ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปธน.บราซิลลั่น วิกฤติโควิดโอเวอร์เกินจริง แม้ยอดตายทะลุ 20,000 ศพ
    บราซิลมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 300,000 รายแล้ว และเสียชีวิตกว่า 20,000 ศพ แต่ประธานาธิบดียืนยันว่า วิกฤติการระบาดโอเวอร์เกินจริงเพราะโฆษณาชวนเชื่อ

    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEbmWVlfzNugjujB8J8gIE9g3irZ7jZWN53GUnWHsrZvKnTY70p.jpg

    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/for...IUDarzdjgwlaT3l7ZssivQmC6Hc9lUtpDyWG-WdULsxuc
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน’ ประชุมล่าช้ากว่ากำหนด 2 เดือน จำเป็นต้องเลื่อน เพราะวิกฤตโควิด-19
    .
    1/ วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 21 พ.ค.) สภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน ชุดที่ 13 จัดการประชุมใหญ่ (การประชุม CPPCC) ครั้งที่ 3 ณ มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง
    .
    2/ การประชุม CPPCC ปีนี้ เกิดขึ้นช้ากว่ากำหนดถึง 2 เดือน (ปกติจัดประชุมในเดือนมีนาคม) เนื่องจากจีนเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
    .
    3/ เป็นครั้งแรกที่จีนเลื่อนการประชุม จากเดิมที่เคยจัดการประชุมในเดือนกันยายนของทุกปี มาเป็นเดือนมีนาคม ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา
    .
    4/ การประชุมนำโดย สี จิ้นผิง ผู้นำจีน และเริ่มต้นด้วยการยืนสงบนิ่ง เพื่อไว้อาลัยให้กับชาวจีน ชาวต่างชาติ และบุคลากรการแพทย์ รวม 4,634 คนที่เสียชีวิตจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
    .
    5/ จากนั้น นายหวัง หยาง สมาชิกลำดับที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ กล่าวรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลจีนตลอดปี 2019 ที่ผ่านมา
    .
    6/ นายหวังยังได้กล่าวถึงเป้าหมายของรัฐบาลจีนปีนี้ด้วย ซึ่งครอบคลุมทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ
    .
    7/ การประชุม CPPCC มีเพียงแค่วันเดียว ก่อนที่จะเริ่มการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพรุ่งนี้ (ศุกร์ที่ 22 พ.ค.) ไฮไลต์ของการประชุมคือ การกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง
    .

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เครื่องบินโดยสารปากีฯตกพร้อมกับ 107 ชีวิต: เครื่องบินโดยสารสายการบินปากีสถาน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ บรรทุกผู้โดยสารและนักบินรวม 107 ชีวิต ประสบอุบัตเหตุตก ในย่านชุมชนที่อยู่อาศัย แถบชานเมืองใหญ่การาจี ทางภาคใต้ของประเทศ เมื่อวันศุกร์ เบื้องต้นยังไม่ทราบชะตากรรมของผู้ที่อยู่บนเครื่อง และประชาชนที่อยู่บนพื้นข้างล่าง

    สำนักข่าวรอยเตอร์ เอพีและเอเอฟพี รายงานจากเมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ว่า เครื่องบินโดยสาร แอร์บัส เอ320 เที่ยวบิน พีเค 8303 สายการบินปากีสถาน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ หรือ พีไอเอ (Pakistani International Airlines) สายการบินแห่งชาติของปากีสถาน ประสบอุบัติเหตุตกลงในย่านชมุชน ชานเมืองการาจี ทางภาคใต้ของปากีสถาน เมื่อวันศุกร์ เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จุดเครื่องบินตก และยังไม่ทราบความสูญเสีย

    นายอับดุล ซาตาร์ โคคาร์ โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนปากีสถาน กล่าวว่า เครื่องบินเที่ยวนี้เดินทางมาจากเมืองลาฮอร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บรรทุกผู้โดยสาร 99 คน นักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่อง 8 คน แต่เครื่องบินตกลงก่อนถึงจุดหมาย ท่าอากาศยานนานาชาติจินนาห์ของเมืองการาจี โดยประชาชนที่เห็นเหตุการณ์หลายคน เผยต่อเจ้าหน้าที่ว่า เห็นเครื่องบินบินวนขณะพยายามร่อนลงจอด 2 - 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ก่อนที่เครื่องบินจะตกลงในเขตที่มีประชาชนอยู่อาศัยหนาแน่น ใกล้สนามบิน

    ภาพข่าวจากสื่อทีวีท้องถิ่น แสดงให้เห็นควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในระยะไกล จากจุดที่เครื่องบินตก ขณะที่รถเปิดแตรไซเรนของหน่วยกู้ภัยพยายามจะแล่นเข้าไปสู่ที่เกิดเหตุ อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากทางการปากีสถานอนุญาตให้เครื่องบินโดยสารพาณิชย์ กลับมาบินให้บริการลูกค้าได้อีกครั้ง หลังหยุดยาวหลายเดือน ตามมาตรการจำกัดความเคลื่อนไหว และการเดินทางสัญจร เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19.

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/foreign/775977

    เพิ่มเติม

    https://www.cnbc.com/2020/05/22/passenger-plane-crashes-near-karachi-airport-in-pakistan.html

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯ ได้แจ้งประเทศสมาชิกเพื่อเตรียมถอนตัวออกจาก Open skies arms control treaty (สนธิสัญญาฯ) ที่ได้ทำไว้เมื่อปี 2002 ภายใน 6 เดือน

    สนธิสัญญาฯ เป็นข้อตกลงระหว่าง 30 กว่าประเทศสมาชิกในแถบอเมริกาเหนือและยุโรปที่มีจุดประสงค์ เพื่อเปิดเผยและสร้างความโปร่งใสด้านกองกำลังทหารและกิจกรรมทางทหารระหว่างประเทศสมาชิก โดยประเทศสมาชิกจะยอมให้เครื่องบินลาดตระเวนที่ไม่ติดอาวุธสามารถบินผ่านน่านฟ้าของประเทศตนเพื่อสังเกตการณ์ได้

    ปลายปีก่อน มีข่าวว่าประธานาธิบดี Trump ได้สั่งให้มีการทบทวนข้อดีข้อเสียของการรักษาสถานภาพสมาชิกของสนธิสัญญาฯ ของสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากการพิจารณาอย่างละเอียดแล้วพบว่าสหรัฐฯ ไม่มีประโยชน์ในการเป็นสมาชิกต่อไป

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าเหตุผลหลักในการถอนตัวในครั้งนี้มาจากการฝ่าฝืนข้อตกลงของรัสเซียที่ไม่ยินยอมให้มีการบินในน่านฟ้าหลายเมืองของรัสเซีย อาทิ Moscow Chechnya เป็นต้น

