ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ออสเตรเลีย : เมลเบิร์น
    ชาวเมืองเมลเบิร์นตื่นตระหนกอีกครั้ง หลังทางการสั่งล็อคดาวน์อีก 6 สัปดาห์(รอบ2) หลังจากผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้สินค้าหลายรายการมีการกักตุนไม่เพียงพอ
    #แอดมินเพิ่มคลิปในช่องความเห็น

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วิธีลดอุณหภูมิในที่อยู่อาศัย แม้ในวันที่ร้อนอบอ้าว โดยไม่ต้องใช้แอร์

    จาก News1

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เอาจริงดิ ! อินเดียเผยกำลังเจรจา Travel Bubble กับสหรัฐ
    หนึ่งในมาตรการคลายล็อกเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้นจากวิกฤติโควิด คือการทำ Travel Bubble กับประเทศที่วางใจว่าจะไม่ส่งผลต่อการแพร่ระบาด แต่ล่าสุดประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 3 ของโลกกำลังเจรจาทำ Travel Bubble กับประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 อย่างสหรัฐ

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ส่อเลื่อนยาว ! คู่ Travel Bubble ไทยยังอ่วม เจอโควิดรอบ 2 : [NEWS REPORT]
    ก่อนหน้านี้ไทยมีการเจรจาจับคู่ Travel Bubble กับประเทศที่เห็นว่ามีความเสี่ยงต่ำ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ราวกลางเดือนสิงหาคม แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ประเทศคู่เจรจาที่มองไว้กลับเจอการแพร่ระบาดของโควิดรอบ 2 ทำให้ต้องเลื่อนจับคู่ Travel Bubble ออกไปอย่างไม่มีกำหนด รายละเอียดเป็นอย่างไรติดตามจากรายงาน

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทำความรู้จักกับองค์กร PETA กับวีรกรรมเพี้ยนๆ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [นานาจิตตัง ทุกคนมีอิสระที่จะเชื่อ

    ผมยังเคยเชื่อคนแบบนี้ ..เห็นๆ..มาบอกผมว่าการที่ผมเอาอาวุธ ที่มีอักขระนูน ไปถวายพนะบรมสารีริกธาตุ แชะทำให้ได้รับ และมีพลังแบบนี้เพิ่มพูนจนมหาศาล ผมยังเคยเชื่อเลย คนเราช่วงจะเชื่อ มันก็เชื่อจริงๆ น่ะ]

    ส่อง “เรนนี่” คนเห็นผี จอมมโน?

    เทียบชัด ๆ ความจริง กับสิ่งที่ “อ.เรนนี่” พูด พิสูจน์ให้เห็นกันจะ ๆ ว่า เรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ?

    #mgronline #เรนนี่ #บิดเบือนประวัติศาสตร์ #ช่องส่องผี

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รักห่างๆ
    .
    หัวใจสีขาวดวงใหญ่บนลานหญ้าของสวนสาธารณะ Queen Square เมือง Bristol, #UK ทำขึ้นเพื่อให้ผู้คนที่มาใช้สวนสาธารณะได้ใช้เพื่อสร้างระยะห่างทางสังคม
    cr :

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ## ทำไมคนฉลาดๆ จึงมักตัดสินใจผิดพลาด ##
    .
    บทความที่จะพาคุณรอดพ้นจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในชีวิต!!!
    .

    การตัดสินใจที่ดีคือตัดสินใจอย่าชาญฉลาดไม่ใช่คนฉลาดตัดสินใจ
    .
    เราไปดูกันว่า…เวลาพวกคนฉลาดพลาด…พลาดตรงจุดไหน และท้ายบทความแนวทางการตัดสินใจแบบยับยั้งโอกาสการผิดพลาดทำได้อย่างไร

    "สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" สุภาษิตโบราณที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า คนเก่ง คนฉลาด บางครั้งก็พลาดได้เหมือนกัน และอาจเป็นการพลาดง่ายๆ จนเราๆ แปลกใจได้เช่นกัน

    Alison George นักเขียนชื่อดังด้านการทำงานของสมอง ผู้ที่จบปริญญาเอกด้านชีววิทยาและชีวเคมี ที่หลงใหลเรื่องของสารต่างๆ ที่หลั่งในสมองของมนุษย์ ได้ทำวิจัยและยืนยันว่า ความฉลาดแทบไม่มีผลต่อการตัดสินใจของคนเลย

    อาจกล่าวได้ว่า จะฉลาดแค่ไหน ก็ไม่ทำให้การตัดสินใจดีขึ้นเสมอไป คนฉลาด คนเก่งจึงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะตัดสินใจได้ดีกว่าคนที่มี IQ ต่ำกว่า

    เรื่องราวเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจากการทดสอบความสามารถในการตัดสินใจของมนุษย์ โดยทดลองกับนักศึกษาของ Harvard และ Princeton

    ผลการทดสอบพบว่า คนเก่ง คนฉลาด ผิดพลาดด้วยการตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึกมากเกินไป พวกเขาทดสอบด้วยคำถามให้ตัดสินใจ เช่น "It takes five machine 5 minutes to make five widgets, how many minutes would it take a hundred machines to make a hundred widgets" คนจำนวนมากกลับตอบว่าหลายร้อยนาที เพราะถูกข้อมูลหลอกให้ใหญ่อารมณ์ตอบ

    อีกคำถามหนึ่ง "Jack is looking at Anne but Anne is looking at George. Jack is married but George is not. Is a married person looking at an unmarried person?" คำตอบส่วนใหญ่ไม่ Yes ก็ No มีส่วนน้อยเท่านั้นที่จะตอบว่าประเมินไม่ได้

    คนส่วนใหญ่ถูกข้อมูลหลอกจนตอบตามอารมณ์ จากข้อมูล คือ Jack แต่งงานแล้ว และ George ยังไม่แต่งงาน คำตอบจึงเกิดเป็น Yes หรือ No โดยหลายคนลืมและมองข้าม Anne ไป เราไม่มีรู้ว่า Anne แต่งงานหรือยัง

    คำตอบที่ ถูก คือ ไม่สามารถประเมินได้ ผลการทดสอบครั้งนี้ทำให้เห็นว่า คนฉลาดหรือคนเก่ง สามารถตกหลุมพลางด้วยการงับไปที่อารมณ์หรือความรู้สึก ทำให้ประเมินข้อมูลผิดพลาด

    จากการทดสอบหลายคำถาม ผลลัพธ์พบว่า 3 ใน 5 ของนักเรียนนักศึกษาทั้งหมดตอบผิดทุกข้อ!ขณะที่มีเพียง 17% ตอบถูกทั้งหมด

    การทดสอบในรูปแบบอื่นๆ ดำเนินต่อไปยิ่งทำให้เห็นว่า คนฉลาดสามารถตัดสินใจผิดพลาดได้อีก ด้วยการคิดเชิงเหตุและผลมากเกินไป

    ด้วยการคิดเชิงและผล ตามความเข้าใจของใครหลายคน คือ การยืนอยู่บนพื้นฐานความจริง ข้อเท็จจริง แต่บ่อยครั้งที่มนุษย์แอบใส่ความคิดเห็นหรืออารมณ์ปนเข้าไปกับความคิดทำให้เกิด Bias

    บางครั้ง เราเอาความเชื่อ ความคิดเห็นส่วนตัว หรือความคิดเห็นของคนอื่นเข้ามาประเมินการตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว เรียกว่าปล่อยตัวปล่อยใจให้อารมณ์พาไป

    การวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ แท้จริงเป็นการประเมินผลการวิเคราะห์ตามข้อเท็จจริงเป็นข้อๆ ไล่เรียงกันมา แล้วขีดฆ่าประเด็นที่มีความคิดเห็นหรือ Bias ของเราออกไป แต่โดยส่วนใหญ่จะมองเลยมองข้ามไป ตรงนี้แหละที่อันตราย

