ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    RESEARCH: ดอกไม้จีนวิวัฒนาการ เปลี่ยนสีพรางตัวเหมือนหิน เอาตัวรอดจากมือมนุษย์! มักถูกเด็ดไปทำยาแผนจีน ปรับตัวให้ถูกพบเห็นได้ยากขึ้น
    .
    สัตว์ป่าน้อยใหญ่มีวิธีเอาตัวรอดจากนักล่ามากเช่นไร ดอกไม้และพืชพรรณต่าง ๆ ก็สามารถหลบหลีกเอาตัวรอดจากนักล่าได้มากเช่นนั้น
    .
    ดอก Fritillaria delavayi เป็นอีกหนึ่งพันธุ์พืชที่มีวิธีเอาตัวรอดจากนักล่าของมันอย่างมนุษย์เรา ด้วยการพรางตัวให้เข้ากับหินที่อยู่รอบข้าง
    .
    กว่าหลายพันปี ดอก Fritillaria delavayi โตในแถบเทือกเขาเหิงต้วนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มันจะค่อย ๆ โตในบริเวณเนินหิน และเมื่อไหร่ที่มันโตเต็มวัย ลำต้นและกลีบดอกของมันจะมีเขียวสว่าง จนทำให้มันเด่นเตะตามาแต่ไกล
    .
    แต่ด้วยความที่คนจีนมักนิยมนำมันมาปรุงยาโบราณ ดอก Fritillaria delavayi นี้จึงมักถูกศัตรูตัวฉกาจของมันอย่างมนุษย์เด็ดไป และยิ่งมันมีสีเขียวที่สว่าง มนุษย์ก็ยิ่งเห็นมันได้ง่ายขึ้น
    .
    ด้วยเหตุนี้ ดอก Fritillaria delavayi จึงวิวัฒนาการเพื่อเอาตัวรอด มันเปลี่ยนสีเป็นสีเทาปนน้ำตาลให้กลมกลืนกับกองหินในช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวเชิงพาณิชย์อย่างหนักในพื้นที่ ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้มองไม่เห็น
    .
    นักวิทยาศาสตร์จีนสนใจเรื่องดังกล่าว จึงไปศึกษาจนค้นพบว่า ในพื้นที่ที่มีการเด็ดพืชมาทำยาจีนมากเป็นพิเศษ สีของพืชจะเปลี่ยนให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมมากกว่าที่อื่น ในที่ที่ไม่มีการเก็บเกี่ยวเชิงพาณิชย์ สีมันจะยังคงเป็นสีเดิม
    .
    Dr Yang Niu จาก Kunming Institute of Botany และผู้ร่วมเขียนงานวิจัยในวารสาร Current Biology เผยว่า “เช่นเดียวกับพืชชนิดอื่นที่เราได้นำมาทดลอง เราสันนิษฐานว่าวิวัฒนาการในการพรางตัวของดอก Fritillaria นั้นมาจากการที่มันต้องคอยหลบซ่อนจากสัตว์กินพืช แต่พวกเราไม่เจอสัตว์กินพืชที่กินดอกดังกล่าวในบริเวณเลย จนสุดท้าย เราสรุปได้ใหม่ว่า ผู้ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นคือมนุษย์”
    .
    งานวิจัยดังกล่าวเป็นงานวิจัยที่สถาบัน Kunming Institute of Botany ทำร่วมกับ University of Exeter พวกเขาศึกษาว่า พืชที่มาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกันสามารถกลมกลืนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ของมันได้มากน้อยแตกต่างกันอย่างไร และคนสามารถเด็ดพืชในแต่ละที่ได้ยากง่ายแค่ไหน
    .
    นอกจากนี้ นักวิจัยยังเข้าไปสัมภาษณ์คนในท้องถิ่นอีกว่า ในแต่ละที่มีการเก็บเกี่ยวเชิงพาณิชย์มากแค่ไหนด้วย
    .
    ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบจากการทดลองในคอมพิวเตอร์อีกว่า ผู้คนใช้เวลามากกว่าเดิมในการหาพืชที่พรางตัว และมันก็เป็นเพราะพวกเขาเองที่เป็นปัจจัยหลัก กระตุ้นให้พืชเหล่านี้วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วเพื่อเอาตัวรอด
    .
    Dr Yang Niu กล่าวว่า “เป็นไปได้ว่ามนุษย์ได้กระตุ้นให้พืชชนิดอื่น ๆ มีวิวัฒนาการเพื่อเป็นกลยุทธ์ในการป้องกันตัวของมันเช่นกัน แต่มีไม่กี่งานวิจัยที่พูดถึงเรื่องนี้”
    .
    Source:
    1. https://www.theguardian.com/.../chinese-flower...

    งานวิจัย
    1. https://www.cell.com/curre.../fulltext/S0960-9822(20)31655-9
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แอฟริกาใต้สลดเผย วาฬเพชฌฆาตฆ่า ล่าฉลามขาวเพื่อกินตับ ทำประชากรของมันหายฮวบ พร้อมภัยคุกคามมลพิษ-ลอบประมง
    .
    วาฬเพชฌฆาตซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารใช้ฟันของมันฉีกตับฉลามขาวผู้โชคร้ายจนสิ้นลม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นและทำให้ฉลามขาวจำนวนมากได้หายตัวไปจาก False Bay นอกชายฝั่งของ Cape Town
    .
    นับตั้งแต่ปี 2017 มีรายงานการพบซากฉลามขึ้นมาเกยหาดที่ False Bay อย่างต่ำประมาณ 7 ตัว และพบว่ามีร่องรอยจากฟันของวาฬเพชฌฆาตทิ้งไว้เป็นหลักฐานอยู่
    .
    ฉลามขาวเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมายัง Cape Town แต่จำนวนของพวกมันกลับลดลงไปนับตั้งแต่ปี 2017 ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การลดจำนวนของพวกมันอาจเกิดจากการล่าอย่างผิดกฎหมาย มลพิษ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ทางด้านผู้เชี่ยวชาญของรัฐอธิบายว่ามันอาจเชื่อมโยงกับการปรากฎตัวของวาฬเพชฌฆาตเสียมากกว่า
    .
    การปรากฏตัวน้อยลงของฉลามขาวส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการดำน้ำชมฉลาม
    .
    ในช่วงปี 2010 - 2016 พบฉลามขาวใน False Bay มากกว่า 200 ครั้งในหนึ่งปี แต่เมื่อเดินทางเข้าสู่ปี 2018 กลับมีรายงานการพบเพียง 50 ครั้งเท่านั้น และเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาไม่มีรายงานการพบเลยสักครั้ง แต่หลังจากที่ไม่ได้พบเจอมานานกว่า20 เดือน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็มีรายงานการพบอีกครั้ง
    .
    วาฬเพชฌฆาตถูกพบในแถบดังกล่าวนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2015 และหลังจากการพบ 2 ปี ก็มีรายงานการพบซากฉลามขาว 5 ตัวบนชายหาด Gansbaai โดยส่วนของตับนั้นหายไปและมีร่องรายของฟันวาฬเพชฌฆาต ซึ่งชายหาดดังกล่าวก็เป็นที่เรื่องชื่อสำหรับการดำน้ำดูฉลาม
    .
    แอฟริกาใต้เป็นบ้านของฉลามและกระเบนมากกว่า 180 สายพันธุ์ แต่ฉลามท้องถิ่นกว่า 14 สายพันธุ์กลับต้องเผชิญหน้ากับการสูญพันธุ์
    .
    อย่างไรก็ตามถึงแม้การที่มีนักล่าหน้าใหม่เข้ามายังถิ่นจะทำให้ฉลามขาวลดลง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียว การทำการประมงอย่างผิดกฎหมายก็มีส่วนด้วยเช่นกัน
    .
    Source
    1. https://www.dailymail.co.uk/.../Killer-whales-blamed...

