกนาทีที่ผ่านมา
~
เคนยา: รอยแตก Suswa กำลังแยกออก

Nigeria: The new cracks that are becoming wider and wider every passing minute.
~
Kenya: Suswa rift is splitting

http://poleshift.ning.com/profiles/blogs/please-place-evidence-of-the-7-of-10-plate-movements-here


.

 

เปิดหน้า"รจนา สินที"ซี8ผู้เกี่ยวข้อง"กองทุนเสมาฯ"
15 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 09:15 น.



ภาพจาก youtube

ความคืบหน้าล่าสุด กรณีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต โดยมีการโอนเงินทุนการศึกษาของนักเรียนในโครงการเข้าบัญชีของบุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2551-2561 จำนวน 22บัญชี เป็นเงินรวมกว่า 88 ล้านบาท และพบว่ามีข้าราชการฝ่ายปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 ราย ซึ่งขณะนี้ได้ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานอื่น และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้ว โดยนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยว่าหนึ่งในข้าราชการ5ราย ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว สารภาพไปแล้ว 1ราย คือ นางรจนา สินที ข้าราชการซี 8 ของ ศธ. ซึ่งเร็วๆนี้จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของ สป. เพื่อพิจารณาโทษความผิดวินัยร้ายแรงของนางรจนาทันที เนื่องจาก ถือว่าเป็นความผิดชัดแจ้ง และเจ้าตัวสารภาพ ทำให้ไม่ต้องมีการสอบสวนวินัยอีก และก็ถือว่าเป็นไปตามกฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556 ซึ่งโทษวินัยร้ายแรงก็มีอยู่ 2 กรณี คือ ไล่ออก กับ ปลดออก ส่วนผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงก็จะลงสืบข้อมูลเชิงลึก ซึ่งก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

สำหรับนางรจนา สินที ปัจจุบันรั้งตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำนักกิจการพิเศษ สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ประสานงานระหว่างศธ.กับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ.

http://www.thaipost.net/main/detail/5046

 

เปิดบันทึก ‘บาทหลวงฝรั่ง’ ถึงสาเหตุที่ ‘โกษาเหล็ก’ โดนเฆี่ยน!!!


ภาพฉากตอนหนึ่งจากละครบุพเพสันนิวาส ออกอากาศทางช่อง 3
เผยแพร่ วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2561
เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ที่รู้จักกันว่าเป็นพระยาพระคลังข้าหลวงคนสำคัญของสมเด็จพระนารายณ์ เทราบกันดีว่าถูกสมเด็จพระนารายณ์สั่งลงทัณฑ์โดยการเฆี่ยนจนถึงอสัญกรรม หนังสือบันทึกความทรงจำของบาทหลวง เดอะ แบส เกี่ยวกับชีวิตและมรณกรรมของ ก็องสตังซ์ ฟอลคอน เขียนโดย บาทหลวง เดอะ แบสแปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร เล่าถึงเหตุการณ์ที่โกษาเหล็กหรือพระยาพระคลังต้องราชทัณฑ์ไว้ว่า มร. ก็องสตังซ์ ฟอลคอน เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดให้เขาเข้าเฝ้าอยู่เนืองๆ ทรงพอพระราชหฤทัยให้เขาเล่าถึงพระกฤดาภินิหารแห่งกษัตริย์ต่างๆ ในทวีปยุโรป กำลังทหารของแต่ละประเทศ วิธีการปกครองบ้านเมืองและตำราพิชัยสงคราม ในการเข้าเฝ้ากราบทูลตามกระแสรับสั่งนี้เอง ที่เขาได้สำแดงออกให้ประจักษ์ซึ่งความจงรักอันยิ่งใหญ่ และความภักดีอันลึกซึ้งที่เขามีอยู่เป็นนิจ ในองค์พระผู้เป็นคริสต์ศาสนูปถัมภก ด้วยว่ากิตติศัพท์ได้กำจายไปในชมพูทวีป ถึงการพิชิตและชัยชนะอันใหญ่หลวงที่พระองค์ได้ทรงมีต่อกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจหลายพระองค์ในยุโรปที่ได้รวมกำลังกันกระทำยุทธนาการต่อพระองค์ท่าน

มร. ก็องสตังซ์ถวายความพอพระทัยให้แก่พระเจ้ากรุงสยาม โดยเล่ารายละเอียดถวายให้ทรงทราบในขณะนั้นมิใช่ว่าเขามีใจผูกพันอยู่กับประเทศฝรั่งเศสโดยตรงนักแต่หากเขาตระหนักในพระราชอัธยาศัยในการรณรงค์ของพระเจ้ากรุงสยามดีอยู่ ว่าไม่มีสิ่งไรที่พระองค์จะโปรดปรานการเล่าพระราชอิริยาบถของวีรบุรุษผู้เป็นที่ชื่นชมแด่ชนทั้งปวงไปทั่วสกลโลกพระองค์นั้นถวายให้ทรงทราบ พระเจ้ากรุงสยามผู้ทรงปราถนาจะดำเนินตามรอยพระบาทอยู่ทุกประการ ถ้าว่าสามารถที่จะเป็นไปได้อย่างน้อยที่สุดก็ใคร่ที่จะทรงเอาอย่างในพระปัญญาสามารถที่ทำให้ข้าศึกไม่อาจล่วงล้ำเข้ามาได้

โดยอาศัยป้อมปราการที่พระองค์ทรงตีได้หรือที่โปรดให้สร้างขึ้นไว้ตามชายราชอาณาเขตนั้น พระองค์รับสั่งแก่ มร. ก็องสตังซ์ว่าพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์โดยทำนองเดียวกันนั้น และทรงปราถนาให้เขาออกเดินทางสำรวจไปให้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อพิจารณาแหล่งแห่งที่ที่ควรจะได้สร้างป้องปราการขึ้นให้เขาทำแผนผังมาถวายเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงพิจารณาสั่งการต่อไป

มร. ก็องสตังซ์ไม่ได้เป็นนายช่าง แต่ด้วยอัจฉริยวุฒิของเขาประกอบกับความปราถนาอันแรงกล้าที่จะปฏิบัติการให้เป็นที่พอพระราชหฤทัย แม้จะมีความรู้ด้อยในศิลปะ (การก่อสร้าง) แต่เขาก็ได้เคยเห็นการก่อสร้างป้อมปราการในทวีปยุโรปมาแล้ว จึงพยายามฟื้นความทรงจำทำแผนผังขึ้นมาได้อย่างค่อนข้างจะถูกต้องพอที่จะจัดสร้างขึ้นได้ ณ แหล่งแห่งที่ที่เขาเห็นสมควร โดยพิจารณาพื้นที่ประกอบกับชัยภูมิ ตอนขากลับจากการสำรวจก็ได้นำแผนผังนั้นไปให้พวกชาวอังกฤษช่วยกันดูเพื่อขอรับคำแนะนำบ้าง

ครั้นแล้วก็นำเข้าถวายให้ทอดพระเนตรในหลวงทรงมีน้ำพระทัยกรุณาผู้ออกแบบอยู่แล้วก็พอพระราชหฤทัย และทรงมีหมายรับสั่งให้หัวเมืองต่างๆ ที่ถูกกำหนดนั้นให้สร้างป้อมปราการขึ้นตามแผนผังนั้นโดยมิชักช้า คนสยามนั้นโดยธรรมดาแล้วเป็นคนขี้เกียจ ยิ่งเป็นงานหลวงแล้วยิ่งคร้านใหญ่ด้วยจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญชาไปโดยค่าใช้จ่ายของตนเองไม่ได้รับค่าแรงเป็นเครื่องยังชีพแต่ประการใด ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือในการหักร้างถางพงหรือก่อสร้างก็ไม่จ่ายให้ทั้งสิ้น การกะเกณฑ์ครั้งใหม่นี้เป็นที่สะดุ้งหวาดเสียวกันอยู่ และเพื่อที่จะเอาตัวรอด จึงได้ชวนกันเข้าติดต่อกับท่านพระคลัง โดยรวบรวมเงินได้ห้าสิบชั่ง ประมาณเท่ากับ ๑,๕๐๐ ลีวร์ของเรา มามอบให้เป็นกำนัลเพื่อขอให้กราบทูลในหลวงให้ทรงยับยั้งการก่อสร้างนี้ไว้

