ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เปิดแนวทางฉีดวัคซีน ‘Moderna’ โดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน
    .
    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้เปิดเผยบันทึกการประชุมเกี่ยวกับแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด ‘Moderna’ (COVID-19 Vaccine Expert Consensus Meeting: Moderna Vaccine Schedule) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    ขณะที่ในการประชุมดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนแพทย์, โรงพยาบาลเอกชน และองค์การเภสัชกรรม มาร่วมปรึกษาและให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับตารางการฉีดวัคซีนโควิด Moderna เพื่อให้โรงพยาบาลต่างๆ ในเครือสมาคมโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศนำไปเลือกใช้ตามความเหมาะสม
    .
    ทั้งนี้ ผลการประชุมจากสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้เคาะแนวทางการฉีดวัคซีน ‘Moderna’ ดังนี้
    .
    เรื่อง: อนุชิต ไกรวิจิตร
    ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
    #TheStandardInfographic #TheStandardNews #โควิด19 #COVID19 #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: กมธ.ตำรวจ เผยพบเบาะแส ‘บอส อยู่วิทยา’ อาจหลบหนีอยู่ที่ออสเตรีย แต่เจ้าหน้าที่ติดขัดงบประมาณไปต่างประเทศ
    .
    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา สัญญา นิลสุพรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงผลการประชุม กมธ. ว่าในวันนี้ได้เชิญผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วยผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5, ผู้แทนสำนักงานจเรตำรวจ, ผู้แทนกองการต่างประเทศ และผู้แทนจากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ เข้าให้ข้อมูลในการพิจารณาติดตามความคืบหน้ากรณี วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส
    .
    สัญญากล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.ตำรวจได้มีการพูดคุยและหารือใน 2 ประเด็นหลัก คือ
    .
    ประเด็นที่ 1 เรื่องการดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งผู้ชี้แจงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองการต่างประเทศ ได้ชี้แจงว่าที่ผ่านมาได้มีการทำหนังสือประสานไปยังประเทศต่างๆ ได้รับความร่วมมือตอบรับจากต่างประเทศเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันทางตำรวจสากลออกหมายแดงในคดีนี้แล้ว
    .
    ขณะเดียวกันทาง กมธ. ได้เสนอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาตรการเชิงรุกเข้ามาเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหา เช่น การให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปต่างประเทศเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหา ซึ่งประเด็นนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่ามีข้อติดขัดเรื่องของงบประมาณ
    .
    สัญญากล่าวอีกว่า จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น ทราบว่าขณะนี้วรยุทธอาจพักอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรีย ในส่วนงบประมาณที่จะให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้ต้องหาที่ประเทศออสเตรียนั้นจะต้องหารือในที่ประชุม กมธ. อีกครั้งว่าจะมีทางออกเป็นอย่างไร
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเชิญครอบครัวของวรยุทธเข้าให้ข้อมูลกับทาง กมธ. หรือไม่นั้น มองว่าครอบครัวไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และมองว่าญาติก็อาจจะต้องปกป้องบุคคลในครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งการสืบข้อเท็จจริงจึงมุ่งเน้นไปที่มาตรการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    .
    ประเด็นที่ 2 คือ การดำเนินการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการไม่ให้ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้แทนจากสำนักงานจเรตำรวจได้กล่าวถึงภาพรวมต่อกรณีดังกล่าวว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีวรยุทธ 18 ราย ซึ่งจากการสืบสวนข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถมีจำนวน 4 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาและคาดว่าจะสามารถส่งรายงานการสืบสวนที่แล้วเสร็จได้ในเดือนธันวาคมนี้
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: จีนเรียกร้องสหรัฐฯ หยุดติดต่อไต้หวัน หลังมีการจัดประชุมเศรษฐกิจและเทคโนโลยี มุ่งประเด็นความร่วมมือด้านชิปเซมิคอนดักเตอร์
    .
    จ้าวลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ยุติการติดต่ออย่างเป็นทางการกับไต้หวัน หลังจากที่ผู้แทนรัฐบาลวอชิงตันและไทเปร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจประจำปี ที่เรียกว่า ‘การเจรจาความร่วมมือเพื่อความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน (US-Taiwan Economic Prosperity Partnership Dialogue: EPPD)’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 พฤศจิกายน) และมีการหารือเรื่องความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีผ่านระบบ Virtual ยาวนานกว่า 5 ชั่วโมง
    .
    ประเด็นที่มีการพูดคุย ครอบคลุมทั้งเรื่องความมั่นคงของห่วงโซอุปทาน ปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ และความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนความมั่นคงของระบบเครือข่าย 5G และการบีบบังคับทางเศรษฐกิจจากจีน
    .
    ซึ่งประเด็นที่ถูกจับตามอง คือ ความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากการประชุมดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปักกิ่งต้องเผชิญกับแรงต้านเรื่องเซมิคอนดักเตอร์จากทางรัฐบาลวอชิงตัน ซึ่งมีความเคลื่อนไหว ปิดกั้นไม่ให้บริษัท SK Hynix ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ของเกาหลีใต้ จัดส่งอุปกรณ์ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีน อีกทั้งยังขัดขวางแผนงานของ Intel ในการขยายการผลิตชิปในจีนด้วย
    .
    ขณะที่ความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันนั้น ถือเป็นเดิมพันที่สูงสำหรับจีน โดยในช่วงที่ผ่านมาสหรัฐฯ สามารถดึงบริษัท TSMC ผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่สุดของโลกจากไต้หวัน รวมถึง Samsung Electronics จากเกาหลีใต้ ให้เข้าไปลงทุนผลิตชิปในสหรัฐฯ ได้
    .
    ทั้งนี้ อาริซา หลิว นักวิจัยอาวุโสด้านเซมิคอนดักเตอร์ของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจไต้หวัน มองว่าไต้หวันนั้นต้องการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์กับสหรัฐฯ เพื่อโอกาสในการขยายความร่วมมือ ทั้งในด้าน 5G, AI และรถยนต์ไฟฟ้า
    .
    ขณะที่ หวังเหมยฮัว รัฐมนตรีเศรษฐกิจของไต้หวัน กล่าวในการประชุมว่า สหรัฐฯและไต้หวันนั้นเห็นพ้องกันในการส่งเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ และด้านอื่นๆ เช่น เภสัชกรรม สุขภาพ และพลังงานสะอาด
    .
    โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า หวังยังขอให้สหรัฐฯ อุดหนุนเงินเพื่อสนับสนุนบริษัทของไต้หวันในการเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในสหรัฐฯ ด้วย
    .
    ภาพ: Photo by Walid Berrazeg/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
    .
    อ้างอิง:
    https://www.scmp.com/tech/big-tech/...-dialogue?module=storypackage&pgtype=homepage
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไครียะห์ทวงสัญญาถึงประยุทธ์ ขอยกเลิกโครงการนิคมจะนะ เตรียมมาฟังคำตอบหน้าทำเนียบทุกวัน เริ่ม 29 พ.ย. นี้
    .
    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ไครียะห์ ระหมันยะ ซึ่งเรียกตัวเองว่า ‘ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ’ เดินทางถึงบริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เพื่อมาทวงถามความคืบหน้ากรณีเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกโครงการเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 10-15 ธันวาคม 2563 ซึ่งได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ไว้กับรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้อ่านจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
    .
    โดยมีใจความตอนหนึ่งระบุว่า “ลุงตู่คงไม่รู้จักหนู และไม่รู้ว่าหนูเป็นลูกหลานชาวประมงพื้นบ้าน พวกเราอยู่กันได้เพราะมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลจะนะจึงเป็นสิ่งมีค่า ลุงจำได้หรือไม่ว่าเมื่อปีที่แล้วญาติพี่น้องของหนูมาอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อบอกกับลุงว่ามีบริษัทเอกชนใหญ่แห่งหนึ่งเข้ามาสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ที่ดินกว่า 16,000 ไร่ บ้านของพวกหนูจะถูกแทนที่ด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยบริษัทเอกชนอ้างว่าพวกเราทุกคนจะมีงานทำและมีอนาคต ซึ่งเราไม่เคยเชื่อว่านั่นคืออนาคตของเรา เราจึงบอกลุงว่าเราไม่ต้องการการพัฒนาแบบนั้น เพราะการพัฒนาต้องสอดคล้องกับฐานทรัพยากรที่เรามีอยู่
    .
    “ในวันนั้นลุงรับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้และส่งคนมาตรวจสอบ จนถึงวันนี้กำลังจะครบ 1 ปี คำสัญญาของลุงเลื่อนลอยกลางสายลม เพราะบริษัทยังเดินหน้าโครงการไม่หยุด หนูจึงมาทวงถามคำสัญญาเรื่องนี้กับลุงอีกครั้ง และยืนยันคำเดิมว่านิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู แต่จะทำให้เราล่มสลายในอนาคตอันใกล้นี้มากกว่า เพราะสุดท้ายพวกหนูคือเหยื่อของการพัฒนา ที่ต้องสละบ้าน ทะเล และที่ทำกินให้กับคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขอประกาศว่าวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ จะมารอฟังคำตอบจากลุงตู่ทุกวันในเวลาเลิกงาน 16.00 น. ไปจนกว่าจะได้รับคำตอบในข้อเรียกร้องที่เคยเสนอไปเมื่อปีที่แล้ว”
    .
    กระทั่งเวลา 14.15 น. สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ออกมารับหนังสือและได้ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบและมีบัญชาให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
    .
    เรื่อง: ไพศาล ฮาแว
    ภาพ: ฐานิส สุดโต
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ศาลยกฟ้อง ดนัย ศิลปินกราฟฟิตี้ภูเก็ต หลังโดนบริษัทท่าอากาศยานไทยฟ้อง ปมโพสต์เฟซบุ๊กไม่พบเจ้าหน้าที่คัดกรองผู้โดยสารที่สุวรรณภูมิ
    .
    วานนี้ (24 พฤศจิกายน) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ในระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดสืบพยานในคดีของ ดนัย อุศมา ศิลปินกราฟฟิตี้จากจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถูกกล่าวหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (2) จากกรณีใช้เฟซบุ๊กบัญชีชื่อ ‘Zen Wide’ โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 ว่าได้เดินทางกลับจากเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เข้าประเทศไทยโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิ
    .