    อนึ่ง นาย Michael Hayden อดีต Central Intelligence Agency director สมัยประธานาธิบดี George W. Bush และ Barack Obama เห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ไร้เหตุผล สอดคล้องกับความเห็นของวุฒิสมาชิก Jeanne Shaheen จากพรรค Democrat ที่เห็นว่าจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบและทำลายความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การถอนตัวในครั้งนี้จะสร้างความไม่สบายใจต่อรัสเซียและประเทศสมาชิกยุโรปอื่น ๆ ตลอดจนต้องจับตาการประเด็นเรื่องการเจรจาต่ออายุ the New START treaty ซึ่งเป็นสนธิสัญญาด้านการทหารระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียฉบับสุดท้ายที่เหลืออยู่และจะหมดอายุในต้นปีหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดการผลิตจรวดนิวเคลียร์ และทางรัสเซียได้เสนอให้มีการต่ออายุ แต่ทางสหรัฐฯ ยังไม่ตอบรับเนื่องจากต้องการเปิดการเจรจาเรื่องอาวุธนิวเคลียร์สามฝ่ายระหว่าง สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย มากกว่า และแนวคิดนี้จีนได้ปฏิเสธมาตลอด

    Source: BoTSS

    https://www.cnn.com/2020/05/21/politics/us-open-skies-arms-control-treaty/index.html

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ⚔️ สี จิ้นผิง ได้ส่งข้อความที่ชัดเจนถึงทรัมป์แล้วว่า #จีนไม่ได้กลัวสหรัฐ ! และเร่งเดินหน้าผ่านกฎหมายที่จะทำให้จีนสามารถควบคุมการประท้วงในฮ่องกงได้อย่าง
    เข้นข้นขึ้น ถึงแม้ว่าทรัมป์จะขู่ว่าห้ามทำแบบนั้นก็ตาม

    ในวันแรกของการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำปี ซึ่งเป็นงานทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนที่มีผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กว่า 3,000 คนจากทั่วประเทศจีนเข้าร่วม ทางประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนได้กล่าวว่า..

    "We’re going to do what we want in Hong Kong (Establishing and Improving the Legal System and Enforcement Mechanism of Hong Kong), and we’re not scared of the consequences."

    "เราจะจัดตั้งระบบและกฎหมายในการควบคุมฮ่องกง เราจะทำสิ่งที่เราต้องการในฮ่องกงและเราจะไม่กลัวผลที่ตามมา”

    ทางจีนเตรียมผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับฮ่องกง เพื่อที่จะยุติ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่ทำให้เกิดการประท้วงวุ่นวายในฮ่องกงยาวนานถึง 7 เดือนในปีที่แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวจะห้ามการแบ่งแยกดินแดน การแทรกแซงของต่างชาติ การก่อการร้าย และกิจกรรมทุกอย่างที่เป็นการปลุกระดม รวมไปถึงการพยายามล้มล้างรัฐบาลจีนในฮ่องกงด้วย

    การประกาศยืนยันของจีนในวันนี้นั้น ตามมาหลังจากที่เมื่อคืนนี้ทาง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เพิ่งขู่ว่าหากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วงและจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกงสหรัฐก็จะตอบโต้อย่างรุนแรง แปลว่าตอนนี้นั้น #จีนไม่ได้กลัวสหรัฐเลย

    ทางจีนต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและจะทำการคุมฮ่องกงอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยให้มีโอกาสในการพยายามโค่นล้มรัฐบาลจีนหรือไม่ต้องการให้มีการชุมนุมอีกครั้ง

    นักลงทุนต้องติดตามทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนและฮ่องกง และการตอบโต้จากสหรัฐอีกครั้ง เพราะในวันนี้ #ตลาดหุ้นทั่วโลกโดนเทขาย เพราะความเสี่ยงในเรื่องนี้

    Cr : OilTradingKP

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    – ราคาน้ำมันปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ที่ฝั่งเอเชีย ย่อตัวลงจากขาขึ้นก่อนหน้านี้หลังจากจีนยกเลิกการตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี

    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ติดลบ 3.97% เท่ากับ $34.63 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 12:45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (5:45 น. GMT) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 5.40% สู่ระดับ $32.09 ต่อบาร์เรล

    การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนได้เริ่มต้นในช่วงเช้าวันนี้หลังจากมีความล่าช้าเกือบสองเดือนเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้ระบุไว้ในรายงานประจำปีในช่วงเปิดการประชุมว่า "พวกเราไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงสำหรับอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้... เนื่องจากประเทศของเราจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางได้ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งเศรษฐกิจโลกและสภาพแวดล้อมทางการค้าด้วย"

    แม้ว่ารัฐบาลจีนจะไม่ได้กำหนดเป้าหมายประจำปี 2020 แต่ก็ได้ให้คำมั่นว่าจะออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (1.4067 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเยียวยาภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาด

    Stephen Innes หัวหน้านักวางแผนกลยุทธ์ตลาดโลกจาก AxiCorp ได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า การยกเลิกการตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งขัดกับธรรมเนียมตามปกติที่จะต้องมีการกำหนดเป้าหมายของทุกปีนั้น "อาจตีความได้ว่าจีนเริ่มลดความสำคัญของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และจึงอาจเป็นผลเสียต่อราคาน้ำมัน"

    "ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมแล้วต้องการพึ่งพาแรงหนุนจากสภาประชาชนแห่งชาติจีนที่มากขึ้น ดังนั้นตลาดบางส่วนจึงอาจผิดหวังจากความคืบหน้าดังกล่าว"

    โดย Gina Lee
    Investing.com

    ดูกราฟราคาน้ำมัน WTI
    https://th.investing.com/commodities/crude-oil

    ดูกราฟราคาน้ำมัน Brent
    https://th.investing.com/commodities/brent-oil

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ทรัมพ์ถอนตัวจากสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า
    #ความเยอะของสหรัฐVSความเจ้าเล่ห์ของรัสเซีย

    มีข่าวน่าหวั่นไหวออกมาจากทำเนียบขาวอีกแล้วค่ะว่า เสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ประกาศยืนยัน สหรัฐจะถอนตัวออกจาก Open Skies Treaty หรือ สนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า อย่างแน่นอนแล้ว ไม่ต้องรอสมัยหน้า โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะรัสเซียที่ละเมิดข้อตกลงนี้ก่อน ในเมื่อรัสเซียไม่สนใจที่จะรักษากฏ แล้วสหรัฐจะทำตามข้อตกลงทำไม?

    สำหรับสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้านี้ ตามข้อมูลให้รายละเอียดว่า เซ็นกันในปี 1992 มีประเทศสมาชิกร่วมเซ็นอีก 34 ประเทศ ซึ่งจะกำหนดให้ประเทศที่อยู่ในข้อตกลงนี้ เปิดน่านฟ้าให้เครื่องบินสอดแนมไม่ติดอาวุธบินเข้าไปสำรวจ เก็บข้อมูลทางอากาศในพื้นที่ทหารประเทศไหนก็ได้ในกลุ่มสมาชิก เพื่อแสดงความโปร่งใสด้านการทหารระหว่างกัน

    ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะแปลก แต่ก็มีหลายประเทศระดับแถวหน้า เขายอมเซ็นข้อตกลงนี้ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน แคนาดา ตุรกี รวมถึง สหรัฐอเมริกา และรัสเซียด้วย และนับว่าเป็นข้อตกลงทหารที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก และมีความสำคัญ

    แต่แล้วเมื่อประมาณปีที่แล้ว มีข้อพิพาทระหว่างกันระหว่าง ท่านหมีขาว กับ พญาอินทรี ที่ทางสหรัฐสงสัยว่ารัสเซียอาจมีการซุ่มพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลางแถวเมืองคาลินนิงกราด ตรงทะเลบอลติค และพื้นที่พรมแดนระหว่างรัสเซีย กับจอร์เจีย ก็เลยส่งเครื่องบินไปสอดแนม แต่โดนทางรัสเซียบล็อคไม่ให้เข้าไป โดยอ้างว่ากำลังซ้อมรบอยู่

    ทางกลาโหมสหรัฐแกไม่พอใจ ก็เลยส่งเรื่องมาฟ้องเสี่ยอ่างว่ารัสเซียทำผิดข้อตกลงเปิดน่านฟ้า ชงมาซะขนาดนี้ ก็ไม่เหลือ เสี่ยอ่างผู้หัวร้อนก็ประกาศทันควัน ถ้ารัสเซียไม่เล่นตามกฏ สหรัฐก็ถอนตัวสิครับ จะอยู่ให้ถูกเอาเปรียบทำไม

    เรื่องนี้ไปถามทางรัสเซีย ก็ตอบปฏิเสธว่า ไม่จริ๊ง!! เราก็ทำตามกฏข้อตกลงเปิดน่านฟ้าอยู่แล้ว และรู้สึกเสียใจมากถ้าสหรัฐจะถอนตัวออกไปดื้อๆแบบนี้

    ทางฝ่าย EU ต้องรีบประชุมกันด่วน เพราะการถอนตัวของสหรัฐ อาจมีผลให้ประเทศอื่นๆ ถอนตัวตามออกไปด้วย จนกลายเป็นสิ้นสุดสนธิสัญญานี้ไปเลยก็ได้

    และในสมัยของเสี่ยทรัมพ์ นี่ก็น่าจะเป็นสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ และการทหารฉบับที่ 4 แล้ว ที่เสี่ยแกดึงสหรัฐออกจากข้อตกลงสากล

    ฉบับแรกที่เป็นข่าวฮือฮามากเลยคือ สนธิสัญญาควบคุมขีปนาวุธพิสัยกลาง หรือ INF Treaty ( Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty) ที่เซ็นกันตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ในการปลดขีปนาวุธพิสัยกลางภาคพื้นดินระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย เสี่ยอ่างแกก็ฉีกสัญญาทิ้ง หาว่ารัสเซียโกงก่อน แล้วแกก็สั่งให้เดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธนี้ขึ้นมาใหม่

    เบื้องหลังเกี่ยวกับข้อตกลง INF ระหว่างสหรัฐ และ รัสเซีย เคยเขียนแชร์ไว้แล้ว ย้อนอ่านขำๆได้ที่นี่ค่ะ



    ฉบับที่ 2 คือ Iran Nuclear Deal ข้อตกลงระหว่างอิหร่าน กับ 5 ชาติในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่านอย่างสันติ เซ็นกันสำเร็จในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า แต่พอมาถึงยุคเสี่ยอ่าง แกฉีกสัญญาทิ้งเฉย หาว่าอิหร่านโกงก่อน แล้วแกก็มาคว่ำบาตรอิหร่านใหม่อีกรอบ จนเกิดเรื่องวุ่นวายระหว่างสหรัฐ กับ อิหร่านจนถึงวันนี้

    ฉบับที่ 3 ก็คือ สนธิสัญญาด้านการค้าอาวุธสากล หรือ ATT (Arms Trade Treaty) ที่ร่วมเซ็นกันล้นหลามถึง 105 ประเทศ แถมเซ็นกันที่สหรัฐเสียด้วยในสมัยของโอบาม่าอีกเหมือนกัน พอมาถึงสมัยของทรัมพ์ แกก็จัดการถอนข้อตกลงด้วยเหตุผลว่า ข้อตกลงนี้มันขัดรัฐธรรมนูญสหรัฐ ที่ให้สิทธิเสรีภาพในการถือครองปืน แล้วอีกอย่างหนึ่งคือ สหรัฐเป็นผู้ส่งออกปืนอันดับ 1 ของโลก จะให้มาจำกัดการค้าอาวุธปืน จะบ้าเหรอ

    แต่เหตุผลลึกๆในใจของเสี่ยคือ อะไรก็ตามที่เซ็นในสมัยโอบาม่า แกก็ตั้งใจจะถอนออกให้หมดนั่นแล

    แล้วก็มาเป็นเจ้าสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า ที่เสี่ยแกจัดการถอนสหรัฐออกมาจากข้อตกลงนานาชาติอีกเช่นเดียวกัน

    แต่ด้วยเหตุผลที่ว่ารัสเซียโกงก่อนไม่ยอมทำตาม แค่นั้นจริงๆหรือ?

    นี่อาจจะเป็นหนึ่งในความเจ้าเล่ห์ของรัสเซีย ที่ต้องการปั่นให้เสี่ยอ่างหัวร้อน ถอนตัวออกไปก็ได้ เพราะประเทศที่ร่วมเซ็นสัญญาฉบับนี้ เขาไม่ค่อยมีปัญหากันมากมาย เท่ากับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง รัสเซีย-สหรัฐ

    และต่อให้มี หรือไม่มีสนธิสัญญาฉบับนี้ สหรัฐก็สามารถใช้ดาวเทียมแอบส่องได้ทุกประเทศในโลกอยู่แล้ว แล้วเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐ ก็มาส่องรัสเซียบ่อยมาก หากเทียบกับเครื่องบินรัสเซียที่ขอบินไปส่องสหรัฐ

    จากข้อมูลของ BBC รายงานว่า เครื่องบินสอดแนน ของสหรัฐ บินไปรัสเซียมากกว่าของรัสเซียบินมาหาสหรัฐถึง 3 เท่า ในช่วงปี 2002 - 2016 สหรัฐมีถึง 196 เที่ยว แต่ของรัสเซียมีเพียง 71 เที่ยว แถมสหรัฐยังขอภาพจากเครื่องบินของชาติอื่นที่ไปรัสเซียด้วย คือ จะเยอะไปไหน ถ้าเราเป็นรัสเซียคงรำคาญว่า เอ็งจะมาส่องอะไรกันนักกันหนา

