ติดตามสถานะการณ์

Jeerachart Jongsomchai


... “ฮังการี : เพิ่มทองคำในคลังสำรองแบบก้าวกระโดด 10 เท่า”


... เป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในวงการเงินของ “ฮังการี” โดย Hungarian National Bank, (Magyar Nemzeti Bank ) ธนาคารกลางของประเทศ ได้ออกมาประกาศเป็นทางการที่จะเพิ่มจำนวนทองคำในประเทศแบบพุ่งปรี้ด 10 เท่าตัวในเวลาแค่สองสัปดาห์ จากข่าวของ Zero Hedge เมื่อ 16 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา


... ก่อนเดือนตุลาคม ธนาคารกลางฮังการี่ถือครองทองคำแค่ 3.10 ตัน, แต่เพียงแค่สองสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม พวกเขากลับกว้านซื้อทองคำเข้าคลังแบบถล่มทลายด้วยจำนวน 28.4 ตัน กลายเป็น 31.5 ตัน หรือเพิ่ม 1,000% หรือ 10 เท่าตัว ( จาก 3.1 เป็น 31.5 ตัน ) หรือคิดเป็นค่าเงินปัจจุบัน ประมาณ 1.24 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งถือเป็นการซื้อทองคำเข้าแบบทองคำจริง หรือ Physical Gold ไม่ใช่ “ทองคำกระดาษ” ในตลาดทั่วไป


... และด้วยจำนวนเพิ่มนี้ พวกเขากลับมามีทองคำมากเท่าที่เคยมีเมื่อปี 1946 หรือ 70 ปี ที่แล้ว รวมทั้งมีการเริ่มทวงคืนของทองคำที่ฝากไว้กับจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน


... โดยเป็นการเคลื่อนไหวทางการเพิ่มทองคำครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะครั้งสุดท้ายที่มีการเคลื่อนไหวคือ ในปี 1986 หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว โดยธนาคารกลางฮังการี่บอกว่าเป็นนโยบายล่าสุดทางเศรษฐศาสตร์ของประเทศ เพื่อเพิ่มความมีเสถียรภาพทางการเงิน เพิ่มความเข้มแข็งของตลาดฮังการี่ และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างฝั่งตะวันตกและตะวันออก ( จีน รัสเซีย ตุรกี ทำสงครามการค้ากับอีกฝ่ายที่นำโดย อเมริกา นาโต้ ยุโรปตะวันตก ) และเป็นกระแสนิยมของประเทศอื่นๆทั่วโลกเช่นกัน


... ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนทองคำในคลังทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศด้วย โดยเพิ่มเป็นร้อยละ 4.4 ที่ถือว่าเป็นระดับเฉลี่ยของประเทศในเอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ที่ไม่นิยมเก็บเงินยูโร


... ทางการ “ฮังการี่” บอกว่าตัวเลขที่เพิ่มมา 31.5 ตัน นั้นเท่าๆกับตัวเลขจำนวน “ทองคำรถไฟ” ในสมัย “สงครามโลกครั้งที่2” ปี 1945 ที่ “นาซีเยอรมัน” ได้ปล้นเอาทองคำจากฮังการี่ ทั้งของธนาคารกลางและของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ “คนยิวฮังการี่” แล้วขนส่งทางรถไฟกลับไปที่เยอรมัน เพื่อเอาเป็นการสกัดเงินเฟ้อของเงินมาร์คและเอาไว้ซื้อและพัฒนาอาวุธยุโธปกรณ์ในระหว่างนั้น แต่สุดท้าย “ฝรั่งเศสและอเมริกา” ได้สกัดรถไฟสายนี้ได้ที่ “ออสเตรีย” และได้คืนบางส่วนไป แต่สิ่งที่คืนกลับไปฮังการี่ ไม่ค่อยมีมูลค่ามากเท่าไหร่


... ในสมัย “สงครามโลกครั้งที่ 2” นาซีเยอรมัน เริ่มเข้ามายึดฮังการี่เมื่อ 7 มีนาคม 1944 และด้วยความร่วมมือของ Ferenc Szálasi ผู้นำเผด็จการฟาสซิสต์ฮังกาเรี่ยน ที่ร่วมกับนาซีในการปล้นทองคำประเทศและยังบังคับให้คนยิวในฮังการี่ประมาณ 800,000 คนส่งมอบของมีค่าทั้งอัญมณี แหวนแต่งงาน นาฬิกา เพชร ภาพเขียน 200 ภาพ พรมเปอร์เซีย เครื่องเงิน เครื่องเซรามิคจีน เฟอร์นิเตอร์ เสื้อผ้าหรู กล้องถ่ายรูป และเครื่องประดับทองคำทั้งหมด โดยจากการประเมินขององค์กรยิวและรัฐบาลฮังการี่ คิดราคารวมเป็นมูลค่าประมาณ 350 ล้านดอลล่าร์ในปี 1945 หรือเป็น 4,000 ล้านดอลล่าร์ในปี 2007 ให้นาซีเยอรมันไป โดยยัดใส่กระเป๋ากล่องแล้วขนส่งระบุเจ้าของทองคำชัดเจน ทางรถไฟไปเยอรมัน และส่วนใหญ่ของคนยิวฮังการี่ก็ถูกส่งไปที่ค่ายกักกัน ทรมานที่ Auschwitz-Birkenau, ในโปแลนด์ และในเวลาต่อมาส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตในนั้น แต่ในภายหลังก็ยากที่จะระบุว่าทองคำ ทรัมย์สินเป็นของใครบ้าง