พระคลังจึงได้เข้าเฝ้าถวายความเห็นแก่ในหลวงว่า อันเมืองป้อมนี้มิได้เคยมีเป็นประเพณีมาในราชอาณาจักรอย่างเช่นในทวีปยุโรป ด้วยคนสยามนั้นไม่รู้จักวิธีที่จะแก้ไขการถูกล้อม (อยู่ภายในป้อม) ได้ กลับจะทำให้ได้รับความเดือดร้อนมากกว่าจะเป็นประโยชน์เสียอีกเพราะข้าศึกจะสามารถเข้าทำการยึดเอาได้โดยง่าย และยากนักที่คนสยามจะขับไล่ให้พ้นไป กลับจะทำให้ฝ่ายข้าศึกมีสถานที่อันมั่นคงอยู่ในราชอาณาจักรเสียอีกอนึ่งนั้น มร. ก็องสตังซ์ผู้ออกแบบแปลนแผนผังการก่อสร้างป้อมปราการนี้ก็เป็นคนหนุ่ม ซึ่งไม่มีความชำนิชำนาญในงานประเภทนี้ และจะทำให้ในหลวงทรงเปลืองพระราชทรัพย์ไปโดยไม่จำเป็นเสียอีก

เหตุผลของท่านพระคลังนั้นไม่เลวเลย แต่เป็นคราวเคราะห์ร้ายของท่านโดยในหลวงทรงทราบว่า ท่านได้นำความนี้มากราบทูลเพราะเงินที่ได้รับ มากกว่าจะมีความผูกพันอย่างจริงใจในผลประโยชน์แห่งราชบัลลงก์ พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะให้พระคลังสารภาพความจริงนี้ออกมาด้วยตนเอง และทรงมีรับสั่งสอบถามว่า มิได้รับสิ่งไรบ้างเทียวหรือที่เข้ามากราบทูลให้ทรงยับยั้งการก่อสร้างเมืองป้อมไว้เช่นนี้ พระคลังเข้าใจว่าในหลวงมิได้ทรงล่วงความรู้นัย จึงกราบทูลปฏิเสธและยืนกรานไม่ยอมสารภาพอยู่กระนั้น ข้างฝ่ายในหลวงนั้น

เมื่อทรงมีรับสั่งตำหนิความประพฤติอันขลาดที่เห็นแก่ได้ในผลประโยชน์เล็กน้อยดังนั้นแล้ว ก็รับสั่งต่อไปว่า พระองค์เป็นบุคคลแรกที่จะกล่าวประณามคนที่พระองค์เคยทรงไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งมาแต่หนหลัง แล้วทรงขับพระคลังออกเสียจากที่เฝ้าอย่างกริ้วเป็นที่สุด และรับสั่งให้ขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่ง ติดตามไปโบยเสียด้วยหวายในทันใดนั้น อันเป็นการลงทัณฑ์ที่เป็นสิ่งธรรมดาที่สุดในหมู่ชนชาวสยาม แต่ไม่เคยได้กระทำแก่ผู้มีหน้าที่ราชการในตำแหน่งสูง นอกจากว่าจะมีความผิดเป็นอุกฤษฏ์โทษเท่านั้น

วิธีลงทัณฑกรรมนี้คือ เขาจับผู้กระทำผิดมัดมือโยงทั้งสองข้าง แล้วเฆี่ยนหลังอันเปลือยเปล่าลงมาถึงบั้นเอว ด้วยหวายเส้นเล็กๆ พันด้วยเชือกเส้นเล็กๆ ที่แข็งมาก จำนวนครั้งที่โบยนั้นเป็นไปตามโทษานุโทษ แต่โดยธรรมดาแล้วการโบยนั้นก็ถลกหนังออกจากหลังนั่นทีเดียว ท่านพระยาพระคลังได้รับการลงโทษทัณฑ์โบยอย่างหนัก ประกอบด้วยความอับอายขายหน้าจึงล้มป่วยลงเป็นไข้มีอาการหนัก พระยาพระคลังนั้นถึงแก่อนิจกรรมในเวลาไม่ช้าต่อมา “

ที่มา

“บันทึกความทรงจำ ของ บาทหลวง เดอะ แบส เกี่ยวกับชีวิตและมรณกรรมของก็องสตังซ์ ฟอลคอน”. เขียนโดย บาทหลวง เดอะแบส. แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร. ศรีปัญญา. 2550

https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_16420

 

โศกนาฏกรรมสังหารหมู่ไอ้ตูบ!!
งานถนัด“ข้าราชการไทย”ปล่อยปัญหาจนวิกฤต เปิดช่องของบฯเพิ่ม “หมอจุฬาฯ”ปูด“ขบวนการโกงตัวเลข”การทำหมันและฉีดวัคซีนสุนัขจรจัด เบิกงบประมาณเต็ม แต่ขัดแย้งความเป็นจริง หมาจรจัดเกลื่อน-พิษสุนัขบ้าบานปลายแทบทุกปี

สมเป็นข้าราชการไทย .. ปัญหามีไว้ให้แก้ แต่รอแก้กันที่“ปลายเหตุ”ก็ดราม่าสนั่นโลกโซเซียล ปฏิบัติการ "เซตซีโร" กวาดล้างสุนัขจรจัด ของทาง“กรมปศุสัตว์”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ .. ที่ปูพรมวางยาเบื่อ“หมาจรจัด”จนเกิดภาพอเนจอนาถ บางที่ฆ่าทิ้งศพเกลื่อนวัด เพื่อกู้วิกฤต“โรคพิษสุนัขบ้า”ที่กำลังระบาดหนักในหลายพื้นที่ .. คราวซวยก็เลยมาเยือน“ไอ้ตูบ -เจ้าเหมียว”และทำให้เกิดการถกเถียง “เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย” ลั่นทุ่งออนไลน์ บางกระแสก็ว่าช่วยไม่ได้ หรือหลายกระแสก็มองว่า ไม่ใช่ทางออก .. “โศกนาฏกรรมสังหารหมู่”แบบนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ แทบกลายเป็นมาตรการวนลูปที่จวนตัวก็ถูกงัดขึ้นมาใช้ตลอด .. กลายเป็นช่องในการของบประมาณเพิ่มเติม อย่างล่าสุดก็เพิ่งได้รับงบประมาณมา 360 ล้านบาทเพื่อนำเข้าวัคซีน .. ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทั้งปีเจ้าหน้าที่ไปทำอะไรกันอยู่ หรือราชการไทยไม่รู้จักคำว่า “แก้ปัญหาต้นเหตุ”หรือ “เฝ้าระวัง- ป้องกัน”บ้างหรือ ..

ที่มันน่าตกใจก็ข้อสังเกตของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า ที่ผ่านมาภาครัฐบอกว่า ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าและทำหมันในสุนัขจรจัดได้ตามเป้าตลอด 70-80% ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น .. “หมอธีระวัฒน์”ถามต่อด้วยว่า ตัวเลข 70-80% มาจากไหน ด้วยประชากรสุนัขจรจัดที่มีราว 10 ล้านตัว หากดำเนินการได้ตามที่ราชการสรุปจริง จำนวนสุนัขจรจัดไม่น่าจะเพิ่มขึ้น .. ที่สำคัญคงไม่มีการพบโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้น จนบางพื้นที่การตรวจหัวสุนัขแล้วพบไวรัสพิษสุนัขบ้าเพิ่มถึง 50% .. ตลอดจนประเด็นคุณภาพ และความเพียงพอของ“วัคซีนในสัตว์”ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงอีกด้วย .. จน “หมอธีระวัฒน์”ต้องตั้งคำถามดังๆ ว่า มี “ขบวนการโกงตัวเลข”การทำหมันและฉีดวัคซีนเพื่อ“หักเหงบประมาณ”หรือไม่ .. อันนี้คงต้องถาม นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้เห็นดีเห็นงามกับ “ภาษีหมา-แมว”ล่ะมั้ง.

ช.ชฎา
https://www.manager.co.th/QOL/ViewBrowse.aspx?BrowseNewsID=6051

 

#ข่าวเด็ดโซเชียล > พอกันทีกับการซื้อของออนไลน์แล้วต้องมานั่งเสียเวลาถามราคา !