    2. https://www.environment.gov.za/.../sharksconservationmana...
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1 > โลกของเราก้าวไปอีกขึ้นกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า AuREUS ซึ่งจะเปลี่ยนผนังอาคารกับหน้าต่างเพื่อดูดซับแสงยูวีจากแสงแดดและเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าหมุนเวียนที่สะอาด โดยใช้เทคโนโลยีที่สังเคราะห์ขึ้นจากขยะที่มาจากพืชด้วยวิธีการรีไซเคิล หรือการทำให้ของเน่าเหลือทิ้งกลายเป็นพลังงานใหม่ในดีไซน์ใหม่ที่โลกไม่เคยพบมาก่อน

    2 > เจ้าของไอเดียนี้คือ Carvey Maigue จากฟิลิปปินส์ซึ่งคว้ารางวัล James Dyson Award ซึ่งเป็นรางวัลการออกแบบของนักศึกษานานาชาติที่ท้าทายเยาวชนให้ "ออกแบบสิ่งที่แก้ปัญหาได้" และสิ่งที่ชายหนุ่มจากฟิลิปปินส์คนนี้แก้ปัญหาการทำให้ผลผลิตเหลือทิ้งของภาคเกษตรเป็นทางออกด้านพลังงานที่เหลือเชื่อมาก

    3 > เมื่อพูดถึงของเหลือจากภาคเกษตร เราคงจะคิดว่าเขาจะนำซากพืชผักผลไม้มาหมักทำพลังงานหมุนเวียน แต่แบบนั้นมันง่ายเกินไป สิ่งที่ Carvey Maigue คิดค้นขึ้นมาก็คือ การนำเศษพืชมาทำเป็นวัสดุที่เรียกว่า AuREUS จากนั้นนำมาติดเป็นแผงกับหน้าต่างและผนัง

    4 > AuREUS มีอนุภาคเรืองแสงที่ได้จากผักและผลไม้ เป้าหมายคือการดูดซับโฟตอนพลังงานสูงที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น รังสีแกมมาและรังสียูวีจากแสงอาทิตย์ จากนั้น AuREUS จะทำให้รังสีพลังงานสูงเปล่งแสงอีกครั้งเป็นแสงที่มองเห็นได้

    5 > จากนั้นแสงที่มองเห็นได้จะถูกแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสตรง และวงจรควบคุมจะประมวลผลแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ จัดเก็บและใช้ไฟฟ้าได้โดยตรง

    6 > สิ่งที่แตกต่างจากแผงโซลาร์เซลล์คือระบบนี้มีประสิทธิภาพแม้ว่าจะไม่ได้หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์โดยตรงเนื่องจากสามารถรับ UV ผ่านก้อนเมฆและสามารถรับแสงสะท้อนจากผนัง ทางเท้า และอาคารอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ช่วยแก้ปัญหารังสียูวีส่วนเกินที่เกิดขึ้นในเมืองเนื่องจากการสะท้อนของกระจกอาคาร

    7 > สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือการปฏิวัติฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farms) ตามปกติฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ถูกสร้างขึ้นในแนวนอนและไม่เคยอยู่ในแนวตั้งเลยจนถึงปัจจุบัน แต่อาคารที่หุ้มทุกด้านด้วย AuREUS จะกลายเป็นโซลาร์ฟาร์มแนวตั้งหลังใช้เทคโนโลยีนี้

    8 > ที่น่ายินดีก็คือ ปัญหาโลกแตกจากการที่พืชผลเสียหายได้ง่ายและทำให้เกษตรกรขาดทุน แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้จะทำให้สามารถรีไซเคิลของเสียจากพืชเหลือใช้เหลือขาย และช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ได้ดีขึ้นเพื่อลดปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยหันมาใช้ศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มพิกัด

    อ้างอิงจาก
    • "AuREUS Aurora Renewable Energy UV Sequestration.". James Dyson Award.
    • Rebecca Smithers. (19 Nov 2020). "Invention that makes renewable energy from rotting veg wins James Dyson prize". The Guardian.
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เผยว่าเขาและแกนนำคนอื่นๆ อีก 2 ราย จะยอมรับสารภาพในวันจันทร์(23พ.ย.) ระหว่างศาลเปิดพิจารณาในคดีที่พวกเขาเกี่ยวข้องกับการประท้วงเมื่อปีที่แล้ว พร้อมคาดหมายว่าตนเองคงต้องติดคุก

    อ่านต่อ >>https://sondhitalk.com/2020/11/23/11286

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    26a0.png [BREAKING] 26a0.png ตลาดหุ้นไทย SET ดีดทะลุ 1,400 จุดได้อีกครั้งเช้านี้ ! บวกเกือบ +30 จุด หลังสหรัฐเตรียมเริ่มฉีดวัคซีนไวรัสโควิดภายใน 3 อาทิตย์นี้ !

    ข่าวดีเรื่องวัคซีนที่ทยอยไหลเข้ามาเรื่อยๆ ยังคงทำให้เงินต่างชาติไหลเข้าดันตลาดไทยขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้เทเงินเข้ามาในตลาดไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว และเชื่อว่าอาทิตย์นี้ก็อาจจะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

    วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ SET ดีดกลับขึ้นมาเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง โดยครั้งก่อนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา SET สามารถปิดเหนือ 1,400 จุดไปได้เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น (4-10 มิถุนายน) #ต้องติดตามดูว่าในครั้งนี้จะสามารถยืนอยู่ได้นานแค่ไหน

    1f489.png ความคืบหน้าเรื่องวัคซีนหลักๆที่ช่วยหนุนตลาดคือ

    31_20e3.png สหรัฐเตรียมที่จะเริ่มฉีดวัคซีนไวรัสโควิดให้ประชาชนกลางเดือนธันวาคมนี้ (อีกเพียง 3 อาทิตย์)

    32_20e3.png สหรัฐตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ทั่วประเทศภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า

    33_20e3.png Pfizer และ BioNTech ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนแล้ว ถ้าได้รับอนุมัติก็จะสามารถดำเนินการตามแผนเวลาที่กล่าวไปได้

    34_20e3.png แผนการแบ่งฉีดวัคซีนของสหรัฐจะเริ่มจากบุคลากรทางการแพทย์ก่อน ตามด้วยผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ก่อนที่จะฉีดให้กับกลุ่มผู้ทำงานด้านดารให้บริการ ส่วนกลุ่มเด็กและวัยรุ่นจะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มสุดท้าย เพราะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

    1f4c8.png แน่นอนว่า #ตลาดหุ้นเอเชีย ก็ดีดขึ้นด้วยข่าวดีวัคซีนเช่นเดียวกัน แต่ในวันนี้ SET Index ที่บวกขึ้นเกือบ +2% นั้นถือว่าบวกนำเพื่อนๆในภูมิภาคเลยทีเดียว แปลว่านักลงทุนต่างมองว่า #ปัจจัยในประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยก็ต่างดีขึ้นด้วยเช่นกัน

    2705.png ติดตามข่าวสารการลงทุนรอบโลกไปกับทางเพจเราได้

    แนะนำให้กดตั้งค่าที่เมนูมุมขวาบนของเพจให้เป็น "#Favourites" หรือ “#รายการโปรด” ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ

    1f64f.png ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากครับ

    #ทันโลกกับTraderKP
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Twitter ปิดบัญชีของ@SidneyPowell1เป็นเวลา12ชั่วโมง
    ตอนสื่อโซเซี่ยลออกมาใหม่ๆ ต่างก็หลอกผู้เล่นว่า เป็นสื่อทางเลือก ที่ต่างจากสื่อกระแสหลักที่ไม่ถูกควบคุม คนเล่นมีเสรีภาพเต็มที่ในการแสดงความเห็น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ข้อเขียน หรือวิดีโอไม่มีการปิดกั้น
    แต่พอสื่อโซเซี่ยลติดลมบน คนเข้ามาใช้เข้ามาเล่นนับพันล้านคน จึงออกลายด้วยการเซ่นเซอร์ หรือแบนผู้เล่นที่แสดงความเห็นขัดกับผลประโยชน์ของเจ้าของสื่อโซเซี่ยลเอาดื้อๆ ในขณะเก็บเกี่ยวทำเงินมหาศาลจากรายได้โฆษณา
    ต่อไปสื่อออนไลน์จะค่อยๆลบข้อมูลที่เป็นจริงออก แล้วยัดไส้ข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่ดูเหมือนว่าจริงเข้าไปแทน จนท้ายที่สุด คนเล่นจะมีความคิดเห็นคล้อยไปกับข้อมูลที่เป็นเท็จ
    สื่อออนไลน์จึงจะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการล้มล้างการปกครอง หรือการปฏิวัติ เพราะสามารถคอนโทรลความคิดเห็นของคนหมู่มากที่ขาดวิจารณญานได้
    บ้านเมืองไทยที่วุ่นวายวิกฤติหนักในเวลานี้ สาเหตุก็มาจากบทบาทของสื่อออนไลน์ด้วย
    ของฟรีไม่มีในโลก มีแต่หลอกให้ตายใจแล้วข่มขืน
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Lin Wood ทนายความอีกคนของทรัมป์ บอกว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามเกม โดยบอกใบ้ว่าไม่ต้องห่วงที่Sydney Powellไม่ได้อยู่ในทีมทนายของทรัมป์อย่างเป็นทางการต่อไป เพื่อว่าจะได้ต่อสู้ในสมรภูมิทางกฎหมายอื่น และเป็นทนายให้คนอเมริกันเพื่อเอาชัยชนะกลับคืนมาให้ทรัมป์
    9hTVRMbAvsJ00_rt6z0YC60PKxi0Gw8SBMmWwKGgwkoq7&_nc_ohc=59hBhXb13_QAX-UysfE&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทรัมป์ปลดหญิงเหล็กSidney Powellที่ให้คำมั่นว่าจะแฉกลโกงการเลือกตั้งทุกอย่าง ออกจากทีมทนายความ
    ยังไม่ทราบเบื้องหลังว่าเกิดอะไรขึ้น มีความขัดแย้งอะไรกัน หรือการเอาPowellออกจากทีมทำให้มีความคล่องตัวขึ้นในการสู้คดีที่ต้องฟ้องร้องการกฎหมายเพื่อให้คดีไปถึงศาลสูงสุด ท่ามกลางแรงกดดันให้ทรัมป์ยอมแพ้การเลือกตั้ง และการตอบโต้จากฝ่ายตรงข้ามว่า การเลือกตั้งคร้ังนี้ไม่มีการโกง
    4964-49cb-b321-2935d7b62df0%2Fthumbnail%2F1200x630%2Fac123f425e9d895ec656a2244c46268a%2Frtx8an1x.jpg