    คดีนี้ ดนัยได้ถูกจับกุมที่แกลเลอรีส่วนตัวในจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 ก่อนนำตัวมาแจ้งข้อหาที่ บก.ปอท. ในกรุงเทพมหานคร โดยมีตัวแทนของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี โดยอ้างว่าสิ่งที่ดนัยโพสต์ไม่เป็นความจริง และทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เสียความเชื่อมั่นต่อสนามบินสุวรรณภูมิ ดนัยได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดี โดยใช้หลักทรัพย์ 100,000 บาท
    .
    ภายหลังอัยการได้ยื่นฟ้องดนัยในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (2) และเดิมศาลอาญานัดสืบพยานระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2564 ก่อนจะเลื่อนออกมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด จนมานัดหมายสืบพยานอีกครั้งเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (25 พฤศจิกายน)
    .
    ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ทวีตข้อความระบุว่า ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีดนัย ศาลเห็นว่าจากคำเบิกความ มีความเป็นไปได้ที่จำเลยจะเข้าใจว่าไม่มีการตรวจคัดกรองเนื่องจากไม่พบเจ้าหน้าที่ สิ่งที่จำเลยโพสต์จึงขาดเจตนาที่จะนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ
    .
    ภาพ: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
    .
    อ้างอิง:
    https://tlhr2014.com/archives/38145
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews #โควิด19 #COVID19 #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: นายกฯ เตือนคนไทยฉีดวัคซีน อย่ารอ-อย่าเลือก ชี้ช่วยลดความรุนแรงโรคได้ ยืนยันจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
    .
    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ ‘เที่ยวชุมชน ยลวิถี’ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มอบรางวัลในวันนี้ ซึ่งถือเป็นนโยบายของรัฐบาล และยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในช่วงปี 2564-2565 บนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตแบบวิถี New Normal หรือ Universal Prevention ยอมรับว่าสถานการณ์ในขณะนี้ดีขึ้น แต่ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนฉีดวัคซีน เพราะยังมีบางส่วนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน และขณะนี้ไทยมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จึงขออย่ารอ อย่าเลือก เพราะผ่านการอนุมัติขององค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไทยแล้ว ซึ่งอย่างน้อยก็สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ จึงขอเตือนไว้
    .
    พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้จังหวัดเตรียมชุดเคลื่อนที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่ จึงขอฝากไว้เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่ วันนี้ความเข้มแข็งของประเทศไทยคือความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ หยิบจับมาใช้ให้เป็นประโยชน์และสร้างมูลค่า นั่นคือความเป็นอัตลักษณ์ ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เราต้องสร้างความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพ สร้างความสามัคคี ไม่แบ่งแยก นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการ เพื่อที่จะได้ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่
    .
    สำหรับความพยายามอีกหนึ่งสิ่งที่รัฐบาลได้พยายามทำอยู่ คือการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยรัฐ ธุรกิจ เอกชน ประชาชน ต้องเดินหน้าไปด้วยกันบนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้และการปรับกระบวนการคิด เพื่อให้ทันโลก และต้องพัฒนาให้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง หากเราไม่ปรับตัวเราจะอยู่ไม่ได้ในอนาคต เพราะทุกอย่างเข้ามาด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งมีทั้งวิกฤตและโอกาส รัฐบาลได้พยายามดูอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่ารายได้ของเรามีจำกัด โดยเฉพาะในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และอยากบอกว่านายกรัฐมนตรีเป็นห่วงทุกคน
    .
    พล.อ. ประยุทธ์ยังระบุว่า หากเปรียบเทียบแล้วคิดว่าประเทศไทยยังดีกว่าหลายประเทศ แต่เราต้องดีมากกว่านี้ ต้องยิ้มปากกว้าง มีความสุขอย่างพอเพียง การมีเงินหรือคนรวยใช่ว่าจะสบาย เพราะต้องคิดตลอดว่าจะหาเงินอย่างไรเพื่อความสุขสบาย มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย พร้อมอยากให้ผู้ปกครองสอนเด็กตั้งแต่เล็กๆ ให้รู้สึกว่าโตขึ้นมาแล้วจะอยู่กันอย่างไร ให้เข้าใจพ่อแม่ว่ามีกำลังเท่าไร่ รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา แต่ก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควร ซึ่งไม่ว่าคนรวยคนจนก็มีทุกข์เหมือนกัน แต่อยู่ที่ใจเรา คนเรามี 70 กว่าล้านคน เคยชินการอยู่แบบเดิมๆ บางทีก็เปลี่ยนแปลงกันยาก แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนที่ใจ หากพร้อมที่จะเปลี่ยนก็จะปรับได้หมด เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียว
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ก้าวไกลตั้งกระทู้สดถามดีอีเอส ปมควบรวม TRUE-DTAC ส่อผูกขาดตลาด อัดรัฐเกียร์ว่าง ชัยวุฒิบอกไม่ได้เอื้อกลุ่มทุน กสทช. ดูอยู่
    .
    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี โดยได้มอบหมายให้ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นผู้ตอบแทน ในกรณี ‘การควบรวมกิจการ TRUE และ DTAC เพื่อการผูกขาดตลาด’ หรือไม่
    .
    สำหรับคำถามแรก ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า กรณีนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจพิจารณาของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) หรือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่ง กสทช. อ้างว่า ตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระบุว่า หากประสงค์จะทำการรวมธุรกิจกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่น ต้องรายงานต่อเลขาธิการ กสทช. ไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนการดำเนินการ แต่หน่วยงานอ้างว่าตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ทำให้ยังไม่มีอำนาจทำอะไรได้ และถึงแม้ว่าจะถึงขั้นตอนนั้นแล้ว หรือต่อให้พิจารณาเห็นว่าการรวมธุรกิจจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันหรือก่อให้เกิดการผูกขาด กสทช. ก็ไม่มีอำนาจไปยับยั้ง ทำได้เพียงแค่กำหนดมาตรการเฉพาะขึ้นมาเท่านั้น ส่วนทาง กขค. ก็อ้างตาม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ว่ามิให้ใช้บังคับแก่การกระทำของธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะกำกับดูแลในเรื่องการแข่งขันทางการค้า
    .
    “ทั้งที่จริงๆแล้ว ใน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ กสทช. มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ดังนั้น กสทช. จึงมีอำนาจในการออกประกาศทันที โดยไม่ต้องรอให้มารายงาน 30 วันก่อนการดำเนินการ และสิ่งที่ควรต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น คือการแอบแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า Gun Jumping ซึ่งเป็นอันตรายต่อสภาพการแข่งขันมาก และในต่างประเทศมีคดีประเภทนี้เยอะมากๆ
    .
    “แต่ถึงแม้ออกประกาศได้ก็ยังมีปัญหา เพราะขณะนี้กำลังเกิด ‘สุญญากาศทางกฎหมาย’ เพราะองค์กรที่สามารถระงับยับยั้งการควบรวมกิจการได้ต่างบอกว่าไม่มีอำนาจ กขค. บอกว่าไม่สามารถพิจารณาการควบรวมของธุรกิจโทรคมนาคมได้ เพราะมีกฎหมายเฉพาะ แต่กฎหมายเฉพาะอย่าง พ.ร.บ.กสทช. กลับไม่มีอำนาจยับยั้งการควบรวมกิจการ ถ้าตีความแบบนี้ก็จะแปลว่า ‘ธุรกิจโทรคมนาคม’ เป็นธุรกิจที่ไม่มีหน่วยงานรัฐใดเลยที่สามารถระงับการควบรวมกิจการที่อาจทำให้เกิดอำนาจเหนือตลาดได้ เรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่มีองค์กรใดเลยที่บอกว่าตนเองมีอำนาจในการตรวจสอบ ซึ่งความจริงก็มีความเห็นจากอาจารย์นิติศาสตร์ว่า ถ้ากฎหมายของ กสทช. ทำงานไม่ได้ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ก็มีมาตราที่ว่าด้วยการใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ผิด และการห้ามทำข้อตกลงที่เป็นการจำกัดการแข่งขัน ที่อาจจะพอจะเอามาใช้ตรวจสอบการควบรวมได้ เข้าใจดีว่าทั้ง 2 องค์กรมีลักษณะที่เป็นองค์กรอิสระที่รัฐไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่อาจจะอิสระมากไปจนก็น่าสงสัยว่าเป็นอิสระจากประชาชน เป็นอิสระจากการตรวจสอบด้วยหรือเปล่า”
    .
    อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้รัฐบาลหรือฝ่ายบริหารไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะผู้ที่รักษาการตาม พ.ร.บ.กสทช. คือ นายกรัฐมนตรี และผู้ที่รักษาการตาม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คำถามก็คือ รัฐบาลจะมีการมีการเรียกหน่วยงานมาชี้แจงเพื่อพูดคุยเจรจาหาทางออก หรือเพื่อให้ทั้ง 2 หน่วยงานไปสรุปให้ได้ว่า กรณีนี้หน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ หรือทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องร่วมกันดูแลตรวจสอบในส่วนที่ต่างกัน หรือจะมีมาตรการใดๆ ในการหาทางออกในการตีความกฎหมาย 2 ฉบับนี้หรือไม่ หรือรัฐบาลจะปล่อยเกียร์ว่างให้เกิดสุญญากาศแบบนี้ ปล่อยให้เกิดการควบรวมโดยที่ไม่มีการตรวจสอบหรือประเมินผลกระทบใดๆ และถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ในอนาคตอาจจะมีการควบรวมที่อาศัยสุญญากาศทางกฎหมายเกิดขึ้นอีก โดยรัฐบาลปล่อยให้ประชาชนรับผลกระทบที่เกิดขึ้นเอาเองเช่นนั้นหรือ
    .
    ในคำถามนี้ ชัยวุฒิตอบว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้มีข่าวว่าจะส่งผลให้โครงสร้างการแข่งขันในตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และทั้ง 2 กิจการกลายเป็นอันดับ 1 รัฐบาลมีความห่วงใยในเรื่องนี้ นายกฯ ได้ให้ผู้เกี่ยวข้องไปศึกษาติดตามดูว่ามีอำนาจอะไรไปยับยั้งได้บ้างหากเป็นการควบรวมที่มีผลกระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการควบรวมกิจการเท่านั้น และเป็นการรวมเฉพาะในส่วนผู้ถือหุ้น ยังไม่ได้รวมในบริษัท บริษัททั้งสองยังแยกไปทำธุรกิจอยู่ แต่มีเพียงแค่ผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกัน
    .