... ในปลายปี 1944 รัฐบาล “โซเวียตรัสเซีย” ได้ส่งกำลังเข้ายึดบูดาเปสต์ของฮังการี่ เพื่อขับไล่นาซี ทำให้รัฐบาลหุ่นเชิดของนาซีต้องวางแผนเตรียมการส่งทองคำของฮังการี่หนีกลับไปที่เยอรมัน โดยการใช้ตู้รถไฟ 42 ตู้


... ระหว่างทางขนส่งทองคำจาก ฮังการี่ไปออสเตรียนั้นมีการหยุดถ่ายทองคำลงรถบรรทุกหลายครั้ง และจนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าทองคำที่ถ่ายลงรถบรรทุกนั้นไปจบในที่แห่งใด


... แต่สุดท้ายในปี 1945 เดือนพฤษภาคม ทางทหารฝ่ายพันธมิตรโดยฝรั่งเศสและตามด้วยอเมริกาได้สกัดรถไฟสายนี้ได้ที่ใกล้เมือง Werfen ในออสเตรีย ในภายหลังชาวฮังการี่พยายามจะทำเรื่องกับ “อเมริกา” ในการขอทองคำคืน แต่ก็ไม่ได้คืบหน้ามากนัก


... ฮังการี่ เป็นสมาชิกของอียู ดังนั้น ธนาคารกลางของฮังการี่จึงเป็นสมาชิกของระบบธนาคารกลางของยุโรปด้วย European System of Central Banks (ESCB) ด้วย แต่เพราะว่าฮังการี่ไม่ได้อยู่ในสมาชิกของ “ยูโรโซน” ไม่มีการใช้เงินยูโรในการค้าขาย จึงไม่มีการเก็บเงินยูโรในคลังสำรอง และไม่ได้เป็นสมาชิกของอีซีบี หรือ European Central Bank (ECB) อีกด้วย ที่สำคัญเมื่อเดือนกันยายน ปี 2018 นี้เอง ที่ฮังการี่ถูกสภายุโรป โจมตีอย่างหนัก และตามมาด้วยการซื้อทองคำอย่างเป็นประวัติศาสตร์ ( เหมือนเป็นการเอาคืนและประชดยุโรป )


... การที่ “ทองคำสำรอง” ของ “ฮังการี่เพิ่มมาเป็น 31.5 ตัน นั้น ทำให้ระดับของการเก็บทองคำของฮังการี่ ได้เปลี่ยนจากประเทศที่สะสมทองคำน้อยมาเป็นระดับกลางทั้งในแง่ของจำนวนทองคำและสัดส่วนของทองคำกับการเก็บเงินกระดาษในคลังทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ


... นอกจาก “ฮังการี่” แล้ว ในเดือนกันยายน 2018 ที่ผ่านมา “โปแลนด์” เองก็ได้เร่งการสะสมทองคำในคลังประเทศมากขึ้นอีก จาก 103 ตัน ในเดือนมิถุนายน เป็น 112.3 ตัน ในเดือนกันยายน 2018 ที่นับเป็นประเทศแรกในอียูที่เพิ่มการสะสมทองคำมากขึ้นมากนับตั้งแต่ปี 1998 ในจำนวนประมาณ 9.3 ตันในเวลาแค่ สามเดือน โดยโปแลนด์บอกว่า เพื่อเพิ่มความหลากหลายของทุนสำรอง และเป็นการลดพึ่งพาอิทธิพลเงินดอลล่าร์ของ “อเมริกา” ให้น้อยลง , ซึ่งตอนนี้หลายชาติในยุโรปก็เพิ่มทองคำในธนาคารกลางทั้งนั้น ตั้งแต่ โปแลนด์ ออสเตรีย เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และล่าสุด ฮังการี่


... ในปี 2018 นี้ ยังไม่ครบปีดี แต่มี “การเสนอซื้อทองคำ” จากธนาคารกลางของชาติทั่วโลกแล้ว แล้ว 264 ตัน และจาก 226 ตันจากทั้งหมดนั้น มาจากแค่ 3 ประเทศ คือ “รัสเซีย ตุรกี และ คาซัคสถาน” โดยโปแลนด์นั้นทางการไม่ได้บอก แต่นักวิเคราะห์บอกว่า น่าจะมาจากความไม่เสถียรของเงินดอลล่าร์และพันธบัตรอเมริกา


.

... In one of the most profound developments in the central bank gold market for a long time, the ขาย, Hungary's central bank, has just announced a 10 fold jump in its monetary gold holdings. The central bank, known as Magyar Nemzeti Bank (MNB) in Hungarian, made the announcement in Budapest, Hungary's capital.

The details of Hungary's dramatic new gold purchase are as follows:


• Before this month, Hungary's central bank held 3.10 tonnes of gold.

• During the first two weeks of October, the Hungarian National Bank purchased 28.4 tonnes of gold.

• This gold purchase raised the central bank's gold holdings from 3.1 tonnes to 31.5 tonnes, i.e. a 1000% or 10-fold increase.

• The Hungarian central bank had not altered its gold reserves since 1986, i.e. 32 years ago.

• The 28.4 tonnes of gold was purchased in 'physical form', and 'its repatriation has already taken place' to Hungary.

• Interestingly, Hungary now holds the same amount of gold as it held 70 years ago.

• The Hungarian Gold Train was the German-operated train during World War II that carried stolen valuables, mostly Hungarian Jewish persons' property, from Hungary towards Berlin in 1945. After American forces seized the train in Austria, almost none of the valuables were returned to Hungary, their rightful owners, or their surviving family members

In Austria, the train was eventually seized by Allied troops, first by the French Army and then finally by the United States Army near the town of Werfen in May, 1945.