- ราชกิจจานุเบกษาประกาศ ขายของออนไลน์ต้องแสดงราคา รายละเอียดสินค้า-บริการ ให้ชัดเจน เลิกให้ in box ได้เเล้ว !

บอร์ดคุมราคาสินค้าฯ ออกได้ประกาศสั่ง “ผู้ค้าออนไลน์” ต้องแสดงราคา-รายละเอียดสินค้าและบริการ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ซึ่งรวมถึงค่าบริการ /ประเภท/ชนิด/ลักษณะ/ขนาด/น้ำหนัก และรายละเอียดอื่นๆ ด้วยการการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏในสินค้า ภาษาไทย หรือภาษาอื่นด้วยก็ได้เช่นกัน

20/03/2560 มีรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2560 เรื่องการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์

“โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๐ เห็นควรกำหนดให้มีการกำกับดูแลการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและ บริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบ ราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๕) มาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ เป็นต้นไป

ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์

ข้อ ๓ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจำหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ำหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏ ด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจำหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคาหรือค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย สำหรับข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่กับราคาจำหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้

ข้อ ๔ กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากราคาจำหน่ายสินค้าหรือ ค่าบริการที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ ๓ ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วนและเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจำหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ

ข้อ ๕ การแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการตามข้อ ๓ ต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อต่ำกว่า ราคาจำหน่าย หรือค่าบริการที่แสดงไว้

ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐

อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

ที่มา www.mratchakitcha.soc.go.th
https://goo.gl/DxCUUz

#ข่าวจัดหนักกับโมโน #Mono29 #Mono29News

 

ด่วน ! "วันนี้" (21 มีนาคม 2561 เวลา "ประเทศไทย") "เกิดการระเบิด" หลายจุด "พร้อมกัน" ใน "เมืองออสตินมลรัฐเท็กซัสแดนอีแร้งหัวเถิก" ...

ระเบิดต่อเนื่องเมืองออสตินครั้งที่ 6 เจ็บสาหัส 1 ราย ...

เกิดเหตุพัสดุระเบิดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 ที่เมืองออสติน ในรัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าระเบิดในพัสดุครั้งล่าสุดนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุพัสดุระเบิดหลายครั้งก่อนหน้า ที่มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

มีรายงานเกิดเหตุระเบิดที่ร้านค้าชื่อ “กู้ดวิลล์” ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนมากรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองออสติน บอกว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นจากระเบิดเพลิง มิใช่ระเบิดในพัสดุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บพนักงานชาย อายุราว 30 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส

ขณะที่ผู้บริหารของบริษัท กู้ดวิลล์ เซ็นทรัล เท็กซัส เผยว่า ระเบิดมีลักษณะเหมือนท่อ ถูกส่งมายังร้านโดยวางไว้รวมกับสินค้า ในขณะที่สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ กล่าวว่า เหตุระเบิดครั้งล่าสุดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดต่อเนื่องครั้งอื่นๆ ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ที่เมืองออสตินมีประชากรอาศัยเกือบ 1 ล้านคน เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งต่อเนื่องหลายครั้ง โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกิดเหตุพัสดุระเบิดที่ศูนย์กระจายพัสดุภัณฑ์ของบริษัท เฟดเอ็กซ์ ที่เมืองเชิร์ตซ์ รัฐเท็กซัส เจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันว่า พัสดุดังกล่าวมีตะปูและเศษโลหะจำนวนมากบรรจุอยู่หรือไม่ ระบุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย แต่เชื่อว่าครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดต่อเนื่องครั้งอื่นๆ ก่อนหน้านี้

https://workpointnews.com/2018/03/21/ระเบิดต่อเนื่องเมืองออ/

 

ระบบที่ล้มเหลว

- - สำนักข่าวคมชัดลึก - -

รัฐบาลยังคงเดินหน้าตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนผู้ยากไร้ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ตลอดสองเดือนหลังมีข่าวขึ้นมาพบทุจริตงบคนจนและผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วกว่า 50 จังหวัด จากทั้งหมด 76 จังหวัด รวมเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยทำกันเป็นขบวนการและวิธีการในแต่ละจังหวัดก็มีความคล้ายคลึงกัน จึงเป็นไปได้ว่าการทุจริตดังกล่าวคงไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น น่าจะทำกันสะสมต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยขบวนการนี้นอกจากจะมีข้าราชการในพื้นที่และคนใกล้ชิดซึ่งอาจเป็นญาติพี่น้องแล้ว พบหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มบุคคลซึ่งอาจจะมีข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยพบร่องรอยการโอนเงินส่งส่วยกันเป็นทอดๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถโกงเงินคนจนได้ค่อนประเทศกันแบบนี้ได้อย่างแน่นอน

แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะประกาศนโยบายลดความเหลื่อมล้ำโดยจัดสรรโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนจนในหลายๆ รูปแบบ และเน้นย้ำในเรื่องการตรวจสอบการทุจริตอย่างเข้มแข็งก็ตาม แต่ก็ยังมีข้าราชการนอกแถวที่ทำตัวเป็นเหลือบไรคอยแทะเม็ดเงินที่แจกจ่ายให้คนยากไร้เหล่านี้ ส่งผลต่อประเทศชาติโดยรวม ซึ่งล่าสุด "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ "ประชาชนคิดอย่างไรกับข่าวทุจริต ณ วันนี้" หลังจากที่มีข่าวออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่มีมานานทุกยุคทุกสมัย สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และอยากให้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง มีการตรวจสอบ รื้อระบบภาครัฐครั้งใหญ่

นอกจากนี้ข่าวการทุจริตที่เกิดขึ้นมีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เพียงใดนั้น ร้อยละ 40.97 เห็นว่ามีผลมาก เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ ขาดความน่าเชื่อถือ ถูกมองว่าเป็นการปกป้องพวกพ้อง รู้สึกผิดหวังร้อยละ 22.13 เห็นว่าค่อนข้างมีผล เพราะแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ยังมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร้อยละ 21.26 เห็นว่าไม่ค่อยมีผล เพราะการทุจริตเป็นปัญหาที่ฝังรากลึก มีมานาน ทุกรัฐบาลประสบปัญหา ไม่คาดหวังในการแก้ปัญหาการทุจริตอยู่แล้ว แต่เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาการทุจริตได้หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 56.61 เห็นว่าแก้ไขไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามีหลายคดีที่เงียบหายไป ไม่สามารถเอาผิดได้ เป็นปัญหาเรื้อรัง ร้อยละ23.42 เห็นว่าไม่แน่ใจ เพราะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน และร้อยละ 19.97 เห็นว่าแก้ไขได้ เพราะรัฐบาลคสช.มีอำนาจพิเศษสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

เสียงสะท้อนของประชาชนเพียงแค่พันกว่าคนและระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ถึงจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็สื่อถึงรัฐบาลได้ชัดเจนว่าสังคมกำลังจับตามองและเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นการจริงจัง ไม่เพียงแค่จับปลาซิวปลาสร้อย แต่ต้องขยายผลไปยังผู้มีอำนาจระดับสูงที่อยู่เบื้องหลังคอยแทะเล็มผลประโยชน์หล่านี้ ที่สำคัญมันเป็นเรื่องสะเทือนใจคนทั้งประเทศเมื่อคนในระบบที่ใกล้ชิดคนยากคนจนมากที่สุดกลับมาหาประโยชน์จากคนจนไร้ที่พึ่งที่เป็นกลุ่มชนชั้นที่ยากจนที่สุดในสังคม และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปดูเหมือนจะลามไปสู่โครงการช่วยเหลืออื่นๆ ในอีกหลายกระทรวง เป็นภาพสะท้อนวิกฤติคอร์รัปชั่นที่รุนแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแค่ปัญหาในเชิงบุคคลเท่านั้นแต่สะท้อนไปถึงความโหดร้ายของระบบด้วย จึงต้องเข้าสู่การปฏิรูปราชการอย่างจริงจังเสียที มิเช่นนั้นแล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มเห็นรูปธรรมความสำเร็จด้านปราบโกงของรัฐบาล




#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw
Follow IG: http://bit.ly/2yeu3hy
WebSite : http://www.anticorruption.in.th

