ติดตามสถานะการณ์

สยอง! แมลงปีกแข็ง บุกบ้าน หนุ่มราชบุรีต้องไปนอนในรถนับเดือน

กรณี แมลงปีกแข็ง บุกบ้าน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งที่บ้านเลขที่ 195 หมู่ 4 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี มีแมลงปีกแข็งเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านนับล้านตัว จนเจ้าของบ้านต้องยอมยกบ้านให้แมลงปีกแข็ง และขอไปนอนในรถแทนนานนับเดือนแล้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นบ้านไม้ยกสูง หลังคามุงกระเบื้อง สภาพค่อนข้างเก่าปลูกสร้างอยู่ภายในสวนยางพารา

ขนลุก! แมลงปีกแข็งบุกบ้านนับล้านตัว เข้าหูเด็ก 3 ขวบ แม่ผวานอนสำลีอุดหู

โดยพบกับนายพรเทพ นุชน้อย อาย 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195 หมู่ 4 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี อาศัยอยู่คนเดียวในบ้าน พร้อมกับบอกว่าทุกวันนี้ต้องทนทุกข์กับความเป็นอยู่ที่มีกองทัพแมลงปีกแข็ง หรือ แมลงกระเบื้องนับแสน ๆ ตัว บินมาเกาะอาศัยนานนับเดือน พยายามหาหนทางแก้ไขปัญหา ทั้งไปหายาฆ่าแมลงมาฉีดพ่นหลายยี่ห้อ แต่ก็ไม่สามารถทำให้แมลงตายได้ ซ้ำยังกลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งไต่บนไม้กระดาน โอ่งน้ำ บันได หลังคาบ้าน ทุกซอกทุกมุม มีแต่แมลงชนิดนี้อยู่อาศัยเต็มไปหมด

แม้แต่บริเวณใต้ถุนบ้านดำไปด้วยแมลง หากไปโดนตัวก็จะเกิดอาการแสบร้อน จะเป็นแผลพุพองได้ แมลงจะมีกลิ่นฉุนแรง จนต้องยกบ้านให้กับพวกแมลงนี้อยู่แทน ส่วนเจ้าของต้องหนีไปอาศัยนอนอยู่ในรถยนต์กระบะของตัวเองมานานนับเดือนแล้ว หมดปัญญาหาทางแก้ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ซึ่งแมลงปีกแข็งเริ่มบินมาอาศัย ได้ประมาณครึ่งเดือนแล้ว มีจำนวนเยอะมาก บินมาช่วงกลางคืนลักษณะคล้ายฝูงผึ้ง พอเอาไฟฉายส่องก็จะเห็นมากันเยอะมาก มาแบบนี้ 2 ปีแล้ว ตอนนี้แม้จะใช้ยาฆ่าแมลงฉีดฆ่าก็ไม่หาย มากันทุกวัน ตอนนี้ทำได้คือได้ไปอาศัยนอนในรถแทน เพราะกลางคืนจะนอนบนบ้านไม่ได้เลย กลัวแมลงเข้าหู เข้าที่นอน แม้จะกินข้าวบนบ้านยังมีแมลงบินตกใส่ชามข้าวจนอยู่ไม่ได้ ช่วงเช้าเห็นแมลงตกใส่หม้อข้าวเต็มหม้อไปหมดกินไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทางผู้ใหญ่บ้านได้แนะนำให้ฉีดยาพ่นไปเรื่อยๆจนกว่าจำนวนแมลงจะลดน้อยลงหรือหมดไปเรื่อย ๆ ตัวเองก็ทำตามนะ แต่ก็ไม่หมดสักที

สุดท้ายก็จนปัญญาต้องยกบ้านให้แมลงอยู่ไปก่อน ต้องไปอาศัยนอนในรถแทนจนกว่าแมลงจะเบื่อ อย่างปีที่แล้วได้ยกบ้านให้แมลงอยู่ประมาณเกือบ 4 เดือน กว่าแมลงจะหมดไป ซึ่งก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าแมลงชนิดนี้ จะทำอย่างไรถึงจะสามารถกำจัดมันไปได้ถาวร เพื่อไม่ให้กลับมาอยู่อาศัยซ้ำอีก

Source : #AmarinTV #ข่าววันนี้ #ข่าว

 

กระเป๋ารถเมล์ติดโควิด เปิดไทม์ไลน์ระทึกฝั่งธนฯ ทำจ็อบเสริม ส่งอาหาร ย่านทุ่งครุ บางมด

กระเป๋ารถเมล์ สาย 82 ติดโควิด เปิดไทม์ไลน์ระทึกฝั่งธนฯ ทำจ็อบเสริมหลังเลิกงาน เป็นพนักงานส่งอาหาร ย่านทุ่งครุ บางมด อีกราย รถเมล์แอร์ สาย 509

วันที่ 4 พ.ค. 64 เว็บไซต์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เปิดเผยว่าพบ พนักงานเก็บค่าโดยสารรถธรรมดา สาย 82 เพศหญิง เขตการเดินรถที่ 5 และ พนักงานเก็บค่าโดยสารรถปรับอากาศ สาย 509 เพศหญิง เขตการเดินรถที่ 6 ติดเชื้อโควิด พร้อมเผยไทม์ไลน์ ดังนี้

พนักงานเก็บค่าโดยสารรถธรรมดา สาย 82 เพศหญิง เขตการเดินรถที่ 5 (ปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารช่วงกะเช้า)
วันที่ 22 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5–40140 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 15.10 น. หลังเลิกงาน เวลา 16.00 น. ได้ขี่รถจยย.(Grab) เพื่อส่งอาหารให้กับประชาชน ที่อาศัยอยู่บริเวณทุ่งครุ – บางมด และกลับถึงบ้าน เวลา 19.30 น.
วันที่ 23 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5 – 40008 ตั้งแต่เวลา 07.30 – 13.00 น.
วันที่ 24 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5 – 40171 ตั้งแต่เวลา 07.20 – 12.00 น.
วันที่ 25 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5 – 40170 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 12.00 น.
วันที่ 26 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5 – 40129 ตั้งแต่เวลา 05.00 – 10.00 น. หลังเลิกงาน เวลา 12.30 น. ได้ขี่รถจยย.(Grab) เพื่อส่งอาหารให้กับประชาชน ที่อาศัยอยู่บริเวณทุ่งครุ – บางมด และกลับถึงบ้าน เวลา 18.00 น.
วันที่ 27 เม.ย.64 วันหยุดประจำสัปดาห์ พนักงานพักอาศัยอยู่ที่บ้าน
วันที่ 28 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 จำนวน 2 คัน ได้แก่หมายเลข 5 – 40167 และหมายเลข 5 – 40168 ตั้งแต่เวลา 04.00 – 12.30 น. หลังเลิกงานเวลา 13.00 น. ได้ขี่รถจยย.(Grab) เพื่อส่งอาหารให้กับประชาชน ที่อาศัยอยู่บริเวณทุ่งครุ – บางมด และกลับถึงบ้าน เวลา 18.00 น.
วันที่ 29 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5 – 40036 ตั้งแต่เวลา 09.30 – 13.50 น. หลังเลิกงาน เวลา 14.10 น. ได้ขี่รถจยย.(Grab) เพื่อส่งอาหารให้กับประชาชน ที่อาศัยอยู่บริเวณทุ่งครุ – บางมด และกลับถึงบ้าน เวลา 19.00 น.
วันที่ 30 เม.ย.64 พนักงานลาหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เนื่องจากมีอาการไข้
วันที่ 1 พ.ค.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 82 หมายเลข 5 – 40124 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 15.00 น.
วันที่ 2 พ.ค.64 พนักงานลาหยุด เวลา 08.00 น. พนักงานได้เดินทางไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ณ โรงพยาบาลบางจาก และเดินทางกลับบ้าน ในเวลา 13.00 น.
วันที่ 3 พ.ค.64 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางจาก ได้แจ้งให้ทราบว่าพนักงานเป็นผู้ติดเชื้อฯ จึงให้อยู่ที่บ้านเพื่อรอรถพยาบาลมารับไปรักษา
วันที่ 4 พ.ค.64 เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ฯ ได้นำรถพยาบาลมารับพนักงาน