    ว่าแล้วก็เลยแกล้งไม่ให้เครื่องบินสหรัฐบินเข้ามาบ้าง ตรงไหนที่ท่านพญาอินทรีอยากมาส่อง ไม่ให้เข้า

    เท่านั้นแล ได้เรื่องทันที มันเล่นไม่ซื่อ เราจะยอมมันทำไม

    แล้วรัสเซียเคยใช้มุขนี้ กับข้อตกลง INF หรือ สนธิสัญญาควบคุมขีปนาวุธพิสัยกลาง มาแล้ว ซึ่งเป็นข้อตกลงที่รัสเซียเสียเปรียบทุกประตู แล้วรัสเซียก็แกล้งเล่นตุกติก แอบซุ่มดัดแปลงขีปนาวุธให้ยิงได้ทั้งใกล้ และกลางอย่างนี้แหละ ทางกลาโหมเคยฟ้องโอบาม่าเรื่องนี้ แต่โอบาม่าแค่ออกปากขู่รัสเซียเฉยๆ แต่ก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับสัญญา

    พอมาถึงยุคเสี่ยทรัมพ์ แกจัดการฉีกสัญญาทิ้งเลยจร้า แถมอวดอีกว่า เพราะโอบาม่าไม่กล้าทำ รัสเซียถึงได้เหลิงอย่างนี้ไง แต่นี่ยุค Great America ของเสี่ย ใครจะมาเล่นไม่ซื่อลับหลังกันแบบนี้ไม่ได้

    แล้วข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่โรนัลด์ เรแกน ที่แกอุตส่าห์ไปล่อหลอก หว่านล้อม ให้ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้ายให้มาเซ็น ก็จบลงในยุคเสี่ยทรัมพ์ของเราด้วยประการฉะนี้ ☺

    อาจเป็นเพราะความกร้าวใจของเสี่ยทรัมพ์ หรือไม่ก็ป๋าปูตินแกจับจุดได้ว่าเสี่ยทรัมพ์มีปมกับคำว่า "ความซื่อสัตย์" กับคนที่อยู่รอบข้างเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่แกรู้สึกเหมือนถูกหลอก แกไม่ยอมทันที

    และยังเหลืออีก 1 สนธิสัญญาสำคัญ นั่นก็คือ New START Treaty (Strategic Arms Reduction Treaty) สนธิสัญญาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ ที่เซ็นกันระหว่างสหรัฐ และรัสเซีย ที่กำล้งจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 ที่ต้องเซ็นกันใหม่อีก

    ถ้าเลือกตั้งสมัยหน้า เสี่ยทรัมพ์แกกลับมาอีก ก็สงสัยว่าจะได้เซ็นกันไหมคะเนี่ย

    แหล่งข้อมูล

    https://www.npr.org/2020/05/21/8604...u-s-is-leaving-open-skies-surveillance-treaty

    https://www.npr.org/2019/11/04/776193481/open-skies-new-start-pacts-with-russia-face-bleak-outlook

    https://www.bbc.com/news/world-us-canada-52760420



    https://www.bbc.com/news/world-us-canada-48076262

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นางโคอิเกะ ยูริโกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวได้ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยเสริมสร้างระบบสาธารณสุขในกรุงโตเกียวให้เข้มแข็งมากขึ้น ก่อนที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระลอกที่ 2 ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้

    นางโคอิเกะได้พบหารือกับนายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีที่ดูแลด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจในวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม ทั้งนี้ นายนิชิมูระเป็นผู้รับผิดชอบมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของญี่ปุ่น

    รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาว่าจะยกเลิกภาวะฉุกเฉินหรือไม่ ในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม โดยก่อนหน้านี้ มีการยกเลิกภาวะฉุกเฉินให้แก่พื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นแล้ว แต่ยังมีอีก 5 จังหวัดซึ่งรวมถึงกรุงโตเกียวและจังหวัดฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ที่ยังคงอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน

    นางโคอิเกะกำลังเตรียมการก่อนความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะมีขึ้น เธอได้ขอให้นายนิชิมูระช่วยกรุงโตเกียวปรับปรุงความพร้อมทางการแพทย์ ซึ่งรวมถึงการยกระดับความสามารถในการรองรับการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส หรือ PCR

    หลังจากการหารือกัน นางโคอิเกะกล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกภาวะฉุกเฉินก่อนกำหนด ขณะที่เฝ้าติดตามว่ามีการควบคุมการติดเชื้อได้ดีเพียงใด

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีที่ดูแลด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจและรับผิดชอบมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะออกแนวทางพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจอีกครั้ง เมื่อมีการยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วทุกพื้นที่ของญี่ปุ่น

    นายนิชิมูระได้เปิดเผยแผนการนี้ในวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม ระหว่างการประชุมทางไกลกับบรรดาผู้นำองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ 3 แห่ง โดยกล่าวว่าภาวะฉุกเฉินซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้ในกรุงโตเกียวและพื้นที่โดยรอบรวมถึงจังหวัดฮอกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศ น่าจะถูกยกเลิกในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม

    นายนิชิมูระกล่าวว่าแนวทางที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่วางแผนไว้นั้นจะอธิบายว่าควรจัดงานขนาดใหญ่ รวมถึงเดินทางข้ามจังหวัด และส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างไร

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ยานขนส่งอวกาศโคโนโตริของญี่ปุ่นได้เริ่มภารกิจสุดท้ายในการลำเลียงสิ่งของต่าง ๆ ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ

    จรวด H2B ได้ทะยานออกจากศูนย์อวกาศทาเนงาชิมะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเมื่อเวลา 2.31 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคมตามเวลาญี่ปุ่น

    ยานขนส่งอวกาศโคโนโตริซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำยานได้แยกตัวจากจรวด 15 นาทีหลังทะยานขึ้นที่ระดับความสูง 280 กิโลเมตรซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้

    ยานโคโนโตริเริ่มปฏิบัติภารกิจเมื่อปี 2552 การปล่อยยานทั้งหมด 9 ลำประสบความสำเร็จและได้ลำเลียงสิ่งของต่าง ๆ ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติประมาณ 50 ตัน

    คาดว่ายานโคโนโตริจะเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วันที่ 14 พฤษภาคม 2020 เว็บไซต์สำนักข่าว The Economist ได้เผยแพร่บทความ “Has covid-19 killed globalisation?” ซึ่งเป็นบทความวิเคราะห์ที่อธิบายสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ว่ามีผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก มากน้อยเพียงใด
    .
    “Globalisation” หรือ “โลกาภิวัตน์” คือความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร เทคโนโลยีการคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้การติดต่อสื่อสาร และการพบกันระหว่างบุคคล ชุมชน กลุ่มองค์กร และรัฐบาลประเทศต่างๆทั่วโลก สามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และการเมือง
    .
    บทความของ The Economist อธิบายว่า “globalisation” เป็นระบบที่เริ่มจะมีปัญหาตั้งแต่ก่อนที่ทั่วโลกจะประสบกับวิกฤตโรคระบาดร้ายแรงนี้ นับตั้งแต่ที่ Lehman Brothers Holdings Inc. สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ล่มสลายเมื่อปี 2008 ส่งผลให้การค้าขายและการลงทุนทั่วโลก ประสบกับสภาวะการชะลอตัว แบบที่ไม่อาจจะอย่างหลีกเลี่ยงได้ กลายเป็น “slowbalisation” หรือ “โลกาชะงัก”
    .
    และเมื่อมาถึงการก้าวขึ้นมาครองอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่นำพาสหรัฐฯ ทำสงครามการค้ากับจีน แต่หลายประเทศทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบสงครามการค้านี้ไปด้วย และสงครามการค้าก็ทำให้เกิดอุปสรรคการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีร่วมกัน ระหว่างจีนและสหรัฐฯ จนกระทั่งมีรายงานการเริ่มแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2019
    .
    นอกจากภาษีกีดกัน สงครามการค้า และความขัดแย้งในภูมิศาสตร์การเมืองโลก (Geopolitics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ยังคงส่งผลร้ายต่อระบบ “โลกาภิวัตน์” ของโลกต่อไปเรื่อยๆ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือสิ่งที่ซ้ำเติมระบบ “โลกาภิวัตน์” จากเดิมที่ไม่มั่นคงอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ยากลำบากมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจทั่วโลกที่ประสบกับวิกฤตร้ายแรงถึงขีดสุด ตัวอย่างเช่น

    •สนามบิน Heathrow ของกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการลดลงไปถึง 97% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
    •การส่งออกรถยนต์ของเม็กซิโกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร่วงลงไปถึง 90%
    •21% ของกำหนดการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ด้วยเรือขนาดใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ถูกสั่งยกเลิก
    •10 วันแรกของเดือนพฤษภาคม การส่งออกสินค้าของเกาหลีใต้ ร่วงลงไปถึง 46% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
    •การซื้อขายสินค้าทั่วโลกในปีนี้ คาดว่าจะลดลง 10-30%
    .
    ส่วนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส มีการโต้เถียงภายในกันอย่างรุนแรง ระหว่างรัฐบาลฝ่ายบริหารและนักการเมือง เกี่ยวกับวิธีการควบคุมโรค การผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ และการเยียวยาประชาชนที่ขาดรายได้ ซึ่งทั้งสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และประเทศต่างๆในยุโรป ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถควบคุมอัตราการติดเชื้อให้ลดลงได้
    .
    ทางด้านของประเทศจีน แม้จะสามารถควบคุมอัตราการติดเชื้อได้แล้ว แต่รัฐบาลจีนได้ประกาศขู่จะเพิ่มภาษีกีดกันสินค้านำเข้าจากออสเตรเลีย หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างเปิดเผย เพื่อพิสูจน์ว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากห้องแล็บทดลองในเมืองอู่ฮั่นหรือไม่ ทำให้ในตอนนี้ จีนมีความขัดแย้งกับทั้งสหรัฐฯและออสเตรเลียไปพร้อมๆกัน
    .
    ในขณะที่หลายประเทศกำลังประสบปัญหาการจัดการควบคุมโรค และในขณะที่บางประเทศมีปัญหาความขัดแย้งแบบประเทศต่อประเทศ ทางด้านของรัฐบาลอินเดีย กลับมีท่าทีที่แตกต่าง และเป็นท่าทีที่น่าสนใจมาก โดยนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ประเทศอินเดียได้เข้าสู่ยุคแห่งเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง หรือ “a new era of economic self-reliance”
    .
    ไม่ว่าจะนโยบายควบคุมโรคระบาด นโยบายรองรับวิกฤตเศรษฐกิจ และความขัดแย้งในภูมิศาสตร์การเมืองโลก ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า “globalisation” หรือ “โลกาภิวัตน์” กำลังถูกกัดกร่อนจนทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ทำให้รัฐบาลและประชาชนในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจ จึงเป็นเหตุให้หลายประเทศหันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น และส่งผลให้แนวคิด “globalisation” เริ่มถูกปฏิเสธมากขึ้น เพื่อความอยู่รอดของแต่ละประเทศ ทำให้มีความจำเป็นต้องมีการปิดกั้นระหว่างกันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ความเป็น “globalisation” ในด้านการสื่อสารและด้านสารสนเทศ ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม

    -------------------------------
    แหล่งที่มา
    https://www.economist.com/leaders/2020/05/14/has-covid-19-killed-globalisation
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ช่วงนี้ไม้เบื่อไม้เมาอย่าง สหรัฐฯและจีน ต่างออกมาโยนความความรับผิดชอบว่า ใครเป็นคนปล่อยเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดออกมา โดนทางด้านสหรัฐฯ ที่นำโดย นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาพูดโจมตีปักกิ่งอย่างดุเดือดโดยระบายผ่านทวิตเตอร์ว่า จีนต้องรับผิดชอบสำหรับเหตุการณ์สั่งหารหมู่ทั่วโลก จากการระบาดของไวรัสโควิด-19
    .
    โดยความเคลื่อนไหวอีกระดับของสหรัฐอเมริกาคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหล่าวุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน เสนอร่างกฎหมายหนึ่ง ซึ่งจะให้อำนาจทรัมป์ในการคว่ำบาตรจีน หากว่าปักกิ่งไม่ยอมมอบข้อมูลต่างๆ อย่างสมบูรณ์และครบถ้วนของเหตุการณ์ทั้งหลายที่นำไปสู่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ แก่การสืบสวนใดๆ ที่นำโดยสหรัฐฯ

    หลังจากสภาสหรัฐเตรียมที่จะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ทางด้านโฆษกสภาประชาชนแห่งชาติจีน นายจาง เย่สุ่ย ได้ออกแถลงการณ์ก่อนการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติจีน โดยระบุว่า

    “ข้อกำหนดนี้ยังจะบังคับใช้กับการสืบสวนที่ดำเนินการโดยพันธมิตรทั้งหลายของสหรัฐฯ และหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ อาทิ องค์การอนามัยโลกด้วยเช่นกัน เราคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อร่างกฎหมายนี้ และจะตอบสนองอย่างหนักแน่นและใช้มาตรการตอบโต้ต่างๆบนพื้นฐานของพิจารณาร่างกฎหมายนี้ด้วยความรอบคอบ

