ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กรมวิทย์ฯ ตรวจพบ “ซาลโมเนลล่า” พุ่งเท่าตัว! เจอเยอะใน เนื้อไก่-เครื่องใน-ไข่-นมดิบ
    .
    ‘นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์’ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เชื้อ “ซาลโมเนลล่า” (Salmonella) เป็นแบคทีเรียมีอยู่หลายสายพันธุ์ และเกือบทุกสายพันธุ์ล้วนก่อให้เกิด “โรคอาหารเป็นพิษ” ที่มีความรุนแรงได้ทั้งสิ้น โรคที่เกิดจากซาลโมเนลล่าพบได้ในลําไส้มนุษย์และสัตว์ อาหารที่มักพบว่ามีการปนเปื้อน คือ เนื้อ และเครื่องใน โดยเฉพาะเนื้อไก่ ไข่ และนมดิบ หากได้รับเชื้อจะทําให้เกิดอาการภายใน 12 - 36 ชั่วโมง อาการที่พบได้ คือ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นไข้ ระยะเวลาที่เป็น 1- 8 วัน และที่ผ่านมาเคยมีการระบาดของเชื้อซาลโมเนลล่า ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
    .
    ทั้งนี้ ระหว่างปี พ.ศ. 2562-2564 ห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและจำนวน เชื้อซาลโมเนลล่า และเชื้อ ‘ชิกเกลล่า’ (Shigella) จากตัวอย่างที่ส่งมาตรวจยืนยันเชื้อบริสุทธิ์ จากผู้ป่วย อาหาร และสิ่งแวดล้อม ดังนี้

    - ปี 2562 พบ “ซาลโมเนลล่า เอนเตอริทิดิส” (Salmonella Enteritidis) จำนวน 12 ไอโซเลต จากตัวอย่างทั้งหมด 315 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 3.80

    - ปี 2563 พบ 14 ไอโซเลต จากตัวอย่างทั้งหมด 408 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 3.43

    - ปี 2564 พบ 24 ไอโซเลต จากตัวอย่างทั้งหมด 271 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 8.86
    .
    “ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการพบเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนควรดื่มน้ำ รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน หลีกเลี่ยงอาหารที่สุกๆ ดิบๆ หมั่นล้างมือให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร และล้างมือก่อนออกจากห้องน้ำ ส่วนผู้ประกอบอาหารหรือบริษัทเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกอาหาร ควรให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาด และปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และน้ำอย่างเคร่งครัด” นพ.ศุภกิจ กล่าว
    .
    #ซาลโมเนลล่า #แบคทีเรีย #อาหารเป็นพิษ #อาหารปนเปื้อน #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กรมวิทย์ฯ ตรวจพบ “ซาลโมเนลล่า” พุ่งเท่าตัว! เจอเยอะใน เนื้อไก่-เครื่องใน-ไข่-นมดิบ
    .
    ‘นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์’ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เชื้อ “ซาลโมเนลล่า” (Salmonella) เป็นแบคทีเรียมีอยู่หลายสายพันธุ์ และเกือบทุกสายพันธุ์ล้วนก่อให้เกิด “โรคอาหารเป็นพิษ” ที่มีความรุนแรงได้ทั้งสิ้น โรคที่เกิดจากซาลโมเนลล่าพบได้ในลําไส้มนุษย์และสัตว์ อาหารที่มักพบว่ามีการปนเปื้อน คือ เนื้อ และเครื่องใน โดยเฉพาะเนื้อไก่ ไข่ และนมดิบ หากได้รับเชื้อจะทําให้เกิดอาการภายใน 12 - 36 ชั่วโมง อาการที่พบได้ คือ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นไข้ ระยะเวลาที่เป็น 1- 8 วัน และที่ผ่านมาเคยมีการระบาดของเชื้อซาลโมเนลล่า ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
    .
    ทั้งนี้ ระหว่างปี พ.ศ. 2562-2564 ห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและจำนวน เชื้อซาลโมเนลล่า และเชื้อ ‘ชิกเกลล่า’ (Shigella) จากตัวอย่างที่ส่งมาตรวจยืนยันเชื้อบริสุทธิ์ จากผู้ป่วย อาหาร และสิ่งแวดล้อม ดังนี้

    - ปี 2562 พบ “ซาลโมเนลล่า เอนเตอริทิดิส” (Salmonella Enteritidis) จำนวน 12 ไอโซเลต จากตัวอย่างทั้งหมด 315 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 3.80