รายที่ 2 พนักงานเก็บค่าโดยสารรถปรับอากาศ สาย 509 (ปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารช่วงกะบ่าย) เพศหญิง มีดังนี้
วันที่ 22 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56002 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.30 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 23 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56109 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 23.00 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 24 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56118 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.30 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 25 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56016 ตั้งแต่เวลา 09.30 – 17.00 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 26 เม.ย.64 วันหยุดประจำสัปดาห์ พนักงานพักอาศัยอยู่ที่บ้าน
วันที่ 27 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56105 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 28 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56112 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที โดยพนักงานได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับ พนักงานเก็บค่าโดยสารรถปรับอากาศ สาย 509 เพศหญิง อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อฯ ตามที่องค์การได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 รวมทั้ง ได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกับพนักงานผู้ติดเชื้อฯ คนดังกล่าว
วันที่ 29 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56096 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 30 เม.ย.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56113 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 1 พ.ค.64 ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56117 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.30 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที โดยพนักงานเริ่มมีอาการคล้ายเป็นหวัด และมีน้ำมูก
วันที่ 2 พ.ค.64 เวลา 08.00 น. พนักงานได้เดินทางไปที่ ร.พ.ราชพิพัฒน์ เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด และเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 509 หมายเลข 6 – 56116 ตั้งแต่เวลา 12.00 – 15.30 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 3 พ.ค.64 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่จาก ร.พ.ราชพิพัฒน์ ได้แจ้งให้ทราบว่า พนักงานเป็นผู้ติดเชื้อฯ จึงให้อยู่ที่บ้าน เพื่อรอรถพยาบาลมารับไปรักษาตัว
วันที่ 4 พ.ค.64 เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ฯ นำรถพยาบาลมารับพนักงานไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาลสนาม โรงแรมแบงค็อก มิดทาวน์


Source : #AmarinTV #ข่าววันนี้ #ข่าว

 

จังหวัดติดโควิดสูงสุด กรุงเทพ เพิ่ม 562 ราย พร้อมเผยสถานที่เสี่ยง

จังหวัดติดโควิดสูงสุด ทีมข่าวอมรินทร์ สรุปข้อมูลจากการแถลงสถานการณ์โควิด19 ประจำวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ว่า กรุงเทพมหานครยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 มากที่สุด คือ 562 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. กรุงเทพมหานคร ติดเชื้อใหม่ 562 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 14,520 ราย คน

2. สมุทรปราการ ติดเชื้อใหม่ 201 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 2,368 คน

3. นนทบุรี ติดเชื้อใหม่ 168 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 2,309 คน

4. ชลบุรี ติดเชื้อใหม่ 91 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 2,853 คน

5. สมุทรสาคร ติดเชื้อใหม่ 55 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 1,114 คน

6. นครปฐม ติดเชื้อใหม่ 50 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 659 คน

7. เชียงใหม่ ติดเชื้อใหม่ 41 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 3,714 คน

8. กระบี่ ติดเชื้อใหม่ 38 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 139 คน

9. ระนอง ติดเชื้อใหม่ 37 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 286 คน

10. สุราษฎร์ธานี ติดเชื้อใหม่ 35 ราย ติดเชื้อสะสมรวม 857 คน

นอจากนี้เพจเฟซบุ๊ค กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความ วันนี้ มีอัพเดต Timeline เพิ่มเติม สถานที่เสี่ยง COVID-19 ระหว่างวันที่ 20-29 เมษายน 2564 (ข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2564) มีรายละเอียดตามรูปด้านล่าง

ทั้งนี้ การแจ้งข้อมูลการสอบสวนโรค จะรายงานข้อมูลที่ไม่พาดพิงถึงบุคคลก่อนที่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 10

ขอให้ทุกท่าน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ตรวจคัดกรองอุณหภูมิ สแกนไทยชนะ และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด นะคะ

หากสงสัยหรือกังวลว่าตนมีความเสี่ยงอยู่ในระดับใด? สามารถประเมินความเสี่ยงได้ที่ http://bkkcovid19.bangkok.go.th/ หรือติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ สายด่วน "สำนักอนามัย" โทร. 0 2203 2393 หรือ 0 2203 2396

Source : #AmarinTV #ข่าววันนี้ #ข่าว

 

วันนี้ อินเดียแถลงพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง จำนวน 357,229 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทะลุ 20 ล้านราย อยู่ที่ 20,282,833 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตวันนี้มีจำนวน 3,449 ราย

ขณะเดียวกันรัฐบาลอินเดีย ก็ออกมาระบุว่า ขณะนี้เคสโควิด-19 ในประเทศเริ่มชะลอตัวลงแล้ว โดยเฉพาะในรัฐมหาราษฏระ ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า จำนวนการตรวจหาเชื้อโควิดในอินเดียก็น้อยลงด้วย จึงมีความเป็นไปได้ว่า ที่จริงแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อยังมีจำนวนมากอยู่เช่นเดิม

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายออกมาระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตในอินเดียที่ทางการรายงานนั้นน้อยกว่าข้อเท็จจริงอย่างมาก สวนทางกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่ญาติต้องไปรอเข้าคิวเพื่อฌาปนกิจ

#ข่าวโมโน29 #Mono29 #Mono29News

#covid #โควิด #ข่าวต่างประเทศ #โรคระบาด #อินเดีย

 

ชาวบ้านชุมชนบุญร่มไทร หนึ่งในชุมชนแออัด ช่วยกันบรรจุข้าวสาร ปลากระป๋อง ไข่ไก่ รวมถึงเครื่องปรุงจำเป็นต่างๆ ที่ใช้ภายในครัวเรือน เพื่อเตรียมนำไปแจกจ่ายให้กับชุมชนสมาชิกริมทางรถไฟ ที่ต้องกักตัวเอง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว แต่ยังเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ

ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่ทุกคนหาเช้ากินค่ำ ทำให้แม้ผู้ติดเชื้อจะถูกส่งตัวไปรับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม แต่ผู้สัมผัสใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัว ที่ต้องกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการที่บ้าน คนกลุ่มนี้ต้องการความช่วยเหลือ จึงได้ช่วยกันระดมทุนสมาชิกทั้งหมดครอบครัวละ 20 บาท เพื่อจัดหาอาหาร คาดว่าน่าจะช่วยกันบรรเทา ไปในระยะแรกเท่านั้น ส่วนระยะยาวหากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจำเป็นต้องขออาศัยความช่วยเหลือจากภาคส่วนอื่นๆร่วมด้วย

