ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ยื่น 8 ข้อจี้"ศิริ"รื้อโครงสร้างราคาพลังงาน ขู่ไม่ปฏิบัติเก้าอี้หลุด เผยแพร่: 13 มิ.ย. 2561 12:17: ปรับปรุง: 13 มิ.ย. 2561 12:24: โดย: MGR Online
    561000006115101.jpg

    เครือข่ายผู้บริโภคตบเท้ายื่นข้อเสนอ 8 ข้อกระทรวงพลังงานจี้ยุบกองทุนน้ำมันฯ-ยุติเก็บเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ปรับปรุงราคาเอทานอล ฯลฯ ขีดเส้นให้เวลา 30 วันหากไม่ปฏิบัติย้ำชัดว่าเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขู่ยื่น"บิ๊กตู่"ทบทวนตำแหน่ง รมว.พลังงาน


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้(13 มิ.ย.) คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) นำโดย น.ส.บุญยืน ศิริธรรม และ นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา และตัวแทนภาคประชาชนประมาณ 30 คนได้เดินทางมายังกระทรวงพลังงานเพื่อยื่นหนังสือซึ่งเป็นข้อเสนอที่จัดทำจากเวทีสภาผู้บริโภคต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดยมีนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานมารับหนังสือแทนรมว.พลังงาน

    น.ส.บุญยืน ศิริธรรม นายกสมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคกล่าวว่า ได้ยื่นข้อเสนอ 8 ข้อให้กระทรวงพลังงานพิจารณาโดยจะให้เวลา 30 วันหากไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทางคอบช.จะกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวต่อไปโดยยืนยันว่าจะมีการติดตามเรื่องนี้จนกว่ารัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงและยืนยันว่าโครงสร้างราคาพลังงานของไทยที่รัฐบาลอ้างว่าได้ดูแลประชาชนนั้นไม่เป็นความจริงเพราะรัฐบริหารโดยใช้เงินที่เก็บจากประชาชนมาจ่ายแทนผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

    นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า การที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีการเก็บเงินเพิ่มและลดการชดเชยจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินล่าสุดประมาณ 37 สตางค์ต่อลิตรนั้นมองว่าโครงสร้างพลังงานรวมถึงแอลพีจีมีการบิดเบือนโดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาบริหารไม่ได้อิงกลไกตลาดอย่างแท้จริงโดยมีการบริหารเงินจากกองทุนฯที่เก็บจากประชาชนมาจ่ายซึ่งในฐานะที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานเป็นประธานกบง.ควรจะต้องพิจารณาทบทวนตามที่ได้เสนอ 8 ข้อหากเพิกเฉยถือว่าเข้าข่ายทำหน้าที่บกพร่องเพราะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ก็อาจเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานต่อไป

    " โรงแยกก๊าซที่รัฐเป็นเจ้าของซึ่งใช้ก๊าซอ่าวไทยแต่กลับไปอิงตลาดโลกทำให้ต้นทุนสูงโดยไม่จำเป็น แล้วยังใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯมาบริหารจัดการซึ่งเก็บจากผู้ใช้น้ำมันมาสต็อกไว้ดูแลภาพรวมกลไกเสรีจริงๆเราจึงไม่เคยเจอแต่เป็นกลไกบิดเบือน และแอลพีจีที่อิงตลาดโลกเป็นรายสัปดาห์ก็จะมีความถี่ของการเปลี่ยนแปลงที่บ่อยมากจึงควรเปลี่ยแปลง"นายอิฐบูรณ์กล่าว

    สำหรับข้อเสนอ 8 ข้อประกอบด้วย 1. ยกเลิกการใช้ราคาเสมือนนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ ทั้งที่เป็นน้ำมันที่กลั่นในประเทศและกำหนดให้น้ำมันหน้าโรงกลั่นใช้ราคาส่งออกเท่ากับที่โรงกลั่นส่งขายสิงคโปร์ซึ่งมีราคาต่ำกว่าที่ขายคนไทยประมาณ 2 บาท/ลิตร

    2 .ให้รัฐบาลปรับปรุงราคาเอทานอลซึ่งผลิตในประเทศ แต่มีราคาสูงเกินราคาตลาดโลก ควรกำหนดราคาเอทานอลโดยเทียบกับค่าความร้อนของเอทานอลที่ต่ำกว่าเบนซินประมาณ 30% เมื่อมีการปรับปรุงราคาเอทานอลที่กลั่นในประเทศให้มีประสิทธิภาพด้านราคาแล้วจะทำให้น้ำมันที่ผสมเอทานอลชนิดต่างๆ มีราคาถูกกว่าเบนซิน โดยไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชย 3. ให้กำหนดราคาแอลพีจีที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯในประเทศตามราคาที่รัฐเคยกำหนด 333 เหรียญต่อตันโดยไม่ต้องนำเงินกองทุนน้ำมันไปจ่ายชดเชยและให้ภาคครัวเรือนใช้ก่อนลำดับแรก
    4. ยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5. ให้หยุดการเก็บเงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อศึกษาว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไปในกองทุนดังกล่าว เนื่องจากกองทุนนี้มีเงินสะสมอยู่ 4.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากเกินไปจึงควรหยุดการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันที่อัตรา 10 สต./หน่วย เข้ากองทุนดังกล่าว
    6. ให้รัฐบาลยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ซ้ำซ้อน โดยให้จัดเก็บภาษี VAT จากเนื้อน้ำมันอย่างเดียว 7. ให้รัฐใช้ภาษีสรรพสามิตเพียงกลไกเดียวกันในการควบคุมราคาน้ำมันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนแทนกองทุนน้ำมันที่ถูกยกเลิกไป และ 8. เสนอให้รัฐตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติเสมือนกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ก่อนที่จะมีการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกชที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2565-66

    https://mgronline.com/business/detail/9610000058674
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เจาะลึกตะวันออกกลาง

    #อัซซาดจ่อปิดจ็อบกบฎ_เตรียมไม้สอยนกเหล็กยิว!!

    กองทัพซีเรียส่งระบบป้องกันทางอากาศ Pantsir s1 ไปประจำการทางตอนใต้ บริเวณใกล้ Golan แล้ว เตรียมไว้สอยยิวหากโผล่มาเผือก!

    เป้าหมายคือการกวาดล้างกลุ่มกบฎที่อยู่บริเวณโกลาน ใกล้ตะเข็บชายแดนซีเรีย - อิสราเอล

    แปลกแต่จริงครับ ISIS จอมโหดที่ก่อความวุ่นวายมาทั่วโลก แต่เมื่ออยู่ติดดับชายแดนอิสราเอล #กลับวางตัวสงบเสงี่ยมชัดเจน

    ...ดำรงชีพเบาๆ ด้วยหนมจีนคลุกน้ำปลาจากยิว...

    อิสราเอลมองกบฎเหล่านี้ในฐานะกันชน หากซีเรียจะรื้อกันชนนี้ออกไป...แน่นอนว่าอิสราเอลไม่ยอมเป็นแน่!

    ซีเรียบอกเรื่องของตรู กวาดล้างในแผ่นดินตรู ไม่เกี่ยวกับเมิง!!!

    แต่เพื่อความชัวร์ว่าจะไม่ถูกบอมบ์โดยนกเหล็กยิวง่ายๆ ซีเรียก็เลยขนระบบต่อสู้อากาศยาน Made in Russia อย่าง Pantsir S1 มารอต้อนรับอย่างพร้อมหน้า...

    อิสราเอลขับเครื่องบินมาเหนื่อยๆ #เชิญลงมากินน้ำกินท่าข้างล่างหน่อยมั้ย?
    .
    .
    ..................
    เพจเจาะลึกตะวันออกกลาง

    ขอบพระคุณที่ติดตาม กดไลค์ แสดงความคิดเห็น และร่วมกันแชร์ครับ
    .
    #ซีเรีย #อิสราเอล #Pantsir

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เจาะลึกตะวันออกกลาง

    #แตะหนีบซัดยับ_ซาอุแจวเรือกลับแทบไม่ทัน!!!

    ซาอุฯเคลื่อนกองเรือรบหวังยึดเมืองท่า อัล ฮุเดดาห์ แต่โดนมิสไซล์ฝ่ายเยเมนจนต้องล่าถอยไม่เป็นท่า แถมด้วยข้าวหลาม Badr 1 ยิงเข้าเขตทหารจีซาน!

    .
    .

    พันธมิตรซาอุฯเคลื่อนกองเรือรบเข้าประชิดเมืองท่า อัลฮุเดดาห์ หวังยกพลขึ้นบกและปิดจ็อบยึดเมืองท่าแห่งนี้อย่างสะดวกโยธิน

    เมืองท่าแห่งนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็น #ช่องทางติดต่อกับโลกภายนอกเพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ของเยเมน อาหารและยา อาวุธป้องกันประเทศ ฯลฯ ล้วนต้องผ่านช่องทางนี้ทั้งสิ้น

    ฝ่ายกองทัพและนักรบแตะหนีบจึงปล่อยให้ถูกยึดไปไม่ได้เป็นอันขาด!!

    ในขณะเดียวกัน ซาอุและเอมิเรตก็ไม่สามารถจะยุติสงครามที่ยืดเยื้อนี้ได้ หากไม่ยึดเมืองท่าแห่งนี้!!

