ติดตามสถานะการณ์

สิงคโปร์ติดเชื้อไวสุดในเอเชีย “อินเดีย” วันเดียวติดกว่า 6 พัน “นายกฯนิวซีแลนด์” เสนอทำงาน 4 วัน “ทรัมป์” ไม่ปิดประเทศหากโดน โควิด-19 รอบ 2

https://mgronline.com/around/detail/9630000053505

 

คุณตาเจ้าของ "เตี้ย มช." อุ้ม "ถุงเงิน"แม่สุนัขเซเลบดังขึ้นโรงพักเชียงใหม่ พร้อม "ทนายเดชา"และตัวแทนวอชด็อก แจ้งความคดีลักทรัพย์ ตชด.หนุ่ม
.
#MGROnline #เตี้ยมช. #แม่เตี้ยมช.
.
อีกช่องทางติดตาม MGROnline Live เพิ่มเติม
Line : line.me/R/ti/p/%40zut9752t
IG : https://instagram.com/mgronline
Youtube : youtube.com/user/astvmanagervdo

 

เครียดโควิด-ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน.. เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่งเมืองชลบุรี คิดสั้นกระโดดตึกสูง 3 ชั้นหวังฆ่าตัวตายแต่สุดท้ายเจ็บสาหัส เมียเผยเครียดขายของไม่ได้ แต่ยังต้องผ่อนบ้าน ซ้ำลูกยังอยู่ในวัยเรียนอีก 2 คน
.
#MGROnline #กระโดดตึก #โควิด19
.
อีกช่องทางติดตาม MGROnline Live เพิ่มเติม
Line : line.me/R/ti/p/%40zut9752t
IG : https://instagram.com/mgronline
Youtube : youtube.com/user/astvmanagervdo

 

บรรยากาศ New Normal บรรยากาศประชาชนที่เดินทางมาเที่ยววันหยุดที่ตลาดนัดจตุจักรใช้ชีวิตตามปกติ และทุกประตูทางเข้าออกจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง(ทุกชนิด)เข้าพื้นที่เด็ดขาด ที่ตลาดนัดจตุจักร Copyright © 2020 All Right Reserved ผู้จัดการรายวัน 360˚/ MGR Online ภาพโดย สันติ เต๊ะเปีย #สันติเต๊ะเปีย #MGRPhoto #ตลาดนัดจตุจักร

 

นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษมีแผนที่จะลดใช้อุปกรณ์สื่อสารของ หัวเว่ย เทคโนโลยี ในการวางเครือข่ายสัญญาณ 5G หลังเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาด สื่อท้องถิ่นรายงานวานนี้ (22 พ.ค.)
.
#MGROnline #บอริสจอห์นสัน #นายกรัฐมนตรีอังกฤษ #หัวเว่ย
.
อีกช่องทางติดตาม MGROnline Live เพิ่มเติม
Line : line.me/R/ti/p/%40zut9752t
IG : https://instagram.com/mgronline
Youtube : youtube.com/user/astvmanagervdo

 

ผู้ชุมนุมฮ่องกง เป่านกหวีดรวมพลประท้วง “กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่”

https://mgronline.com/china/detail/9630000053351

 

แถลงข่าว ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ประจำวันที่ 23 พ.ค. 2563 ย้ายสถานที่ไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

(นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.)

- ยังมีผู้ที่ต้องได้รับการดูแล ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดไว้ให้ มีกลุ่มบุคคลที่ไม่ทราบว่าส่วนงานไหน มีการเรียกรับเงินโรงแรมต่างๆ เพื่อให้ใช้ที่เป็นสถานที่กักตัว หรือหักหัวคิว ศปม. ยืนยันไม่เคยมีหน่วยงานทำหน้าที่เหล่านี้ ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น หากเห็นพฤติกรรมกับบุคคลดังกล่าวแจ้งความได้ทันที

- ขอบคุณประชาชนที่เข้าใจสถานการณ์ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของประชาชน จะทำให้เกิดการยับยั้งหรือควบคุมโรคต่างๆ

(พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค.)

- ผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,040 ราย หายป่วยแล้ว 6 ราย หายป่วยสะสม 2,916 ราย รักษาอยู่ 68 ราย เสียชีวิต 0 ราย สะสมรวม 56 ราย

- ผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย เป็นชายชาวอิตาลี อายุ 49 ปี อาศัยที่จังหวัดภูเก็ต ไปสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว ตรวจพบเมื่อวันที่ 22 พ.ค. แต่ไม่มีอาการ ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine มี 2 ราย คือ ชายไทย อายุ 24 ปี นักศึกษา กลับจากประเทศอียิปต์ และหญิงไทย อายุ 43 ปี พนักงานสปา เดินทางกลับจากประเทศอินเดีย เข้าพักแบบ State Quarantine ที่จังหวัดชลบุรี

- พบผู้ป่วยในสถานที่กักกันโรคฯ 104 ราย มากที่สุดคืออินโดนีเซีย 65 ราย รองลงมาคือ ปากีสถาน 10 ราย และสหรัฐอเมริกา 5 ราย โดยอียิปต์เพิ่มขึ้น 1 ราย รวมเป็น 4 ราย และอินเดียเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็น 2 ราย

- ผู้ป่วยสะสมจำแนกตามปัจจัยเสี่ยง 14 วันล่าสุด มากที่สุดผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 17 ราย รองลงมา สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 10 ราย ไปสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 5 ราย อาชีพเสี่ยง 3 ราย และการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน 1 ราย รวม 36 ราย

- สถานการณ์ทั่วโลก ผู้ป่วยยืนยันสะสม 5,303,992 ราย รักษาตัว 44,584 ราย รักษาหายแล้ว 2,157,968 ราย เสียชีวิต 340,003 ราย สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยยังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา บราซิลและรัสเซีย ส่วนกลุ่มอาเซียนและเอเชีย พบอินเดียมากที่สุด รองลงมาคือปากีสถาน และบังคลาเทศ ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 73

- ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในบราซิลเพิ่มขึ้นสะสมเกิน 20,000 ราย ประชาชนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติดั้งเดิมได้อีก ส่วนอินเดียพบผู้ป่วยเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เพิ่มขึ้น 6,088 ราย และจำนวนผู้ป่วยสะสมกว่า 118,447 ราย มากเป็นอันดับ 11 ของโลก นายกรัฐมนตรีประกาศมาตรการล็อกดาวน์ครอบคลุมทั่วประเทศ

#MGROnline #ศบค #โควิด19
.

