ติดตามสถานะการณ์

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว เกาหลีใต้ประกาศปฏิรูปการศึกษาระดับมัธยมปลาย ดึง 'โรงเรียนอีลีต' (โรงเรียนสำหรับชนชั้นนำ) เข้าสู่ระบบการศึกษาทั่วไปภายใน 5 ปี (พ.ศ. 2568) พร้อมนำระบบหน่วยกิตมาใช้ในระดับ ม.ปลาย มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ระบบการศึกษา โดยจะมีผลกับผู้ที่เรียนชั้นป.4 อยู่ในปัจจุบัน อนึ่ง นอกจากการยกเลิกระบบโรงเรียนอีลีตแล้ว กระทรวงศึกษาธิการ ยังระบุว่า เกาหลีใต้จะปรับระบบการศึกษาระดับชั้นมัธยมตอนปลายทั่วไปใหม่ให้เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคนมากขึ้น ด้วยหลักสูตรที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งศิลปะ ตลอดจนทักษะอาชีพ

โดยเรื่องนี้ ยูอึนเฮ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้ ระบุว่า แต่เดิม-ในระบบการศึกษาระดับมัธยมปลายของเกาหลีใต้นั้น ผู้เรียนไม่สามารถเลือกโรงเรียนเองได้ แต่ใช้ระบบสุ่มเลือกโรงเรียนทั่วไปในพื้นที่ ขณะที่โรงเรียนอีลีตจะใช้การคัดเลือกนักเรียนของตัวเองและรับนักเรียนจากพื้นที่อื่นได้ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่า บรรดาโรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนภาษาต่างประเทศในระดับมัธยมปลาย จะไม่สามารถใช้ระบบคัดเลือกรับนักเรียนจากต่างพื้นที่ได้อีก และต้องสุ่มรับนักเรียนในพื้นที่ตามอย่างโรงเรียนมัธยมปลายทั่วไปทำมา ทว่ายังคงใช้ชื่อโรงเรียนและหลักสูตรตามเดิมได้

** โรงเรียนอีลิตที่ดึงตัวเด็กเรียนดีไปพร้อมเก็บค่าเทอมราคาแพงนั้น ทำให้เกิดการแบ่งชนชั้นของโรงเรียนมัธยมปลายขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมา โรงเรียนอีลีตในเกาหลีใต้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ารับแต่นักเรียนที่มีพื้นเพซึ่งมีอภิสิทธิ์ทางเศรษฐกิจและสังคมมากเกินไป ซึ่งยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยหรือทรงอิทธิพล และยิ่งทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างผู้มาจากครอบครัวที่มีรายได้สูงและรายได้น้อยเพิ่มขึ้น.
--------------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.voicetv.co.th/read/u1MayMjhi?fbclid=IwAR0HNKZfsouTL6mu6nz99k-XxbpPBiF_VP8UBExZbhk9UwuPk2uEexCXC8M

 

Manatat Waiwong Hennessey
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
คำทำนายของ Edgar Cayce ในปี 1932: การเปลี่ยนแปลงของโลกจะชัดเจน
เมื่อ เมื่อมีการแตกหักครั้งแรกของเงื่อนไขบางอย่างในทะเลใต้ (สุมาตรา, แทสมาเนียและโอ๊คแลนด์), พื้นที่ตรงข้ามกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เคซีระบุว่าการจมหรือเพิ่มขึ้นในเมดิเตอร์เรเนียนจะเกิดขึ้นต่อไป (ค.ศ.2005/พ.ศ.2548) หมายเหตุ: วิดีโอมาจากปี 2018 น้ำท่วมจะแย่ลงในปี 2019 https://strangesounds.org/…/venice-flooding-floods-videos-p ......
http://www.zetatalk.com/index/zeta203.htm
http://www.zetatalk.com/index/lou0128.htm
Mediterranean Sea Floor Heaving
Edgar Cayce's prediction in 1932 : Earth Changes will become apparent
when when there is the first breaking up of some conditions in the South Sea (Sumatra, Tasmania and Auckland quakes), an area directly opposite the Mediterranean. Cayce states that sinking or rising in the Mediterranean would occur next (2005). Note: video is from 2018, flood worsen in 2019 https://strangesounds.org/…/venice-flooding-floods-videos-p…
http://www.zetatalk.com/index/zeta203.htm
http://www.zetatalk.com/index/lou0128.htm

 

ป.ป.ช.ฟัน 'ซิโนไทย' ร่วมทุจริตโรงไฟฟ้าขนอม


ป.ป.ช.ฟัน 4 จนท.รัฐ คดีสินบนข้ามชาติโรงไฟฟ้าขนอม โดยด้วย 2 ผู้บริหาร "ซิโน-ไทย" ปมร่วมกระทําความผิด 13 พฤศจิกายน 2562

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสํานักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ 4 ราย กรณีร่วมกันเรียกรับเงินจํานวน 20,000,000 บาท จากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่รับว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ใช้ ท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้า ตลอดจนให้เรือลําเลียงเข้าเทียบท่าเพื่อขนถ่ายชิ้นส่วนของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า โดยไม่ชอบ และชี้มูลความผิด บริษัท ซิโน - ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ อีกสองราย ในนฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสี่รายในการกระทําความผิดดังกล่าว