    เอมิเรตรับผิดชอบบุกเข้าตีด้วยกองทัพบก ส่วนซาอุรับผิดชอบการโจมตีทางอากาศและทางเรือ

    กองทัพเยเมน + นักรบแตะหนีบผนึกกำลังกันปกป้องเมืองท่าอย่างสุดชีวิต ผลก็คือการรุกรานด้วยทหารบกโดนโจมตีแตกพ่ายเรียบร้อยโรงเรียนช้างดาว

    ปฏิบัติการทางทะเลในครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีครั้งสำคัญของพันธมิตรซาอุ - เอมิเรต หลังพ่ายทางบก ซาอุหวังจะยกพลขึ้นบกบุกเมืองท่าโดยตรง ไม่ต้องเสียเวลารุกคืบที่ละก้าวอีกต่อไป

    แต่อานิจจา กองทัพเยเมน + นักรบแตะหนีบฮูซีรู้เท่าทัน จึงเสิร์ฟข้าวหลามแก่ผู้มาเยือนทางเรืออย่างรวดเร็ว #ส่งผลให้เรือรบซาอุฯหม่ำไปเต็มคำจนไฟลุก เรือรบที่เหลือรีบเข้ามาลำเลียงผู้บาดเจ็บออกไป ฮ.บินว่อนในที่เกิดเหตุ

    และสุดท้ายก็ต้องถอนสมอล่าถอยออกไปอย่างไม่คิดชีวิต...

    นอกจากนี้กองทัพ + นักรบแตะหนีบยังยิงขีปนาวุธขนาดใหญ่รุ่น Badr 1 ข้ามฟากไป #ถล่มเขตทหารอัล_ไฟซาล ในจังหวัดจีซานทางตอนใต้ของซาอุ

    ..................

    เมื่อท็อปบู้ตประกบตราช้างดาว #อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ!
    .
    .
    .
    .
    ............................
    เพจเจาะลึกตะวันออกกลาง

    ขอบพระคุณที่ติดตาม กดไลค์ แสดงความคิดเห็น และร่วมกันแชร์ครับ...

    #เยเมน #ซาอุ #อัลฮุดัยดาห์ #เรือรบ

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ชี้ แชตขอยืมเงินเท่ากับการทำสัญญากู้ยืมเงิน แนะถ้าจะฟ้องให้แคปหลักฐานข้อความสนทนา หลักฐานบัญชีผู้กู้ และหลักฐานการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือ แอปพลิเคชัน

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สิงคโปร์ - ผู้นำสหรัฐฯทวีตไม่กี่นาทีก่อนที่จะมีกำหนดการพบกับผู้นำเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก เปิดเผยข่าวผู้ช่วยด้านเศรษฐกิจของตัวเอง ลาร์รี คัดโลว์ เกิดเหตุหัวใจล้มเหลวฉับพลัน และในเวลานี้กำลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล วอลเตอร์ รีด เมดิคอล เซ็นเตอร์ กรุงวอชิงตันดีซี และในระหว่างการเดินคู่กับผู้นำเกาหลีเหนือ มีการโชว์รถลีมูซีนของผู้นำสหรัฐฯที่มีฉายาว่า “เดอะ บีสต์” ให้เห็น

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐอเมริกา - บุตรสาวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และลูกเขยของเขามีรายได้ภายนอกอย่างน้อยราว 2,600 ล้านบาท ในขณะที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสในทำเนียบขาวเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากข้อตกลงการลงทุนจากบริษัทที่พวกเขาบริหารก่อนหน้านี้

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มูลนิธิฯ ฟ้องศาลอาญาฯ เอาผิด จนท.รัฐประพฤติมิชอบการแยกท่อก๊าซ ปตท.
    เผยแพร่: 12 มิ.ย. 2561 12:47: ปรับปรุง: 12 มิ.ย. 2561 13:42: โดย: MGR Online
    561000006072001.jpg

    มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐข้อหาประพฤติมิชอบในการแบ่งแยกทรัพย์สิน ปตท. ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 50 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังรับเป็นคดีหรือไม่ 19 มิ.ย.นี้

    น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า จากมติคณะกรรมการมูลนิธิฯเห็นชอบให้มูลนิธิฯยื่นฟ้องคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐข้อหาประพฤติมิชอบในการแบ่งแยกทรัพย์สินของปตท.ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2561 เพื่อคืนความชอบธรรมต่อประชาชนคนไทยที่ได้รับความเสียหายต่อการประพฤติมิชอบในการคืนทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติ โดยศาลได้นัดฟังคำตัดสินว่าจะรับเป็นคดีหรือไม่ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้

    ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเคยฟ้องศาลปกครองเรื่องพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา ร่วมกับ น.ส.รสนา โตสิตระกูล น.ส.สายรุ้ง ทองปลอน น.ส.ภินันท์ โชติรสเศรณี และ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ต่อผู้ถูกฟ้อง 4 ราย คือ คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2550 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ร่วมกันแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของ ปตท. ทั้งนี้ ให้เสร็จสิ้นก่อนการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550

    โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่18 ธ.ค. 2550 มอบหมายให้ 1. กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง ไปดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและสิทธิให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

    2. ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของการแบ่งแยกทรัพย์สิน และ 3. หากมีข้อโต้แย้งด้านกฎหมายเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในการดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อให้มีข้อยุติต่อไป

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2558 ทางมูลนิธิฯ น.ส.รสนา โตสิตระกูล น.ส.ยุญยืน ศิริธรรม ยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ตรวจสอบมีการปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 ธ.ค. 2550 ในการแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาหรือไม่

    ซึ่ง คตง.ได้มีมติเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2559 ว่าบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีการแบ่งแยกทรัพย์สินสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดหมายเลขคดีแดงที่ ฟ.35/2550และมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2550 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายไม่น้อยกว่า 32,613.45 ล้านบาท (เป็นมูลค่าท่อส่งก๊าซฯ ทางทะเลและบนบกบางส่วนจากมูลค่าทรัพย์สินของ ปตท.ไม่แบ่งแยกให้กระทรวงการคลัง) เนื่องจากทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ได้ถูกโอนให้แก่รัฐตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2544 ทำให้รัฐขาดรายได้จากค่าใช้ทรัพย์สิน ซึ่งเป็นความเสียหายอีกส่วนหนึ่งจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่มีการเสนอบันทึกการแบ่งแยกทรัพย์สินให้ ครม.ได้พิจารณาเห็นชอบร่างบันทึกการแบ่งแยกทรัพย์สิน ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ตามคำพิพากษาศาล มิได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาและแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินออกจากทรัพย์สินของ ปตท. และการเสนอรายงานสรุปการดำเนินการตามคำพิพากษาของ บมจ.ปตทเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2551 โดยแจ้งเนื้อหาที่เป็นเท็จในสาระสำคัญและปกปิดข้อเท็จจริงในสาระสำคัญที่ต้องรายงานต่อศาลปกครองสูงสุด

    https://mgronline.com/business/detail/9610000058263
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผมไม่ใช่ขอทาน..ลูกค้าแฉโดนลักไก่ซ้ำ บ.ประกันส่งคนเคลียร์ จ่ายแบบ “สินไหมกรุณา” เฉย เผยแพร่: 13 มิ.ย. 2561 11:38: ปรับปรุง: 13 มิ.ย. 2561 13:07: โดย: MGR Online
    561000006113101.jpg

    ลำปาง - สุดเดือด ลูกค้าผู้เอาประกันถูกลักไก่ลดเงินปันผล แฉเหมือนโดนลักไก่ซ้ำ หลัง “อลิอันซ์ อยุธยาฯ” ให้ตัวแทนบริษัทเสนอ “สินไหมกรุณา” แทน แถมให้รายเดียว ยันไม่รับข้อเสนอ ลั่นใครโดนเหมือนตนต้องได้ตามสิทธิ


    หลังผู้เอาประกัน นายฉัตรไชย สุรัสสนันท์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 ถ.พหลโยธิน ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง หอบหลักฐานเข้าร้องสื่อมวลชนเพื่อเตือนผู้ซื้อประกันชีวิตให้ตรวจสอบเงินปันผลของตัวเอง หลังบริษัทอ้างภาวะเศรษฐกิจ ลักไก่ลดเงินปันผลโดยพลการจนเสียประโยชน์จากเงินปันผลเป็นจำนวนหลักล้านบาท จนกลายเป็นข่าวเกรียวกราว มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

    ล่าสุดวันนี้ (13 มิ.ย.) นายฉัตรไชยเปิดเผยว่า วันนี้ยิ่งเสียความรู้สึกกับบริษัทประกันมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าไม่ได้มีความมั่นคงให้แก่ลูกค้าอีกต่อไป โดยตนซื้อประกันชีวิตกับบริษัท อลิอันซ์ อยุธยาประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) แล้วเกิดปัญหา 2 กรมธรรม์ คือ แบบ 20/20 ที่ครบอายุเอาประกันแล้วถูกลักไก่ลดเงินปันผลเกือบแสนบาท จนต้องร้องเรียนถึงยอมคืนให้ และอีกกรมธรรม์เป็นประกันชีวิตแบบ 90/20 ที่ยังไม่ครบกำหนด แต่ถูกลดเงินปันผลเมื่อสิ้นสุดสัญญาเอาประกันเกือบ 1 ล้านบาท