#โควิด #โควิด19 #โควิดกรุงเทพ
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

เมื่อวันจันทร์ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ประเทศบราซิลได้เกิดเหตุหยุดชะงักล่าสุดของโครงการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้าย
.
ทำให้เมืองเอก 7 ใน 26 รัฐของบราซิล หยุดฉีดวัคซีนข็มกระตุ้นของโคโรนาแวกซ์ ที่พัฒนาโดยจีน สืบเนื่องจากมีอุปทานไม่เพียงพอ ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว G1�.�โดยรีโอเดอจาเนโร เมืองใหญ่ที่สุดอันดัน 2 ของบราซิล เมืองที่มีประชากร 6.7 ล้านคนแห่งนี้ แถลง ระงับฉีดวัคซีนโดสที่ 2 เป็นเวลา 10 วันในวันเสาร์ (1 พ.ค.) ก่อนปรับเปลี่ยนตารางการฉีดวัคซีน
.
โดยหันมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกลุ่มอายุ แม้จะเป็นไปอย่างช้า ๆก็ตาม โดยเพิ่งกลับมาเดินหน้าฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ในวันจันทร์ (3 พ.ค.) แต่เฉพาะกับคนสูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไป
.
ส่วนคนที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตามตารางฉีดวัคซีนใหม่ของเมือง พวกเขาอาจต้องรอนานขึ้น 2 ถึง 12 วัน จากคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนแต่ละโดสห่างกัน 28 วัน�.�ส่วนเมืองเอกอื่น ๆ ที่ระงับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 รวมไปถึงเมืองหลัก ๆ อย่าง โบโล โฮริซอนเต และปอร์ตูอาเลเกร ซึ่งมีประชากร 2.5 ล้านคน และ1.5 ล้านคน ตามลำดับ�.�ด้านหนังสือพิมพ์ Folha de Sao Paulo รายงานว่าในบรรดาเมืองเอกของรัฐต่าง ๆ ทั่วบราซิล ปัจจุบันมากกว่าครึ่งไม่มีวัคซีนเพียงพอสำหรับฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ให้แก่ประชาชนทุกคนที่ได้รับวัคซีนโดสแรกไปแล้ว ที่ผ่านมา บราซิลใช้วัคซีน 2 ตัว ได้แก่
.
โคโรนาแวกซ์ และของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในปริมาณ 2 โดส แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาได้รับวัคซีนล้านโดสแรกจากไฟเซอร์ ซึ่งใช้ในปริมาณ 2 โดสเช่นกัน และเริ่มแจกจ่ายในวันจันทร์ (3 พ.ค.)
.
ซึ่งไวรัสโควิด-19 ก็ได้คร่าชีวิตผู้คนในบราซิลไปแล้วมากกว่า 400,000 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ แต่เวลานี้พวกเขากำลังประสบปัญหาในการควานหาวัคซีนฉีดแก่ประชาชน 212 ล้านคน�.�ทางด้านฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีขวาจัด ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อการดูเบาโรคระบาดใหญ่ และเพิกเฉยคำแนะนำของบรรดาผู้เชี่ยวชาญในมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
.
เช่นเดียวกันกับ มาร์เซโล คีโรกา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขบราซิล) กล่าวโทษปัญหาขาดแคลนวัคซีนโดสที่ 2 ไปยังความผิดพลาดทางโลจิสติกส์ ที่เกิดขึ้นในสมัยของนายพลเอดูอาร์โด ปาซูเอลโล รัฐมนตรีสาธารณสุขคนก่อน ซึ่งถูกโบลโซนารู ไล่ออกในเดือนมีนาคม�.�สำหรับปัญหาภายใต้การบริหารงานของปาซูเอลโล กระทรวงสาธารณสุขบราซิลตัดสินใจปล่อยคลังสำรองวัคซีนโดสที่ 2 ออกมาก่อน สำหรับใช้เป็นโดสแรก ในความพยายามเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนของบราซิล อย่างไรก็ตาม วัคซีนเพิ่มเติมที่จะเข้ามาทดแทนวัคซีนในคลังสำรองนั้น มาไม่ทันเวลา�.�จนถึงตอนนี้มีประชาชนชาวบราซิลได้รับวัคซีนโดสแรกไปแล้วราว ๆ 15% และมี 7.5% ที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดส

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://au.news.yahoo.com/brazil-struggles-deliver-covid-vaccine-214050308.html

https://mgronline.com/around/detail/9640000042413
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

รายงานจากองค์การอนามัยโลกว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์บราซิลและแอฟริกาเข้าไทยแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ต้องดูว่าเชื้อระบาดในประเทศด้วยหรือเปล่า ถ้าแค่ไปเจอที่สนามบิน แล้วตรวจพบทันที และจัดการเรียนร้อย ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหา แต่ถ้าตรวจไม่พบ มีหลุด หรือตรวจพบ ไม่มีหลุดแต่จัดการไม่ดี ก็อีกเรื่อง
----
UPDATE: หมอวาโย ก้าวไกล เตือนโควิด-19 พันธุ์บราซิล-แอฟริกา เข้าไทยแล้ว เร่งหาวัคซีนสู้เชื้อกลายพันธุ์
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยผ่านการพูดคุยกับ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ผ่านรายการ ‘คุยให้ชัดกับพรรณิการ์’ ว่าตนกังวลใจอย่างมากที่พบรายงานจากองค์การอนามัยโลกว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์บราซิลและแอฟริกาเข้าไทยแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ ศบค. กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ ทั้งที่มีรายงานการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่าเชื้อที่เกิดการกลายพันธุ์มีลักษณะดื้อวัคซีน ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง
.
นพ.วาโยยังกล่าวอีกด้วยว่า ในขณะนี้วงการแพทย์รับรู้กันว่าวัคซีนที่ผลิตจากเทคโนโลยี mRNA มีแนวโน้มที่จะป้องกันเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ได้ดีกว่า แต่ในประเทศไทยขณะนี้มีเพียงวัคซีน Sinovac และ AstraZeneca ซึ่งเป็นวัคซีนประเภทไวรัลเวกเตอร์ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะไม่มีประสิทธิภาพดีพอในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์บราซิลและแอฟริกา เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งจัดหาวัคซีน mRNA เช่น Moderna หรือ Pfizer เข้ามาฉีดให้ประชาชน เพื่อรับมือการระบาดระลอกใหม่จากเชื้อกลายพันธุ์
.
นพ.วาโยยังกล่าวอีกด้วยว่า แม้จะตอบได้ยากว่าการระบาดระลอก 3 จะจบลงเมื่อไร แต่ที่เป็นไปได้แน่ๆ คือ เราจะเจอการระบาดระลอก 3 แบบยาวนาน แล้วแทรกด้วยการเกิดระลอกใหม่ที่เป็นการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ ซึ่งจะทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยต้องแบกรับภาระด้านการบริหารทรัพยากรมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเมื่อบุคลากรการแพทย์ส่วนใหญ่ในประเทศได้รับวัคซีน Sinovac ซึ่งมีประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำในการรับมือเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

บุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุข ด่านหน้าสู้โควิด-19 เสี่ยงแต่คือหน้าที่
.
ภาพของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานแข่งกับเวลา รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ในจุดเสี่ยงหลายหน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและการทำหน้าที่อย่างหนัก ในห้วงที่ตัวเลขผู้ป่วยของไทยเพิ่มขึ้นสูงหลักพันต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ กำลังหลักที่จะช่วยให้สถานการณ์เหล่านี้คลี่คลายลง คือบุคลากรกลุ่มนี้ที่ทำงานบนความเสี่ยง แต่นั่นคือหน้าที่
.
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าห้วงของโควิด-19 ที่ระบาดระลอกเดือนเมษายน 2564 เพียงวันที่ 1-18 เมษายน บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อแล้ว 146 ราย ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
.
ขณะที่การทำหน้าที่ในภาคสนาม ทั้งการตรวจหาผู้ป่วยเชิงรุก การฉีดวัคซีนให้ประชาชน การดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ล้วนเป็นงานที่หนักและเป็นวินาทีแห่งชีวิต
.
นี่คือบุคลาการด้านการแพทย์และสาธารณสุขส่วนหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ (4 พฤษภาคม) ในพื้นที่ชุมชนแออัดย่านคลองเตยและบ่อนไก่ ซึ่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ขยายวง เป็นเสมือนภาพแทนสะท้อนการทำงานของบุคลากรทั้งหมดที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในห้วงเวลานี้
.
ขอเป็นกำลังใจ และหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในอีกไม่นาน
.
เรื่อง: ธนกร วงษ์ปัญญา
ภาพ: ฐานิส สุดโต /ศวิตา พูลเสถียร
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardPhoto #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

UPDATE: ประกันสังคมเปิดตรวจโควิด-19 เฟสสอง เริ่ม 5 พฤษภาคมนี้ ตั้งจุดตรวจ กทม.-ปทุมธานี-สมุทรปราการ
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดูแลผู้ประกันตนของสำนักงานประกันสังคมสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่า สำนักงานประกันสังคมมีภารกิจต้องดูแลผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ให้ปลอดภัยและมีสถานที่รักษา
.
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา จุดบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ได้หยุดรับตรวจแล้ว โดยมีผู้ที่ได้รับการตรวจทั้งหมดกว่า 30,000 คน พบเชื้อกว่า 800 คน ขณะนี้ได้นำผู้ติดเชื้อทั้งหมดส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว
.
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (5 พฤษภาคม) - 11 พฤษภาคม จะเปิดจุดบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เฟส 2 เวลา 08.00-16.00 น. ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กรุงเทพมหานคร และวิทยาลัยการอาชีวศึกษาจังหวัดปทุมธานี ส่วนสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ รับการตรวจหาเชื้อตั้งแต่วันนี้ - 7 พฤษภาคมนี้
.
โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการตรวจคือ เป็นทั้งผู้ที่ประกันตนและประชาชนทั่วไปที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงหรือมีอาการ ขณะเดียวกันสำนักงานประกันสังคมมี Hospitel ในเครือประกันสังคม 6,940 เตียง และหาห้องเพิ่มเกือบ 10,000 ห้อง รวมถึงบูรณาการความร่วมมือร่วมกับโรงแรม เพื่อจัดเตรียมหาสถานที่เพิ่มรองรับกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในส่วนของสำนักงานประกันสังคมได้ดูแลผู้ประกันตนอย่างครบถ้วน พร้อมเปิดสายด่วน 1506 เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์อย่างต่อเนื่อง
.
นอกจากนี้ สำหรับแรงงานนอกระบบต้องได้รับการดูแลเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดูแลข้อมูล พ.ร.บ. แรงงานนอกระบบ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานนอกระบบ
.
ภาพ: ฐานิส สุดโต
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงกระทั่งเสียชีวิต ต้องเสียชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยวภายใต้อุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิตที่ห้อยระโยงระยางในห้อง ICU เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคที่ติดต่อง่ายและมีความรุนแรงสูง แพทย์จึงไม่สามารถให้ญาติเข้าไปดูใจในวาระสุดท้ายของผู้ป่วยได้
.
สิ่งที่ญาติสามารถทำได้คือการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อย่างบริบทของศาสนาพุทธ ญาติสามารถจัดพิธีงานศพเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตได้ และผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถจัดพิธีได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการแพร่เชื้อจากผู้เสียชีวิต ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ
.
-เชื้อโควิด-19 อยู่ในสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ เข้าสู่ร่างกายได้ 2 ช่องทางคือ การสูดหายใจ และการสัมผัสเยื่อบุตา/จมูก
-ก่อนออกจากโรงพยาบาล ศพจะถูกบรรจุในถุงซิปกันน้ำ 2 ชั้น และทำความสะอาดด้านนอกของถุงแล้ว สารคัดหลั่งจึงไม่ปนเปื้อนออกมา
.
เมื่อบรรจุศพพร้อมถุงลงในโลงศพ และปิดฝาโลงให้สนิท ญาติสามารถนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการเผาหรือฝังศพจะไม่ก่อให้เกิดการแพร่เชื้อ แต่กระทรวงสาธารณสุขมีคำแนะนำญาติผู้เสียชีวิตและผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ดังนี้
.
-สามารถสัมผัสถุงศพภายนอกโดยใส่ถุงมือยางแบบใช้แล้วทิ้งชั้นเดียว และสวมหน้ากากอนามัย แต่ไม่แนะนำให้สัมผัสถุงศพโดยไม่จำเป็น
-ห้ามเปิดถุงบรรจุศพเพื่อดูศพ รดน้ำศพ ทำความสะอาดศพ เปลี่ยนเสื้อผ้า ฉีดน้ำยารักษาศพ หรือประกอบพิธีทางศาสนาอื่นๆ
-สามารถตั้งศพเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาได้ โดยบรรจุถุงศพในโลงเย็น แต่แนะนำให้เผาหรือฝังศพโดยเร็ว เนื่องจากศพไม่ได้ฉีดน้ำยารักษาสภาพ
-โลงเย็นและอุปกรณ์อื่นๆ ที่สัมผัสกับถุงศพสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฟอกขาว (โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.1%)
-เชื้อโควิด-19 ไม่แพร่เชื้อผ่านควันจากการเผาศพ และญาติสามารถเก็บเถ้ากระดูกได้ตามปกติ เพราะเชื้อถูกทำลายด้วยอุณหภูมิที่สูงไปหมดแล้ว
.
หากญาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งหมดอย่างถูกต้อง ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เสียชีวิตแล้วจะไม่สามารถแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ และเมื่อศาสนสถานรับประกอบพิธีกรรมจะประคับประคองจิตใจของญาติให้ไม่รู้สึกว่าญาติของเขาต้องเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้
.
อ้างอิง:
แนวทางการจัดการศพติดเชื้อหรือสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุงใหม่ https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=114
.
เรื่อง: นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardInfographic #TheStandardPop #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19

 

