ติดตามสถานะการณ์

Visudhi Punya

วันนี้คลื่นอากาศร้อนเคลื่อนผ่าน
ประเทศปากีสถาน
ในตัวเมืองมีอุณหภูมิสูงถึง 51 องศา C

คนใจบุญได้ต่อสายยางฉีดน้ำไว้ให้บริการ
พี่ๆน้องๆที่ขับขี่มอเตอร์ไซด์ฝ่าเปลวแดด
ผ่านมาผ่านไปได้แวะอาบดับร้อนกันฟรีๆอีกด้วย

 

Visudhi Punya

นี่เป็นสถานการณ์ภูเขาไฟ
บนเกาะฮาวาย วันนี้
ที่ขยายความน่ากลัวออกไปเรื่อยๆแล้ว

 

Visudhi Punya





เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ภูเขาไฟ merapi บนเกาะชวา อินโดนีเซีย
ปะทุขึ้นมาโดยพ่นควันสูงมากกว่า 1 กม.
การปะทุใช้เวลานานหกนาที
แต่ไม่มีคำสั่งอพยพผู้อาศัยในท้องถิ่นนั้น
เพราะไม่มีลาวาถูกพ่นออกมา

ขณะที่หนึ่งวันก่อนหน้านี้
ภูเขาไฟ sinabung ของอินโดนีเซีย
ก็เกิดการปะทุขึ้นมาอีกครั้งแล้วเช่นกัน

 

Visudhi Punya

เกิดหลุมยุบเป็นบริเวณกว้าง
ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ในรัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา
ทำให้ถนนในหมู่บ้านพังเสียหาย
โชคดีที่บ้านและคนไม่เป็นอะไรจากเหตุการณ์นี้

 

Visudhi Punya



ฝนน้ำแข็ง
ที่ #Badajoz ประเทศสเปน

 

Visudhi Punya

เกิดแผ่นดินถล่มภูเขาสไลด์
ทำให้ถนนขึ้นภูเขาพังเสียหาย
ที่ถนน #salberroad ใน #อิตาลี

 

Visudhi Punya



วันนี้มีฝนตกหนักในซาอุดิอาระเบีย
แต่พายุฝนที่ตกกระหน่ำลงมาจากฟ้านั้น
มีก้อนน้ำแข็งเล็กๆกับความหนาวเย็น
พรั่งพรูลงมาพร้อมๆกันด้วย

ธารน้ำฝนที่หลากไหลไปตามท้องถนน
จึงมีฟองน้ำแข็งลอยตามกันไป
เป็นแพเลยทีเดียว
ปริมาณของก้อนน้ำแข็งที่ตกลงมาวันนี้
สูงราวหัวเข่าของคนที่
มีความสูงปกติเมื่อยืนย่ำ
อย่างน้อยต้องมีความสูงราวๆ 2-3 ฟุต
อย่างแน่นอน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ความใจร้อนวู่วาม
มันจะเป็นพฤติกรรมตรงกันช้าม
กับความใจเย็น

คนใจร้อนจะมีโทษะจริตรุนแรง
โกรธง่าย โมโหร้าย บุ่มบ่าม
มุ่งแต่จะใช้อารมณ์เข้าจัดการกับทุกสิ่ง
จนปิดมิติแห่งการใช้ปัญญาของสมอง
ยังผลให้กระทำไม่ถูกต้อง
แลผิดบาปต่อผู้อื่นอยู่เป็นประจำ

โทษะจริตที่รุนแรงดังกล่าวนี้
จะนำไปสู่การขาดสติและยั้งคิด
จนถึงขั้นสามารถทำร้ายทำลายพี่ๆน้องๆ
ภายในครอบครัวเดียวกันเองอย่างโหดๆ
ทำร้ายชนชาติเดียวกันเองได้อย่างเลือดเย็น

ยิ่งได้มาอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นเขตร้อน
แทนที่ร้อนจะเป็นเงื่อนไขทำให้จิตใจเย็นลง
เพื่อดำรงตนอยู่กับร้อนอย่างสงบเย็นได้
แต่กลับเลือกดำเนินชีวิตไปในทางตรงข้าม
โดยทำตนเหมือนคนหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
จนเข้าไปมีส่วนร่วมกับแทบทุกความขัดแย้ง
ในหมู่พวกเดียวกันเองอยู่เนืองๆ

ฟ้าหลั่งฝนลงมา...
เพื่อจะชำระบรรยากาศที่เป็นลบทางไฟฟ้า
พร้อมฝากความหนาวเย็นของน้ำแข็งลงมา
เพื่อช่วยลดโทษะแล้วสร้างสภาวะสงบเย็น
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ว่า
ความเย็นกายเย็นใจที่เป็นทางเลือกใหม่นี้
ควรค่าแก่การเป็นมนุษย์ยิ่งนัก

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-05-2018

 

Visudhi Punya



หลุมยุบนี้เกิดขึ้นที่ออสเตรเลีย
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด
ใครเป็นผู้กระทำ

แต่ที่แน่นอนก็คือทำให้เรารู้ว่า
ใตัแผ่นดินภายใต้ฝ่าเท้า
ของทุกคนบนโลกนี้
มีทั้งน้ำและไฟร้อนที่พร้อมจะดันขึ้นมา
สู่เบื้องบนอยู่ตลอดเวลา