    “ธุรกิจสื่อสารถือเป็นสาธารณูปโภค อยากให้เข้าใจว่าต้องมีการลงทุนสูงและมีความเสี่ยงสูง จึงมีลักษณะของการต้องให้สัมปทาน เหมือนธุรกิจพลังงาน โดยลักษณะธุรกิจไม่สามารถทำให้แข่งขันเสรีได้อยู่แล้ว แต่โดยหลักคือต้องมีการกำกับดูแลโดยหน่วยงาน กรณีนี้คือ กสทช. แต่ทุกอย่างก็มีการแข่งขัน เช่น การประมูลรับคลื่นความถี่ไปทำธุรกิจ เพื่อให้ประชาชนใช้บริการได้สะดวก มีการแข่งทั้งความเร็ว ทั้งราคา จะบอกว่าไม่แข่งเลยก็ไม่ถูก แต่จะบอกให้แข่งเหมือนทั่วไปก็ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นรวมธุรกิจ ถ้าเห็นว่ามีผลกระทบ จะให้ กสทช.และกระทรวงดีอีเอสศึกษาว่ามีผลกระทบอย่างไรและจะกำกับดูแลอย่างไร ถึงมีน้อยรายก็ต้องกำกับเรื่องราคา ต้องมีมาตรการในอนาคต
    .
    ก่อนเริ่มคำถามที่ 2 ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เข้าใจดีว่าการควบรวมกิจการที่เกิดขึ้นเป็นส่วนผู้ถือหุ้น แต่ในคำสั่ง กสทช. ก็มีระบุอำนาจไปถึง ‘ผู้ควบคุมกิจการ’ ซึ่งหมายถึง บริษัทแม่ ผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของ ก็คือ ผู้ควบคุมกิจการเจ้าเดียวกัน เกิดสภาพความเป็นจริงว่าทั้ง 2 รายจะกลายเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน ทำให้ประชาชนจะเหลือค่ายมือถือให้เลือกเพียง 2 เจ้าเท่านั้น และเข้าใจดีว่าธุรกิจนี้ต้องลงทุนสูง ไม่สามารถมีผู้แข่งขันจำนวนมากในตลาดได้ แต่มันมีดัชนีที่ใช้เป็นเครื่องมือในการวัดความผูกขาดอยู่ เรียกว่า HHI เป็นการนำตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดของผู้เล่นแต่ละรายในอุตสาหกรรมมาคำนวณ มีค่าตั้งแต่ 0-10,000 ค่ายิ่งน้อยแปลว่ามีการแข่งขันสูงมาก ค่ายิ่งมากแปลว่าเป็นตลาดที่ผูกขาด หาก HHI เกิน 2,500 ถือว่าไม่ค่อยมีสภาพการแข่งขันแล้ว
    .
    “ปัจจุบันที่มี 3 เจ้าใหญ่ ค่า HHI ของธุรกิจโทรคมนาคมไทยอยู่ที่ประมาณ 3,600 แต่การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ตัวเลขพุ่งไปอยู่ที่ 5,012 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นสูงมาก จากสภาวะการแข่งขันที่น้อยอยู่แล้วจะยิ่งน้อยลงไปอีก สภาวะการผูกขาดจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าคิดตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น อย่างทฤษฎีเกม ตลาดที่มีผู้เล่น 3 ราย กับ 2 ราย การตัดสินใจของธุรกิจในการแข่งขันด้านราคาจะต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะตลาดที่มีผู้เล่นเพียง 2 ราย เมื่ออยู่ในจุดที่ทั้งคู่พอใจในส่วนแบ่งการตลาดของตัวเอง จะทำให้ไม่มีการแข่งขันด้านราคาเกิดขึ้นเลย ขอให้ลองนึกย้อนไป 20 กว่าปีที่แล้ว ที่เราเคยมีค่ายมือถือเพียง 2 ค่าย ในยุคนั้นมีทั้งการขายในลักษณะล็อก IMEI เครื่อง ให้ไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เบอร์ต่างค่ายในมือถือเครื่องเดิมได้ กลายเป็นเหมือนการขายพ่วงทั้งเครื่องและเบอร์โดยอัตโนมัติ มีค่าบริการที่แพง ทั้งที่มีแค่การสื่อสารด้วยเสียง ไม่มีแม้กระทั่งอินเทอร์เน็ตแบบ GPRS แต่ค่าบริการรายเดือนสูงถึง 500 บาท ขั้นต่ำโทรหาเบอร์ที่จดทะเบียนข้ามจังหวัด เสียนาทีละ 8-10 บาท ในขณะที่ข้าวจานละ 20 บาท”
    .
    จนปัจจุบันในตลาดมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา 3-4 ราย อาจจะมีล้มหายจากไปบ้าง แต่สภาวะการแข่งขันของตลาดที่สูงขึ้นมา ทำให้ธุรกิจต้องแข่งขันกันทั้งด้านราคา นวัตกรรม หรืออื่นๆ ทำให้ทุกวันนี้ประชาชนได้ใช้บริการโทรคมนาคมในคุณภาพที่ดีขึ้น และในราคาที่เปรียบเทียบแล้วถูกกว่าเมื่อก่อนมาก แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยท่านรัฐมนตรีชัยวุฒิ กลับให้สัมภาษณ์สื่อว่า “จะผูกขาดอย่างไร เรื่องมือถือมีการแข่งขันอยู่แล้ว ธุรกิจนี้มีหลายเจ้า ไม่ใช่เจ้าเดียว บางประเทศยังมีแค่เจ้าเดียว”
    .
    “ต้องเรียนว่า การผูกขาดไม่ได้แปลว่าถ้ามีมากกว่า 1 ราย จะไม่ผูกขาด มาตรการการป้องกันการผูกขาดคือการป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘การครอบงำตลาด’ และป้องกันไม่ให้สภาวะการแข่งขันต่ำเกินไปจนเกิดผลกระทบกับผู้บริโภค ซึ่งแม้มีผู้เล่นในตลาดหลายราย แต่หากมีรายใหญ่ที่กินส่วนแบ่งไป 70-80 % ก็ถือว่าครอบงำตลาดได้
    .
    “ที่รัฐมนตรีบอกว่าบางประเทศมีแค่เจ้าเดียว หากดูแค่ในเอเชียมีแค่ 2 ประเทศ คือ หมู่เกาะโซโลมอน และเกาหลีเหนือ และถ้าดูทั่วโลกจริงๆ ประเทศที่มีผู้ประกอบการด้านนี้รายเดียว เกือบทั้งหมดเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยมาก หลักแสนหรือไม่เกิน 1-2 ล้านคน การให้ความเห็นแบบนี้ของรัฐมนตรีจึงขอถามว่า สิ่งที่พูดถือเป็นความเห็นของคณะรัฐมนตรีหรือไม่ เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลเห็นด้วยกับการควบรวมครั้งนี้ใช่หรือไม่ แปลว่ารัฐบาลมองว่าการควบรวมครั้งนี้จะไม่ทำให้เกิดการผูกขาด และไม่มองว่าจะเกิดกระทบต่อประชาชนเลยหรือ”
    .
    ชัยวุฒิตอบคำถามนี้ว่า สิ่งที่อยากสื่อสารคือ เราไม่ได้มีแค่เจ้าเดียว แต่มี AIS ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่ครองตลาดอยู่ และมีรัฐวิสาหกิจหรือ NT ที่แข่งอยู่ห่างๆ เพื่อบริการประชาชนด้วย แต่จะมีกี่รายก็ต้องบอกว่าอย่างไรก็มีการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์ มีโอกาสฮั้ว หรือมีอำนาจเหนือตลาดกดดันผู้บริโภคอยู่แล้ว จึงต้องมีการกำกับดูแล ทุกวันนี้ก็มี กสทช. ดูแล ตนได้หารือผู้บริหาร กสทช. ที่กำลังศึกษาวิธีการไม่ให้มีการขึ้นราคา หรือลดบริการคุณภาพ จะติดตามใกล้ชิดอย่างแน่นอน
    .
    “ส่วนที่ถามว่ารัฐบาลเห็นด้วยหรือไม่ คงตอบไม่ได้ การที่เอกชนวางแผนธุรกิจ เขาอาจไปรวมกันลดเพื่อต้นทุน เราไม่สามารถทราบหรือไปห้ามได้ เพราะถ้าไปห้ามแล้วเขาขาดทุน หรือบอกให้แข่งสูงแล้วไปไม่ได้เหมือนกรณีทีวีดิจิทัล ซึ่งนั่นเสรีเลยแต่สุดท้ายไปไม่ได้ ดังนั้น การที่เอกชนตัดสินใจระดมทุนแบบไหนเป็นเสรีภาพ เป็นสิทธิของเขา รัฐบาลไม่ควรไปยุ่ง เราควรมาดูที่การกำกับดูแลไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นหัวใจสำคัญ
    .
    ในคำถามสุดท้าย ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ประเด็นที่บอกว่ามีกี่รายก็แข่งขันไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลต่อการแข่งขัน ต้องย้ำว่า เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากการลดจำนวน จากผลการศึกษา ของ The European Regulators for Electronic Communications ที่ศึกษา ‘จากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง’ ใน 3 ประเทศที่เกิดการควบรวมธุรกิจนี้ จาก 4 ราย เหลือ 3 ราย ปรากฏว่า 3 ประเทศนี้ หลังจากมีการควบรวมใน 1 ปี เยอรมนีค่าบริการเพิ่มขึ้น 30%, ไอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 12.5%, ออสเตรียเพิ่มขึ้น 25% และการศึกษาของบัณฑิตยสภาฮังการี ข้อมูลระหว่างปี 2003-2010 จาก 27 ประเทศในยุโรป พบว่า การควบรวมกิจการโทรคมนาคม จาก 5 ราย เหลือ 4 ราย จะไม่ค่อยมีผลมากนัก แต่การควบรวมจาก 4 ราย เหลือ 3 ราย จะทำให้ค่าบริการเพิ่มขึ้นในระยะยาวโดยเฉลี่ย 29% และในรายงานนี้ยังเสนอว่า ‘ผู้กำกับดูแลไม่ควรอนุญาตให้ควบรวมจาก 4 ราย เหลือ 3 ราย เพราะมี ‘ความเสี่ยงสูง’ ที่ผู้บริโภคจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นในระยะยาว’
    .