    เช่น เราต้องประเมินตัดสินใจการลงทุนขององค์กร มีการแตกข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน การตลาดและข้อมูลสภาพแวดล้อมอื่นๆ ประกอบร่วมด้วย

    .
    ขณะเดียวกันมีการประเมินเชิงคุณภาพที่ต้องประเมินความน่าสนใจของตลาด เช่น สถานการณ์แบบนี้น่าลงทุนหรือไม่ มันไม่มีตัววัดที่ชัดเจน เราจึงต้องประเมินด้วยการให้คะแนนความสนใจด้วยตนเองและทีมงาน

    .
    ทีนี้ลองคิดภาพตาม ถ้าในทีมงานหรือตัวเราเคยมีประสบการณ์เลวร้ายทางเศรษฐกิจมาก่อน เราจะมี Bias ทำให้เรากังวลหรือเชื่อว่าสถานการณ์นี้ยังไม่ดี คะแนนที่ประเมินจะต่ำทันที กลายเป็นองค์กรไม่ลงทุนดีกว่า สุดท้ายผลลัพธ์กลับตาลปัตร ตลาดกลับดี แต่ก็สายไปแล้วเพราะเราไม่ได้ลงทุน

    .
    จากตัวอย่างเราจะพบว่า ที่เราบอกว่าประเมินบน Fact หรือข้อเท็จจริง ตามหลักเหตุผล แต่จริงๆ มีอารมณ์หรือความคิดเห็นเราเข้าไปด้วยนั่นเอง โดยไม่รู้ตัวหรือคิดว่ามันเป็นข้อเท็จจริงไปซะงั้น
    .

    #แนวทางการตัดสินใจที่จะไม่ผิดพลาด เรามายับยั้งโอกาสเกิดความผิดพลาดกัน

    ถ้างั้นจะตัดสินใจอย่างไรให้หลุดรอดพ้นจากกับดัก "ความผิดพลาด" ผมมีวิธีหรือหลักการให้เราได้จดจำและระลึกไว้เมื่อต้องตัดสินใจครับ

    .
    #1 เคลียร์สมองให้ชัด ตัดสินใจบนข้อเท็จจริง

    มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า "คนที่สูงที่สุดในห้องประมูล จะใส่ราคาสูงกว่าคนอื่นเสมอ" ผลลัพธ์นี้ถูกเจาะลึกจนพบว่า คนที่ภูมิใจหรือรู้สึกว่าตนเองดีกว่าโดดเด่นกว่าจะใส่เงินประมูลไม่ยั้ง เพราะคิดว่า ฉันคือที่สุด ฉันคือคนโดดเด่น การตัดสินใจแบบนี้คือ อารมณ์เข้ามาเกี่ยวพันล้วนๆ

    ดังนั้นให้ตัดสินใจบนข้อมูลและข้อเท็จจริง ถามซ้ำว่าที่เรากำลังพิจารณานี่คือ ข้อเท็จจริง หรือมีอารมณ์เราร่วมประกอบด้วยกันแน่ ถามย้ำจนชัดจนเคลียร์

    #2 ตีกรอบปัญหาที่จะตัดสินใจให้ชัดเจน

    การตัดสินใจแต่ละเรื่อง มีกรอบปัญหาที่เล็ก ใหญ่ มาก น้อย ไม่เท่ากัน การตีกรอบปัญหาให้ชัดช่วยให้เราเลือกตัดข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ใช้ได้ และไม่จำเป็น ทำให้เราลดสถานการณ์ที่อาจเกิดการนำอารมณ์มาร่วมได้มากขึ้น

    .
    ตีกรอบปัญหาที่ชัด ยังเป็นการช่วยให้เราทำการมองปัญหาได้ชัดเจน เคลียร์มากขึ้น ทำให้เห็นข้อเท็จจริงมากขึ้นอีกด้วย

    #3 เมื่อรู้สึกว่ามีอารมณ์ในการตัดสินใจ ให้หยุดและพัก

    เมื่อใดก็ตามที่อารมณ์เข้าครอบงำการตัดสินใจ ให้คุณหยุดและพัก จนกว่าจะมีสติที่พร้อมต่อการตัดสินใจ อารมณ์ที่จะเป็น Bias หมดไปเมื่อใด ค่อยกลับมาคิดมาตัดสินใจต่อ

    .
    #4 อย่าพึ่งเห็นด้วยกับความคิดแรก

    ความคิดแรกสุดที่เกิดขึ้น นักจิตวิทยาหรือนักวิเคราะห์ มองว่ามันเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก อย่าพึ่งเชื่อหรือตัดสินใจไปตามนั้น เพราะสิ่งแรกที่คิดได้ มักเป็นสัญชาตญาณ ซึ่งนั่นเป็นอารมณ์ที่เกิดจากประสบการณ์ล้วนๆ

    ให้ลองคิดต่อไปอีกสักนิด อาจมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป หรือเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    #5 คิดให้สุด..ไปให้สุด

    เวลาคิดหรือตัดสินใจสิ่งใด อย่าพึ่งคิดว่านั่นคือที่สุด ให้คิดต่อไปอีก ตัดสินใจในจุดที่เรียกว่าสิ้นสุดหรือสุดทาง บางครั้งเราคิดและตัดสินใจเพียงแค่ครึ่งเดียว ลองคิดต่อให้ลึกขึ้นๆ ให้แน่ใจว่านี่คือ คำตอบสุดท้ายแล้ว!!!

    .
    บทความนี้ผมเชื่อว่าจะทำให้พวกเราตัดสินใจทุกอย่างได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงความผิดพลาดในชีวิตและก้าวไปในแต่ละก้าวได้อย่างมั่นคง

    .

    ชีวิตเราอาจมีช่วงเวลาที่ปล่อยให้มันเป็นไป แต่ในหลายๆ ครั้งจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่การเป็นคนฉลาดที่ตัดสินใจผิดพลาด เรามีเวลาในโลกนี้ไม่ได้มากมาย ถ้าอยากสำเร็จ การคิด การตัดสินใจต้องเนียนกริ๊ป แล้วชีวิตจะเติบโตก้าวหน้าได้รวดเร็ว

    Cr.DrToyสปอยส์ธุรกิจ

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ลุงโอนหนัก! หมดไป 4 ล้าน!
    หน้าไม่เคยเห็น แขนก็ยังไม่เคยจับ


    ชายชาวสระบุรีวัย 53 ถูกสาวเชียงรายวัย 32 หลอกให้โอน 4 ล้านภายใน 2 ปี เหลือติดตัวหมื่นกว่าบาท

    วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 นายเอก(นามสมมุติ)หนุ่มใหญ่วัย53 ปีชาวสระบุรี เดินทางพร้อมน้องสาวและคุณแม่เข้าร้องทุกข์ต่อทนายความรณรงค์ แก้วเพ็ชร์
    จากกรณีที่ตนได้รู้จักกับหญิงสาวชาวจ.เชียงรายทางเฟซบุ๊ค เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วและถูกหลอกให้โอนเงินกว่า4ล้านบาท

    นายเอกเปิดใจเล่ากับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ว่า จากที่ตนได้รู้จักกับน้องแจง นางสาว นิภาพร (สงวนนามสกุล)อายุ32ปี ผ่านทาง facebook และคุยมาตลอด 2 ปี ขณะนั้นตนทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ด้วยความที่ตนเป็นพ่อหม้าย ตามหารักแท้จึงตกลงคบหากับแจง โดยที่ฝ่ายน้องแจงได้มีการเขียนหนังสือสัญญาว่าจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันกับนายเอกฉันท์สามีภรรยา จึงทำให้นายเอกหลงรักและเชื่อใจน้องแจง อยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันรวมถึงอยากช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ

    หลังจากที่เริ่มคบสักระยะก็มีเหตุการณ์ที่น้องแจงเอามากล่าวอ้าง ว่าพ่อเสียชีวิตขอค่าทำศพไม่นานก็ส่งรูปงานศพแม่ให้นายเอกโอนค่าจัดงานศพให้อีก

    จากนั้นน้องแจงก็อ้างอีกว่าจะเข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งที่โดยจะต้องใช้เงินประกันการทำงาน หลังจากนั้นอีก4-5เดือนก็บอกจะมาทำงานที่สุวรรณภูมิเพื่ออ้างขอเงินกับนายเอกอีก

    รวมทั้งยังอ้างถึงที่ดินจังหวัดเชียงรายติดธนาคาร ธกส.ขอเงินไถ่ถอนเพื่อเอาออกมาขายและจะใช้หนี้ให้ทั้งหมด แต่หลังจากโอนไปก็ยังอ้างต่อว่าติดปัญหาคนที่จะมาซื้อที่ดินผืนดังกล่าวไม่พอใจทางเข้าที่คับแคบถ้านายเอกโอนเงินจำนวน1ล้าน3แสนบาทซื้อที่ข้างเคียงเพื่อเป็นทางเข้าจะสามารถขายได้และเอาเงินมาใช้หนี้นายเอก จึงหลงเชื่อและโอนให้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563

    ยังมีประเด็นที่น้องแจงบอกว่าโดนคดียักยอกทรัพย์ที่ถูกฟ้องจากไฟแนนซ์รถยนต์ทำให้นายเอกต้องโอนเงินอีก4แสน4หมื่นบาทด้วยสงสาร

    ซึ่งเงินทั้งหมดที่โอนให้น้องแจงนั้น นายเอกเปิดใจว่า เป็นเงินที่ได้จากการเออร์รี่ จากบริษัทที่ตนทำงานและส่วนหนึ่งก็เป็นการจำนำรถยนต์และจากบัตรเครดิต ปัจจุบันตนเหลือเงินติดตัวหลังเออร์รี่เพียงหมื่นกว่าบาท

    ซ้ำร้ายยังต้องเป็นหนี้อีกมากมายด้วยความหลงรักและอยากช่วยเหลือคนรัก

    ยิ่งไปกว่านั้นพักหลังมานานเอกเริ่มติดต่อน้องแจงยากขึ้นโดนบล็อกเฟซบุ๊ค บล็อกเบอร์โทรเหลือเพียงไลน์แต่ก็ไม่ค่อยตอบเหมือนก่อน

    โดยน้องแจงอ้างว่าทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย มือถือพัง ต้องยืมมือถือของเพื่อนเพื่อติดต่อกับนายเอก แต่นายเอกสืบทราบมาว่าน้องแจงมีผู้ชายคนใหม่แล้ว

    นายเอกจึงเริ่มหมดความเชื่อใจสงสัยและปรึกษากับครอบครัวได้รับคำแนะนำไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เสาไห้ จังหวัดสระบุรี วันที่ 22 พฤษภาคม 2563

    ที่เดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ วันนี้ต้องการสอบถามประเด็นที่สามาถดำเนินการทางกฏหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้

    ด้านทนายรณณรงค์ เเก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่าต้องตรวจสอบหลักฐานที่คุยเพิ่มเติมว่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงหรือเป็นการให้โดยเสนห์หา แต่เบื้องต้นมีการแจ้งความในพื้นที่ไว้เเล้วต้องตามต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร

    ยอมรับว่าไม่เคยเจอการโอนเงินให้อีกฝ่ายเป็นจำนวนเงินมากขนาดนี้ทัังๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันมีเพียงการคุยผ่านเฟซบุ๊คผ่านไลน์ ไม่เคยแม้แต่วีดีโอคอลหากัน

    ฝากเตือนไปยังประชาชนที่คิดจะหาคู่ผ่านสื่อออนไลน์ให้พิจารณามากๆและควรที่จะเจอตัวจริงกันก่อนหรืออาจจะลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักระยะก่อนจะเชื่อใจและโอนเงินให้

    Cr.หมายจับกับบรรจง

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “ช่วยซื้อหน่อย... มะพร้าวแค่ 10 ลูก ไม่มีเงินเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์แล้ว”
    เสียงวิงวอนจากนายสุรินทร์ ใจชื่น ชาวสวนมะพร้าว อ.เกาะสมุย
    เพราะที่เคยรับซื้อมะพร้าวหลายแห่งไม่รับซื้อแล้ว

    หลังกระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการตรวจสอบย้อนหลังป้องกันมะพร้าวที่เก็บโดยลิง เพื่อเเก้ปัญหาการเเบนสินค้าของอังกฤษ

    (โดย TichilaThaipbs #ThaiPBSNews )

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "แมทธิว-ลิเดีย" เปิดชีวิตหลังหายป่วยโควิด-19 และโมเมนต์ยกครอบครัวเที่ยวทะเลสุดน่ารัก

    ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอสำหรับคู่รัก แมทธิว ดีน กับภรรยาคนสวย ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่กุมมือกันฝ่าฟันเวลาอันโหดร้ายจากโรคโควิด-19 มาด้วยกัน แล้วมาวันนนี้ทั้งคู่หายขาดจากโรคนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์

    ล่าสุด แมทธิว และ ลิเดีย ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา กับ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร

    นี่เป็นครั้งแรกที่ออกรายการสดหลังหายจากโควิด-19 ร้อยเปอร์เซ็นต์?

    แมทธิว : "ใช่ครับ ตื่นเต้นเหมือนกันนะ"

    คนทั้งประเทศส่งกำลังใจมาให้ครอบครัวนี้สุดๆ เลย?

    ลิเดีย : "กำลังใจก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราผ่านมาได้ เพราะว่าตอนนั้นเหมือนมันไม่รู้อะไรเลย รออย่างเดียว ไม่มีใครให้คำตอบได้เลย แต่พอมีกำลังใจเรารู้สึกโอเค ต้องผ่านไปให้ได้"

    ตอนรู้ว่าติดเชื้อ พี่แมทรู้คนแรก แล้วพี่แมทตัดสินใจบอกน้องเดียว่ายังไง?

    แมทธิว : "เริ่มจากมีอาการผิดปกติ ตื่นมาก็มีไข้เบาๆ แล้วก็ปววดเนื้อ ปวดตัวตามที่เขาบอกว่าจะมีเชื้ออยู่ ก็เลยไปเช็ก แต่ในใจก็คิดเหมือนทุกคนว่าเราไม่น่าเป็นหรอก ตอนนั้นคนในประเทศไทยเป็นไม่ถึงร้อยคน เราไม่คิดว่าเราจะเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน ก็ไปตรวจ คุณหมอก็โทร.บอกว่าคุณเป็นโควิด-19 นะ ก็ช็อก นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ อย่างแรกก็โทร.บอกเดีย ซึ่งก็อยู่ในบ้าน

    ลิเดีย : "ตอนนั้นเดียอยู่บ้านเลี้ยงลูกอยู่ ตอนพี่แมทไปตรวจเขาก็ต้องกักตัวอยู่อีกที่หนึ่งแล้ว มันต้องรอผลประมาณ 12 ชม. พอตรวจเสร็จพี่แมทก็บอกว่าต้องแยกไป เพราะไม่รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็นแต่ก็ต้องแยกตัวไปก่อน รอผล ตอนโทร.มาบอกก็เลี้ยงลูกอยู่ในบ้าน เราก็ช็อก แล้วยังไงต่อ แล้ววิ่งไปหาพี่แมท ตอนนั้นทิ้งลูกก่อน เอาสามีให้รอดก่อน ก็ฝากลูกไว้กับคุณพ่อ คุณแม่"