The United States government kept most of the details of the Hungarian Gold Train secret from the public until 1998, when US President Bill Clinton created the Presidential Advisory Commission on Holocaust Assets in the United States. A report prepared by the committee, published in October 1999, detailed the handling of the train's assets by the United States and cited a multitude of "shortcomings" of the US restitution efforts in Austria that eventually led to the property from the Hungarian Gold Train being so readily dispersed by United States officials. It concluded that the application of several policies regarding many assets on the train ensured that they were never returned to their rightful owners


https://www.zerohedge.com/news/2018...nk-stuns-announces-10-fold-jump-gold-reserves

https://en.wikipedia.org/wiki/Hungarian_Gold_Train

https://polandinenglish.info/39236032/poland-makes-first-gold-purchase-in-20-years

 

China Xinhua News


จีนวอนตัดเงิน-อาวุธที่ส่งให้ผู้ก่อการร้ายในซีเรีย


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (17 ต.ค.) นายหม่าจาวซวี่ ทูตจีนประจำสหประชาชาติ เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกันตัดห่วงโซ่อุปทานของเงินทุนและอาวุธที่ส่งให้แก่ผู้ก่อการร้ายในประเทศซีเรีย


ณ การประชุมที่ว่าด้วยซีเรีย ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตัวแทนของประเทศจีนได้กล่าวว่ากระบวนการทางการเมืองในประเทศซีเรียกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี อีกทั้งบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับเสถียรภาพของสถานการณ์ในพื้นที่ลดระดับความรุนแรง อิดลิบ ที่ได้รับการลงนามโดยประเทศตุรกีและ รัสเซีย ก็กำลังเป็นไปอย่างราบรื่น


เขายังกล่าวอีกว่ายังมีปัญหาบางอย่างที่รอขัดขวางกระบวนการทางการเมืองในซีเรีย นั่นคือกลุ่มก่อการร้ายที่ยังคงคุกคามความปลอดภัยและความมั่นคงของซีเรีย ทั้งยังขัดขวางไม่ให้เกิดการฟื้นฟูพื้นที่และการกลับมาของผู้ลี้ภัยของบรรดาผู้ลี้ภัยอีกด้วย


จากสถานการณ์ดังกล่าว ทูตจีนจึงได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประสานงานกันเพื่อตัดห่วงโซ่อุปทานเงินทุนและอาวุธที่ส่งให้ผู้ก่อการร้าย และหาทางป้องกันไม่ให้พวกเขากลับมาได้อีก เพื่อให้ภารกิจต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรียสำเร็จได้อย่างแท้จริง


นายหม่ากล่าวว่า การเจรจาต่อรองทางการเมืองคือทางออกเดียวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเด็นในซีเรีย พร้อมเสริมว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการรัฐธรรมนูญขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในซีเรีย


นายหม่ายังเรียกร้องให้เกิดการประชุมสันติภาพเจนีวาขึ้นอีกครั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการหารือและให้คำปรึกษาอย่างเต็มรูปแบบระหว่างทุกฝ่ายในประเทศซีเรีย

 

Prachachat - ประชาชาติ


เผยแล้ว! “สามี-ภรรยา” เสียสละที่นั่งให้นักบิน ที่แท้อดีตรองปลัดอุตฯ ระบุ เรื่องดังกล่าวตนและภรรยาเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน ทั้งที่ทำการจองตั๋วและจ่ายค่าโดยสารในราคาสูงตามปกติ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษใดๆ แต่กลับได้รับการปฏิบัติแบบนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าการกระทำแบบนี้เท่ากับเจ้าหน้าที่เองที่ทำลายองค์กร

 

Prachachat - ประชาชาติ


“เศรษฐกิจจีน” ไตรมาส3 ดิ่งฮวบ อยู่ที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ หลังเผชิญความท้าทายศก.-สงครามการค้า

 

Matichon Academy - มติชนอคาเดมี


#เปิดตำรับความอร่อยแบบไทยๆ

.

เวลามีใบยอทีไร เป็นต้องนึกถึงเมนูนี้ทุกที #ห่อหมกปลาช่อนใบยอ เครื่องปรุงมีไม่มาก ขั้นตอนทำก็ไม่ยากเกิน เสร็จแล้วกินกับข้าวสวยร้อนๆ อู้หูวววว ดีงามพระรามแปดฝุดๆ อ่ะจ้าาา

.

#มตินอคาเดมี #ชวนเข้าครัว #เปิดสูตร

 

The Public Post


ด่วน!! “ฆ่าปิดปาก” นายทหารซาอุฯ หนึ่งในทีมสังหาร “คาช็อกกี” | เดอะพับลิกโพสต์

https://www.publicpostonline.net/18459

 

“ถ้าไม่มีพี่ชายผมคนนี้ ก็ไม่มีวันนี้” คำพูดจากใจ ทักษิณ ชินวัตร ถึง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หรือ บิ๊กจ๊อด เมื่อวันที่ดาวเทียมไทยคมถูกส่งขึ้นสู่ฟ้า (17 ธันวาคม 2536)


https://www.thairath.co.th/content/1380322


นสพ.แนวหน้า


เปิดคำพูด‘บิ๊กแดง’! รัฐประหารไม่ใช่พันธุกรรม ที่จะถ่ายทอดจาก‘พ่อ’สู่‘ลูก’ได้

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน


บล็อกเกอร์เวียดนามชื่อดังอพยพครอบครัวไปสหรัฐฯ หลังปล่อยตัวจากเรือนจำ

.