    “4 เหลือ 3 เขาก็ไม่แนะนำให้ทำแล้ว แต่เรากำลังจะทำจาก 3 เหลือ 2 ขอร้องว่า ไม่ต้องนับ NT ที่ส่วนแบ่งการตลาดปีล่าสุดแค่ 3% เข้าไป เพื่อบอกว่ายังมีการแข่งขัน เพราะส่วนแบ่งตลาดเท่านี้ เอกชนก็ไม่นับว่าเป็นคู่แข่งและแทบจะไม่มีผลอะไรเลยกับสภาวะการแข่งขัน แม้กระทั่งตัว NT เองยังเคยพูดในกรรมาธิการงบประมาณปีล่าสุดว่า เน้นการรับงานจากพันธมิตร ซึ่งก็คือหน่วยงานรัฐ ไม่ได้คิดจะแข่งขันกับเอกชน
    .
    “ที่ท่านรัฐมนตรีชัยวุฒิบอกว่าการควบรวมเป็นเรื่องปกติ และการควบรวมจะทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันนี้จริง ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนที่ต่ำลง อันนี้ก็จริง ลองคิดดูก็ได้ว่าถ้ามีการ Shift ของเทคโนโลยีการประมูลคลื่นความถี่ครั้งต่อไป ถ้ามีผู้เล่นที่เข้าร่วมประมูลเท่านี้ ธุรกิจจะประมูลคลื่นได้ในราคาที่ต่ำลงแน่ๆ แต่รายได้เข้ารัฐก็ต่ำลงด้วย และอะไรทำให้ท่านคิดว่าจะทำให้ผู้บริโภคจ่ายในราคาถูกลง การควบรวมเป็นเรื่องปกติก็จริง หากเป็นการควบรวมระหว่างรายเล็ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน เพื่อแข่งกับรายใหญ่ได้ แต่การควบรวมของรายใหญ่มันมีแต่การผูกขาด เหลือรายใหญ่แค่ 2 ราย เขาไม่จำเป็นต้องลดราคา”
    .
    ปกรณ์วุฒิกล่าวต่อไปว่า ในโลกในยุคนี้ การสื่อสารโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เรื่องความฟุ่มเฟือย เป็นปัจจัยสำคัญที่ประชาชนใช้ในการขยับสถานะของตัวเอง ทั้งในการหาความรู้และหารายได้ ต้องมีอินเทอร์เน็ตติดตัวเราทุกที่ทุกเวลา แต่สุดท้าย สิ่งที่จำเป็นสำหรับประชาชน ซึ่งรัฐบาลประกาศไว้ในนโยบายว่าเป็นเรื่องสำคัญ กลับกลายเป็นมีความเสี่ยงว่าประชาชนต้องจ่ายต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว รัฐบาลเหมือนเข้าใจกลุ่มทุนเหลือเกิน แต่ฟังแล้วไม่มั่นใจว่าท่านเข้าใจหัวอกกประชาชนแค่ไหน
    .
    “เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะมีกรณีที่คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้น คือการควบรวมธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ เป็นคำครหาที่มีมาตลอดกับรัฐบาลและองคาพยพของ คสช. ในองค์กรรัฐต่างๆ ถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างอำนาจรัฐกับกลุ่มทุนรายใหญ่ทั้งหลาย การออกกฎหมายและการดำเนินนโยบายต่างๆ หรือแม้กระทั่งการวางเฉยกับบางเรื่องก็มีคำครหาอยู่เสมอว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนมากกว่าการเห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชน ในกรณีนี้สังคมก็กำลังตั้งคำถามว่ารัฐกำลังทำเพื่อเอกชน เพื่อกลุ่มทุน
    เมื่อการตัดสินใจของท่านเกิดคำถามต่อสังคมก็ต้องตอบให้ได้
    .
    “ในคำถามนี้ ผมขอมอบพื้นที่ให้ท่านรัฐมนตรีตอบคำถามกับพี่น้องประชาชนว่า สิ่งที่รัฐบาลจะกระทำใดๆ ต่อไปในกรณีนี้ จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือประโยชน์ของกลุ่มทุน หากการควบรวมครั้งนี้เกิดขึ้นจริงและเกิดผลกระทบกับประชาชนตามที่คาดไว้ รัฐบาลคิดเอาไว้หรือไม่ว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการแก้ไขปัญหาให้กระทบน้อยที่สุดอย่างไร”
    .
    ชัยวุฒิตอบคำถามสุดท้ายว่า นี่ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่ง แต่กลุ่มทุนวางแผนของเขาเอง รัฐบาลไม่ได้ไปทำเพื่อเกิดประโยชน์กับใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ธุรกิจโทรคมนาคมมีต้นทุนสูง แต่ทุกอย่างมีความเสี่ยง ต้องให้โอกาสให้เขาได้คิดเพื่อประโยชน์สูงสุดของเขา แต่สิ่งที่เราต้องคิดคือการกำกับดูแล ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง กสทช. ติดตามเรื่องนี้อยู่ และมีอำนาจควบคุมกำหนดราคาขั้นสูง การกำหนดบริการขั้นต่ำ เท่าที่ทราบจะมีออกมาหลายมาตรการ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องได้ข้อสรุปตรงนี้ เพราะทั้งหมดเพิ่งเริ่ม จะต้องติดตามศึกษาต่อไป
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ‘การไฟฟ้านครหลวง’ เผยความคืบหน้าโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินปี 2564 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการฯ พลิกโฉมเมืองมหานคร
    .
    หนึ่งในปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่การเป็นมหานครแห่งอาเซียนตามนโยบายรัฐบาล คือความสำคัญของพลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและเพียงพอ ซึ่งเป็นสิ่งที่การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA นั้นเล็งเห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่ง
    .
    ที่ผ่านมา MEA ได้เร่งดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ทั้งยังสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมช่วยปรับทัศนียภาพให้มีความสวยงาม ตลอดจนช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ
    .
    ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินการโครงการฯ แล้วเสร็จเป็นระยะทางรวม 48.6 กิโลเมตร ประกอบด้วยพื้นที่บางส่วนของถนนสายสำคัญต่างๆ ได้แก่ ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธิน ถนนพญาไท ถนนพระรามที่ 1 ถนนพระรามที่ 4 ถนนราชดำริ ถนนราชวิถี ถนนราชปรารภ ถนนศรีอยุธยา ถนนสวรรคโลก ถนนสาธุประดิษฐ์และสว่างอารมณ์ ถนนพิษณุโลก และถนนนครสวรรค์
    .
    ทั้งนี้ แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของ MEA ได้ใช้หลักเกณฑ์พิจารณาพื้นที่โครงการ โดยเริ่มจากเส้นทางที่มีความจำเป็น ได้แก่ เส้นทางตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ แนวถนนสายหลัก รวมถึงย่านธุรกิจและสถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าหนาแน่น และมีการเติบโตของความต้องการไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีโครงการฯ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ระยะทางรวม 187.5 กิโลเมตร ประกอบด้วย
    .
    1. โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ระยะทางรวม 167 กิโลเมตร ได้แก่ นนทรี ถนนพระรามที่ 3 รัชดาภิเษก-พระรามที่ 9 รัชดาภิเษก-อโศก ถนนพระรามที่ 4 ถนนวิทยุ ถนนหลังสวน และสารสิน พื้นที่เมืองชั้นใน (ถนนสาทร ถนนเจริญราษฎร์ ถนนชิดลม ถนนเพชรบุรี ถนนดินแดง) ถนนอังรีดูนังต์ ถนนประชาราษฎ์สาย 2 รวมถึงโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีม่วง (ถนนรัตนาธิเบศร์) สายสีส้มตะวันออก และโครงการร่วมกรุงเทพมหานคร (ถนนอรุณอัมรินทร์-ถนนบรมราชชนนี-ถนนพรานนก)
    .
    2. โครงการที่อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้าง ระยะทางรวม 20.5 กิโลเมตร ได้แก่ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก (ถนนรามคำแหง) สัญญา 1 และ 2 สายสีส้มตะวันตก สายสีม่วงใต้ และโครงการร่วมกรุงเทพมหานคร (ถนนทหาร-ถนนประชาราษฎร์สาย 1) ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้างภายในปี 2565
    .
    สำหรับโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินนั้น MEA ได้ดำเนินโครงการครั้งแรกบนถนนสีลม ตั้งแต่ปี 2527 ซึ่งนับว่าเป็นถนนสายแรกของประเทศไทย และได้ดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมระยะทาง 236.1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามให้กับเมืองกรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย
    .
    นอกจากนี้ MEA ยังดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์สายส่งไฟฟ้าใต้ดินขนาดใหญ่ Outgoing บนเส้นทางตั้งแต่ถนนชิดลมถึงถนนสารสิน (ตลอดแนวถนน) และถนนเพลินจิต (จากสี่แยกชิดลมถึงสี่แยกเพลินจิต) โดยมีลักษณะเป็นอุโมงค์ยักษ์ขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.6 เมตร อยู่ลึกประมาณ 40 เมตร มีความยาวของอุโมงค์โดยประมาณ 1,800 เมตร ซึ่งถือเป็นอุโมงค์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อสร้างระบบไฟฟ้าที่มั่นคง ลดปัญหาไฟฟ้าดับ สร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามให้กับเมืองมหานคร ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย
    .
    MEA พร้อมเดินหน้าพัฒนาระบบพลังงานอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของเมืองมหานคร ทั้งภารกิจการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน พัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Metro Grid) รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ MEA มุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ไฟฟ้าในรูปแบบวิถีชีวิตเมืองมหานคร มุ่งสู่การเป็น Smart City ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป
    .
    #สายใต้ดิน #โครงการสายใต้ดิน #สายไฟฟ้าใต้ดิน #MEASmartProject #MEASmartEnergy
    #การไฟฟ้านครหลวง #MEA #พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
    .
    [PR NEWS]

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: กรมอนามัย เผยชุดตรวจ ATK เป็นขยะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค แนะกำจัดหลังใช้งานอย่างถูกวิธี ลดความเสี่ยงติดโควิด
    .
    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติให้ประชาชนสามารถซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ใช้ตรวจโควิดด้วยตัวเองได้ ซึ่งกรณีที่มีการนำชุดตรวจโควิดมาตรวจด้วยตนเองนั้นจะก่อให้เกิดขยะทั่วไปและขยะติดเชื้อจากครัวเรือนมากขึ้น เช่น ตลับทดสอบ, หลอดใส่น้ำยา, ฝาหลอดหยด, ไม้ Swab รวมถึงเอกสารกำกับชุดตรวจ และกล่องบรรจุภัณฑ์
    .