อีกช่องทางติดตาม MGROnline Live เพิ่มเติม
Twitter :https://twitter.com/MGROnlineLive
Line : line.me/R/ti/p/%40zut9752t
IG : https://instagram.com/mgronline
Youtube : youtube.com/user/astvmanagervdo

 

เพจ "ประเทศไทยต้องชนะ" โพสต์ภาพ "กล่องให้พร" ที่ตั้งอยู่ในเมืองลินคอล์น รัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะคล้ายตู้ปันสุขในไทย เพื่อช่วยเหลือให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ รายการโทรทัศน์ของสหรัฐฯ ยังลงข่าวว่า ได้แนวคิดจากตู้ปันสุข ล่าสุดได้กระจายตัวไปในหลายเมือง
.
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000053701
#MGROnline #Hotshare #กล่องให้พร #ตู้ปันสุข
.
อีกช่องทางติดตาม MGROnline Live เพิ่มเติม
Twitter :https://twitter.com/MGROnlineLive
Line : line.me/R/ti/p/%40zut9752t
IG : https://instagram.com/mgronline
Youtube : youtube.com/user/astvmanagervdo

 

ไทยส่งแรงงานเมียนมาตกค้างจากวิกฤตโควิด ล็อตแรก 210 ชีวิตข้ามแม่สอดเข้าเมียวดี รอกลับบ้านเกิดแล้ว
.
#MGROnline #แรงงานเมียนมา #โควิด19
.
อีกช่องทางติดตาม MGROnline Live เพิ่มเติม
Line : line.me/R/ti/p/%40zut9752t
IG : https://instagram.com/mgronline
Youtube : youtube.com/user/astvmanagervdo

 

แบ่งปันจาก Michaels DiFato

การอ่านสนามแม่เหล็กและดู Magnetosphere ของโลกในวันนี้

Magnetic Field readings and a look at the Magnetosphere of the Earth today.

 

แผ่นดินไหว ขนาด 6.1
ภูมิภาค นอกชายฝั่งของ SINALOA, MEXICO
วันที่ 2020-05-22 เวลา 08: 46: 08.4 UTC
ตำแหน่ง 22.48 N; 107.92 W
ความลึก 10 กม
Macroseismic
เอฟเฟกต์ความเข้ม VI: สร้างความเสียหายเล็กน้อย

Magnitude 6.1
Region OFF COAST OF SINALOA, MEXICO
Date time 2020-05-22 08:46:08.4 UTC
Location 22.48 N ; 107.92 W
Depth 10 km
Macroseismic
Intensity VI Effects: Slightly Damaging

Distances
516 km NW of Guadalajara, Mexico / pop: 1,641,000 / local time: 03:46:08.4 2020-05-22

307 km SE of La Paz, Mexico / pop: 172,000 / local time: 02:46:08.4 2020-05-22

175 km SW of Mazatlán, Mexico / pop: 355,000 / local time: 02:46:08.4 2020-05-22

https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=860345

 

ความบาดหมางของสหรัฐฯ และจีน มีทีท่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงกับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า เตรียมจะขึ้นบัญชีดำบริษัท และสถาบันต่างๆ ของจีนอีก 33 แห่ง โดยกล่าวหาว่าเพื่อลงโทษที่เป็นสายลับสอดแนมเรื่องชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ให้กับรัฐบาลจีน หรือมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีการทำลายล้างสูง และรับใช้กองทัพจีน
.
มาตรการของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ถือเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเล่นงานบริษัทจีนซึ่งผลิตสินค้าที่อาจใช้สนับสนุนกิจกรรมของกองทัพแดนมังกร รวมถึงลงโทษปักกิ่งฐานกดขี่ชาวมุสลิมกลุ่มน้อย ซึ่งประกาศนี้มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนออกมาเผยแผนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงคุมม็อบในฮ่องกง
.
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัท 7 แห่ง และ 2 สถาบันของจีน ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการปราบปราม การกักขังโดยพลการ การบังคับใช้แรงงาน และการสอดแนมทางด้านเทคโนโลยีขั้นสูงต่อชาวอุยกูร์ ส่วนบริษัท สถาบันของรัฐ และองค์กรการค้าอื่นๆ อีก 24 แห่งของจีน ได้ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากสนับสนุนการจัดซื้อสินค้าให้กับกองทัพจีน
.
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า ได้เพิ่มรายชื่อบริษัท และสถาบันต่างๆ ดังกล่าวของจีนในรายการ "entity list" ซึ่งจะจำกัดการขายสินค้าของสหรัฐฯ ให้กับบริษัทและสถาบันเหล่านั้น รวมถึงสินค้าที่ผลิตในต่างประเทศด้วยคอนเทนต์หรือเทคโนโลยีของสหรัฐฯ โดยบริษัทต่างๆ สามารถยื่นขอใบอนุญาตเพื่อขายสินค้าได้ แต่ต้องพิสูจน์เพื่อปฏิเสธข้อสันนิษฐานดังกล่าวของสหรัฐฯเสียก่อน
.
โดยบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำนั้นทำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทชิปของสหรัฐฯ เช่นเอ็นวิเดีย คอร์ป และ อินเทล คอร์ป ได้เข้าไปลงทุนไว้อย่างมาก หนึ่งในบริษัทของจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำได้แก่ เน็ตโพซา ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเอไอ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน และมีบริษัทในเครือที่ใช้เทคโนโลยีในการจดจำใบหน้าสำหรับการสอดแนมชาวมุสลิม
.
ไม่นานมานี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทและหน่วยงานด้านความมั่นคงสาธารณะของจีน 28 แห่งเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2019 ในจำนวนนี้ยังรวมถึงบริษัทสตาร์ทอัปด้านเอไอ และผู้ผลิตกล้องวงจรปิด Hikvision โดยกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในแคมเปญกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์