รอยเตอร์ 18 ต.ค.- บล็อกเกอร์ชาวเวียดนามคนดังที่มีนามปากกาว่า “มี นาม” หรือ “Mother Mushroom” ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในวันพุธ (17) และเดินทางออกจากเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดังกล่าวโดยตรง

.

เหวียน หง็อก ญือ กวีง หนึ่งในผู้เห็นต่างที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวียดนาม ต้องโทษจำคุก 10 ปี จากการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ

.

“มี นาม เดินทางออกจากเวียดนามไปสหรัฐฯ แล้วในวันนี้ เธอเดินทางไปพร้อมกับลูกและแม่ของเธอ” หนึ่งในแหล่งข่าวเผยกับรอยเตอร์

.

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ารู้สึกยินดีกับการตัดสินใจของเวียดนามที่ปล่อยตัวกวีง ซึ่งกวีงและครอบครัวได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเดินทางถึงในบ่ายวันพุธ (18)

.

“ในการพูดคุยก่อนหน้านี้กับกวีงและครอบครัวของเธอได้ย้ำชัดกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าเธอต้องการที่จะมายังสหรัฐฯ หากได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

.

คณะกรรมการคุ้มครองผู้สื่อข่าว (CPJ) อ้างอีเมลจากเพื่อนของครอบครัวกวีงที่ระบุว่า กวีงมีกำหนดเดินทางถึงเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสฯ พร้อมกับลูกและแม่ของเธอ และวางแผนที่จะใช้ชีวิตลี้ภัยในสหรัฐฯ

.

“เรายินดีอย่างยิ่งที่เหวียน หง็อก ญือ กวีง เป็นอิสระในที่สุด แต่ต้องย้ำอย่างหนักแน่นว่าเธอไม่ควรถูกจำคุกตั้งแต่ทีแรก” เจ้าหน้าที่อาวุโสจาก CPJ ระบุ

.

ทั้งนี้ ยังไม่มีความเห็นจากกระทรวงต่างประเทศเวียดนาม

.

ข่าวการปล่อยตัวมีขึ้นไม่นานหลัง จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางออกจากเวียดนาม และยังไม่ทราบว่าการปล่อยตัวมีความเกี่ยวข้องกับการเยือนของเขาหรือไม่ แมตทิสเดินทางถึงเวียดนามเมื่อวันอังคาร (16) และเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ในวันพุธ (17)

.

แม้เวียดนามดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเปิดกว้างรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากขึ้น แต่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามไม่อดทนยินยอมต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการคุกคามต่อการปกครอง

.

กวีง บล็อกเกอร์และนักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในสตรี 13 คน ที่ได้รับรางวัลสตรีผู้กล้าหาญสากลของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อปีก่อน ซึ่งมอบโดยนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง

.

กวีงถูกจับกุมตัวจากการโพสสิ่งที่ตำรวจระบุว่าเป็นรายงานต่อต้านรัฐ รวมทั้งโพสเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพลเรือนที่เสียชีวิตระหว่างการจับกุมคุมขังของตำรวจ

.

อย่างไรก็ตาม กวีงเป็นผู้เห็นต่างรายที่ 2 ที่ได้รับการปล่อยตัวในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้คือทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เหวียน วัน ส่าย ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือน มิ.ย.และเดินทางไปเยอรมนี.

 

ว่าที่นายกรัฐมนตรี

 

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว เอาจริงดิ!!? กองทุนสาธารณะรายใหญ่ 4 แห่งซึ่งถือหุ้นอยู่ในเฟซบุ๊ก #ยื่นข้อเสนอให้ปลดมาร์กซักเคอร์เบิร์กออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร หลังบริษัทเกิดเรื่องอื้อฉาวรุนแรงหลายครั้ง แนะเลือกประธานบริหารอิสระเพื่อพัฒนาการดำเนินงานแบบเดียวกับที่บริษัทอื่นๆ ทำอยู่ ชี้ชัดอาจป้องกันปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ทั้งหมด #แต่ก็อาจทำให้มีปัญหาน้อยลงและราคาหุ้นร่วงลงไม่เยอะเท่าไรอย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทำนองเดียวกันนี้จากผู้ถือหุ้นเคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา #เนื่องจากซักเคอร์เบิร์กเป็นผู้ถือหุ้นข้างมากอยู่ในบริษัททำให้การหาทางออกจากบุคคลภายนอกอื่นๆ ให้ผลได้แค่ในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น

Source : https://www.thebangkokinsight.com/53193/

โดยเรื่องนี้ สื่อใหญ่อย่าง independent รายงานว่า อธิบดีกรมการคลังรัฐอิลลินอยส์ โรดไอส์แลนด์ และเพนซิลเวเนีย รวมถึงนายสกอตต์ สตริงเกอร์ อธิบดีกรมบัญชีกลางนครนิวยอร์ก ซึ่งต่างเป็นผู้รับผิดชอบการคลังของทางการในแต่ละรัฐ ได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอดังกล่าวหลังจากก่อนหน้านี้ได้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวและกองทุนทริลเลียม แอสเซท แมเนจเมนท์ เคยออกมาเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้ไปแล้ว

ทั้งนี้ เซธ เมกาไซเนอร์ อธิบดีกรมการคลังรัฐโรดไอส์แลนด์กล่าวว่า #ข้อเสนอล่าสุดนี้คุ้มค่าที่จะยื่นเสนอ เพราะเป็นทางหนึ่งที่จะดึงความสนใจไปที่ปัญหาและวิธีที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ของเฟซบุ๊ก ทำให้สามารถบีบให้เกิดการพูดคุยได้ในการประชุมประจำปีซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2562

อนึ่ง #เนื้อหาในข้อเรียกร้องยังอ้างถึงเรื่องขัดแย้งต่างๆที่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบริษัท ในฐานะเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่สุดของโลก รวมถึงการแชร์ข้อมูลผู้ใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต การแพร่กระจายข่าวปลอม และการแทรกแซงจากต่างประเทศในการเลือกตั้งสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม #ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาราคาหุ้นเฟซบุ๊กอยู่ในสภาพลุ่มๆดอนๆอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักในปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและการดำเนินงานของบริษัท.

 

The MATTER

RECAP: จากไม่มีที่นั่ง ถึงกลัวไม่มีที่ยืน สรุป#ดราม่าการบินไทย ที่ยังไม่ยอมจบลงง่ายๆ
.
เป็นข่าวที่มีคนพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง กรณีเครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบินที่ TG971 ซูริค-กรุงเทพ ที่มีผู้โดยสารกว่า 300 คน ต้องขึ้นบินล่าช้ากว่า 2 ชั่วโมง เพราะปัญหาการหาที่นั่งชั้น first class ให้กับนักบินที่จะขอโดยสารไปด้วย (deadhead pilot) ไม่ลงตัว จนทำให้นักบินประจำเครื่อง (on duty pilot) ในเวลานั้นไม่ยอมขึ้นบิน สุดท้ายมีผู้โดยสาร 2 คนเสียสละที่นั่งให้ กว่าจะเทกออฟได้
.
ความจริง The MATTER เขียนข่าวสั้นเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่มาวันนี้ เหตุการณ์ได้พัฒนาการไปอีกขั้น เมื่อฝ่ายนักบินได้ออกมาชี้แจงข้อมูลอีกด้าน ที่ยิ่งทำให้คนพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นไปอีกจนเดาไม่ถูกว่าท้ายที่สุดเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แม้ทาง DD การบินไทยจะสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและออกมาขอโทษไปแล้วก็ตาม
.
เกิดอะไรขึ้นกับ #ดราม่าการบินไทย ถ้าอยากรู้เข้ามาอ่านกัน เราจะขอสรุปให้ฟังพอสังเขป ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นสะท้อนปัญหาอะไรใน ‘สายการบินแห่งชาติ’ นี้บ้าง
.
1.) เครื่องบินที่เกิดเหตุ คือเครื่องบิน Boeing 747-400 (HS-TGZ) เที่ยวบิน TG971 จากนครซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ มายังกรุงเทพของไทย โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.แล้ว แต่เพิ่งมาเป็นข่าวในวันที่18 ต.ค. หลังจากเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ นำหนังสือร้องเรียนของผู้โดยสาร 2 คน ที่ต้องสละที่นั่งชั้น First Class ให้กับนักบิน 2 คนที่ขอติดเครื่องกลับไทยด้วยได้นั่ง หลังจากที่ผู้โดยสารรายอื่นๆ ไม่ยอม จนทำให้เที่ยวบินล่าช้าจากเดิมต้องขึ้นบินในเวลา 13.30 น. มาเป็นเวลา 15.59 น. มาเผยแพร่
.
2.) หลังจากเราเสนอข่าวไปทีแรก ก็มีผู้เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่า deadhead pilot ไม่ได้แค่ขอติดเครื่องนี้กลับบ้านเฉยๆ แต่เป็นนักบินที่ขอขึ้นเครื่องนี้กลับไทยเพื่อไปขึ้นบินอีกไฟลต์หนึ่ง ซึ่งตามกฎการบินสากลจำเป็นจะต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
.
3.) ในจดหมายเวียนภายในของการบินไทยเอง ระบุว่า เดิมเที่ยวบิน TG971 จะต้องใช้เครื่องบิน Boeing 777-300ER แต่ภายหลังก็เปลี่ยนมาเป็น Boeing 747-400 โดยที่นั่งในชั้น first class ทั้ง 9 ที่นั่งถูกจองมาล่วงหน้าแล้ว เมื่อมี deadhead pilot ขอขึ้นเครื่องด้วย พนักงานภาคพื้นดินก็จัดให้นั่งในชั้น business class แต่นักบินประจำเครื่องไม่ยินยอม เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ผู้โดยสารบางคน (ที่นั่งตำแหน่ง 1K, 2K) จึงยอมสละที่นั่งให้ เพื่อจะได้ขึ้นบินได้