    https://www.cbsnews.com/news/sidney...r2dkKDvzuLYij7XQdGenN-MdyVOXuywxsGWrmZHRQuZUY
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เผยยอดใช้ 'B10' พุ่งเป็น 21.7 ล้านลิตรต่อวันหลังเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น 'ดีเซล'

    rl=https%3A%2F%2Fwww.tcijthai.com%2Foffice-tcij%2Fheadpicture%2Fb93c384845c081f9984b598993fb1dd3.jpg

    กรมธุรกิจพลังงานเผยกลยุทธ์เปลี่ยนชื่อ 'B10' เป็น 'ดีเซล' และ 'ดีเซล' เป็น 'B7' ได้ผล โดยยอดขายหลังเปลี่ยนชื่อเพิ่มจาก 13.3 ล้านลิตรต่อวัน ในช่วงเดือน ก.ย. 2563 เป็น 19.20 ล้านลิตรต่อวันในเดือน ต.ค. และเพิ่มเป็น 21.75 ล้านลิตรต่อวันในเดือน พ.ย. เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาเสนอแผนดันยอดใช้ดีเซลให้ถึงเป้าหมาย 50 ล้านลิตรต่อวันในปี 2564
    https://www.tcijthai.com/news/2020/11/current/11168
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    *** พบเรื่อยๆ ติดเชื้อในไทย ... ล่าสุดพบคนพม่าในแคมป์อีก 1 ราย มีอาการชัดเจน อยู่ในไทยมานาน แต่ข่าวค่อนข้างเงียบ ... แถมล่าสุดเหมือนมีเคสแอบ VIP ลักลอบเข้าไทยแบบเงียบๆ มาอีก
    เคสลักลอบแบบ VIP นี้ ได้มีมาเรื่อยๆ โดยที่คนไทยไม่รู้เรื่องกันอีกมากพอควรแน่ๆ
    ..............
    การพบติดเชื้อในไทยเรื่ิอยๆ แบบนี้ ... สงสัยที่กระทรวงเคยแถลงว่า Covid19 จะเป็นโรคประจำถิ่นแบบไข้หวัดใหญ่ คงน่าจะจริงในอนาคตโดยเฉพาะบางพื้นที่ที่ติดกับชายแดน ถ้าคนไทยการ์ดตกกันมากๆ
    ตอนนี้พม่าเอง ก็ระบาดหนักติดเชื้อไป 7 หมื่นคนไปแล้ว จากเวฟแรกมีแค่หลักร้อยคน แถมได้ผู้ติดเชื้อจากไทยไปแค่หลักหลายสิบคน
    พอเจอสายพันธุ์ใหม่เข้าไป แวบเดียวทะลุหลักหลายหมื่นคนไปแล้ว
    แถมพม่ายังมีผู้ติดเชื้อไปแล้ว ที่ไม่ได้ตรวจ PCR อีก อาจจะ 5-20 เท่า
    ตอนนี้พม่าเอง ก็คงเข้าใกล้โรคประจำถิ่นไปอีก 1 ก้าวแล้ว
    ของไทย ถ้ายังประมาทกันมากๆ ก็เสี่ยงระบาดได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
    แต่ปัญหาคือ พอเริ่มระบาดจริงๆ จะโดน 0 ต่อเนื่อง Effect มาทำให้การควบคุมการระบาดล่าช้าจนระบาดหนักแบบพม่าหรือไม่ ?!?
    น่ากลัวไปอีกแบบ !!
    ...........
    **** ยั้งไม่อยู่แล้ว ทั่วโลกติดเชื้อรายวันทะลุ ช่วง 6-700000 คนต่อวันแล้ว เสียชีวิต 1 หมิ่นกว่าคนต่อวัน ทำสถิติ New High ทั้ง 2 ตัวเลข
    และคงได้เห็น New High กันอีกเรื่อยๆ แน่
    แถมหลายประเทศยังรอเวฟ 2 และเวฟ 3 ที่กำลังจะตามมาอีกในไม่ช้าอีก
    ............
    ช่วงปลายเดือน เมษายน 63 เวบ Ourworldindata.org