สหรัฐฯ ยังใช้พิมพ์เขียวเดียวกันในการเล่นงาน ‘หัวเว่ย เทคโนโลยี’ ผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนซึ่งอเมริกากล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ก็เพิ่งจะออกกฎระเบียบใหม่ที่มุ่งกีดกันไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิประดับไฮเอนด์ได้

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.reuters.com/article/us-...itutions-to-economic-black-list-idUSKBN22Y2QR

https://www.voanews.com/usa/us-adds-33-chinese-companies-institutions-economic-blacklist

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/881921

https://mgronline.com/around/detail/9630000053729

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ซินหัว, ลอนดอน — วารสารการแพทย์เดอะ แลนเซต (The Lancet) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ค.) ว่าการทดลองวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ของจีน ซึ่งเป็นวัคซีนโรคโควิด-19 ตัวแรกที่ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 ปรากฏผลว่าปลอดภัย ทนทาน และสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์ได้
.
การทดลองแบบเปิด (open-label trial) ในผู้ใหญ่สุขภาพดี 108 คน พบผลลัพธ์เชิงบวกหลังเวลาผ่านไป 28 วัน โดยจะมีการประเมินผลลัพธ์สุดท้ายภายใน 6 เดือน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่าการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
.
“ผลลัพธ์เหล่านี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ การทดลองพบว่าวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิดใช้อะดิโนไวรัส ไทป์ 5 เป็นตัวนำพา (Ad5-nCoV) ผลิตแอนติบอดีและเซลล์ที (T cell) แบบจำเพาะไวรัสภายใน 14 วัน จึงกลายเป็นวัคซีนที่มีศักยภาพต่อการตรวจสอบเพิ่มเติม” ศาสตราจารย์เฉินเวย สถาบันเทคโนโลยีชีวภาพปักกิ่ง ซึ่งรับผิดชอบการศึกษาครั้งนี้กล่าว
.
“อย่างไรก็ดี ควรตีความผลลัพธ์เหล่านี้อย่างรอบคอบ เพราะความท้าทายของการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้มาก่อน การที่วัคซีนกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันไม่ได้บ่งชี้ว่าจะปกป้องมนุษย์จากโรคโควิด-19 เสมอไป ผลลัพธ์ที่ได้สะท้อนสัญญาณดีของการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 แต่ยังอีกนานกว่าจะได้วัคซีนที่พร้อมใช้กับทุกคน”
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/china/detail/9630000053724
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ต่างมีวิธีการแก้ปัญหาที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเรื่องการรับมือเชื้อไวรัส การพัฒนาประเทศ หรือการเยียวยาประชาชนของตัวเอง ประเทศฝรั่งเศสก็เช่นกัน
.
ล่าสุดมีนักธุรกิจรายหนึ่งชื่อ Stephane Distinguin นักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัท Fabernovel บริษัทด้านเทคโนโลยีของฝรั่งเศส ได้ออกมาแนะนำรัฐบาลของประเทศตัวเองผ่านนิตยสารดังฉบับหนึ่งว่า
.
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เห็นควรให้รัฐบาลขายภาพวาดของจิตรกรดังชาวอิตาลีอย่าง โมนาลิซ่า ของลีโอนาโด ดา วินชี ด้วยราคาเริ่มต้น 50,000 ล้านยูโร หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท รวมถึงสมบัติชนิดอื่นๆ เพื่อหาเงินระดมทุนในการเยียวยาฟื้นฟูผลกระทบความเสียหายจากไวรัสโควิด-19
.
"ในฐานะผู้ประกอบการและผู้เสียภาษี ผมรู้ดีกว่าเงินพันล้านเหล่านี้ไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น มันล้วนเป็นค่าใช้จ่ายของเราทุกคน สิ่งสะท้อนที่แท้จริงขณะนี้คือการขายสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ต้องกระทบต่ออนาคตของเราน้อยที่สุด ภาพเขียนเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายง่าย และในฝรั่งเศสมีภาพเขียนดังอยู่หลายภาพ .. ปี 2020 เราต้องหาเงินจากแหล่งที่มีอยู่ ก็เหมือนกับครอบครัวที่ขายสมบัติเพื่อประทังชีวิต ราคามันจึงต้องมีมูลค่าอย่างมาก เพื่อดึงดูดความสนใจของคน ผมประเมินภาพโมนาลิซ่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านยูโร แต่บางคนก็แย้งผลงานระดับนี้ไม่อาจประเมินมูลค่าได้" นาย Distinguin กล่าว
.
Distinguin ยังเสนอให้ใช้ภาพโมนาลิซาในฐานะสื่อกลางแทนเงิน เช่นการให้แต่ละที่ประเมินนำไปจัดแสดงชั่วคราวเพื่อแลกกับเงิน หากรัฐบาลไม่อยากเสียภาพวาดดังไป ภาพวาดโมนาลิซ่า เชื่อว่าถูกวาดขึ้นโดยศิลปินอิตาลีช่วงปี ค.ศ. 1503 ถึง 1506 จากนั้นในปี ค.ศ. 1516 ดาวินชีได้นำภาพดังกล่าวจากอิตาลีไปยังฝรั่งเศส ตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1
.
ปัจจุบันภาพนี้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ อันเป็นเครื่องหมายสากลว่าภาพโมนาลิซา จะไม่มีวันที่จะได้เคลื่อนย้ายไปแสดงที่ไหนอีกเป็นเด็ดขาด

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.dailymail.co.uk/news/ar...billion-deal-coronavirus-economic-crisis.html

https://www.coffscoastadvocate.com.au/news/france-told-to-sell-mona-lisa-for-83bn/4019625/

https://www.posttoday.com/world/624166

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดย นาย Michael Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีแถลงการณ์ให้จีนเปลี่ยนการตัดสินใจเรื่องการจะนำประเด็นการใช้กฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่สำหรับฮ่องกงเข้าสู่ที่ประชุม National People’s Congress ของจีนที่เริ่มวานนี้