ใครจะแจ็คพ้อทเผชิญกับอะไร
อนาคตอันใกล้เท่านั้นที่ท่านเองจะได้รู้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-05-2018

 

ฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้พิจารณาอุทธรณ์: ได้ฤาไม่ ?
ธัญธร ปังประเสริฐ พนักงานคดีปกครองชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยและวิชาการ สำนักงานศาลปกครอง

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะทุกท่าน... ได้หยุดพักผ่อนตามประเพณีและเติมพลังความรักจากครอบครัว เพื่อกลับมาปฏิบัติหน้าที่กันต่อ… ปีนี้ได้เห็นออเจ้าแต่งชุดไทยเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างไม่เคอะเขิน นับเป็นภาพที่งดงามยิ่งนักที่เราจะได้ร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานสิ่งดีงามความเป็นไทยให้ดำรงอยู่สืบไปค่ะ

ส าหรับคอลัมน์ “ก้าวสู่สังคมธรรมาภิบาลกับศาลปกครอง” เริ่มต้นปีใหม่ไทยนี้ ก็มีสาระดีดีจาก
ศาลปกครองมาฝากเหมือนเช่นเคย คราวนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน ซึ่งอาจถูกเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกเวลา ถ้าจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายแก่บุคคลภายนอกหรือแก่หน่วยงานของรัฐเองก็ตาม พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เป็นกฎหมายที่ตราขึ้น โดยมุ่งหมายที่จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว

โดยกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดต่อเมื่อได้กระท าละเมิดด้วยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น หากเป็นการกระทำละเมิดด้วยความประมาทเลินเล่อ (ธรรมดา) หน่วยงานของรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด นอกจากนี้ กรณีความเสียหายที่เกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคนก็ยังให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนรับผิดตามส่วนของตนที่ได้กระท าละเมิดโดยไม่ใช้หลักลูกหนี้ร่วม และหากหน่วยงานของรัฐมีส่วนที่ทำให้เกิดการละเมิดขึ้นด้วยก็สามารถที่จะหักส่วนความรับผิดของหน่วยงานของรัฐออกได้อีก ซึ่งจะช่วยให้การรับผิดของเจ้าหน้าที่มีความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

การออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้กระทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังที่กล่าวไปนั้น จะต้องมีขั้นตอนการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติ เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนไว้ โดยเฉพาะข้อ 14 และ 15 ที่กำหนดให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกี่ยวข้องและต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือผู้เสียหายได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 อันเป็น
หลักประกันความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกสอบสวนคดีที่จะคุยกันต่อไปนี้... มีประเด็นโต้แย้งเกี่ยวกับค าสั่งเรียกให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่ามิได้มีการปฏิบัติตามข้อ 14 และข้อ 15 ดังกล่าว โดยมีข้อเท็จจริงว่าขณะผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนโยธาขององค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง ได้ถูกนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (ผู้ถูกฟ้องคดี) แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เนื่องจากได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคว่าในการก่อสร้างร่องระบายน้ำ คสล. แบบตัวยู ผู้ฟ้องคดีได้กำหนดราคากลางสูงเกินจริง และกรณีการก่อสร้างระบบกรองน้ำเพื่อผลิตประปามีการก่อสร้างไม่ครบถ้วนถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญาโดยผู้ฟ้องคดีเป็นกรรมการตรวจรับงานจ้าง อันเป็นเหตุให้หน่วยงานเสียหาย

หลังจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิจารณาผลการสอบสวนแล้ว ได้มีคำสั่งลงวันที่ 31 มีนาคม 2553 ให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าค่าสินไหมแก่ทางราชการ เป็นเงิน 14,467.85 บาท ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งต่อมาได้พิจารณาอุทธรณ์แล้วมีหนังสือลงวันที่ 11 มิถุนายน หนังสือพิมพ์ อปท.นิวส์ คอลัมน์ “ก้าวสู่สังคมธรรมาภิบาลกับศาลปกครอง”2553 แจ้งว่าเห็นควรให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้เงินแก่ทางราชการเพิ่มเป็นเงิน 74,773.05 บาท พร้อมทั้งได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณารายงานแล้ว มีหนังสือถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลว่าไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวเนื่องจากเป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่หลายคน แต่กลับพิจารณาให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดเพียงผู้เดียว คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไม่ได้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้รับผิดทางละเมิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการกำหนดราคากลางทุกคน และคณะกรรมการตรวจรับการจ้างและช่างผู้ควบคุมงานให้ครบถ้วนทุกราย เพื่อให้โอกาสแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตน จึงไม่ถือว่ามีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอและเป็นธรรม ซึ่งไม่ถูกต้องตามวิธีการที่เป็น
สาระส าคัญในการสอบสวนเพื่อพิจารณาว่าผู้ใดกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ซึ่งอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิด
ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงสั่งให้มีการดำเนินการสอบสวนใหม่ให้ถูกต้องครบถ้วน และให้ยกเลิกคำสั่งลงวันที่ 31 มีนาคม 2553 เมื่อนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไม่ดำเนินการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งลงวันที่ 31 มีนาคม 2553 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลที่ให้ผู้ฟ้องคดีชำระค่าสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้น

คดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวางหลักว่า การอุทธรณ์คำสั่งให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ หน่วยงานของรัฐ มิได้มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการไว้โดยเฉพาะ จึงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ออกคำสั่ง ภายใน 15 วัน ตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นกฎหมายกลางในการพิจารณาทางปกครอง ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งได้กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาอุทธรณ์ในกรณีผู้ทำคำสั่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่น เมื่อกรณีดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดได้พิจารณาอุทธรณ์แล้ว โดยไม่เห็นด้วยกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลและให้ยกเลิกค าสั่งลงวันที่ 31 มีนาคม 2553 จึงเป็นกรณีที่ผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ได้ออกคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งของนายกองค์การบริหารส่วนต าบล คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นอันถูกเพิกถอนและสิ้นผลไปแล้ว แม้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจะมิได้ด าเนินการเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวก็ตาม ศาลปกครองจึงไม่จำต้องออกคำบังคับให้เพิกถอนคำสั่งแต่อย่างใด ส่วนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เห็นควรให้ผู้ฟ้องคดีชำระค่าสินไหมทดแทนเพิ่มนั้น เป็นข้อเท็จจริงเรื่องเดียวกันกับที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้วินิจฉัยแล้วว่าการด าเนินการสอบสวนไม่ถูกต้องและได้สั่งให้มีการดำเนินการสอบสวนใหม่ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (คดีหมายเลขแดงที่ อ.1265/2560)

จึงได้ข้อสรุปว่า... ผลการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามกฎหมายถือเป็นที่สุดในฝ่ายปกครอง มิอาจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามได้ ซึ่งกรณีนี้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจะต้องดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดใหม่ให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการ เพราะเป็นขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญที่เป็นหลักประกันความเป็นธรรมในการพิจารณาว่าผู้ใดควรรับผิดทางละเมิด หรือไม่เพราะเหตุใด ? ซึ่งกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าคณะกรรมการฯ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่สอบสวน ทั้งนี้ เพื่อให้การรับผิดเกิดความเป็นธรรมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ นั่นเองเจ้าค่ะ !

http://www.admincourt.go.th/admincourt/upload/webcms/Academic/Academic_180518_132019.pdf

 

World of Amazing Places

 

แจ้งเถอะครับอย่างน้อยประชาชนจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ

อ่านต่อ >>>> https://www.springnews.co.th/view/266940?sp

 

ก้มหน้าแบกภาระ! “ชีวิตขาขึ้น” ของคนไทย 4.0 มีอะไรบ้าง?
23 พ.ค. 2018 / 09:57 น.

"ของแพง" ปี 2561 ผ่านมายังไม่ถึงครึ่งปี คนไทยต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบข้าวของต่างๆปรับตัวสูงขึ้น และยังเหลืออีก 7 เดือน เราต้องเผชิญกับอะไรแพงขึ้นบ้าง
น้ำมัน
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเดือนพ.ค. น้ำมันปรับถึง 4 ครั้ง ขึ้นราคาไปแล้วประมาณ 2 บาทต่อลิตร โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ค้าปรับขึ้นน้ำมันทุกชนิด 60 สต. ยกเว้น E85 ขยับ 40 สต. เฉลี่ยราคาทะยานแตะ 30 บาทต่อลิตร จนล่าสุดวานนี้ (22 พ.ค.) กระทรวง พลังงาน ประกาศตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บ./ลิตร ก่อนมีการจำหน่ายน้ำมัน B20
“พลังงาน” ให้แจ้งราคาน้ำมันล่วงหน้าได้อีกครั้ง



ค่าโดยสาร
นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเรื่องอัตราค่าโดยสารให้กับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่าในขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนราคาเกือบแตะ 30 บาทต่อลิตร ทางสมาคมฯ จำเป็นต้องเสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เพิ่มอีกกิโลเมตรละ10 สตางค์ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการกำหนดโครงสร้างราคา เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารต้องขาดทุน
โอดราคาน้ำมันขึ้น! เจ๊เกียว บุกคมนาคม ชงขึ้นค่าโดยสาร10สต./กม.
เจ๊เกียวขู่หยุดวิ่งรถ หลังถูกเบรกขึ้นค่าโดยสาร

ค่าขนส่ง
นายทองอยู่ คงขันธ์ นายกสมาคมสหพันธ์การขนส่งทางบกไทย ยอมรับว่า ได้ปรับขึ้นค่าขนส่งสินค้าไปแล้ว 5% ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากช่วงปี 2559-2560 ได้ลดค่าขนส่งลง 10% ตามราคาน้ำมันที่ลดลง โดยมั่นใจว่า การขึ้นค่าขนส่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าแน่นอน และได้หารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว
ค่าขนส่งขึ้นแล้ว 5% เชื่อ! ไม่กระทบราคาสินค้า



ก๊าซแอลพีจี
บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน ผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซหุงต้มรายใหญ่ ได้แจ้งปรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง โดยจะปรับขึ้น 1.5485 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 00:01 น. ส่งผลให้ราคาก๊าซแอลพีจีถังขนาด 15 กิโลกรัม ปรับขึ้นประมาณ 23 บาทต่อถัง จากราคาที่ประกาศสัปดาห์ที่แล้ว 372 บาทต่อถัง ขยันขึ้นมาอยู่ที่ 395 บาท
อ่วม! ก๊าซLPG ขึ้นราคาอีก 1.5 บาท/กก.



