ติดตามสถานะการณ์

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

#สำคัญมาก สำหรับคนอยู่ญี่ปุ่นนะคะ

(17 ก.พ.) สธ. สรุปเกณฑ์การไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโควิด-19 ในญี่ปุ่น

①เกณฑ์ในการพิจารณาว่าควรเข้ารับการตรวจหรือไม่
บุคคลทั่วไป
ติดต่อสายด่วนหากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งด้านล่างนี้
ปวดเมื่อยเนื้อตัว (แบบหนักมาก) / หายใจติดขัด
หรือ
มีอาการหวัด (ไอ/เจ็บคอ) / มีไข้เกิน 37.5 องศา เกิน 4 วันขึ้นไป

⚠️หากมีอาการไข้ หรือ หวัด ขอให้หยุดงานและลาเรียนทันที
⚠️ให้วัดไข้เพื่อเก็บข้อมูลทุกวัน

———-

กลุ่มเสี่ยง
ผู้สูงอายุ/ ผู้มีโรคประจำตัว
- ไม่ต้องรอถึง 4 วัน มีอาการแค่ 2 วันก็ติดต่อสายด่วนได้เลย

หญิงมีครรภ์
- ปรึกษาด่วน

เด็ก
- เนื่องจากไม่มีเคสว่ามีเด็กมีอาการหนัก ให้รอ 4 วันขึ้นไปเหมือนบุคคลธรรมดา

————-

② ติดต่อสายด่วนเพื่อปรึกษา “ก่อน” เดินทางไปสถานพยาบาล
***ติดต่อก่อน #ย้ำ*** 

⚠️*ไปรพ. แถวบ้านอาจจะไม่มีชุดตรวจ และอาจเป็นการแพร่เชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ**

⚠️ระหว่างเดินทางไปสถานพยาบาล กรุณาสวมแมส และหลีกเลี่ยงการใช้ public transportation (รถสาธารณะ) ต่าง ๆ

หมายเลขโทรศัพท์หาได้จาก Link ของสธ. แยกตามจังหวัดด้านล่าง

帰国者・接触者外来相談センター
https://www.mhlw.go.jp/stf/seisakun...UHRtpuuAjgOhPsm_2Njr3TDbl4XnHqfX7XmTSvozG1gWg

————

ภาพ: NTV

ข้อมูลย่อจากข้อมูลฉบับเต็มของสธ. ญี่ปุ่น
https://www.mhlw.go.jp/content/10900000/000596861.pdf

website หาสถานพยาบาลญี่ปุ่น (ภาษาอังกฤษ)
https://www.jnto.go.jp/emergency/eng/mi_guide.html

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

———
✒️จากใจแอด
อา.....เสร็จแล้วค่ะ สธ. ญี่ปุ่นพูดยาวมาก เมื่อวานด้วย วันนี้ด้วย....กว่าจะย่อยเสร็จ #ขอแอดเป็นลม (*･ω･)*_ _))ﾍﾟｺﾘﾝ
- พอดี NTV ทำกราฟฟิกมาพอดี เลยขอเปลี่ยนมาใช้ภาพ NTV ดีกว่าค่ะ ดูเข้าใจง่าย
- นอกเรื่องนิด NTV ไปสัมภาษณ์คนญี่ปุ่นว่าจะหยุดงานไหมถ้าเป็นไข้ เกือบทุกคนบอก “คงหยุดไม่ได้” #จ้ะ

 

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

#รู้ไว้ใช่ว่า รถไฟชั่วโมงเร่งด่วน อยู่ตรงไหนดี : แบบจำลองจากคอมพิวเตอร์ถึงการกระจายของเชื้อไวรัส

**จำลองจากเคสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งคาดว่ามีความสามารถในการระบาดพอ ๆ กันกับโควิด-19

อิมเมจ: นึกภาพมีคนไอโดนไม่ใส่แมส บนรถไฟช่วงชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าในญี่ปุ่น