การไต่สวนคดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะในการ ไต่สวนข้อเท็จจริง และมีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ และนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสํานวน ซึ่งการไต่สวนข้อเท็จจริง มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ จากพยานหลักฐานข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2556 บริษัทค้าร่วม (Consortium) ประกอบด้วย บริษัท สัญชาติญี่ปุ่น และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) ได้รับว่าจ้างให้ดําเนินการ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ที่อําเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้า ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จํากัด (KEGCO) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม EGCO Group ที่เป็นบริษัทเอกชนผู้ทําการผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ต่อมา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เรือลําเลียง 3 ลํา ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเทียบท่าได้ เนื่องจากมีขนาด ใหญ่เกินกว่าท่าเทียบเรือที่จะรองรับได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐ 4 ราย ประกอบด้วย 1) นาวาโท สาธิต ชินวรณ์ ผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครศรีธรรมราช ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ตรวจการขนส่งทางน้ํา งานตรวจเรือ งานทะเบียนเรือและงานคนประจําเรือในเขตพื้นที่รับผิดชอบ

2) นายคณิน เมืองด้วง รองนายกเทศมนตรีตําบลท้องเนียน ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ในการสั่ง หรือปฏิบัติราชการแทน ในด้านงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย งานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ความปลอดภัยของชุมชน รวมถึงการขนส่งทางน้ําหรือทางบกที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเดือดร้อนกับ ประชาชนในเขตเทศบาลตําบลท้องเนียน ดูแลรักษาทางน้ํา รวมทั้งการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม

3) นายอภิชาติ สวัสดิรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตําบลท้องเนียน ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ช่วยเหลือ นายอําเภอในการปฏิบัติหน้าที่และมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้กับประชาชน ในหมู่บ้าน

4) พันตํารวจโท สันติพงษ์ พันธ์สวัสดิ์ สารวัตรสถานีตํารวจน้ํา 4 กองกํากับการ 6 กองบังคับ การตํารวจน้ํา ซึ่งมีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สืบสวนการกระทํา ความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับความผิดทางอาญาในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ติดต่อประสานงานกับองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจํานวน 20,000,000 บาท จากผู้แทนของบริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ จํากัด (Mitsubishi Hitadi Power Systems Ltd : “WMHPS”) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่มาปฏิบัติงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อแลกกับการอนุญาตให้เรือลําเลียงชิ้นส่วนอุปกรณ์ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่นําเข้าจากต่างประเทศสามารถเข้าเทียบท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้าได้ แม้ว่าเรือจะมี ขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะเข้าเทียบท่าเทียบเรือชั่วคราวตามที่ขออนุญาตก่อสร้างไว้ ซึ่งผู้บริหารของบริษัท MHPs ตัดสินใจที่จะจ่ายเงินสินบนจํานวน 20,000,000 บาท เพราะหากการขนส่งชิ้นส่วนเครื่องจักรเกิดการหยุดชะงัก จะทําให้การก่อสร้างไม่ทันกําหนดเวลาการส่งมอบงาน และบริษัท MHS จะต้องเสียค่าปรับตามสัญญาถึงวันละ 40 ล้านเยน (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 11,000,000 บาท)





ทั้งนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัท ซิโน-ไทยฯ และผู้บริหารระดับสูงสองราย ได้แก่ นายภาคภูมิ ศรีชํานิ กรรมการผู้จัดการ และนายราเกส กาเลีย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการส่วนงานปฏิบัติการ ได้ให้ความช่วยเหลือ ในการกระทําความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐในการเรียกรับสินบนจากบริษัทญี่ปุ่น โดยมีการจัดทําสัญญาที่ไม่มี การจ้างงานจริง เพื่อให้บริษัท ซิโน-ไทยฯ จัดเตรียมสินบนเป็นเงินสด 20,000,000 บาท ต่อมา มีการมอบเงินสินบน ให้กับผู้แทนบริษัทญี่ปุ่นที่สํานักงานใหญ่ของบริษัทซิโน-ไทยฯ เพื่อให้ขนเงินไปยังพื้นที่อําเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสี่ราย ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าในช่วงเวลาเดียวกัน เรือลําเลียงก็สามารถเทียบทําและขนถ่ายชิ้นส่วนของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ณ ท่าเทียบเรือชั่วคราวโรงไฟฟ้าขนอมได้ แม้ว่าจะไม่มีการแก้ไขเรื่องการขออนุญาตก่อสร้างท่าเทียบเรือให้ถูกต้องตามระเบียบของกรมเจ้าท่าแต่อย่างใด




คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิด ดังนี้
1. กลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐจํานวน 4 ราย ประกอบด้วย นาวาโท สาธิต ชินวรณ์ นายคณิน เมืองด้วง นายอภิชาติ สวัสดิรัตน์ และพันตํารวจโท สันติพงษ์ พันธ์สวัสดิ์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการ อย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และ สําหรับราย นายคณิน เมืองด้วง รองนายกเทศมนตรีตําบลท้องเนียน มีมูลเป็นความผิดอันเป็นเหตุให้พ้นจาก ตําแหน่งได้ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐ อีก 3 ราย มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2. กลุ่มผู้สนับสนุน ได้แก่ บริษัท ซิโน-ไทยฯ นายภาคภูมิ ศรีน และ นายราเกส กาเลีย มีมูลความผิด ทางอาญา ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือ ผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และ ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86

https://www.bangkokbiznews.com/news...mNijXm8XoxaD0wtO5IauruVBMC7bwPvK1yNUyKCOqjE58