    แมทธิว : "ผมบอกว่าไม่ต้องมาหา แต่เดียยืนยันที่จะมาหาให้ได้ก็กอดกันนิดหน่อย เศร้า แล้วก็เริ่มคิดแผนต่อไปว่าจะทำยังไงในเมื่อเป็นแล้ว"

    ลิเดีย : "ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงบ้าง มันไม่มีขั้นตอนบอกว่าพอเป็นแล้ว คุณต้องทำแบบนี้"

    แมทธิว : "คือรู้อย่างเดียวจะมีคนติดต่อมา แล้วพาไปอยู่โรงพยาบาล ก็รออย่างเดียว แต่ว่าในระหว่างที่รอ เราก็คิดว่ามันเป็นโรคที่ใหม่ค่อนข้างน่ากลัวจากที่เราเห็นภาพในประเทศจีน ประเทศอื่นๆ เราต้องเซฟตัวเอง เซฟคนรอบข้าง และคนอื่นๆ ที่เราเจอ ในช่วงนั้นงานเยอะมาก อีเว้นท์ก็เยอะ จัดมวย ไปออกกำลังกายเจอคนแบบเป็นหลายสิบคน มันมีโอกาสที่จะเป็นกันเยอะมาก อย่างแรกที่เราคุยกันไว้ก็ต้องบอกทุกคนให้ทราบว่าเราติด แล้วเขาอาจจะเสี่ยงด้วย"

    แล้วตอนนั้นพอเดียรู้ปุ๊บ เดียจัดการกับตัวเองกับลูกยังไง?

    ลิเดีย : "ตอนนั้นก็ยังทำอะไรไม่ถูก ก็อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี่แหละ ไปกักตัวอยู่ข้างนอก จริงๆ คลิปที่พี่แมทถ่ายมาจริงๆ มันมีรายละเอียดเยอะมาก ขั้นตอนการไปตรวจยังไง เราอัดเป็น 10 นาที 12 นาที เสร็จแล้วแบบรายละเอียดยังไม่หมด งั้นบอกไปก่อนแล้วกัน สั้นๆ ก็เลยออกมาเป็นคลิปอันนั้น"

    ทำไมพี่ถึงตัดสินใจบอกคนอื่น แทนที่ฉันเก็บเอาไว้แล้วไปหาหมอ ดีกว่าไหม?

    แมทธิว : "มันก็มีอยู่ในใจลึกๆ ประกาศไปแล้วคนจะกลัวเราไหม เขาจะรังเกียจเราไหม เป็นอะไรยังไง แต่เราคิดว่าตรงนั้นมันเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเทียบกับคนรอบๆ เราร้อยๆ คนหรือพันๆ คน อาจจะติดมาจากเราด้วยซ้ำ"

    ลิเดีย : "ถ้าเขาตายขึ้นมาก็เป็นความผิดเราไง เราก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้"

    แมทธิว : "ก็อยากให้ทุกคนรับทราบตรงนั้น เซฟตัวเอง เซฟคนในครอบครัวตัวเองไว้ก่อน เพราะฉะนั้นทางเดียวที่ง่ายที่สุด อย่างแรกเราก็โทร.หาคนที่เรารู้จัก คนที่มีเบอร์ คนที่เราเจอมา ก็โทร.ไล่เอา แต่มันบอกได้ไม่หมด บางคนไม่รับสายด้วย เพราะฉะนั้นลงไอจีเท่านั้นของทั้งคู่"

    คิดไหมว่าการที่พี่แมทธิวอัดคลิปไปมันจะกลายเป็นข่าวใหญ่โตเลย?

    แมทธิว : "ไม่คิด หลักๆ อยากให้คนรู้ แล้วก็อยากให้คนในประเทศไทยรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริงแล้วนะ จากที่เราเห็นห่างๆ ว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวเหลือเกิน แต่ตอนนี้กูยังเป็น มึงก็เป็นได้เหมือนกันนะ"

    แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือการจับไปรักษา พอไปถึงโรงพยาบาลเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน?

    แมทธิว : "ไม่ได้อยู่ด้วยกัน คือของผมได้ผลก่อน จากนั้นเดียก็ไปตรวจ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราต้องอยู่โรงพยาบาลกี่วัน จะต้องใช้เวลารักษาเท่าไหร่ จากที่เห็นจากเคสอื่นๆ คุยกับคุณหมอ บางคนก็อยู่ 10 วัน บางคนอยู่ 20 วัน บางคนอยู่ถึง 40 วันก็มี ใจเราเองเดาว่าน่าจะอยู่กลางๆ น่าจะ 14 วัน เพราะว่าเราค่อนข้างแข็งแรงในระดับหนึ่ง พอหลังจากนั้น 3 วัน เดียก็เข้าโรงพยาบาลเหมือนกัน แต่เข้าอีกที่หนึ่ง ก็เดาว่าอีก 10 วันก็น่าจะได้เจอกันแล้ว จริงๆ การที่เข้าโรงพยาบาลแบบนี้ไม่ได้เตรียมใจไว้กับการที่ต้องอยู่ห่างจากลูก ซึ่งมันหนักตรงนี้ เรื่องร่างกาย กินยาไปเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นได้ แต่ว่าความรู้สึกที่เราห่างจากลูก"

    แยกกันนานไหม?

    ลิเดีย : "แยกกันกันน่าจะเป็นอาทิตย์กว่า 7-8 วัน ช่วงนั้นมันไม่มีมาตรการที่แน่นอนชัดเจนว่าต้องรักษาที่ไหน ยังไง แล้วคนที่เป็นจะต้องไปอยู่แต่ละสถานที่สำหรับโรคโควิด-19 แล้วตอนนั้นมันเริ่มมีมาเรื่อยๆ จนมันเต็ม เดียก็ไปกับพี่แมทไม่ได้ เพราะตอนนั้นไม่มีที่ เราก็เลยต้องไฟลท์ว่าจะไปอยู่ที่ไหน มันก็เลยต้องแยกกันสักพัก แต่พอทุกอย่างเริ่มมีการเคลื่อนไหว โอเคเราต้องมาตรการแบบนี้ๆ ก็เลยสามารถมาอยู่ด้วยกัน รักาด้วยกัน เพราะว่าตอนนั้นย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพราะว่าลงปอดทั้งคู่ ย้ายเข้า ICU ทั้งคู่ ก็เลยมีโอกาสย้ายมาเจอกันที่ ICU"

    แมทธิว : "อย่างที่บอก คือมันขึ้นลง จากที่เราเป็นแล้วก็ช็อก โอเคมันเศร้าแน่นอน เข้าโรงพยาบาลปั๊บอยู่ไปเรื่อยๆ อาการก็ดีขึ้น ไม่มีอะไรมาก ก็แฮปปี้ขึ้น อยู่ดีๆ วันที่ 5-6 ก็ลงปอด ไข้กลับมา เริ่มทรุดใหม่ จิตก็เริ่มตกกลับไปใหม่ มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ของทั้งคู่เลย สำหรับผู้หญิงมันเข้าใจ มันเฮิร์ตมาก 1.คือตัวเล็ก ร่างกายบอบบางอยู่แล้ว เจอะไรเข้าไปก็หนักกว่าคนอื่น"

    ลิเดีย : "ใช่ เพราะของเดียมันหนักกว่า เพราะของเดียมัน 2 ข้าง ของพี่แมทข้างเดียว แล้วก็อีกอย่างที่ยาก เวลาไปอยู่ใน ICU มันเป็นเหมือนห้องกระจก สี่เหลี่ยม ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกัน อยู่ข้างๆ กัน คุยกันผ่านกำแพง มองไม่เห็นกัน บางทีก็ไปเคาะกำแพง จะเจอกันตอนที่เขาเข็นพี่แมทผ่านห้อง แล้วหลังจากนั้นพออาการเริ่มดีขึ้นมันไม่ได้ลามปอด เราก็ได้ย้ายไปรักษาต่อนอกห้อง ICU ตอนนั้นถึงได้มาเจอกันจริงๆ"

    แต่ก็มีอีกเรื่องที่ทำให้พี่ลิเดียจิตตกหนักไปกว่าเดิมอีก คือข้างๆ ห้องรู้สึกว่าจะเสียชีวิต?