ยืนใกล้ประตู? ใกล้ที่นั่ง?
- ใกล้ประตูมีโอกาสสัมผัสเชื้อที่จะกระจายมาโดนมากกว่า 3 เท่า
- ในภาพคือ คนที่อยู่แถวที่นั่งโดน 3 คน / แถวประตู 9 คน

สาเหตุ
ใกล้ประตู : ไม่มีช่องว่าง ไวรัสกระจายแนวขวาง
ใกล้ที่นั่ง : มีช่องว่าง ไวรัสร่วงลงพื้นบ้าง ลด%การกระจาย

ข้อแนะนำ
1. นั่งดีกว่ายืน
2. พยายามหาช่องว่างรอบตัวให้ตัวเอง 

———

ขอบคุณภาพจาก: NTV / Zero

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

#ข่าวด่วน #ข่าวสั้น (18 ก.พ. 16:08 น.) พบผู้ติดเชื้อเพิ่มที่จ. วาคายามะอีก 3 ราย รวม 12 รายแล้ว

- จังหวัดที่เกิดการติดเชื้อในรพ. ค่ะ
- จนถึงตอนนี้ เคสเริ่มต้นยังหาต้นตอไม่เจอเลย

รายละเอียดเพิ่มเติมกำลังจะตามมานะคะ

 

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

(18 ก.พ. 16:10 น.) ข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามรายจังหวัดในญี่ปุ่น

รวมทั้งหมด 54 ราย

(ไม่รวมเรือสำราญและผู้เกี่ยวข้อง: อยู่ทางขวา สีม่วง)

Source: Nスタ

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

บีบีซีไทย - BBC Thai

ยานสำรวจนิวฮอไรซันส์ พบหลักฐานอะไรที่อาจหักล้างแนวคิดดั้งเดิมเรื่องดาวเคราะห์ก่อตัวจากการชนกันของวัตถุอวกาศอย่างรุนแรง

 

Manager Online VDO Clip

ชาวนาหมดทางหาแหล่งน้ำ ต้องปล่อยข้าวนับพันไร่แห้งตาย

ชัยนาท - ชาวนาชัยนาท หมดหนทางหาแหล่งน้ำช่วยนาข้าว ต้องปล่อยข้าวนับพันไร่แห้งตาย หลังเผชิญภัยแล้ง ส่วนฝูงวัวควายเดินตระเวนหาแหล่งน้ำกินไกลหลายกิโลเมตร เจ้าของต้องยอมซื้อน้ำประปาให้วัวกินแทน สู้ภัยแล้ง

 

MGR Quality Of Life

สธ.แนะงานอีเวนต์ หากเลื่อนได้ก็ควรเลื่อน ป้องกัน #ไวรัสโคโรนา2019 แม้สถานการณ์ยังดูสมดุล

แต่หากยังจัดอีเวนต์ ต้องคัดกรองไข้ก่อนเข้างาน หากมีอาการห้ามเข้า คนเข้างานต้องสวมหน้ากากอนามัย ตั้งจุดล้างมือ

ชี้หากเริ่มมีการแพร่ระบาดมาก อาจต้องเปลี่ยนคำแนะนำ ยกกรณีไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดในไทยมากขึ้นจากการจัดคอนเสิร์ตเกาหลี

#Qol #MGROnline

https://mgronline.com/qol/detail/9630000016422

 

MGR Infographics

ประกาศจากแบงก์ชาติ
ขอความร่วมมือให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และผู้ประกอบธุรกิจ พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9630000016035

#ผลกระทบไวรัสโควิด19 #แบงก์ชาติ

 

จีนยกระดับมาตรการ “ชัตดาวน์” มณฑลหูเป่ย ควบคุมโรคในพื้นที่
เผยแพร่: 18 ก.พ. 2563 11:56 ปรับปรุง: 18 ก.พ. 2563 12:51 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หลังจากที่จีนมีมาตรการปิดเมือง “อู่ฮั่น” เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย เมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นต้นกำเนิดของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” เพิ่มความเข้มงวดในมาตรการปิดเมืองไปอีกขั้นเพื่อยกระดับการควบคุมโรคในพื้นที่