 

Setiawan
Nightmare night มีการรายงานในเวนิส, อิตาลี 12 พฤศจิกายน 2019
น้ำท่วมสูงบุกร้านกาแฟ ร้านค้า และธุรกิจอื่น ๆ เนื่องจากระดับน้ำสูงกว่าสี่ฟุต (1.90 เมตร) และน้ำท่วมเมือง
ประกาศสถานะของภัยพิบัติ

 

Setiawan

น้ำท่วมฉับพลันของแม่น้ำฟูลาใน Bonao, Dominica 12 พฤศจิกายน 2019

น้ำท่วมเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจกับหลายคนกำลังเพลิดเพลินกับในพื้นที่

 

สหรัฐฯอ่วม เผชิญหิมะตกหลายรัฐ ดับแล้ว 4 ราย
13 พ.ย. 2562

หลายรัฐในสหรัฐอเมริกา เกิดหิมะปกคลุมหลายพื้นที่ อุณหภูมิติดลบ ทำลายสถิติในหลายรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย รวมถึงเด็กวัย 8 ขวบ เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

สหรัฐฯอ่วม หลังเจอสภาพอากาศที่เลวร้าย หลังมวลอากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือ แผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดหิมะตกหนักและกลายเป็นน้ำแข็งในหลายพื้นที่ อุณหภูมิลดฮวบต่ำสุดทำลายสถิติในหลายรัฐ รวมถึงรัฐแคนซัสและอิลลินอยส์ มีผู้เสียชีวิต 4 คน รวมถึงเด็กหญิงอายุ 8 ปี เสียชีวิตในรัฐแคนซัสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังถูกชนโดยรถบรรทุกที่ลื่นเสียหลักเนื่องจากทางหลวงกลายเป็นน้ำแข็ง ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 3 คนอยู่ในรัฐมิชิแกน เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จากสภาพถนนที่ลื่นหลังเกิดหิมะตกหนัก

ส่วนเมื่อวานนี้ มีเที่ยวบินถูกยกเลิกไปแล้วกว่า 1,000 เที่ยว เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ส่วนโรงเรียนปิดเรียนและธุรกิจปิดทำการในหลายพื้นที่ หลายเมืองในรัฐแคนซัส มีอุณหภูมิลดฮวบต่ำสุด ทำลายสถิติเดิมของวันเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยเมืองการ์เด้นซิตี้ มีอุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส หรือเท่ากับลบ 1 องศาฟาเรนไฮต์ ทำลายสถิติเดิมของวันเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ 7 องศาฟาเรนไฮต์

นครชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ อุณหภูมิลดฮวบไปอยู่ที่ 7 องศาฟาเรนไฮต์ ทำลายสถิติเดิมที่ 8 องศาฟาเรนต์ไฮต์ และยังต่ำสุดในรอบ 33 ปี ขณะที่ในรัฐเท็กซัส ซึ่งแทบไม่เคยเกิดหิมะตกเลยกลับเกิดหิมะตกในเมืองบราวนสวิลล์ เมืองชายแดนของสหรัฐฯ ใกล้กับพรมแดนเม็กซิโก

ด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอ็นเอสดับเบิลยู เตือนว่า สภาพอากาศหนาวจัด มวลอากาศเย็นจะยังคงแผ่ปกคลุมบริเวณที่ราบและชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯต่อไป ซึ่งปกติหิมะจะตกราวกลางเดือนมกราคม แทนที่จะเป็นกลางเดือนพฤศจิกายนอย่างในขณะนี้











https://www.nationtv.tv/main/conten...atETwdF67dWuS_rspeHVa8XHAqTc--O04vLRg658vhB8A

 

น้ำท่วมเมืองเวนิส อิตาลี สูงในรอบ50ปี
โบสถ์สำคัญ มรดกโลกที่ท่องเที่ยวเสี่ยงเสียหายมาก
จนรัฐบาลเขาประกาศภาวะฉุกเฉิน
ซึ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศโลก
Cr ภาพข่าว

 

มีผู้ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายมากมายใน #kwazulu-natal ในแอฟริกาใต้, พฤศจิกายน 12.

https://m.news24.com/SouthAfrica/Ne...at-least-2-lives-20-reported-injured-20191113

 

ระเบิดอาร์กติกโหดๆส่งผลต่อ 200 ล้านคนทั่วสหรัฐอเมริกาและยังไม่จบ

มันคือ 13 องศาในทางตอนใต้มิชิแกน แค่วันที่ 13 พฤศจิกายนเท่านั้น เรามีหิมะประมาณ 5-7 นิ้วเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

 

ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องใน #Montemarciano Marina ใน ITALY วันที่ 13 พฤศจิกายน Via Meteo Gabbia Ancona

 