    ลิเดีย : "ใช่ ตอนนั้นเหมือนมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มารักษา เราก็ติดตามอาการของทุกคนว่าแบบเป็นยังไงบ้าง แต่ก็มีเคสหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามันกระทบ ก็คือว่าเขาเข้ามาพร้อมกับเรา แล้วทุกอย่างมันเร็วไปหมด ก็ทำให้จิตตกมาก"

    พอมาอยู่ด้วยกันแล้วมันทำให้มีกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิมไหม?

    ลิเดีย : "แน่นอน เพราะว่าถ้าต้องอยู่คนเดียวไปตลอดเป็นเดือนกว่า แล้วอยู่ในห้องอย่างนั้นแล้วไม่เจอใครมันก็หนัก แต่พอได้อยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเราก็ยังโชคดีที่อย่างน้อยก็มีกันและกันอยู่"

    ขออนุญาตย้อนกลับไปถามตอนที่ติดเชื้อใหม่ๆ เราได้รับข้อมูลมาว่าคนที่ติดเชื้อโควิดเนี่ยมีโอกาสที่จะเสียชีวิต พอเราทราบว่าตัวเองติดเชื้อ เราเคยคิดไหมว่าเราจะตายไหม?

    ลิเดีย : "แน่นอน ทุกวัน คือถ้ามันไม่ลงปอดเราจะไม่คิด"

    ที่ลงปอดมันคืออาการอะไร?

    ลิเดีย : "ตอนนั้นงงมันไม่มีอาการ ไปตรวจเจอเพราะว่าไปสแกน ถึงเห็นว่ามันเป็นดวงๆ อยู่ในปอด เหมือนปอดบวม มันเริ่มรู้สึกว่าเราจะตายไหม เราจะทรุดไปขนาดไหน มันเครียด ถ้าเป็นแป๊บเดียว 10 วันแล้วไม่ลงปอดเหมือนน้องแพรวา แป๊บเดียวเขาก็ออก แต่นี่มันลงปอด เราต้องย้ายคุณใน ICU แล้วนะ อันนั้นแหละเรารู้สึกว่า เราจะรอดไหม แล้วไม่ใช่ว่าคนเดียว 2 คนถ้าตายทั้งคู่แล้วลูกจะอยู่ยังไง มันน่ากลัวตรงนั้น แล้วมันก็เครียดตรงนั้นว่าแบบยังไงดี"

    พอรู้ตัวว่าหายร้อยเปอร์เซ็นต์ เจอหน้าลูกครั้งแรกรู้สึกยังไง?

    แมทธิว : "แรกๆ คิดว่าทุกคนจะร้องไห้ คิดว่าตัวเรา ลูกเราจะร้องไห้ แต่ว่ามันดีใจจนมันร้องไห้ไม่ออก ลูกมากอดเราเขาก็ไม่ร้อง เขาไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ กอดแน่นมาก กอดเป็นนาทีเลย"

    แล้วลูกคนเล็กเคยคิดไหมว่ากลับมาเขาจะจำเราได้ไหม?

    ลิเดีย : "กลัวจำไม่ได้ เพราะตอนนั้นเขาแค่ 6-7 เดือนเอง โมเมนต์แรกเขาก็จำเดียไม่ได้นะ เขาก็งงๆ ว่าใคร เพราะเราก็ใส่หน้ากาก แล้วก็ไม่ได้เจอกันนานมาก แต่เวลาคุยวิดีโอคอลเขาก็จำเสียงเราได้คึกคัก แต่พอกลับมาก็ใช้เวลา 2 วันก็เหมือนเดิม"

    กลับมาอยู่บ้านแล้วก็ยังมีอาการนอยด์อยู่?

    แมทธิว : "นอยด์มาก เพราะว่าอยู่โรงพยาบาลเราก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา เราก็เจอแต่คุณหมอกับคุณพยาบาลซึ่งเขาก็ใส่เป็นชุดเซฟตี้มาเลย ทุกอย่างเซฟในนั้น แต่กลับมาบ้านแล้วคนก็ใส่มาสก์แต่มันก็ไม่ได้เซฟหรือว่าสะอาดเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล แล้วเจอคนเยอะ เจอเด็กด้วย ตัวเล้กก็อยากจะเข้ามากอด มาจูบ เราก็แบบว่าใจเย็น คุณหมอบอกว่าเราเซฟแล้วแต่ก็อยากให้ใส่ไว้ก่อน"

    ลิเดีย : "เราก็พารานอยด์ อย่างพี่แมทพารานอยด์มากกว่าเดีย อย่างเดียถึงบ้านก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปแล้ว เราดีใจได้กลับมาบ้าน เรารอดตาย แต่พี่แมทกลับมายิ่งเครียดว่าเดิม คือเขากลัวว่าจะไปแพร่ให้คนในบ้าน เวลากินข้าว กินน้ำ ก็เปิดประตูออกไปนอกบ้านเพื่อถอดหน้ากากกินน้ำ คือจะไม่ถอดหน้ากากในบ้าน ไม่ให้นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน คือไม่ได้กินพร้อมกัน ไม่ได้กินจานเดียวกัน แต่พี่แมทก็บอกว่าไม่ได้ ไปกินข้างนอก ก็ใช้ช้อนพลาสติกกินแล้วทิ้ง ก็เป็นแบบนี้มาเป็นเดือน"

    แมทธิว : "กลัว เหมือนว่ามีคนติดจากเรามาแล้วคนหนึ่ง ก็ไม่อยากให้มันมีคนอื่นด้วย มันก็เลยฝังอยู่ในหัว"

    พี่แมทเขาเคยโทษตัวเองไหมว่าเป็นเพราระเขาเลยทำให้เดียติด?

    ลิเดีย : "ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลช่วงแรกก็เป็น เหมือนเขาก็ดาวน์ คือเขากลัวมากที่จะติดพ่อ แม่ เพราะว่าคนที่อายุมากเขาก็มีโอกาสตายได้สูง เขาก็กังวลตั้งแต่แรกที่รู้ว่าเป็น แล้วเขาก็หวังว่าเดียจะไม่เป็น พอเป็นปุ๊บทุกอย่างก็เริ่มดาวน์ เพิ่งเห็นพี่แมทดาวน์แบบนั้นในชีวิตไม่เคยเจอ แต่ในวันนั้นก็รู้ว่าเขาเครียด กังวล"

    ที่รู้ว่าพี่ลีเดียติดพี่แมทรู้สึกยังไงบ้าง?

    แมทธิว : "มันเป็นวันที่เศร้ามาก รู้ว่าเขาติดจากเราต้องเข้าโรงพยาบาลเหมือนเรา ซึ่งเราเป็นเองก็รับได้แหละ มันเป็นความรับผิดชอบ แต่คนอื่นติดจากเรามันทำใจยากครับ ย้อนเวลากลับไปก็ไม่อยากให้เป็น"

    ลิเดีย : "วันที่มันดาวน์สุดคือวันที่มันลงปอด เพราะว่าของเดียรู้ก่อนว่าลงปอด แต่ของเขาไม่ได้ลง แล้วเราต้องย้ายเข้า ICU ไปก่อน วันนั้นเขาดาวน์สุด เพราะเราแย่ สองข้างในปอดเลย แล้วของเขายังไม่เป็นอะไร"

    แมทธิว : "เหมือนเขาแย่กว่าเราด้วยซ้ำ นี่แหละครับ"

    ล่าสุดพาครอบครัวไปหัวหิน?