    โดยชุดตรวจ ATK ที่ใช้แล้วถือเป็นขยะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรคต่อผู้จัดเก็บขยะได้ ซึ่งภายหลังการตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ให้คัดแยกขยะออกเป็น 2 ประเภท คือ
    .
    1. ขยะที่ไม่ได้ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่งที่ใช้ทดสอบ เช่น เอกสารกำกับชุดตรวจ และกล่องบรรจุภัณฑ์ ขยะประเภทนี้ให้เก็บรวบรวมทิ้งถังขยะทั่วไปที่มีฝาปิดมิดชิดได้เลย
    .
    2. ขยะที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่งที่ใช้ทดสอบ เช่น ตลับหรือแผ่นทดสอบ หลอดใส่น้ำยา ฝาหลอดหยด ไม้ Swab ขยะประเภทนี้ถือเป็นขยะที่มีความเสี่ยงสูง ต้องแยกจัดการจากขยะทั่วไป เพราะมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อโรคได้
    .
    นอกจากนี้ทางกรมอนามัยได้ขอให้ผู้ที่ใช้ชุดตรวจ ATK กำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยมีแนวทางการจัดการแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่
    .
    1. กรณีในพื้นที่หรือชุมชนมีระบบการเก็บขนขยะติดเชื้อ ให้เก็บรวบรวมขยะติดเชื้อเป็นประจำทุกวัน ใส่ถุงขยะสีแดง 2 ชั้น โดยถุงชั้นแรกที่สัมผัสขยะติดเชื้อ มัดปากถุงด้วยเชือกให้แน่น แล้วฉีดพ่นบริเวณปากถุงด้วยสารฆ่าเชื้อ เช่น สารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 5,000 ppm หรือเตรียมจากน้ำยาฟอกขาว ผสมน้ำอัตราส่วน 1:10 หรือแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ มัดปากถุงชั้นนอกด้วยเชือกให้แน่น และฉีดพ่นบริเวณปากถุงด้วยสารฆ่าเชื้ออีกครั้ง แล้วเคลื่อนย้ายไปไว้ยังจุดพักขยะที่จัดไว้เฉพาะ ประสานไปยังหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการเก็บ ขน ขยะติดเชื้อในพื้นที่ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อกำหนดวิธีการนำขยะติดเชื้อไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป
    .
    2. กรณีในพื้นที่หรือชุมชนไม่มีระบบการเก็บขนขยะติดเชื้อ หรือระบบการเก็บขนขยะติดเชื้อเข้าไม่ถึง ให้เก็บรวบรวมและทำลายเชื้อ โดยใส่ถุงขยะ 2 ชั้น ถุงใบแรกที่บรรจุขยะติดเชื้อแล้วให้ราดด้วยสารฆ่าเชื้อ หรือน้ำยาฟอกขาว เช่น ไฮเตร์ จากนั้นมัดปากถุงให้แน่นแล้วฉีดพ่นบริเวณปากถุงด้วยสารฆ่าเชื้อ เช่น สารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 5,000 ppm หรือเตรียมจากไฮเตอร์ผสมน้ำอัตราส่วน 1:10 หรือแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ซ้อนด้วยถุงขยะอีก 1 ชั้น มัดปากถุงชั้นนอกด้วยเชือกให้แน่น และฉีดพ่นด้วยสารฆ่าเชื้อบริเวณปากถุงอีกครั้ง ซึ่งขยะที่ผ่านการทำลายเชื้อแล้วให้ประสานและนำส่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นำไปกำจัดเป็นขยะทั่วไป
    .
    ทั้งนี้ ภายหลังจัดการขยะติดเชื้อแล้วต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ทันที
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews #โควิด19 #COVID19 #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: นายกฯ หญิงคนแรกของสวีเดนลาออกจากตำแหน่ง หลังได้รับการแต่งตั้งเพียงไม่กี่ชั่วโมง
    .
    วานนี้ (24 พฤศจิกายน) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มักดาเลนา แอนเดอร์สสัน นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของสวีเดนลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ หลังได้รับการแต่งตั้งเพียงไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากพรรคกรีน หนึ่งในสองพรรคร่วมรัฐบาล ตัดสินใจถอนตัว
    .
    แอนเดอร์สสันคาดหวังว่า เธอจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในฐานะผู้นำพรรครัฐบาลเดียวที่มีที่นั่งในสภา 100 ที่นั่งในขณะนี้ จากทั้งหมด 349 ที่นั่ง ก่อนหน้าที่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งสำคัญจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 กันยายน 2022 โดยรัฐธรรมนูญสวีเดนระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะได้รับการแต่งตั้งและบริหารประเทศก็ต่อเมื่อครองเสียงข้างมากในรัฐสภา (โดยต้องมีเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 175 ที่นั่ง)
    .
    สาเหตุที่พรรคกรีนตัดสินใจถอนตัว เป็นผลมาจากร่างงบประมาณของรัฐบาลไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเท่ากับร่างงบประมาณของบรรดาพรรคฝ่ายค้านที่ได้รับมติสนับสนุน 154-143 เสียง ส่งผลให้เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง หลังจากที่พรรคกรีนถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    ทางด้าน แอนเดรียส์ นอร์เลน ประธานรัฐสภาสวีเดนจะรีบหารือกับบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค ก่อนที่จะประกาศถึงก้าวต่อไปของรัฐสภาว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด
    .
    โดยก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภา 117 รายสนับสนุนแอนเดอร์สสันขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของสวีเดน ขณะที่ 174 รายปฏิเสธการแต่งตั้งเธอ และ 57 รายงดออกเสียง อีก 1 ราย ไม่เข้าร่วมการลงมติดังกล่าว ซึ่งการเสนอชื่อเธอเกิดขึ้นหลังจากที่เธอก้าวขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลอย่างพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (SAP) พรรคการเมืองที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในสวีเดน ต่อจาก สเตฟาน เลอเวน นายกรัฐมนตรีสวีเดนที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งและรักษาการผู้นำประเทศตั้งแต่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    ภาพ: Swedish Parliament / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
    .
    อ้างอิง:
    https://www.aljazeera.com/news/2021/11/24/swedens-first-female-prime-minister-resigns-hours-later
    https://www.bbc.com/news/world-europe-59400539
    https://www.npr.org/2021/11/24/1058...female-prime-minister-who-resigns-hours-later
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    KEY MESSAGES: 1 ปีผ่านไป ภาพรวมการฟื้นตัวจากโควิดทั่วโลกเป็นอย่างไร
    .
    เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ Bloomberg ได้จัดอันดับ 53 ประเทศและดินแดนที่ยืดหยุ่นหรือฟื้นตัวจากโควิดได้ดีที่สุดจนถึงแย่ที่สุดในช่วงที่โรคระบาดยังดำเนินอยู่ โดยเชื่อมโยงข้อมูลชี้วัดสำคัญตั้งแต่การควบคุมการระบาดของไวรัส ไปจนถึงตัวเลขผู้เสียชีวิต การกระจายวัคซีน และความก้าวหน้าในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเปิดพรมแดนให้ประชาชนเดินทางเข้าออกได้
    .
    และนี่คือภาพรวมทั้งหมดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ไปดูกันว่าประเทศไหนคือผู้ชนะ และประเทศใดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ
    .
    ประเทศที่มีการฟื้นตัวสม่ำเสมอที่สุด
    จากเครื่องมือชี้วัดของ Bloomberg บ่งชี้ว่าไม่มีประเทศใดที่ประสบความสำเร็จตลอดทั้งปี ดังจะเห็นได้จากนิวซีแลนด์และสิงคโปร์ซึ่งเคยอยู่อันดับ 1 ในด้านการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส และสามารถกลับสู่ภาวะปกติในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี 2020 แต่แล้วก็เผชิญกับการระบาดซ้ำของโควิด เมื่อไวรัสสายพันธุ์เดลตาแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการ Covid Zero ของประเทศเหล่านี้ จนรัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์และจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
    .
    ขณะที่สหรัฐฯ ที่ครองอันดับ 1 อยู่ช่วงหนึ่งในเดือนมิถุนายน และ อิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่กระจายวัคซีนเร็วที่สุดในโลก และได้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 ต่างก็เผชิญกับการระบาดของโควิดอีกครั้งในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่ไม่ได้รับวัคซีน
    .
    ส่วนประเทศที่อยู่ในอันดับท้ายๆ ก็มีความผันผวนเช่นกัน โดยประเทศอย่างเม็กซิโกและบราซิลที่เคยอยู่อันดับต่ำสุดในช่วงต้นปี 2021 กลับสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้ สืบเนื่องจากการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน ประกอบกับการมีระดับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่สูงขึ้น
    .
    ขณะที่ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ร่วงลงมาอยู่อันดับท้ายๆ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ประกอบกับการระบาดซ้ำของโควิด ส่งผลให้ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเหล่านี้ต้องเผชิญกับภาวะซวนเซ
    .
    แต่หากดูที่ความเสมอต้นเสมอปลายตลอดทั้งปีนั้น พบว่ามี 7 ประเทศที่ Bloomberg มองว่าทำได้ดี ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เคยขึ้นไปครองอันดับ 1 ได้ก็ตาม ทว่าประเทศเหล่านี้ก็ยังไม่เคยร่วงลงมาต่ำกว่าอันดับ 26 จากทั้งหมด 53 อันดับ โดย 7 ประเทศนี้ประกอบด้วย นอร์เวย์, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, แคนาดา, เกาหลีใต้ และ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งในด้านการกระจายวัคซีน, การต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์เดลตา และการเปิดเศรษฐกิจ
    .
    ส่วนประเทศที่ย่ำแย่ในภาพรวมมี 9 ประเทศ ซึ่งไม่เคยขึ้นไปอยู่ครึ่งบนของตารางเลย ประกอบด้วย อาร์เจนตินา, อิหร่าน, เม็กซิโก, บราซิล, เปรู, โปแลนด์, ไนจีเรีย, ปากีสถาน และ แอฟริกาใต้ โดยล้วนเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายจากโรคระบาดมากที่สุด อีกทั้งยังมีการติดเชื้อมาก และประชาขนจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้
    .