โดยจดหมายเวียนดังกล่าว ได้เสนอวิธีแก้ปัญหา ไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต ทั้งให้จำกัดการจอง first class แถวหลังสุด หรือให้จองมาเลยล่วงหน้า
.
4.) ปัญหาดังกล่าวควรจะจบลง เมื่อสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ DD ของการบินไทย ออกมาขออภัยต่อทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานที่ “ไม่เป็นมืออาชีพ” แต่ฟากนักบินที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์กลับไม่ยอม
.
5.) สนอง มิ่งเจริญ นักบินคนหนึ่งของการบินไทย ในฐานะนายกสมาคมนักบินไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sanong Mingcharoen ในทำนองว่า “ถ้าเราถอยมากๆ วันหนึ่งเราจะไม่มีที่ยืน” พร้อมกับบอกว่า นักบินถูกกล่าวหาในด้านเดียวโดยไม่มีโอกาสได้ชี้แจง จนทำให้เขานอนหลับแทบไม่ลง
.
6.) กัปตันสนองบอกว่า เหตุที่นักบินของการบินไทยได้นั่งในชั้น first class เป็น ‘สิทธิ์’ ที่ได้รับตามเงื่อนไขการจ้างงาน แม้ภายหลังจะถูกลดสิทธิ์ให้ไปนั่งในชั้น business class แทน ยกเว้นกรณีที่ชั้น first class มีที่ว่าง ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถหารายได้ได้มากขึ้น
.
7.) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ไม่มีผู้โดยสารชั้น first class (ผู้โดยสารที่ยอมสละที่นั่งให้ ทั้ง 2 คน เดิมจองในชั้น business class แต่ได้อัพเกรดเป็น first class) กลับไม่ถูกจองให้ตามที่สิทธิที่มี ทั้งกลายมาเป็น ‘จำเลยสังคม’ ทั้งนี้ กัปตันสนองจะหารือกับทีมกฎหมาย เพื่อดูว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่ทำให้นักบินการบินไทยเสียชื่อเสียง
.
8.) มีหลายคนมองว่า ความเห็นของกัปตันสนอง โดยเฉพาะท่อนที่บอกว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์อะไรดีขึ้น แตกต่างจากท่าทีของ DD การบินไทยเอง ที่ทั้ง “ขอแสดงความเสียใจ..ขออภัย..ขอโทษ” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับปากว่าจะกำหนดมาตรการไม่ให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำขึ้นมาอีก

บางฝ่ายมองว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นสะท้อนปัญหาการบริหารจัดการภายในของการบินไทยเอง แต่ผู้ที่ต้องมารับกรรมกลับเป็นผู้โดยสาร ส่งผลให้ภาพลักษณ์สายการบินสีม่วงนี้ต้องย่ำแย่ลงไปอีก จากปัญหาเดิมๆ ที่หลายคนชอบบ่น ทั้งเรื่องตั๋วราคาแพง บริการไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ
.
9.) ตอนที่สุเมธเข้ามารับตำแหน่งเดือนก่อน เขาก็ถูกสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ขีดเส้นให้มีผลงานที่ชัดเจนภายใน 3 เดือน ทั้งแผนลดปัญหาการขาดทุน และความชัดเจนเรื่องการจัดซื้อฝูงบินใหม่ “อย่าคิดว่าเป็นสายการบินของรัฐแล้วจะเจ๊งไม่ได้”

โดยสุเมธเองก็ให้สัญญาว่าภายในปี 2563 การบินไทยจะเลิกขาดทุน และในปี 2565 การบินไทยจะกลับมามีกำไร
.
10.) ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ดราม่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร? อะไรคือที่มาของปัญหา? สิทธิของนักบินควรจะมีแค่ไหน และควรบริหารจัดการอย่างไรเพื่อไม่ให้ไปกระทบกับสิทธิของผู้โดยสาร? การบินไทยจะฟื้นภาพลักษณ์จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างไร? และจะยุติการขาดทุนได้จริงหรือไม่?
.
.
อ้างอิงจาก

https://thematter.co/brief/news-1539882114/62838

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000104381?fbclid=IwAR1CHIA67vctDyvdUBNfpSbe6Da-h2nAkRGa1msmpWf6RuNz6SX2MTYIy-o

https://web.facebook.com/ThaiAirways.TH/photos/a.629441047162126/1652336818205872

https://web.facebook.com/photo.php?fbid=1878924898810504&set=a.202484053121272

https://www.flightradar24.com/data/aircraft/hs-tgz

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1709432

https://brandinside.asia/somkid-and-thai-airways/

#Recap #TheMATTER

 

The MATTER

BRIEF: กลางคืนมืดค่ำกับดวงจันทร์ปลอม เมืองเฉิงตู ในจีน เตรียมสร้างดวงจันทร์ประดิษฐ์ ที่ส่องแสงสว่างกว่าของจริงถึง 8 เท่า
.
เวลามืดๆ ดึกๆ ในตอนกลางคืน ถนนบางเส้น ตรอกซอยบางสาย ก็มืด เปลี่ยวๆ มีไฟไม่เพียงพอบ้าง ดูอันตราย จนหลายคนรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย แต่ที่จีน มีรายงานว่าในเมืองเฉิงตู จะสร้างพระจันทร์ปลอมส่องแสงสว่าง ที่มาแทนที่ไฟบนท้องถนนได้
.
บทความในหนังสือพิมพ์ People's Daily รายงานว่า เฉิงตู เมืองหลวงของมนฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนมีแผนที่จะเปิดตัวดาวเทียมให้แสงสว่าง หรือดวงจันทร์ประดิษฐ์ ในปี 2020 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมการส่องแสงของดวงจันทร์จริงในเวลากลางคืน แต่ว่าจะมีความสว่างมากกว่าถึง 8 เท่า
.
โดยแสงระยิบระยับที่เหมือนดวงจันทร์นี้ จะสามารถส่องสว่างในพื้นที่เส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 10-80 กิโลเมตร และระยะของแสงสว่างสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำในหลายสิบเมตร จึงมาแทนที่ไฟบนท้องถนนได้
.
แผนการนี้ ริเริ่มจากการร่วมมือของ Wu Chunfeng ประธานของ บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างเอกชนด้านอวกาศเฉิงตู และศูนย์วิจัยระบบอิเล็กทรอนิคส์ (Casc) ในงานนวัตกรรมมวลชนแห่งชาติที่จัดขึ้นที่เฉิงตู เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่ง Wu กล่าวว่าการทดสอบเริ่มขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และเทคโนโลยีนี้พร้อมเปิดตัวในปี 2020 แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชัดเจนว่าแผนดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากเมืองเฉิงตูหรือรัฐบาลจีนหรือไม่ ถึงแม้ว่า Casc จะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลักสำหรับโครงการอวกาศของประเทศจีน
.
People's Daily ได้ให้เครดิตแนวคิดนี้ว่า มาจากศิลปินชาวฝรั่งเศสที่เคยจินตนาการถึงการแขวนสายคล้ายสร้อยคอที่ทำจากกระจกเหนือพื้นดินโลก ซึ่งอาจสะท้อนแสงแดดผ่านถนนในกรุงปารีสตลอดทั้งปีได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและการบวนการที่ต่างกัน ทั้งยังมีการยืนยันด้วยว่าดวงจันทร์ปลอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของสัตว์ป่าในเวลากลางคืนด้วย
.
.
อ้างอิงจาก
https://www.scmp.com/news/china/science/article/2169051/chinese-city-could-be-lit-artificial-moon-instead-street-lights