ข้าวสาร
นายวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย ข้าวหงษ์ทอง เปิดเผยว่าบริษัทได้ยื่นเรื่องขอปรับราคาหน้าถุงข้าวหอมมะลิขนาด 5 กก. จากราคา 250 บาท เป็นราคา 290 บาท หรือเพิ่มขึ้น กก.ละ 10 บาท ไปยังกรมการค้าภายในแล้ว เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนโดยรวมที่สูงขึ้นเกือบ 100% ไม่ไหว หากผ่านการพิจารณาแล้วจะขึ้นราคาทันที อย่างไรก็ตามปีนี้มีแนวโน้มราคาข้าวหอมมะลิถุงขนาด 5 กก.จะปรับขึ้นไปถึง 300 บาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิลดลง ขณะที่ความต้องการตลาดยังสูงอยู่ คาดว่าจะส่งผลให้ข้าวสายพันธุ์อื่นปรับราคาขึ้นตามไปด้วย
ส.ผู้ประกอบการ ปรับขึ้นราคาข้าวหอมมะลิถุง 20-30 บาท

อาหาร-สินค้า
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ศึกษาผลกระทบของการปรับขึ้นราคาขายแก๊สหุงต้ม หรือแอลพีจี ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นถังละ 395 บาท พบว่าส่งผลให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) เพิ่มขึ้นจาน/ชามละ 15-20 สตางค์ โดยคำนวณจากแก๊สหุงต้ม 1 ถัง ปรุงอาหารได้ 200-300 จาน/ชาม เช่น ก๋วยเตี๋ยว มีต้นทุนก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นชามละ 1.88 บาท จากเดิมอยู่ที่ชามละ 1.68 บาท หรือต้นทุนก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นชามละ 20 สตางค์ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ประกอบการอาหารจานด่วนจะปรับขึ้นราคาขาย เพราะกระทบต้นทุนการผลิตอาหารน้อยมาก ส่วนกรณีที่ผู้ค้าจะปรับขึ้นราคาขายอีกจานละ 5 บาท ถือว่าไม่สมเหตุสมผล และเอาเปรียบประชาชนมากเกินไป หลังจากนี้จะจัดส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจไปตรวจสอบราคาอาหารจานด่วนในท้องตลาด หากพบร้านค้าใดขายเกินราคาที่กระทรวงพลังงานกำหนดเป็นราคาอ้างอิง จะดำเนินการตามกฎหมาย และหากประชาชนพบเห็นการขายเกินราคา แจ้งได้ที่สายด่วนโทร.1569

อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (ซัพพลายเออร์) มาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ราคาขาย และผลกระทบที่จะได้รับหลังการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล และผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งได้ปรับขึ้นค่าขนส่งอีก 5% พร้อมทั้งจะขอความร่วมมือให้ชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าไว้ก่อน หากต้นทุนไม่ได้ปรับขึ้นมากจนรับภาระไม่ไหว



ค่าไฟ
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียน และพลังงานใหม่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึง แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับเกือบ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะกระทบราคาก๊าซธรรมชาติให้สูงขึ้นด้วย และจะมีผลต่อราคาต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นตามใน 6 เดือนข้างหน้า ดังนั้น กฟผ.จึงเตือนให้ประชาชนประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

https://www.springnews.co.th/view/266984?sp=

 

Haaretz.com

ซีเรียแถลงข่าวดามัสกัส เป็นอิสระจาก ISIS เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี


Syria Declares Damascus ISIS-free for First Time in Seven Years
https://www.haaretz.com/middle-east...-free-for-first-time-in-seven-years-1.6100278

 

เอ่ยคำอธิษฐานเพื่อประธานาธิบดีของเราทุกวัน
say a prayer for our president everyday

 

“ศาลตุรกี” จัดหนัก! คุกตลอดชีวิต “ทหารเอี่ยวรัฐประหาร” นับร้อย!
วันที่ 23 พฤษภาคม 2561 - 11:00 น.

ศาลตุรกีมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลย 104 คนที่เกี่ยวข้องกับการพยายามก่อรัฐประหารรัฐบาลนายเรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2559 ที่ผ่านมา

นายเรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี / AFP PHOTO / OZAN KOSE

Turkish military block access to the Bosphorus bridge, which links the city’s European and Asian sides, in Istanbul, Turkey, July 15, 2016. REUTERS/Stringer TPX IMAGES OF THE DAY

รายงานระบุว่าในบรรดาผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเป็นอดีตนายทหาร โดยในจำนวนนี้รวมไปถึงอดีตเจ้าหน้าที่ทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น พล.อ.ฮัสซัน ฮูเซยุน เดมิราสลัน อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศตุรกีรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ รายงานระบุด้วยว่ายังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารถึง 280 คน อยู่ระหว่างการถูกไต่สวนในคดีดังกล่าว โดยมีจำเลย 21 ราย ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ข้อหาพยายามลอบสังหารประธานาธิบดี ขณะที่อีก 31 รายถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 7 ปี 6 เดือน ถึง 10 ปี 6 เดือน ในข้อหาเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ

รายงานระบุว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตที่ตัดสินในคดีดังกล่าวนั้นมีขึ้นเพื่อทดแทนโทษประหารในตุรกี โดยนักโทษจะมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากกว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตตามปกติ


https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1122798

 

บทวิเคราะห์วอชิงตันโพสต์ : สหรัฐพ่ายจีน! สงครามการค้าระลอกแรก
วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 - 19:52 น.


เมื่อวันที่ 22 พ.ค. วอชิงตันโพสต์นำเสนอบทวิเคราะห์ของ ฮีตเธอร์ ลอง ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ถึง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ว่าจีนเป็นฝ่ายกำชัยชนะในยกนี้ อย่างน้อยก็คือการรับปากว่าจะค่อยๆ ลดปริมาณได้ดุลจากสหรัฐลง โดยไม่เอ่ยว่าจะลดลงเท่าใด

ถ้อยแถลงของสองชาติมหาอำนาจมีขึ้นในวันเดียวกับที่ราชวงศ์อังกฤษจัดพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน มาร์เคิล เมื่อ 19 พ.ค.ที่ผู้คนทั่วโลกหันไปสนใจงานดังกล่าว แต่ฮีตเธอร์ ลอง ระบุว่า ถึงงานนั้นจะใหญ่อย่างไรก็ไม่อาจกลับความยินดีของจีนที่ชนะศึกการค้าในวันนั้นได้


US President Donald Trump (R) and Chinese President Xi Jinping (L) shake hands during dinner at the Mar-a-Lago estate in West Palm Beach, Florida, on April 6, 2017. / AFP PHOTO / JIM WATSON
สหรัฐขาดดุลการค้าจีนถึง 375,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 12 ล้านล้านบาท เดิมทีมีข่าวว่า จีนจะลดจำนวนการคาดดุลลงให้เหลืออย่างน้อย 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.4 ล้านล้านบาท แต่ต่อมากลับบอกว่าไม่ใช่จำนวนนั้น เพราะยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นจำนวนเท่าใด ไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันภายหลัง .

นี่เองที่เรียกว่าเป็นชัยชนะของจีน

แถลงการณ์ร่วมของสองประเทศมีใจความว่าทั้งคู่จะเพิ่มการส่งออกระหว่างกันในสินค้าภาคเกษตรกรรม และพลังงาน อีกทั้งยังมจะขยายการค้าในเรื่องภาคการผลิต และภาคบริการ

แม้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้จีนหยุดการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงหยุดขโมยความลับทางธุรกิจ และเทคโนโลยีของสหรัฐ ซึ่งจีนแถลงว่าจะปรับปรุงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาให้มีความทันสมัยมากขึ้น

แต่ผลตอบรับที่มาจากบรรดาซีอีโอบริษัทต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรของนายทรัมป์ กลับออกมาในแง่ลบ อย่างนายแดน ดิมิกโก อดีตซีอีโอ บริษัทเหล็กกล้า และเคยสนับสนุนแผนภาษีเหล็ก และอลูมิเนียมของทรัมป์ ที่เอ่ยปากว่าแถลงการณ์ครั้งนี้ไม่ดีพอ




นายลู ด็อบส์ ผู้จัดรายการฟ็อกซ์ บิสิเนส ถึงกับสรุปในรายการว่าจากสถานการณ์ครั้งนี้ จีนบอกว่า “ไม่เอา”

ส่วนนายมาร์โก รูบิโอ ส.ว.พรรครีพับลิกัน ทวีตข้อความโดยสรุปว่า การคุยกันครั้งนี้จีนถือไพ่เหนือกว่า

แต่ทางด้านนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐออกมายืนยันว่าแผนภาษีตอนนี้อยู่ในช่วงงดเว้นไว้ก่อน และบอกด้วยว่าสงครามการค้าไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่จีนเข้าใจและได้ผ่อนปรนเรื่องแผนภาษีแล้ว


fortune.com
ส่วนในประเด็นเรื่องการพูดคุยกับเกาหลีเหนือ ที่โยงเอาเรื่องการค้าระหว่างจีน และสหรัฐมาเกี่ยวข้อง ไม่น่าแปลกใจที่ทางสหรัฐกลับลำเรื่องการเข้มงวดบริษัทแซททีอีของจีน หลังจากที่แซททีอีเคยละเมิดมติคว่ำบาตรอิหร่าน ไปค้าขาย พร้อมกับยุติสิทธิการเข้าถึงสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีของสหรัฐทั้งหมดเป็นเวลา 7 ปี

สำหรับแผนการของจีนที่จะอาศัยเทคโนโลยีในการผลักดันเศรษฐกิจ ตามแผนจีน 2568 ของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดี และจีน ยินยอมที่จะหยุดการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน ตามที่รัฐบาลทรัมป์เรียกร้อง