    มันไม่อาจเรียกได้ว่ามีความรับผิดชอบหรือมีศีลธรรมใดๆ หากใครบางคนปกปิดปัญหาต่างๆของตนเองด้วยการกล่าวโทษคนอื่น เราไม่อาจยอมรับคำฟ้องร้องและการเรียกเงินชดเชยที่ไม่มีเหตุล" โฆษกสภาประชาชนแห่งชาติจีนกล่าว

    อนึ่ง โฆษกรายนี้พาดพิงถึงกรณีรัฐมิสซูรีของสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องบรรดาผู้นำจีนเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พร้อมเรียกค่าเสียหายในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการหลอกลวงโดยเจตนาและไม่ดำเนินการอย่างพอเพียงในการสกัดการแพร่ระบาด

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.scmp.com/news/china/dip...-contain-china-country-will-firmly-defend-its

    https://mgronline.com/around/detail/9630000053238
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อวันที่ 21 พ.ค.63 ทางรอยเตอร์ ได้มีการรายงานว่า ผลการศึกษาหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ในหมู่ประชากรในกรุงสตอกโฮล์ม จนถึงปลายเดือนเมษายน พบว่า มีเพียง 7.3% ที่พัฒนาแอนติบอดี (antibody) ที่จำเป็นสำหรับต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โหมกระพือความกังวลว่าการตัดสินใจไม่ล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของสวีเดน อาจก่อภูมิคุ้มกันหมู่แค่เล็กน้อยในอนาคตอันใกล้นี้
    .
    ซึ่งยุทธศาสตร์นี้ได้รับการสนับสนุนจาก อันเดรส เทกเนล หัวหน้าหน่วยงานระบาดวิทยาของสวีเดน ซึ่งแนะนำให้รัฐบาลใช้มาตรการต่างๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจในการต่อสู้กับไวรัส แทนที่จะบังคับล็อกดาวน์เหมือนประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สร้างความเห็นแตกแยก ทั้งภายใน และนอกประเทศ
    .
    โดยกลยุทธ์ของสวีเดน คือ อนุญาตให้โรงเรียนเกือบทั้งหมด ร้านอาหาร บาร์ และภาคธุรกิจต่างๆ สามารถเปิดปฏิบัติการตามปกติ ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และสุขอนามัยที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาตรการเหล่านั้นล้วนอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ และจะมุ่งเน้นไปที่การปกป้องกลุ่มประชาชน ที่มีความเสี่ยงสูงแทน ขณะที่ชาติส่วนใหญ่ในยุโรปบังคับประชาชนเก็บตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัย
    .
    โดยมาตรการดังกล่าว ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตของสวีเดนสูงกว่าบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ในแถบนอร์ดิกเป็นอย่างมาก แต่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ อย่างสหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส ที่บังคับใช้มาตการล็อกดาวน์
    .
    ซึ่งจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในห้องไอซียูของสวีเดน มีการลดลงราว 1 ใน 3 จากระดับสูงสุดในช่วงปลายเดือนเมษายน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบอกว่า การแพร่ระบาดชะลอตัวลงแล้ว อย่างไรก็ตาม สวีเดน กลายเป็นชาติที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่อจำนวนประชาชน สูงสุดในยุโรปในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
    .
    ซึ่งจริงๆแล้ว หลักการภูมิคุ้มกันหมู่นั้น มีต้นกำเนิดจากอายุรศาสตร์สัตวแพทย์ และเบื้องต้นอ้างถึงแนวคิดที่มุ่งเน้นสุขภาพของประชากรสัตว์โดยรวม ไม่คำนึงถึงเป็นรายตัว โดยมันอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานที่ว่า เมื่อประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคติดต่อหนึ่ง ๆ แล้ว มันก็น่าจะแพร่ระบาดสู่คนอื่น ๆ ได้น้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม หากปราศจากวัคซีนแล้ว นั่นหมายความว่า ผู้คนส่วนใหญ่ต้องพัฒนาภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อเอาชนะโรคระบาดใหญ่นี้ซึ่งดูแล้วอาจเป็นราคาที่ต้องชดใช้แสนแพง
    .
    โดยงานวิจัยของหน่วยงานสาธารณสุขสวีเดน ระบุว่า จากการเก็บตัวอย่างประชากรที่ร่วมทดสอบราว 1,100 ราย ในแต่ละสัปดาห์เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ใน 9 เมืองของสวีเดน รวมถึงสตอกโฮล์มนั้นพบว่า ประชากรสวีเดนมีแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันโควิด-19 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มที่มีแอนติดบอดีมากสุด คือ กลุ่มคนที่อยู่ในช่วงอายุ 20-64 ปี
    .
    ซึ่งคนที่มีแอนติบอดีคิดเป็น 6.7 เปอร์เซ็นต์ของประชากร และเมื่อเทียบกับกลุ่มช่วงอายุ 0-19 ปี มีเพียง 4.7 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรเท่านั้นที่มีแอนติบอดี ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า ในสตอกโฮล์มมีเพียง 7.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่มีผลแอนติบอดีของโควิด-19 ในร่างกาย ขณะที่เมืองสกัวเนอ อัตราประชากรที่มีแอนติบอดี้มีเพียง 4.2 เปอร์เซ็นต์
    .
    อย่างไรก็ตาม เทกเนล อ้างว่า ผลการค้นพบอยู่ในกรอบของโมเดลต่างๆ ที่ประมาณการว่า ประชากรของเมืองหลวงสวีเดนจะมีเชื้อไวรัสแล้วในตอนนี้ และอย่างน้อยก็น่าจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ในวงจำกัดแล้ว “มันน้อยกว่าที่คาดหมายไว้เล็กน้อย แต่ไม่น้อยกว่ามาก บางทีอาจ 1 หรือ 2%” เทกเนล แถลงข่าวในกรุงสตอกโฮล์ม “มันค่อนข้างตรงกับโมเดลต่างๆ ที่เรามี”
    .
    ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานสาธารณสุขของสวีเดน ได้เน้นย้ำว่า ภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่ได้มีเป้าหมายพัฒนาแอนติบอดีเท่านั้น แต่ยุทธศาสตร์นี้ยังช่วยชะลอการแพร่ระบาดของไวรัส เพื่อให้หน่วยงานสาธารณสุขมีเวลารับมือกับโรคระบาดใหญ่ ไม่ใช่การสกัดกั้นโดยสิ้นเชิง
    .
    พวกเขาบอกว่าประเทศต่างๆ ที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์โดยสิ้นเชิง เพื่อป้องกันการรแพร่ระบาดของไวรัส อาจจะต้องเผชิญกับคลื่นแห่งการระบาดระลอกใหม่ หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ขณะที่ยุทธศาสตร์ภูมิคุ้มกันหมู่จะช่วยให้สวีเดนเจอระลอกสองของการแพร่ระบาดที่เบากว่า
    .
    ถึงอย่างไรก็ดี ทางองค์การอนามัยโลก ก็ได้เคยเตือนเกี่ยวกับการฝากความหวังไว้กับภูมิคุ้มกันหมู่ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาบอกว่าผลการศึกษาทั่วโลกพบมีประชากรเพียงแค่ราวๆ 1-10% เท่านั้นที่มีแอนตีบอดี ผลการศึกษาที่ออกมาตามกรอบการค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ในสเปน และฝรั่งเศส
    .
    ขณะที่ บียอร์น โอลเซน ศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ แห่งมหาวิทยาลัยอุปซอลา ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการที่วิพากษ์วิจารณ์แนวทางตอบสนองของสวีเดน ตราหน้าแนวคิดใช้ภูมิคุ้มกันหมู่รับมือกับโควิด-19 ว่า อันตรายและไม่น่าจะทำได้จริง “ผมคิดว่าภูมิคุ้มกันหมู่ คือหนทางที่ยาวไกล และเราอาจไปไม่ถึงจุดนั้นเลย”
    .
    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.businessinsider.com/cor...ests-sweden-not-reaching-herd-immunity-2020-5