UPDATE: สธ. เผยสถานการณ์โควิด-19 ยังทรงตัว แต่สั่งเตรียมเตียงไอซียูเพิ่ม ห่วงการระบาดในชุมชนแออัด
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย หากพิจารณาเส้นกราฟผู้ติดเชื้อเหมือนจะทรงตัว แต่งานที่หนักยังคอยอยู่คือการลดการระบาดของโรค
.
“แปลความว่าในต่างจังหวัดสถานการณ์ค่อนข้างคงตัว จุดสำคัญถ้าจะลดการระบาด คือต้องจัดการพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะกลุ่มก้อนใหญ่อย่างชุมชนแออัดหลายชุมชน โดยหากเราควบคุมสถานการณ์ได้ และพี่น้องประชาชนร่วมมือกัน เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เจ้าหน้าที่ กทม. ร่วมมือกันทั้งหมดจะควบคุมสถานการณ์ได้” นพ.โอภาสกล่าว
.
นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า วันนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครพบผู้ติดเชื้อ 563 ราย ส่วนปริมณฑล 249 คน ดังนั้นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะพบ 956 ราย แต่จังหวัดอื่นๆ ส่วนใหญ่กว่า 58 จังหวัด มีผู้ป่วยไม่ถึง 20 ราย แสดงว่าสถานการณ์ต่างจังหวัดน่าพอใจ แม้จะพบผู้ป่วยแต่มาตรการติดตามค้นหายังทำได้ดี ต่างจังหวัดค่อนข้างเบาใจได้ แต่ก็ต้องเคร่งครัดมาตรการต่างๆ เช่นเดิม ทั้งมาตรการส่วนบุคคล องค์กร ชุมชน ฯลฯ
.
“ผู้ติดเชื้อสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มทยอยหายดี อัตราการหายอยู่ที่มากกว่าร้อยละ 95 ดังนั้นหากเป็นแบบนี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ สถานการณ์การรักษาในโรงพยาบาลจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์เตียงของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะเห็นว่า ผู้อาการน้อย หรือไม่มีอาการจะไม่มีปัญหา เพราะมีโรงพยาบาลสนาม มี Hospitel แต่ที่ต้องจับตาคือผู้ป่วยสีแดง ซึ่งต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและต้องอยู่ห้องไอซียู ขณะนี้มีเตียงไอซียูรองรับได้ 173 เตียง หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ยังพอรับได้ แต่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลให้จัดหาเตียงไอซียูเพิ่มเติม ส่วนผู้ที่มีอาการปานกลางสีเหลืองได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มศักยภาพ ซึ่งขณะนี้เพิ่มอีก 2,000 กว่าเตียง ส่วนศูนย์แรกรับส่งต่ออาคารนิมิบุตรของกระทรวงสาธารณสุขโดยข้อมูล ณ วันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 18.00 น. มีการส่งเข้ารักษาสำเร็จ 239 ราย คิดเป็นร้อยละ 96.8 จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง” นพ.โอภาส กล่าว
.
นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ตรวจไปแล้วเกือบ 5 ล้านตัวอย่าง บางวันขึ้นไปถึง 70,000 ตัวอย่างต่อวัน โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000-60,000 ตัวอย่างต่อวัน อย่างวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาตรวจไปแล้ว 41,357 ตัวอย่าง โดยเฉพาะการตรวจเชิงรุก ตรวจไปแล้ว 10,729 ตัวอย่าง พบผู้ติดเชื้อร้อยละ 2 และภาพรวมพบผลบวกร้อยละ 4 ซึ่งแนวโน้มการติดเชื้อเริ่มน้อยลง แต่ก็ต้องพิจารณาข้อมูลหลายส่วนพร้อมกัน
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

กทม. เดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 วันแรกที่โรงเรียนวัดคลองเตย ควบคู่ตรวจเชิงรุกในชุมชนถึง 19 พฤษภาคมนี้
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) นับเป็นวันแรกที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เริ่มต้นการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนคลองเตย เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยตั้งจุดฉีดวัคซีน 2 แห่ง คือ โรงเรียนวัดคลองเตย และห้างโลตัส สาขาพระราม 4 เขตคลองเตย
.
โดย กทม. ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในชุมชนคลองเตย จำนวน 50,000 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนประชาชนทั้งหมดในชุมชนคลองเตย โดยวันแรกคาดว่าจะมีผู้เข้ารับวัคซีนประมาณ 1,000 คน และวันต่อๆ ไปอีก วันละ 2,500-3,000 คน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดจำนวน 50,000 คน พร้อมค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ให้ได้วันละ 1,000 คน จนกระทั่งวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
.
ทั้งนี้ สำหรับการเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่คลองเคย สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนคลองเตย ซึ่งมีผู้พักอาศัยอย่างหนาแน่น มีประชากรกลุ่มเปราะบางและเสี่ยงต่อการระบาดในวงกว้าง ดังนั้น รัฐบาล โดยศูนย์บริหารสถานการโควิด-19 (ศบค.) จึงมีมติให้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดก่อนที่จะไม่สามารถควบคุมได้
.
เรื่อง: THE STANDARD TEAM
ภาพ: ฐานิส สุดโต
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardPhoto #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19

 

UPDATE: ลีกคริกเก็ตในอินเดียประกาศระงับการแข่งขันอย่างไม่มีกำหนด หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) อินเดียนพรีเมียร์ลีก (Indian Premier League: IPL) หรือลีกคริกเก็ตในประเทศอินเดีย ได้ประกาศระงับการแข่งขันอย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่สถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
โดยแถลงการณ์ที่ออกมา ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ระบุว่า “ระหว่างที่เรากำลังพยายามสร้างกำลังใจและพลังบวกนั้น สิ่งจำเป็นในตอนนี้คือการระงับการแข่งขัน และในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ให้ทุกคนกลับบ้านไปสู่ครอบครัวอันเป็นที่รัก”
.
สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ยังไม่มีความแน่นอนสำหรับลีกคริกเก็ต ที่มีนักกีฬาชั้นนำของโลกจากต่างประเทศเดินทางมาร่วมจะกลับมาทำการแข่งขันเมื่อใด
.
หลังจากที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมภายในประเทศอินเดีย มีสูงกว่า 20 ล้านคน โดยตัวเลขล่าสุดที่มีออกมาเมื่อวานนี้ (3 พฤษภาคม) มีรายงานผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศสูงถึง 357,229 คน
.
โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายจัดการแข่งขันคริกเก็ตเดินหน้าจัดการแข่งขันตามปกติ แม้ว่าจะมีนักกีฬาต่างชาติหลายคนตัดสินใจถอนตัวหรือเรียกร้องให้เลื่อนการแข่งขันออกไป
.
แต่ทาง IPL ได้ตัดสินใจจัดการแข่งขันแบบบับเบิลสำหรับแต่ละทีม ที่ต้องเดินทางไปแข่งขันทั่วประเทศ โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่านักกีฬาจากต่างประเทศต้องเดินทางมาด้วยการใส่ชุด PPE บนเครื่องบินตลอดเส้นทางเพื่อมาร่วมแข่งขันที่อินเดีย
.
แต่หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโรงพยาบาลเริ่มขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฝ่ายจัดการแข่งขันจึงได้รับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายพวกเขาได้ตัดสินใจระงับการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
.
สำหรับลีก IPL ถือว่าเป็นลีกกีฬาอาชีพที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 6 ของโลก รองจาก อเมริกันฟุตบอล NFL, ฟุตบอลลีกสูงสุดของ 4 ประเทศในยุโรป และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก จากการจัดอันดับของ Forbes
.
ซึ่งการตัดสินใจระงับหรือเลื่อนการแข่งขันนี้ มีบางฝ่ายมองว่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก
.
“มีระบบต่างๆ ที่ IPL รองรับอยู่ การสร้างชีวิตความเป็นอยู่ให้กับคนอินเดียหลายล้านคนหรือมากกว่านั้น เรากำลังพูดถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในตอนนี้ การตัดสินใจระงับ IPL คุณจะทำอย่างไรต่อ คุณได้กดประเทศให้รู้สึกหดหู่มากขึ้น และกำลังพูดถึงหนี้ที่มากขึ้น พร้อมกับวิกฤตการแพร่ระบาด” โบเรีย มาจุมดาร์ นักข่าวกีฬาสายคริกเก็ตให้สัมภาษณ์กับทาง CNN Sport
.
ด้านหน่วยงานวิจัยเกี่ยวกับผู้รับชมการถ่ายทอดสดของอินเดียได้เปิดเผยว่า ตัวเลขของผู้รับชมการแข่งขัน IPL ในช่วงสัปดาห์เปิดฤดูกาลสูงขึ้นถึง 15% ด้วยยอดผู้ชม 269 ล้านคน รับชมการแข่งขัน 7 เกม ผ่าน 21 ช่องทาง
.
แต่สุดท้ายแฟนกีฬาหลานคนรู้สึกไม่สบายใจที่การแข่งขันเดินหน้าต่อท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้
.
“มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย ผมเห็นชีวิตกำลังสูญเสีย ในขณะที่คุณเห็นคนสูญเสียชีวิตที่มีค่า และอีกคนกำลังพูดถึงความบันเทิงและกีฬาคริกเก็ต” Oswald Dsouza แฟนกีฬาคริกเก็ตวัย 55 ปี ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNN Sport สัปดาห์ที่ผ่านมา
.
“ใช่ ผมรัก IPL แต่ชีวิตมีความสำคัญที่สุด และจะมีประโยชน์อะไรในการเดินหน้าแข่งขัน IPL ต่อ ตอนนี้เราสูญเสียชีวิตไปมากขนาดนี้”
.
อ้างอิง:
https://edition.cnn.com/2021/05/04/...Vl2g3Q5y7YJs6pfOQ2Cx1MIYN5z7V0sVBjaSfVXJ98f04
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

