ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ซาวเสียงกันหน่อย ได้อยู่หรือยังไม่ดีพอ!! เมื่อล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยภาวการณ์ว่างงานของประชาชนในเดือนกันยายน 2561 พบว่า มีคนว่างงานอยู่ที่จำนวน 3.73 แสนคน #ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ประมาณ 70,000 คน โดยหากแบ่งตามระดับการศึกษาพบว่า #กลุ่มคนที่ว่างงานมากที่สุดคือกลุ่มผู้เรียนจบในระดับอุดมศึกษา ซึ่งมีจำนวน 145,000 คน


    Source : https://www.smartsme.co.th/content/101742


    ทั้งนี้ กลุ่มผู้มีอายุ 15-24 ปีเป็นกลุ่มที่มีอัตราการว่างงาน 5.1% ส่วนกลุ่มที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปมีอัตราการว่างงาน 0.5% อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มผู้มีอายุ 15-24 ปี มีอัตราว่างงานลดลงจาก 5.9% ลงมาเหลือ 5.1% ขณะที่กลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป มีอัตราว่างงานลดลงจาก 0.6% เหลือ 0.5%


    อนึ่ง หากพิจารณาคนว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนพบว่ามีจำนวน 178,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มคนที่จบการศึกษาอยู่ประมาณ 96,000 คน

    ▪️ผู้ที่เรียนจบสายวิชาการจำนวน 68,000 คน

    ▪️ผู้เรียนจบสายอาชีวะ 17,000 คน

    ▪️ผู้เรียนจบสายวิชาการศึกษา 11,000 คน.


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประกาศ

    ราชกิจจานุเบกษา

    IMG_3768.JPG

    ให้ยาสมุนไพรไทย

    เป็นยาสามัญประจำบ้าน.


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สี่แยกไฟเสีย (ตอนจบ)


    ตอน 6/1


    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง

    อังกฤษ ก็จบด้วย …จบแบบไม่สวย ไม่รวย ไม่ใหญ่จริง

    อย่างที่ชาวโลกเข้าใจ

    ผ่าตัด กี่ครั้งกี่หน ก็คงกลับมาดูดี ใหญ่โตอย่างเดิมยาก


    และ ทำให้อเมริกา ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก

    แทนอังกฤษ …

    ที่ เป็นตัวการนำโลก เข้าไปสู่สงครามโลก ทั้ง 2 ครั้ง


    และ ตอนนี้ อังกฤษ ก็กำลังคิดจะผ่าตัดใหญ่ ด้วยการ Brexit

    ซึ่งอังกฤษ คิดว่า จะทำให้ตัวเอง ยังพอประคองตัว

    แสดงท่าว่าข้า(ยัง)ใหญ่ อยู่ในโลกนี้ ต่อไปได้อีก


    แต่ Brexit จะช่วยให้อังกฤษ สมใจปรารถนา

    หรือ จะกลาย เป็นรายการกระโดดหน้าผา ตรงช่องแคบของตัว

    สวัสดี บายบาย …ลาก่อน… ถึงบทอวสานของอังกฤษ

    จบของจริงไปเลยก็ไม่แน่


    อังกฤษ นั้น เป็น นักสร้างเรื่อง สร้างฉาก เล่นละคร

    ที่เก่งที่สุดในโลก จนถึงบัดนี้ คงมีน้อยคน ที่เห็น หรือ เข้าใจซึ้ง

    ถึงสภาพ และ ความคิด จิตใจ ที่แท้จริงของอังกฤษ…


    ส่วนอเมริกานั้น ไม่ได้เข้าร่วมทำสงครามโลกครั้งที่ 1

    แต่นั่งดูอยู่ขอบสนาม พร้อมกับ เป็นนายทุน ตั้งหาบ ขายของ

    ส่งของ ให้คนที่รบอยู่ในสนาม …รบแบบไม่ขาดแคลน

    และรบนาน…

    (จะได้ฉิบหายแยะ และ เป็นหนี้นายทุนหัวโต)


    อาศัยที่เป็น พวกเรียนเร็ว หัวไว หุ่นให้ ใจรัก

    อเมริกา จึงหาช่องทาง เพื่อให้ได้เปรียบทุกเรื่องได้เก่งและเนียน

    อเมริกา ช่วยส่งเสริมให้อังกฤษ “สร้าง” สงครามโลก

    ครั้งที่ 1 และ 2 ทุกวิถีทาง ชนิดที่ คนรบในสนามไม่ว่าฝ่ายไหน

    จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน

    เพราะอัตตา และ ความอยากเอาชนะ มันบดบัง จนมิด


    ด้วยเหตุนี้ ภายหลัง ที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบ

    อเมริกา จึงขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ หมายเลขหนึ่งของโลก

    และจัดการ สร้างกฏ ระเบียบ กติกา บ้าบอ ตามใจตัวเอง

    ด้วยการใช้อุบายสารพัด ทำให้โลกเชื่อถือ เชื่อฟัง World Order

    ที่อเมริกา จูงจมูกให้ เดินตาม มานาน กว่า 70 ปีแล้ว


    อเมริกา เปลี่ยน World Order มาหลายรอบ หลายแนว หลายชื่อ

    ชาวโลก ที่ไม่ได้ติดตามการเมืองโลกอย่างจริงจัง

    ก็แปลความ ตามความเข้าใจ

    ที่บรรดาลูกกระเป๋งของอเมริกา เอามาถ่ายถอด อย่างตื้นเขิน

    ตามการเรียน แบบถ่ายเอกสาร สำเนาอเมริกา

    หรือไม่ก็ เป็นพวก รับจ๊อบ ให้มาลวงชาวโลกให้ สับสน เชื่อฟัง

    หรือ หวั่นเกรงอเมริกา…


    จะเรียกว่าอะไรก็ตาม สำหรับผม World Order ทุกแนวของอเมริกา

    ตั้งแต่ต้นมา จนถึงสมัยท่านกร่างหน้าสีส้มนี้

    คือ ขบวนการ การเอากระป๋องสี่เหลี่ยม มาครอบหัวชาวโลก

    แล้วเอาเชือก มารอยจมูก จูงให้ชาวโลกเดินตาม อย่างปัดไป เป๋มา

    ตามที่อเมริกา ต้องการ เพื่อประโยชน์ของอเมริกา ทั้งสิ้น


    อเมริกา จูงชาวโลกได้สำเร็จ ตามที่ต้องการ

    ด้วยการ กรอกหู กรอกหัว ชาวโลก

    ผ่านหลักสูตรการเรียน หนังสืออ่าน ผ่านวัฒนธรรม ผ่านความคิด

    และที่ได้ผลที่สุด คือ ผ่านหนัง และ สื่อ ที่อเมริกา เป็นผู้สร้าง กำกับ

    เขียนบท ฯลฯ ทั้งหมด …รวมทั้งสื่อออนไลน์ ที่เรากำลังอาศัยระบบ

    ของเขาอยู่นี่ และมีของจริง ของปลอม ออกมาหลอกให้เรามึน

    และ หลงทาง เต็มไปหมด


    ตอน 6/2


    70 ปี ผ่านไป …เรื่องราวในโลกก็เปลี่ยนไปด้วย

    หลายอย่างเปลี่ยนไปแยะ แต่ พวกที่หัวยังติดอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม

    ดูเหมือน จะไม่รับรู้ หรือ ไม่อยากให้เปลี่ยน…

    เพราะคุ้น กับกระป๋องที่ครอบ จนเคยชิน …


    ชินขนาดที่ว่า ถ้าเอากระป๋องที่ครอบหัวออก

    อาจจะก้าวเดินไม่ได้ ไปเองไม่เป็น…

    ต้องมีเชือกจูงให้เดิน เหมือนเดิม ก็เป็นได้


    ช่วยกลับไปอ่าน สุนทรพจน์ ฉบับ เป็ดขัน อีกสักรอบนะครับ


    หลายคน บอก น่าหัวร่อ

    หลายคนบอกว่า อเมริกา เปลี่ยนไปแยะ


    แต่ผมว่า อเมริกา ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

    อเมริกา เป็นอย่างนี้มาตลอด พูดอย่าง ทำอีกอย่าง ตลบแตลง

    ลวงหลอก ทั้งมิตร และศัตรู …ที่แย่ คือ หลอกลวงประชาชนของตน


    อย่าดูอเมริกา ตามข่าว ที่สื่อของอเมริกานำเสนออย่างเดียวครับ

    เพราะสื่อใน อเมริกา นั้น ไม่ว่าจะใช้ชื่ออะไร และ สังกัด พรรค หรือ พวกไหน

    เมื่อ ถึงเวลา พวกเขา จะทำอย่างเดียว

    คือ ทำ เพื่อ ให้ อเมริกา ยัง ยิ่งใหญ่ ที่สุด ในโลก รายเดียว ต่อไป


    ผมได้เอาชิ้นส่วนข่าว ที่น่าจะเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์

    ที่อาจจะเกิดขึ้น ในเวลาไม่นานนัก

    ให้ท่านผู้อ่าน ลองไล่เรียงอ่าน เพื่อพิจารณา

    และทำความเข้าใจกันไว้ล่วงหน้า…


    ถึงเวลาแล้ว ที่เราควรให้ความสนใจ เรื่องนอกบ้านด้วย

    นอกเหนือจาก เรื่องในบ้าน ว่าเราจะมีการเลือกตั้งไหม

    ใคร จะตั้งพรรคใหม่ ใครจะเป็นนายก ฯลฯ


    สงครามใหญ่ มาเมื่อไหร่ พรรคไหน ใครเป็นนายก

    ก็พังได้ทั้งนั้นครับ ถ้าตามเกมเขาไม่ทัน

    ตัวเองพัง เรื่องนึง อย่าพาเอาประเทศที่รักของเรา พังไปด้วย


    เรามีการเตรียมการ เตรียมตัวอะไรกันบ้างหรือเปล่า

    พูดไป ก็เหมือนว่า จะทำให้ตื่นตูม

    แถมถูกด่าเช็ด อีกด้วย ว่าเขากำลังจะเดินหน้าดีๆ

    ทำให้บรรยากาศ การลงทุนเสียหมด …

    มือไม่พาย เสือกเอาปากไปใส่ครก ฯลฯ


    ขณะนี้ เหตุการณ์ในโลก กระชับวงเข้ามามากขึ้น

    และ ในอัตราการเปลี่ยนแปลง ที่เร็วขึ้นกว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

    อย่างเห็นชัด จนนักวิเคราะห์ ที่ว่าแน่ๆ ก็อาจจะตามเกม

    ระดับโลกไม่ทัน


    ผมเคยบอกแล้ว ว่า ยุทธศาสตร์ระดับโลกนั้น

    เขาวางกัน 5, 10, 20, 50 ปี ล่วงหน้า

    ดังนั้นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อาจเป็นผลของยุทธศาสตร์

    ที่เขาวางมาเป็นสิบปี แล้ว ก็ได้


    และการที่โลกเปลี่ยนไปแยะ ในอัตราที่เร็วมาก ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา

    ทำให้อเมริกา ไม่ได้เป็นขั้วอำนาจ หนึ่งเดียวในโลก

    อย่างเมื่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงใหม่ๆ

    และ ไม่สามารถสั่งให้โลก หมุนได้ตามใจ มากว่า 10 ปี แล้ว

    ซึ่งอเมริกา ก็ รับสภาพนั้นไม่ได้ และ พยายามรักษาตำแหน่ง

    ด้วยการเร่งมือ ปรับยุทธศาสตร์ ที่วางไว้เดิมตลอดเวลา


    ด้วยเหตุนี้ จึงมีหลายเหตุการณ์ ที่ เหมือนถูกเร่งเครื่อง

    ทำให้จวนเจียนจะเกิดขึ้น เต็มไปหมด ในหลายบริเวณ

    ความอลหม่านเกิดขึ้นในหลายที่

    ที่เจ้าของท้องที่ มองไม่ขาด แก้ไม่เป็น และ ไม่สร้างความพร้อม ในหลายปัจจัย

    นั่นคือ ความต้องการของอเมริกา

    อเมริกา หวังใช้ความเขี้ยวของตัว ทำให้ตัวเองได้เปรียบ

    จากความอลหม่านนั้น…


    สถานการณ์โลก ตอนนี้

    จึงเหมือนรถ ที่กำลังจอดจ่อ ออกัน แน่น อยู่ตรงสี่แยก

    แต่เป็นสี่แยกอันตราย ที่ไฟสัญญาณเสีย ติดๆ ดับ ๆ

    ไฟเกิดติดขึ้นมา ก็ไม่รู้จะเป็น เขียว หรือ แดง เชื่อได้ขนาดไหน

    ข้างหน้า สภาพถนนเป็นอย่างไร


    ใครขับวิ่งถลาไป ไม่พิจารณาให้ดี ก็ ลงหลุม หรือ ปะทะกัน พังยับ


    เหตุการณ์ ที่พอจะให้เราสังเกต อาศัยพิจารณาดู

    เผื่อจะประคองตัว หลบเลี่ยง รักษาตัว จากการลงหลุม

    หรือ ปะทะกันไปได้บ้าง

    มี 2 เหตุการณ์ใหญ่


    เหตุการณ์ แรก : คือ อิหร่านดีล


    ที่ผมพยายามเล่าให้ฟังมานาน และ ยาว ถึงที่มา

    เพื่อจะได้พอรู้ที่จะไป ว่าจะไปทางไหน

    อันตรายกับโลก และกับเรา มากน้อยแค่ไหน

    คือ อาศัยตามดูปฏิกิริยา ของ อเมริกา อิหร่าน

    และ คู่สัญญารายอื่นของอิหร่านดีล

    เช่น รัสเซีย จีน และ ชาวอียู โดยเฉพาะ เยอรมัน


    หลังจากอเมริกา ถีบตัวจากดีล อเมริกา กลับไปคว่ำบาตรอิหร่าน

    และ อเมริกา กำลังพิจารณา จะตระปบหัวใจของอิหร่าน

    ด้วยการ ห้ามอิหร่าน ขายน้ำมัน


    ถ้าอเมริกา ทำจริง แบบคว่ำบาตรรุนแรง ห้ามทุกคนซื้อน้ำมันอิหร่าน


    อิหร่าน จะ ตอบสนองการคว่ำบาตรน้ำมันอย่างไร

    เพื่อนของอิหร่าน โดยเฉพาะ จีน ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด

    ของอิหร่าน จะทำอย่างไร


    ถ้า ทั้ง 2 รายข้างต้น ยอมทำตามคำสั่งของอเมริกา

    อย่างไม่เกี่ยงงอน ไม่มีเงื่อนไข

    ก็ไม่ต้องคิดอะไรต่อแล้วครับ

    แปลว่า โลกนี้ คงกลับไปอยู่ใต้ตีนอเมริกา อย่างเดิม…

    และผม ก็คงเลิกเขียนนิทาน …ไปขุดรู หาที่อยู่ตามป่าเขา


    แต่ ถ้า อิหร่าน แสดง การไม่ยอมรับ มีการต่อรอง

    หรือ ออกลีลา ต่อต้าน ด้วยการด่าไปมา กับอเมริกา

    แปลว่า อิหร่าน ยังไม่พร้อม …

    เป็นไปตามที่ฝ่ายอเมริกาวิเคราะห์ ว่าอิหร่าน “ไม่กล้า” จริง


    จึงต้องดู จีน ประกอบ


    ถ้าจีน บอกสำทับ เสียงดังฟังชัด ว่า เราสนับสนุนอิหร่าน

    เราไม่สนใจคำสั่งอเมริกา

    เราตัดสินใจเรื่องของเราเอง และ มีการขยับมากกว่า ขยับปาก


    วันนั้นละครับ …โปรดให้ความสนใจสถานการณ์ โลกกัน จริงจังหน่อย

    และตามดู ปฏิกิริยา ของ เพื่อนอิหร่าน

    ตั้งแต่ รัสเซีย จีน ซีเรีย ตุรกี เยเมน การ์ตา เลบานอน ปากีสถาน

    และเกาหลีเหนือ ที่แม้ จะ อยู่ห่างไกลทางภูมิศาสตร์ กับอิหร่านก็ตาม


    ในส่วนของชาวอียูนั้น


    ระหว่างนี้ อาจจะยังสงวนท่าที

    แต่เมื่อไหร่ ที่อเมริกาสั่งปิดท่อน้ำมันอิหร่าน


    โดยอิหร่าน คัดค้านอย่างรุนแรง และ จีน สนับสนุน

    ตามมาด้วยเพื่อนอิหร่าน ชุดใหญ่


    วันนั้นจะได้ดูใจชาวยุโรป


    ถ้า ชาวยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมัน ย้ายฝั่ง มาอยู่ขั้วใหม่อย่างชัดเจน

    อเมริกา คงสร้างลีลา รีรอ เพราะ นาโต อยู่ในเยอรมัน

    การปะทะตรง จะยังไม่เกิดขึ้นอย่างทันที


    แต่ถ้าเยอรมัน ไม่จดจำบทเรียน จากประวัติศาสตร์ของตัวเอง

    ตัดสินใจ อยู่ใต้ตีนอเมริกาอย่างเดิม

    การปะทะกัน …อาจมีเริ่มขึ้น ทั้งในตะวันออกกลาง และยุโรปเหนือ

    เพื่อล้อมกรอบรัสเซีย และ ให้ ฉีกกับ จีน

    เพราะอเมริกา คงเห็นว่าตัวเองได้เปรียบแล้ว


    ตอน 6/3


    เหตุการณ์ ที่น่าติดตาม รายการที่ สอง คือ Brexit


    ผมว่า Brexit อาจจะเป็นหมากโหด ที่อเมริกา หลอกให้อังกฤษเล่น

    โดย ทำให้อังกฤษ เข้าใจว่า ร่วมรู้แผนกับอเมริกา ว่า อิหร่านดีลจะล้ม

    และ อิหร่านดีล จะเป็นตัวเริ่ม กระแทกให้ขั้วอำนาจใหม่สั่นสะเทือน

    โดยการสั่นสะเทือนนั้น น่าจะรุนแรง กระทบอียูหนัก

    โดยเฉพาะเยอรมัน…

    ซึ่งน่าจะสมใจอังกฤษ

    อังกฤษ จึงควรออกจากอียูเสียก่อน


    แต่ตอนนี้ อังกฤษ และ อเมริกา คงเห็นแล้วว่า

    ความเป็นเอกภาพของอียู ไม่ได้อยู่ในความควบคุม ของ อเมริกา

    อย่างสิ้นเชิง เช่นเมื่อก่อน

    (แปลว่าอียู โดยเฉพาะ เยอรมัน อาจย้ายขั้ว

    หรือ อาจ ใช้ เกียร์ว่าง รอเป็นตาอยู่ ระหว่างสงคราม ของ 2 ขั้ว

    และ อังกฤษ ไม่ได้ถูกนับรวม เข้าเป็นพวกอียู)


    ดังนั้น อังกฤษ จึงกำลังอยู่ในสถานะลำบาก

    เลยต้องเล่นบทเจรจา วางเงื่อนไข ที่ทำให้ Brexit เกิดขึ้นยาก

    (แปลว่า อังกฤษไม่อยากออกจากอียู อยากไปร่วมเป็นตาอยู่)


    คำถามที่น่าคิด คือ ตกลงอังกฤษ ถูกหลอก ให้ Brexit

    หรือ อังกฤษ ยอมเล่น ละคร Brexit ลวง โลก

    เหมือนเมื่อ สมัยก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 จะจบ


    หลอดเชอร์ชิล เล่นละคร หลอกให้ สหภาพโซเวียต สู้ กับ เยอรมัน

    จนเลือดสาด พังพินาศไปทั้ง 2 ประเทศ และ อังกฤษ ก็เละไปด้วย

    เพราะ เชอร์ชิล คิดว่า มันเป็นหนทางเดียว (ในตอนนั้น)

    ที่จะ โค่น ทั้ง เยอรมัน และ สหภาพโซเวียต

    ซึ่งอังกฤษ นับว่า เป็นศัตรูคู่แข่ง หมายเลข 1และ 2 ของตัว

    มากว่า 100 ปี ให้สิ้นซาก “ตลอดกาล”

    โดยรู้กันกับอเมริกา ว่า หลังจากนั้น อเมริกา จะขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่ง

    และจะต้อง “อุ้ม” อังกฤษ เป็นการตอบแทน


    ถ้า ผลออกมา ว่า อังกฤษ “ไม่” Brexit ตามคำขอถอนตัว

    เพราะการเจรจาล่ม หรือเพราะ เหตุการณ์ใด ที่อังกฤษ

    จะสร้างขึ้นมา เช่น ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ลากไปเรื่อยๆ…

    เพื่อให้ อังกฤษ “ยังอยู่” ในอียูต่อไป


    แปลว่า หมากโหดของอเมริกา ถูกอังกฤษดัดหลัง


    ละคร Brexit คงเป็นการเอาคืนอเมริกา ของอังกฤษ


    และ อังกฤษ แสบ และ เก๋า สมตำแหน่งอดีตนักล่า

    หมายเลขหนึ่งจริง แม้เขี้ยวจะโยก จนหมดปาก

    แต่ ก็ยังพยายามเอาตัวรอดได้ …


    และถ้าเกิดกรณีเช่นนั้นจริง …แปลว่าอเมริกาถูกโดดเดี่ยวของจริง

    และ อวสาน ของนักขายของ ที่ใช้ยูเอนเป็นตลาดนัด

    คงใกล้จะมาถึง…


    แต่กรณีดังกล่าวนั้น คงเกิดขึ้นยาก วงพนัน อาจรับแบบ 1 ต่อ 10

    เพราะเป็นที่เชื่อกันว่า พวกแองโกลแซกซอน

    (พวกใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ)

    คงไม่แตกคอกันง่ายๆ เพราะ พวกเขามีความคิดว่า

    มีแต่พวกเขาเท่านั้น ที่เป็นพวก “สูงส่ง”

    และ เหมาะสมกับ ตำแหน่งผู้ครองโลก

    จึงต้องจับมือ กันครองโลก ต่อไป


    ตอน 6/4


    ผมเอา เรื่องราว ที่น่าจับตามอง มาเรียงให้ดู

    ผมคงเล่าหมดไม่ไหว เพราะ รถที่ติดอยู่ที่สี่แยกนี้ แยะเหลือเกิน

    นิทานเรื่องนี้ ผม ไม่ได้ พูดถึงรัสเซียเท่าไหร่

    แต่ เล่าถึงไว้ในเรื่องก่อนๆ แยะแล้ว

    และท่านผู้อ่านส่วนใหญ่ ก็คงเข้าใจถึง ศักยภาพ ของรัสเซีย

    และความใจถึง ของคุณพี่ปูติน ว่า ต่างกับที่อเมริกาวาดภาพลวงโลก

    เอาไว้อย่างไร


    เที่ยวนี้ ขอสรุปคร่าวๆ อีกที ว่า เหตุการณ์ สำคัญ

    ที่ทำให้ แผนของอเมริกา ที่จะคงความเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียว

    ตลอดกาล เกือบล้มเหลว และ ต้องปรับแผนใหม่หลายเรื่อง

    และอัตราการเปลี่ยนแปลงของอำนาจในโลก เปลี่ยนเร็วขึ้นมาก

    เพราะมี เหตุการณ์ ต่อไปนี้ เกิดขึ้น


    - การที่จีน สร้างเครือข่าย ทางรถไฟ เชื่อมต่อกับ รัสเซีย ยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมัน

    ในปี ค.ศ. 2012


    - กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย ตามคำขอของรัฐบาลซีเรียใน ปี ค.ศ. 2015


    - พรรคพวก ของขั้ว รัสเซีย จีน ชนิดหมัดหนัก ทยอย เข้าผนึกกำลัง

    รวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือ จาก อิหร่าน ซีเรีย เยเมน เลบานอน แล้ว

    เมื่อ ตุรกี และ ปากีสถาน ซึ่งเคยเป็นกำลังสำคัญมาก ของขั้วอเมริกา

    ทยอยย้ายฝั่ง มา อยู่ อีกฟาก ในช่วง ปี ค.ศ. 2015


    - เกาหลีเหนือ ทดลอง การยิงจรวดวิถีไกล ข้ามทวีป ระยะถึงอเมริกา

    สำเร็จ ในปี ค.ศ. 2016 และ ทดลองยิงจรวดวิถีไกล ติดหัวอาวุธนิวเคลียร์

    ระยะไกลถึงอเมริกา สำเร็จในปี ค.ศ. 2017


    รายการ ตุรกี ปากีสถาน นั้น คงทำให้อเมริกา กระอักจนบอกไม่ถูก

    เพราะเป็น มือสำคัญของอเมริกา อเมริกามีฐานทัพใหญ่ใน 2 ประเทศนี้

    หลายฐาน และ อเมริกา ประเคนอาวุธ ให้ 2 ประเทศ นี้อย่างจัดเต็ม


    แต่ที่ทำให้เกมเปลี่ยน และการเดินหมากของอเมริกา

    หลุดกระเด็นจากกระดาน ไปอย่างเห็นชัด

    คือ รายการของน้องรักของผมครับ …เกาหลีเหนือ…

    ที่ท่านกร่างใหญ่ ต้องลบคำว่า Rocketman ออกจากการทวิตของตัว

    และ เปลี่ยนเป็น Chairman Kim แทน

    (รายการนี้ สะใจผมที่สุด)


    ขณะที่ ขั้วรัสเซีย จีน ได้หมัดหนักมาเสริม


    ขั้วอเมริกา พวกที่เป็นหมัดหนัก แม้จะยังอยู่กับอเมริกา

    แต่ตอนนี้ก็เสียงแผ่ว ไปแยะ

    เช่น ญี่ปุ่น ก็ดูเหมือนจะแบกถาด ชนิดเบาลง

    ส่วนเกาหลีใต้ ก็อาจจะมองเห็นสัจธรรม ตามสุภาษิต

    ที่ว่า เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ชัดขึ้นทุกวัน


    เพื่อน อียู เป็นอย่างไร พอเห็นกันแล้ว ว่าไม่ผูกพันกันแน่นอย่างเมื่อก่อน

    ยุโรปตะวันออก หลายประเทศ ถ้าไม่ใช้เกียร์ว่าง ก็ รับลูก รับจ๊อบ ด้วยปาก


    แต่อเมริกายัง มีลูกกระเป๋งตัวสำคัญเหลืออยู่ …ขอให้จับตาดูไอ้อิส นะครับ

    ว่า จะเล่นเกมอะไร ต่อไป

    แต่ไม่ว่าจะเล่นอะไร เขาว่ามีคนรอจองกฐินมึง แยะเชียว


    แล้วแถวบ้านเราล่ะครับ เป็นยังไง

    พม่า เขมร ชัดเจน ว่าอยู่กับ จีน

    ลาวยัง ครึ่งๆ

    อเมริกา คว้า เอา มาเลเซียไปอุ้มชู คู่ กับ สิงคโปร์

    ดูต่อไปนะครับ ว่า อเมริกาจะยังเหลือใคร ในแถวนี้

    เหลือสมันน้อย เจ้าเก่า หรือเปล่าหนอ…เฮ้อ เหนื่อยใจ…


    สวัสดีครับ คนเล่านิทาน

    10 ต.ค. 2561


    หมายเหตุ: อาจมีตอนแถมครับ ขอเวลาสัก 2,3 วัน

    เขียนไม่ทัน เครื่องโดนป่วนรวนเละ เข้ามาตอบความเห็น ยากมากครับ


    เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย

    ภาพประกอบจากกูเกิล


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ครม.ไฟเขียวร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์

    .../ ต้องขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง "หากฝ่าฝืน! องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอำนาจปรับไม่เกิน 25,000 บาท"

    http://www.thailocalmeet.com/index.php/topic,66604.0.html


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ธนาคารกลางรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียมีตัวเลขเกินดุลการค้าพุ่งขึ้น 69.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.363 แสนล้านดอลลาร์


    การเกินดุลการค้าดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการปรับตัวดีขึ้นของระดับราคาสินค้าในต่างประเทศสำหรับการส่งออกของรัสเซีย ขณะที่การนำเข้าได้ชะลอตัวลง


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เกิดอะไรขึ้นกับทัวร์จีน? 5 เหตุการณ์ที่กระทบทัวร์จีนในไทย

    .

    Golden week ปีนี้ไม่เหมือนเดิม? หลายวันมานี้ มีข่าวว่า ความคึกคักของนักท่องเที่ยวจีนในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต และเชียงใหม่นั้นดูเหมือนจะซบเซาลงไปจากปกติ กลายเป็นคำถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นนะ?

    .

    เอาเข้าจริง ทัวร์จีนนั้นค่อนข้างสำคัญกับประเทศไทยเราไม่น้อย โดยเฉพาะในแง่ธุรกิจการท่องเที่ยว เพราะช่วยสร้างเงินหมุนเวียนในประเทศไทยเรามาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ในปีที่ผ่านมานี้ก็มีข่าวที่สร้างความสะเทือนใจเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ

    .

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง เกิดจากเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ทำให้คนจีนรู้สึกหลากหลายต่อการมาเที่ยวเมืองไทย

    .

    ทั้งนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรี วีระศักดิ์ จะเห็นได้ว่า เรื่องใหญ่ๆ ที่กระทบความรู้สึกนักท่องเที่ยวจีนนั้น จะมีอยู่ 5 เรื่องหลักๆ ได้แก่

    .

    1) เหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่ม เมื่อเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 47 ราย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา ขณะเดียวกัน ภารกิจกู้เรือฟีนิกซ์ก็ยังไม่สำเร็จลุล่วง

    .

    2) จากเหตุการณ์นี้ ความไม่พอใจยังขยายวงกว้างในหมู่ชาวเน็ตจีน หลังจากที่รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นเกี่ยวกับทัวร์ศูนย์เหรียญ เรื่องบานปลายจนไปถึงขั้นที่ พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

    .

    3) อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกชาวจีนไม่น้อย คือกระแสข่าวที่ถูกแชร์กันในโซเชียลมีเดียจีน โดยรายงานพิเศษของ BBC Thai ระบุถึงข้อความที่กำลังถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียจีนอย่าง Weibo หนึ่งในตัวอย่างของกระทู้ที่เกิดขึ้นคือ "มาไทยระวังยุงกัด เป็นไข้เลือดออก ตายแล้ว 69 คน”

    .