    - ปี 2563 พบ 14 ไอโซเลต จากตัวอย่างทั้งหมด 408 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 3.43

    - ปี 2564 พบ 24 ไอโซเลต จากตัวอย่างทั้งหมด 271 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 8.86
    .
    “ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการพบเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนควรดื่มน้ำ รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน หลีกเลี่ยงอาหารที่สุกๆ ดิบๆ หมั่นล้างมือให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร และล้างมือก่อนออกจากห้องน้ำ ส่วนผู้ประกอบอาหารหรือบริษัทเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกอาหาร ควรให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาด และปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และน้ำอย่างเคร่งครัด” นพ.ศุภกิจ กล่าว
    .
    #ซาลโมเนลล่า #แบคทีเรีย #อาหารเป็นพิษ #อาหารปนเปื้อน #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    # # Ghost surgeon ในเกาหลีใต้
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    Published :15/5/22

    ประเทศเกาหลีใต้มีชื่อเสียงในเรื่องการเเพทย์โดยเฉพาะศัลยกรรมตกเเต่ง

    การเบ่งบานของการผ่าตัดศัลยกรรมตกเเต่งในเกาหลีใต้ ทำให้มีคนไข้จำนวนมากทั้งจากในและต่างประเทศมาเป็นลูกค้า ในปี 2010 รัฐบาลเกาหลีประกาศนโยบายส่งเสริม medical tourism เป็นจุดเริ่มต้นของคนไข้จากต่างประเทศ

    ทำให้เกิดการผ่าตัดโดยผู้ช่วยเเพทย์หรือพยาบาลโดยเเพทย์ไม่ได้ผ่าตัดจริง หรือที่เรียกว่าการผ่าตัดโดย ghost surgeon ซึ่งเป็นเพราะเเพทย์ต้องการผ่าตัดคนไข้จำนวนมากในเวลาเดียวกัน

    ในปี 2016 นักศึกษาเกาหลีได้รับการผ่าตัดตัดกระดูกกราม เสียชีวิตในระหว่างผ่าตัด เพราะเสียเลือดมาก มีการสืบสวนพบว่าศัลยเเพทย์ปล่อยให้ผู้ช่วยเป็นคนผ่าตัด ศาลตัดสินให้แพทย์ถูกจำคุก 3 ปี

    สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้เป็นประเทศเเรกทึ่ออกกฎหมายบังคับให้ต้องติดกล้อง vedeo surveillance ในห้องผ่าตัด

    นับตั้งเเต่ปี2014 มีคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดในเกาหลีโดย ghost surgeon เสียชีวิต 5 คน ซึ่งทำให้มีการออกกฎข้อบังคับที่จะต้องมีกล่องวงจรปิดในห้องผ่าตัดเพื่อที่จะได้ตรวจสอบว่าแพทย์เป็นผู้ผ่าตัดจริง

    การผ่าตัดโดย ghost surgeon ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในการผ่าตัดศัลยกรรมตกเเต่งเท่านั้น ศัลยกรรมกระดูกสันหลัง spine surgery ก็มีการผ่าตัดด้วย ghost surgeon เพรามีผู้ป่วยกระดูกสันหลังจำนวนมากในเกาหลีเนื่องจากมีคนสูงอายุจำนวนมาก จึงมีศัลยเเพทย์กระดูกสันหลังไม่เพียงพอ เกาหลีใต้มึเเพทย์ 2.5 คนต่อประชาชน 1,000คน เเต่ประเทศในกลุ่ม OCED club มีเเพทย์เฉลี่ย 3.3 คนต่อประชาชน 1,000 คน

    ในเดือน พฤษภาคม 2021 มีคนในโรงพยาบาล 21st century hospital ใน Inchon เเอบนำ vedeo ที่เห็นพยาบาลเป็นผู้ลงมีดผ่าตัดเเละเย็บปิดแผลผ่าตัดในคนไข้ผ่าตัดกระดูกสันหลัง แพทย์ 5 คน และพยาบาลผู้ช่วย 3 คนถูกจับดำเนินคดี การสอบสวนพบว่าศัลยเเพทย์ 2 คนพยายามนัดคนไข้มาทำการผ่าตัดให้ได้มากที่สุดในเวลาเดียวกัน