ทั้งนี้ ยังไม่มีทิศทางใดๆว่า ทางสหรัฐจะกำหนดเพดานการลงทุนของจีนในประเทศ แต่งานของนายมนูชินก่อนหน้านี้ที่ต้องจำกัดทุนของจีนที่หลั่งไหลเข้ามาในสหรัฐ และอีกมาตรการสำคัญคือการคุยกับรัฐบาลจีนให้เล่นเกมการค้าการลงทุนอย่างยุติธรรม และปล่อยให้บริษัทสหรัฐลงทุนอย่างเต็มที่ในประเทศจีน เช่นเดียวกับจีนตั้งเป้าลงทุนในสหรัฐ

อย่างไรก็ตามนี้เป็นเพียงรอบแรกในการเจรจากันอย่างยืดยาวระหว่างการค้าของทั้งสองประเทศ

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1119957

 

รู้จักปรากฏการณ์ “เลซ” ลาวาไหลลงทะเลพ่นหมอกไอพิษ-เศษแก้วระยิบ
วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 - 21:08 น.
(AP Photo/Jae C. Hong)

เอพีรายงานวันที่ 22 พ.ค. เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ “ลาวาเฮซ” “เลซ” หรือ “หมอกลาวา” บนเกาะบิ๊กไอส์แลนด์ รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ที่มีภาพข่าวชวนให้ตกตะลึงไปทั่วโลก นาทีที่ลาวาจาก ภูเขาไฟคิลาเวอา หลากท่วมพื้นที่จนไหลลงมหาสมุทร

เจเน็ต แบ็บ นักธรณีวิทยาศูนย์สังเกตการณ์ภูเขาไฟฮาวาย อธิบายว่า ลาวาเฮซ หรือ หมอกลาวา เป็น กลุ่มหมอกหนาแน่นประกอบด้วยไอน้ำ ก๊าซพิษ และแก้วภูเขาไฟ (โวลเคนิก กลาส) หรือลาวาที่เย็นและแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ในลักษณะเป็นเศษเล็กเศษน้อย

แม้จะดูร้ายแรงเพราะเป็นกลุ่มหมอกควันหนาทึบขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่หมอกลาวาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหากอยู่ในระยะปลอดภัย และไม่ได้สัมผัสหรือสูดดมหมอกลาวาที่มีฤทธิ์เป็นกรดเข้าไป


People take pictures as lava enters the ocean, generating plumes of steam near Pahoa, Hawaii Sunday, May 20, 2018.. (AP Photo/Jae C. Hong)
หมอกลาวาเกิดจากลาวาร้อนระอุ ซึ่งปล่อยก๊าซพิษ รวมถึงคาร์บอนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และกรดไฮโดรฟลูออริก เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไหลลงไปในทะเล หรือมหาสมุทร และก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมี

น้ำเค็มทำให้ลาวาเย็นลง ส่วนอนุภาคของแก้วภูเขาไฟที่แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “ลิมู โอ เปเล” มีความหมายว่าสาหร่ายทะเลของเปเล เทพธิดาแห่งภูเขาไฟฮาวาย จะเกาะตัวขึ้นไปกับหมอกไอน้ำซึ่งมีกรดไฮโดรคลอริกเป็นส่วนประกอบ


Plumes of steam rise as lava enters the ocean near Pahoa, Hawaii Sunday, May 20, 2018. (AP Photo/Jae C. Hong)
เช่นเดียวกับกรณีตัวอย่างถ้าทำแก้วน้ำตกลงบนพื้นครัว เศษแก้วที่แตกออกบางชิ้นมีขนาดใหญ่ บางชิ้นมีขนาดเล็กมากๆ เศษแก้วภูเขาไฟขนาดเล็กมากเท่านั้นที่จะเกาะติดไปกับหมอกไอน้ำ

ขณะที่หมอกลาวาประกอบด้วยกรดไฮโดรคลอริกซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนคล้ายน้ำกรดแบตเตอรี่ที่ความเข้มข้นเจือจาง อาจทำให้ผิวหนัง และดวงตามีอาการระคายเคือง รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อระบบการหายใจ


Lava flows into the ocean near Pahoa, Hawaii Sunday, May 20, 2018. . (AP Photo/Jae C. Hong)
แม้ทางการท้องถิ่นรัฐฮาวายจึงเร่งแจกจ่ายหน้ากากป้องกันให้กับประชาชน หน้ากากเหล่านี้มีเพียงตัวกรองอนุภาคหมอกลาวา แต่ไม่อาจป้องกันกรดไฮโดรคลอริกได้ อย่างไรก็ตาม หมอกลาวาเพียงอย่างเดียวไม่เป็นอันตรายและไหม้ผิวหนังไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครบางคนไปยืนอยู่ในจุดที่เกิดหมอกลาวา


This image provided by the U.S. Geological Survey shows lava as it continues to enter the sea at two locations near Pahoa, Hawaii, Monday, May 21, 2018. (U.S. Geological Survey via AP)
ทั้งนี้ สำนักธรณีวิทยาสหรัฐระบุว่าไม่เคยมีรายงานการบาดเจ็บสาหัสจากหมอกลาว แต่มีผู้เสียชีวิต 2 รายในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์หมอกลาวาเมื่อปี 2543 ภายหลังคลื่นทะเลซัดเข้าหาลาวาที่กำลังไหลทะลักจนเกิดหมอกลาวาที่คร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายในทันที สำหรับปีนี้ ลาวาสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนกว่า 40 หลัง และป่าไม้ที่ถูกความร้อนจากลาวาเผาวอดตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1121529

 

สหรัฐผุดเหรียญที่ระลึก! ง้อ‘คิม’อย่าทิ้งแผนคุย‘ทรัมป์’วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 - 17:01 น.