    ได้มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหลายกลุ่มทำวิจัย ประมาณการณ์ว่า ที่ตรวจเจอแค่วันละ 30000 คนนั้น จริงๆ ในสังคมอาจจะมีติดเชื้อจริงต่อวันอยู่ในช่วง 2 แสน ถึง 7 แสนคนได้เลย (มากกว่าที่ตรวจเจอ 7 ถึง 20 กว่าเท่า แบบที่ WHO เคยแถลงไปแล้ว)
    คนไทยหลายคนที่ไม่อ่านข่าวทั้งโลก และมองโลกสวย คงคิดว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะแพร่เชื้อกันเยอะขนาดนั้น
    แต่เพราะเคสที่ไม่ได้มาตรวจ PCR กลุ่มนี้ยังมีอยู่ในทุกสังคมไม่มากก็น้อย ยังแอบแพร่เชื้อกันไปเรื่อยๆ แล้วแต่ปัจจัยในแต่ละประเทศ
    ในไทยเดี๋ยวจะวิเคราะห์ละเอียดอีกที
    ........
    ย้อนกลับมาวันนี้ ล่าสุด 19 พย. เฉพาะเคสที่มาตรวจ PCR เจอติดเชื้อเกือบ 6.6 แสนคนไปแล้ว
    แถมยังคงมีเคสติดเชื้อที่ไม่ได้มาตรวจ PCR กันอีกหลายเท่าตัว ถ้าไม่ได้มีการ Lockdown แบบหนักๆ แบบเวฟ 1 หรือเวฟ 2 คงมียอดติดเชื้อทะลุวันละ 1 ล้านคนก็ไม่แปลก
    หลายประเทศในยุโรปจึงกลืนน้ำลายสั่ง Lockdown กันแทบไม่ทัน
    ในตารางแนบท้ายนั้น ประเทศที่อัตราการตรวจต่อประชากรต่ำนั้น มีความเสี่ยงที่จะมีระบาดเงียบในประเทศค่อนข้างมาก
    ........
    #Covid19Endemicในไทย
    ในไทย แม้ตรวจเจอผู้ติดเชื้อในประเทศไม่มาก แต่ถือว่าตรวจเจอ แะไม่มีทางที่มีแค่ที่เห็นแน่นอน ตราบใดที่ยังเจอเรื่อยๆ แบบนี้
    กระทรวงสาธารณสุขเคยแถลงยอมรับว่ามีผู้ติดเชื้อจริงในสังคมมากกว่าที่มาตรวจ PCR มากพอควร
    ตรงกับข้อมูลของ WHO ที่ประเมินว่า มีผู้ติดเชื้อจริงมากกว่า ผู้ที่มาตรวจ PCR แล้วพบว่าติดเชื้อ 10-20 เท่าตัว
    เพียงเราตรวจ PCR ใน รพ. น้อยลงมาก จนไม่มีตัวเลขออกมานานมาก ... พอไม่ค่อยตรวจ ก็เจอน้อยมากแบบที่เห็น ... เจอโดยการตรวจ PCR จากการสุ่มตรวจตามระเบียบมากกว่าที่โรงพยาบาล ...
    จนตอนนี้เราแทบจะปล่อยให้มีระบาดเงียบๆ ช้าๆ ไปเรื่อยๆ โดยแทบจะไม่ได้ตรวจ PCR กันใน รพ. เลย + ถ้าพื้นที่ใส่มาส์กกันมากๆ ก็แพร่เชื้อในระดับต่ำ ๆ เป็น Slow Endemic สำหรับสายพันธุ์เก่าที่ระบาดมาตั้งแต่ต้นปี
    (มาส์ก ได้ผล = หรืออาจจะดีกว่าวัคซีน)
    โดยยังคงมีหลักฐานการระบาดเงียบในไทยที่เปิดออกมาบางส่วนแล้ว เช่น
    1. สุ่มตรวจเจอในผู้ต้องการใบอนุญาตทำงาน แบบชาวอินเดียที่ภูเก็ต ที่อาจจะติดเชื้อจากคนในครอบครัว หรือเพื่ิอนต่างชาติ หรือคนไทย ... แต่ข่าวเงียบไปแล้ว ...
    2. สุ่มตรวจเจอในผู้ที่ต้องการบินไป ตปท แบบหญิง 2 คนที่ รพ. รามา
    3. สุ่มตรวจก่อนรับเข้าเรือนจำ เช่น เคสดีเจ (ซึ่งแปลกที่บอกผลตรวจเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดง่ายมาก แต่ไม่ติดคนในครอบครัว และโดยไม่มีรายงานผลตรวจ Antibody เหมือนเคสอินเดียเลย)
    4. สุ่มตรวจเจอก่อนแข่งบอล ในนักบอลบุรีรัมภ์ถึง 2 คน (ซึ่งมีโอกาสติดกันเองในไทยมากที่สุด ถ้าตรวจสายพันธุ์น่าจะบอกได้ แต่ไม่ได้ตรวจ ?!)
    5. สุ่มตรวจเจอที่ด่านตรวจ เจอพม่าลักลอบมาทำงานในไทยที่พังงา (ประวัติเริ่มแรกมีไข้ ทำงานอยู่ในไทยมานาน แต่ประวัติโดนเปลี่ยนใน 1-2 วันถัดมา)
    6. สุ่มตรวจเจอในคนพม่าขับรถส่งของเข้าออกไทยที่ชายแดนแม่สอดหลายคน แถมมีแพร่เชื้อให้ครอบครัวที่อยู่ในไทยเกือบทั้งครอบครัว แต่แปลกที่ไม่เจอคนไทยรับเชื้อเลย !!)
    7. สุ่มตรวจเจอคนฝรั่งเศสที่ตรวจเจอที่ รพ. เอกชน หลังมีอาการ (ตอนออกจากที่กักตัวไปแล้ว แสดงว่ามีโอกาสติดเชื้อในที่กักตัวในไทยมากที่สุด และมีต่างชาติอีก 2 คนเจอผลตรวจ PCR ว่าติดเชื้อใน รร เดียวกัน ช่วงเวลาใกล้กัน)
    8. เคสทหารอียิปต์ และ ดญ. ซูดาน ที่หลุดจากที่กักตัวไป แต่ผลตรวจ PCR พบมีเชื้อ (น่าจะสายพันธุ์กระจายไว แต่ก็ไม่พบคนไทยรับเชื้ออีก !!)
    9. สุ่มตรวจเจอในเคสทหารเกาหลีที่ตรวจเจอที่สนามบินเกาหลีหลังกักตัว+ฝึกในไทยหลายสัปดาห์ โอกาสติดเชื้อจากไทย ก็สูงมาก เพราะก่อนมา และช่วงกักตัว ตรวจ PCR หลายรอบก็ไม่พบเชื้อ
    10. สุ่มตรวจเจอในเคสคนไทย และต่างชาติที่บินกับญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซียประมาณ 10 กว่าคน หลายคนอยู่ในไทยมานาน ซึ่งแสดงว่าติดเชื้อจากในไทย
    11. สุ่มตรวจเจอเคสคนพม่าที่กลับจากไทยไปพม่า หลายสิบคนในหลายชุด ซึ่งมีคนพม่าอยู่ในไทยนับล้านคน มีติดเชื้อจากไทยไปหลักหลายสิบคนก็ไม่แปลก (นี่เฉพาะที่ตรวจเจอตอนกลับพม่า ...
    12. เคสผู้ติดเชื้อที่อาศัยที่คอนโดสุโขทัย เรสซิเดนท์ที่ติดเชื้อจากคนแรก แล้วมากักตัวแบบเงียบๆ แต่ลงมาเดินที่ล็อบบี้
    ตกลงกระทรวง กับ ศบค ยังคงไม่เฉลยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบว่า
    เขามีรายละเอียดอย่างไร รับเชื้อจากใคร ใครมีความเสี่ยงรับเชื้อ ตามตรวจต่อคนละกี่รอบ ผลเป็นอย่างไร ?!? ...
    13. กรณีเคสคนพม่าที่ยังทำงานในไทย หรือลักลอบแฝงทำงาน มีอาการแต่ไม่ได้มาตรวจหาเชื้อ คงมีอีกเรื่อยๆ แบบเคสล่าสุดในข่าวที่มาลง ก็ยังเจอได้อีกเรื่อยๆ
    เคสนี้ ถ้าไม่มีอาการชัดเจน หรือไม่มีอาการ คงอาจไม่ได้มาตรวจ ก็แอบแพร่เชื้อให้คนอื่นได้เรื่อยๆ (แต่ก็มีคนไทยที่โลกสวย คิดว่าในไทยปลอดเชื้ออีก)
    ปัญหาคือ มีเคสแบบคนพม่าที่อยู่ในไทยมานาน มีอาการ แต่ไม่ยอมมาตรวจเพราะลักลอบทำงาน อีกกี่คน ?!?
    .....................
    แถมที่น่าสนใจ มาเลเซียนั่นมีการขนส่งสินค้าเข้าออกไทยมาตลอดเวลา โดยไม่ค่อยได้กักตัว 14 วัน แถมมีการระบาดตลอดเวลา แต่เราแทบไม่มีรายงานจำนวนการตรวจ PCR ใน รพ. หรือที่ด่านตรวจ หรือตรวจพบติดเชื้อที่ชายแดนแทบมาเลเซียเลยสักเคสเดียว
    ก็แปลกดี
    ถ้ามีรายงานจำนวนการตรวจ Screening ด้วย PCR มากๆ แต่ไม่เจอ ก็น่าอุ่นใจ แต่นี่ไม่มีรายงานจำนวนการตรวจมานานมากๆ ก็ดูแปลกๆ
    ถ้าสุ่มตรวจ PCR มากขึ้น คงได้เจอเคสแบบที่แม่สอด อุ้มเปี่ยมก็เป็นได้
    หรือถ้าสุ่มตรวจ Antibody แบบทางการ และเปิดเผย อาจพบว่า บางพื้นที่เริ่มมี "ภูมิคุ้มกัน" กันบ้างแล้ว ก็คงไม่แปลก
    ...........
    ล่าสุด เพิ่งอ่านเจอในเวบมาตรฐาน Ourworldindata.org

    ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายทีมได้ช่วยกันวิเคราะห์มาตั้งแต่ช่วงระบาดใหม่ๆ พบว่า
    เคสที่ติดเชื้อจริงๆ ในมีจำนวนมากกว่าเคสที่มาตรวจ PCR หลายเท่า ... ขั้นต่ำ 2 เท่าตัว ถึงเกิน 6 เท่าตัว แล้วแต่ช่วงจังหวะเวลา และองค์ประกอบในประเทศนั้นๆ
    ในไทยช่วง Peak เป็นช่วง มีค. เราตรวจเจอว่าติดเชื้อ 100 กว่าคน/วัน แต่เขาประมาณการณ์ว่า มีติดเชื้อจริง 300-600 กว่าคน
    ในทั่วโลก ช่วง Peak เวฟแรก เป็นช่วงกลางเมษายน พบติดเชื้อ 30,000 คน/วัน ประมาณการณ์ว่า มีติดเชื้อจริงอาจถึง 2 แสนถึง 7 แสนคน/วัน
    มากกว่าที่ตรวจเจอ 7 เท่า ถึง 20 เท่ากว่า ๆ ได้เลย
    (ตรงกับที่ WHO แถลงยอมรับ)
    ตลกร้าย คือ นี่คือตัวเลขช่วงกลางเมษายน (7 เดือนที่แล้ว)
    ปัจจุบันตรวจเจอวันละ 500000 คนกันไปเรียบร้อย
    นั่นหมายถึง มีการระบาดเงียบๆ ในทุกประเทศ โดยผู้ที่ไม่ได้มาตรวจ PCR ใน รพ.
    อาจจะระบาดมากน้อย แล้วแต่ปัจจัยของแต่ละประเทศ
    ในไทย คงมีการระบาดในอัตราค่อนข้างน้อย เพราะ
    1. เรารีบปิดเมืองอยู่นานพอควร
    2. เราใส่มาส์กกันมากพอควร
    3. สายพันธุ์ช่วงแรกเป็น สายพันธุ์กระจายช้า
    4. ช่วงปลายเวฟแรก เราไม่ค่อยได้ตรวจ PCR ใน รพ. กันมากนัก
    5. ในไทย เราไม่รายงานจำนวนการตรวจ PCR รายวัน ใน รพ. มานานมาก เคยเปิดเจอในเวบต่างประเทศ และเคยเอาข้อมูลมาลงไว้แล้วว่า เราตรวจน้อยลงมาก
    6. พอเราระบาดแบบช้าๆ น้อยๆ เคสอาการหนักก็มีน้อยมาก
    7. แถมที่สำคัญ พอมีข่าวว่าแพทย์ในบางจังหวัด เจอเคส Viral Pneumonia ที่คล้าย Covid19 แต่เสียชีวิตโดยไม่ได้ตรวจ PCR
    8. กระทรวงสาธารณสุขก็ตามแถลงข่าวต่อทันที ว่าเคส Viral Pneumonia ที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น ไม่ได้ตรวจ PCR ไปประมาณครึ่งนึง
    เคยนำข่าวมาลงไว้ในโพสต์แล้ว คนที่ไม่ได้อ่านข่าว ก็คงไม่รู้ว่า เคส Covid19 อาการหนักที่อาจมีไม่มาก จะหลุดวินิจฉัย Covid19 ได้เพราะสาเหตุนี้ คือไม่ได้ส่งตรวจ PCR
    จึงยังมีคนนำข้ออ้างแบบซ้ำ ๆ ว่าเคสอาการหนัก หายไปไหน
    เคสอาการหนักไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ในไทย มีไม่มาก และไม่ได้ตรวจ PCR ก็สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ หรืออาจมีส่วนน้อยที่เสียชีวิตโดยไม่ได้ตรวจ PCR
    ซึ่งก็ไม่แปลกที่ ทั่วโลกมีอัตราการตายโดยไม่ทราบสาเหตุเพิ่มมากขึ้นเกือบทุกประเทศที่มีระบาดพอสมควรขึ้นไป
    9. นโยบาย 0 ต่อเนื่อง ที่โดนตั้งธงไว้แบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ... ทำให้พอเจอเคสด้านบน 13 กรณีที่สุ่มตรวจเจอ ก็เหมือนโดนทีมงานตัดตอนให้ไม่ระบาดได้ ไม่แพร่เชื้อได้ในทุกเคส .... แปลกที่ติดคนในครอบครัวตัวเองได้ แบบคนพม่า และอินเดีย แต่ทั้ง 2 ครอบครัวที่อยู่ในไทยมานานพอควร กลับไม่แพร่ให้คนไทยได้เลยสัก 1 คน
    10. ในช่วงแรกของการระบาด ถึงเคสล่าสุด ไทยไม่ยอมตรวจ Antibody ในครอบครัว และผู้ใกล้ชิดในผู้ติดเชื้อ 3000 คนแรก และรวมถึงกลุ่ม 13 กรณีด้านบนนี้เลย
    ตลกที่พอท้วงไปหนักๆ ซ้ำๆ ก็เพิ่งมาตรวจเคสอินเดีย พอตรวจปุ๊ป เจอมี Antibody เกือบทั้งครอบครัวเลย
    แสดงว่า ถ้าย้อนตรวจไปในครอบครัวผู้ที่เคยติดเชื้อในไทย 3000 กว่าเคส อาจพบว่าคนในครอบครัวมีภูมิคุ้มกัน (Antibody) ต่อเชื้อ Covid19 ไปเรียบร้อยแล้วอาจจะหลายร้อย หรือเป็นพันครอบครัวได้เลย ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรวจ PCR กัน
    ในไทยเคยมีทีมอาจารย์แพทย์จุฬา และแพทย์หลายสถาบัน เคยทำวิจัยมาตรฐานพบว่า ครอบครัวผู้ติดเชื้อหลายครอบครัว ตรวจพบมี Antibody ต่อ Covid19 โดยที่ไม่ได้มาตรวจ PCR ด้วย
    วิจัยอันนี้เคยนำมาลงในโพสต์เก่าๆ ไว้แล้ว
    .............
    ในไทย จุดอ่อนที่ยังคงแก้ไม่ได้ 100% ต้องตามดู
    เพราะ ...
    1. แรงงานลักลอบเข้าออกที่ชายแดนมีมาตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มระบาดจนปัจจุบัน ยิ่งพม่าระบาดหนัก โอกาสที่จะหลุดมาไทย ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
    2. แรงงานที่เคยอยู่ในไทย เราก็แทบไม่ได้ลงไปตรวจ PCR หาผู้ติดเชื้อ (สิงคโปร์ตามตรวจแบบเอาจริงเอาจังพบแรงงานต่างชาติติดเชื้อ Covid19 ไปหลายหมื่นคน)
    3. เรายึดติดกับ "0 ต่อเนื่อง ถึงเปิดเศรษฐกิจ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้" มากเกินไป จนกลายเป็นต้องมานั่งหาเหตุผลในการทำตัวเลขให้ 0 ต่อเนื่องจนคนไทยสงสสัยสีบสนการ์ดตกกันไปหลายพื้นที่
    แทนที่จะเอาเวลามาตาม Contact Tracing ให้เจอผู้รับเชื้อให้มากที่สุดแบบที่ประเทศที่มีความรู้เขาทั้งหลายเขาทำกัน
    4. ระบบการกักตัวในไทย ไม่ชัวร์ 100% ถ้าลดวันกักตัว ก็เสี่ยงมากขึ้นอีก
    5. ถ้าสายพันธุ์ใหม่เข้ามาได้ แล้วเรามัวแต่นั่งทำแบบข้อ 3 มีหวังระบาดหนักแบบพม่า อาจไม่ยากมากด้วย
    ต้องปิดเมือง ปิดประเทศอีกครั้ง ใครจะรับผิดชอบได้ บ้าง ?!?
    เล่นเกมเสี่ยงมาตลอด และหวังจะชนะเกมเสี่ยงกับโรคระบาดแบบ Covid19 ไปอีกตลอด 1 ปีกว่านั้น
    ดูไม่มีทางเป็นไปได้จริงได้เลย
    ยิ่งถ้าเปิดประเทศแบบไม่พร้อม คนไทยการ์ดตก และมีการกักตัวแบบวัดใจ
    ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ !!
    6. ข่าว Covid19 โดนทำให้น่าสนใจลดลง คนก็สนใจลดลง เพราะคิดว่า ไร้ผู้ติดเชื้อ
    และนี่คือ False Sense of Security ที่เกิดเพราะ 0 ต่อเนื่องจริงๆ
    และคงอาจเกิดในไทย อาจจะเป็นที่เดียวในโลกเลยก็ได้
    รอวันปัญหาระเบิดออกมา แบบคงไม่มีใครรับว่าวางแผนผิด คิดผิดกันแน่ๆ
    7. จุดอ่อนอื่นๆ มีอีกมาก เขียนไปคงอีกยาว และคงอ่านกันซ้ำๆ
    ........
    อ้างอิงจาก
    .........
    1. ป่วยโควิดรายใหม่ 11 คน เจอชาวพม่าลักลอบเข้าประเทศ ติดเชื้อในไทย!
    ข่าวสด 22 พฤศจิกายน 2563
    https://news.trueid.net/detail/P2dZY5eNNxN9

    ........
    2. กราฟ และรายละเอียดการประมาณการณ์จำนวนเคสจริง
    https://ourworldindata.org/covid-models

    .......
    3. จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid19 รายวัน ทำสถิติ New High ไปเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ในช่วง 6-7 แสนคนต่อวันไปแล้ว
    เสียชีวิตทำสถิติสูงสุด ถึง 1 หมื่นกว่าคนต่อวันไปแล้ว
    https://www.worldometers.info/coronavirus/