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ละเหี่ยใจสุดๆ จนไม่แปลกใจที่ทำไมผลคะแนนความสุขคนไทยในรายงาน 'World Happiness Report' ประจำปี 2018 ที่จัดทำโดยองค์การสหประชาชาติจึงร่วงกราวรูดลงมา 14 อันดับจากปีที่แล้ว เพราะขนาดที่พึ่งของประชาชนอย่างข้าราชการยังคอร์รัปชั่นกันหน้าตาเฉย โดยข่าวล่าสุดพบว่า ข้าราชการในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ #โกงเงินคนจน ไปแล้ว 85% ของงบประมาณทั้งหมด สูญเงินให้ปลวกสังคมไปกว่า 100 ล้านบาท #กินอิ่มนอนหลับดีอยู่หรือท่าน #ลุกลามไปแล้ว49จังหวัดทั่วไทย

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ล่าสุด พบว่า จากการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปี 2560 ประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งจำนวน 76 ช่วงตั้งแต่วันที่ 13ก.พ.-18 มี.ค.61 พบว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตงบประมาณรวมงบ 104,440,000 บาท คิดเป็นประมาณ 85% ของงบศูนย์คุ้มครองฯ ใน 49 จังหวัดโดยมีข้าราชการที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการศูนย์ เจ้าหน้าที่ระดับลูกจ้าง พนักงานและคนนอก ซึ่งมีรูปแบบการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบการทุจริตคอร์รัชชันในวงการข้าราชการไทย ประกอบด้วย
-----------------
ขอนแก่น เชียงใหม่ บึงกาฬ หนองคาย สุราษฎร์ธานี ตราด น่าน สระแก้ว อุดรธานี สระบุรี อยุธยา กระบี่ ตรัง ร้อยเอ็ด ยะลา พัทลุง ชุมพร สุรินทร์ อ่างทอง พิษณุโลก ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สงขลา นราธิวาส มหาสารคาม ลำพูน นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี นครพนม กาฬสินธุ์ พิจิตร ราชบุรี นครปฐม มุกดาหาร ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก อุทัยธานี สตูล ลพบุรี หนองบัวลำภู และศรีสะเกษ กำแพงเพชร พังงา และ สกลนคร
-----------------
นอกจากนี้ ปปท.ยังมีการตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง 4 แห่ง คือ นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ งบประมาณ 7 ล้านบาท
นิคมสร้างตนเองห้วยขวาง 5 ล้านบาท
นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น 11 ล้านบาท
นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.สตูล 10 ล้านบาท

โดยพฤติกรรมการทุจริตมีลักษณะคล้ายกันกับศูนย์คุ้มครอง แต่มีลักษณะมุ่งเน้นให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพและเบิกเงินสงเคราะห์จำนวนหลายครั้ง

ทั้งนี้ เนื้อหาข้างต้นจะไม่เกิดขึ้นเลย หากไม่มีเรื่องราวของเด็กฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองฯ และแฉเหล่าข้าราชการที่โกงกินในศูนย์คุ้มครองฯ และลุกลามออกไปทั่วประเทศ ว่ามีการโกงกันสนันหวั่นไหวของเหล่าข้าราชการ โดยเรื่องดังกล่าวปูดขึ้นก็ด้วยนักศึกษาฝึกงาน 'น.ส.ปณิดา ยศปัญญา' นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ร้องเรียนการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้และผู้ป่วยโรคเอดส์ของ 'ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น' กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระหว่างไปฝึกงานที่ศูนย์ดังกล่าว แต่น่าสนใจคือ ทำไมหน่วยงานรัฐไม่มีการตรวจสอบกันเลย ปล่อยให้เด็กฝึกงานคนเดียวแฉจนอยู่กันไม่ได้ เพราะข่าวได้ลุกลามไปไกลมากแล้ว
------------------------------------------
Source : posttoday.com

 

มัดบิ๊กขรก.ใจอำมหิต โกงเงินคนจนรับกันสดๆ-โอนเข้าบัญชี
วันพุธ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561, 20.45 น.
ปปท.ชงผู้ว่าฯนครพนมเด้งผอ.โรงเรียนฉาวออกนอกพื้นที่หลังพบเป็นตัวการซักซ้อมชาวบ้านให้ช่วย จนท.พ้นผิดคดีโกงเงินคนจน ส่วนกรณีทุจริตนิคมสร้างตนเองเตรียมเสนอปปช.ปูพรมสอบทั้งหมด43แห่ง เผยเบื้องต้นพบร่องบิ๊กขรก.รับเงินสด-โอนเข้าบัญชี

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2561 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบการทุจริตเงินช่วยเหลือคนยากไร้ของศูนย์คนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ ว่า กรณีมี ผอ.โรงเรียนในพื้นที่ จ.นครพนม เป็นแกนนำเจรจากับชาวบ้านเพื่อให้ช่วยเหลือ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นครพนม ให้พ้นผิดนั้น ล่าสุดพบว่าชาวบ้านในพื้นที่ถูกกดดันแล้ว

"ป.ป.ท.ได้หารือประเด็นดังกล่าวกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายอำเภอให้ช่วยดูแล เบื้องต้นอาจขอให้ผู้ว่าฯ ย้ายผอ.โรงเรียนไปปฏิบัติหน้าที่อื่น และประสานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้ส่งทหารเข้าดูและประชาชน" พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

เลขาธิการ ป.ป.ท.ยังกล่าวว่า นอกจากนี้จาการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ยังพบว่า ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวเคยขอทุนการศึกษาจากศูนย์คนไร้ที่พึ่งให้กับนักเรียน แต่โรงเรียนจ่ายเงินให้ไม่ครบ เพราะกันเงินไปบริหารจัดการด้านอื่นๆของโรงเรียน ดังนั้น เรื่องนี้ ป.ป.ท.จะเข้าไปเตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเพื่อแยกออกเป็นอีก 1 สำนวน

พ.ท.กรทิพย์ ยังกล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นั้น วันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) คณะกรรมการ ป.ป.ท.จะประชุมพิจารณาส่งสำนวนทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งของนิคมสร้างตนเอง 4 แห่งไปให้ ป.ป.ช.ไต่สวน เนื่องจาก ผอ.นิคมฯ เป็นระดับผู้อำนวยการต้น ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

"ก็อยู่ในดุลพินิจของ ป.ป.ช.ว่าจะตรวจสอบเฉพาะ 4 นิคมที่ ป.ป.ท.ส่งสำนวนไปให้หรือจะปูพรมตรวจสอบทั้ง 43 นิคม เหมือนกันที่ ป.ป.ท.ขยายผลตรวจสอบหลังพบการทุจริตที่จ.ขอนแก่น" เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าว

ทั้งนี้ วันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) เวลาประมาณ 13.00 น.ป.ป.ท.จะประชุมหารือร่วมกับอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อประสานข้อมูลวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในปีงบประมาณ 2561 และประสานข้อมูลให้ พม.ใช้ตรวจสอบความผิดทางวินัย

นอกจากนี้ พ.ท.กรทิพย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางการเงินหากตรวจสอบพบเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงนั้น ป.ป.ท.จะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ เนื่องจากอยู่นอกเหนืออำนาจของ ป.ป.ท.โดยระหว่างนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดจนกว่าจะมีความชัดเจน แต่เบื้องต้นพบร่องรอยการทุจริตทั้งในรูปแบบเงินสดและโอนเข้าบัญชี

แหล่งข่าวเผยว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาจ่ายเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจะคำนวณจากจำนวนประชากรเป็นหลักโดยประเมินว่าในแต่ละจังหวัดจะมีผู้ยากไร้ ร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมด ส่วนการจ่ายเงินสงเคราะห์จะมีระเบียบเฉพาะเจาะจงเพื่อให้การจ่ายเงินรัดกุม แต่ระเบียบดังกล่าวกลับถูกใช้เป็นช่องทางการทุจริต โดยเฉพาะขั้นตอนการสำรวจผู้ยากไร้ซึ่งให้อำนาจองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นผู้สำรวจ แต่ปรากฏว่ามีการสำรวจข้อมูลอันเป็นเท็จ

http://www.naewna.com/local/328305

 

https://www.matichon.co.th/news/885280

 