    https://www.reuters.com/article/us-...mmunity-as-covid-19-toll-mounts-idUSKBN22W2YC

    https://mgronline.com/around/detail/9630000053231
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มีรายงานมาจากสำนักข่าวซินหัวของจีน โดยกล่าวอ้างอิงข้อมูลจาก Florida Today ว่า ทางการสหรัฐฯ สั่งไล่นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างเว็บไซต์ข้อมูลโรคโควิด-19 ออกจากตำแหน่ง เหตุเพราะไม่ยอมปรับข้อมูลตามที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องการ เพื่อสนับสนุนแผนการกลับมาเปิดเศรษฐกิจใหม่
    .
    Florida Today รายงานว่า Rebekah Jones หัวหน้าผู้ออกแบบเว็บไซต์ให้ข้อมูลสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ตั้งเป้าแสดงให้เห็นภาพสถานการณ์โรคระบาดในท้องถิ่นแบบเรียลไทม์ ถูกไล่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งถูกปลดจากตำแหน่งผู้จัดการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.
    .
    โดยในรายงานระบุคำพูดของ Rebekah Jones จากการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส-12 ในเมืองเวสต์ปาล์มบีชว่า เธอถูกไล่ออกเพราะปฏิเสธที่จะ “เปลี่ยนข้อมูลด้วยตนเองเพื่อช่วยสนับสนุนแผนกลับมาเปิดเศรษฐกิจใหม่” ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ หลังจากนั้นเธอไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
    .
    หนังสือพิมพ์ซึ่งรายงานข่าวปลด Rebekah Jones ออกจากงานด้านข้อมูลโควิด-19 ในฟลอริดาระบุว่า เธฮยืนยันทางอีเมลว่าเธอถูกไล่ออก “ฉันทำงานคนเดียว 16 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งแทบไม่ได้รับค่าจ้าง และเรื่องแบบนี้ก็มาเกิดขึ้น ตอนนี้ฉันจึงอาจจะไม่ได้รับเงินเลย” มีรายงานระบุว่า ในอีเมลที่เธอส่งไปถึงบรรดานักวิจัย และผู้ใช้ข้อมูลรายอื่นเมื่อวันที่ 15 พ.ค. เธอได้กล่าวเตือนว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการเข้าถึงและความโปร่งใสของข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ที่แสดงบนเว็บไซต์ของฟลอริดา
    .
    นอกจากนี้ยังมีสื่อท้องถิ่น และรายงานอื่นๆ ระบุเกี่ยวกับการเลิกจ้างของ Rebekah Jones ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของข้อมูลโควิด-19 ในฟลอริดา และสถานที่อื่นๆ ที่อ้างอิงว่าแหล่งข้อมูลของตนอ้างอิงพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการกลับมาเปิดเศรษฐกิจท้องถิ่นอีกครั้ง

    Ron DeSantis ผู้ว่าการรัฐฟลอริดากล่าวว่า การตัดสินใจกลับมาเริ่มเปิดรัฐอีกครั้ง พิจารณาตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ขณะที่เว็บไซต์ข้อมูลโควิด-19 ของฟลอริดา ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของรัฐบาลกลางเป็นอย่างดี
    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.floridatoday.com/story/...political-covid-19-data-questions/5230770002/

    https://www.xinhuathai.com/high/107374_20200521

    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคมมีดังต่อไปนี้

    1. จีนส่งสัญญาณเตรียมเข้าแทรกแซงฮ่องกง

    จีนเผยแผนการเข้าควบคุมอำนาจของฮ่องกงท่ามกลางกระแสคัดค้านมากมาย และได้เผยแพร่ร่างกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่สำหรับฮ่องกงในวันนี้

    ความคืบหน้าดังกล่าวได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความไม่สงบทางการเมืองในฮ่องกงอีกครั้งและความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงระหว่างสหรัฐ-จีน โดยประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้เอาคืนหากสิทธิพิเศษของฮ่องกงได้ยุติลง รวมทั้งวุฒิสภาสหรัฐเองก็ได้เสนอร่างกฎหมายทวีภาคีที่จะแซงก์ชันรัฐบาลจีนหน่วยงานใดก็ตามที่บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวด้วย

    ดัชนี Hang Seng ทรุดตัวลง 5.6% ขณะที่ดัชนีหลักของจีนแผ่นดินใหญ่ติดลบเกือบ 2% และเงินหยวนอ่อนค่าลง

    2. จีนยกเลิกการกำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี 2020 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันและโลหะ

    อีกหนึ่งความคืบหน้าสำคัญจากการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนในวันนี้ คือการที่พรรคคอมมิวนิสต์ตัดสินใจยกเลิกการกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศประจำปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์นี้ในรอบ 30 ปี

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้จึงจะสามารถพลิกฟื้นจากการระบาด (ประชาชนราว 100 ล้านรายทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของจีนยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ หลังจากตรวจพบการระบาดระลอกใหม่)

    ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับผลกระทบทางลบจากข่าวดังกล่าวอย่างชัดเจน โดย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ ติดลบ 6.0% เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก เท่ากับ $31.89 ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองแดง ติดลบ 2.2% เท่ากับ $2.38 ต่อปอนด์ และสัญญาซื้อขายนิกเกิลล่วงหน้าปรับตัวลง 1.7%

    3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบหลังมีข่าวจากจีน

    ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนลบหลังจากมีข่าวความคืบหน้าครั้งใหม่จากจีน อันเป็นชนวนสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐย่ำแย่ลง และจึงมีความเป็นไปได้สูงที่สงครามทางการค้าของปีที่แล้วจะหวนกลับคืนมาในรูปแบบใหม่

    เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าติดลบ 78 จุดหรือ 0.3% ขณะที่สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าย่อตัวลง 0.3% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าปรับตัวลง 0.4% ทั้งสามดัชนียังคงมุ่งหน้าปิดสัปดาห์ในแดนบวกระหว่าง 2% ถึง 3% และมุ่งหน้าปิดสัปดาห์ที่บวกขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    4. ผลกำไรของ Nvidia พุ่งขึ้นจากอุปสงค์ของธุรกิจเกมมิ่งและชิพศูนย์ข้อมูล, จับตาผลประกอบการ Alibaba

    หนึ่งในหุ้นที่น่าจับตาในวันนี้คือ Nvidia ที่ผลประกอบการประจำไตรมาสออกมาดีเกินคาดหลังเวลาตลาดปิดเมื่อวานนี้

    กำไรต่อหุ้นของบริษัทออกมาสูงขึ้นเกือบสองเท่าถึง $1.88 เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ได้หนุนให้ยอดขายสินค้าประเภทเกมมิ่งและชิพศูนย์ข้อมูลสูงขึ้น

    ทั้งนี้การรายงานผลประกอบการของ Alibaba ก่อนเวลาตลาดเปิดในวันนี้ก็น่าจะมีแนวโน้มที่คล้ายคลึงกัน

    5. บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงปลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบจากการระบาดต่อเศรษฐกิจยังคงปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการประกาศปลดพนักงานในอัตราที่รวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก

    สำนักข่าวญี่ปุ่น Kyodo ได้รายงานในวันนี้ว่า Nissan เผยแผนเตรียมปลดพนักงาน 20,000 ตำแหน่งเพื่อฟื้นต้นทุนของบริษัทให้สมดุลกับอุปสงค์ที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาว

    ทางด้าน IBM ก็ประกาศลดพนักงานเช่นกันภายใต้การควบคุมดูแลของซีอีโอคนใหม่ Arvind Krishna แม้ทางบริษัทจะยังไม่ได้เผยตัวเลขว่าจะปลดพนักงานกี่คนจากทั้งหมด 350,000 กว่าตำแหน่ง แต่ Wall Street Journal เผยว่าบริษัทอาจปลดพนักงาน "หลายพันคน"

    Hewlett Packard Enterprise ก็ได้ประกาศโครงการลดต้นทุนของบริษัทเป็นมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวานนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวจะประกอบไปด้วยการปลดพนักงานหรือไม่

    และเมื่อวันพุธ Rolls Royce (LON:RR) ก็ได้ประกาศแผนปลดพนักงานถึง 9,000 ตำแหน่ง

    https://th.investing.com/news/economy/article-21208

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ⚔️ สี จิ้นผิง ได้ส่งข้อความที่ชัดเจนถึงทรัมป์แล้วว่า #จีนไม่ได้กลัวสหรัฐ ! และเร่งเดินหน้าผ่านกฎหมายที่จะทำให้จีนสามารถควบคุมการประท้วงในฮ่องกงได้อย่างเข้นข้นขึ้น ถึงแม้ว่าทรัมป์จะขู่ว่าห้ามทำแบบนั้นก็ตาม

    ในวันแรกของการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำปี ซึ่งเป็นงานทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนที่มีผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กว่า 3,000 คนจากทั่วประเทศจีนเข้าร่วม ทางประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนได้กล่าวว่า

    "We’re going to do what we want in Hong Kong (Establishing and Improving the Legal System and Enforcement Mechanism of Hong Kong), and we’re not scared of the consequences."

    "เราจะจัดตั้งระบบและกฎหมายในการควบคุมฮ่องกง เราจะทำสิ่งที่เราต้องการในฮ่องกงและเราจะไม่กลัวผลที่ตามมา”

    ทางจีนเตรียมผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับฮ่องกง เพื่อที่จะยุติ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่ทำให้เกิดการประท้วงวุ่นวายในฮ่องกงยาวนานถึง 7 เดือนในปีที่แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวจะห้ามการแบ่งแยกดินแดน การแทรกแซงของต่างชาติ การก่อการร้าย และกิจกรรมทุกอย่างที่เป็นการปลุกระดม รวมไปถึงการพยายามล้มล้างรัฐบาลจีนในฮ่องกงด้วย

    การประกาศยืนยันของจีนในวันนี้นั้น ตามมาหลังจากที่เมื่อคืนนี้ทาง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เพิ่งขู่ว่าหากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วงและจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกงสหรัฐก็จะตอบโต้อย่างรุนแรง แปลว่าตอนนี้นั้น #จีนไม่ได้กลัวสหรัฐเลย

    ทางจีนต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและจะทำการคุมฮ่องกงอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยให้มีโอกาสในการพยายามโค่นล้มรัฐบาลจีนหรือไม่ต้องการให้มีการชุมนุมอีกครั้ง

    นักลงทุนต้องติดตามทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนและฮ่องกง และการตอบโต้จากสหรัฐอีกครั้ง เพราะในวันนี้ #ตลาดหุ้นทั่วโลกโดนเทขาย เพราะความเสี่ยงในเรื่องนี้

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #OilTradingKP

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปากีสถาน :: ข่าวด่วน เครื่องบินสายการบิน Pakistan International Airlines PIA จาก ลาฮอร์ (Lahore)- การาจี ตกใกล้สนามบินการาจี ผู้โดยสารลูกเรือ 107 บนเครื่อง เครื่อง Airbus A320
    เที่ยวบิน PK8303

    คลิปเพิ่มเติม


    # แอดมินจะตามข่าวที่ละเอียดมาโพส อีกครั้ง

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มาเลเซีย : 16.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมัน Hengyuan ในพอร์ตดิกสัน

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปากีสถาน : ยอดผู้เสียชีวิตรวมของประเทศเกิน 1000 ราย ปากีสถานกำลังมองว่าการเปิดเมืองที่เร็วมีส่วนทำให้สถิติติดเชื้อและเสียชีวิต เพิ่มหรือไม่ ..?
    ผู้ติดเชื้อรายใหม่วานนี้ +2,603 เสียชีวิต +50 ราย
    ยอดรวม 50,694 ราย เสียชีวิตรวม 1,067 ราย
    ภาพ 1 รพ.ในปัจจุบัน / ภาพ 2-5 ช่วงต้นเดือน พค.
    วันแรกของการเปิดเมือง ผู้คนกลับมาใช้ชีวิต โดยไร้การป้องกันเว้นระยะ

    Cr : ภาพ VOA

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    บราซิล : คลิปคุณสามีไปรับภรรยาวันที่เธอออกจากโรงพยาบาล ภรรยาป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน เขาร้องเพลงใหภรรยาฟัง และขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เธอหลุดพ้นจากความตาย พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง

    ยอดผู้ติดเชื้อบราซิลอันดับ 3 ของโลก
    Brazil ติดเชื้อ 310,921 ราย เสียชีวิต 20,082 ราย

     

แชร์หน้านี้

Loading...