    “หลังเรื่องนี้เป็นข่าว ทางบริษัทฯ ได้ให้ตัวแทนบริษัทโทรศัพท์มาไกล่เกลี่ยกับผมเมื่อวาน (12 มิ.ย.) แล้วยื่นเงื่อนไขว่าทางบริษัทยินดีคำนวณเงินปันผลใหม่ โดยจะปรับให้ถูกต้องตรงตามกรมธรรม์ตั้งแต่บริษัทคำนวณเงินผิดจนถึงปัจจุบัน และครบสัญญา แต่ลูกค้าต้องเปลี่ยนมาใช้แบบ “สินไหมกรุณา” หรือ Ex-gratia Payment แทน”

    นายฉัตรไชยบอกว่า ตนก็สงสัยว่า “สินไหมกรุณา” คืออะไร จึงเปิดค้นหาจนพบว่า สินไหมกรุณา คือเงินสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจ่ายให้ด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อเหตุการณ์ความเสียหายที่ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ ตรงนี้ตนเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่ได้เรียกร้อง เพราะสิ่งที่เรียกร้องนั้นเป็นสิทธิที่ตนพึงได้รับโดยชอบตามกรมธรรม์ที่ทำไว้ และบริษัทต้องจ่าย ไม่ใช่จะจ่ายให้เพราะความสงสาร

    “ผมได้ย้อนถามว่า หากเป็นเช่นนั้นผู้เอาประกันคนอื่นที่บริษัทคิดผิด หรือไปลดเงินปันผลของลูกค้าจะได้รับเงินคืนเช่นผมหรือไม่ ตัวแทนบริษัทดังกล่าวบอกว่าไม่ได้ แต่จะได้เฉพาะผมคนเดียว ซึ่งผมได้ปฏิเสธไป เพราะหากผมได้เพียงคนเดียว แต่ลูกค้าคนอื่นทั่วประเทศซึ่งอาจถูกลดเงินปันผลเช่นเดียวกับผมก็จะเสียสิทธิไปด้วย”

    นายฉัตรไชยบอกว่า เรื่องนี้ คปภ.ควรต้องเร่งเข้ามาตรวจสอบการกระทำของบริษัทที่โทรศัพท์มาไกล่เกลี่ยตนในลักษณะนี้เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และอยากฝากถึงบริษัท อลิอันซ์ อยุธยาประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ที่ตนเองเชื่อมั่นและได้ทำประกันไว้ตั้งแต่ต้นว่าตนไม่รับข้อเสนอนี้ แต่ขอให้บริษัทปฏิบัติตามกรมธรรม์ที่ลูกค้าได้ทำไว้ เพราะเป็นสิทธิของตนที่จะได้รับ

    “เรื่องนี้ผมไม่ได้มาขอความเห็นใจจากบริษัทแต่อย่างใด” นายฉัตรไชยกล่าว

    https://mgronline.com/local/detail/9610000058657
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149


    แถลงด่วน! สด..จาก จ.พิจิตร หลังโดนผู้ว่าฯ สั่งเด้ง..ปมร้อนพัวพันความผิดปกติโครงการอาหารกลางวันเด็กพิจิตร

    เช้านี้ "นางสุพรรณ มีบัวทอง" ผู้ อำนวยการโรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร แถลงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น

    สถานที่ : โรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร

    **** สรุป *****

    @ ประเด็นวัตุดิบได้ไม่ครบ แล้ว อ.ธัชธรรม แจ้งมาที่ ผอ.แล้ว ...แลัวผอ. ไม่ตรวจสอบ แต่ให้ อ.ธัชธรรม ลาออกจากปธ. ตรวจรับฯ

    ทางผอ. ชี้แจงว่า เพราะ ตอน อ.ธัชธรรมแจ้งปัญหา เลยช่วงเวลาเกิดเหตุไปแล้ว ตรวจสอบย้อนหลังไม่ได้

    ****************

    @ ประเด็นว่า ใบสั่งซื้อของโรงเรียน มีวัตถุดิบจัดส่งมาไม่ครบถ้วน แต่เบิกจ่ายเงินเต็มจำนวน (ข้อสงสัยคือ ถ้าส่งวัตถุดิบมาเท่าไหร่ ของมาไม่ครบ ควรเบิกตามจริง แต่มีเช็คการเบิกเต็มจำนวน)

    ทางผอ. ชี้แจง ยืนยันว่าการเบิกเงินเต็มจำนวน คือ ทำทุกอย่างถูกต้อง

    *******************

    @ ประเด็น ผู้ค้ารับเงินสด กับผอ. เอง ..

    ผอ.อ้างตอนนั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน / บัญชี ทำหน้าที่จึงต้องทำแทน ... แต่ต่อมาเมื่อมีฝ่ายการเงินหรือบัญชีแล้ว แต่บางทีฝ่ายนั้นไม่สะดวก.. ผอ.จึงต้องสำรองจ่ายไปก่อน

    **************

    @ ประเด็นที่ว่า ช่วงที่สื่อมาขอสัมภาษณ์ (ThaiPBS ก็ขอสัมภาษณ์ ตั้งแต่ก่อนออกอากาศ) แต่ปฏิเสธไม่ชี้แจงมาตลอด

    ผอ.บอกว่า รู้สึกกดดันว่าไม่ได้ความเป็นธรรมในช่วงที่ผ่านมา และที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในเทศบาลเมืองตะพานหินต้น ต้นสังกัดของ โรงเรียนแห่งนี้ สั่งไม่ให้แถลง/ ชี้แจงกับสื่อมวลชน

    แต่วันนี้ ที่ออกมาเพราะรู้สึกทนแรงกดดันไม่ได้แล้ว

    **********

    @ เมื่อคืน ผอ. - สามีผอ. และ กลุ่มครู รวม 11 คน เข้าโรงเรียนยามวิกาล อยู่ที่ห้องผอ.และห้องธุรการ ตั้งแต่ 3 ทุ่ม จนถึง เที่ยงคืนเศษ / เจ้าหน้า ป.ป.ช. ขอเข้าตรวจสอบเพราะเกรงจะทำลายเอกสาร หรือ โยกย้ายเอกสาร ก็ไม่อนุญาตให้ ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบ

    ผอ. ชี้แจงว่า เข้าตึกเรียนยามวิกาล เป็นเพราะ เตรียมตัวแถลงข่าววันนี้
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149


    13 มิ.ย. | วันใหม่ ไทยพีบีเอส
    ผลตรวจสอบ คลิปภาพอาหารกลางวันเด็ก ที่ จ.นราธิวาส กินข้าวเปล่ากับลูกชิ้น 2 ลูก อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเบื้องต้นอาจเป็นความขัดแย้งในโรงเรียน #ThaiPBSnews #อาหารกลางวันเด็ก #นราธิวาส
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้ว่าฯ พิจิตร สั่งเด้งผอ.ร.ร.โกงงบอาหารกลางวันเด็กมีผล 14 มิ.ย.นี้
    21:43 | 12 มิถุนายน 2561 |

    G0DL5oPyrtt5HBAi4AIW4laV1miXS04QdvEEbyj75bDq390kp1meVb.jpg

    ผู้ว่าฯ พิจิตร สั่งเด้ง ผอ.โรงเรียน สังกัดเทศบาลเมืองตะพานหิน ช่วยราชการกับทางจังหวัดเป็นเวลา 6 เดือน เปิดทางลุยสอบความผิดปกติโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียน มีผล 14 มิ.ย.นี้

    วันนี้(12 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการพิจิตร ลงหนังสือคำสั่งส่งถึงเทศบาลเมืองตะพานหิน ต้นสังกัดของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อขอตัวผู้อำนวยการโรงเรียน มาช่วยราชการที่จังหวัด หลังจากผู้ว่าฯ ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลเมืองตะพานหิน ต้นสังกัดของโรงเรียนแห่งนี้ ที่ไม่ชี้แจงผลการสอบสวน ที่สั่งให้สิ้นสุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย ที่ผ่านมา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป

    การสั่งย้ายครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก ไทยพีบีเอส นำเสนอความผิดปกติเกี่ยวกับโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดเทศบาลตะพานหิน ซึ่งนายธัชธรรม ศรีทา รองผู้อำนวยการโรงเรียน ในฐานะประธานตรวจรับพัสดุขณะนั้น พบว่าวัตถุดิบอาหารจัดส่งไม่ครบในชั้นอนุบาล และ ประถมศึกษา ส่วนชั้นมัธยม ไม่พบวัตถุดิบมาส่งแม้แต่รายการเดียว ในช่วงระหว่างการสุ่มตรวจสอบ 5-9 มิ.ย.2560

    TSNBg3wSBdng7ijM6GwPngMs8sqrhQpmZXO1zdvVwLb.jpg


    แม้ที่ผ่านมาเทศบาลเมืองตะพานหิน เคยตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเมื่อเดือนธ.ค.2560 แต่ระยะเวลากว่า 5 เดือนมานี้ ก็ไม่เคยเรียกนายธัชธรรม ผู้ร้อง ไปให้ข้อมูลสักครั้ง และเพื่งเรียกชี้แจงครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้ว่าฯพิจิตรจะสั่งให้สรุปผลวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา

    ความล่าช้าของกระบวนการ และการไม่รายงานผู้ว่าฯพิจิตร จึงนำมาสู่การสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนวันนี้ สำหรับโครงการอาการกลางวันเด็กนักเรียน ขณะนี้ไม่ใช่แค่การสั่งย้ายผู้อำนวนการโรงเรียนเท่านั้น แต่ผลสอบสวนในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพิจิตร คืบหน้าเกือบ 100% และเตรียมสรุปเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ได้ภายในเดือนก.ค.นี้
    http://news.thaipbs.or.th/content/272747
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โวย จนท.บุก ‘รร.มุสลิมสงขลา’ มีพิรุธ! อ้างตรวสอบทุจริต-ไม่ให้ดูเอกสารขอค้น
    วันที่ 13 มิถุนายน 2561 - 14:44 น.