วันแรกที่โลตัส พระราม 4 กทม. ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงแล้ว หวังสกัดการระบาดชุมชนแออัด
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักอนามัย สำนักการแพทย์ ได้ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย ได้จัดบริการประชาชนและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตคลองเตย เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในชุมชนพื้นที่เขตคลองเตย ที่โลตัส สาขาพระราม 4
.
สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในชุมชนเขตคลองเตย ซึ่งตามข้อมูลมีประชาชนกว่า 80,000 คน จึงได้ให้ กทม. ร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ลงพื้นที่ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก รวมทั้งได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ กทม. นำไปฉีดให้แก่ประชาชนในชุมชนคลองเตย จำนวน 50,000 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนประชาชนทั้งหมดในชุมชนคลองเตย
.
ทั้งนี้ กทม. ได้กำหนดจุดให้บริการฉีดวัคซีน 2 จุด ได้แก่ บริเวณวัดคลองเตย และโลตัส สาขาพระราม 4
.
สำหรับวันนี้เป็นวันแรกของการให้บริการฉีดวัคซีน คาดว่าจะมีผู้เข้ารับวัคซีนประมาณ 1,000 คน เนื่องจากเริ่มดำเนินการในช่วงบ่าย จากนั้นตั้งเป้าฉีดให้ได้วันละ 2,500-3,000 คน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดจำนวน 50,000 คน (คิดเป็นร้อยละ70 ของจำนวนคนในชุมชนทั้งหมด)
.
นอกจากนี้ กทม. จะเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ให้ได้วันละ 1,000 คน โดยดำเนินการต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
.
เรื่อง: ธนกร วงษ์ปัญญา
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardPhoto #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19

 

UPDATE: รัฐบาวาเรียของเยอรมนี ยกเลิกเทศกาลเบียร์ ‘อ็อกโทเบอร์เฟสต์’ หนีโควิด-19 เป็นปีที่สองติดต่อกัน
.
วานนี้ (3 พฤษภาคม) มาร์คุส เซอเดอร์ มุขมนตรีรัฐบาวาเรีย และดีเตอร์ รีเตอร์ นายกเทศมนตรีเมืองมิวนิกของเยอรมนี ประกาศว่าเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) เทศกาลเบียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จะถูกยกเลิกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
.
เซอเดอร์และรีเตอร์เห็นพ้องร่วมกันว่าควรยกเลิกการจัดงานเทศกาลเบียร์ขนาดใหญ่ในเมืองมิวนิก เมืองหลวงของรัฐบาวาเรียในฤดูกาลนี้ โดยให้เหตุผลถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ยังไม่นิ่งในประเทศ
.
เซอเดอร์เผยว่าชื่อเสียงของอ็อกโทเบอร์เฟสต์กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการบังคับใช้ข้อจำกัดนับไม่ถ้วน แต่หากจัดงานดังกล่าวอาจทำให้เกิด ‘สภาวะโกลาหล’ ได้ เนื่องจากมาตรการป้องกันต่างๆ อย่างการเว้นระยะห่างทางสังคมและการสวมหน้ากากอนามัยนั้น ‘ไม่สามารถใช้ได้จริง’ ในเทศกาลนี้
.
“เป็นการตัดสินใจที่ต้องทำตอนนี้เลย” รีเตอร์เสริม ไม่เช่นนั้นตอนนี้คณะผู้จัดงานอาจต้องทำสัญญาและจ้างพนักงานกันแล้ว พร้อมเน้นย้ำว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลหากมีการรีรอหรือเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีก
.
ทั้งนี้ เทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1810 และเคยถูกยกเลิกจัดงานมากกว่า 10 ครั้งในประวัติศาสตร์ โดยสาเหตุหลายประการ เช่น สงครามนโปเลียน สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 รวมถึงการระบาดของอหิวาตกโรคในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และอื่นๆ
งานอ็อกโทเบอร์เฟสต์ถูกยกไปเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 นับเป็นการยกเลิกครั้งแรกในรอบ 70 ปี โดยคณะผู้จัดงานคาดการณ์ว่าเมื่อปี 2019 มีผู้คนจากทัวโลกมาเข้าร่วมงานนี้ราว 6.3 ล้านคน
.
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

UPDATE: ศบค. แจงตัวเลขฉีดวีคซีนป้องกันโควิด-19 รายวันน้อยลง เพราะอยู่ช่วงปลายล็อต ไม่แปลกเพิ่ม-ลดตามซัพพลาย
.
จากรณีที่ประชาชนมีข้อสงสัยว่า เหตุใดตัวเลขของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวานที่ผ่านมา (3 พฤษภาคม) จึงมีตัวเลขการฉีดทั้งเข็มแรกและเข็มที่สองเพียงหลัก 2,000 กว่าราย ขณะที่ในระยะหลังตัวเลขผู้รับการฉัดวัคซีนก็น้อยลงด้วย
.
ล่าสุด วันนี้ (4 พฤษภาคม) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ชี้แจงระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์ประจำวันว่า ได้รับรายงานว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขจริง เนื่องจากเป็นปลายล็อตของวัคซีน Sinovac เป็นการเก็บตกรายน้อยๆ มีไม่มาก และเป็นปลายล็อต ของหมดพอดี เมื่อวานนี้รับทราบว่าวัคซีน Sinovac ได้เข้ามาเพิ่มอีก 500,000 โดส ซึ่งก็จะมีจำนวนการฉีดเพิ่มขึ้น จึงไม่แปลก เป็นการเพิ่มขึ้นลดลงตามซัพพลายที่เข้ามา วันนี้ก็ฉีดได้เกือบ 6,000 คนแล้ว
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