UPDATE: จีนเตรียมตัดสิทธิ์ประชาชนที่มีคะแนนพฤติกรรมทางสังคมต่ำ ต้องจ่ายแพงกว่าและห้ามโดยสารเครื่องบิน
.
สภาพบรรยากาศของสังคมในภาพยนตร์ซีรีส์ Black Mirror ที่ออกอากาศทาง Netflix กำลังเกิดขึ้นจริงในประเทศจีน โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้คนรอบข้างมีสิทธิ์ประเมินคะแนนให้กับตัวคุณ และผลคะแนนนั้นส่งต่อการใช้ชีวิตในสังคม
.
หลังจากที่รัฐสภาจีนมีมติใช้ระบบเครดิตพฤติกรรมทางสังคมที่เรียกว่า ‘Zhime Credit’ ซึ่งเชื่อมโยงกับการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ผ่านมือถืออย่าง Alipay แฟลตฟอร์มที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในจีนตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมา เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งส่วนตัวและสาธารณะของชาวจีนทั้งหมดภายในปี 2020 โดยข้อมูลดังกล่าวสามารถเข้าถึงได้ด้วยการใช้ลายนิ้วมือและลักษณะเฉพาะทางชีววิทยาอื่นๆ ซึ่งจะเป็นระบบเครดิตที่ครอบคลุมทั่วทั้งสังคมจีน
.
เกณฑ์คะแนนเครดิตประมาณ 350 คะแนนจะจัดอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยคะแนนระดับสูงจะอยู่ที่ 950 คะแนนขึ้นไป ชาวจีนที่มีคะแนนเกินเกณฑ์นี้จะได้รับอภิสิทธิ์ต่างๆ มากมาย ขณะที่คนที่มีคะแนนระดับต่ำอาจจะต้องเสียค่าปรับสูงขึ้นหรือได้รับโทษหนักขึ้นเมื่อกระทำความผิด อีกทั้งอาจจะต้องเสียค่าเช่าโรงแรมที่พักและยานพาหนะในอัตราที่สูงกว่า รวมถึงโอกาสในการพิจารณารับเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำ
.
โดยคะแนนดังกล่าวสามารถถูกปรับลดลงได้หากมีการยืนยันว่าบุคคลนั้นได้ทำการติดต่อกับคนอื่นที่มีระดับคะแนนเครดิตพฤติกรรมทางสังคมต่ำ เว็บไซต์ Business Insider รายงานว่า ผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันหาคู่เดตอย่าง Baihe กว่า 15% เปิดเผยคะแนนเครดิตดังกล่าวเพื่อดึงดูดชาวจีนคนอื่นที่มีระดับคะแนนในเกณฑ์สูง
.
ทางการจีนเผยว่า ปัจจุบันชาวจีนถูกตัดสิทธิ์ในการโดยสารเครื่องบินกว่า 6.5 ล้านคน เนื่องจากมีระดับคะแนนเครดิตพฤติกรรมทางสังคมต่ำ
.
อ้างอิง:
- http://nationalpost.com/entertainme...ing-social-credit-score-is-a-reality-in-china
- http://www.businessinsider.com/china-social-credit-score-like-black-mirror-2016-10
- http://fortune.com/2018/03/18/china-travel-ban-social-credit/
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/

#News #TheStandardCo #TheStandardTH #StandUpForThePeople

 

แฉ ! ใครกันแน่โกงเงินอุดหนุนโรงเรียนสอนศาสนา3ปี รัฐสูญเงิน134ล้าน !
จากกรณีที่เครือข่ายผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม จากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านหน.คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา
จะสังเกตได้ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาหลายๆแห่งออกอาการ “ดิ้น” อย่างชัดเจน และมีการใช้คำพูดที่น่า”เคลือบเเคลงใจ”อยู่ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะ”คำขู่”รัฐบาลซึ่งเป็นการฟาดงวงฟาดงา ยิ่งกว่านั้นผอ.โรงเรียนบากงพิทยาที่ดูแล้วจะโดนหนักกว่าเพื่อนเพราะหลักฐานมัดตัวแน่นหนาอย่างนี้ ถึงกับขอร้องออกสื่อว่าไม่ได้รับความยุติธรรมในการถูกฝ่ายรัฐคุกคามอย่างที่ไม่เคยได้พบมาก่อน
และเป็นธรรมดาที่ “เพื่อนย่อมช่วยเพื่อน” บรรดาผอ.โรงเรียนที่ส่อแววที่จะโดนเล่นเหมือนกัน เมื่อเห็นเพื่อนโดนแบบนี้แล้วเลย”ร้อนตัว”โดดเข้าปกป้องเพื่อน เพราะถ้าเพื่อนโดนตนเองก็ไม่รอดแน่ๆ จึงเป็นการป้องกันตัวเองด้วยอีกทางหนึ่ง บทความนี้เราจะไม่พูดถึงหลักฐานมัดตัวของการ “โกง” ของบรรดาผู้บริหารโรงเรียนต่างๆซึ่งจะนำมาให้อ่านทีหลัง แต่จะพูดถึงประเด็นในข้ออ้างของหนังสือฉบับนี้และประเด็นต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในสังคมเท่านั้น
เมื่ออ่านดูเนื้อหาของหนังสือฉบับนี้ ช่วงแรกคือการชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการดำเนินโครงการต่างๆในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้เช่น พาคนกลับบ้าน กำปงตักวา ฯลฯ ซึ่งผู้ดำเนินการหลักคือกอ.รมน.ภาค4สน.และฉก.จังหวัดต่างๆ แต่กลับไม่พอใจที่หน่วยงานดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนที่มีเบาะแสการ”โกงงบประมาณแผ่นดิน”หรือหลักฐานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง ซึ่งเป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้เช่นกัน หรือบรรดาผู้บริหารโรงเรียนต่างๆนั้นไม่อยากให้บ้านเมืองของท่านสงบสุขกันแน่
อีกทั้งยังมีการกล่าวอ้างว่าการกระทำดังกล่าวนั้นได้สร้างปัญหาความแตกแยกให้กับชาวไทยมุสลิม ไทยพุทธรวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีน แต่การสนองตอบของประชาชนในพื้นที่ตามที่ผู้บริหารกล่าวอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนนั้นเห็นต่าง ซึ่งดูเหมือนว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยมุสลิม ไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีน ล้วนแต่ให้การสนับสนุนในการที่จนท.รัฐเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนเหล่านี้ เพราะต่างเป็นที่รู้ดีกับในพื้นที่ว่าบุคลากรในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาบางโรงเรียน มีส่วนในการก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งยังเป็นที่พักพิง แหล่งบ่มเพาะ-หลบซ่อนชั้นดีให้กับบรรดาคนร้ายอีกด้วย
โดยหนังสือยังทิ้ง “คำขู่” ให้กับรัฐบาลว่าถ้ามายุ่งหรือกวนใจ จนทำให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนานั้นเสียชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ ก็อาจจะเกิดการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะชาวไทยมุสลิมที่มีผู้นำศาสนาและบรรดาครูสอนศาสนาเป็นแกนนำ และอาจจะเกิดความรุนแรงที่ปะทุมากขึ้นอีกครั้ง
นับว่าการดำเนินการตรวจสอบบรรดาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่ประสบความสำเร็จในการ ”จี้จุดเจ็บจุดคัน” ของปัญหาไฟใต้ เพราะรัฐได้ลงไปควบคุมและดูแลแหล่งต้นกำเนิดทั้งแหล่งบ่มเพาะโจรรุ่นใหม่ รวมทั้งแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ด้วย
ก็คงหวังให้จนท.รัฐตรวจพบหลักฐานจนสามารถดำเนินคดีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงและเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงต่างๆเหมือนกรณีโรงเรียนปอเนาะจีฮาดให้ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและขัดขวางการขยายตัวของผู้นิยมความรุนแรงนี้ไปสู่ลูกหลานเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างทันท่วงที
-------------------------------
#ไม่มีโจรใต้ไม่มีความรุนแรง

 

ปอกเปลือก ทรราช
นายบอริส จอห์นสัน หน้าแตกอีกครั้งหลังปากเสียกล่าวหารัสเซียว่าเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 เหมือนกับกีฬาโอลิมปิก 1936 ของฮิตเลอร์ แต่ถูกโฆษกหญิง กต.รัสเซียสวนกลับทันทีว่า "ก็รัสเซียไม่ใช่หรือที่เสียสละชีวิตเป็นล้านๆคนช่วยปลดปล่อยยุโรปจากการยึดครองของพวกนาซี?"