    upload_2020-11-23_13-26-14.png

    nc_oc=AQlCNUBeeK7TasEqw5yJvuVMXboTqY7QMe4MyWRDoNwGRwgwQ35yajeIVpzOKmLI2pc&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    4oA-neoptVVf4UHx1m-paBioZmshJTBPDb-IYtEi7V_8Z&_nc_ohc=vZcY5m1JAfsAX9cclHI&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    6u-sOCkQrHlPdkfFOyi63AGMudK3mOCNc2fZwsi-_IGr5&_nc_ohc=dL7piq5OXJoAX-Zt_6-&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    oakWytiZV242ax0A53_7xRaz2n_Wm9gyVRGDHSpxkmPLt&_nc_ohc=3vj9D8i9EtkAX9kM9m6&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    nc_oc=AQll4097u0M4TXaQhzOW1DLmmwcniOpUErzh7LzWRHbMFBH7q-IqeUystzg9ZmyZ75o&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    MnbhLbQoq-1UFnnJZl8fYpVMRHTay2D51l86ffqM2uEOz&_nc_ohc=mIR644wEnlcAX8wr_vn&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    K3852HoQ3mCcmyPbl5TJV69hbjialHnMGHBNm8ww_g9_Y&_nc_ohc=ptTmZ7w-bBAAX-wZpKW&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    dOjXyRHUie3WtE8TNK1YDTPZ6uBTyWF4CvT7ODHB6fy86&_nc_ohc=xlgzJhIGNYwAX8OocKV&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    6W6AG17PlAf1a8jIX7F_Z_E51FSiSz1petgk636XdCuBB&_nc_ohc=lz_RGpYyrDwAX8vEbmY&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    sxUzw34ch-k7AcIghnAM2BD6kNodjxw5rs1h7x7ZZ6nXt&_nc_ohc=8rhxOl8kJ2AAX8Wa3yg&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    e6ERRswuNIoXBkmfccHdFefWDkmHLpsgcEtSx8XzBx-ga&_nc_ohc=1obMK7R9q3cAX9iqG13&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    jZCS8XzKx17AxDA7SwESsrmTzVyGCtTSBQk0Xg3lCTEiC&_nc_ohc=yuynMko4e3MAX-YuZr0&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    wDBtjb9yhfw2AwIIw1G9szl1T7JpmSmsI2zCdvqpGMtzG&_nc_ohc=QYWrmdPuTPEAX-lIgh0&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    -_otl907VHaijwGayn05x_xbSuv5thr4MKMur8ejzEabU&_nc_ohc=NRgwmDBGuNcAX-KmWTw&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    QGggYcuKVBIhhfeBOCRGgJxmAh6FWkXF9q3ZcAgXgqy9z&_nc_ohc=8MvQ9aUvD2YAX-8aFuW&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    PmEgOsqSNh5cq3nuqp3ltgIwbCkSFeSwzO8bXz3lZqm79&_nc_ohc=V-XRuJfj5hsAX_zwo7f&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    5R280wl_4UlBWXExrPwro-H4ozPyb-TYApTrX-bALKq8k&_nc_ohc=opSV1FEguigAX841cXV&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กรณีศึกษา ทำไมยังมีแบรนด์ลงโฆษณาใน หนังสือพิมพ์ /โดย ลงทุนแมน
    นับตั้งแต่การเข้ามาของสมาร์ตโฟน
    ชีวิตของคนส่วนใหญ่ ก็ถูกดึงไปอยู่บนโทรศัพท์มือถือ
    เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ แน่นอนว่า หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดของการเปลี่ยนแปลงนี้
    ก็คือ สื่อดั้งเดิม อย่างหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ

    ทำให้ที่ผ่านมา เราเห็นสื่อสิ่งพิมพ์หลายๆ เจ้า ต้องปิดตัวลง
    หรือต้องปรับตัว หันมาทำสื่อดิจิทัลเพิ่มกันแทบทั้งหมด

    แต่เมื่อวันก่อนลงทุนแมนได้เห็นแบรนด์ที่เลือกลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐแบบหลายหน้า
    เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ

    เพราะอะไร แบรนด์สินค้าถึงยังเลือกลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์อยู่?
    ╔═══════════╗
    อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
    เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี ตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก
    Lazada: https://www.lazada.co.th/.../1000-i714570154-s1368712682...
    Shopee: https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
    ╚═══════════╝
    ด้วยความที่ผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมที่ต่างกัน
    ถ้าเราเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าที่จะทำการตลาด
    เราควรรู้ก่อนว่า กำลังต้องการสื่อสารกับใครบ้าง
    แล้วคนเหล่านั้น ปกติรับรู้ข่าวสารจากที่ไหน

    ซึ่งถ้าดูจากประเภทของสินค้า และเนื้อหาของแคมเปญ
    ก็น่าจะพอบอกได้ว่า หนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่ทางแบรนด์ต้องการเข้าถึง มีกลุ่มผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุอยู่ในนั้นด้วย

    ผู้ใหญ่หลายคนอาจไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำเหมือนอย่างเรา
    หรือยังคุ้นเคยกับการรับข่าวสารผ่านการซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านทุกวัน

    การจะสื่อสารกับคนกลุ่มนี้โดยตรง ก็คงต้องเลือกช่องทางที่เค้ารับรู้เองได้ด้วย

    เหตุผลอีกข้อ คือ แคมเปญนี้น่าจะมีเป้าหมายเพื่อสร้าง Brand Awareness ให้กับคนทั่วไป
    โดยไม่ได้ต้องการเจาะจงว่าต้องเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไร ซึ่งมักจะทำกันในสื่อออนไลน์

    ดังนั้นการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ยุคนี้ ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำแคมเปญแบบ ปูพรม ในทุกช่องทาง เพื่อให้เข้าถึงคนได้ทุกกลุ่มมากที่สุด ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่องทางไหนก็มีโอกาสได้เห็น
    จะเป็นคนที่อยู่บนโลกออนไลน์ คนที่ดูทีวี หรือคนที่อ่านหนังสือพิมพ์

    ซึ่งการทำการตลาดในลักษณะนี้ คงไม่ได้คาดหวังว่าทันทีที่คนเห็นโฆษณา คนจะไปซื้อทันที
    แต่เป็นการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค ให้ชื่อแบรนด์เข้าไปติดอยู่ในหัว

    เพราะเมื่อคนรู้สึกคุ้นเคยกับแบรนด์ ก็มีโอกาสที่คนจะเลือกซื้อมากขึ้นได้ในอนาคต

    การลงในสื่อหนังสือพิมพ์ ที่แม้จะทำให้เกิดการขายในทันทีแบบออนไลน์ไม่ได้
    แต่อาจตอบโจทย์แบรนด์ได้ในเรื่องของการรับรู้
    ดังนั้นหนังสือพิมพ์จึงยังกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่แบรนด์เลือกใช้

    ที่น่าสนใจคือ การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้
    ก็คงไม่ต้องใช้งบโฆษณามาก หากเทียบกับการลงเมื่อหลายปีที่แล้ว..

    เรื่องนี้ถือเป็น กรณีศึกษาการทำการตลาดที่น่าสนใจ
    เราคิดว่าคนไม่ดูทีวีแล้ว แต่ก็ยังมีโฆษณาทางทีวี
    เราคิดว่าคนไม่ฟังวิทยุ แต่ก็ยังมีโฆษณาทางวิทยุ
    เราคิดว่าคนไม่อ่านหนังสือพิมพ์ แต่ก็ยังมีโฆษณาในหนังสือพิมพ์

    ตราบใดที่เรารู้ว่ายังมีคนอยู่ที่ปลายทางของช่องทางนั้น
    แม้จะเป็นช่องทางที่เราคิดว่าไม่อยู่ในกระแสแล้ว
    แต่มันก็อาจเป็นช่องทางที่ตรงเป้าหมายเรา ในราคาที่คุ้มค่าสุดก็เป็นได้..
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตากสั่งล็อกดาวน์ศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยจากการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ หลังพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 1 ราย เป็นผู้ลี้ภัยชาวเมียนมา อายุ 48 ปี ส่งรักษาที่โรงพยาบาลพบพระแล้ว เบื้องต้นพบผู้สัมผัสใกล้ชิด 10 ราย เร่งติดตามเข้ากระบวนการคัดกรองและสืบสวนโรคต่อไป

    #ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19
    #ศูนย์ข้อมูลCOVID19
    #หยุดโควิดแต่ไม่หยุดเศรษฐกิจไทย
    #NewNormalชีวิตวิถีใหม่
    #สมดุลชีวิตวิถีใหม่
    #รวมไทยสร้างชาติ
    — แชร์ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโควิด-19.

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1f579.png สถานการณ์โรคโควิด-19 เอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563
    อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ นะคะ
    Wear mask, hand washing, keep physical distancing
    #โควิด-19 #โควิด19 #COVID19 @riskcom @DDC1422
    KsH7ZPIDrkLKF1FW7HkWrPW9wnveraJnK4LF8WG0HyHIb&_nc_ohc=FTCgzr2nZ0QAX8iIUbM&_nc_ht=scontent-sin6-2.png
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1f579.png สถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก
    วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563
    j4jT8sDV7tF4H-gA6AHcbyNf5h7Xkc-LOa7YMT-qsLXhe&_nc_ohc=HKTMgmD_TSoAX8YTRXC&_nc_ht=scontent-sin6-1.png
    อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ นะคะ
    Wear mask, hand washing, keep physical distancing

    #โควิด-19 #โควิด19 #COVID19 @riskcom @DDC1422
    — แชร์ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโควิด-19.