    %E0%B9%82%E0%B8%A7%E0%B8%A2-696x403.jpg
    เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสงขลา โวย เจ้าหน้าที่บุก ‘รร.มุสลิมสงขลา’ มีพิรุธ!อ้างตรวสอบทุจริตคอรัปชั่น-ไม่ให้ดูเอกสารขอค้น อ้างผู้ว่ายังไม่เซ็นต์ให้!
    เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สี่อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณี มีเจ้าหน้าที่แต่งกายชุดสีดำ (ตามภาพจำนวน 15 – 20 คน) และมีอักษรเขียนว่า CSI ที่เสื้อ มาที่โรงเรียนอนุสรณ์เตรียมปัญญา ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยเจ้าหน้าอ้างว่าเข้ามาเพื่อตรวจค้น เพื่อตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นภายในโรงเรียน เมื่อผู้บริหารโรงเรียนขอดูคำสั่งเขาตรวจค้นโรงเรียนในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้แจ้งอะไร เนื่องจากบอกแต่เพียงว่าคำสั่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่ได้เซ็นต์

    โดยภายในแถลงการณ์ได้ระบุว่า

    เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เวลา 9:07-13:40 น โดยประมาณ มีเจ้าหน้าที่นำโดย ร.ท.ชัยยันต์ อำพันแดง ฝ่ายข่าว ฉก. ปัตตานี ร่วมกับ พ.ต.ต.พิทักษ์ ใจสมุทร รอง หน. บก. ฉก. พร้อมเจ้าหน้าที่แต่งกายชุดสีดำ (ตามภาพจำนวน 15 – 20 คน) และมีอักษรเขียนว่า CSI ที่เสื้อ มาที่โรงเรียนอนุสรณ์เตรียมปัญญา ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งในขณะนั้นมีนักเรียนจำนวนมาก (มีนักเรียนอนุบาล และนักเรียนประถมปีที่ 6) มีบุคคากรครูส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและครูผู้ชาย 4 คน เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง นายอับดลเลาะ แมเราะ ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนเชิญเข้าไปในห้องประชุม และกล่าวต้อนรับ หลังจากนั้นก็ให้หัวหน้าคณะที่มาได้บอกถึงวัตถุประสงค์การเข้ามาในครั้งนี้ (หลังจากนั้น นายอับดลเลาะ แมเราะ ขอดูคำสั่งในการเข้ามาตรวจในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่าคำสั่งผู้ว่ายังไม่ได้เซ็นต์)

    จากนั้น เจ้าหน้าที่บอกว่า ไปเจอใบเสร็จชื่อโรงเรียน ไปซื้อของร้าน เจ๊ะกูฟาตอนี นายอับดลเลาะ แมเราะ ก็ตอบว่าไม่เคยไป และไม่รู้จักร้านเจ๊ะกูฟาตอนี เจ้าหน้าที่จึงตรวจเอกสารทั้งหมดของโรงเรียน เอกสารการเงิน การเรียนฟรีของนักเรียนอาหารกลางวันและอื่นๆ (สำหรับกรณีใบเสร็จนั้น ได้ถามเจ้าหน้าที่ไปว่าใบเสร็จที่พบซื้อของกับร้านเจ๊ะกูฟาตอนี นายอับดลเลาะ แมเราะ ไปเอาอุปกรณ์อะไร ราคาเท่าไร ขอดูหน่อยได้ไหม ทางเจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่มี และได้บอกว่า นายอับดลเลาะ แมเราะเป็นหุ้นส่วน ด้านนายอับดลเลาะ แมเราะ ตอบว่าผมจะเป็นหุ้นส่วอย่างไร เพราะตนไม่ได้เป็นสมาชิก ทำให้โรงเรียนเสียหายและกลายเป็นโรงเรียนเป้าหมายในด้านความมั่งคง ซึ่งส่งผลบุคลากรทุกคนกลัวและไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว)

    จากผลการตรวจค้นโรงเรียนในลักษณะดังกล่าว ทำให้โรงเรียนและบุคคลกรตกเป็นผู้ต้องสงสัยโดยไม่มีกระบวนการที่ถูกต้อง ส่งผลให้ทางโรงเรียนถูกมองจากผู้ปกครองว่ามีการกระทำผิด ผู้ปกครอง ได้โทรมาสอบถามทุกวัน และไม่มีความมั่นใจในโรงเรียน เนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาทำให้ทางโรงเรียนไม่สามารถอธิบายทำความเข้าใจให้กับผู้ปกครองให้กระจ่างได้ เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาไม่สามารถแสดงหลักฐาน หนังสือหรือทำให้ผู้บริหารโรงเรียนมั่นใจว่าจะถูกดำเนินการจากเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเป็นธรรมและปราศจากอคติ การตรวจค้นดังกล่าวอาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของโรงเรียน ขณะเดียวกันนั้นครูและนักเรียนมีความหวาดกลัว เสียขวัญ ครูผู้ชายกังวลถึงความปลอดภัยของตนเอง

    จากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งเหตุการณ์ ตรวจค้นโรงเรียนบากงวิทยาและโรงเรียนประสานวิทยา จังหวัดปัตตานีตามที่เป็นข่าวในสื่อไทยและในสื่อต่างประเทศ โดยในบันทึกหลังการตรวจค้นว่า พบว่าใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร(ฉบับชั่วคราว)และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่3/2558 ลง วันที่1 เมษายน 2558 ทำการตรวจค้น/ตรวจยึด เอกกสารเพื่อ สอบการทุจริตโรงเรียน โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้ นั้น

    [​IMG]

    โดยทางเครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ จะนะ นาทวี เทพาและสะบ้าย้อย ซึ่งอยู่ภายใต้สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา ขอแสดงจุดยืนและข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้

    • 1. ขอแสดงจุดยืนเรื่องการต่อต้านการคอรัปชั่นและเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนเป็นการบริหารกิจการที่สำคัญต่อการพัฒนาชีวิตของเด็กและเยาวชน การคอรัปชั่นทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย


    • 2. กรณีตรวจค้นโรงเรียนอนุสรณ์เตรียมปัญญา นั้นใช้อำนาจใดและมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่อย่างไร หากผลการดำเนินของเจ้าหน้าที่มีผลกระทบต่อโรงเรียนซึ่งอาจเป็นการกระทำทางปกครอง ที่ส่งผลให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร การกระทำที่เกินกว่าอำนาจ ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่รับผิด แสดงความรับผิดชอบผ่านผ่านสื่อ พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนทั้งทางวินัยและอาญา อีกทั้งคืนเอกสารสำคัญของโรงเรียนทั้งหมดทันที


    • 3. การใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร(ฉบับชั่วคราว)และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่3/2558 ลง วันที่1 เมษายน 2558ไทย หรือแม้กระทั่งคำสั่งที่ 35/2561 ของหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ตามคำสั่ง กอ.รมน. ที่236/2561 ถือเป็นคำสั่งที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการการศึกษาของโรงเรียน โดยเป็นการเลือกตรวจสอบแต่เฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โดยการนำกำลังทหารที่อาจติดอาวุธเข้าไปในสถานศึกษาโดยมีการขอตรวจค้นเอกสาร ในลักษณะจู่โจม ใช้กำลังคนจำนวนมาก ทำให้สถานศึกษาเสียภาพลักษณ์ บุคคลกรทางการศึกษาและนักเรียนมีหวาดกลัวและรบกวนการเรียนการสอน อาจถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน


    • 4. การตรวจสอบการคอรัปชั่นในกิจการของโรงเรียนหรือสถานศึกษาเป็นหน้าที่และบทบาทของหน่วยงานพลเรือนมาโดยตลอด แต่การนำกองกำลังทหารเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวอาจเป็นการทำให้โรงเรียนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเกินความจำเป็นเพราะหน่วยงานพลเรือนย่อมมีความเข้าใจในการบริหารจัดการการศึกษาได้อย่างเป็นระบบ การใช้การทหารนำกิจการพลเรือนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ส่งผลให้เกิดความรุนแรงยืดเยื้อยาวนาน


    • 5. เครือข่ายมีความยินดีในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบโรงเรียนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์และโปร่งใสตามหลักธรรมาธิบาล แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโดยยึดหลักในนิติธรรม นิติรัฐ ไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนา และเครือข่ายขอแสดงเจตจำนงในการปกป้องสิทธิความเป็นพลเมืองไทย
    https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1210430
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พม.คาดสรุปผลวินัยร้ายแรง ปมโกงเงินคนจน ภายใน 30 มิ.ย. นี้13 มิ.ย. 2018 / 14:19 น.
    %E0%B8%9B%E0%B8%81-%E0%B8%9E%E0%B8%A1..jpg
    รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุ กระทรวงพม. ไม่ได้ส่งข้อมูลให้ ปปง. ขณะนี้ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตไปแล้ว 11 คน
    เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) มีมติยึดทรัพย์นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดพม. นายณรงค์ คงคำ อดีตรองปลัดพม. และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ กระทรวง พม. ว่า ข้อมูลดังดกล่าวที่นำมาสู่มติของ ปปง . กระทรวงพม. ไม่ได้ส่งให้ โดยคาดว่าน่าจะเป็นข้อมูลจากทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริจในภาครัฐ(ปปท.) โดยทางกระทรวงพม.จะสอบสวนในความผิดทางวินัยร้ายแรง

    โดยทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตไปแล้ว 11 คน แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่กันตัวไว้เป็นพยานอีก 15 คน ซึ่งจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปผลในส่วนนี้ จึงต้องรอให้เสร็จเรียบร้อยถึงจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และพยานอาจจะมีหลักฐานเกี่ยวข้องกัน หากเปิดเผยรายละเอียดอาจจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางคดีความได้ และคาดว่าจะสรุปผลทั้งหมด รวม 26 ราย ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน นี้

    https://www.springnews.co.th/view/284515?sp=
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    tnews_img_1528805372_448.jpg
    ยังไงกันแน่!! ชาวเน็ตแฉรูปคู่ "พิสิฐชัย-เจ้าคุณจำนงค์" ก่อนหนีซุกเยอรมัน แถมบอกคู่นี้สนิทสนมกันมาก!!!??
    Publish 2018-06-12 19:09:33

    สืบเนื่องจากการที่ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงข้อความเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดไว้ 2 ครั้งติดๆกัน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. โดยครั้งแรกระบุว่า "ข่าวเตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯครับ" และจากนั้นถัดมาไม่กี่ชั่วโมง นายพิสิฐชัย ก็ได้โพสต์อีกครั้งโดยระบุว่า "ข่าวทำคดีเงินทอน เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดราชสิทธิครับ" จนกลายเป็นกระแสความขัดแย้งในหมู่ผู้คนพุทธศาสนา ทั้งๆที่ประเด็นดังกล่าวไม่มีมูลความจริง จนนำมาสู่การเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ฐานความผิด นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือพ.ร.บ.คอมพ์








    สำหรับนายพิสิฐชัย เป็นพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองสำนักคดีภาษีอากร ขณะที่มีการสอบสวนคดียักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง และฟอกเงินจากการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงวัดพระธรรมกาย รวมทั้งนายพิสิฐชัยยังได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในชุดเจรจากับพระวัดพระธรรมกาย ในปฏิบัติการจับตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เมื่อช่วงต้นปี60 ที่ผ่านมา





    หากยังจำได้ในช่วงที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ (พศ.) ถูกย้ายออกจากตำแหน่งไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีกระแสข่าวการแต่งตั้ง ผอ.พศ.คนใหม่ ก็ปรากฏชื่อนายพิสิฐชัยเป็นหนึ่งในแดนดิเดต ผอ.พศ.ด้วย ก่อนที่ในเวลาต่อมาได้มีการยกเลิกคำสั่งและ พ.ต.ท.พงศ์พรจะได้ย้ายกลับมาเป็น ผอ.พศ.จนถึงปัจจุบัน



    ขณะที่ทางด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยวานนี้ (11 มิ.ย.) ว่านายพิสิฐชัยเคยบวชเรียน และเคยมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัด ก่อนที่จะสึกมารับราชการ





    1283753.jpg



    ล่าสุดทางโลกออนไลน์ ได้มีการเผยแพร่ภาพนายพิสิฐชัยคู่กับ อดีตพระพรหมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ที่หลบหนีคดีเงินทอนวัด ไปยังประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นการถ่ายก่อนที่อดีตพระพรหมเมธีจะหลบหนี พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ทั้งคู่มีความสนิทสนมกันมาก


    HASTAG : เจ้าคุณจำนงค์

    เรียบเรียงโดย

    วิลาสินี แววคุ้ม
    http://www.tnews.co.th/contents/461760
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รับ 55 ล้าน! เปิดรายชื่อ 6 วัดดังเอี่ยวทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 13 มิ.ย. 2018 / 07:20 น. 556.jpg
    จนท.เร่งแกะรอย 30 วัด เข้าข่ายทุจริตเงินทอนล็อต 4 พร้อมเปิดรายชื่อ 6 วัดชื่อดังในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องรอบนี้
    หลังจากเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) มีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า ตำรวจเตรียมเข้าตรวจค้นวัดสุทัศนเทพวราราม ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 4 แต่ท้ายที่สุดแล้ว ปฏิบัติการดังกล่าว ไม่เกิดขึ้นจริงนั้น ซึ่งทางสปริงนิวส์ ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ข่าวลือดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังเจ้าหน้าที่พยายามแกะรอยงบประมาณอุดหนุนวงเงิน 72 ล้านบาท ที่ก่อนหน้านี้ ในคดีล็อตที่ 3 ตำรวจได้ขยายผลเอาผิดวัดสามพระยาวรวิหาร ที่ได้งบประมาณ 5 ล้านบาท และวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ที่ได้งบประมาณ 2 ล้านบาท ส่วนงบที่เหลือจากก้อนนี้ ถูกโยงไปยังวัดชื่อดัง 6 แห่ง ในกรุงเทพ ประกอบด้วย

    13-6-2561-6-52-17-1024x574.jpg

    1.วัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน ได้รับงบประมาณ 10 ล้านบาท 2.วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้รับงบประมาณ 10 ล้านบาท 3.วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร ได้รับงบประมาณ 10 ล้านบาท 4.วัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต ได้รับงบประมาณ 10 ล้านบาท 5.วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร ได้รับงบประมาณ 5 ล้านบาท 6.วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ ได้รับงบประมาณ 10 ล้านบาท

    ขณะที่ในส่วนวัดสระเกศวรมหาวิหาร ที่ถูกโยงทุจริตเบิกจ่าย 2 โครงการหลัก รวมเป็นเงิน 62 ล้าน 5 แสนบาท ที่รับเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อปี 2558-2559 เพื่อสนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในวัด 13 แห่งนั้น พบว่า มีวัดและสถานศึกษาทางด้านสงฆ์ เพียง 4 แห่ง ได้รับเงินอุดหนุนวัดละ 2 ล้านบาท ประกอบด้วย วัดหลวงพ่อสด จังหวัดราชบุรี , วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ , วัดปากน้ำ จังหวัดอุบลราชธานี , และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

    2-66-1024x572.jpg

    ส่วนอีก 9 วัด ที่ไม่ได้รับการอุดหนุน ที่เหลืออยู่ 54 ล้าน 5 แสนบาท คือ วัดไตรธรรมาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี , วัดบุดดา จังหวัดสิงห์บุรี , วัดมหาพุทธาราม จังหวัดศรีสะเกษ , วัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม , วัดอัมพวัน จังหวัดยโสธร , วัดบ่อชะเนง จังหวัดอำนาจเจริญ , วัดพระพุทธบาทเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ , วัดศรีมงคลใต้ จังหวัดมุกดาหาร , และวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสงขลา

    นอกจากนี้ยังมีอีก 30 วัด เข้ามาเกี่ยว ซึ่งในจำนวนนั้นประมาณ 10 กว่าวัด ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เช่น วัด 3 แห่ง ในจังหวัดพิจิตร อย่างวัดต้นชุมแสง , วัดหนองเต่า , และวัดธงไทยยาราม มีความเกี่ยวข้องคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 2 ที่มีอดีตพระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค และอดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้เบิกถอนเงินเข้าบัญชีตนเอง หรือคนใกล้ชิด โดยก่อนหน้านี้ อดีตพระครูกิตติพัชรคุณ ถูกดำเนินคดีฟอกเงิน ทุจริตเงินทอนวัด 12 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท

    13-6-2561-6-53-35-1024x572.jpg

    ส่วนพื้นที่ภาคกลางอีกนับ 10 วัด เข้ามาเกี่ยวข้องในล็อตที่ 4 เช่น วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดอยุธยา ที่เพิ่งถูกดำเนินคดีทุจริตงบอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม 13 ล้านบาท จากงบ 20 ล้านบาท ในล็อตที่ 2 ไปแล้ว อาจถูกดำเนินอีกครั้ง ในกรณีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด รวมถึงเงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา จำนวน 24 ล้านบาท เป็นต้น

    https://www.springnews.co.th/view/284055
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สาวลึกให้ถึงต้นตอ ‘เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง’ กับต้นเหตุ ทำไทยเปลี่ยนเป็นเมืองขยะอิเล็กฯเขียนวันที่ วันพุธ ที่ 13 มิถุนายน 2561 เวลา 07:58 น.เขียนโดย Thaireform หมวดหมู่ Isranews |

    “ตอนนี้มีการโบ้ยกันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมบอกว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของจังหวัด ซึ่งมีคณะกรรมการระดับจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจในการกำกับดูแล แต่ไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงว่า ขั้นตอนแรกสุดของการอนุมัติอนุญาตให้มีการนำเข้าคือเขา แต่พอไปอยู่ที่ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี หรือที่ไหนก็ตาม เป็นอำนาจของอุตสาหกรรมจังหวัด ฉะนั้นกรณีนี้หากจะพูดจริงๆ ต้นทางอยู่ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม”

    penchom130661.jpg

    ประเด็นหนึ่งที่สังคมกำลังสงสัย คือ การเปิดเสรีนำเข้าของเสียอันตรายภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (Japan - Thailand Economic Partnership Agreement / JTEPA) เป็นต้นเหตุทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเมืองขยะอิเล็กทรอนิกส์ จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

    สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตั้งคำถามดังกล่าวกับ ‘เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง’ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ หนึ่งในผู้เคยขับเคลื่อนให้มีการคัดค้านข้อตกลงฉบับนั้น

    เพ็ญโฉม อธิบายว่า ปี 2550 ภาคประชาชน นำโดยกลุ่ม FTA Watch และมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้ร่วมกันคัดค้านรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ไม่ให้ลงนามในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น เนื่องจากเนื้อหาสาระปรากฎรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึง ‘ขยะ’ และในภาคผนวกยังพบมีรายการพิกัดศุลกากรที่ชี้ชัดว่า เป็นของเสียประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ขยะเคมี ขยะเตาเผา ขยะเทศบาล ขยะสถานพยาบาล แต่การคัดค้านไม่เป็นผล

    อย่างไรก็ตาม ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น ไม่น่าจะเป็นต้นเหตุทั้งหมดที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเมืองขยะอิเล็กทรอนิกส์

    โดยต้นเหตุที่มากไปกว่าข้อตกลงไทย-ญี่ปุ่น ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ ระบุเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายของประเทศไทย นั่นคือ กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายส่งเสริมให้มีการลงทุนอุตสาหกรรมหรือตั้งโรงงานอุตสาหกรรมคัดแยกขยะและฝังกลบขยะ ประเภทกิจการ 105 และแปรรูปขยะ ประเภทกิจการ 106

    จะเห็นได้ว่า การส่งเสริมดังกล่าว ทำให้ช่วงระหว่างปี 2547 - 2558 กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ทยอยออกประกาศกระทรวงหลายฉบับที่เป็นการยกเลิกหรือผ่อนผันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่เป็นกฎหมายควบคุมของเสียอันตราย

    “บัญชีรายการของเสียอันตรายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม จะมีบัญชี 5 ซึ่งหมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ถูกจัดอยู่ในบัญชี 5.3 และ 5.2” เพ็ญโฉม กล่าว และว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ออกประกาศยกเว้นให้ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ผลิต ผู้มีไว้ในครอบครอง ของเสียอิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

    นอกจากนี้ในปี 2558 กรมโรงงานอุตสาหกรรมยังได้ออกประกาศกระทรวงยกเว้นให้ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ผลิต ผู้มีไว้ในครอบครอง สารอันตรายที่อยู่ในบัญชี 5.6 ไม่ต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 อีกด้วย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวล้วนเป็นของเสียที่อยู่ในกลุ่มของเคมีวัตถุทั้งสิ้น

    จึงเห็นได้ว่า ประกาศกระทรวงหลายฉบับล้วนเป็นการปูทางล่วงหน้าให้กลุ่มธุรกิจนำเข้าของเสียและจัดการของเสีย สามารถนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีวัตถุ และของเสียอันตรายอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535

    ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวต่อว่า การที่พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) นำกำลังเข้าจับกุมผู้กระทำความผิด ในมุมมองหากมีการตรวจสอบจริง ๆ เชื่อว่า สุดท้ายจะผิดกฎหมายน้อยมาก เพราะกฎหมายได้เอื้อทุกอย่างไว้หมดแล้ว

    “กรมโรงงานอุตสาหกรรมทำอย่างเงียบ ๆ ทยอยออกประกาศกระทรวงให้กลุ่มธุรกิจเหล่านี้มาตั้งโรงงานได้ สมมตินักลงทุนชื่อ ก. ตั้งโรงงาน 105 ขึ้นมา ต่อมานักลงทุน ข. ขอซื้อกิจการ โดยนาย ข.รับโอนแบบไม่ต้องขออนุญาตตั้งโรงงานใหม่ เพราะเท่ากับโอนให้หมดทุกอย่าง ซึ่งการโอนกิจการนี้ได้มีการออกประกาศกระทรวงรองรับภายหลังเช่นเดียวกัน”

    ทั้งนี้ ความจริงแล้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นธุรกิจอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และประกาศกระทรวงก่อนหน้านี้จึงมีการควบคุมเข้มงวดมาก ว่าจะต้องมีการขออนุญาตทุกขั้นตอน ต้องมีเอกสารกำกับ ให้ข้อมูลของเสีย ต้องเสียภาษีค่อนข้างสูง และต้องปฏิบัติตามมาตรการสิ่งแวดล้อม แต่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกลับทยอยยกเว้นไว้ทั้งหมด

    ในส่วนกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เพ็ญโฉมกล่าวว่า เคยมีประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับการห้ามนำเข้าเศษ ซาก ชิ้นส่วน รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทเข้ามาในไทย แต่ต้องเข้าใจว่า ประกาศดังกล่าวไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะอำนาจห้ามนำเข้าจริงขึ้นอยู่กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม

    “กรมควบคุมมลพิษเป็นแค่หน่วยงานที่ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเท่านั้น เพราะฉะนั้นสินค้าอันตรายตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจึงเป็นเพียงการแจ้งว่า คณะกรรมการไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าว แต่ไม่สามารถห้ามนำเข้าตามกฎหมายได้จริง”

    ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีฯ ได้มีการมอบอำนาจให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมอนุมัติ อนุญาต นำเข้า ส่งออก ทั้งหมดแล้ว

    “ตอนนี้มีการโบ้ยกันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมบอกว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของจังหวัด ซึ่งมีคณะกรรมการระดับจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจในการกำกับดูแล แต่ไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงว่า ขั้นตอนแรกสุดของการอนุมัติอนุญาตให้มีการนำเข้าคือเขา แต่พอไปอยู่ที่ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี หรือที่ไหนก็ตาม เป็นอำนาจของอุตสาหกรรมจังหวัด ฉะนั้นกรณีนี้หากจะพูดจริงๆ ต้นทางอยู่ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม”

    ส่วนที่มีการโบ้ยความรับผิดชอบกันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับกรมศุลกากร ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถหนีความผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เพราะฉะนั้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

    ส่วนเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่มีหน้าตรวจตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ อย่าลืมว่า ศุลกากรมีอำนาจน้อยมากในการตรวจสอบ เพราะเดิมเคยตรวจตู้สินค้าได้ 100% แต่กระบวนการจะช้า จึงมีการร้องเรียนของกระทรวงอุตสาหกรรม สุดท้ายองค์การการค้าโลก (World Trade Organization:WTO) ได้มีนโยบายผลักดันให้ทุกประเทศที่เป็นภาคีต้องผ่อนผันให้สุ่มตรวจจนกระทั่งไม่มีการตรวจสอบตู้สินค้าอีก โดยไม่กี่ปีข้างหน้าคาดว่า การตรวจตู้สินค้านำเข้าจะเหลือ 0% ทั้งนำเข้าและส่งออก จากปัจจุบัน 10% และ 20% ตามลำดับ

    “ถามว่ามีความผิดหรือไม่ ก็ผิดมาตั้งแต่นโยบายที่ให้ลดการตรวจสอบตรง และหาก 10% ตรวจสอบเจอ แล้วไม่แจ้ง นั่นจึงจะถือเป็นความผิดของศุลกากร แต่เอาความผิดแยกหน้า เพราะกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผ่อนผันหมดแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่แทบจะทำอะไรไม่ได้”

    เพ็ญโฉมยังแสดงความคิดเห็นต่อการจัดระเบียบขยะอิเล็กทรอนิกส์ว่า ที่ผ่านมาคสช.ฟังข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมและมีความวิตกกังวลกับปัญหาขยะ จึงเชื่อว่า การเพิ่มโรงงานแปรรูปและคัดแยกขยะ จะเป็นหนทางทำให้จัดการขยะได้ จึงมีการบังคับใช้มาตรา 44 อนุญาตให้เปิดได้ทุกแห่ง โดยไม่ติดปัญหากฎหมายผังเมือง มิฉะนั้น ชาวบ้านจะคัดค้าน อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงในประเทศไม่สามารถใช้ได้ เพราะเป็นขยะชั้นเลว ดังนั้น จึงต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นหากจะให้จัดระเบียบใหม่จริง ๆ ต้องไปจัดการกับกระทรวงอุตสาหกรรมให้เร่งออกประกาศกระทรวงแก้ที่ยกเว้นเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแก้บทลงโทษใน พ.ร.บ.โรงงาน ให้หนักขึ้นด้วย

    “ร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ฉบับแก้ไข หนักเข้าไปใหญ่ หากประกาศใช้เมื่อไหร่ จะทำให้การตั้งโรงงานคัดแยกขยะ ฝังกลบขยะ และการกำจัดของเสียอื่น ๆ ยิ่งง่ายขึ้น และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจะยิ่งน้อยลง นั่นหมายถึง จะมีการเปิดเสรีการจัดการของเสียในไทย จนทำให้เป็นประเทศถังขยะที่ใหญ่มาก” ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวในที่สุด .