------------

วันที่ 21 มี.ค. 61 RT พาดหัวข่าวว่า "เวิลด์คัพปูตินเหมือนโอลิมปิกปี1936 ของฮิตเลอร์ - บอริส จอห์นสัน กล่าว (วีดีโอ)" (Putin’s World Cup is like Hitler’s 1936 Olympics – Boris Johnson (VIDEO))

นายบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศของอังกฤษ กล่าวว่า การที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก (ปี 2018) ก็เหมือนกับการที่ฮิตเลอร์ (และนาซีเยอรมัน) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1936 นั่นแหละ ในขณะที่นายบอริสถูกซักถามโดยคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศแห่งรัฐสภาของอังกฤษ จอห์นสัน (ยังปากเสีย) เรียกความคิดของปูตินที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้เมืองโซชิว่า "รู้สึกจะอาเจียน" (emetic)

[อิจฉาหละสิ! นั่นและ คำพูดของพวกที่เรียกตัวเองว่า "ผู้ดี" หลังจากที่อังกฤษเพิ่งจะบรรลุข้อตกลงการขายเครื่องบินรบ Eurofighter จำนวน 48 ลำ มูลค่า £5,000 ล้าน ให้ซาอุดิอาระเบีย เผด็จการเบอร์หนึ่งแห่งตะวันออกลางเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเยเมน ดีนะที่นายบอริส จอห์นสันไม่พูดต่อไปอีกว่า การที่กาตาร์จะเป็นได้เจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอล FIFA Word Cup 2022 เป็นเครื่องบ่งบอกว่ากาตาร์เป็นประชาธิปไตย เหมือนกับกรณีที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพในปี 1998 - ผู้แปล]

"ผมคิดว่า การเปรียบเทียบกับปี 1936 เป็นสิ่งที่ถูกต้องแน่นอน มันเป็นโอกาสที่น่าสะอิดสะเอียน (เนื่องจากอังกฤษไม่ได้เป็นเจ้าภาพ?) ที่จะคิดว่าปูตินกำลังสร้างชื่อเสียงในเหตุการณ์ทางกีฬาในครั้งนี้" บอริส กล่าวต่อคณะกรรมาธิการ หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษถูกคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศตั้งคำถามว่า ทำไมทีม World Cup ของอังกฤษถึงไม่ถอนตัวออกจากทัวร์นาเม้นท์นี้ "มันอาจจะไม่ถูกต้องที่จะไปลงโทษทีม (ฟุตบอลของอังกฤษ)" บอริส จอห์นสัน กล่าว

["พวกเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" ปากก็บอกว่าขยะแขยง ยี้… แต่ก็ซดเอาซดเอาจนหมดชาม และขอเติมอีก พร้อมกับเลอเสียงดัง - ผู้แปล]

วันเดียวกันนี้ นาง Maria Zakharova โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาตบปากนายบอริส ผ่านเฟซบุคว่า "การเปรียบเปรยและเปรียบเทียบดังกล่าวระหว่างประเทศของเราที่สูญเสียชีวิตหลายล้านคนในการต่อสู้ลัทธินาซี ต่อสู้กับพวกศัตรูในดินแดนของตนเอง และจากนั้นก็ช่วยปลดปล่อยยุโรป [และนาซีเยอรมัน] เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะยอมรับได้"

โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวต่ออีกว่า "แถลงการณ์เช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ต่อเบื้องหน้าของงานบริการด้านการทูตของประเทศยุโรป... มันชัดเจนแล้วว่า [นายบอริส จอห์นสัน] ถูกวางยาพิษด้วยความเกลียดชังและความโกรธเกรี้ยว" และได้ประณามคำพูดของนายบอริสว่า "ไม่เป็นมืออาชีพ" และ "หยาบคาย" (ถ่อย)

[อังกฤษเขาเรียกพฤติกรรมแบบนั้นว่า "มรรยาทผู้ดี" มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของพวกเขา นะครับคุณมาเรีย ทั่วโลกชินแล้วครับ - ผู้แปล]

"มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่ผู้ชายคนนี้เป็นตัวแทนของมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ที่แบกรับความรับผิดชอบพิเศษบางอย่างสำหรับการกระทำต่างของประเทศนั้นในเวทีนานาชาติ รวมทั้ง (บทบาท) ในการรักษาไว้ซึ่งสันติภาพระหว่างประเทศด้วย" นาง Maria Zakharova กล่าว

[ก่อนหน้านี้นายบอริส จอห์นสัน คนนี้ก็หน้าแหกไปรอบหนึ่ง กรณีโวยวายรัสเซียสั่งปิดสถานกงสุลของอังกฤษในนครเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก และขับไล่นักการทูต (สายลับ) ของอังกฤษจำนวน 23 คนออกจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีอังกฤษขับไล่นักการทูตรัสเซีย 23 คน พร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวออกจากอังกฤษ - ผู้แปล]

"เมื่อวานนี้ ทำเนียบเครมลินกล่าวว่าจะปิดสำนักงาน British Council (ศูนย์รวมสายลับ MI6 ของอังกฤษ) และสถานกงสุลของอังกฤษในเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก มาตรการขี้ปะดิ๋ว (futile measures) เหล่านี้มีแต่จะเป็นการลงโทษประชาชนชารัสเซียทั่วไป โดยการกีดกันพวกเขาจากโอกาสที่ไม่เป็นอันตรายในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและใช้วีซ่าในอังกฤษ" นายบอริส จอห์นสัน เขียนในบทความพิเศษสำหรับหนังสือพิมพ์ The Sun ของอังกฤษที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2561

วันที่ 19 มี.ค. 61 Sputnik รายงานว่า "(เอิ่ม…) สถานกงสุล (ของอังกฤษ) ในนครเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้นไม่ได้ออกวีซ่าให้พลเมืองชาวรัสเซียมาเป็นเวลาหลายปีแล้วนะครับ การตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดเป็นข้อตกลงร่วมกับกรุงมอสโค" สถานทูตอังกฤษในกรุงมอสโคกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik

[กล่าวคือ แม้ว่ารัสเซียจะสั่งปิดสถานกงสุลของอังกฤษในเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กหรือไม่ มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการออกวีซ่าให้ชาวรัสเซียที่ต้องการจะเดินทางไปยังอังกฤษ เนื่องจากงานทั้งหมดที่เกี่ยวกับการออกวีซ่าไม่ได้ทำที่เซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ทำที่กรุงมอสโคแทน สรุป… คำพูดของนายบอริส จอห์นสัน ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษ จึงไม่แตกต่างอะไรกับ "การผายลม" นั่นเอง ก็แค่ตัวตลกทางการเมืองตัวหนึ่ง - ผู้แปล]

ป.ล. คุณจอห์นสันครับ เมื่อไรสมาชิกสภาขุนนาง (สภาสูง) ของอังกฤษจะมาจากการเลือกตั้งแทนการแต่งตั้งและสืบทอดตำแหน่งและอำนาจผ่านทายาทซะทีครับ? หรือว่านั่นคือ "ประชาธิปไตยแบบอังกฤษ"?

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
22/03/2561
----------
https://www.rt.com/uk/421930-boris-johnson-skripal-election/
https://www.rt.com/news/421956-boris-johnson-scary-nuclear/
https://sputniknews.com/europe/2018...l-zakharova-johnson-diplomats-fight-facebook/
https://sputniknews.com/europe/201803211062764408-johnson-questions-skripal-case/
https://sputniknews.com/europe/201803191062705628-boris-johnson-visa-petersburg/
https://sputniknews.com/viral/201803191062689866-twitter-vs-boris-johnson-latest-skripal-claims/
https://sputniknews.com/europe/201803181062664139-visas-for-russians-not-threatened/
https://sputniknews.com/europe/201803191062705628-boris-johnson-visa-petersburg/
https://sputniknews.com/viral/201803191062689866-twitter-vs-boris-johnson-latest-skripal-claims/
https://sputniknews.com/europe/201803181062664139-visas-for-russians-not-threatened/
https://www.theguardian.com/business/2018/mar/09/uk-typhoon-jet-deal-saudi-arabia-bae-systems
https://www.thetimes.co.uk/article/...ell-48-eurofighters-to-saudi-arabia-mdcb27l53

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวบันเทิง: นักรบฮูติแห่งเยเมนสอยเครื่องบินรบ F-15 ของ ทอ.ซาอุดิอาระเบียได้อีก 1 ลำ และยึดอาวุธสงครามที่ทันสมัยได้เป็นจำนวนมากจากค่ายทหารของซาอุดิอาระเบีย แหล่ม!