สหรัฐมองว่า การใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นสัญญาณหายนะต่อความเป็นอิสระในการปกครองตนเองของฮ่องกงตามที่ทางการจีนได้ให้คำมั่นไว้ในการรับส่งมอบฮ่องกงคืนในปี 1997 และจะกระทบต่อการประเมินของสหรัฐฯ ต่อสถานะเขตการปกครองพิเศษแบบหนึ่งประเทศสองระบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ ทางด้านวุฒิสมาชิก Marco Rubio จากพรรค Republican แกนนำต่อต้านจีน ได้แสดงความเห็นว่าการตัดสินใจของจีนครั้งนี้จะนำฮ่องกงไปสู่จุดแตกหักของความเป็นอิสระในการปกครองตนเอง และเรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ตอบโต้โดยด่วน โดยเสนอแนะให้ทางสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตร และยกเลิกสิทธิพิเศษด้านภาษีและการค้าแก่ฮ่องกง ตามอำนาจที่ได้รับจากกฎหมาย Hong Kong Human Rights and Democracy Act ที่รัฐสภาสหรัฐฯ ได้อนุมัติไว้เมื่อปีที่แล้ว เช่นเดียวกับด้านประธานาธิบดี Trump ที่แม้จะยังไม่ได้มีความเห็นต่อประเด็นนี้อย่างจริงจัง แต่ได้กล่าววานนี้ว่าจะมีการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นอกจากนี้ ทางด้านนาย Kevin Hassett หนึ่งในทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump กล่าวว่าขณะนี้ทีมงานอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการตอบโต้ และเตือนว่าการกระทำของจีนจะเป็นต้นทุนมหาศาลต่อจีนและประชาชนชาวฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงอาจจะสูญเสียสถานะศูนย์กลางทางการเงินในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ และอาจเห็นเงินทุนไหลออกจำนวนมาก

Source: BoTSS

- US attempts to use outrage over China's Hong Kong law to rally support behind anti-Beijing efforts: https://www.cnn.com/2020/05/22/politics/us-trump-administration-china-hong-kong/index.html

 

ปัญหาการว่างงานอย่างน้อย 27 ล้านราย หนึ่งในภารกิจที่จีนจะต้องสะสางในปี 2020 ปีแห่งวิกฤติ COVID-19
.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วิกฤติแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบในตลาดแรงงานไปทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะที่ประเทศจีน พื้นที่ระบาดหนักพื้นที่แรก โดยมีรายงานตัวเลขออกมาจากทางการจีน พบว่า จะมีแรงงานในพื้นที่เขตเมืองที่ว่างงาน 6% หรือคิดเป็นจำนวนราว 27ล้านคน ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา ประมาณ 1% ทำให้การแก้ปัญหาภาวะว่างงานหลังโควิด-19 กลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีการพูดถึงอย่างมาก ในการประชุมสองสภา–การประชุมประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในจีน อันประกอบไปด้วย การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ และ สภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน
.
ในการแถลง Government Work Report รายงานการทำงานของรัฐบาลจีน โดยนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ณ การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา มี คำว่า Employment หรือการจ้างงาน ปรากฏในถ้อยคำแถลง 39 ครั้ง ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 2 รองจาก คำว่า Development การพัฒนา ที่ปรากฎสูงถึง76ครั้ง ขณะที่ Epidemic วิกฤติการแพร่ระบาด ปรากฎ34ครั้ง รั้งอันดับ3
.
จากข้อมูลข้างต้น ทำให้เราได้เห็นว่า ปีนี้ 2020 จีนมุ่งเน้นในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะประเด็นแรงงานในประเทศและวิกฤติการแพร่ระบาด โควิด-19
.
เอาล่ะ เรามาดูกันต่อว่า แล้วทางจีน มีแพลนทำอะไรบ้าง ในประเด็นจ้างงานและแก้ปัญหาว่างงาน
.
1.ซัพพอร์ต SMEs สุดแรง
จีนมุ่งเน้นนโยบายช่วยเหลือ SMEs ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เช่น ให้เงินอุดหนุน, พักชำระหนี้กู้ยืมธนาคาร, ยกเว้นภาษีธุรกิจ เมื่อธุรกิจเหล่านี้ไปต่อได้ ความกดดันในเรื่องของการจ้างแรงงานก็จะคลี่คลาย และมีการจ้างงานมากขึ้น

2.ปรับภาษี ลดค่าธรรมเนียมสารพัด
นอกจากมุ่งเน้นไปยังธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ในการช่วยเหลือภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วทั้งจีนในภาพรวม จีนได้ออกมาตรการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศจีน คิดเป็นเงินกว่า 5แสนล้านหยวน
.
มาตรการนี้ครอบคลุม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ อย่าง ลดค่าไฟฟ้า 5% และ ค่าอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยที่ 15% ด้วย จุดประสงค์ที่ออกมาตรการนี้ เพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการลดภาระค่าใช้จ่าย โดยที่ไม่ต้องไปลดการจ้างงาน ทำให้การจ้างงานสามารถดำเนินต่อไปได้

3.วางเป้าหมาย คนจนในชนบทต้องหมดไป
ทางรัฐบาลจีนยังคงยืนยันว่า เป้าหมายที่จะแก้จน และทำให้จำนวนคนจนในเขตชนบทของจีน เท่ากับ 0 จะสำเร็จในปีนี้ 2020 ตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ แม้ว่าจะมีวิกฤติ โควิด-19 เข้ามา
.
โดยนโยบายแก้จน ของจีน ถือเป็นอีก1ตัวแปรสำคัญที่เข้ามามีผลโดยตรงต่อการจ้างงานและแก้ปัญหาว่างงานในจีน เนื่องจาก หนึ่งในการแก้จนของทางการจีน คือการสร้างสภาพแวดล้อมและสร้างงานในเขตพื้นที่ชนบท แทนที่ประชาชนจะเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว เช่น การส่งเสริมให้แต่ละหมู่บ้านจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร และหัตถกรรม รวมถึงของดีประจำถิ่น ผ่านทาง E-commerce , พัฒนาหมู่บ้านเขตชนบทให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นต้น