    อ่านประกอบ:จ่ายใต้โต๊ะตู้ละแสน!เอกชนร่วม จนท.รัฐลอบนำเข้าขยะอิเล็กฯ-ถก รมว.อุตฯแก้ปัญหา13มิ.ย.
    https://www.isranews.org/isranews/66763-isranews_66763.html

    https://www.isranews.org/isranews/66797-e-wastet-66797.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2018
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วิกฤติปัญหาสังคมที่ชายแดนใต้ ผลพวงจากไฟความรุนแรงยืดเยื้อ
    เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 13 มิถุนายน 2561 เวลา 10:29 น.เขียนโดย ศูนย์ข่าวภาคใต้
    หมวดหมู่ คุยกับบรรณาธิการ

    เหตุการณ์ฆ่าหมู่ใน 2 อำเภอ คือ สุคิริน จ.นราธิวาส กับ บันนังสตา จ.ยะลา ในห้วงเวลาห่างกันเพียง 5 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ และยังมีเหตุยิงรายวันอื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์ รวมแล้ว 5 วัน (7-11 มิ.ย.61) สังเวยไปทั้งสิ้น 12 ศพ ทำให้สังคมหันกลับมาตั้งคำถามว่า นี่ไฟใต้ไม่ได้ใกล้มอดเหมือนที่ฝ่ายความมั่นคงตอกย้ำอยู่บ่อยๆ ใช่หรือไม่?

    dozen1.jpg

    แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามสรุปเบื้องต้นว่าเหตุรุนแรงบางเหตุการณ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ทางความมั่นคงก็ตาม แต่เป็นความขัดแย้งเรื่องการแย่งชิงทรัพยากร (หาแร่ทองที่สุคิริน) หรือผลประโยชน์เรื่องยาเสพติด (ข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ฆ่าหมู่ที่บันนังสตา) ทว่าเหตุผลเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยอธิบายเชิงสนับสนุนว่าสถานการณ์ไฟใต้มันดีขึ้นตรงไหน อย่างไร

    หากเราเชื่อทฤษฎีของฝ่ายความมั่นคงที่ว่า การสร้างสถานการณ์ของพวกอ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน เช่น บีอาร์เอ็น กำลังลดระดับลง แต่เหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นระยะหลังกลายเป็นฝีมือของพวกผู้มีอิทธิพล ค้าของเถื่อน ยาเสพติด และเช็คบิลกันเรื่องการเมืองท้องถิ่น ผมกลับคิดว่าสถานการณ์แบบนี้กำลังน่าวิตกยิ่งกว่า เพราะศัตรูของสันติภาพที่กวนสถานการณ์ให้ขุ่น กำลังมี "ผู้เล่น"มากขึ้นกว่ากลุ่มที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนพวกเดิมๆ

    จริงๆ จะว่าไป ปัญหายาเสพติด ค้าของเถื่อน หรือผู้มีอิทธิพล ก็เป็นปัญหาเก่าๆ ในพื้นที่นี้อยู่แล้ว บางทฤษฎียังพยายามอธิบายว่าไฟใต้จากพวกอ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนก็ทับซ้อนกับปัญหาฐานรากของอำเภอชายแดนและอาชญากรรมพื้นฐานพวกนี้ด้วยซ้ำ

    แต่ต้องไม่ลืมว่า การก่อเหตุได้เกือบจะเสรีของกลุ่มเหล่านี้ เป็นเพราะสถานการณ์ความรุนแรงจากพวกที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อยาวนาน และฝ่ายความมั่นคงปิดเกมไม่ได้จริงๆ เสียที จึงเกิดช่องว่างให้พวกใต้ดินสามารถสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว และปฏิบัติการความรุนแรงได้แทบจะตามใจชอบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะยังมีพวกอ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนเป็นเป้าหมายหลักในมุมมองของรัฐอยู่

    การที่กลุ่มใต้ดินใช้ความรุนแรงได้แบบอหังการ์ ย่อมสะท้อนว่าสังคมที่ชายแดนใต้มีปัญหายาเสพติด ธุรกิจผิดกฎหมาย และผู้มีอิทธิพลหนักมาก และปัญหาเหล่านี้ถูกซุกไว้ใต้พรม (แต่มีบทบาทบนพรม) เพราะมีสถานการณ์ที่สร้างโดยกลุ่มอ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนบดบัง แถมเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเองนั่นแหละก็ได้ผลประโยชน์จากปัญหาพวกนี้ โดยหลบอยู่หลังเงาปัญหาแบ่งแยกดินแดนเช่นกัน

    ประเด็นที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ปัญหาไฟใต้ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 14 ปี ก่อความหวาดระแวงให้กับผู้คนต่างศาสนา ความหวาดระแวงระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ และความหวาดระแวงระหว่างประชาชนด้วยกันเอง จนไม่เหลือ "ทุนทางสังคม" ที่มากพอในการจัดการปัญหาให้ลุล่วง ไม่บานปลาย หรือขยายวง อย่างเช่น ปัญหา "ฮิญาบอนุบาลปัตตานี" หรือการขอแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามของนักเรียนมุสลิมโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ซึ่งคุกรุ่น คุมเชิงกันนานร่วมเดือน ท่ามกลางกระแสข่าวลือบ้าง จริงบ้าง ที่สร้างรอยแยกระหว่างคนสองศาสนาให้ถ่างกว้างยิ่งขึ้นไปอีก น่าแปลกที่ป่านนี้หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ยังดับเชื้อไฟไม่ได้เลย

    เช่นเดียวกับการรวมตัวของชาวบ้านสุุคิริน จ.นราธิวาส จำนวนหลายพันคน เพื่อแสดงจุดยืนปฏิเสธการตั้ง "หมู่บ้าน" รองรับผู้เข้าร่วมโครงการคนกลับบ้านของกองทัพภาคที่ 4 จนฝ่ายความมั่นคงต้องยอมถอย ล้มเลิกโครงการ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนภาพความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และไม่ได้ให้อภัยกับ "ผู้กลับใจ" ตามที่ฝ่ายความมั่นคงเรียกขาน แม้คนเหล่านั้นจะไม่เคยมีหมายจับในคดีความมั่นคงเลยก็ตาม แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมก็ยังตั้งข้อรังเกียจ

    หากใครได้ศึกษา "กระบวนการ" ของโครงการพาคนกลับบ้านที่ลอกแนวทางมาจากโครงการ "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" ที่เคยเปิดป่าต้อนรับคนที่ถูกมองว่าเป็นคอมมิวนิสต์ในอดีตให้กลับคืนสู่เมือง และอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ธงชาติไทยผืนเดียวกัน จะพบความจริงว่าเมื่อชุมชนยังตั้งข้อรังเกียจ "คนกลับใจ"ก็เท่ากับโครงการพาคนกลับบ้านที่ทำกันมานานนั้น ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะการต้อนรับ "คนกลับบ้าน" หรือ "คนกลับใจ" คือหัวใจที่สำคัญที่สุดของโครงการลักษณะนี้

    นี่คือสารพัดปัญหาที่ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ท่ามกลางความรุนแรงที่ดูจะลดระดับลง แต่โจทย์ของการดูแลสังคมหลังความรุนแรงเริ่มผ่านพ้นไป ดูจะยากเสียยิ่งกว่าการลดสถิติระเบิด วางเพลิง และยิงรายวันเสียอีก นี่ยังไม่นับปัญหาแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กกำพร้าจากความรุนแรงที่กำลังจะ "ฝีแตก" ในอีกไม่ช้าไม่นานนี้

    ที่น่าเศร้าใจก็คือ งานแบบนี้ดูจะเป็นงานที่กองทัพไม่ถนัดเอาเสียเลย ทั้งยังแทบไม่ได้ตั้งงบประมาณเอาไว้แก้ไขปัญหาสังคมที่กำลังล่มสลาย แม้ว่าจะละลายงบไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาทแล้วก็ตาม!

    https://www.isranews.org/south-news/talk-with-director/66803-crisis_66803.html
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เจาะเส้นทางโกง! แฉโอนให้วัด18ล้าน ขอทอนเงิน17ล้าน โวยพระครูรับเคราะห์
    750x422_804671_1528870182.jpg
    13 มิถุนายน 2561

    เปิดเส้นทางการโกง "เงินทอนวัด" แฉโอนให้วัด18ล้าน แต่โดน "จนท.พศ." ขอทอนเงินสด17ล้าน วัดได้แค่1ล้าน โวย "พระครู" รับเคราะห์โดนป้ายความผิด

    จากที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ตรวจสอบกรณีเงินทอนวัด ล็อต 4 โดยได้เดินทางมาที่วัดธาตุ พระอารามหลวง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบข้อมูลและเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินทอนวัด หลังมีหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาเกี่ยวข้องกับเงินทอนวัดที่โอนมาเมื่อปี 2556

    จากการสอบถามนายสมศักดิ์ คุณเงิน ในฐานะที่ปรึกษาและทนายความ ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิสุทธาจารย์ วัดธาตุ พระอารามหลวง กล่าวว่า โรงเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา วัดธาตุพระอารามหลวง เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่มีการสอนทั้งสายสามัญ และบาลี มีพระและเณร มาศึกษาเป็นจำนวนมาก จึงได้รับงบประมาณอุดหนุนการศึกษาจาก กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ผ่านมาจะมีการโอนเงินอุดหนุนการศึกษาตามปกติเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้โรงเรียนปริยติธรรมถือเป็นศูนย์กลางในการศึกษาจึงต้องมีการติดต่อประสานงานกันต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ พระเถระจะรู้จักกัน เพราะต้องติดต่อประสานงานทั้งเรื่องงาน เรื่องการศึกษา แต่ละคนจะรู้จักกันมานาน 5-10 ปี