    ขณะที่ผู้จัดการออนไลน์ รายงานถึงคำพูดของรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ว่า “เรื่องไข้เลือดออกระบาดที่ทางการไทยประกาศเตือน แล้วสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนนำมารายงาน ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทประกันภัยของจีนไม่ยอมรับคุ้มครองการเดินทางมาไทย”

    .

    4) เมื่อเร็วๆ นี้หลายคนน่าจะเห็นข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบิน ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่กระทบความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนอีกครั้ง เรื่องนี้ดูจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยหนักใจพอสมควร ถึงขั้นที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกมาแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก

    .

    5) นอกจากนั้น ยังประเด็นข่าวในจีนเรื่อง การเก็บค่าทิป 300 บาท หรือที่เรียกว่า ‘ค่าเสี่ยวเฟ่’ ซึ่งเก็บแต่กับจีนชาติเดียวในการขอ Visa on Arrival หรือวีซ่าที่ช่องทางพิเศษของ ตม.

    .

    อย่างไรก็ดี ยังมีการวิเคราะห์ว่า ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อทัวร์จีน (ซึ่งไม่เฉพาะในไทย) เช่น สภาพเศรษฐกิจในจีน ปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่กระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวของไทย รวมถึง เทรนด์การท่องเที่ยวของคนจีนที่ดูเหมือนจะหันไปในประเทศที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก็กระทบการมาเที่ยวไทยไม่มากก็น้อย

    .

    ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ หลายๆ ฝ่ายจึงเริ่มกังวลว่า มันจะถูกสะสม กลายเป็นผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนในระยะยาว จึงมีข้อเสนอจากทั้ง สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)

    .

    หนึ่งในข้อเสนอที่เกิดขึ้น คือการให้ ดับเบิล เอ็นทรี วีซ่า (Double Entry Visa) ที่ทำวีซ่าเพียงครั้งเดียว สามารถเข้าประเทศได้สองครั้ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เพิ่มความสะดวก และสร้างความมั่นใจให้กับท่องเที่ยวจีนมากยิ่งขึ้น

    .

    หลังจากนี้ จึงน่าติดตามกันต่อไปว่า มาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะส่งผลอย่างไรบ้าง และสถานการณ์การท่องเที่ยวของทัวร์จีน โดยที่มีจุดมุ่งหมายมายังไทยนั้นจะดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหนบ้าง?

    .

    .

    อ้างอิงจาก


    https://www.bbc.com/thai/thailand-45769385


    https://www.thairath.co.th/content/1385733


    http://gmm25.com/news/detail/1201


    https://mgronline.com/daily/detail/9610000099472


    https://voicetv.co.th/read/HkxLJyRtX


    http://www.thansettakij.com/content/326807


    https://www.thebangkokinsight.com/48337/


    #quickbite #tourism #TheMATTER


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Oct 10) ดาวโจนส์ไหลไม่หยุด ล่าสุดวูบกว่า 300 จุด บอนด์ยีลด์กดดันตลาด หวั่นเฟดเร่งขึ้นดบ. หลังเงินเฟ้อพุ่ง: ดัชนีดาวโจนส์ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 300 จุด โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


    ณ เวลา 22.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,072.24 จุด ลดลง 358.33 จุด หรือ 1.36%


    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, อุตสาหกรรม และพลังงานดิ่งลงนำตลาด โดยหุ้นอินเทลร่วงลงมากกว่า 2% ขณะที่ไมโครซอฟท์ทรุดตัวลงมากกว่า 3%

    ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงทะยานขึ้นในวันนี้ หลังจากชะลอตัววานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (PPI) ที่พุ่งขึ้นในวันนี้


    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีทำสถิติแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีสูงสุดในรอบ 7 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีสูงสุดในรอบ 8 ปี


    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังการเปิดเผยอัตราการว่างงานในสหรัฐต่ำสุดในรอบ 49 ปี ขณะที่มีการขยายตัวของค่าจ้างแรงงาน ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


    เมื่อเดือนที่แล้ว เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธ.ค. และปรับขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี 2563


    ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน


    กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ พุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.


    เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.ย. เช่นเดียวกับในเดือนส.ค.

    ส่วนดัชนี PPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน โดยสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.


    การปรับตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวลง

    เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.8%

    นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2%


    ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ


    หุ้นกลุ่มธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการในปลายสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนสหรัฐจะมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 19% ในไตรมาส 3 หลังจากพุ่งขึ้น 25% ในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้


    Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    https://www.cnbc.com/2018/10/10/us-markets-bond-yields-and-data-in-focus.html
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เจนจิรา จันทรเสนา


    สึนามิที่อินโดนีเชียครั้งนี้ มีปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นกัน ที่เรียกว่า " liquefaction " คือแผ่นดินไหวทำให้ผิวดินกลายเป็นของเหลวและเป็นแม่น้ำในที่สุด


    ภาพ: รอยเตอร์ (ภาพเรือเกยตื้น)


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Oct 11) เซียร์สห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่สหรัฐใกล้ล้ม ลือว่อนเตรียมขอพิทักษ์ทรัพย์สัปดาห์นี้: แหล่งข่าวระบุว่า บริษัทเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐ และเป็นเจ้าของห้างเซียร์ส และเคมาร์ท ได้เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย หลังจากที่ได้ดำเนินธุรกิจมานาน 125 ปี


    ข่าวการล้มละลายมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เซียร์สได้ประกาศปิดสาขาจำนวนหลายร้อยแห่งในสหรัฐ หลังประสบปัญหายอดขายดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง


    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียร์สได้ติดต่อขอเงินกู้จากสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อให้บริษัทยังคงมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินกิจการในช่วงที่ทางบริษัทประสบภาวะล้มละลาย


    ราคาหุ้นเซียร์สดิ่งลง 32% เหลือเพียง 40 เซนต์ในวันนี้ หลังมีรายงานดังกล่าว


    อย่างไรก็ดี นายเอ็ดดี แลมเพิร์ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซียร์ส อาจใช้ความพยายามในการกอบกู้กิจการของบริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ของเซียร์สด้วยเงินจากกองทุนอีเอสแอล อินเวสเมนท์ของเขา


    ทางด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เซียร์สได้ว่าจ้างบริษัท M-III Partners เพื่อให้เข้ามาจัดเตรียมกระบวนการยื่นล้มละลายที่อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Oct 10) จีนปล่อย'เงินหยวน'อ่อนตัวลง ตลาดหุ้นเอเชียต่ำสุดรอบ17เดือน - ธนาคารกลางจีนปล่อยค่าเงินหยวนอ่อนลงใกล้ 7.000 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาเมื่อวานนี้ ช่วยหนุนตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยแต่การเคลื่อนไหวนี้สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินอื่น ๆ ในตลาดเกิดใหม่ และทำให้หุ้นในเอเชียต่ำสุดในรอบ 17 เดือน



    ธนาคารกลางจีนกำหนดค่าเงินหยวนไว้ที่ 6.9019 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยฝ่าอุปสรรคที่ระดับ 6.900 และใกล้จะลงไปถึง 7.0 ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา จึงทำให้นักเก็งกำไรหนุนให้ดอลลาร์แข็งขึ้นไปถึง 6.9120 หยวนต่อดอลลาร์



    นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า เนื่องจากแรงส่งเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอและมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ การอ่อนตัวของเงินหยวนจึงเป็นการเปิดวาล์วอย่างชัดเจน และมีความเป็นไปได้ที่เงินหยวนจะอ่อนลงไปถึง 7.0 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายปี



    เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐฯ ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินหยวนเมื่อเร็ว ๆ นี้และกำลังจับตาพัฒนาการเงินหยวนอย่างใกล้ชิด



    ความเห็นนี้มีขึ้นในขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กำลังเตรียมทำรายงานครึ่งปีเกี่ยวกับการปั่นค่าเงินโดยจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า



    ลู่ กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงเมื่อวันอังคารว่า ความเห็นจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินหยวน ไม่มีเหตุผลและไม่รับผิดชอบ จีนจะไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ



    มอริซ ออบสเฟลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสามารถของจีนที่จะปกป้องเงินหยวนแม้ว่าเงินหยวนได้อ่อนตัวลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการฟื้นฟูการเติบโตกับการสร้างเสถียรภาพทางการเงิน



    หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ตลาดการเงินได้ย้ำมากเกินไปต่อการเคลื่อนไหวในระยะสั้นของเงินหยวน และกล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เงินหยวนมักฟื้นตัวจากความผันผวนได้อย่างรวดเร็ว



    เงินหยวนได้เจอแรงเทขายอย่างรุนแรงในปีนี้ โดยอ่อนตัวลงกว่า 8% ในช่วงเดือนมีนาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดกังวลสูงสุด แม้ว่าหลังจากนั้นมาเงินหยวนได้ลดการอ่อนค่าลงเมื่อทางการจีนได้เข้าไปหนุน



    การอ่อนตัวลงของเงินหยวนควรจะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออก จึงช่วยให้หุ้นบลูชิพในเซี่ยงไฮ้ปรับตัวขึ้น 0.17% เมื่อวานนี้ หลังจากที่ปรับตัวลง 4.3% ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อวันมากสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2559



    อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นเอเชียแปซิฟิกเอ็มเอสซีไอก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากวันจันทร์มากนักหลังจากที่ปิดในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคก็ยังปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่



    มาซาฟูมิ ยามาโมโตะ หัวหน้านักกลยุทธ์เงินของมิซูโฮ ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า ผลตอบแทนสหรัฐฯ กำลังสูงขึ้น ในขณะที่ทางการจีนกำลังพยายามลดผลตอบแทนจีน ซึ่งมักทำให้เกิดสถานการณ์ที่ดอลลาร์แกร่งขึ้นและเงินหยวนอ่อนลง หากมาตรการกระตุ้นของทางการจีนเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจะช่วยหนุนเงินหยวน แต่ในขณะนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น


    Surce: ข่าวหุ้น


    เพิ่มเติม

    - U.S. Treasury still concerned about yuan depreciation: official: https://www.reuters.com/article/us-...bout-yuan-depreciation-official-idUSKCN1MI1TM
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_3771.JPG
    (Oct 10) หวั่นศึกจีน-สหรัฐลาม จ่อเฟส 2 สงครามค่าเงิน: หลังจากที่รอดพ้นจากการถูกขึ้นบัญชีดำประเทศปั่นค่าเงินมาแล้ว 3 ครั้ง นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อต้นปี 2017 ล่าสุด "จีน" กำลังต้องมาลุ้นอีกครั้งว่าจะติดโผดังกล่าวหรือไม่ เมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐกำลังจะเปิดเผยรายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้ารายใหญ่กับสหรัฐในสัปดาห์หน้า

    ที่ผ่านมา ทรัมป์ขู่จะขึ้นบัญชีดำประเทศปั่นค่าเงินกับจีนมาตลอดตั้งแต่ช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยซ้ำ แต่จนแล้วจนรอดจีนก็ไม่เคยถูกลงดาบสักครั้ง และที่จริงแล้วตลอด 24 ปีมานี้ สหรัฐก็ไม่เคยขึ้นบัญชีดำกับใครเลยแม้แต่รายเดียว นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ลงโทษจีนไปเมื่อปี 1994

    ทว่าในครั้งนี้ทุกฝ่ายต้องลุ้นระทึกกันอีกครั้ง เมื่อสหรัฐส่งสัญญาณเตือนมาเป็นระลอกๆ ว่า กังวลกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน ที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงหนักในระยะหลังมานี้ อีกทั้งสถานการณ์ที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีกในปีนี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีระหว่างกันไปแล้วถึงแสนล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม

    การจะถูกขึ้นบัญชีดำนั้นต้องเข้าข่ายครบเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ คือ 1.มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากกว่า 3% 2.เกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นจำนวนมาก หรือเกิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์/ปี และ 3.แทรกแซงค่าเงินฝ่ายเดียวเกินกว่า 2% ของจีดีพี

    ที่จริงแล้วสถานการณ์ของหลายประเทศที่เคยสุ่มเสี่ยง ทั้งที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเฝ้าจับตามอง (Monitoring List) เพราะเข้าเงื่อน 2 ใน 3 ข้อ และทั้งที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ เริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 แล้ว เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมาก ทำให้ค่าเงินของประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่อ่อนค่าลงโดยปริยาย โดยที่ธนาคารกลางไม่จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงค่าเงินกันอย่างหนักหน่วงเหมือนเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีของ จีนนั้นกลับต่างออกไป และยังสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าจงใจอ่อนค่าเงินหยวน ได้อยู่

    จากข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนของรอยเตอร์ส ระบุว่า ตลอดทั้งปี 2018 ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าไปแล้วประมาณ 5.89% หรืออ่อนค่าลงมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย (ไม่รวมประเทศที่เผชิญวิกฤตค่าเงิน) และหากนับเฉพาะ 6 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอ่อนค่าไปแล้วกว่า 9% เมื่อเทียบกับ

    ดอลลาร์ แต่การอ่อนค่าลงของหยวนนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยจากดอลลาร์เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นเพราะจีนยัง ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี ควบคู่ไปด้วย

    ศึกพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นเริ่มส่งสัญญาณไม่ดีมาตั้งแต่ต้นปี กับภาษีเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์ และทวีความคุกรุ่นมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น ส่งผลให้ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ประกาศลดอัตราส่วนการกันสำรองความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในเดือน เม.ย. และตามมาอีกในเดือน มิ.ย. กับ ต.ค. ซึ่งหากรวมกับที่มีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. (ผลต่อเนื่องจากที่ประกาศไว้ในปีที่แล้ว) ก็จะเท่ากับว่าจีนลด RRR ไปถึง 4 ครั้งแล้วในปีนี้

    นอกจากลดการกันสำรองของแบงก์พาณิชย์แล้ว แบงก์ชาติจีนเองก็ยังอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบผ่านกลไกกู้ยืมระยะสั้นและระยะกลางมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้งด้วย ส่งผลให้มีซัพพลายเงินหยวนปริมาณมากถูกอัดเข้าระบบในแต่ละครั้ง และกดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงไปอีกโดยปริยายด้วย

    กรณีครั้งล่าสุดก็คือเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพีบีโอซีลด RRR อีก 1% ส่งผลให้มีสภาพคล่องเพิ่มโดยอัตโนมัติ 7.5 แสนล้านหยวน และพีบีโอซียังอัดฉีดเพิ่มอีก 4.5 แสนล้านหยวน ผ่านกลไกกู้ยืมระยะกลาง (MLF) ส่งผลให้มีการเพิ่มสภาพคล่องในระบบรวมกันประมาณ 1.2 ล้าน ล้านหยวน

    และเมื่อยิ่งรวมกับความกังวลว่าจีนจะต้องกระตุ้นเพิ่ม/อ่อนค่าเงินเพิ่ม เพื่อรับมือกับสงครามการค้า ก็ยิ่งทำให้มีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดบอนด์เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะผ่านตลาดฮ่องกง จนกดดันค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงถึง 0.78% มาอยู่ที่ 6.926 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 8 ต.ค. โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือน ที่หยวนร่วงต่ำกว่า 6.9 หยวน/ดอลลาร์

    จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีสัญญาณเตือนมาจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังสหรัฐ ระหว่างร่วมการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ที่บาหลีในสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐยังคงกังวลกับสถานการณ์ค่าเงิน

    หยวนที่อ่อนค่าลงเมื่อเร็วๆ นี้ โดยกลัวว่าจีนจะยิ่งห่างไกลออกไปจากนโยบายระบบตลาดเสรี และหันไปใช้กลไกนอกตลาดแทน ซึ่งสหรัฐเองจะยังคงเฝ้าจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

    นอกจากเรื่องค่าเงินแล้ว ในอีกฟากเรื่องปริมาณการค้านั้นยังพบด้วยว่า ปัญหาการเกินดุลการค้าของจีนยังขยายวงมากขึ้น แม้ทั้งสองฝ่ายจะตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้ว 1 แสนล้านดอลลาร์ก็ตาม โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ จีนเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น เป็นเกือบ 15%

    สถานการณ์เช่นนี้จึงอาจยิ่งกระตุ้นให้สหรัฐอาจหันมาขึ้นบัญชีดำกับจีนได้ โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งกลางเทอมกำลังใกล้เข้ามาในเดือนหน้า และสหรัฐอาจมองว่าเป็นการถือไพ่เหนือกว่า เพราะการขึ้นบัญชีดำปั่นค่าเงินนั้นไม่จำเป็นต้องเริ่มดำเนินบทลงโทษทางการค้าตามมาทันที แต่ยังมีเวลาให้เจรจาต่อรองกันได้ถึง 12 เดือน แม้ว่าที่สุดแล้ว การขึ้นบัญชีดำอาจยิ่งฉุดให้สถานการณ์เลวร้ายลง และอาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากันตึงเครียดมากกว่า เดิมก็ตาม

    โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ

    Source: Posttoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2018
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Oct 10) จีนดันส่งออกสู้ศึกค้า : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจีนปรับขึ้นอัตราคืนภาษีส่งออก รับมือสงครามการค้าสหรัฐ ไอเอ็มเอฟไม่ห่วงหยวนอ่อนค่า


    จีนปรับขึ้นอัตราการคืนภาษีส่งออก รับศึกการค้ากับสหรัฐ ด้านไอเอ็มเอฟไม่กังวลเงินหยวนอ่อนค่า



    สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจีนมีมติปรับขึ้นอัตราการคืนภาษีส่งออก เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อเพิ่มการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศและลดภาระค่าใช้จ่ายในการส่งออกสินค้าของภาคธุรกิจ ท่ามกลางศึกการค้ากับสหรัฐ หลังปรับขึ้นอัตราการคืนภาษีส่งออกสินค้า 397 รายการ รวมถึงเหล็ก และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา



    ทั้งนี้ การเพิ่มอัตราคืนภาษีส่งออกจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ สินค้าที่ได้รับการคืนภาษี 13-15% ในปัจจุบันจะปรับขึ้นเป็น 16% สินค้าที่มีอัตราคืนภาษี 9% จะเพิ่มขึ้นเป็น 10-13% และกลุ่มสินค้าที่ขอคืนภาษีได้ 5% จะเพิ่มเป็น 6-10% โดยการปรับขึ้นอัตราการคืนภาษีส่งออกรอบใหม่จะไม่มีผลกับสินค้าที่ใช้พลังงานในการผลิตสูงและสินค้าที่ก่อมลภาวะ



    ซินหัวยังระบุว่า นอกจากนี้จีนยังจะปรับให้กระบวนการขอคืนภาษีทำได้สะดวกขึ้น โดยเตรียมลดระยะเวลากระบวนการดังกล่าวให้เหลือ 10 วันทำการจาก 13 วัน ซึ่งเอกชนที่มีประวัติดีจะได้สิทธิขอคืนภาษีได้รวดเร็วกว่า ขณะที่จะเพิ่มการขอคืนภาษีโดยไม่ต้องใช้เอกสาร เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงธุรกิจภาคบริการดำเนินการดังกล่าวได้ง่ายขึ้น



    ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ปรับค่ากลางเงินหยวนลงไป อยู่ที่ 6.9019 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 17 เดือนวานนี้ โดย มอริส ออบสเฟลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ยังไม่รู้สึกวิตกเรื่องการอ่อนค่าของเงินหยวน เนื่องจากมองว่าจีนมีความสามารถในการดูแลค่าเงิน



    ด้านบลูมเบิร์ก รายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังกดดันให้ สตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุให้จีนเป็นชาติที่เจตนาปั่นค่าเงิน ในรายงานประเมินประเทศบิดเบือนค่าเงินรอบครึ่งปี ซึ่งมีกำหนดออกใน วันที่ 15 ต.ค.นี้ หลังเงินหยวนอ่อนค่าแล้ว 9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สหรัฐสงสัยว่าจีนจงใจกดค่าเงินสู้สงครามการค้า


    Source: Posttoday


    - China to raise export tax rebates from November 1 :

    //economictimes.indiatimes.com/articleshow/66121122.cms?utm_source=contentofinterest&utm_medium=text&utm_campaign=cppst
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_3772.JPG
    (Oct 10) เศรษฐกิจจีน'วูบ ส่งออกปีหน้าอ่วม : สงครามการค้าสหรัฐฯ จีน กระทบเศรษฐกิจโลก ไอเอ็มเอฟปรับลดตัวเลขประมาณการการขยายตัวจาก 3.9% เหลือ 3.7% เอกชนคาดปีหน้าส่งออกไทยไป 2 ตลาดใหญ่วูบแน่

    ก่อนการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ไอเอ็มเอฟได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 โดยมีการปรับตัวเลขลดลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 3.9% เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ลดลงสู่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็น การปรับลดตัวเลขประมาณการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 เป็นต้นมา ปัจจัยหลักๆมาจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลกตามลำดับ และแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างบราซิลและตุรกี

    การประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟร่วมกับธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ในปีนี้ มีประเด็นการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน เป็นประเด็นหลัก โดยไอเอ็มเอฟตั้งสมมติฐานว่า หากสงครามการค้ายังยืดเยื้อต่อไปจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวลดลงมากกว่า 0.8% ใน 2 ปีข้างหน้า หรือในปี 2563 และจะอยู่ต่ำกว่าความคาดหมายราว 0.4% ในระยะยาว และจีนจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่าสหรัฐฯ โดยไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า กรณีเลวร้ายสุดจากสงครามการค้าจะทำให้การขยายตัวของจีดีพีจีนลดลงมากกว่า 1.6% ในปี 2562 และจะโตเพียง 6.2% ลดจากเดิมที่คาดไว้ 6.4% ส่วนจีดีพีสหรัฐฯคาดว่าจะขยายตัวลดลง 0.9%

    สอดคล้องกับการคาดหมายของธนาคารโลกที่ว่าผลของสงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ขยายตัวในอัตราลดลงจาก 6.5% ในปีนี้ เหลือเพียง 6.2% "เศรษฐกิจของจีนยังคงเติบโตในระดับปานกลางเนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจ" รายงานของธนาคารโลกระบุ

    เมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารกลางของจีนได้ประกาศลดวงเงินสำรองเงินสดของธนาคารพาณิชย์ลงเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้ และจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีกระแสเงินสดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกราว 1.2 ล้านล้านหยวน หรือราว 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นความพยายามกระตุ้นการเติบ โตของเศรษฐกิจจีนอีกทางหนึ่ง

    ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าความพยายามใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินยังน้อยไปและช้าไปสำหรับการประคองเศรษฐกิจไม่ให้ตกสู่ภาวะชะลอตัวรุนแรง โดยเฉพาะในบริบทที่ถูกสหรัฐฯกดดันทางการค้าอย่างหนักในเวลานี้ อีกสัญญาณเตือนคือการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินหยวน แม้จะส่งผลให้สินค้าจีนแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้นในตลาดโลก แต่ก็ทำให้สินทรัพย์ของจีนมีมูลค่าลดลงและไม่น่าสนใจในสายตานักลงทุน สะท้อนจากช่วงเปิดตลาดหลังวันหยุดยาว 1 สัปดาห์ปรากฏว่า ดัชนี CSI300 ของจีนดำดิ่งลง 3% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ดิ่งลง 2.4%

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเปิดตลาดหลังเทศกาลวันหยุดจีนต้องพบกับภาวะตลาดหุ้นที่ดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี ในวันจันทร์ที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นที่ซื้อขายกันในสกุลเงินหยวนคิดเป็นมูลค่ารวม 9,700 ล้านหยวนผ่านทางตลาดในฮ่องกง หุ้นของบริษัทยอดนิยมของจีน เช่น ผิงอัน อินชัวรันซ์ เกวยโจว เมาไถ่ และหังโจว ฮิควิชั่น ดิจิตอล เทคโนโลยี ที่เคยทำราคาพุ่งอย่างน้อย 97% ในปีที่ผ่านมา กลับเป็นหุ้นที่ถูกเทขายมากที่สุดโดยเทรดเดอร์ต่างชาติเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่ค่าเงินหยวนลดลง 0.9% สู่ระดับ 6.9315 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

    นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า การส่งออกไทยในปี 2562 น่าห่วง เพราะจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังยืดเยื้อ จะกระทบกับเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีรายได้หลักจากการส่งออกจะขยายตัวลดลง และจะลดการนำเข้าวัตถุดิบจากไทย รวมถึงการบริโภคในจีนจะชะลอตัวลง ส่วนการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯในปีหน้า จะเผชิญกับมาตรการปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐฯมากขึ้น โดยจะมีการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น

    "ในปี 2562 แนวโน้มการส่งออกไทยจะขยายตัวลดลงจากปีนี้แน่นอน เพราะ 2 ตลาดใหญ่คือสหรัฐฯและจีนที่คิดเป็นสัดส่วนส่งออกของไทยรวมกันประมาณ 24% ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจะขยายตัวลดลงโดยเฉพาะจีนซึ่งการส่งออกไทยปีหน้าอาจถึงขั้นติดลบก็เป็นได้"

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ข่าวต่างประเทศ


    ดร. มหาเธร์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียบอกประชาชนให้เตรียมพร้อมรัยภาษีที่จะต้องเพิ่มขึ้น เพราะหนี้กับต่างประเทศที่มากมายมหาศาล


    นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า หนี้ต่างประเทศทำให้มาเลเซียจากเสือแห่งเอเชียกลายเป็นแมวน้อยไปแล้ว


    World of Buzz รายงานจากการปราศัยกับนายธนาคารและผู้จัดการกองทุน 9ตุลาคม ที่ผ่านมา


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Watchers


    #Earthquake

    วันที่ 10 ตุลาคม 2561

    เวลา 17:28 น. ตามเวลาประเทศไทย


    แผ่นดินไหว ประเทศ #พม่า

    พิกัด(18.88,95.66)

    ขนาด 4.8 (EMSC แจ้งว่าขนาด5.1)

    ความลึก 13 กม.


    ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 240 กม.


    [TMD] (link: http://dlvr.it/QmtW93)

    [EMSC] (link: https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=717359)

    Via: #Watchers


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Watchers


    #สภาพอากาศ

    10/10/18

    เวลา 17:30 น.

    พายุโซนร้อน "ติ๊ดลี" Titli तितली (ผีเสื้อ) ในอ่าวเบงกอล ทวีกำลังเป็นพายุไซโคลน เส้นทางมุ่งไปขึ้นฝั่งรัฐโอริสสาของอินเดีย

    เครดิต: mrvob

    Via: #Watchers


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Watchers

    IMG_3773.JPG
    #Volcano

    // ภูเขาไฟ Salak ปะทุอินโดนีเซีย. //

    10/10/18

    เวลา12:05 UTC

    ข้อมูลการอัปเดตกิจกรรมของภูเขาไฟ Salak (West Java, Indonesia): การระเบิดของเถ้าขนาดใหญ่สูงถึง 15 กม. (50,000 ฟุต)


    Cr BY: MJFLEGEND


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Watchers

    IMG_3774.JPG
    #สภาพอากาศโลก

    10/10/18

    22:30 น.

    #Hurricane #Michael ความเร็วลมรุนแรงสุด เพิ่มขึ้นเป็น 150 ไมล์ต่อชั่วโมง

    ทวีกำลังเป็นพายุเฮอร์ริเคนระดับ 4

    เครดิต : weather channel

    #Watchers


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Watchers



    #สภาพอากาศ

    10/10/18

    เฮอริเคนระดับ 4 #ไมเคิล นี่คือ eyewall/eye mesovortices -การหมุน ที่มีจุดหมุน5จุด (wavenumber 5) ถ้าดูจากดาวเทียมการหมุนจะคล้ายดอกจัน (*)

    #SIGHOFTHEENDTIME

    #Watchers
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ


    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน หลังจากเกิดน้ำท่วมฉับพลันที่ มายอร์ก้า, สเปน ฝนตกหนัก เพียงใน 2 ชั่วโมง, สเปน

    09/10/18

    ภาพความเสียหาย ..

    ปริมาณน้ำฝนสะสม 230 mom (9นิ้ว) ฝนตกรุนแรงในรอบ25ปี

    ฝนตก ที่มายอร์ก้า หมู่เกาะแบลีแอริก สเปน เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหนักที่สุดแห่งหนึ่งที่เกาะ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คนและอีก 6 ยังหายสาบสูญ ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ

    สื่อท้องถิ่นอธิบายเหตุการณ์น้ำท่วมคลายคำทำนายพระคัมภีร์


    http://ibalears.com/en/blog/mallorca-en/climate-and-temperatures-in-mallorca/


    https://elpais.com/elpais/2018/10/10/inenglish/1539155787_191507.html


    ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในเดือนตุลาคมของมายอร์ก้าประมาณ 44.3 มิลลิเมตร (1.7 นิ้ว) ปริมาณฝนตกประจำปีจะแตกต่างกันไปทั่วเกาะตั้งแต่ 350 มม. (13.7 นิ้ว) ทางตอนใต้ไปจนถึง 1,500 มม. (59 นิ้ว) ในพื้นที่สูงในเทือกเขา Serra de Tramuntana

    อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ของเกาะได้รับระหว่าง 450 มม. และ 650 มม. (17 - 25 นิ้ว) ของมรสุมในช่วงปี


    ค่าเฉลี่ยปริมาณฝนตกสะสม 233 มิลลิเมตร (9.17 นิ้ว) ในColònia de Sant Pere [ใกล้กับ Sant Lorenç] ในมายอร์ก้าซึ่งบันทึกไว้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ไม่เคยมีบันทึกสูงถึงในรอบพัน ปีของบริการพยากรณ์อากาศแห่งชาติสเปนของ AEMET กล่าวในรายงานเบื้องต้น .


    Featured image: Massive flash flooding in Mallorca, Spain on October 9, 2018.


    Credit: Miguel Puigros Baldowski / The Storm Europe,europapress, Ruptly

    Via: #Watchers


     

แชร์หน้านี้

Loading...