4.ฟื้นฟูอัตราการจ้างาน จากการสนับสนุนของรัฐ
จีนตั้งเป้า จำนวนตำแหน่งงานในเขตเมืองที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2020 อยู่ที่ตัวเลข 9 ล้านตำแหน่ง แม้ว่าจะน้อยกว่า ปีที่ผ่านมา ราว 4ล้าน (ปี 2019 ตัวเลขที่รายงาน คือ 13ล้านตำแหน่งงาน) แต่ถือเป็นตัวเลขที่ทางจีนคิดว่าเป็นไปได้ ในปีที่เกิดวิกฤติแบบนี้
.
โดยช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ฯ ของจีน จัดงานแฟร์หางาน โดยใช้ช่องทาง ONLINE เป็นครั้งแรก เนื่องจากไม่สามารถจัดงานตามปกติได้ในช่วงโควิด-19

5.ประกาศอาชีพใหม่ที่เป็นอนาคตใหม่ของแรงงานจีน
จีนประกาศรายชื่ออาชีพใหม่ ในยุค Digital เพื่อตอบสนองการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Digital ในช่วงที่ โควิด-19 แพร่ระบาด และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกหลังโควิด-19ผ่านพ้นไป

6.อุดหนุนแรงงานสายอาชีพ
จีนโฟกัสไปที่ การเพิ่มจำนวนผู้ที่จบการศึกษาสายอาชีพ (อาชีวศึกษา) โดยตั้งเป้าไว้ที่ 2ล้านคน ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้า
.
สาเหตุที่จีนต้องการเพิ่มจำนวนผู้ที่จบสายอาชีวะ เนื่องจาก สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ไว เพื่อเพิ่มกำลังในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม กลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศจีน ละยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้นโยบาย MADE IN CHINA 2025 หรือการเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไปทั่วโลกของจีนสำเร็จตามแผนที่ตั้งไว้อีกด้วย
.
ต้องยอมรับว่า หลัง โควิด-19 จีนมีปัญหาใหญ่หลายสิ่ง ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ถือว่าเป็นภารกิจที่ท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าจีนอยากจะก้าวมาสู่มหาอำนาจของโลกใบนี้ ก็ต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ “คงจะไม่ยากเย็นเกินไป สำหรับพญามังกร”

ขอขอบคุณ อ้ายจง

อ้างอิงจาก
https://news.cgtn.com/news/2020-05-...government-work-report--QHipLRgnny/index.html
.
https://news.cgtn.com/news/2020-05-...nd-rural-revitalization-QH23aHIgF2/index.html
.
https://news.cgtn.com/news/2020-05-...iness-employment-stable-QH3ci8hBxS/index.html

http://en.people.cn/n3/2020/0522/c98649-9693056.html
.
http://en.people.cn/n3/2020/0522/c90000-9693021.html
.
http://www.ecns.cn/news/2020-05-22/detail-ifzwqsxz6414226.shtml
.
http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/22/WS5ec726fba310a8b2411577ee_6.html
.
https://www.scmp.com/economy/china-...hinas-unemployment-crisis-mounts-nobody-knows
.
http://www.china.org.cn/china/2020-04/17/content_75942642.htm

 

ถอดบทเรียนแบรนด์เครื่องสำอางไทย กวาดยอดขายหลักร้อยล้านบาทที่จีน ใน 1ปี

-----

ถ้าใครที่เคยติดตามเรื่องราวการตลาดจีนและธุรกิจจีนบนเพจอ้ายจง คงจะจำประเด็นที่อ้ายจงเล่าอยู่บ่อยๆ สำหรับประเด็น “สินค้าสายBeauty พวกเครื่องสำอางและสกินแคร์ของไทย ได้รับความนิยมจากคนจีน” โดยเฉพาะคนที่มาเที่ยวไทย แบบFIT (เที่ยวด้วยตนเอง ไม่พึ่งกรุ๊ปทัวร์)

วันนี้อ้ายจงเลยขอหยิบเคสแบรนด์สินค้าBeautyของไทยแบรนด์หนึ่ง ที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในตลาดจีนเป็นอย่างมาก

แบรนด์ที่อ้ายจงพูดถึงคือแบรนด์ Zenn ซึ่งเป็นแบรนด์เครือเดียวกันกับ Tokyo Dolls แบรนด์Beautyสัญชาติไทยแท้

โดยยอดขายของ Zenn ในประเทศจีน เมื่อปีที่แล้ว ขายสินค้าไปประมาณ 2 ล้านกว่าชิ้น ราคาขายหน้าร้านในประเทศจีน ชิ้นละ 2-3 ร้อยบาทไทย ดังนั้น คิดเป็นยอดขาย ก็ราวๆ 600ล้านบาททีเดียว

เราลองมาวิเคราะห์กันดีกว่าว่า ทำไมแบรนด์นี้จึงประสบความสำเร็จ

1. วาง Position อย่างชัดเจนว่า ตำแหน่งของเราจะอยู่ในจุดไหน กลุ่มเป้าหมายคนจีนที่จะมาเป็นลูกค้าเราคือกลุ่มไหน

เท่าที่อ้ายจงได้สำรวจตลาดออนไลน์ในจีน พบว่า แบรนด์นี้ กำหนด Position อย่างชัดเจนว่า เป็นแบรนด์สัญชาติไทย กำเนิดจากประเทศไทย และเน้นเจาะตลาดจีนโดยตรง โดยสินค้าต่างๆ จะเลือกสไตล์ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนจีน ซึ่งแน่นอนว่า เป็นผู้หญิง อายุ 18-35ปี คือเจาะกลุ่มวัยรุ่นและสาววัยทำงานสมัยใหม่

-----

2. วาง Brand character กำหนดตัวตนของแบรนด์เราให้ชัดเจน

Zenn มี Character ที่ชัดเจน อ้ายจงไม่ได้เป็นผู้หญิง ไม่ใช่คนแต่งหน้า แต่พอเข้าไปดูใน Weibo สื่อออนไลน์ของทางแบรนด์นี้ และดูแต่ละโพสต์ที่จัดทำขึ้น เห็นเลยว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นความ “แฟชั่นสมัยใหม่ และ สีสันของคนรุ่นใหม่” เรียกได้ว่า ทำเข้ากับผู้หญิงจีนที่ชอบแต่งหน้าแนวสีสันสดใสจริงๆ

นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าเรากำหนดตัวตนของแบรนด์เราชัดเจนแล้ว สื่อที่เราทำขึ้นมา ไม่ว่าจะสื่อออฟไลน์หรือออนไลน์ ก็ต้องสื่อสารตัวตนของเราออกมาให้ได้ด้วยเช่นกัน

-----

3. วางกลยุทธ์การตลาด ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดคล้องกับ ข้อ 1 และ 2

สำหรับ Zenn แผนระยะสั้นและกลาง ในการทำตลาดจีน คือ ทำให้คนจีนเริ่มรู้จัก จนมี Distributor ติดต่อเข้ามา ซึ่งขั้นตอนนี้เราสามารถใช้สื่อออนไลน์ช่วยทำให้คนจีนรู้จักและไปเตะตา Distributor ได้ เช่น การใช้ KOL (Key Opinion Leader) ผู้นำทางความคิด /Celebในโลกออนไลน์/เน็ตไอดอล หรือ คนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในโลกออนไลน์

พอเริ่มเป็นที่รู้จัก และ มีDistributor ติดต่อเพื่อนำไปจำหน่ายในจีน สิ่งที่ทาง Zenn ทำต่อไปคือการกำหนดแผนระยะยาว ว่าจะอยู่ในตลาดจีนได้เช่นไร

จัดจำหน่ายแบบไหน ซึ่งทางแบรนด์ไทยเจ้านี้ ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นว่า จะต้องขายใน Modern Trade ให้ได้ เพื่อที่จะเป็นแบรนด์Beautyที่ขายในจีนระยะยาว และเน้นสร้างProduct ให้ถูกจริตของคนจีน

นี่จึงเป็นที่มาของการเป็น Partnerกับ THE COLORIST ร้านเครื่องสำอางและสกินแคร์รายใหญ่ของจีน

(KK Group บริษัทแม่ของ THE COLORIST ถือเป็น Startupจีน ธุรกิจ O2O – Online to Offline ระดับ Unicorn มีมูลค่าบริษัทแตะ 1พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อปี2019 เพิ่งได้รับเงินทุน 100ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกองทุน eWTP :Electronic World Trade Platform ที่ริเริ่มโดย Alibaba จากการระดมทุน รอบ Series D หลังจากในรอบ Series C ก็ได้ไปแล้วจาก eWTP ราว 60ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

-----

4. Customer Journey ต้องชัด กำหนดไปเลยว่า ลูกค้าจะเจอแบรนด์เราได้อย่างไร

กรณีของ Zenn คล้ายกับ กรณีของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ที่อ้ายจงเคยวิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้แล้วนะครับ คือเราต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่า สุดท้ายแล้ว สินค้าของเราจะไปอยู่ในมือของผู้บริโภคได้เช่นไร

ทั้ง Zenn และ เถ้าแก่น้อย เลือกที่ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของเขาจากการมาเที่ยวไทยก่อน จากนั้นก็ไปเจาะตลาดจีนโดยตรง แต่ยังไม่ทิ้งแบรนด์ในไทยนะครับ เพราะในเมื่อเราเข้าไปในฐานะ แบรนด์จากประเทศไทย เป็นแบรนด์ต่างประเทศในสายตาคนจีน พวกเขาก็ยังคงสนใจว่า “ในประเทศต้นกำเนิดของแบรนด์นั้น มีจำหน่ายจริงหรือไม่?”

ต้องยอมรับว่า Zenn กำหนดความสำคัญของกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน ว่า เทไปทางตลาดจีนมากกว่าตลาดไทย อย่างที่อ้ายจงระบุไว้ในข้อ 1แล้วว่า เขาทำคอลเลคชั่นและสีสันต่างๆเจาะคนจีนอย่างเห็นได้ชัด

Customer Journey เส้นทางการเดินของลูกค้าที่จะเจอแบรนด์ของเขา จึงเน้นไปในตลาดจีน ซึ่งตอนนี้กำลังรุก Modern Trade เป็นหลัก

-----

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการวิเคราะห์ ความสำเร็จของแบรนด์ไทยในตลาดจีน ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ แล้วมาลุ้นกันว่า คราวหน้า อ้ายจงจะมาวิเคราะห์แบรนด์ไหนอีก

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

คนมีวีต้องอ่าน เดินทางออกจากเกาหลีแล้วกลับเข้ามาใหม่อีกทีไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป..........

#thaikuk #thaikuknews #Re_entryPermit #ต่างชาติ #คนวี

https://thaikuk.com/korea-news/gene...igners-must-obtain-a-reentry-permit-20200523/

 

เราอาจจะคุ้นเคยกับเห็ดหูหนูในตลาด ขายกิโลกรัมละประมาณ 60 บาท

หรือแพงขึ้นมาหน่อยอย่างเห็ดหลินจือ ก็ขายกันถึงกิโลกรัมละ 2,000 บาท

แต่เคยได้ยินเรื่องราวของ "เห็ดทรัฟเฟิล" กันรึเปล่า!?

มันคือเห็ดที่มีราคาซื้อขายกันเฉลี่ยถึง 300,000 บาทต่อกิโลกรัม

สงสัยไหมว่า ทำไมทรัฟเฟิลที่เป็นแค่ "เห็ด" ถึงมีราคาแพงได้ขนาดนั้น วันนี้เราจะไปร่วมหาคำตอบพร้อมๆ กัน...


1. ทรัฟเฟิลคืออะไร? ทำไมจึงได้รับความนิยม!?

หากย้อนไปในประวัติศาสตร์ มีการพูดถึงทรัฟเฟิลมาตั้งแต่ราวๆ 2,400 ปีก่อนแล้ว

แต่ถ้าจะหาหลักฐานที่ยืนยันว่ามันได้รับความนิยมจริงๆ ก็คือช่วงยุคยุคเรอเนซองส์เป็นต้นมา

ด้วยเหตุผลว่า เจ้าทรัฟเฟิลเป็นเห็ดที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มันจึงได้รับความนิยมขึ้นมาในเมนูอาหารฝรั่งเศส

เมื่อความอร่อยของมันได้รับการบอกต่อปากต่อปาก จนโด่งดังข้ามประเทศ ไปพร้อมๆ กับการที่อาหารฝรั่งเศสสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก

คนก็เลยเริ่มรู้จักและนิยมบริโภคเจ้าทรัฟเฟิลมากขึ้นตามไปด้วย


เจ้าทรัฟเฟิล แม้จะมีหลายสายพันธุ์ แต่สามารถแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

- กลุ่มทรัฟเฟิลดำ มักพบได้ในฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี มีราคาอยู่ที่ราวๆ กิโลกรัมละ 100,000 บาท

- กลุ่มทรัฟเฟิลขาว ที่พบได้ในทางเหนือของอิตาลี และมักถูกขายผ่านการประมูล ตั้งแต่ 300,000 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสภาพของเห็ด


2. มันหายากขนาดนั้นเลยเหรอ!?