โยกฝากประจำ 5 ล้านล้าน หนีดอกเบี้ยขาลง

จับตาเงินฝากประจำ 5 ล้านล้านบาททยอยครบดีลช่วง 1-1.5 ปี วิ่งซบตราสารทางเลือกแทนเงินฝาก เหตุดอกเบี้ยต่ำ หวั่นวัยเกษียณSearch for Yield เหตุต้องรักษาระดับรายได้ ออมสินลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำต้นปีหน้า พร้อมแนะลูกค้าโยกฝากระยะยาว ล็อกผลตอบแทนก่อนดอกเบี้ยลด

มติ 5 ต่อ 2 เสียงของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.5% ต่อปีเหลือ 1.25% ต่อปี ซึ่่งเป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 10 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ปี2552 หลังเกิดวิกฤติซัพไพรม์ในสหรัฐอเมริกา และยังเป็นการลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ของปีจึงค่อนข้างชัดเจนว่า แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกขณะนี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นขาลง ซึ่งจะส่งผลดีและผลเสียต่อสินทรัพย์การลงทุนที่แตกต่างกัน

การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ของกนง.เริ่มมีประสิทธิผล โดยจะเห็นว่า ธนาคารพาณิชย์ประกาศลดดอกเบี้ยเงิินกู้ลงทันที 0.25% ซึ่งนอกจากจะลดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) แล้วยังมีการลดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อีกด้วยหลังจากการลดดอกเบี้ยในรอบแรกๆจะเห็นเพียงการลดดอกเบี้ย MRR เท่านั้น แต่ที่สำคัญรอบนี้เริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยเงินฝากอีกด้วย โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.25% ธนาคารกสิกรไทย ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สำหรับลูกค้านิติบุคคลลง0.07%-0.25% ขณะที่ธนาคารออมสิน เองประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.125% โดยจะให้มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2563 ทำให้ตลาดประเมินกันว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve) มีแนวโน้มปรับลดลงตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะผู้มีเงินฝากประจำจะได้รับผลกระทบในระยะข้างหน้า



ชาติชาย พยุหนาวีชัย

ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มองว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้อีก ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจไทยแย่ลงมาก โดยในส่วนของดอกเบี้ยเงินฝากมีโอกาสไม่มากที่จะเห็นการปรับเพิ่มขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น ผู้มีเงินฝากประจำอาจต้องวิ่งหาทางเลือกอื่นแทนการฝากเงิน เช่นลงทุนในตราสารอายุ 2 ปี หรือ 3 ปีแต่จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจก่อนจะเลือกลงทุนในตราสารหนี้ โดยเฉพาะเงินฝากประจำที่จะทยอยครบกำหนดในระยะ 1 ปี-1 ปีครึ่ง มีประมาณ 5 ล้านล้านบาทในระบบ

“เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา แบงก์แข่งกันออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 18 เดือน จ่ายดอกเบี้ยที่ 1.8-1.9% แต่หลังจากนี้ อาจจะเห็นบัญชีเงินฝากประจำ 14-16 เดือน จ่ายดอกเบี้ยที่1.5-1.6% ต่อปี และแนวโน้มที่ปีหน้าจะเห็นการแข่งกันระดมเงินฝากอาจมีไม่มาก เนื่องจากสภาพคล่องยังคงเหลือ และสถานการณ์หนี้เอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับสูง ทำให้แบงก์ส่วนใหญ่ต่างชะลอการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า”

ขณะที่นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากกนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย จะเห็นว่าฟากของธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับลดดอกเบี้ยลง ทั้งเงินฝากและเงินกู้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เองก็มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยลงเช่นกัน ดังนั้น ผู้มีเงินฝากจะต้องล็อกเงินฝากระยะยาวไว้เพื่อจะได้รับประโยชน์ในช่วงแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ดังนั้นประชาชนสามารถนำเงินมาฝากกับธนาคารออมสินได้ ที่ช่วงนี้ยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง จนกว่าจะถึงวันที่ 1 มกราคม ปี 2563



“เทรนดอกเบี้ยขาลงย่อมกระทบลูกค้าเงินฝากประจำ จึงเป็นนาทีทองหากต้องการดอกเบี้ยสูงอีกระยะกว่าดอกเบี้ยจะลง จึงแนะนำให้ล็อกเงินฝากระยะยาว 1-2 ปีไว้ก่อน”

สำหรับในแง่ของลูกค้าธนาคารออมสินอาจไม่เดือดร้อนมาก เพราะส่วนหนึ่งเป็นเงินออมในสลากออมสิน สัดส่วน 50% อายุ 3 ปีส่วนออมทรัพย์มี 20% ที่เหลือเป็นเงินฝากระยะยาวประมาณ 30% ของพอร์ตเงินฝากรวม 2 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท ที่ทยอยครบระหว่างปีเฉลี่ย 60,000-1 แสนล้านบาทต่อเดือนรวมสลากออมสินด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับลดลง แต่ในส่วนของธนาคารยังคงมีต้นทุนในการรับเงินฝากเฉพาะค่าธรรมเนียม 0.47% ของเงินฝากโดยนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.46% และนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากอีก 0.1% ซึ่งหากธนาคารนำเงินไปฝากไว้กับธปท.ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่1.25% ต่อปี ซึ่งจะขาดทุน ดังนั้นบางธนาคารจึงไม่รับเงินฝากหรือบางธนาคารจำเป็นลดอัตราดอกเบี้ยลง

ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ระบุว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับตํ่ากว่าอดีต ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบค่อนข้างแรงสำหรับผู้ที่ต้องการเงินออมหรือผู้ที่ต้องการรักษาระดับรายได้ โดยเฉพาะวัยเกษียณ ถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับตํ่า สถาบันการเงินจำเป็นจะต้องให้ความรู้ก่อนการลงทุน โดยเฉพาะอาจจะนำไปสู่การลงทุนในตราสารเอกชนหรือหุ้นกู้เอกชน ซึ่งธปท.มีความเป็นห่วงในเรื่อง Search For Yield มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของธนาคารพาณิชย์เองยังต้องบริหารสภาพคล่องตามมาตรฐานบัญชี IFRS9 ด้วย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของผู้ฝากเงินที่จะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลายด้วย

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,521 วันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2562

https://www.thansettakij.com/content/money_market/414164?alo=

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

น้ำท่วมอย่างรุนแรงในซาอุดีอาระเบีย #13 พ. ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

แอฟริกาใต้ ความเสียหายในหมู่บ้าน epolweni หลังจากทอร์นาโดทำลายพื้นที่ทำให้เกิดการทำลายล้าง ความตาย และความสิ้นหวังในหมู่ผู้รอดชีวิต

 

พิษเศรษฐกิจ กระทบปิดโรงงาน
19:23 | 13 พฤศจิกายน 2562 |



ผลกระทบจากสงครามการค้า 1 ปี รุนแรงจนทำให้ส่งผลต่อการจ้างงานแล้ว แต่นี่อาจจะเป็นแค่เผาหลอก เพราะ ถ้าสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าตัดสิทธิจีเอสพีไทย ถ้าจะเรียกว่า ปีหน้าเผาจริง คงจะไม่ผิดรึเปล่า ต้องไปดูว่า ผลกระทบที่จะส่งผลต่อการส่งออกไทยมากน้อยแค่ไหน

นับตั้งเเต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา ข่าวโรงงานทยอยปิดตัว ลดการทำงาน รวมถึงการเลิกจ้างพนักงานและลูกจ้าง ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นกังวล คือ ปัญหานี้ส่อเค้ารุนเเรงมากขึ้น เมื่อดูข้อมูลล่าสุดของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตั้งเเต่ ม.ค. - ต.ค.ปีนี้ มีธุรกิจจดทะเบียนเลิกมากกว่าปีก่อน ร้อยละ 2.08 หากเทียบปีต่อปี ปีนี้จดทะเบียนเลิก 14,070 แห่ง ขณะที่ปีก่อน 13,782 แห่ง

ประเภทธุรกิจที่เลิกสูงสุดในช่วง 2 ปีนี้ ก่อสร้างอาคารทั่วไป เลิกกิจการสูงสุด โดยปี 2561 เลิกกิจการ จำนวน 2,042 แห่ง และปี 2562 จำนวน 1,353 ซึ่งเป็นตัวเลขถึง ต.ค.เท่านั้น ขณะที่กิจการอื่น ๆ ที่มีการเลิกกิจการสูงเช่นกัน ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคาร ร้านอาหาร


รองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เนื่องจากยังมีเงินลงทุนใหม่ ๆ โดยปี 2562 การลงทุนจากการประกอบกิจการใหม่และการขยายกิจการโรงงานเดิมมีประมาณ 431,216 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว ร้อยละ 36.6 เมื่อมาไล่ดูตัวเลข ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 12 พ.ย.2562 แม้มีการยื่นขอปิดกิจการโรงงาน 1,391 โรงงาน แต่มีการขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่ถึง 2,889 โรงงาน โรงงานเปิดใหม่ จึงมากกว่าปิดกิจการ กว่าเท่าตัว (107%)




ส่วนการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการ ที่มีกว่า 35,533 คน แต่อีกด้านมีการจ้างงานใหม่ 84,033 คน และมีการจ้างงานเพิ่ม จากการขยายโรงงานอีก 84,704 คน แต่ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประเมินว่า การว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยดูจากข้อมูลสำนักงานประกันสังคม ผู้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน คาดว่าสิ้นปีจะมีผู้ขอรับสิทธิถึง 200,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2557 ที่ คสช.เริ่มเข้ามาบริหาร ที่มีผู้ขอรับสิทธิเพียง 106,789 คน




พร้อมประเมินว่าในปีหน้าอาจจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น จากอัตราการว่างงานร้อยละ 1 จะเพิ่มเป็นร้อยละ 2 หรืออยู่ที่ประมาณ 600,000 คน จากปัญหา การส่งออกที่ลดลงจากปัญหาสงครามการค้า การถูกตัดจีเอสพีจากสหรัฐอเมริกา

รศ.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ ยังระบุว่า การเตรียมตัวรับมือควรใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บออมรองริบ ส่วนแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ควรมีการพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลจะต้องสนับสนุนการฝึกอบรม


รศ.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ

สำหรับปีหน้าโอกาสการรับแรงงานใหม่เข้าสู่ระบบอาจจะมีน้อยกว่าปีนี้ เพราะโรงงานส่วนใหญ่ต้องการรัดเข็มขัดและลดต้นทุน ยกเว้นในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น การลงทุนในโครงการอีอีซี ส่วนบัณฑิตที่จบใหม่ พบว่า ขณะนี้มีการว่างงานถึงประมาณกว่า 130,000 คนเมื่อเทียบกับแรงงานที่ว่างงานทั้งหมด

เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานกรรมการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ระบุว่า ตอนนี้ยอดคำสั่งซื้อลดลง ทำให้ทุกคนต่างระมัดระวัง และงานบางส่วนต้องใช้เทคโนโลยีเเทนแรงงาน เพื่อบริหารต้นทุนเเละเพิ่มผลผลิต การปิดโรงงานหรือเลิกจ้าง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาการค้าเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากเงินบาทที่เเข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งบั่นทอนความสามารถในการเเข่งขันของไทย ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วน เลือกย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เพื่อความอยู่รอด

https://news.thaipbs.or.th/content/...Dw86vCQ0IMIIqz5VbJHVzv8CynkIbLvYOD2F2uteunaCA

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


ความเสียหายร้ายแรงที่เกิดจากพายุทอร์นาโดเมื่อวานนี้ที่นิคม Mpolweni # 12 พ.ย.

 

Venice น้ำท่วม น้ำทะเลหนุนสูง 1.87 เมตร สูงเป็นประวัติการณ์อันดับสอง

Venice ประสบปัญหาน้ำท่วมจากฝนที่ตกหนักและน้ำทะเลหนุนสูง ขณะนี้น้ำท่วมสูง 1.87เมตร (*แก้ไขข้อมูล อ้างอิงจาก Reuter 2150 GMT)เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กินพื้นที่กว่า 15% ของเมือง และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีก

น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ducal Palace , St Mark Square คาเฟ่ ร้านค้า แหล่งธุรกิจต่างๆ ปรากฏการณ์น้ำท่วมรู้จักในชื่อ “acqua alta” อยู่คู่กับเมืองมานาน โดยครั้งที่สูงที่สุดคือปี 1966 สูงถึง 1.94 เมตร ครั้งนี้ถือว่าเป็นน้ำท่วมที่หนักสุดอันดับสอง และเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ในรอบ 1200 ปีที่โบสถ์ St Mark’s Basilica ต้องจมน้ำ

น้ำทะเลสูงขึ้นกว่า 10 นิ้วนับตั้งแต่ปี 1870 และตัวเมืองจมลงปีละ 2-3 mm รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการป้องกันน้ำท่วมเป็นมูลค่ากว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ โดยโครงการดังกล่าวมีชื่อว่า Mose แผนสร้างกำแพงใต้น้ำที่จะช่วยป้องกันเมืองจากคลื่นสูง 43 นิ้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่า Venice เป็นเมืองที่กำลังจมน้ำ และเป็นหนึ่งในรายชื่อเมืองที่จะอยู่ใต้น้ำปี 2050 อันเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้เกิดพายุรุนแรงขึ้นและน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากVenice เมืองอื่นๆก็ได้รับผลกระทบจากพายุเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Policoro , Matera

Cr photo Reuter, Manuel Silvestri

https://www.insider.com/photos-floo...when-floods-hit-6-feet-4-inches-194-meters-13

https://time.com/5725266/venice-flooding-high-water/

https://www.euronews.com/2019/11/12/st-mark-s-square-becomes-a-lake-as-flood-season-begins-in-venice

https://www.reuters.com/article/us-...ent&utm_medium=trueAnthem&utm_source=facebook

 

ออสเตรเลียประสบไฟป่าระดับภัยพิบัติ

ไฟป่าทางฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย ในรัฐ New South Wales, Queensland และรอบๆ เมือง Sydney สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนกว่า 150 หลัง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน รัฐบาลต้องส่งกำลังคนกว่า 1000 คนเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ นักวิชาการเผยไฟป่าครั้งนี้อาจรุนแรงกว่าไฟป่า Black Saturday ในรัฐVictoria ย้อนไปในปี 2009

ทางการออกมาเตือนว่า ไฟป่ามีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นในบริเวณ Greater Sydney, Greater Hunter และ Illawarra Shoalhaven ให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ขณะนี้โรงเรียนกว่า 575แห่ง ในNew South Wales ประกาศปิดโรงเรียนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน รัฐบาลประกาศให้ไฟป่าครั้งนี้เป็น Catastrophic level หรือระดับภัยพิบัติ

ไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า หมีโคอาล่ากว่า 500-600ตัวอาศัยอยู่ในพื้นที่ Lake Innes Nature Reserve ใน New South Wales และพื้นที่กว่า 2-3 ของถิ่นที่อยู่ของโคอาล่าถูกไฟไหม้ไปแล้ว คาดว่าอาจมีโคอาล่าเสียชีวิตถึง 350ตัวจากไฟป่าครั้งนี้ ปัจจุบันจำนวนโคอาล่าในรัฐ New South Wales ลดลงเหลือน้อยกว่า 20,000 เป็นผลมาจากพื้นที่ป่าที่ลดลง องค์กร WWF คาดว่าภายในปี 2050 โคอาล่าในพื้นที่ดังกล่าวอาจสูญพันธุ์หมด