https://www.telegraph.co.uk/technology/2018/10/17/china-launch-artificial-moon-orbit-light-city/

#BRIEF #TheMATTER

 

ความแห้งแล้งที่เหลือเชื่อในส่วนของฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม (ทะเลสาบของเบรท, ทะเลสาบอาน, doubs, ที่)












รายงานผ่าน @info meteo

 

Economy by Than

ร่างข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับที่พักอาศัยเพื่อออกมบสำคัญรับรองการตรวจเรือสำหรับเรือประมง พ.ศ. .... เรื่องอัตรากำลังที่เหมาะสมกับการทำประมงตามประเภทเครื่องมือประมง สมาคมประมงฯแย้งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงจี้ปรับแก้ใหม่
ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าติงหลักการของซี 188 จะต้องไม่ให้แรรงานบนเรือทำงานหนักมากเกินไป

 

INSTITUTE OF ISLAMIC STUDIES THAILAND


สถานีโทรทัศน์ "ฟ็อกซ์นิวส์" ประกาศว่าจะไม่เข้าร่วม "การประชุมการลงทุน" ของซาอุดีอาระเบีย เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับพระราชานุญาตให้มี "การสัมภาษณ์โดยไม่มีข้อจำกัด" กับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย...

 

China Xinhua News


รัสเซียเผยกำลังดูฤกษ์นัดประชุม ‘ปูติน-คิม’ หลัง 'ทรัมป์-คิม' ไม่ลงตัวเสียที

.

วันนี้ (19 ต.ค.) สำนักข่าว RIA ของรัสเซียรายงานว่า อิกอร์ มอร์กูลอฟ (Igor Morgulov) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยว่ากำลังหารือกันเรื่องวันและเวลาจัดประชุมระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดีคิมจองอึน

.

การประชุมครั้งนี้จะเป็นการพบปะครั้งแรกระหว่างปูติมและคิมจองอึน

.

ทั้งนี้ แผนการเดินทางเยือนรัสเซียของคิมเปิดเผยครั้งแรกโดยประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีของเขาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพียงหนึ่งวันหลังจากไมค์ ปอมเปโอบินไปเยือนคิมจองอึนที่กรุงเปียงยาง

.

ด้านปอมเปโอระบุหลังพบคิมว่า สหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือตกลงจะจัดประชุมทรัมป์-คิมครั้งที่ 2 โดยเร็วที่สุด และหารือกันในประเด็นว่าด้วยการอนุญาตให้สหรัฐฯ ตรวจสอบการปลดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

.

การเดินทางเยือนรัสเซียของคิมเกิดขึ้นท่ามกลางการงัดข้อระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ต่อประเด็นที่ว่าเมื่อใดสหรัฐฯ จะตอบแทนการยอมยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ด้วยการถอนคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเสียที

.

ทั้งนี้ ประเทศจีน รัสเซีย และเกาหลีใต้ได้เรียกร้องต่อประชาคมโลกให้มีการผ่อนปรนการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพื่อกระตุ้นและให้สนับสนุนการปลดนิวเคลียร์เหนือคาบสมุทรเกาหลี

 

WisdomNews


เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา #พายุงวงช้างถล่มสมุทรสาคร _หอบหลังคาตลาดนัดปลิวข้ามฝั่ง เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาด ร้านค้า ยานพาหนะ พังเสียหายจำนวนมาก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณ ตลาดนัดแครายพลาซ่าตั้งอยู่ ที่หมู่ 4 ตำบลแคราย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร


ข้อมูล : Chutima Watchawong

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(Oct 19) ธ.โลกเตือนปัญหาการค้า ป่วนค่าเงิน ทำประเทศยากจนหนี้พุ่ง : สิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้ คือภาวะการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกากับจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงเหนี่ยวรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว และปัญหาหนี้สินที่กำลังก่อตัวมากขึ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารายได้ต่ำ

นายจิม ยง คิม ประธานธนาคารโลก กล่าวภายหลังการประชุมประจำปีระหว่างธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียว่า ท่ามกลางบริบทดังกล่าวข้างต้น และภาพปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนี้ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่า การค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับประเทศยากจน และหากโลกต้องการขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไป ก็จำเป็นจะต้องสร้างบรรยากาศที่เกื้อหนุนต่อการทำการค้า แต่ภาวะที่เป็นอยู่ก็คือ การเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างประเทศมีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ และประเทศยากจนก็มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในการประชุมประจำปีครั้งนี้ สาระสำคัญที่ธนาคารโลกต้องการนำเสนอให้เห็นก็คือ ทุกประเทศควรจะต้องทำทุกวิถีทางที่จะเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดจากการเผชิญหน้าทางการค้า ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องทำความเข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้างเมื่อเกิดสงครามการค้าและควรจะต้องรับมืออย่างไร

"สิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องทำนั้นชัดเจนมาก นั่นคือต้องจัดสมดุลทางการคลังให้ดี ต้องมีนโยบาย ทางการเงินที่เหมาะสม และนโยบายการเงินนั้นต้องไม่ปั่นค่าเงิน" หัวเรือใหญ่เวิลด์แบงก์กล่าว และยอมรับว่าประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างมาก และถ้าหากประเทศอื่นๆหันมาใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีใส่กันก็จะส่งผลกระทบฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน "นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจถึงผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อประเทศต่างๆ ที่อยู่ในซัพพลายเชนที่ต้องส่งออกสินค้าและบริการมายังประเทศจีน

อีกประเด็นที่เวิลด์แบงก์เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดคือการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ที่กำลังแข็งค่าขึ้น และทำให้ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศที่กำลังแบกหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์ต้องมีภาระหนี้เพิ่มมากขึ้น ยิ่งถ้าประเทศที่มีภาระหนี้สกุลเงินดอลลาร์มากเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ผลกระทบก็จะสร้างแรงสะเทือนไปยังประเทศอื่นๆได้มาก

นอกเหนือจากการแข็งขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว อีกสกุลเงินที่อาจสร้างปัญหาคือ เงินหยวนของจีนที่กำลังอ่อนค่าลงและอาจนำไปสู่ประเด็นเผ็ดร้อนทางการค้ามากยิ่งขึ้น เมื่อฝั่งสหรัฐฯเริ่มมีความกังวลว่า จีนตั้งใจปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนลงอย่างมากหรือไม่ กระทั่งนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ต้องมาออกโรงปรามจีนผ่านสื่อเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เงินหยวนหรือในชื่อทางการว่า เหรินหมินปี้ อ่อนค่าลงมากตลอดช่วงปีนี้ ดังนั้นสหรัฐฯ จึงอยากให้ประเด็นเรื่องค่าเงินถูกรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯด้วย

นับตั้งแต่ต้นปีมากระทั่งถึงวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา เงินหยวนอ่อนค่าลงมาแล้ว 6.5% (เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ) ท่ามกลางแนวโน้มที่ว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัวที่อัตราน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมาขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มแข็งแรงขึ้น นักวิเคราะห์คาดหมายว่า เงินหยวนยังจะอ่อนลงได้อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งน่าจะมีผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นด้วย

ทั้งนี้ สหรัฐฯได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งล่าสุด 10% รวมมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์มีผลตั้ง แต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา (ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯรวมวงเงิน 60,000 ล้านดอล ลาร์ มีผลในเวลาไล่เลี่ยกัน) และขู่ว่าจะขยับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นอีกเป็น 25% ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป



Source: ฐานเศรษฐกิจ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Oct 19) ข้าวหอมไทยพ่ายเขมร : นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ข้าวหอมมะลิไทยเสียแชมป์ข้าวหอมที่ดีที่สุดในโลกให้กับข้าวหอมมะลิกัมพูชา หรือข้าวอังกอร์ ในการประกวดข้าวดีที่สุดในโลกปี 61 (The World Best Rice 2018) ว่า หลายปีที่ผ่านมาข้าวหอมมะลิไทยมีคุณภาพตกต่ำลงพอสมควร โดยเฉพาะด้านความหอม ซึ่งที่ผ่านมาภาคเอกชนได้เสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวไทยใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาความหอมให้กลับคืนมา เพราะในอนาคตข้าวหอมมะลิของทั้ง 2 ประเทศ จะมาแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมมะลิไทย โดยเฉพาะในตลาดจีนที่ข้าวของทั้ง 2 ประเทศมีราคาต่ำกว่าไทยประมาณตันละ 200 เหรียญสหรัฐฯ



ทั้งนี้ ในการประกวดข้าวดีเด่นโลกปี 61 ข้าวอังกอร์ กลายเป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลก รองลงมาคือ ข้าวหอมมะลิจากเวียดนาม และข้าวหอมมะลิไทย เป็นอันดับ 3 อย่างไรก็ตาม ข้าวหอมมะลิไทยเคยได้ครองตำแหน่งแชมป์มาแล้วในปี 52-53 โดยมีเกณฑ์การตัดสิน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านกลิ่น รสชาติ ความเหนียวนุ่ม และรูปร่างลักษณะ โดยใช้วิธีตัดสินด้วยการทดสอบไม่ให้กรรมการทราบว่าเป็นข้าวของประเทศใด หลังจากนั้นไทยเสียแชมป์มาตลอดตั้งแต่ปี 54



นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เผยหลังประชุมชี้แจงแนวทางดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาว่า ในวันที่ 19 ต.ค.นี้ จะเชิญสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ และสมาคมผู้ค้าเมล็ดพันธุ์ และภาคเอกชนเข้าหารือเรื่องกำหนดราคารับซื้อข้าวโพด โดยราคาที่รับซื้อของผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่าราคารับประกันของพาณิชย์ ซึ่งกำหนดไว้ที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)


Source: ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/content/1399452


- Malys Angkor crowned World’s best rice: https://www.khmertimeskh.com/50540271/malys-angkor-crowned-worlds-best-rice/

 

แผ่นดินถล่มและยานพาหนะที่จมอยู่ใต้น้ำใน #Sicily ในอิตาลี 19 ตุลาคม



Landslides and submerged vehicles in #Sicily in the ITALY, October 19.


https://www.inmeteo.net/blog/2018/1...ia-palagonia-ramacca-lentini.-strade-chiuse./