    แมทธิว : "แฮปปี้สุด หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลก็เพิ่งมาเที่ยวตอนนั้น"

    ลิเดีย : "พอเราผ่านเหตุการณ์นั้นมาปุ๊บก็รู้สึกว่าเราไม่ต้องไปหาความสุขอะไรยากๆ เลย มันอยู่แค่คนในครอบครัวเราได้ไปเที่ยว ได้ใช้เวลาด้วยกัน แค่นั้นก็แฮปปี้แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าชีวิตหลังจากนี้ไปก็อยากมีเวลาให้ครอบครัวเยอะๆ พาไปเที่ยว ใช้ชีวิต บางทีเราอาจจะทำงานเยอะไป จนลืมไปว่าบางทีความสุขก็ไม่ได้ใช้เงินทองซื้อมาเสมอไป"

    อยากให้พูดอะไรถึงกัน หลังจากที่ผ่านอุปสรรคมา?

    แมทธิว : "ต้องขอบคุณจริงๆ เป็นคนที่อยู่เคียงข้างผมตลอดในทุกๆ เรื่องไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แล้วเป็นคนที่ให้กำลังใจได้ดี แล้วสามารถที่จะช่วยกันคิดแนวทางที่เราควรจะใช้ชีวิต มันอาจจะเหมือนน้ำเน่า แต่เขาทำให้ผมเป็นคนดีขึ้นมาหน่อยนะ ประมาณหนึ่ง ในเรื่องของความคิดอะไรต่างๆ เป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจน"

    ลิเดีย : "ถ้าไม่มีพี่แมทอยู่ในชีวิต เดียคิดว่าคงผ่านอะไรไปได้ยาก อย่างช่วงที่ต้องรักษาตัวเราดาวน์มาก แล้วก็เครียดคิดลบตลอดเวลา แล้วการที่ได้มารักษาอยู่ด้วยกัน พี่เขาสามารถทำให้เรามีกำลังใจหายเครียดได้ มันดีกับชีวิตเรามากเลย ไม่งั้นเราคงตายกับความเครียดที่โรงพยาบาล อันนี้เอาจริงๆ นะมันไม่ได้อยู่ในหัวสมอง เหมือนมันหลั่งเคมีอะไรมาสักอย่าง ทำให้ตัวสั่น หายใจไม่ออก ขนาดใส่สายออกซิเจน มันหนักจริงๆ การที่มีพี่แมทอยู่เคียงข้างทำให้เราฝ่าฟันอะไรได้เต็มที่ ผ่านมา"

    ที่มา Sanook.com

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ NARIT เปิดให้โหลดฟรี! #โมเดลดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ปริ้น ตัด พับเองได้ที่บ้าน!

    ต้อนรับเปิดเทอมด้วยการเป็นจ้าวแห่งระบบสุริยะ มาสร้างดาวเคราะห์ทั้ง 8 เป็นของตัวเองกันเถอะ!

    ด้วยคอลเลกชั่น โมเดลดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ จาก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เพียงปริ้นท์ ตัด พับ และทากาว ก็สามารถเป็นเจ้าของดวงดาวอยู่ที่บ้านกันได้ง่ายๆ

    ดาวน์โหลดโมเดลได้ที่ :
    http://www.narit.or.th/index.php/astro-media-emdia-menu

    เสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายภาพดาวเคราะห์ที่เราทำมาอวดกันด้วยนะ

    NARIT ยินดีให้ทุกท่านดาวน์โหลดมาเรียนรู้กันได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ขอสงวนสิทธิ์ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกรูปแบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

    ขอบคุณข้อมูลที่มา

    https://www.facebook.com/NARITpage/

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ⚠️ [Breaking] ⚠️ Tesla ประกาศว่าอาจจะพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ 100% แบบไร้คนขับ ได้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ! หุ้น Tesla ทะยานต่อเนื่องจนแตะระดับ 1,400 เหรียญแล้ว !

    #มีใครเบื่อที่จะต้องขับรถเองบ้างไหมครับ ?

    Elon Musk น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นเพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้วในปี 2016 เขาได้เคยบอกว่า "ไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์เราถึงต้องขับรถกันเอง ทั้งๆที่ถนนที่ขับก็เส้นเดิมๆและอุบัติเหตุจากความผิดพลาดของมนุษย์ก็สูง" Elon จึงได้ประกาศออกมาว่าเขาจะพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วย AI 100% ให้ได้ !

    ในวันนั้นหากใครไม่มองว่าเป็นเรื่องตลก ก็คงคิดว่าอย่างน้อยก็คงอีกหลาย 10 ปีกว่าโลกเราจะไปถึงจุดนั้น แต่... #Elonไม่เคยมาเล่นๆ

    วันนี้ทาง Elon Musk ได้ออกมาประกาศกลางงานประชุม World AI Conference ที่เมืองเซี่ยงไห้ว่า "ตอนนี้ Tesla ใกล้จะพัฒนารถไฟฟ้าอัติโนมัติเต็มรูปแบบได้อย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เชื่อว่าอาจพร้อมใช้งานได้ภายในสิ้นปีนี้"

    เหตุผลที่ราคาหุ้น Tesla ดีดขึ้นมากว่า 3.5 เท่าภายใน 4 เดือนนั้นไม่ใช่แค่เพียงเรื่องการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุด ที่ต้นทุนต่ำที่สุด หรือเพราะเรื่องคุณภาพแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวครับ แต่อย่างที่เราย้ำมาตลอดว่า Tesla นั้นกำลังผลิต #เครื่องคอมพิวเตอร์ติดล้อเคลื่อนที่ เพียงแต่แค่มีที่ให้คุณนั่งอยู่ข้างในนั้นเองแหละ

    และเทคโนโลยีของ Tesla นั้นก็นำคู่แข่งไปไกลมากๆหลายเท่าแล้ว ไม่ว่าคู่แข่งจะลงทุนเงินอย่างมหาศาลเท่าไรก็ไม่สามารถตามได้ทัน คล้ายๆกับบริษัท Apple ตอนที่ปล่อย Ipod หรือ Iphone ออกมาครั้งแรก เทคโนโลยีของ Apple นั้นนำคู่แข่งอยู่หลายปีเลยทีเดียว

    หุ้น Tesla ที่ 1,400 เหรียญ #แพงไปแล้วไหม ?

    ถ้าสิ่งที่ Elon Musk ประกาศมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหรือทำได้ไม่สำเร็จ ราคาระดับนี้ก็คงแพงไปครับ และแพงไปมากๆด้วย แต่ถ้าหาก Elon Musk ทำมันขึ้นมาได้จริงๆราคา 1,400 เหรียญนี้คง #ถือว่าถูกมากๆ

    ลองนึกถึงหุ้นของ Apple ที่ดีดขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงที่ประกาศขาย Iphone ออกมาสิครับ ในช่วงนั้นราคาหุ้นดีดจาก 10 เหรียญขึ้นไปถึง 30 เหรียญอย่างรวดเร็ว และทุกๆคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหุ้น Apple นั้นแพงไปแล้ว แต่สุดท้ายด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งหลายปี ด้วยวิศัยทัสน์ของผู้บริหาร ด้วยการดำเนินการตามแผนได้อย่างครบถ้วน ผ่านไป 10 ปีราคาหุ้น Apple วันนี้ดีดขึ้นมาเกินกว่าราคานั้นอีก 10 เท่า จนเกือบจะแตะ 400 เหรียญแล้ววันนี้

    เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับการบริหารและดำเนินการของ Elon Musk เลยครับ แต่ที่แน่ๆวันนี้ทาง Tesla ได้ออกสตาร์ทนำคนอื่นไปหลายช่วงตัวแล้ว

    เทคโนโลยีขับรถอัตโนมัติ 100% จะส่งผลอย่างไรบ้าง ?