เป็นที่ทราบดีกันว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลให้ไฟป่ารุนแรงขึ้น จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปคืออุณหภูมิที่สูงขึ้นและอากาศที่แห้งแล้ง น่าเสียใจที่ผู้นำออสเตรเลียอย่าง Scott Morrison ยังคงสนับสนุนการขุดเหมืองถ่านหิน ทั้งๆที่เราก็รู้กันดีกว่าการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซ้ำเติมภาวะโลกร้อนให้แย่ขึ้น เห็นได้ชัดว่า การจะแก้ไขภาวะโลกร้อน ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย ถ้านโยบายของแต่ละประเทศไม่ช่วยสนับสนุนวิถีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมยังต้องแข่งกับเวลาที่นักวิทยาศาสตร์ลากเส้นไว้ว่า โลกต้องคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 1.5C ภายในปี 2030 มิเช่นนั้นสภาพอากาศจะเสียหายถาวร ปีนี้จะมีไฟป่าอีกสักกี่ครั้งกัน ทั้งAmazon,Arctic,Spain ก็ประสบไฟป่าหนักมาพอแล้ว

Cr photo Gettyimages, NSW RFS twitter

https://phys.org/news/2019-11-australia-bushfires-dead-homes-lost.html

https://www.rfs.nsw.gov.au/news-and-media/general-news/dangerous-fire-conditions

https://edition.cnn.com/2019/11/10/australia/australia-fires-nsw/index.html

https://edition.cnn.com/australia/live-news/australia-fires-live-nov-12-intl-hnk/index.html

 

วงการแพทย์ทั่วโลกสั่นสะเทือน!!!
เมื่อทีมหมอจากคลินิกคลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดปลูกถ่ายไตแบบแผลเดียวให้ผู้ป่วยสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก ย้ำนะว่าหุ่นยนต์ที่นำมาใช้งานนี้ ไม่ใช่แค่พระรองนะจ๊ะ แต่เป็นถือเป็นพระเอกตัวจริงเลยก็ว่าได้ เพราะขั้นตอนการผ่าเกือบทั้งหมดยากมาก
.
โดยศัลยแพทย์ต้องกรีดหน้าท้องบริเวณจุดที่จะปลูกถ่ายไต ยาวประมาณ 4 ซม. จากนั้นหุ่นยนต์ก็จะคอยเตรียมร่างกายของผู้ป่วยให้พร้อม ด้วยการเอาไตเดิมของผู้ป่วยออกมา และค่อยๆเชื่อมหลอดเลือดสำคัญ ให้เข้ากับยังไตที่ได้รับการบริจาคใหม่ เมื่อทำสำเร็จแล้ว เครื่องมือก็จะทำการฟอกไต ระบายของเสียออก และทำการเย็บแผลในขั้นตอนสุดท้าย เป็นไงล่ะ!!!
.
ข้อดีของการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัด นอกจากจะลดขนาดของแผลที่เกิดขึ้นแล้ว ยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด เพราะหมอไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าท้อง หรือไม่ต้องตัดเนื้อบางส่วนภายในช่องท้องเพื่อเปิดพื้นที่ให้กว้างเหมือนก่อน ถือเป็นการลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด แถมไม่ต้องใช้ยาอันตรายอย่างโอปิออยด์กับผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังลดผลข้างเคียงจากการติดเชื้อที่บาดแผลไปได้อีกด้วย
.
ซึ่งการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ครั้งนี้ ได้ถูกพัฒนามาจากเทคนิคที่เรียกว่า Single Port Transplant โดยหมอจะทำการผ่าตัดด้วยการใช้เครื่องมือผ่านแผลขนาดเล็ก และจะมองเห็นอวัยวะภายในได้ด้วยการสอดกล้องวีดิโอเข้าไปในร่างกายได้นั่นเอง
.
---------------------------
แหล่งข้อมูล

https://www.koamnewsnow.com/health/...ing-singleincision-robot-performed/1139456747

https://newsroom.clevelandclinic.or...erform-robotic-single-port-kidney-transplant/

---------------------------
กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันสถานการณ์โลกกับ Thailand Vision

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 13) เพราะอะไรรัฐ ไม่ผ่อนผัน LTV ในการซื้อบ้าน : เสียงเรียกร้องทางเหล่าผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ต้องการให้ทางภาครัฐบาลหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อผ่อนปรนมาตรการอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) แต่ผลสรุปดูเหมือนว่าภาครัฐยันคงมั่นใจ LTV ดี ไม่จำเป็นต้องผ่อนปรนเงื่อนไข ผู้ประกอบการอสังหาฯต่างหากที่ต้องปรับตัว…!!!