ระดมตรวจโควิด-19 ที่ชุมชนคลองเตย หวังเร่งสกัดการระบาดและลุกลามในชุมชนแออัด
.
วันนี้ (4 พฤษภาคม) ตั้งแต่เวลา 10.30 น. ที่บริเวณลานจอดรถตลาดคลองเตย สำนักงานเขตคลองเตย ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 2 คัน เพื่อใช้ในงานเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง ส่งตรวจหาเชื้อ ด้วยวิธีการ SWAB จำนวนผู้รับการตรวจประมาณ 600 คน โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เขตคลองเตยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาตรวจคัดกรอง
.
ด้าน พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ลงพื้นที่ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ในชุมชนพื้นที่คลองเตยและปทุมวัน จากการลงพื้นที่วันนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่จัดระบบการรอรับบริการให้เหมาะสม โดยให้นัดประชาชนมารอรับบริการตามช่วงเวลาเพื่อลดระยะเวลาการรอคอยและไม่ให้เกิดความแออัดในการใช้บริการ รวมทั้งให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่าหากติดเชื้อ ทาง กทม. พร้อมจะนำส่งเข้าสู่ระบบการรักษาของ กทม. ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง แบ่งการรักษาตามระดับอาการของผู้ป่วย พร้อมมอบยาฟาวิพิราเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยตามระดับอาการที่แพทย์ประเมิน ซึ่ง กทม. ได้ดำเนินการจัดซื้อยาดังกล่าวเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
.
สำหรับการ SWAB ครั้งนี้ ในส่วนของคลองเตยได้กำชับให้เขตเพิ่มจุดให้บริการตรวจให้ได้อีก 4 จุด สามารถตรวจได้วันละ 1,000 คน รวม 4,000 คน
.
สำหรับผลการตรวจจะแจ้งให้ผู้รับการตรวจทราบภายใน 24 ชั่วโมง โดยผู้ที่มีผลการตรวจเป็น Negative หรือไม่ติดเชื้อ ขอให้ไปรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกคน ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานเขตเพิ่มจุดบริการวัคซีนให้ทั่วถึง โดย กทม. ตั้งเป้าจะฉีดให้ครอบคลุมประชาชนในพื้นที่ 50,000 คน คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชาชนในพื้นที่
.
เรื่อง: ธนกร วงษ์ปัญญา
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardPhoto #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

UPDATE: กทม. สั่ง 50 เขตตั้งศูนย์ประสานงานค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 เชิงรุกในชุมชนแออัด เร่งส่งเข้าระบบการรักษา
.
วานนี้ (3 พฤษภาคม) ศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (ปลัด กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแผนการตรวจคัดกรองโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า กทม. มอบหมายให้สำนักอนามัยประสานความร่วมมือกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สุ่มตรวจประชาชนทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยจะดำเนินการในเขตที่คาดว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงก่อน
.
ทั้งนี้จะดำเนินงานรูปแบบเดียวกับการดำเนินงานในพื้นที่เขตคลองเตย โดยเมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อแล้วจะส่งรายชื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่เพื่อประสานผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษา เช่น การเตรียมเสื้อผ้าแและสิ่งของเครื่องใช้ การปฏิบัติตัวระหว่างรอรถนำส่งสถานพยาบาล การปฏิบัติตัวระหว่างพักรักษาตัวในสถานพยาบาลประเภทต่างๆ พร้อมกันนี้จะส่งรายชื่อให้ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ เพื่อเตรียมประสานงานหน่วยงานภาคีเครือข่ายเพื่อรับผู้ติดเชื้อเข้าพักรักษา รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพ มูลนิธิ หรือสำนักงานเขต เพื่อจัดรถรับผู้ติดเชื้อไปส่งสถานพยาบาลตามระดับความรุนแรงของอาการ
.
ทั้งนี้ขอให้สำนักงานเขตจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ระดับเขต เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่ รวมทั้งเตรียมหาสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อระหว่างรอนำส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ดังเช่นที่สำนักงานเขตคลองเตยได้รับความอนุเคราะห์จากวัดสะพาน ในการใช้พื้นที่เพื่อเป็นจุดพักคอยของผู้ติดเชื้อระหว่างรอรถนำส่งสถานพยาบาล โดยจุดพักคอยดังกล่าวควรเป็นสถานที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่มีพรมหรือวัสดุปูพื้นที่อาจดูดซับฝุ่นหรือเชื้อโรค
.
นอกจากนี้ให้ประสานหน่วยงานความร่วมมือกับภาคเอกชนในพื้นที่ที่ประสงค์จะบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค สำหรับผู้ติดเชื้อใช้ประโยชน์ระหว่างรอส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อไป
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19
—————————————————
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ยังมีสะสมทุกวัน สิ่งที่ตามมาแต่หลายคนอาจคิดไม่ถึงคือพิธีกรรมทางศาสนาของผู้วายชนม์ บรรยากาศพิธีฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยิ่งเพิ่มความเศร้าเสียใจกว่าปกติ เพราะช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้อยู่ใกล้คนที่เรารักถูกลดลงไปอย่างมากจากมาตรการที่ต้องปฏิบัติ
.
วัดบางม่วง จังหวัดนนทบุรี เป็นหนึ่งในวัดที่รับศพผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีทางศาสนา พระสมุห์บุญเกิด ฐานุตฺตโร เจ้าอาวาสวัดบางม่วง กล่าวว่า “ถามว่าลูกวัดกลัวไหม กลัว หลวงพ่อก็บอก เราต้องแยกความกลัวกับความเดือดร้อนไว้คนละส่วน หลวงพ่อก็เน้นมาตลอดว่าวัดเป็นของญาติโยม ไม่ใช่ของพระรูปใดรูปหนึ่ง ไม่ใช่ของเจ้าอาวาส ถ้าญาติโยมเดือดร้อนเราต้องช่วยเขา”
.
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ณัฐพงษ์ กุลพันธ์
.
ชมคลิปอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ https://thestandard.co/video/
#TheStandardVDO #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19

 