    การขับรถแบบ Autopilot Full Self-Driving หรือ FSD นั้นแบ่งออกเป็น 5 ระดับ โดยทุกวันนี้เทคโนโลยีที่ Tesla ใช้อยู่ (และทางลูกค้าต่างๆก็สามารถ Download เทคโนโลยีใหม่ๆได้ผ่าน wifi ! เก๋ไหมล่ะ) ยังเป็นแบบ Semi-Auto อยู่ โดยคนขับยังคงต้องนั่งอยู่หน้ารถและคอยควบคุมบางอย่างอยู่ แต่หากทาง Elon สามารถพัฒนาไปจนถึง FSD ระดับที่ 5 นั้นจะแปลว่าคนขับจะหลับ หรือดู YouTube บนรถไปเลยก็ได้ ทุกๆอย่างจะคุมด้วย AI อย่างอัตโนมัติ

    ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเทคโนโลยยีที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆและย่อมเข้ามาพัฒนาโลกเราอย่างแน่นอน (โดยเฉพาะการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ทางเราก็อดนึกไม่ได้ว่าระบบนี้จะทำให้ #มีคนตกงานทั่วโลกกันอีกกี่ล้านคน ? ในเมื่อคนขับรถต่างๆก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป

    เรียกได้ว่านี่คงเป็น #โจทย์หินสำหรับรัฐบาลในหลายๆประเทศ เลยครับ ว่าจะยอมรับเทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาหรือไม่ ? หรือจะจัดการกับมันอย่างไร

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Jul 9) รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมงบประมาณกว่า 30 พันล้านปอนด์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการว่างงาน และใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 5.6 พันล้านปอนด์ รวมทั้งเตรียมปรับลดภาษีให้แก่ผู้ประกอบการในธุรกิจบริการและผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย หลังสหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศที่ได้ผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 รุนแรงที่สุดประเทศหนึ่ง:

    นาย Rishi Sunak - Chancellor of the Exchequer สหราชอาณาจักร แถลงว่า รัฐบาลจะจัดเตรียมงบประมาณกว่า 30 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง เพื่อใช้เป็นมาตรการป้องกันไม่ให้สหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับวิกฤตการว่างงาน โดยจะให้เงินช่วยเหลือแก่กลุ่มบริษัทที่ยังคงสถานะการทำงานให้แก่พนักงานที่ต้องถูกพักงานชั่วคราว จากการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 และพร้อมจะเรียกตัวกลับมาทำงานอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังเตรียมปรับลดภาษีให้แก่ผู้ประกอบการในธุรกิจบริการและผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย

    นาย Sunak แถลงต่อรัฐสภาว่า ตนจะไม่ยอมให้ปัญหาว่างงาน กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยภายใต้มาตรการชุดใหม่ที่เรียกว่า “bonus plan” นั้น หลังมาตรการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ลูกจ้างที่ถูกพักงานชั่วคราว จากปัญหาโรคระบาด (furlough scheme) สิ้นสุดลงในเดือน ต.ค. 2020 นายจ้างจะได้รับเงินจำนวน 1,000 ปอนด์สเตอร์ลิง ต่อลูกจ้าง 1 คน ที่ถูกเรียกกลับมาทำงาน ซึ่งจะดำเนินไปจนถึงช่วงสิ้นเดือน ม.ค. 2021 โดยจากจำนวนแรงงานภายใต้ furlough scheme ที่มีมากกว่า 9 ล้านคน ประเมินกันว่า ต้นทุนของ “bonus plan” อาจสูงถึง 9.4 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง

    นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังมีแผนจะช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจบริการ ผ่านการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลงเหลือร้อยละ 5 จากเดิมที่ร้อยละ 20 เป็นเวลา 6 เดือน โดยงบประมาณช่วยเหลือทั้งหมด 30 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง ในครั้งนี้ จะครอบคลุมไปถึงการเบิกจ่ายสำหรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานซึ่งคาดว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 100,000 ตำแหน่ง รวมถึงใช้สำหรับแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 5.6 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง ที่ นาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประกาศไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    Source: BOTSS

    - UK unveils back-to-work bonus scheme and restaurant discounts for all citizens :
    https://www.cnbc.com/2020/07/08/uk-unveils-back-to-work-bonus-scheme-and-restaurant-discounts.html

    PSX_20200710_075055.jpg
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นอนยังไงให้ได้งาน วิธีหลับอย่างมีคุณภาพ สำหรับคนงานยุ่ง
    .
    การนอนหลับพักผ่อน ถือเป็นวิธีดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองให้ห่างไกลโรคภัยแบบง่ายที่สุด และทำได้ทุกวัน เพราะคนเราต้องนอนหลับอยู่แล้ว แต่สำหรับหลายคนคงรู้สึกว่า ก็นอนเหมือนกันนะ แต่ไม่เห็นจะสุขภาพดีเลย ในทางกลับกัน รู้สึกร่างกายทรุดโทรมและป่วยง่ายขึ้นด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ คนที่งานยุ่ง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ มีเวลานอนน้อย อาจจะน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ด้วยซ้ำ
    .
    หรือนอนน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายแย่? คนส่วนใหญ่เชื่อเช่นนี้ แต่หลายครั้ง เราใช้เวลานอนแทบทั้งวัน ไม่ว่าจะนอนตอนกลางคืนตามปกติ และมานอนกลางวันต่ออีก ก็ยังรู้สึกเพลีย ไม่ได้รู้สึกแข็งแรงขึ้นมาแต่อย่างใด
    .
    สรุปแล้ว มันเกี่ยวกับระยะเวลาการนอนหรือไม่?

    Chris Winter นักประสาทวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน เจ้าของหนังสือ ‘Why Your Sleep Is Broken and How to Fix It’ ระบุว่า ‘การจะบอกว่า นอนพอหรือยัง ไม่เกี่ยวกับระยะเวลาการนอนในช่วงกลางคืน มากหรือน้อย เสมอไป’
    .
    วิธีเช็คว่านอนหลับสนิท นอนเพียงพอหรือยัง สามารถเช็คด้วยวิธีง่ายๆ คือ ลองสังเกตตัวเอง ตื่นนอนมา รู้สึกสดชื่นหรืออ่อนเพลีย และ ในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ประชุม นั่งทำงาน นั่งอ่านหนังสือ หากนั่งนิ่งๆหลับตา และก่อให้เกิดความง่วง นั่นแสดงว่า การนอนในค่ำคืนที่ผ่านมา ยังเป็นการนอนที่ไม่เพียงพอ
    .
    ถ้าเราเริ่มรู้ตัวว่า ยังนอนไม่เพียงพอ คนส่วนใหญ่เลือก ‘งีบหลับ‘ ระหว่างวัน หรือนอนพักยาวๆ เพื่อชดเชยเวลาที่ขาดหายไปตอนกลางคืน แต่เป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจาก ไม่ได้ไปชดเชย มันเป็นเพียงทำให้เรามีพลังทำกิจกรรมต่อ และหายเพลียชั่วขณะเท่านั้น
    .
    สิ่งที่ควรทำ หากงานยุ่งและอยากนอนให้เพียงพอ ลองปฏิบัติตามนี้

    1. แบ่งเวลาให้เหมาะสม จัดลำดับความสำคัญของแต่ละงาน
    .
    2. หาเวลาเข้านอนให้ไว แต่ไม่ต้องกดดันตนเองให้หลับทันทีเมื่อเข้าห้องนอน ผ่อนคลายก่อนนอนให้มากที่สุด ทิ้งงานทั้งหมด รวมถึงการสื่อสารผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าเป็นไปได้