รัฐยัน ไม่ผ่อนผัน LTV ในการซื้อบ้าน เร็วๆนี้แน่นอน


หลังจากที่ภาครัฐมั่นใจว่า เวลานี้ ไม่มีแนวคิดและความจำเป็น ผ่อนผันLTVในการซื้อบ้าน เพราะมองว่า ให้ทางฝั่ง ธปท. จัดการต่อเหมาะสมที่จะนำมาบังคับใช้ จากเหตุผลที่ว่าในระยะยาว ดังนั้นการควบคุมการปล่อยสินเชื่อแบบนี้จะส่งผลดีต่อระบบและยังทำให้ประชาชนโดยรวมมี วินัยทางการเงิน ดีขึ้น และเร็วๆนี้ทางรัฐบาลพร้อมร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจะสรุปแคมเปญเพื่อลดราคาอสังหาริมทรัพย์ แต่มาตรการคุมเข้มสินเชื่อบ้าน ยังไม่มีแผนหารือสำหรับการผ่อนปรนในเร็วๆนี้


ภาพรวมตลาดอสังหาฯ จะเป็นอย่างไร


ผลจากมาตรการคุมเข้มสินเชื่อบ้าน ส่งผลโดยตรงทำให้ตลาดอสังหาฯชะลอตัวลดลงส่งผลไปจนถึงปีหน้าอย่างแน่นอน เพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อบ้าน นอกจากนี้เด็กจบใหม่ก็ไม่มีความสามารถซื้อบ้านหลังแรกได้ ทำให้เหล่าผู้ประกอบการต้องไปทำการบ้านต่อไป ถึงแม้ว่าทางภาครัฐจะจัดมาตราการ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ หรือ มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% และจดจำนอง 1% ให้เหลือเพียง 0.01% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน3 ล้านบาท แต่รัฐลืมคิดไปว่า ที่อยู่อาศัย ตลาดราคากลาง-ล่างนั้น บ้านเปล่าๆ ผู้ซื้อไม่สามารถอยู่ได้ถึงแม้จะลดค่าโอน จดจำนองเหลือ 0.01% ก็ตามนั้นก็เพราะ กู้บ้านไม่ผ่านติดปัญหามาตรการคุมเข้มสินเชื่อบ้าน เป็นจำนวนมาก ดังนั้นปีหน้าผู้ประกอบการต้องปรับตัว โดยอาจจจะไม่รุกหนักเหมือนปีนี้และอาจจะต้องไปเน้นที่ชาวต่างชาติเป็นหลักเพราะปีที่ผ่านมายอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของลูกค้าต่างชาติคิดเป็น 28% มูลค่า 92,000 ล้านบาท ถือว่ามีส่วนช่วยพยุงตลาดคอนโดมิเนียมอย่างดี ช่วยให้ตลาดเติบโต 14%


ดังนั้นปีหน้าอาจต้องทำใจล่วงหน้าสำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน-คอนโดต่อไป เพราะแนวโน้มที่ภาครัฐบาลยังคงไม่ผ่อนผันการคุมเข้มสินเชื่อในการซื้อบ้านเร็วๆนี้ บวกกับเหล่าผู้ประกอบการอาจจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำให้ในเวลานี้คือควรออมเงินไปก่อน รอจนกว่าภาพรวมของหนี้ครัวเรือนในประเทศดีขึ้นทาง ธปท. อาจจะผ่อนผันการคุมเข้มสินเชื่อบ้าน ในการซื้อบ้านให้สามารถกู้ได้ง่ายขึ้นในอนาคตนั้นเอง


Source:.dotproperty.co.th


https://www.dotproperty.co.th/blog/...facebook&utm_medium=social&utm_term=New-Home-

 

จากรายงานของสำนักข่าว DailyMail เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2019 ระบุว่า เมื่อนำแบตเตอรี่ที่เขาคิดค้น (ยังไม่ได้ระบุชื่อสินค้า) มาติดตั้งกับรถยนต์ไฟฟ้า ผลทดสอบรถสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 1,500 ไมล์ (ราว 2,400 กิโลเมตร) โดยไม่ต้องจอดชาร์จไฟเลย ซึ่งถือเป็นระยะทางที่ไกลกว่าที่เทสลารับประกันเอาไว้ถึง 4 เท่า

ในส่วนการทำงานของแบตเตอรี่ คือการนำหลักการดั้งเดิมของ แบตเตอรี่อะลูมิเนียมแอร์เซลล์ (Aluminium Air cell) มาใช้ ซึ่งจริง ๆ มันถูกค้นพบมานานตั้งแต่ปี 60s แล้ว โดยการนำอลูมิเนียมมาหยดลงบนสารอิเล็กโทรไลท์ ทว่าปัญหาที่ทำให้มันไม่เคยถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเลยก็เพราะ สารอิเล็กโทรไลท์ ที่ใช้นั้นมีพิษสูงมากและก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับมนุษย์ได้

ตรงจุดนี้เองที่แจ๊คสันเข้ามาแก้ไข จนสามารถนำมาใช้ได้จริง เมื่อเขาสามารถผสมสารประกอบอิเล็กโทรไลท์ที่ปลอดภัยขึ้นมาได้ (ซึ่งเขาเองไม่ได้บอกสูตร)

แล้วมันปลอดภัยมากแค่ไหนกัน ?

มันปลอดภัยถึงขนาดที่เขาถึงกับกินมันเข้าไป เพื่อพิสูจน์ให้นักลงทุนเห็น ซึ่งก็ได้ผลจริง ๆ เพราะมันทำให้เขาได้รับสัญญามูลค่าหลายล้าน เพื่อผลิตแบตเตอรี่ในระดับอุตสาหกรรมได้ทันที โดยแบตเตอรี่เหล่านี้ จะถูกนำไปใช้ประกอบเป็นรถยนต์ไฟฟ้าให้กับบริษัท อัสตินอิเล็กทริค (Austin Electric) ภายในปี 2020