วันที่ 22 พ.ค. เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานกระแสฮือฮาเหรียญที่ระลึกการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา และนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อผลักดันการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และยุติความขัดแย้งยืดเยื้อในคาบสมุทรเกาหลี

เหรียญที่ระลึกดังกล่าวจัดทำโดยสำนักงานทหารประจำทำเนียบขาว (ดับเบิลยูเอชเอ็มโอ) ซึ่งมีหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการทหารโดยตรงต่อทำเนียบขาว รวมถึงผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสที่นายทรัมป์เดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างแดน


REUTERS PHOTO / ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา – นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ
ปกติจะผลิตขึ้นหลังการเยือนของประธานาธิบดีเสร็จสิ้นลง แต่ครั้งนี้ผลิตก่อนการเจรจาจะเริ่มขึ้นในอีกกว่า 2 สัปดาห์ข้างหน้า ส่งผลให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการโน้มน้าวไม่ให้นายคิมเปลี่ยนใจถอนการหารือ ภายหลังเกาหลีเหนือแสดงท่าทีไม่มั่นใจและข่มขู่ว่าจะล้มโต๊ะเจรจา


AFP PHOTO / เหรียญที่ระลึกการเจรจาครั้งประวัติศาสต์ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคิม จองอึน
ทั้งนี้ เหรียญด้านหนึ่งมีภาพใบหน้าด้านข้างของนายทรัมป์ และนายคิม หันเข้าหากัน กับพื้นหลังเป็นธงชาติสหรัฐและเกาหลีเหนือ ข้อความล้อมรอบชั้นในซึ่งเป็นพื้นสีขาวมีทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี โดยฝั่งซ้ายที่เป็นรูปนายทรัมป์ มีข้อความภาษาอังกฤษว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์” และวงกลมด้านนอกซึ่งเป็นพื้นสีแดงมีคำว่า “สหรัฐอเมริกา” ฝั่งขวาข้างรูปนายคิมจารึกภาษาอังกฤษว่า “ผู้นำสูงสุด คิม จอง-อึน” ตรงกับคำว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี” ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการของเกาหลีเหนือ


ตรงกลางด้านบนของวงกลมชั้นในเป็นภาษาเกาหลี คำว่า “เจราจาสันติภาพ” มีช่อมะกอกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพปิดหัวและท้าย ถัดขึ้นไปในวงกลมชั้นนอกคือคำภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกัน คือ “PEACE TALKS” โดยมีดาวสีทอง 2 ดวงประดับด้านหน้าและหลังของคำ ส่วนด้านล่างชั้นในเป็นปี 2018 ปิดหัวท้ายด้วยช่อมะกอก และด้านนอกเป็นดาวสีทอง 5 ดวง


ภาพจากผู้ใช้ Twitter
อีกด้านของเหรียญมีรูปทำเนียบขาวเป็นฉากหน้าทับลูกโลกที่ปรากฏเพียงเส้นรุ้ง-เส้นแวง ตรงกลางด้านบนเป็นตราประธานาธิบดีสหรัฐ กลางเหรียญเอียงไปทางฝั่งขวามีรูปของเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน วงกลมชั้นนอกที่มีพื้นหลังสีน้ำเงิน ตรงกลางด้านล่างระบุชื่อ “โดนัลด์ เจ. ทรัมป์” ด้านบนเป็นคำว่า “การเยือนของประธานาธิบดี” ด้านข้างทั้งสองฝั่งมีดาวสีเงิน 18 ดวง แบ่งเป็นข้างละ 9 ดวง

หลังจากดับเบิลยูเอชเอ็มโอเปิดเผยเหรียญที่ระลึกดังกล่าวก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ บางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าใบหน้าของนายทรัมป์มองต่ำลงมาที่นายคิม เหมือนจะเปรียบเทียบกลายๆ ว่านายทรัมป์ดูถูกนายคิม นักท่องอินเตอร์เน็ตอีกหลายคนพุ่งเป้าไปที่คางของผู้นำเกาหลีเหนือซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีสองชั้นหนาๆ ต่างจากนายทรัมป์ที่เห็นสันกรามชัด และไม่มีชั้นคางหนาแบบนายคิม


ภาพจากผู้ใช้ Twitter กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางบนโลกโซเชี่ยล
ด้านผู้สังเกตการณ์หลายฝ่ายแสดงความเห็นว่า ภาพลักษณ์ที่ปรากฏบนเหรียญจะส่งสัญญาณผิดๆ ไปยังรัฐบาลเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม นายราช ชาห์ รองโฆษกดับเบิลยูเอชเอ็มโอ แถลงว่าทำเนียบขาวไม่ได้มีส่วนในการออกแบบและผลิต เหรียญที่ระลึกจะถูกออกแบบและผลิตโดยโรงกษาปณ์

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1119402

 

เวียดนามมุ่งปฏิรูปราชการให้ทันโลก-สยบสินบน กระจายอำนาจ หันสร้างนวัตกรรม วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 - 02:46 น.