    ความก้าวหน้าในการกลับคืนสู่ภาวะปกติ
    ในเดือนมิถุนายน ในขณะที่วัคซีนเริ่มแพร่หลายในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และรัฐบาลเริ่มคลายข้อจำกัดต่างๆ Bloomberg ได้เพิ่มตัวชี้วัด 2 ตัวเข้าไปคำนวณเพิ่ม คือ Vaccinated Travel Routes และ Flight Capacity เพื่อสะท้อนความก้าวหน้าในการเปิดประเทศและการกลับสู่ภาวะปกติ
    .
    การกระจายวัคซีนช่วยให้หลายประเทศกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ด้วยอัตราการเสียชีวิตที่เบนออกจากเส้นกราฟการติดเชื้ออย่างชัดเจน โดยประเทศในยุโรป, อเมริกาเหนือ และบางประเทศในเอเชียแปซิฟิกต่างมีนโยบายที่จะอยู่ร่วมกับโควิด โดยมองเป็นโรคเฉพาะถิ่นเหมือนไข้หวัดใหญ่
    .
    ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ดัชนี Community Mobility ที่ใช้ติดตามกิจกรรมการเคลื่อนไหวของสำนักงานและธุรกิจค้าปลีกเทียบกับช่วงเวลาก่อนเกิดโรคระบาด พบว่ามีบางประเทศที่มีกิจกรรมค่อนข้างคงที่ เช่น กรีซ, สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเยอรมนี โดยทั้ง 4 ประเทศมีกิจกรรมรายสัปดาห์ที่หดตัวลงไม่เกิน 10% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว
    .
    แม้ว่าประเทศข้างต้นจะมีอัตราการติดเชื้อสูง และบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ ยังมีผู้เสียชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ข้อมูลชี้ว่าประชาชนของประเทศเหล่านี้ไม่ต้องการทนกับการใช้ชีวิตประจำวันที่หยุดชะงัก และส่วนใหญ่ไม่กลัวไวรัสอีกต่อไป แต่กระนั้นช่วงฤดูหนาวนี้อาจมีบททดสอบที่สำคัญ เมื่อโควิดอาจกลับมาระบาดอีกระลอก
    .
    ส่วนประเทศในกลุ่มรั้งท้ายหากวัดด้วยดัชนีนี้ ประกอบด้วย ปากีสถาน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ชิลี และ อิสราเอล ซึ่งมีระดับการเคลื่อนไหวหดตัวลง 10% ขึ้นไปในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดซ้ำของโควิดทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการจำกัดการเคลื่อนไหว
    .
    ในขณะที่มาตรการล็อกดาวน์มีความเกี่ยวโยงกับแนวทาง ‘Covid Zero’ ที่มุ่งขจัดการแพร่ระบาดของโควิดให้หมดไป แต่จีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งเป็นประเทศและเขตการปกครองเพียงสองแห่งของโลกที่ยังคงยึดมั่นในยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไม่พบกิจกรรมภายในที่หดตัวลงเกิน 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2021 อย่างไรก็ตาม นี่ไม่นับรวมการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งถูกควบคุมอย่างเข้มงวดทั้งในจีนและฮ่องกง
    .
    การป้องกันการเสียชีวิต
    การระบาดโควิดทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกแล้วกว่า 5 ล้านคน (ตัวเลขแท้จริงอาจสูงกว่านี้) แต่การเสียชีวิตกระจายไม่เท่ากันในประเทศต่างๆ ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการควบคุมโรคระบาดในช่วงปีแรกของการระบาดก่อนที่จะเริ่มมีวัคซีนใช้งาน
    .
    สำหรับจีนนั้น เป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดต่ำที่สุดจาก 53 ประเทศและดินแดนที่ได้รับการจัดอันดับ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตเพียง 3 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วนนิวซีแลนด์ อยู่อันดับที่ 2 มีเพียง 8 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ขณะที่ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และ ออสเตรเลีย ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโควิดในปีแรกก็ล้วนมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 100 คนต่อประชากรทุกๆ 1 ล้านคน
    .
    ในทางตรงกันข้าม เปรูเป็นประเทศที่เลวร้ายที่สุด หากวัดที่อัตราการเสียชีวิตจากโควิด ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 6,093 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ขณะที่สหรัฐฯ ที่ไม่ประสบความสำเร็จในด้านการควบคุมการระบาด และชาติยุโรปมีอัตราการเสียชีวิตราว 2,000 ต่อประชากรทุกๆ 1 ล้านคน
    .
    สถานการณ์ของไทย
    คะแนนความยืดหยุ่นช่วงโควิดของไทย (Bloomberg’s Covid Resilience Ranking) อัปเดตล่าสุดจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม ไทยร่วงลงมา 1 อันดับ สู่อันดับที่ 51 จากทั้งหมด 53 ประเทศและดินแดนที่ได้รับการจัดอันดับ โดยมีทั้งหมด 46.8 คะแนน สูงกว่าเพียง 2 ประเทศ คือ เวียดนามและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสองประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน (44 และ 40.5 คะแนนตามลำดับ) แต่ไทยมีคะแนนหลายด้านที่ดีขึ้น เช่น ความครอบคลุมด้านระบบสาธารณสุข ความเป็นอยู่ของประชากร และการฉีดวัคซีน
    .
    ส่วนอันดับ 1-5 ของโลก ได้แก่ ไอร์แลนด์ (75.1), สเปน (74.6), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (74.6), เดนมาร์ก (74.3) และฟินแลนด์ (74.2)
    .
    Winter is coming
    ช่วงฤดูหนาวในซีกโลกเหนืออาจทำให้อันดับในตารางผู้นำเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากหลายประเทศจะเผชิญกับฤดูหนาวแรกที่มากับบททดสอบเรื่องวัคซีนกับไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น โดยเวลานี้หลายประเทศในยุโรป เช่น ออสเตรีย, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก มีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นระลอกใหม่ จนส่งผลให้รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อชะลอการระบาด ซึ่งเราจะได้เห็นว่าอันดับจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในรายงานการจัดอันดับประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะออกในสัปดาห์หน้า
    .
    ปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศกำลังเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก แต่มาตรการเหล่านี้จะเพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดของไวรัสได้หรือไม่ หรือเราจะได้เห็นทั่วโลกกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นอีกครั้ง เมื่อการระบาดระลอกใหม่จากไวรัสสายพันธุ์ที่รุนแรงขึ้นอาจเป็นตัวบีบให้ต้องทำเช่นนั้น ซึ่งเราต้องติดตามกันต่อไป
    .
    ภาพ: Thomas Lohnes / Getty Images
    .
    อ้างอิง:
    https://www.bloomberg.com/news/feat...ear-of-ranking-covid-resilience?sref=CVqPBMVg
    https://www.bloomberg.com/graphics/covid-resilience-ranking/?sref=CVqPBMVg
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
    #TheStandardNews #โควิด19 #COVID19 #โควิด19วันนี้

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    PHOTO JOURNAL: ‘IMMIGRANT CRISIS’
    .
    เด็กรับตุ๊กตาจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์ดูแลใกล้จุดผ่านแดนคุซนิกา เบียลอสตอกกา-บรุซกี บริเวณพรมแดนเบลารุสกับโปแลนด์ โดยเวลานี้กำลังเกิดวิกฤตผู้อพยพบริเวณชายแดนเบลารุสที่ติดกับโปแลนด์ ลิทัวเนีย และลัตเวีย หลังทางการเบลารุสพยายามผลักดันผู้อพยพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันออกกลางเข้าสู่แผ่นดินยุโรป ขณะที่หลายประเทศวางกำลังสกัดการไหลทะลักของผู้อพยพ - Sergei Bobylev / TASS via Getty Images
    .
    IG: www.instagram.com/thestandardth.ig
    #TheStandardNews

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ราชกิจจาฯ เผยแพร่ระเบียบกู้เงิน กยศ. ใหม่ ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน มีผลปีการศึกษา 2564
    .
    วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและการชำระเงินคืนกองทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564
    .
    โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและการชำระเงินคืนกองทุน พ.ศ. 2563 ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
    .
    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 (7) และ (17) มาตรา 39 มาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 44 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 คณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ในการประชุม ครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ได้มีมติให้ออกระเบียบไว้ ดังนี้
    .
    ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า ‘ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและการชำระเงินคืนกองทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564’
    .
    ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
    .
    ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 11 แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและการชำระเงินคืนกองทุน พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    .
    ‘ข้อ 11 นักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินต้องทำสัญญากู้ยืมเงินตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และภายในระยะเวลาที่กองทุนประกาศกำหนด ทั้งนี้ คณะกรรมการจะกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุนด้วยก็ได้
    .
    ‘การทำสัญญากู้ยืมเงินตามวรรคหนึ่ง ผู้กู้ยืมเงิน ผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี) และผู้แทน โดยชอบธรรม กรณีที่ผู้กู้ยืมเงินยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องลงลายมือชื่อในเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน หรือลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของสถานศึกษา หรือพนักงานของสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลตามที่กองทุนฯ ประกาศกำหนดแล้วแต่กรณี ด้วยตนเอง
    .
    ‘ในกรณีที่มีผู้ค้ำประกัน หากผู้ค้ำประกันไม่สามารถลงลายมือชื่อในเอกสารสัญญา กู้ยืมเงินต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของสถานศึกษาได้ สัญญากู้ยืมเงินนั้นต้องมีลายมือชื่อของนายทะเบียนในท้องที่หรือท้องถิ่น ณ ภูมิลำเนา ตามทะเบียนบ้านหรือภูมิลำเนาที่ประกอบอาชีพของผู้ค้ำประกัน เพื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ค้ำประกันด้วย’
    .
    ข้อ 4 บรรดาคำขอกู้ยืมเงินของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินและต้องทำสัญญากู้ยืมเงินในปีการศึกษา 2564 และ/หรือเอกสารสัญญากู้ยืมเงินของผู้กู้ยืมเงินในปีการศึกษา 2564 ที่ได้ทำขึ้นก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้มีผลผูกพันเป็นการทำสัญญากู้ยืมเงินตามระเบียบนี้ รวมทั้งประกาศและคำสั่งของกองทุนที่เกี่ยวข้อง
    .
    อ้างอิง:
    http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/288/T_0004.PDF
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
    #TheStandardNews

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รวมคลัสเตอร์โรงเรียน หลังเปิดเทอม On-site มา 3 สัปดาห์
    .
    หลายโรงเรียนเริ่มเปิดการเรียนการสอนในห้องเรียนแบบ On-site เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่เด็กนักเรียนต้องเรียนออนไลน์มากว่าครึ่งปี
    .