    สำหรับเส้นทางการเงินที่เป็นกรณีปัญหาเงินทอนวัด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทั่งปี 2556 อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังพระครูศรีวิสุทธิวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง และผู้อำนวยการโรงเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา จ.ขอนแก่น บอกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของวัด ที่เหมือนที่เคยโอนให้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้จะขอเงินคืนกลับ โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเดินทางไปรับเงินที่วัดธาตุ โดยอ้างว่าจะได้นำเงินจำนวนนี้ไปใช้ด้านพระพุทธศาสนา และการศึกษา ส่วนผู้รับผิดชอบของวัดธาตุมีความเข้าใจว่า เป็นขั้นตอนของทางราชการตามปกติที่สามารถทำได้ จึงมอบหมายให้คณะกรรมการที่ดูแลด้านการเงินถอนเงินในบัญชีคืนให้

    “เมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โอนเงินให้ทางวัดธาตุโดยที่ไม่ได้ร้องขอ หรือทำโครงการใดๆ มีการโอนเงิน 3 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 5 ล้านบาท ครั้งที่ 2 จำนวน 3 ล้านบาท ทั้ง 2 ครั้งนี้ สำงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่วัดแล้วขอคืนไปทั้งหมด และครั้งที่ 3 จำนวน 10 ล้านบาท แต่ครั้งนี้เหลือไว้ให้วัด 1 ล้านบาท รวมจำนวนเงินทั้งหมด 18 ล้านบาท โอนกลับ 17 ล้านบาท 1 ล้านเหลือให้วัด การโอนเงินทั้ง 3 ครั้ง ใช้เวลาเพียง 2-3 วัน ก็จะมีเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเดินทางมารับเงินสดด้วยตัวเอง ซึ่งลักษณะการโอนเงินเข้าบัญชีวัด แล้วมีเจ้าหน้าที่เดินทางมารับเงินสด ทำให้เชื่อว่าเป็นการยืมบัญชีวัดโยกย้ายเงิน เมื่อมีเจ้าหน้าที่เดินทางมารับเงินสดก็จะไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่เมื่อเกิดกรณีอย่างปัญหาเงินทอนวัด ก็จะเป็นภาระกับวัดและพระที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถือเป็นการสร้างภาระและป้ายความผิดให้กับพระ โดยอาศัยความสนิทสนิม ความเชื่อใจกัน” นายสมศักดิ์ กล่าว

    สำหรับกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ที่ได้เดินทางเข้าตรวจสอบ สอบปากคำ พระครูศรีวิสุทธิวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง และผู้อำนวยการโรงเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา จ.ขอนแก่น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน

    โดยแหล่งข่าวระบุว่า หลังจากที่ ปปป. ได้เข้าตรวจสอบที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พบหลักฐานเส้นทางการเงินที่พบว่าได้มีการโอนผิดปกติเข้ามาที่บัญชีวัด จึงได้เดินทางเข้าตรวจสอบทั้งที่โรงเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา วัดธาตุพระอารามหลวง รวมทั้งตรวจสอบกับสถาบันการเงินที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้โอนเข้ามาให้ทางวัด เพื่อหาหลักฐานในการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ทำการทุจริต ก่อนจะเสนอไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทุจริต

    สำหรับจังหวัดขอนแก่น มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ ทั้งหมด 26 แห่ง ซึ่งโรงเรียน วิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา วัดธาตุพระอารามหลวง เป็น 1 ใน60 แห่งทั่วประเทศ ที่ บข้อมูลว่า ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากโครงการอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ในช่วงปีงบประมาณ 2554-2559

    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/804671
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ยึดทรัพย์ข้าราชการกังฉิน คืออีกหนึ่งผลงานของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ รัฐบาลที่ถูกชี้หน้าเป็นเผด็จการ แล้วไงล่ะที่ผ่านมารัฐบาลเลือกต้ัง ประชาธิปไตยจ๋าเคยสะสางปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน โกงชาติบ้านเมืองได้หรือเปล่า?


    เปล่าเลย! นอกจากเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ซ้ำร้ายรัฐบาลบางยุคร่วมด้วยช่วกันโกงแล้วแบ่งกันอีกต่างหาก นี่แหละเค้าเรียกว่า "โกงในยุครัฐบาลเลือกตั้ง สางปัญหาได้ในยุครัฐบาลเผด็จการ" ฮะฮ่า

    ....

    ข่าวใหญ่วันนี้ปปง.มีมติยึดทรัพย์อดีตข้าราชการระดับสูง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ทุจริตเงินช่วยเหลือคนยากไร้ ประกอบด้วย 1.นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดพม. 2.นายณรงค์ คงคำ อดีตรองปลัดพม. 3.นายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการพม.


    กลุ่มคนเหล่านี้โกงกันเป็นขบวนการผ่านทางการจัดสรรเงินงบประมาณลงไปยังศูนย์และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดทั่วทุกภาค และมีการจัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอันเป็นเท็จ โดยนำเงินที่ได้จากการทุจริตเบิกจ่ายส่งกลับคืนไปยังผู้บริหาร กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการและแปลงเงินไปเป็นทรัพย์สินในรูปแบบอื่นเช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ


    สำหรับทรัพย์สินที่ปปง.อายัดและยึดไว้เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ รวม 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท


    กรรมไล่ล่าเช็คบิลโกง อ่วมอรทัยกันเป็นแถบๆ!!!


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เตรียมยึดทรัพย์ "อดีตปลัด-รองปลัด พม." 88 ล้านบาท
    18:52 | 12 มิถุนายน 2561 |

    G0DL5oPyrtt5HBAi4AIW4lbJp8T9MrLgE78r1Y7Iv9zNjPicgcFp0L.png

    ปปง.เตรียมยึดทรัพย์อดีตปลัด-รองปลัด พม. 88 ล้านบาท เหตุเชื่อมโยงทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง ขณะที่ ป.ป.ท.เดินหน้าตรวจสอบทุจริตพบศูนย์คุ้มครองฯ มูลทุจริตแล้ว 68 จังหวัด ล่าสุด ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงไปแล้ว 60 จังหวัด

    วันนี้ (12 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการธุรกรรมสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เตรียมยึดทรัพย์ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายณรงค์ คงคำ อดีตรองปลัดกระทรวง และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวง พร้อมพวกมูลค่าทรัพย์สินกว่า 88 ล้านบาท พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

    TSNBg3wSBdng7ijM6GwPngO9epwZqJGNrUXyMqifrB6.png

    จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานฟอกเงิน พบว่าเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในห้วงเวลาเดียวกันที่พบปัญหาการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง ปี 2560 งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท

    ทีมข่าวไทยพีบีเอสตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ พบว่า นายพุุฒิพัฒน์ ยังให้เพื่อนหญิงคนสนิท ที่อดีตเคยเป็นข้าราชการกระทรวง พม. แต่เพิ่งลาออกจากราชการเมื่อปี 2559 ดำเนินการซื้อทรัพย์สินหลายรายการอีกด้วย

    TSNBg3wSBdng7ijM6GwPngO9epwZqJKBXlFT9WXEz1I.png

    ขณะที่อดีตผู้บริหารกระทรวง พม.ทั้ง 3 คน ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. โดยถูกตัดขาดจากสวัสดิการเงินเดือนทุกอย่าง จนกว่าผลการสอบวินัยร้ายแรงแล้วเสร็จ

    คดีทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง เริ่มจากนิสิตฝึกงานคนหนึ่งที่ออกมาเปิดโปง ศูนย์ช่วยเหลือที่จังหวัดขอนแก่น จากนั้น ป.ป.ท.ก็ปูพรมตรวจทั้งประเทศ พบมูลทุจริตมากถึง 68 ศูนย์ การทุจริตครั้งนี้อาจมีผู้เกี่ยวข้องมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนถึง 267 คน

    TSNBg3wSBdng7ijM6GwPngO9epwZqI9iMPrUV1cSYLO.png

    ความกล้าหาญของนักศึกษาฝึกงาน 1 คน ทำให้สำนักงาน ป.ป.ท.ขยายผลตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 76 จังหวัด พบมูลทุจริตมากถึง 68 ศูนย์ มีข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้อง 267 คน ล่าสุด ป.ป.ท.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงไปแล้ว 60 จังหวัด

    แม้ศูนย์คุ้มครองบางแห่งยังไม่พบมูลทุจริตแต่ ป.ป.ท.จะตรวจสอบว่ามีการนำเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายในกรณีอื่นๆ หรือไม่ เพราะล่าสุดศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สิงห์บุรี ตรวจสอบไม่พบการทุจริตการจ่ายเงินช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าผู้อำนวยการศูนย์ฯ นำเงินบางส่วนไปจัดซื้อผ้าห่มเกรดต่ำแต่ราคาสูง และคาดว่าจะเป็นจังหวัดที่ 69 ที่ ถูก ป.ป.ท.กล่าวหาทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง

    TSNBg3wSBdng7ijM6GwPngO9epwZqJINrMf2jqWy56Z.png

    ทั้งนี้ ผลสอบวินัยร้ายแรงทั้งอดีตปลัด รองปลัด และผู้ตรวจราชการกระทรวง พม.พร้อมพวก พบว่ามี 11คนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทุจริต โทษสูงสุดคือปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ และมีข้าราชการอีก 15 คน ที่มีส่วนรู้เห็น แต่ถูกกันไว้เป็นพยาน เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ รวมแล้วมีผู้บริหารและข้าราชการ พม.ทุจริตมากถึง 26 คน


    http://news.thaipbs.or.th/content/272745
     

แชร์หน้านี้

Loading...