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานรัฐบาลประชาชนแห่งมณฑลหูเป่ย ในภาคกลางของจีน ซึ่งมีประชากรประมาณ 58 ล้านคน โดยนายอิ้ง หย่ง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลหูเป่ยคนใหม่ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ให้ยกระดับมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มจากการปิดล้อมชุมชนในเขตนอกตัวเมืองและชนบทราว 200,000 แห่ง ให้เหลือทางเข้าและออกพื้นที่เพียงแห่งเดียว มาตรการเดียวกันนี้จะขยายขอบเขตบังคับใช้กับเขตเมืองภายในอนาคตอันใกล้นี้

ขณะที่แต่ละครัวเรือนสามารถส่งตัวแทนออกจากเคหะสถานได้เพียง 1 คนในทุก 3 วัน จากเดิมคือ 2 วัน เพื่อออกมาจับจ่ายซื้อของ และทำธุรกรรมที่จำเป็น โดยผู้ที่ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยให้มิดชิด และอยู่ห่างจากบุคคลอื่นเป็นระยะไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ในระหว่างที่มีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว สถานบันเทิงและสถานที่บริการเพื่อการสันทนาการทุกประเภทปิดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด การจัดงานมงคลสมรสควรเลื่อนออกไป ส่วนงานศพควรให้มีขนาดเล็กและเสร็จสิ้นเร็วที่สุด และการเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านหรือเดินทางไปยังบ้านหลังอื่นเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน “ห้ามเด็ดขาด”

สำหรับการสัญจรบนท้องถนนนั้น อนุญาตเพียงพาหนะของตำรวจ สถานพยาบาล และพาหนะซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษในช่วงนี้เท่านั้น ทั้งนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ในทางทฤษฎีหมายความว่า “ประชาชนทุกคนซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลหูเป่ยไม่ควรออกนอกบ้านในช่วงนี้”

การเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการ “ปิดเมือง” ของทางการมณฑลหูเป่ย เป็นการต่อยอดจากการ “ชัตดาวน์” เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เริ่มจากเมืองอู่ฮั่นที่เป็นเมืองเอก เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลปักกิ่งเน้นมาตรการควบคุมโรคแบบบังคับที่นี่มากที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อโควิด-19 ที่เฉพาะในมณฑลหูเป่ยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,696 คน และผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 58,182 คน แต่หายดีแล้ว 1,016 คน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว

https://mgronline.com/onlinesection...NVxDdOwgZn7e3xpqUrrDkP0hl7mB6yWGEnT3fnTy-G21E

 

ไฟไหม้ป่าดอยพระบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 พื้นที่เสียหายกว่า 2,000 ไร่ ล่าสุดยังไม่ดับเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งดับไฟอย่างต่อเนื่อง ผู้ว่าฯเข้าพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมสั่งกำชับให้ใช้ความระมัดระวังหวั่นซ้ำรอยไฟลวกจนท.ไปแล้ว 4 นาย

คลิก>>https://mgronline.com/local/detail/9630000016309

#MGROnline #ไฟไหม้ป่าดอยพระบาท #ลำปาง

 

เซี่ยงไฮ้สั่งผู้โดยสาร ‘รถประจำทาง-แท็กซี่’ สวมหน้ากากอนามัย สกัดไวรัส

รายงานข่าวของสำนักข่าวซินหัวระบุสำนักงานการขนส่งทางบกเซี่ยงไฮ้สั่งให้ผู้โดยสารรถประจำทางและรถแท็กซี่สวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