    หลังเปิดภาคเรียนได้ 3 สัปดาห์ เริ่มปรากฏรายงานการติดเชื้อโควิดในกลุ่มเด็กนักเรียน โดยเฉพาะการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ เนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดหรือมีจุดสัมผัสร่วมกันในโรงเรียน
    .
    THE STANDARD รวมคลัสเตอร์โรงเรียนหลังเปิดเรียน On-site ได้ 3 สัปดาห์
    .
    ภาพ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #โควิดวันนี้ #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19 #วัคซีนโควิด #TheStandardNews

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    LIVE:สด!! ep.3สถานการณ์ฝนตกหนักน้ำท่วม อำเภอหลังสวนจ.ชุมพร| ติดตามกู้ภัยเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมรุวัดดังเผาศพโควิด-19 จนเมรุระเบิด
    .
    เมรุเก่าแก่อายุ 54 ปี ของวัดดังเมืองโคราช ระเบิดออกหลังเปิดเผาศพจากโควิด-19 นับพันศพฟรี กรมการศาสนาสั่งงดใช้งาน วัดเร่งระดมปัจจัยบูรณะซ่อมแซม
    .
    วันที่ 25 พ.ย. 64 พระอธิการตรีเมศย์ ธมมาสโย เจ้าอาวาสวัดสีคิ้วคณาราม หรือวัดน้อสีคิ้ว จ.นครราชสีมา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเย็นวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา เมรุของวัดที่ใช้งานมานานกว่า 54 ปี ได้เกิดการปะทุจนทำให้เตาเผาและปล่องเมรุบางส่วนระเบิดทลายลงมา ขณะกำลังฌาปนกิจศพให้กับโยมรายหนึ่ง โดยคาดว่าเป็นเพราะความร้อนภายในปล่อง และการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างปี 2563 - 2564 ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีประชาชนล้มตายเพราะโรคนี้จำนวนมาก ทางวัดจึงเปิดเมรุให้เจ้าหน้าที่ฯ และญาติโยม นำผู้ป่วยโควิด19 ที่เสียชีวิตมาฌาปนกิจที่วัด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคมและประชาชนในยามทุกข์ยาก โดยที่ผ่านมาฌาปนกิจไปแล้วนับพันราย โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดรุนแรง ทางวัดแทบไม่ได้พักการใช้งานเมรุเลย
    .
    หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาได้เข้าทำการตรวจสอบสภาพตัวอาคารทั้งหมดแล้ว พบว่า ชำรุดแตกร้าวเป็นอย่างมาก จึงมีมติให้รื้อเมรุทิ้ง เพราะถ้าฝืนใช้งานต่อไป จะเสี่ยงเกิดอันตรายขึ้นได้
    .
    ทางวัดจึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเรื่อง การบูรณะเมรุวัดสีคิ้วคณาราม ไปยังสาธุชนได้ร่วมอนุโมทนาบุญกับทางวัด โดยถวายปัจจัยร่วมสร้างเมรุ ผ่านบัญชีวัดสีคิ้วคณาราม โดยขณะนี้ ทางวัดกำลังเตรียมการปรึกษาช่างผู้ชำนาญการการก่อสร้าง เรื่องการออกแบบและงบประมาณก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อม ทางวัดจะแจ้งกำหนดการและรายละเอียดทั้งหมดให้ทราบตามลำดับ โดยสามารถ ร่วมบุญ บูรณะเมรุวัดสีคิ้วคณาราม ผ่านทางบัญชีวัดสีคิ้วคณาราม ธนาคารกรุงไทย สาขาสีคิ้ว เลขที่บัญชี 327-1-14445-1 หรือสอบถามรายละเอียด ได้ที่เบอร์โทร. 044-411124 และ 093-1065560 ทางวัดขออนุโมทนาบุญ มา ณ โอกาสนี้
    .
    ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ร่วมยุติความรุนแรงในครอบครัว!
    พบ 3 ใน 4 ถูกทำร้ายซ้ำ - เหล้าเป็นตัวแปรสำคัญ
    .
    มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดผลสำรวจความรุนแรงในครอบครัวยุคโควิด พบ 3 ใน 4 ถูกกระทำซ้ำ มีเหล้าเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ อึ้งกว่าร้อยละ 87 ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด สสส.-มูลนิธิฯ- Wunderman Thompson TH ขออย่าทน ปิดจบความรุนแรงที่ครั้งแรก พร้อมเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ “Museum of First Time” ถ่ายทอดเรื่องราวของครั้งแรกที่สวยงามในความรัก เปลี่ยนมาสู่ความรุนแรงที่กระทำซ้ำๆ จากสามีนักดื่ม
    .
    วันที่ 24 พ.ย. 64 ที่เดอะฮอล์ บางกอก มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย (Wunderman Thompson TH) จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ภายใต้แนวคิด “ความรุนแรงในบ้าน ให้มันจบที่ครั้งแรก” พร้อมเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ที่สร้างจากเรื่องจริงของผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายซ้ำๆ ในรูปแบบออนไลน์ “Museum of First Time”
    .
    นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า เดือน พ.ย.ถือเป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ข้อมูลล่าสุดของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ซึ่งให้ความช่วยเหลือเคสที่เข้ามาขอคำปรึกษา ขอความช่วยเหลือ พบว่าความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้นกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญคือเคสที่ถูกกระทำทุกคนหรือ 100 % ถูกกระทำซ้ำและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ จุดนี้ยิ่งทำให้ สสส. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับบริษัท วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย เดินหน้าเชิงรุก ประกาศเจตนารมณ์เดียวกันที่จะทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวลดลงให้มากที่สุด ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นต้นทางของปัญหาสำคัญๆใน 4 มิติ ได้แก่ (1) ด้านสุขภาพ ทำลายภูมิคุ้มกัน เพิ่มความเสี่ยงติดโควิด 2.9 เท่า (2) ด้านอุบัติเหตุทางถนน ที่มากกว่าร้อยละ 20 ของอุบัติเหตุทางถนนมาจากการดื่มแล้วขับ ซึ่งเพิ่มสูงถึงร้อยละ 40 ในช่วงเทศกาล (3) ด้านเศรษฐกิจ เกิดความสูญเสียไปมากกว่า 9 หมื่นล้านบาทต่อปี และ(4) ความรุนแรงในครอบครัว ทั้งต่อเด็กและผู้หญิง และจากการศึกษาในคนทั่วไปพบว่าร้อยละ 80 ได้รับผลกระทบจากคนที่ดื่ม
    .
    “กิจกรรมในวันนี้มีเนื้อหาสาระที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนสังคม ตลอดจนการพิจารณามาตรการทางนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยุติปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ทั้งนี้ สสส.และภาคีเครือข่ายขอเชิญชวนทุกท่านเข้าไปร่วมชมนิทรรศการ เรื่องราวของผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรงซ้ำๆ และชี้ให้เห็นความสำคัญ ของปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ที่ต้องให้มันจบในครั้งแรก ตลอดจนการเข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจกันและกันได้ทาง www.museumof1sttime.com” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
    .
    นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ช่วงโควิด-19 วันที่ 17-23 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไป ในกทม.และปริมณฑล จำนวน 1,692 คน พบถูกกระทำความรุนแรงทางวาจา เช่น พูดส่อเสียด ดูถูก ด่าทอ 53.1% ห่างเหิน/มึนตึง/ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว 35% ทำให้รู้สึกอับอาย ประจานกันผ่านสังคมออนไลน์ 22.6 % ทำร้ายร่ายกาย 20.2 % นอกใจ/คบชู้ 18.9 % และยังพบผู้กระทำทำขณะเมาเหล้า 31.4 % ทั้งนี้สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงก่อนการระบาดโควิด-19 สาเหตุเนื่องมาจากโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น สูญเสียรายได้ ตกงาน ถูกเลิกจ้าง 82% ผลกระทบด้านอารมณ์ เช่น วิตกกังวล เครียด 80.2 % กระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว 31.3 % และกว่า 75 % ของความรุนแรงในครอบครัวมักเกิดขึ้นมากกว่า 1 ครั้ง ส่งผลกระทบด้านจิตใจ 65.2 % เช่นเครียด และอับอาย ผลกระทบด้านร่างกาย 14.5 % อาทิ ปวดหัว เครียดลงกระเพาะ และเจ็บปวดตัว เป็นแผล ผลกระทบด้านอื่น ๆ 9.9 % เช่น สังคมประณาม เพื่อนบ้านดูถูกนินทา และเสียทรัพย์สิน สิ่งของ หรือเสียเงิน
    .
    นางสาวจรีย์ กล่าวว่า เมื่อถามถึงแนวทางการแก้ปัญหาผู้ถูกกระทำเลือกตอบโต้ด้วยวาจา 52.2 % พูดคุย หาคนมาไกล่เกลี่ย 33.2 % หลบเลี่ยงไม่พบหน้า/แยกไปอยู่ที่อื่น 20.1 % ยอม วางเฉย เก็บเงียบ 11.9 % ร้องเรียน แจ้งความ 1.4 % ที่น่าห่วงคือพบว่ากลุ่มตัว อย่าง 87.4% ไม่เคยขอความช่วยเหลือหรือปรึกษาจากหน่วยงานหรือจากใครเลย โดย 75.6 % คิดว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้เอง 61.8 % คิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ไม่ควรให้คนนอกรู้ 40 % มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องใหญ่ 11 % คิดว่าติดต่อไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และ 5.8% ไม่รู้วิธีติดต่อขอความช่วยเหลือ อีก 4.4 % ไม่รู้ว่ามีหลายหน่วยงานที่ช่วยได้ ส่วนที่มีการขอความช่วยเหลือนั้นพบว่า 12.4 %มีการแจ้งตำรวจ สายด่วน 10 % แจ้งมูลนิธิหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือ 1 % แจ้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม (1300) 0.8 % แจ้งผู้นำชุมชน และ 0.4 % แจ้งพ่อแม่/ญาติ/บุคคลใกล้ชิด
    .
    ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางมูลนิธิเสนอให้กลไกรัฐกระบวนการยุติธรรม ต้องมีทัศนคติมองปัญหาความรุนแรงให้ชัดเจนเข้าใจ ไม่ใช่แค่ไกล่เกลี่ย รวมถึงการปรับทัศนคติวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ การใช้อำนาจ ลดปัจจัยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการบังคับใช้กฎหมายพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 รวมถึง รณรงค์ให้ผู้หญิงได้เข้าถึงสิทธิ มีทางออก มีพื้นที่ มีหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลพร้อมช่วยเหลือทั้งทางกฎหมายและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งติดต่อได้ทาง 02-513-2889 หรือ Facebook “มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล” หรือโทร.สายด่วน 1300
    .