BUSINESS : Small Business กับความเปราะบางเฉพาะตัว และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในยุคหลัง COVID-19
.
การล็อกดาวน์ (แบบที่ทางการไม่เรียกว่าล็อกดาวน์) รอบที่สามของประเทศไทยสั่นสะท้านผู้คนจำนวนมหาศาล หนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ คือกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือ small business—ธุรกิจที่ยึดโยงกับความเป็นท้องถิ่น
.
นิยามของ small business - ค่อนข้างจะหลากหลายขึ้นอยู่กับการกำหนดของแต่ละประเทศด้วย หลักๆ แล้วมักครอบคลุมกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กมาก (micro) ไปจนถึงขนาดเล็ก (small) มีจำนวนพนักงานหลักหน่วยหรือหลักสิบ มีทุนในการดำเนินงานค่อนข้างจำกัด การบริหารงานค่อนข้างอิสระ และเป็นธุรกิจที่เจ้าของกิจการเริ่มต้นเองด้วยการผลิต หรือขายสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ในท้องถิ่นตัวเอง
.
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นชัดหน่อยของประเทศไทย small business เป็นได้ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่ ตลอดไปจนร้านชำ ร้านค้าปลีก ธุรกิจที่พักรายย่อย และธุรกิจการผลิตที่ทำเป็นกิจการเล็กๆ หรือที่โดดเด่นสำหรับท้องถิ่นประเทศเราเลยคงจะเป็นบรรดาร้านรถเข็นข้างถนน ร้านสตรีทฟู้ดเจ้าประจำข้างทางที่เราฝากท้องไว้ทุกเย็น เหล่านี้คือ small business ที่เราหมายถึงเหมือนกัน
.
ธุรกิจขนาดย่อมดังกล่าวมีความเปราะบางเฉพาะตัว ถึงวันนี้ตั้งแต่ COVID-19 ระบาดมากว่าหนึ่งปี ก็อาจจะบอกได้ว่ามี small business จำนวนมากปิดตัวหรือล้มหายตายจากไปจากผลกระทบทางรายได้และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
.
ขณะที่การสั่งล็อกดาวน์กลายๆ รอบที่สามจากรัฐบาลไทยในครั้งนี้อาจจะชี้ชะตาผู้อยู่รอดจากคราวก่อน
.
ธนาคารกลางสหรัฐฯ เคยออกมาบอกว่า ความเฉพาะตัวของ small business นั้นทำให้พวกเขามีความเสี่ยงของกิจการจากการระบาดของ COVID-19 มากกว่ากิจการประเภทอื่นถึง 3 เท่า พวกเขาเสี่ยงเรื่องอะไรบ้าง?
.
เรื่องแรกเลย ‘สายป่านการเงิน’ ที่สั้นกว่าธุรกิจขนาดใหญ่
.
ด้วยธุรกิจที่เป็นขนาดเล็ก โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขามีผลกำไรจากการดำเนินงานน้อยกว่า และมีความสามารถในการชำระหนี้ที่น้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ (ขณะเดียวกันก็จ่ายภาษีน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่) ดังนั้นเมื่อรายได้หายไปกว่าครึ่งจากการที่ไม่สามารถขายสินค้าหรือบริการได้เท่าเดิม พวกเขาจึงมีความเสี่ยงทางการเงินมากกว่าทั้งในแง่ของการจ่ายเงินลูกจ้างและชำระหนี้
.
ขณะที่การเข้าถึง ‘สินเชื่อถูกกฎหมาย’ ของผู้ประกอบการรายย่อยก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เนื่องจากตัวเลขงบประมาณพวกเขาไม่ได้แข็งแรง และการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยสำหรับประเทศไทยยังเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ แน่นอนว่าจนถึงวันนี้ยังไม่มีการค้ำประกันเงินกู้จากทางภาครัฐเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น
.
เรื่องถัดมา ความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจกลุ่มนี้มีจำกัด
.
พวกเขาไม่มีทุนทรัพย์มากนักในการลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ การขายออนไลน์อาจไม่ใช่ทางเลือกของทุกร้าน โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องติดต่อกับผู้คน (human contact) อย่างธุรกิจท่องเที่ยวและที่พัก ส่วนร้านอาหารหลายร้านก็ส่งเสียงบ่นถึงค่า GP (ค่าดำเนินการแอพพลิเคชั่น) ที่ถูกเก็บมากเกือบ 1 ใน 3 ของราคาที่ขายได้ สำหรับหลายคนมันเหมือนได้ไม่คุ้มเสีย
.
The MATTER ได้ลองคุยกับผู้ประกอบการรายย่อยหลายรายที่เผชิญหน้ากับการล็อกดาวน์กลายๆ รอบที่สาม พวกเขาบอกคล้ายกันว่า ในการล็อกดาวน์รอบแรกนั้น การปรับตัวกับการขายสู่โลก ‘ออนไลน์’ ยังเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เหมือนกับการประลองไอเดียว่าใครจะทำได้เจ๋งกว่า เพราะพวกเขายังพอจะมีเงินสดสำรองเหลืออยู่บ้าง แต่กับรอบนี้ ผู้ประกอบการหลายคนหมดทั้งแรงกายและเงินในกระเป๋า ซึ่งคงไม่ต่างจากผู้บริโภคที่ไม่ตื่นเต้นกับการซื้อของออนไลน์และต้องการเก็บเงินสดไว้ให้ได้มากที่สุดสำหรับอนาคตที่ยังไม่รู้ และวิกฤติเวฟใหม่ที่ยังมาไม่ถึง ยุค ‘New Normal’ อาจจะหมดไปแล้ว เพราะผู้ประกอบการหลายรายบอกตรงกันว่ายอดขายออนไลน์ดันไม่ค่อยจะขึ้น
.
อีกจุดหนึ่งคือข้อมูลจากแบงก์ชาติที่บอกว่า SMEs ไทย คิดเป็น 43% ของ GDP (ข้อมูลปี พ.ศ.2560) และบรรดารายย่อยนั้นเป็นแหล่งจ้างงานหลักของประเทศไทย โดยมีแรงงานมากถึง 14 ล้านคน (85% ของแรงงานทั้งหมดในประเทศ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคการค้าและการบริการ
.
ดังนั้นความเปราะบางทั้งหมดทั้งมวลของ small business จึงอาจส่งผลต่อการฟื้นเศรษฐกิจทั้งประเทศในระยะยาว
.
เพราะการล้มหายตายจากของรายย่อยนั้นหมายรวมถึงการเลิกจ้างงาน และรายได้ของประเทศที่ลดลงด้วย
.
และเมื่อการเปิดเมืองกลับมา กำลังซื้อก็อาจจะไม่ได้กลับมาในทันที จากการระบาดครั้งล่าสุด ผู้คนจะตระหนักถึงความเสี่ยงของการติดไวรัสที่ชัดเจนว่าส่งผลกระทบต่อความเป็นความตายของพวกเขาอย่างแท้จริง มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐจึงต้องเข้มข้นมากขึ้น ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
.
สำหรับหลายผู้ประกอบการ พวกเขาส่งเสียงตรงกันว่า นอกเหนือจากเรื่องของวัคซีน สิ่งที่ต้องการตอนนี้ที่สุดคือ ‘สภาพคล่อง’ เงินเยียวยาเป็นก้อน การช่วยเหลือค่าจ้างแรงงาน หรืออย่างน้อยที่สุด สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่สามารถผ่อนจ่ายได้ในระยะยาว
.
เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้ามีทางให้ไปต่อ พวกเขาก็ยังมีความหวัง แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเห็นธุรกิจที่ตัวเองประกอบสร้างขึ้นมาเจ๊งลงไปต่อหน้าต่อตา
.
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.mckinsey.com/featured-i...sses-are-most-vulnerable-to-covid-19-and-when
https://unctad.org/news/supporting-small-businesses-critical-covid-19-recovery
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_28Apr2020.aspx
.
Content by Narisara Suepaisal
.
#Brief #business #TheMATTER