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ข่าวโควิด 19 วันนี้ค่ะ...
    1f579.png มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 7 ราย
    - ชาวต่างชาติเดินทางมาจากเลบานอน 1 ราย
    - ชาวไทยเดินทางมาจากเยอรมัน, เดนมาร์ก, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, สาธารณรัฐคอวอซอ และการ์ตา ประเทศละ 1 ราย
    - อยู่ในสถานที่กักกัน/ โรงพยาบาลในกรุงเทพ 4 ราย และชลบุรี 3 ราย
    1f579.png มีอาการป่วย 1 ราย
    1f579.png ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,920 ราย
    1f579.png กลับบ้านเพิ่ม 5 ราย (สะสม 3,766 ราย)
    1f579.png ยั...
    ดูเพิ่มเติม
    — แชร์ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโควิด-19.
    64cex8i6BKHmgO3FzWNpdJCq06qe8IW8OK515xtRAfoBT&_nc_ohc=Q_4laukTMyoAX9u_nNo&_nc_ht=scontent-sin6-2.png
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    WHO เตือน!! อย่าวางใจ วัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หลังหลายบริษัทยาเผยความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน
    ขอทุกประเทศเตรียมพร้อมรับมือ COVID-19 ระบาดระลอกใหม่ เนื่องจากไวรัสจะอยู่กับเราอีกนาน

    #ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19
    #ศูนย์ข้อมูลCOVID19
    #หยุดโควิดแต่ไม่หยุดเศรษฐกิจไทย
    #NewNormalชีวิตวิถีใหม่
    #สมดุลชีวิตวิถีใหม่
    #รวมไทยสร้างชาติ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐอเมริกาได้นำเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ไปใช้ในตะวันออกกลาง
    กองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้(22 พฤศจิกายน ) ได้นำเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ไปใช้ในตะวันออกกลางเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพอากาศสหรัฐฯในภูมิภาคนี้
    ตามรายงานของสำนักข่าว Sputnik การกระทำนี้ของสหรัฐฯเป็นความพยายามที่จะป้องปราม รุกรานและกดดันพันธมิตรของสหรัฐฯ
    ความเคลื่อนไหวในการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการตัดสินใจของทรัมป์ที่จะถอนทหารสหรัฐฯออกจากภูมิภาคภายในวันที่ 15 มกราคม 2564 ซึ่งจะรวมถึงการลดจำนวนทหารลงอีก
    ข่าวโลกที่3

    d=AQBY3VvdfANopKNg&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fcdn.isna.ir%2Fd%2F2020%2F11%2F22%2F4%2F61785271.jpg

    https://www.isna.ir/news/99090201119/آمریکا-بمب-افکن-های-بی-۵۲-در-خاورمیانه-مستقر-کرد
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เผยว่าเขาและแกนนำคนอื่นๆอีก 2 ราย จะยอมรับสารภาพในวันจันทร์(23พ.ย.) ระหว่างศาลเปิดพิจารณาในคดีที่พวกเขาเกี่ยวข้องกับการประท้วงเมื่อปีที่แล้ว พร้อมคาดหมายว่าตนเองคงต้องติดคุก
    .
    ฮ่องกงตกอยู่ในภาวะสั่นคลอนจากการประท้วงใหญ่เรียกร้องประชาธิปไตย ที่ยืดเยื้อนานกว่า 7 เดือน ซึ่งดึงดูดผู้ชุมนุมไหลบ่าสู่ท้องถนนหลายล้านคนเมื่อปีที่แล้ว แต่บ่อยครั้งที่การประท้วงเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง
    .
    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและในปักกิ่ง ปฏิเสธข้อเรียกร้องขอมีการเลือกตั้งอย่างเสรี และตอบโต้ด้วยการยกระดับปราบปรามหนักหน่วงจัดการกับบรรดาผู้สนับสนุนประชาธิปไตย

    หว่อง วัย 24 ปี ถูกดำเนินคดี พร้อมกับนักเคลื่อนไหวคนดังอีก 2 คน ได้แก่ อีวาน แลม และ แอกเนส โจว ต่อเหตุประท้วงบริเวณด้านสำนักงานตำรวจฮ่องกง เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว
    .
    ทั้งนี้ หว่อง ซึ่งอายุเพียง 17 ปี ตอนที่เขากลายเป็นแกนนำการประท้วงขบวนการร่ม "Umbrella Movement" ที่นำโดยนักศึกษาปีใน 2014 มีสิทธิ์ติดคุกสูงสุด 5 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง
    .
    "เราทั้ง 3 ตัดสินใจยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา" หว่องบอกกับผู้สื่อข่าว "คงไม่แปลกใจเลย หากว่าผมถูกส่งเข้าสถานคุมขังในทันทีวันนี้เลย" เขาระบุ "เราจะเดินหน้าสู้เพื่อเสรีภาพต่อไป และตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะคุกเข่าให้ปักกิ่งและยอมจำนน"
    .
    ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยรณรงค์ให้กำลังใจโจชัว หว่อง ด้วยการดันแท็กทวิตเตอร์ #SaveHKThreeActivist โดยพร้อมเพรียงกัน
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://mgronline.com/around/detail/9630000120397

    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/909076

    ภาพจาก
    http://reuters.com

    -------------------------------
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อจีนเปิดเกมส์ก่อน มารู้จักกับข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ RCEP
    ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงการค้า TPP ด้วยคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ มาถึงตอนนี้ถึงคราวของอินเดียถอนตัวข้อตกลงการค้าที่มีจีนเป็นผู้นำอย่าง RCEP ทั้งสองกรณีแสดงให้เห็นถึงกระแส protectionism
    แต่ข้อตกลงการค้าในทั้งสองกรณีก็ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากสองชาติใหญ่ที่ถอนตัว ด้วย 15 ชาติที่เข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ RCEP คำถามมากมายเกิดขึ้นกับข้อตกลงดังกล่าว ดังนั้นเราไปรู้จักกับข้อตกลงการค้า RCEP กันหน่อยครับ
    1. อะไรคือ RCEP
    Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP เป็นข้อตกลงการค้าที่มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศจีนและกลุ่มประเทศ ASEAN อันเป็นเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ทราบกันแน่ชัดว่าข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยลดกำแพงภาษีและการกีดกันระหว่าง 16 ชาติ ในข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจดังกล่าว
    2. แล้วตอนนี้ลดเหลือ 15 ชาติ
    เพราะอินเดียถอนตัวไปเมื่อพฤศจิกาบน ปี 2019 เนื่องจากต้องการปกป้องแรงงานและเกษตรกรในประเทศ นอกจากนี้ยังกังวลว่าจะมีสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนเข้ามาเต็มตลาดในประเทศ
    3. อินเดียพลาดโอกาสทอง
    แน่นอน เพราะอินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ใน RCEP ในทางกลับกันก็ช่วยขจัดอุปสรรคในมุมมองของจีน ดังนั้นจีนจึงหวังร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน หลังประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้ประเทศเหล่านั้นเลี่ยงการใช้เงินกู้เพื่อโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี 5G นอกจากนี้จีนยังบอกว่าอินเดียเป็นที่ต้อนรับเสมอหากต้องการกลับเข้าร่วมข้อตกลง
    4. อะไรทำให้ RCEP มีความแตกต่าง
    แตกต่างจาก Trans-Pacific Partnership หรือ TPP อันมีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ ข้อตกลง RCEP ไม่มีเงื่อนไขให้สมาชิกต้องเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในประเทศหรือคุ้มครองสิทธิแรงงาน มีมาตรฐานทางสิ่งแวดล้อม หรือคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ข้อตกลง RCEP แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของสหรัฐฯ ที่น้อยลง และอาจทำให้ภาคธุรกิจจากสหรัฐฯ ทำธุรกิจในภูมิภาคกดังกล่าวได้ยากขึ้น
    5. แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ TPP
    เปลี่ยนชื่อเป็น CPTPP หรือ Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership ซึ่งเซ็นสัญญากันไปเมื่อเดือนมีนาคม 2018 มีผลบังคับใช้แล้วกับ 7 ชาติ จาก 11 ชาติสมาชิก และยังดำเนินต่อไป แม้สหรัฐฯ จะถอนตัว ซึ่งนายโจ ไบเดน ระบุว่าพร้อมเข้าร่วมข้อตกลงอีกครั้ง แต่ต้องเห็นการปรับปรุง
    6. ชาติไหนเข้าร่วมข้อตกลงอะไรบ้าง
    มี 7 ชาติ ประกอบด้วย Australia, Brunei, Japan, Malaysia, New Zealand, Singapore และ Vietnam ที่เข้าร่วมทั้ง 2 ข้อตกลงการค้า
    ส่วนประเทศที่เข้าร่วม TPP เพียงข้อตกลงเดียว มี U.S., Canada, Chile, Mexico และ Peru
    ด้านประเทศที่เข้าร่วม RCEP เพียงอย่างเดียว ประกอบด้วย China, Cambodia, India, Indonesia, Laos, Myanmar, Philippines, South Korea และ Thailand
    ซึ่งข้อตกลง RCEP ก็เปิดโอกาสให้สหรัฐฯ เข้าร่วม แต่ต้องทำข้อตกลงการค้าเสรีกับ ASEAN ก่อน แล้วจึงเข้าร่วมได้
    ขนาดเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) ที่เข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ RCEP อยู่ที่ประมาณ 30% ของ GDP โลก และส่วนมูลค่าการค้าเมื่อเทียบกับทั้งโลกก็นับว่าใหญ่มาก อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นในช่วงที่ COVID-19 แพร่ระบาด
    การทำข้อตกลงดังกล่าวจะหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศที่เข้าร่วมกลับมาขยายตัวอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย โดยคาดว่า GDP ของประเทศจีนเพิ่มขึ้น 0.5% ไปจนถึงปี 2030 ส่วนเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้น 1.4% และญี่ปุ่น 1.3% ภายใต้สมมติฐานว่า 90% ของกำแพงภาษีถูกยกเลิกไป
    Cr : CrisisMan
    Source : Bloomberg, gzeromedia.com