------------

วันที่ 21 มี.ค. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ฝ่ายกบฏฮูติแห่งเยเมนอ้างว่าสอยเครื่องบินขับไล่ F-15 ของซาอุดิอาระเบีย - รายงาน (วีดีโอ)" (Yemen's Houthi Rebels Claim They Hit Saudi Arabian F-15 Jet - Reports (VIDEO))

อากาศยานลำหนึ่งของกองทัพอากาศราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียถูกยิงตกในจังหวัด Sa'da ทางตะวันตกเฉียงเหนือในเยเมน (ใกล้ชายแดนซาอุดิอาระเบีย) ฝ่ายกบฏฮูติแถลง อ้างคำพูดโดยสื่อท้องถิ่น

สำนักข่าว al Jazeera (ของกาตาร์) รายงานแถลงการณ์ของฝ่ายนักรบฮูติแห่งเยเมนซึ่งสอยเครื่องบินรบ F-15 ของซาอุะดิอาระเบีย (ที่ผลิตโดยสหรัฐอเมริกา) ส่วน Press TV (ของอิหร่าน) ก็รายงานว่า อากาศยานลำดังกล่าวถูกสกัดกั้นและทำให้ตกโดยกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของเยเมน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเหล่านักรบจากคณะกรรมการยอดนิยม (ฮูติ) ที่เป็นพันธมิตรกัน

ตามรายงานระบุว่า เครื่องบินขับไล่ลำดังกล่าวได้เข้าไปมีส่วนร่วมในภารกิจโจมตีทางอากาศย่านที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัด Sa'da และถูกยิงตกด้วยมิสไซล์ภาคพื้นสู่อากาศ (SAM) (ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นมิสไซล์รุ่นไหน แต่ดูจากคลิปแล้วน่าจะเป็นของบ้านๆ ธรรมดาๆ หรือของยุคโซเวียต)

มีการเผยแพร่คลิปและภาพถ่ายขณะนักรบฮูติปล่อยมิสไซล์จากจุดยิงบนพื้นดิน และมิสไซล์พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย ซึ่งคาดว่าเป็นเครื่องบินรบ F-15 ได้อย่างแม่นยำ พร้อมเสียงตะโกนสรรเสริญพระเจ้าด้วยความดีใจและสะใจจากนักรบฮูติ

สำนักข่าว AMN ของเลบานอน รายงานว่า กองทัพนักรบฮูติได้จับตาดูเครื่องบินรบ F-15 ลำนี้มาได้สักระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะตัดสินใจสอยมันลงมาด้วย SAM (เมื่อสองเดือนที่แล้ว ฮูติก็สามารถสอย F-15 ของ ทอ. ซาอุดิอาระเบียได้หนึ่งลำ พร้อมกับเผยแพร่คลิปการโจมตีในโซเชียลมีเดียและตามสื่อต่างๆด้วย)

อีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับผลงานของนักรบฮูติแห่งเยเมน วันเดียวกันนี้ AMN รายงานว่า กองทัพซาอุดิอาระเบียประสบความเสียหายอย่างหนัก จากการตอบโต้โดยนักรบฮูติในสัปดาห์นี้

นักรบฮูติได้วางแผนลอบโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของกองทัพภาคพื้นดินซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรหลายแห่งในพื้นที่จังหวัด Najran ซึ่งรวมทั้งค่ายทหาร Marash ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกองทัพซาอุดิอาระเบียด้วย

ตามรายงานระบุว่า การปะทะกันที่ค่าย Marash ระหว่างนักรบฮูติและทหารฝ่ายซาอุดิอาระเบียใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง และในที่สุดแล้วนักรบฮูติก็สามารถยึดค่ายแห่งนี้ได้ พร้อมกับยึดอาวุธจากทหารซาอุดิอาระเบียได้เป็นจำนวนมากด้วย

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
22/03/2561
----------
https://sputniknews.com/middleeast/201803211062773665-houthi-rebels-saudi-arabia-jet/
https://www.almasdarnews.com/article/houthis-releases-footage-of-missile-attack-on-saudi-warplane/
https://www.almasdarnews.com/articl...aim-saudi-jet-hit-with-anti-aircraft-missile/
https://www.almasdarnews.com/articl...-houthi-forces-seize-strategic-military-camp/

http://www.presstv.com/Detail/2018/03/21/556172/Yemen-F15-fighter-jet-over-Saada-Report
https://www.almasdarnews.com/articl...-houthi-forces-seize-strategic-military-camp/

 

วอนช่วย "น้องอิ๋ง" เด็กไร้ญาติ แม่ติดคุก ต้องอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน
เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV

21 มีนาคม 2561 21:14

• 

อุดรธานี - ยิ่งกว่าละครชีวิต แม่เขียนจดหมายจากในเรือนจำคิดถึงลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจ โดยฝากลูกสาวกับเพื่อนบ้านให้เลี้ยงให้ หลังตัวเองต้องโทษนานหลายปี ส่วนยายแท้ ๆ ที่เคยเลี้ยงมาเสียชีวิต ไม่มีญาตินำไปเลี้ยง เพื่อนบ้านรับเลี้ยงดูเหมือนเป็นหลานแท้ ๆ แต่ต้องดูแลคนในครอบครัวถึง 7 ชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม มีเด็กนักเรียนหญิง ชื่อน้องอิ๋ง อายุเพียง 7 ขวบ ที่กำลังจะเลื่อนขึ้นชั้น ป.2 โรงเรียนบ้านพังซ่อน ต.พังงู อ.หนองหาน โดยเด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้า มีชีวิตที่น่าสงสาร เนื่องจากไม่มีพ่อ ส่วนแม่ขณะนี้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ โดยก่อนหน้ามียายแท้ ๆ เป็นคนเลี้ยงดู แต่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ยายของเด็กได้เสียชีวิตลง จนทำให้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันต้องนำเอาเด็กคนนี้มาเลี้ยงคู่กับหลานของเพื่อนบ้าน โดยเพื่อนบ้านมีความรักเอ็นดู ให้ความรักใคร่เหมือนกับว่าเป็นลูกหลานแท้ ๆ แม้ที่ผ่านมา จะมีคนอื่นนำเด็กไปเลี้ยง แต่เด็กก็ขอกลับมาอยู่กับเพื่อนบ้าน ที่ถือว่าเป็นยายคนใหม่เช่นเดิม



ผู้สื่อข่าวเดินทางบ้านเลขที่ 107 ม.12 บ้านแสงสว่าง ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ที่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ของนางอุดม อย่างดี อายุ 49 ปี และ นายทองลี อย่างดี อายุ 50 ปี 2 ตายาย ที่เป็นผู้ที่ที่รับเลี้ยงดู น้องอิ๋ง มาตั้งแต่ยายแท้ ๆ ของ น้องอิ๋ง เสียชีวิตไป โดยนางอุดม อย่างดี เล่าว่า ครอบครัวของตนดูแลเลี้ยงดู น้องอิ๋ง มาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว ตั้งแต่น้องอิ๋ง มีอายุเพียง 3 ขวบ ตอนนั้นยายแท้ ๆ ของน้องอิ๋ง ก็เจ็บป่วย และทราบว่าแม่ของน้องอิ๋ง ต้องโทษอยู่ที่ จ.ขอนแก่น บ้านอยู่ใกล้บ้านของน้องอิ๋ง และน้องก็จะมาเล่นเป็นเพื่อนกับหลานชายของตนที่บ้านประจำ จนคุ้ยเคยกับครอบครัวของตน ต่อมาเมื่อกลางปี 60 ยายแท้ ๆ ของน้องอิ๋งได้เสียชีวิตลง เท่าที่ทราบ น้องอิ๋งไม่มีญาติที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน มีเพียงญาติทางแม่ที่อยู่คนละหมู่บ้าน แต่ก็ไม่สามารถนำน้องอิ๋งไปเลี้ยงได้ จึงเลี้ยงดูน้องอิ๋งอย่างจริงจังมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะว่าผูกพัน รักและสงสาร เนื่องจากเห็นมาทั้งแต่เด็ก ๆ และก็เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน โดยพวกตนได้เลี้ยงดูน้องอิ๋ง เหมือนหลานแท้ ๆ คนหนึ่ง