    นอนเยอะ หรือน้อย ใจความสำคัญ คือ ตัดความกังวลทุกอย่างก่อนนอน ให้การนอนหลับคือการพักผ่อนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ ‘ต้องนอน’
    .
    3. หากยังรู้สึกว่านอนน้อยเกินไป นอนไม่พอ ให้หาอย่างอื่นทำให้ตนเองสดชื่น แต่อย่านอนชดเชย เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น มันไม่สามารถชดเชยกันได้ สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามเข้านอนให้ตรงเวลา และจำไว้ว่า ‘การเข้านอน ไม่เท่ากับ ต้องนอน แต่ ทำให้เป็นเวลาผ่อนคลาย’
    .
    อ้างอิงจาก:

    https://www.inc.com/jeff-haden/chris-winter-neurologist-sleep-tips-performance.html

    ภาพจาก: https://bit.ly/31Z1gLk

    #OnUFO #HowToBetterSleep #BusyPerson

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "ลีวายส์" ยอดดิ่ง 62% เตรียมปลดพนักงาน 700 คน
    .bbci.co.uk%2Fnews%2F1024%2Fbranded_news%2FCF10%2Fproduction%2F_113280035_gettyimages-1221086562.jpg
    ยอดขายที่ตกลงของบริษัทผู้ผลิตกางเกงยีนและผลิตภัณฑ์ลีวายส์ (Levi’s) โดยเหตุผลหลักๆของยอดขายที่ตกลงเนื่องจากการปิดเมือง ในหลายๆประเทศทำให้บริษัทจำเป็นต้องปิดร้านและไม่มีรายได้เข้ามา โดยแม้จะนำรายรับจากเงินชดเชยและยอดออนไลน์เข้ามาแล้วก็ตามแต่ก็ยังคงขาดทุน โดยมียอดเฉลี่ยลดลงทั้งโลกราคา 62%มีรายได้ลดลงราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
    ทำให้ทางบริษัทพิจารณาที่จะคนลง 15% หรือราวๆ 700 คน

    https://www.bbc.com/news/business-5...BqEYk3iR0Ouc6R_swnp8_UzUxhXsD0Pm4cQ1h0XHBO4NI
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มาเลเซียไม่พบผู้ติดเชื้อ #covid19 มา 2 วันแล้ว
    age.php?d=AQASLeRqN08Dq3ut&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fpbs.twimg.com%2Fmedia%2FEceU1TjUYAA79kM.jpg
    หลังจากเข้มงวดมานานในที่สุดมาเลเซียก็เริ่มพบแสงปลายอุโมงค์เมื่อปลอดผู้ติดเชื้อ 2 วันติด ปัจจุบันระบบการ จำแนกผู้ป่วยของมาเลเซียคล้ายๆไทยคือแยกระหว่างคนท้องถิ่นและคนที่มาจากที่อื่น และการห้ามเข้าประเทศอย่างเข้มงวด ของบรรดาแรงงานต่างชาติทำให้มาเลเซียเริ่มควบคุมโรคได้ อย่างไรก็ดีหากยึดตามมาตรฐานของเราที่ต้อง ปลอดโรคไม่ต่ำกว่า 30 วันแล้ว
    มาเลเซียเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ออสเตรเลียประกาศศึกจีนกางแขนต้อนรับฮ่องกง
    es.workpointnews.com%2Fworkpointnews%2F2020%2F07%2F02160328%2F1593680605_71861_web-australian-pm.jpg
    ออสเตรเลียตัดสินใจขยายวีซ่าของชาวฮ่องกงที่อยู่ในออสเตรเลียเป็น 5 ปี โดยวีซ่านี้ให้ทางนักเรียนนักศึกษาหรือคนที่เข้ามาทำงานชั่วคราวและยังเปิดโอกาสให้พวกเขาเหล่านั้นได้เป็นพลเมืองถาวรอีกด้วย
    นอกจากนี้ยังยกเลิกการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง ซึ่งนั่นจะทำให้จีนไม่สามารถขอตัวชาวฮ่องกงที่หลบหนีไปยังออสเตรเลียได้
    โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนได้ประกาศว่าจะตอบโต้ออสเตรเลียและอังกฤษที่ทำตัวเข้ามาก้าวก่ายและจะช่วยเหลือคนฮ่องกง ออสเตรเลียนอกจากจะไม่ได้ฟังแล้วยังเพิ่มมาตรการช่วยเหลือ

    https://workpointtoday.com/australi...e0jS-xy4_f4bVGVLpn1tZmlIrtR15p58VKCOq9sePNjKE
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คัดข่าว

    เขมรหลบหนีเข้าเมืองมาหางาน
    .
    สระแก้วสนธิกำลังตรวจเข้มชายแดนตาพระยาตลอดคืน จับชาวกัมพูชาลอบเข้าเมืองได้หลายพื้นที่ รวม 107 คน สอบพบส่วนใหญ่ลัดเลาะใช้ช่องทางธรรมชาติ เพื่อรอนายหน้าพาไปส่งเขตชั้นใน ขณะที่จุดตรวจความมั่นคงหนองเสม็ดจับชายไทยขับเก๋ง สีส้ม นำพาต่างด้าว @TNAMCOT

    SkLU2nZ32zfKQSvaksFN_JGOAYij1vvL-kg-AKMeXI_&_nc_ohc=iep74Sdg_9IAX8z-wo8&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    lEZzazmtA_RYPJBlzy6BdG-M0QTqQum7WLz_yXuviqF&_nc_ohc=4l-dFqCsJ5wAX9LaiLP&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    ucsDgyglDoT09Z9UAy9Mhx5RNtNo9NXyxmxwtBQbUCw&_nc_ohc=JdTA6CoN1vcAX-SrNtU&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    RyHavti9JQjO4T3kFt8YDvXElf9IZtJYJBg-knPOVey&_nc_ohc=u7CYZU0bzv8AX_ru1sL&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กตอกหน้า"ทรัมป์" ยันประธานาธิบดีไม่มีอำนาจสั่งเปิดโรงเรียนท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19
    _r9&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fmedias.thansettakij.com%2Fimages%2F2020%2F07%2F09%2F1594259044.jpg
    นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ให้ความเห็นเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีท่าทีข่มขู่และ กดดันให้มีการเปิดโรงเรียนของรัฐ ภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงเริ่มในราวเดือนก.ย. ถึงเดือนธ.ค.)
    โดยนายคูโอโมยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละมลรัฐ
    .
    "การเปิดโรงเรียนเป็นการตัดสินใจภายในรัฐ นี่เป็นกฎหมาย และเป็นสิ่งที่เราจะดำเนินการโดยไม่ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีสหรัฐ ท่านประธานาธิบดีไม่มีอำนาจในการสั่งเปิดโรงเรียน เราจะเปิดโรงเรียนก็ต่อเมื่อมีความปลอดภัยที่จะเปิด และทุกคนต่างก็ต้องการที่จะเปิดโรงเรียนเช่นกัน" นายคูโอโมกล่าวย้ำ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการให้มีการเปิดเรียนภายในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วง นั้นเชื่อว่ามีนัยยะทางการเมืองอยู่ด้วยเช่นกัน
    ช่วงสุดสัปดาห์ก่อนการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา (4 ก.ค.) สถิติการติดเชื้อใหม่ในรัฐนิวยอร์กนั้นยังอยู่ที่ระดับ 1.38% โดยมีผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 66,392 ราย มีผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) 918 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 395,872 ราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเขตปกครองย่อยของนิวยอร์กถึง 42 มณฑล แม้สถานการณ์จะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังและควบคุมอย่างเข้มงวด
    https://www.thansettakij.com/conten...5KUSaNdSsZB7F0SDvMkEZ6CjEjceGTF6qFX6RSlghnSak
     

แชร์หน้านี้

Loading...