แน่นอนว่า แค่รสชาติหรือกลิ่นเฉพาะตัว ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ทรัฟเฟิล เป็นเห็ดแพงที่สุดในโลก

แต่มาจาก "ความหายาก" และ "ความเรื่องมาก" ของเจ้าทรัฟเฟิลเอง

ข้อแรกก็คือ ทรัฟเฟิลเป็นเห็ดที่ขึ้นอยู่ตามรากของต้นไม้ ซึ่งอยู่ใต้ดินอีกทีหนึ่ง

วิธีการเดียวที่เราจะหามันได้ จึงต้องใช้ "สัตว์" ช่วยดมกลิ่น

ในอดีต คนจะใช้หมูที่ชื่นชอบการกินเห็ดเพื่อหาทรัฟเฟิล แต่พวกเขาก็ต้องเจอปัญหาหมูขุดคุ้ยดินจนพัง

แถมบางครั้งมันกินทรัฟเฟิลซะเองอีก!!

ในปัจจุบันนักเก็บทรัฟเฟิล จึงได้เปลี่ยนมาใช้งานสุนัขที่ควบคุมได้ง่ายกว่า ไม่แย่งมนุษย์ขุดหาเห็ดจนทำให้ทรัฟเฟิลเสียหาย

แต่ต่อให้มีการใช้สัตว์ช่วย มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี เพราะพื้นที่ป่ากว้างใหญ่ คนก็เลยต้องเสียเวลาเป็นวันๆ เพื่อตามหามัน


และข้อที่สอง ความเรื่องมากของมัน...

เราจะพบมันได้แค่ตามรากของต้นไม้บางชนิด อย่างโอ๊ก สน และเฮเซล

แถมถ้าสภาพอากาศไม่เหมาะสมพอดิบพอดี ไม่ว่าจะความชื้นมากไป หรือฝนน้อยไป มันก็จะไม่โตเอาเสียดื้อๆ

ที่สำคัญ สถานที่พบทรัฟเฟิลได้บ่อยพอที่จะคุ้มค่ากับการไปตามล่านำมาขาย ยังแค่ในพื้นที่ป่า ที่มีอยู่จำกัด

เช่น ในอิตาลี ฝรั่งเศส บางส่วนของยุโรป บางพื้นที่ในสหรัฐฯ และบางส่วนของออสเตรเลียเท่านั้น


3. ช่วงเวลาการเก็บเกี่ยว และอายุการเก็บรักษาที่สั้น

แต่นอกจากทรัฟเฟิลจะหายากแล้ว มันยังเก็บได้แค่บางช่วงของปี แถมเสียรสชาติง่ายไปอีก (เอ๊า!!)

ช่วงเวลาที่ทรัฟเฟิลส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวได้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะเดือนธันวาคม

(แม้ทรัฟเฟิลบางสายพันธุ์จะถูกพบได้ในฤดูร้อน แต่ถูกมองว่าคุณภาพไม่ดีเท่าฤดูหนาว ราคาก็ถูกกว่าเป็นเท่าตัว)

ด้วยความที่ ทรัฟเฟิลจะปล่อยกลิ่นของมันในช่วงที่โตที่สุดเท่านั้น หลักการเก็บมาบ่มแบบพืชชนิดอื่นๆ ก็เลยใช้ไม่ได้กับเจ้าเห็ดชนิดนี้

ดังนั้น เมื่อเหล่านักเก็บทรัฟเฟิลได้ผลผลิตมา พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องส่งทรัฟเฟิลไปให้ถึงมือลูกค้าให้เร็วที่สุด

เพราะเคยมีการเก็บข้อมูลว่า ภายในไม่ถึงสัปดาห์ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของทรัฟเฟิล นั้นจะหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง


4. อ่ะ ถ้ามันหายากนัก เราก็มาเพาะเองเลยสิ...

ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ดี แต่ปัญหาคือ ทรัฟเฟิลดันเพาะพันธุ์ยากสุดๆ เช่นกัน

ปัจจุบันมีคนบางกลุ่ม ริเริ่มทำฟาร์มทรัฟเฟิลได้แล้วจริงๆ แต่ก็ยังอยู่ในสเกลที่เล็กมาก

ด้วยเหตุผลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น..

- สถานที่เพาะจะต้องมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของทรัฟเฟิล มีความชื้น อุณหภูมิดินที่เหมาะสมที่ประมาณ 23-28 องศาเซลเซียส แต่ไม่ร้อนเกิน 30 องศา

- รากของต้นไม้ที่ต้องมาจากสายพันธุ์ที่เหมาะสม อย่างโอ๊ก สน หรือเฮเซล และต้องฝังเชื้อทรัฟเฟิลไว้ก่อนปลูกลงดิน

- พื้นดินที่ใช้ปลูกต้นไม้ที่มีเชื้อทรัฟเฟิล ควรมีความเป็นกลางหรือกรดเล็กน้อย (ค่า pH ราวๆ 7)

- ต้องมีดินที่นุ่ม และบ่อยครั้งจะต้องมีการติดระบบน้ำ เพื่อการให้ความชื้นที่ต่อเนื่อง

- ตัวเชื้อจะต้องแข็งแรงพอที่จะเติบโต ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เรายังควบคุมไม่ได้ 100%

ทั้งหมดนี้ อาจจะทำให้ฟาร์มแห่งหนึ่งต้องใช้เวลานานถึง 6 ปี กว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวทรัฟเฟิลที่ดีพอต่อการนำไปขายได้จริงๆ

และที่สำคัญคือต่อให้ทำฟาร์มขึ้นมา มันก็ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าทรัฟเฟิลจะยอมโต คุ้มค่ากับการลงทุน