สำนักงานฯ เผยว่าผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยจะถูกห้ามไม่ให้ขึ้นรถประจำทางและรถแท็กซี่ มาตรการฯนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ (17 ก.พ.) เป็นต้นไป พร้อมเสริมว่าผู้ขับขี่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เซี่ยงไฮ้ได้สั่งห้ามประชาชนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถไฟใต้ดินมาแล้ว

ขณะเดียวกันเซี่ยงไฮ้ยังส่งเสริมให้ผู้โดยสารหันมาใช้แพลตฟอร์มชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในการชำระค่าโดยสาร เพื่อลดการติดต่อจากคนสู่คน และหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้

รายงานระบุว่าแท็กซี่ท้องถิ่นจะไม่ได้รับอนุญาตให้รับส่งผู้โดยสารนอกเมือง ขณะที่สำนักงานฯ ได้สั่งให้ผู้บริการยานพาหนะผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ส่งคำสั่งเรียกใช้บริการรถไปยังผู้ขับขี่จากภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากเชื้อไวรัส

คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งรัฐ และคณะกรรมาธิการสุขภาพท้องถิ่นแถลงสถานการณ์ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่นับถึงวันที่ 17 ก.พ. ดังนี้

จำนวนผู้ติดเชื้อฯที่ได้รับการยืนยันในประเทศจีนรวมทั้งสิ้น 72,530 ราย และจำนวนผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 1,870 ราย

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อฯในเซี่ยงไฮ้ เท่ากับ 333 ราย และยอดผู้เสียชีวิต 1 ราย

https://mgronline.com/china/detail/...jsqSuX4Imy1FobfAjbbtY8vTnxVLUJfu2JvV2XBMmfahc

 

MGROnline Live

ธปท.ห่วงโควิด 19 ฉุดคุณภาพหนี้

 

กลับบ้านเกิด! ฮ่องกงจัด 2 เครื่องบินเช่าเหมาลำ รับพลเมืองบนเรือไดมอนด์ปรินเซส เผยแพร่: 18 ก.พ. 2563 11:54 ปรับปรุง: 18 ก.พ. 2563 12:53 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหน้าที่เผยรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ของจีน เตรียมจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำ 2 เครื่องไปรับชาวฮ่องกงหลายร้อยคนที่อยู่ภายใต้การกักกันโรคบนเรือสำราญในญี่ปุ่นกลับบ้านเกิด

วันนี้ (18 ก.พ.) สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. จอห์น หลี่ เลขาธิการด้านความมั่นคงของรัฐบาลฮ่องกงแถลงข่าวว่า เมื่อชาวฮ่องกงบนเรือสำราญทุกคนผ่านการตรวจเชื้อไวรัส รัฐบาลจะขอให้หน่วยงานของญี่ปุ่นส่งตัวชาวฮ่องกงไปยังสนามบินฮาเนดะ ในกรุงโตเกียว เพื่อขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับมายังฮ่องกง

หลี่ระบุว่า เครื่องบินทั้ง 2 ลำจะนำชาวฮ่องกง 350 คน และอาจรวมถึงชาวมาเก๊า 5 คน เดินทางกลับมายังฮ่องกงในวันพฤหัส (20 ก.พ.) โดยผู้โดยสารบนเครื่องทุกคนจะถูกกักกันโรคเป็นเวลา 14 วันเมื่อเดินทางถึงที่หมาย

ผู้โดยสารราว 3,700 คน และลูกเรือบนเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส (Diamond Princess) ถูกกักกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 (COVID-19)

หน่วยงานของญี่ปุ่นระบุว่า ผู้โดยสารบนเรือจะได้รับอนุญาตให้ขึนฝั่งหากมีผลตรวจเป็นลบ และไม่มีปัญหาทางสุขภาพ เมื่อสิ้นสุดช่วงกักันโรคในวันพุธ (19 ก.พ.)

เมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ฮ่องกงได้ส่งคณะทำงานชุดแรก ที่ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ราว 30 คน จากหน่วยงานรัฐหลายหน่วยไปปฏิบัติภารกิจในการรับตัวชาวฮ่องกงกลับบ้านในครั้งนี้ และในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) จะส่งเจ้าหน้าที่ไปอีกชุด

ทั้งนี้ หลี่ระบุว่า รัฐบาลจีนและสถานทูตจีนประจำญี่ปุ่นเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานในครั้งนี้

https://mgronline.com/onlinesection..._bJ8kJlQHUi4kLgHSPhoAzgrHhXqEUBQm6FpyoYB4-UNU

 

หายป่วยนับร้อย! ‘ยาต้มแผนจีน’ รักษาผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ได้ผลดี
เผยแพร่: 18 ก.พ. 2563 12:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รายงานข่าวของสำนักข่าวซินหัวในวานนี้(17 ก.พ.) ระบุเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนเปิดเผยยาแผนจีนออกฤทธิ์ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 (COVID-19) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่บุคคลากรการแพทย์แผนจีนกว่า 200 คนจากห้ามณฑลในจีนผนึกกำลังช่วยผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอู่ฮั่น

หลี่อวี๋ เจ้าหน้าที่สำนักงานกำกับดูแลแพทย์แผนจีนแห่งชาติ (National Administration of TCM) ยกตัวอย่างการรักษาด้วยยาแผนจีน โดยแพทย์ได้นำยาต้มที่ชื่อ “ชิงเฟ่ยไผตู๋ทัง” มาใช้รักษาผู้ป่วยจำนวน 701 ราย ในมณฑลต่างๆ 10 มณฑล ผลปรากฏว่าในจำนวนนี้หายดีและกลับบ้านได้ 130 ราย

หลี่ระบุว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยยาดังกล่าว มีผลการรักษาแตกต่างกันไป โดย 51 ราย อาการป่วยหายไป 268 ราย อาการดีขึ้นส่วนอีก 212 ราย อาการยังทรงตัว พร้อมเสริมว่ามีการแนะนำยาต้มตัวนี้แก่สถาบันการแพทย์ต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 6 ก.พ. หลังได้ผลการวิเคราะห์จากผู้ป่วยจำนวน 214 ราย

พร้อมกันนั้น หลี่ได้แบ่งปันข้อมูลการวิเคราะห์และจำนวนผู้ป่วยเชิงสถิติพร้อมบันทึกทางคลินิกที่ลงรายละเอียด โดยระบุว่าอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วยร้อยละ 94.6 จากผู้ป่วยทั้งหมด 112 ราย กลับสู่ระดับปกติ ส่วนร้อยละ 80.6 ของผู้ป่วย 214 ราย หยุดไอหลังจากดื่มยาต้มนาน 6 วัน

แพทย์แผนจีนผนึกกำลังช่วยผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19
เมื่อวันศุกร์ (14 ก.พ.) ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในมณฑลหูเป่ย เปิดใช้โรงพยาบาลชั่วคราวที่ถูกดัดแปลงจากโรงยิมเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง

โรงพยาบาลแห่งใหม่นี้จะกลายเป็นโรงพยาบาลพิเศษแห่งแรกที่ดำเนินการรักษาโดยทีมแพทย์และบุคลากรด้านการแพทย์แผนจีนจำนวน 209 คน จากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน 20 แห่งใน 5 มณฑล

จางโป๋หลี่ นักวิชาการจากสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติจีน กล่าวว่า “ได้มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการแพทย์และการรักษาแบบแพทย์แผนจีนมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

จางระบุว่า นอกจากการจ่ายยา โรงพยาบาลชั่วคราวจะรักษาผู้ป่วยด้วยการฝังเข็มและจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การซ้อมชกมวยแบบไม่มีคู่ชก เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย


https://mgronline.com/china/detail/...VG2I2dEIcdI7ALBYakm1dmg9eUpgV6bsjOYVDvNq1Czks

 