    นางสาวชนิกานต์ สิทธิอารีย์ ทีมวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย (Wunderman Thompson TH) กล่าวว่า หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านครั้งแรกแล้วฝ่ายชายจะขอโทษ และให้คำสัญญาส่วนผู้หญิงก็จะยอมให้อภัย เพราะไม่คิดว่าจะมีอีก แต่จริงๆ จะพบว่าเมื่อมีครั้งแรกแล้วจะมีครั้งต่อๆ ไปเสมอ และรุนแรงขึ้น หลายรายถึงขั้นเสียชีวิต ทางครีเอทีฟจึงหยิบเรื่องราว “ครั้งแรกของผู้หญิง” ตีความให้รอบด้านอยู่ในโลกความเป็นจริงยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นผลงาน Virtual Museum กับคอนเซ็ปต์ Museum of First Time โดยหวังให้ผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่ถูกทำร้ายได้รับชม รับรู้ และตัดสินใจจัดการบางอย่างเพื่อไม่ให้มีครั้งต่อไป หรือการเลือกที่จะออกมาจากความสัมพันธ์แห่งความรุนแรงนั้น และหวังว่าการทำร้ายร่างกายในบ้านในครอบครัว หรือแม้แต่คู่รัก จะลงลงไปจริงๆ เราจะได้ไม่ต้องทำแคมเปญนี้อีก ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ไขทัศนคติ วิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ ให้เป็นสังคมที่มีความเท่าเทียมทางเพศ เคารพในเนื้อตัวร่างกาย เคารพในสิทธิของกันและกัน ความรักเป็นเรื่องที่ดี สวยงามแต่คุณไม่มีสิทธิทำร้ายกัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตใคร
    .
    ด้าน นางสาวตวิษา ปานแม้น อายุ 32 ปี ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว กล่าวว่า ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นอายุ17 ปี คบกับแฟนที่อายุห่างกันมากกว่า 10 ปี ดื่มแอลกอฮอล์กันทั้งคู่ ทำให้ทะเลาะตบตี แต่ด้วยความรักเขาจึงตกลงแต่งงานและย้ายมาอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นสามีดื่มเหล้าหนักขึ้นและดื่มนานขึ้น ยิ่งทะเลาะกันรุนแรง ทั้งวาจา ร่างกาย เช่น ตอนที่ตนเรียกให้กลับบ้านซึ่งก็ยอมรับว่าเราเองก็ยังเด็ก เลยปากร้าย พูดจาไม่ดี ทำให้ถูกสามีทำร้าย เหยียบศีรษะต่อหน้าเพื่อนในวงเหล้า ซึ่งสถานการณ์ครอบครัวเป็นแบบนี้มาตลอดจนเราทนไม่ไหวขอเลิก แต่เขาไม่ยอม ตนเตรียมจะหนีออกมาแล้ว แต่ตรวจพบว่าตั้งครรภ์ก่อนเลยตัดสินใจอยู่ด้วยกันต่อเพราะอยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ และคิดว่าหากเขามีลูกแล้วน่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่สุดท้ายก็เป็นแบบเดิมพอเมามาก็ทะเลาะ ทำร้ายร่างกาย แต่ที่ตัดสินใจออกมาเด็ดขาดก็ตอนที่ทะเลาะกันแล้วลูกที่เพิ่งคลอดได้ 5 เดือน ลูกโดนหางเลขไปด้วย หัวปูดต้องเข้าโรงพยาบาล จากนั้นเราก็ไม่กลับไปหาเขาอีกเลย ส่วนลูกอยู่กับย่าและเป็นฝ่ายมาหาตน เพราะถ้าตนไปหาลูกผู้ชายคนนั้นก็จะทำร้ายเราอีก
    .
    “ตอนเช้าที่เขาไม่เมาเหมือนเทพบุตรขอโทษ สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเราอีก แต่พอตกเย็นมาก็กินเหล้า แล้วกลายเป็นปีศาจ เคยทะเลาะกันหนัก ปามีดขู่เราแต่พลาดปักเข้าที่ขาต้องเย็บถึง 27 เข็ม หลังจากเลิกกันแล้วเรามีแฟนใหม่ คนนี้ก็กินเหล้าทะเลาะกันแบบเดิมอีกจนเลิกลากันไป และเราตัดสินใจเลิกเหล้า ปัจจุบันมีครอบครัวอีกครั้งสามีไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ชีวิตแฮปปี้มาก เลยคิดว่าปัญหาส่วนหนึ่งก็มาจากเราเองที่พาตัวเองไปอยู่ในวงจรแบบนั้นถึงได้เจอคนไม่ดี ดังนั้นจึงขอฝากผู้หญิงให้รักตัวเองให้มาก ถ้าถูกทำร้ายอย่าทน อย่าคิดว่าจะเปลี่ยนใครได้” นางสาวตวิษา กล่าว
    .
    ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    LIVE:สด!! ep.1 สถานการณ์ฝนตกหนักจ.ชุมพร||น้ำป่าไหลเชี่ยวผ่านถนนสายบ้านควนเหนือ มุ่งหน้า อบต.บ้านควนและถนนเอเซีย 41 หมู่ 14 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ระยะทางกว่า 100 เมตร ทำให้การสัญจรยากลำบาก

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เตือนน้ำหลาก เร่งต้อนควายน้ำขึ้นที่สูง
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากการที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก น้ำล้นอ่างเก็บน้ำ น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่ม ในระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายนนี้ พื้นที่ภาคใต้ช่วงนี้
    ทำให้ทางจังหวัดพัทลุง สั่งการให้ทุกอำเภอ เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม ในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ ตลอด 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสียงที่เคยเกิดท่วมอยู่เป็นประจำ
    .
    ผู้สื่อข่าวจึงไปตรวจสอบ พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา และตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และมีชาวบ้านยึดอาชีพเลี้ยงควายน้ำรวมแล้วกว่า 3,000 ตัว ขณะนี้เร่งต้อนควายน้ำที่ปล่อยเลี้ยงในพื้นที่ป่าพรุควนขี้เสี้ยน และทุ่งหญ้าคลองนางเรียม มาไว้ในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรับมือน้ำหลากท่วม
    .
    ซึ่งปีที่ผ่านมาในช่วงน้ำหลากท่วมพื้นที่ป่าพรุและทุ่งหญ้าที่เลี้ยงควายน้ำ ทำให้ทุกปีน้ำที่ท่วมนานและสูง ทำให้ควายที่เจ้าของไม่ได้ต้อนออกมากจากป่าพรุ จมน้ำตายจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกควายตัวเล็กและควายที่มีอายุมาก ทำให้ในปีนี้เจ้าของควายเริ่มทยอยต้อนควายขึ้นมาไว้ที่สูงเพื่อความปลอดภัยล่วงหน้า สำหรับทุ่งหญ้าในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยพัทลุง ถือเป็นเเหล่งเลี้ยงควายสร้างรายได้ของชาวบ้านในพื้นที่มาอย่างช้านาน โดยมีควายที่ชาวบ้านเลี้ยงปล่อยทุ่งไม่ต่ำกว่า 3,000 ตัว
    .
    ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตีนแมวบุกรุกลอบตัดสายไฟ พลาดโดนไฟดูดตายเพราะไม่สวมรองเท้า
    .
    วันที่ 24 พ.ย.64 พ.ต.ท.ศิริชัย โสมอินทร์ สว.(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา รับแจ้งมีผู้ต้องสงสัยคดีลักทรัพย์ถูกไฟฟ้าดูดตาย ในบ้านเลขที่ 61/4 หมู่บ้านกอบแก้ว 2 ถนนพุทธมณฑล สาย 2 ซอย 24 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
    .
    ที่เกิดเหตุเป็นบ้านร้าง 2 ชั้น ปลูกในรั้วรอบขอบชิดเนื้อที่ราว 128 ตารางวา บริเวณลานทางเข้าตัวบ้าน พบศพชายนิรนาม อายุประมาณ 30-35 ปี นอนคว่ำหน้าสวมเสื้อยืดเเขนสั้นไม่ทราบสี นุ่งกางเกงยีนส์ขาสามส่วน ไม่สวมรองเท้า สภาพศพเน่าอืดเลือดและน้ำหนองไหลนองพื้นส่งกลิ่นโชยคละคลุ้ง แพทย์สันนิษฐาน เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ข้างศพพบคีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ใช้ทำลายแม่กุญแจได้ ตกอยู่ 1 อัน ส่วนสภาพภายในบ้านนั้นพบว่ามีอุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิ ตู้ปิดมิเตอร์ไฟ สายไฟ และรางเดินสายไฟ ถูกตัดทำลายหลายจุด จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
    .
    พ.ต.ท.ธงชัย เชื้อรอด สว.สืบสวน จากการสอบถาม นายปรีชา วงค์น้อย อายุ 48 ปี รปภ.หมู่บ้าน ให้การว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเคยทำธุรกิจรับต่อรถเข็นที่ใช้ในงานก่อสร้าง แต่ปัจจุบันเลิกกิจการปล่อยร้าง ติดป้ายขายและให้เช่า มานาน 1 ปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาตนเข้าเวรประจำอยู่ที่ป้อมทางเข้าออกหมู่บ้าน ห่างจุดเกิดเหตุเพียง 30 เมตร ก็ได้กลิ่นเหม็นโชยมาปะทะจมูกเป็นระยะๆ คิดว่าเป็นกลิ่นหมาแมวตาย จนวันนี้ได้กลิ่นแรงขึ้นจึงตัดสินใจเดินตามหาต้นทางว่า กลิ่นมาจากไหนจึงพบว่ามีศพคนตายนอนอืดอยู่ในบ้านร้างหลังดังกล่าว
    .
    เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคาดผู้ตายอาจบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อขโมยตัดสายไฟและอุปกรณ์ต่างๆไปขาย แต่พลาดเนื่องจากไม่สวมรองเท้าทำให้โดนไฟฟ้าดูดตายเพราะกระแสไฟยังไม่ได้ถูกตัด โดยหลังจากนี้จะเร่งสืบหาว่าผู้ตายคือใครก่อนแจ้งญาติพี่น้องมาสอบปากคำมอบศพไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป
    .
    ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

     

แชร์หน้านี้

Loading...