สมมติว่ามันโตปีนี้ แต่ปีหน้ามันก็อาจจะไม่โตขึ้นมาดื้อๆ เลยก็เป็นไปได้อีก


5.อนาคตของ "เห็ดทรัฟเฟิล"

ถึงการเพาะพันธุ์จะทำได้ยาก แต่มันก็ดีกว่าการไปหาเก็บเอาในธรรมชาติอย่างเดิม

ด้วยความที่โลกต้องเผชิญกับภาวะอาการเปลี่ยนแปลง และการตัดไม้ทำลายป่า ตัวเลขผลผลิตของทรัฟเฟิลป่าจึงลดลงเป็นอย่างมาก

จากที่ในฝรั่งเศส เคยบันทึกว่าในช่วงปี 1900 นั้น เก็บทรัฟเฟิลป่าได้ 1,000 ตันต่อฤดูกาล

ผ่านมาประมาณร้อยปี ทรัฟเฟิลป่าที่พวกเขาเก็บได้ก็เหลือแค่ราวๆ 30 ตันต่อฤดูเท่านั้น

ทำให้ปัจจุบัน เห็ดจากฟาร์มนั้นก็เป็นสัดส่วนถึง 70% ในตลาดทรัฟเฟิล


ในอนาคตที่ทรัฟเฟิลป่าลดลง ถ้าการเพาะปลูกทรัฟเฟิลยังไม่สามารถไล่ตามกับความต้องการบริโภคของมนุษย์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ได้

สุดท้ายมันก็จะกลับมาสู่หลักการที่ว่า เมื่อสินค้ามีเท่าเดิม แต่ความต้องการสูงขึ้น ก็จะผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปอีก

และเราอาจจะได้เห็นทรัฟเฟิล ราคากิโลละครึ่งล้านในอนาคตก็เป็นได้..


-----------------------------------------

ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

- เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

- อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

- ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

 

*องค์การอนามัยโลกแบ่ง COVID-19 ออกเป็นกลุ่ม ๆ ดังนี้ กลุ่ม S, V และ G ซึ่งแบ่งไปตามรูปแบบพันธุกรรม ในด้านกลุ่ม S และ V นั้นพบในแถบเอเชียรวมถึงจีน และกลุ่ม G นั้นพบในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันกลุ่มไวรัสทั้งหมดนั้นก็พบในแต่ละประเทศ



ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันที่ 22 พฤษภาคม ยอดผู้ป่วยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคลับในอิแทวอนอยู่ที่ 215 ราย

แบ่งตามพื้นที่ดังนี้

กรุงโซล 102 ราย, คย็องกีโด 52 ราย, อินชอน 40 ราย, ชุงช็องบุคโด 9 ราย, คย็องซังนัมโด 2 ราย, แทจอน 1 ราย, ชุงช็องนัมโด 1 ราย, คังวอนโด 1 ราย, เชจู 1 ราย

แบ่งตามอายุได้ดังต่อไปนี้

– อายุตำ่กว่า 18 ปี : 25 ราย, อายุระหว่าง 19 – 29 : 120 ราย, อายุระหว่าง 30 – 39 : 31 ราย, อายุระหว่าง 40 – 49: 17 ราย, อายุระหว่าง 50 – 59 : 11 ราย, อายุมากกว่า 60 : 11 ราย

แบ่งตามเพศ

– ผู้ชาย 170 คน

– ผู้หญิง 45 คน






อย่างไรก็ตาม มีการปรากฎของเชื้อโควิด กลุ่ม G ซึ่งเป็นยีนของเชื้อที่พบจากกลุ่มนักเที้ยวคลับอิแทวอน

กลุ่ม G นี้เป็นยีนไวรัสโควิด-19 ที่เป็นที่ระบาดอยู่ในโซนยุโรปและสหรัฐอเมริกา

หน่วยงานกักกันโรคไม่ได้มีการยืนยันถึงบุคคลที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อครั้งแรกในคลับอิแทวอนนั้นว่ามาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา

*องค์การอนามัยโลกแบ่ง COVID-19 ออกเป็นกลุ่ม ๆ ดังนี้ กลุ่ม S, V และ G ซึ่งแบ่งไปตามรูปแบบพันธุกรรม ในด้านกลุ่ม S และ V นั้นพบในแถบเอเชียรวมถึงจีน และกลุ่ม G นั้นพบในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันกลุ่มไวรัสทั้งหมดนั้นก็พบในแต่ละประเทศ






นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยโควิด-19 อีก 9 รายที่ได้รับการยืนยันจาก ‘라온파티’ ในบูช็อน, คย็องกีโด

เจ้าหน้าที่กักกันขอให้ผู้ที่ไป 라온파티 ให้เร่งเข้ารับการตรวจหาเชื้อจากศูนย์คัดกรองโรค

[เวลาที่คาดว่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยติดเชื้อหลังเข้าร้านบุฟเฟต์ 라온파티]

9 พฤษภาคม เวลา 16:50 ~ 20:30 น.

10 พฤษภาคม เวลา 10: 20 ~ 14: 14 น.

17 พฤษภาคม เวลา 10: 33 ~ 13: 42 น

[เส้นทางการติดเชื้อ]

อาจารย์ผู้สอนรร.กวดวิชาไปยังคลับอิอทวอน -> แพร่ไปยังนักเรียนของเขา -> คนขับรถแท็กซี่ (คนขับแท็กซี่ก็ทำงานเป็นช่างภาพ) -> ร้านบุพเฟต์ 라온파티





การติดเชื้อครั้งที่ 4 เกิดจากอาจารย์ผู้สอน

มีผู้ติดเชื้อแล้ว 9 คน รวมถึงเด็กหญิงอายุหนึ่งปีที่ได้จัดงานวันเกิดครั้งแรกที่ร้านบุพเฟต์ 라온파티 เพียงเพราะติดมาจากอาจารย์รร.กวดวิชาที่ไปคลับอิแทวอนมาแล้วยังโกหกว่าไม่มีงานทำอีก

ขอบคุณที่มาจาก: แหล่งข่าว

https://thaikuk.com/korea-news/gene...on-club-related-confirmed-is-type-g-20200523/