AFP PHOTO / Nhac NGUYEN
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. เว็บไซต์เวียดนามนิวส์รายงานว่าพรรคคอมมิวนิสต์ ของเวียดนามจัดการประชุมคณะกรรมการกลาง หรือการประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งที่ 12 ที่กรุงฮานอย โดยที่ประชุมวางแผนการปฏิรูปประเทศให้ข้าราชการต้องมีความสามารถในการรับต่อการเปลี่ยนแปลง และการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมต่อคุณธรรมและชื่อเสียงของตำแหน่งหน้าที่

นอกจากนี้ยังเล็งที่จะสร้างกลไกเพื่อถ่วงดุลอำนาจ และปราบปรามการทุจริต ที่มาจากการเล่นพรรคเล่นพวก รวมไปถึงการเรียกรับสินบน

การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม มีเป้าหมายวางแผนสำหรับการออกกฎ ข้อปฏิบัติให้กับรัฐบาลที่จะต้องใช้จนถึงปี 2563 ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสมาชิกสมัชชาแห่งชาติที่ส่วนใหญ่มาจากพรรคคอมมิวนิตส์ต่างเห็นพ้องที่จะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ และข้าราชการ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ

เป้าหมายหลักของการประชุมครั้งนี้คือ การสร้างแผนปฏิรูป เข้มงวดในกฎระเบียบ ขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อแก่การสร้างนวัตกรรมจากหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงการสร้างกลไกป้องกันข้าราชการที่กล้าคิดออกนอกกรอบ

นอกจากนี้ยังมุ่งเป้าสู่การพัฒนาข้าราชการให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และการกระจายอำนาจ เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถคิดค้นนวัตกรรม และป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบไปในตัว

ทั้งนี้ ทางพรรคคอมมิวนิสต์ยังเห็นพ้องให้มีการปฏิรูป 5 ข้อ ประกอบด้วยการปฏิรูปส่วนราชการให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ผ่านการทำแบบประเมิน สร้างการถ่วงดุลทางอำนาจ แก้กฎหมายให้คนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในส่วนของเลขาธิการพรรค ปรับปรุงเงินเเดือนและบ้านพักของข้าราชการให้เหมาะสมกับตำแหน่ง และสร้างกลไกราชการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1115230

 

อิหร่านผวา‘เห็ดพิษ’ป่วยแล้ว1,000คน-ดับ15ศพ วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 - 09:05 น.


เอพีและบีบีซีรายงานวันที่ 22 พ.ค. ถึงกระแสหวาดวิตกในประเทศอิหร่าน ภายหลังพบผู้ป่วยจากการรับประทานเห็ดพิษมากกว่า 1,000 คนในพื้นที่ 10 จังหวัดทางภาคตะวันตก และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ราย 7 รายเป็นชาวเมืองเคอร์มานชาห์ ห่างจากกรุงเตหะราน ราว 520 กิโลเมตร


freenatureimages.com / เห็ดระโงกหิน หรือเดธแคป เห็ดมีพิษที่ทำลายตับ ไต และร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เดลี่เมล์ระบุว่า เห็ดพิษดังกล่าวคือ “เห็ดระโงกหิน” หรือ “เดธแคป” มีพิษแอลฟาอะแมนิตินที่ทำลายตับ ไต และร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่เพราะมีลักษณะคล้ายกับเห็ดฟางและเห็ดซีซาร์ที่สามารถรับประทานได้ จึงเกิดความสับสนบ่อยครั้งและเก็บหรือซื้อเห็ดเดธแคปมาทาน


ด้านสำนักข่าวทัสนิมรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขอิหร่านว่า ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล ทำให้ผู้ป่วยหลายร้อยคนต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยอย่างน้อย 2 คนเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับแล้ว และอีกมากยังรอการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับ


Photograph: Alamy / ร้านค้าขายเห็ดในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน
ทั้งนี้ ชาวอิหร่านทางภาคตะวันตกรู้กันดีว่ามีเห็ดพิษในป่าลึกซึ่งจะขึ้นหลังจากฝนตกช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอดเดือนเม.ย. ส่งผลให้เห็ดพิษมีจำนวนมากกว่าปกติ ประกอบกับลักษณะที่คล้ายกับเห็ดทั่วไป ชาวบ้านหลายคนจึงเด็ดไปขายโดยไม่รู้เท่าทัน ทางการท้องถิ่นจึงต้องประกาศเตือนห้ามประชาชนซื้อเห็ดแบ่งขายจากแผงข้างถนน พร้อมแนะนำให้เลือกซื้อจากร้านค้าที่มีการบรรจุเห็ดใส่ถุงและปิดเรียบร้อยแทน

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1118227