MGR Quality Of Life

ไทยยังไม่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มเติม ผู้ป่วยสะสม 35 ราย รักษากลับบ้านได้อีก 2 ราย รวมเป็น 17 ราย

หนึ่งในนั้นเป็นหญิงชาวจีนอาการหนัก ที่รักษาด้วยสูตรยาร่วมของ รพ.ราชวิถี ส่วนอีกรายเป็นชาวจีนเช่นกันได้ออกจากสถาบันโรคทรวงอก

สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 2 ราย รายที่ใช้เครื่องเอคโมกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย ส่วนรายมีวัณโรคร่วมยังทรงตัว แต่ทั้งคู่ยังอยู่ภาวะวิกฤต

ขณะที่ผู้ป่วยที่ศรีสะเกษ ที่ผลแล็บออกมาเป็นบวกและลบอย่างละแล็บ หลังการส่งตรวจซ้ำอีกครั้ง ตอนนี้ผลยืนยันออกมาว่า เป็นลบ คือ ไม่ติดเชื้อ

#Qol #MGROnline


https://mgronline.com/qol/detail/9630000016366

 

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผย 3 เหตุผล ประเทศไทยคุมไวรัสโคโรนา อยู่หมัด เผยแพร่: 18 ก.พ. 2563 12:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข เผยเหตุผลประเทศไทย ควบคุมการแพร่ระบาดขอไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่หมัด ชมเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ปิดทองหลังพระ

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "หมอแก้ว ผลิพัฒน์" พูดถึงสาเหตุที่ประเทศไทยยังคงไม่มีการแพร่ระบาดกว้างขวางเหมือนในฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือเวียดนาม โดนเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ที่ นายคาซูโยชิ อากาบะ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ยากลำบากอย่างยิ่ง และ ผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่นเตือนว่า ไวรัสโคโรนากำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ทั้งการท่องเที่ยว การผลิต การค้า ทั้งภายในประเทศญี่ปุ่นเองที่นักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก และธุรกิจของญี่ปุ่นในประเทศจีนยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้จนถึงขณะนี้

จึงมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุด มีมาตรการเปิดกว้างกับผู้เดินทางมากที่สุด และยังเจอผู้ป่วยเป็นประเทศแรกนอกประเทศจีน ทางนายแพทย์ ธนรักษ์ จึงได้โพสต์ข้อความอธิบายไว้ 3 ข้อ ดังนี้

1. เป็นเพราะเรามีระบบการป้องกันควบคุมโรคที่ดี ตรงนี้ชัดเจนเป็นที่ยอมรับ จาก Global Health Security Index ที่เราเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียวที่จัดอยู่ในกลุ่มประเทศ Most prepared และยังได้รับการจัดอันดับสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก อันดับ 1 ของเอเซีย ดีกว่าหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว (เช่น สวีเดน ฝรั่งเศษ เยอรมัน เป็นต้น) ซึ่งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้ลงข่าวนี้กันอย่างกว้างขวางเพื่อกระตุ้นและเรียกร้องให้รัฐบาลของตัวเองหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กันมากขึ้น

2. เราเปิดระบบของเราเร็วมาก ข่าวมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ออกมาวันที่ 31 ธันวาคม 2562 แม้ระยะแรกจะบอกว่าไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่ทีมงานประเมินความเสี่ยงแล้วก็ตัดสินใจที่จะยกระดับการปฏิบัติกันไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563

3. เรามีสิ่งที่คนอื่นไม่มี เรามี “มดงานนิรนาม” คนที่สู้งานโดยไม่ได้คำนึงว่าใครจะเป็นคนได้หน้า ได้ชื่อ ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนักทุกวันมากว่า 6 สัปดาห์แล้ว ทำทุกเรื่องตั้งแต่วิเคราะห์กลยุทธ์แนวทางการรับมือ ตรวจคัดกรองที่ด่าน ติดตามเฝ้าระวังผู้เดินทาง ให้การวินิจฉัยผู้ป่วยให้ได้โดยเร็ว สอบสวนโรค ติดตามผู้สัมผัส ดูแลรักษาผู้ป่วย ให้ความรู้และข่าวสารที่เที่ยงตรงกับประชาชน แถมเรายังมีเพื่อนร่วมงานที่ทุ่มเทไม่แพ้กัน อีกมากมายหลายคน หลายทีม