    upload_2020-11-23_13-40-31.png

    FaYdPVIDMz9pzh8X1SZJTURu4ZP-5g9KpLFf18uqPiNTq&_nc_ohc=OrH___Ce4SoAX-XJ7Ae&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg

    wZq81WY_9YkdqqBvGx8cDx9609XN5DoeCh6XJVZNkj5Wx&_nc_ohc=C7n-ioWWdXUAX-yEUF2&_nc_ht=scontent-sin6-2.jpg

    MKDGcOM1aaATrB3zBaw1Vq3a3K1ES31L2GPt_jwxh4KKS&_nc_ohc=MNg0KTlf5GIAX8A2U8-&_nc_ht=scontent-sin6-1.jpg
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #การอธิบายเรื่องราวแบบง่ายๆ
    #ระบบภาษีในชีวิตประจำวัน

    ***ชาย 10 คน กับการจ่ายค่าเบียร์***

    ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในอเมริกา
    ทุกๆวันจะมีชาย 10 คน
    ไปกินเบียร์ที่บาร์แห่งหนึ่ง
    และค่าเบียร์จะอยู่ที่
    100 ดอลลาร์เท่ากันทุกวัน

    ชายสี่คนแรก
    เป็นคนที่จนที่สุดในกลุ่ม
    จึงไม่ต้องเสียค่าเบียร์
    ชายคนที่ 5 จ่ายเพียง $1
    คนที่ 6 จ่าย $3
    คนที่ 7 จ่าย $7
    คนที่ 8 จ่าย $12
    คนที่ 9 จ่าย $18
    คนที่ 10 ซึ่งเป็นคนที่รวยที่สุดในกลุ่ม
    จ่าย $59

    เวลาผ่านไป หนึ่งเดือน ...
    สองเดือน
    พวกเขาก็ยังมาเป็นประจำทุกวัน

    วันหนึ่ง เจ้าของร้าน
    ก็บอกข่าวดีกับพวกเขาว่า
    เนื่องจากพวกเขา
    เป็นลูกค้าที่ดีมาตลอด
    เขาจึงอยากจะลดค่าเบียร์
    ให้ $20 เป็น $80

    ชายทั้ง 10 ดีใจมาก
    ที่ได้จ่ายค่าเบียร์ลดลง
    เหลือเพียง $80
    อย่างไรก็ตาม
    การลดราคาครั้งนี้
    ก็ไม่ได้กระทบกับ
    ชายสี่คนแรกอยู่ดี
    เพราะในราคาปกติ
    พวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว...

    แล้วชายอีกหกคนที่เหลือหละ???
    พวกเขาจะหารส่วนลด
    20 ดอลลาร์ยังไง?

    ชายคนนึงเสนอว่า
    ให้หารเท่าๆกันเพื่อ
    “ความยุติธรรม”

    20 ดอลลาร์ หาร 6
    คือ 3.33 ...
    แต่ว่า ถ้าหากลดให้ทุกๆคน
    คนละ 3 ดอลลาร์
    ชายคนที่ 5 และ 6
    ก็จะไม่ต้องเสียอะไรเลย
    นั่นหมายถึงว่า
    ชายสิบคนที่มากินเบียร์
    มีเพียง 4 คนเท่านั้นต้องจ่าย

    เจ้าของร้านจึงเสนอไอเดียว่า
    ให้ทุกๆคนลดจำนวนเงิน
    ที่ตัวเองต้องจ่ายลง
    ในสัดส่วนที่เท่ากัน
    จากนั้น...
    เขาก็คำนวณให้เรียบร้อย
    ผลออกมาก็คือ...

    ชายคนที่ 5 ไม่ต้องเสียอะไรเลย
    เหมือนชายสี่คนแรก (ลดลง 100%)

    คนที่ 6 จ่าย $2 จาก $3 (ลดลง 33%)

    คนที่ 7 จ่าย $5 จาก $7 (ลดลง 28%)

    คนที่ 8 จ่าย $9 จาก $12 (ลดลง 25%)

    คนที่ 9 จ่าย $14 จาก $18 (ลดลง 22%)

    คนที่ 10 จ่าย $49 จาก $59 (ลดลง 16%)

    ทุกคนก็เหมือนจะเห็นด้วย
    ตามไอเดียนี้
    จนกระทั่งบาร์ปิด
    ชายคนที่ 6 ก็นึกขึ้นมาได้
    จึงพูดออกมาว่า
    “ทำไมฉันได้ส่วนลด
    เพียง 1 ดอลลาร์ จาก 20
    ในขณะที่เขาได้ตั้ง 10 !!!”
    พร้อมกับชี้ไปหา
    ชายคนที่สิบ

    “นั้นนะสิ”
    ชายที่คน 5 พูดเสริมออกมา
    “ฉันลดไปเพียง 1 ดอลลาร์”

    ทุกคนบ่นออกมาต่างๆนานา
    ว่าไอเดียนี้ไม่ยุติธรรมเลย

    จากนั้น ชายสี่คนแรก
    ที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยตั้งแต่แรก
    ก็พูดออกมาว่า

    “พวกเราไม่ได้อะไรเลย
    จริงๆเราควรได้อะไรบ้างสิ
    นี้มันเอาเปรียบคนจนชัดๆ”

    ชายคนที่ 8 และ 9
    ก็รวมหัวช่วยกันรุมชายคนที่ 10

    คืนต่อมา...
    ชายคนที่ 10 ก็ไม่ได้มา
    กินเบียร์กับพวกเขา

    เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายเงิน
    พวกเขาก็ได้เรียนรู้บางอย่างที่สำคัญ
    ก็คือ ...
    จำนวนเงินที่พวกเขาเคยจ่ายนั้น
    รวมกันแล้ว
    ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของค่าเบียร์

    -David R. Kamerschen, Ph.D.-
    ---------------------------------------------------

    นี้เป็นการอธิบาย
    ระบบภาษีที่เขียนออกมา
    ในรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน

    เลยอยากแปลมาให้อ่านกัน
    เพราะจะเป็นวิธีการที่ทำให้
    เข้าใจระบบภาษี
    ที่อ่านง่ายและสนุก

    นี้เป็นเหตุผลว่า
    ทำไมเมื่อเกิดมาตรการ
    “ลดหย่อนภาษี”

    #คนรวยถึงได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

    นั้นก็เพราะว่า
    เมื่อใดที่ นักลงทุนหรือ คนรวย
    รู้สึกว่าตัวเอง
    #ต้องจ่ายภาษีมากเกินไป

    พวกเขาก็สามารถ
    ไปหากิจกรรมการลงทุนที่อื่น
    ที่ภาษีต่ำกว่า หรือ
    ออกไปหาร้านอื่น
    ที่ค่าเบียร์ถูกกว่า....

    ระบบภาษีในไทย
    ก็ไม่แตกต่างจากอเมริกาค่ะ
    คิดภาษีเป็นลำดับขั้น
    ที่ต่างกันก็คือ
    ขั้นสูงสุดของไทยจ่าย 37%
    แต่อเมริกา ต้องจ่ายถึง 50%

    อย่างที่หลายๆคนเคยพูดไว้ว่า

    "เหรียญมีสองด้าน"

    การมองอะไรหลายๆด้าน
    ก็จะทำให้เรา
    เข้าใจอะไรได้มากขึ้น

    ปล. การดื่มสุรา
    เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    ==maytawee==
    http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=37909
    Cr : คนฉลาดอ่านเพจนี้
    1f44f.png 1f44f.png 1f44f.png 1f44d.png 1f44d.png 1f44d.png
     

แชร์หน้านี้

Loading...