"ที่ผ่านมาน้องอิ๋ง ก็ช่วยเหลือทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ล้างจาน กรอกน้ำ และช่วยดูแลน้อง ๆ ซึ่งหากว่าในอนาคตจะมีหน่วยงาน หรือมีผู้ใจบุญ จะเอาน้องอิ๋งไปเลี้ยง ถ้าน้องอิ๋งเขาต้องการจะกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ ฉันก็จะขอเลี้ยงเขาเหมือนเดิม เพราะว่ารักและมีความผูกพันกันมาก เมื่อดูแลเลี้ยงดูก็รัก ไม่อยากให้เขาไปอยู่ที่อื่น ฉันเลี้ยงดูเขาเหมือนกับลูกหลานของตัวเอง เวลาเขาบ่นถึงแม่เขา ฉันก็ได้แต่ลูบหัวปลอบใจ และบอกว่าตอนนี้ยายไม่มีเงินพาไปหาแม่ หลานก็เข้าใจและบอกว่าไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร ไว้มีเงินค่อยไปก็ได้" นางอุดม กล่าว

นางอุดม เล่าอีกว่า ล่าสุดแม่ของน้องอิ๋ง ได้เขียนจดหมายมาถึงตน ถามไถ่ความเป็นอยู่ของลูกสาว แต่ด้วยที่ว่าตนอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ จึงต้องให้ครูยุบลฯ ครูที่เคยรับน้องอิ๋งไปดูแล เป็นคนอ่านจดหมายให้ฟัง ซึ่งมีใจความบางตอนว่า "ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะตอบแทน หากเมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว จะมาขอบคุณด้วยตนเอง ที่เลี้ยงดูลูกให้ ตนเองต้องถูกจองจำเป็นเวลา 3 ปี และตอนนี้มีเอกสารอายัดตัวจาก จ.อุดรธานี มาอีก 2 ฉบับ ซึ่งอยากมาอยู่เรือนจำอุดรฯ เพื่อจะได้พาลูกมาเยี่ยมตนได้ ขอร้องให้ช่วยดูแล และขอขอบคุณที่ช่วยเหลือดูแลเลี้ยงดูน้องอิ๋งมา และขอให้เงินน้องอิ๋งไว้ซื้อขนมกินด้วย" ซึ่งนางอุดมฯ บอกว่า ตนไม่เคยคิดถึงการตอบแทน เพราะดูแลเลี้ยงดูด้วยความรัก ความสงสาร ด้วยใจจริง

ด้านนางยุบล ศรีระวงศ์ คุณครูที่เคยดูแลน้องอิ๋ง มาก่อน กล่าวว่า ทางโรงเรียนมีโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน จึงได้ทราบว่า น้องอิ๋ง เป็นเด็กกำพร้า ได้รับการเลี้ยงดูจากยายอุดมฯ ที่เป็นเพื่อนบ้านอยู่ใกล้กัน เพราะน้องอิ๋งไม่มีคนดูแล ไม่มีพ่อ แม่ก็มีถูกจองจำอยู่ในเรือนจำต่างจังหวัด ตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบ อยู่กับยายแท้ ๆ แต่ยายก็มาเสียชีวิตเมื่อกลางปีที่แล้ว ตอนนั้นตนเคยรับน้องอิ๋ง มาอุปการะ แต่เด็กขอกลับมาอยู่กับยายอุดมฯ เพราะคุ้นเคยกัน

"โดยทางโรงเรียนก็ให้การช่วยเหลือส่วนหนึ่งที่พอที่จะช่วยได้ เช่น ทุนการศึกษา อาหารกลางวัน ส่วนเรื่องนิสัยของน้องอิ๋ง เขาเป็นเด็กร่าเริง การเรียนพอไปได้ ไม่ถึงกับเก่ง สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก เข้ากับเพื่อนได้ดี ไม่ขาดเรียน มีพัฒนาการที่ดี ได้ติดตามความเป็นอยู่ของเด็กตลอด แต่เนื่องจากครอบครัวของยายอุดม มีสมาชิกในครอบครัวมากถึง 7 คน รายได้ของยายอุดมก็มาจากการรับจ้างเย็บผ้า รายได้ไม่แน่นอน ส่วนสามีของยายอุดม ก็ทำงานรับจ้างทั่วไป ก็จะมีรายได้จากเงินที่ลูก ๆ ส่งมาให้ใช้ เลี้ยงดูสมาชิกในบ้านได้ไม่เต็มที่" นางยุบล กล่าว

ผู้ใจบุญที่มีจิตศรัทธา ที่มีความต้องการให้การช่วยเหลือน้องอิ๋ง และยายอุดมฯ ติดต่อโดยตรงที่นางยุบล ครูของน้องอิ๋งหรือหมายเลขโทรศัพท์ 098-6621685

http://www.nationtv.tv/main/content/378610720/

 

จ๊าก!โกงเงินชาวเขา 66 ล้าน เพียงศูนย์เดียวที่เชียงใหม่
วันพฤหัสบดี ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561, 08.13 น.

วันนี้ (22 มี.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่พึ่งจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 2 ศูนย์ ประกอบด้วย 1.ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง (ศูนย์พัฒนาชาวเขา) จังหวัดเชียงใหม่ และ 2.ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ของ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ในครั้งนี้

เบื้องต้นจากการตรวจสอบในการจัดสรรเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่พึ่ง เฉพาะของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง (ศูนย์พัฒนาชาวเขา) จังหวัดเชียงใหม่ เพียงศูนย์เดียวพบว่ามีการใช้งบประมาณสูงที่สุดกว่าศูนย์อื่นกว่า 66 ล้านบาท ขณะที่จำนวนคนจนที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินมีจำนวนเพียงไม่กี่คน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าในปีงบประมาณ 2560 ศูนย์พัฒนาชาวเขาจังหวัดเชียงใหม่ได้รับงบจัดสรรจำนวน 2 งวดจากงบประมาณ 176 ล้านบาทที่จะต้องจัดสรรไปให้ทั้งหมด 16 ศูนย์ คือ งวดแรกจำนวน 10,250,000 บาท, ขอเพิ่มเติมครั้งที่ 1 วันที่ 2 พ.ย.59 จำนวน 10,020,000 บาท, ขอเพิ่มเติมครั้งที่ 2 จำนวน วันที่ 18 พ.ย.59 จำนวน 10,050,000 บาท และขอเพิ่มเติมครั้งที่ 3 วันที่ 10 ม.ค.60 จำนวน 1,002,000 บาท

งวดที่สองจำนวนเงิน 200,000 บาท ขอเพิ่มเติมครั้งที่ 1 วันที่ 2 พ.ค.60 จำนวน 10,000,000 บาท, ขอเพิ่มเติมครั้งที่ 2 จำนวน วันที่ 26 พ.ค.60 จำนวน 15,000,000 บาท และขอเพิ่มเติมครั้งที่ 3 วันที่ 23 มิ.ย.60 จำนวน 10,002,000 บาท รวมศูนย์พัฒนาชาวเขาจังหวัดเชียงใหม่เพียงศูนย์เดียวได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 2560 จำนวน 66,524,000 บาท ขณะที่จำนวนคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินมีจำนวนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย และคนไร้ที่พึ่งวันนี้ จุดที่ 1 เวลาประมาณ 10.45 น. มีจุดนัดหมาย ณ บริเวณร้านกาแฟม่อนระมิงค์ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง และเริ่มเข้าพบปะพูดคุยกับชาวบ้านในเวลาประมาณ 11.15 น. ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

จุดที่ 2 เวลาประมาณ 14.00 น. ลงพื้นที่ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินของศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง ณ วัดห้วยทราย หมู่ที่ 4 ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการประสานจากนายอำเภอแม่ออน โดยจะร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย

http://www.naewna.com/local/328321/preview