วันนี้ ในขณะที่การแพร่โรคในหลายประเทศเริ่มขยายวงกว้างขวางขึ้นทุกที ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนถึงผลงานของเหล่ามดงานนิรนาม พวกเขาช่วยชะลอการแพร่ระบาดในประเทศออกไปได้สำเร็จ เราซื้อเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในยามนี้ เวลาที่หน่วยงานอื่น (เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) จำเป็นต้องใช้สำหรับการเตรียมโรงพยาบาลต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการแพร่ระบาดระยะต่อไป (หากมันจะเกิดขึ้นจริง) ให้ได้ดียิ่งขึ้น

เพราะศึกนี้เพียงเพิ่งเริ่ม แต่ผมก็อยากใช้เวลาเพียงสั้นๆ สะท้อนถึงความสำเร็จของเหล่ามดงานนิรนามเหล่านี้ ขอแสดงความชื่นชม และความขอบคุณเหล่ามดงานนิรนามของกรมควบคุมโรค และหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วนไว้ ณ โอกาสนี้ สู้ต่อไปนะครับ เหล่ามดงานทั้งหลาย







https://mgronline.com/onlinesection...xGA50J_dnebtt-kSpwcCWnLww_udXQWub42L4IIiLkX54

 

กระทรวงการคลัง กู้ 20,000 ล้านบาท ชดเชยขาดดุลงบประมาณ

วันที่ 17 ก.พ. 2563 เว็บไซด์ราชกิจกานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ครั้งที่ 1

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการกู้เงิน เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2562 ที่มีการขยายระยะเวลาเงินกู้ออกไป ภายหลังจากวันสิ้นปีงบประมาณ สำหรับการเบิกจ่ายกันเหลื่อมปี โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัน (มหาชน) วงเงินกู้รวม 20,000 ล้านบาท

อายุเงินกู้ 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2562 ครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ 24 มิถุนายน 2564

The post กระทรวงการคลัง กู้ 20,000 ล้านบาท ชดเชยขาดดุลงบประมาณ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์
https://www.springnews.co.th/politics/618767

 

บีบีซีไทย - BBC Thai

ตัวด้วงทะเลทรายนามิบสามารถเอาชีวิตรอดจากความแห้งแล้งได้ด้วยลักษณะทางกายภาพอันชาญฉลาด

 

พบไวรัสชนิดใหม่ 351 ชนิด หนึ่งในนั้นขนาดใหญ่กว่าปกติ 4 เท่า “ก้ำกึ่ง” จะเป็นสิ่งมีชีวิต By เหมียวศรัทธา -18 February 2020

“ไวรัส” นี่เป็นชื่อที่ไม่ว่าใครได้ยินก็คงจะรู้สึกกลัวไว้ก่อน ดังนั้นแล้วสำหรับหลายๆ คน นี่อาจจะไม่ใช่ข่าวที่ดีสักเท่าไหร่ นั่นเพราะเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ออกมาประกาศการค้นพบไวรัสชนิดใหม่มากจำนวนมาก ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดซึ่งใหญ่กว่าไวรัสปกติหลายเท่า


ไวรัสขนาดใหญ่ที่ถูกพบในครั้งนี้ เป็นไวรัสในกลุ่มที่มีชื่อเรียกว่า “แบคเทอริโอเฟจ” (Bacteriophages) โดยมันเป็นไวรัสที่ต้องอาศัยอยู่กับเซลล์ของแบคทีเรียเพื่อการเติบโตและเพิ่มจำนวน ซึ่งตามปกติถูกพบได้ในแหล่งน้ำจืด อย่างบ่อน้ำร้อน แม่น้ำ หรือทะเลสาบน้ำจืดทั่วโลก

พวกมันถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในตอนที่นักวิทยาศาสตร์ออกเก็บตัวอย่าง DNA จากสภาพแวดล้อมต่างๆ ร่วม 30 รูปแบบจากทั่วโลก ซึ่งก็มีตั้งแต่ตัวอย่างน้ำในบ่อน้ำร้อนที่ทิเบต เครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพที่แอฟริกาใต้ ไปจนถึงสารในลำไส้ของกวางที่อะแลสกา





ที่นั่นพวกเขาพบกับแบคเทอริโอเฟจ 351 ชนิด ซึ่งในอดีตไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อน และมีขนาดใหญ่กว่าไวรัสทั่วไปโดยเฉลี่ยถึง 4 เท่า

ที่สำคัญคือในบรรดาแบคเทอริโอเฟจเหล่านี้ ไวรัสตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดยังมีจีโนมมากถึง 735,000 คู่ ซึ่งทำให้มันมีขนาดใหญ่กว่าแบคเทอริโอเฟจปกติถึง 15 เท่า ซึ่งทำให้แทนที่เราจะเรียกมันเป็นไวรัสซึ่งจัดเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เจ้าแบคเทอริโอเฟจตัวนี้ควรจะเรียกว่าอยู่ “ก้ำกึ่ง” ระหว่างไวรัสกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กแบบแบคทีเรียเลย



ภาพของแบคเทอริโอเฟจที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (Subject 26) เมื่อเทียบกับไวรัสตัวอื่นๆ และแบคทีเรียที่เป็นเหยื่อ




ความก้ำกึ่งเช่นนี้ ถูกยืนยันให้เห็นได้ชัดขึ้น จากการที่แบคเทอริโอเฟจที่ถูกพบนี้ยังมีการเข้ารหัสยีนสำหรับโปรตีนที่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จัก ซึ่งพวกเขาคิดว่ายีนเหล่านี้อาจจะถูกใช้งานในตอนที่มันเข้าไปในตัวแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียทนทานต่อไวรัสอื่นๆ เพื่อกำจัดคู่แข่ง และทำให้การขยายพันธุ์ที่ดีขึ้น ซึ่งตามปกติไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ไวรัสทำเลย

ทั้งนี้เอง ด้วยความที่ว่าไวรัสที่ถูกพบในครั้งนี้ เป็นไวรัสที่มีเหยื่อเป็นแบคทีเรีย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบคเทอริโอเฟจที่ถูกพบหลายๆ ตัวนั้น จะไม่มีอันตรายกับมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นไวรัสเหล่านี้เองก็ใช่ว่าจะปลอดภัยไปหมดเลยเสียทีเดียวเช่นกัน



นั่นเพราะในบางครั้งเมื่อไวรัสเหล่านี้เข้าไปแพร่กระจายในตัวแบคทีเรีย ในหลายๆ ครั้งพวกมันก็จะมีการปรับแต่งแบคทีเรียที่พวกมันเข้าไปอาศัยอยู่ ส่งผลให้บางครั้งแบคทีเรียดังกล่าวก็อาจจะมีเมแทบอลิซึม ความต้านทานยาปฏิชีวนะ หรือลักษณะอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดมันอาจจะทำให้เกิดโรคในสัตว์หรือมนุษย์ได้

และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกัน นักวิทยาศาสตร์จึงต้องทำการตรวจสอบแบคเทอริโอเฟจ ที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์เลยนั่นเอง


ที่มา livescience, sciencealert และ nature


https://www.catdumb.tv/largest-bact...8DoJMK_rtYzHXwX2O8WWOX6BeK_65_41-kp-ZzJ4Pbd68