    ตั้งเเต่ปี 2014 มีการฟ้องคดีที่ผ่าตัดโดย ghost surgeon 100 คดีในเกาหลีใต้ สมาคมศัลยกรรมตกเเต่งเกาหลีใต้ประเมินว่ามีคนไข้ราว 100,000 รายที่ได้รับการผ่าตัดโดย ghost surgeon ในระหว่างปี 2008 ถึง 2014 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับให้มีกล้อง vedeo บันทึกในห้องผ่าตัด

    ในสหรัฐอเมริกามีการทำเวชปฎิบัติที่ไม่ถูก malpractices แต่ยังไ่ม่มีการบังคับใช้ให้ติดกล้องในห้องผ่าตัดเพื่อตรวจสอบศัลยเเพทย์ เพราะจะทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในตัวเเพทย์ และรบกวนความเป็นส่วนตัวของคนไข้ และทำลายกำลังใจของเเพทย์ในการที่จะช่วยชีวิตคนไข้

    เเต่ฝ่ายที่สนับสนุนกฎหมายนี้ในเกาหลีใต้ บอกว่ากฎหมายจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการผ่าตัดที่ไม่ถูกต้อง

    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้ว่าไทเปเตรียมรับมือผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ขอความข่วยเหลือค้นหา “พยาบาลอาสาสมัคร 50ราย”

    ผู้ว่าไทเปนายเคอเหวินเจ๋อ ได้ออกมารับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเคยได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าอนาคตไม่ช้าจะมีผู้เสีบชีวิตเพิ่มขึ้นสูงอย่างแน่นอน (วันนี้จากเดิมที่เคยมีผู้เสียชีวิตรายวัน5-10ราย แต่วันนี้ 13/5 มีผู้เสียชีวิตพุ่งไปถึง41 ราย และผู้ติดเชื้อในประเทศ 64,000+ราย)

    ตอนนี้ได้ตั้งโรงพยาบาลเหอผิง 和平醫院 เป็นโรงพยาบาลกักกันโรค ซึ่งรับเฉพาะผู้ป่วยติดเชื้อโดยเฉพาะ (ซึ่งอดีตโรงพยายาลนี้เคยถูกใช้รับมือกับโรคSARSมาแล้ว)

    ตอนนี้ได้มีการประกาศหาพยาบาลอาสาสมัครจำนวน50ราย โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องฉีดวัคซีนครบ3เข็ม มีใบอนุญาต และมีประสบการณ์ด้านรับมือเกี่ยวกับโรคแพร่ระบาดจะดีมาก

    https://news.ltn.com.tw/amp/news/life/breakingnews/3925861

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ⚠️[BREAKING]⚠️ การพังทลายของ LUNA และ UST ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกไปกว่า 1.5 ล้านล้านบาทแล้ว !

    อย่างที่รู้กันว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในตลาดคริปโต นั้นก็คือการที่ราคาเรียญ LUNA เหรียญคริปโตที่เคยใหญ่ที่สุดเป็น 10 อันดับแรกของโลก ได้ราคาร่วงลงมา -99.9999% หรือแทบจะหมดมูลค่าไปเลยนั้นเอง

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือเหรียญ UST ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ของเครือข่าย Terra Blockchain ไม่สามารถรักษามูลค่าที่ตรึงไว้กับเงินดอลลาร์ได้

    ว่ากันว่าเป็นเพราะนักลงทุนรายใหญ่ฝ่ายนึงได้ตั้งใจทิ้งเหรียญ UST มูลค่า 285 ล้านดอลลาร์ลงมาในตลาด จนทำให้ราคา UST Stablecoin ลดลงเหลือ 0.98 ดอลลาร์ และสิ่งที่ตามมาคือได้เกิดแรงขายที่มากมายตามมา จนทำให้ Luna Foundation Guard ต้องพยายามนำ Bitcoin ทั้งหมดที่สำรองไว้ไปขาย เพื่อนำเงินมาพยุงมูลค่าเหรียญ UST....

    ใครอยากทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเต็มๆแบบละเอียด ลองดูได้จาก Link ในคอมเม้นท์เลยครับ)

    มาวันนี้ทาง Bloomberg ได้รายงานว่าการพังทลายของ LUNA และ UST ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกไปกว่า 4.5 พันล้านดอลล่าร์ (1.5 ล้านล้านบาท) แล้ว

    (และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือได้มีนักลงทุนคร่าชีวิตตัวเองไปกว่า 22 รายเพราะการขาดทุนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย)

    Bloomberg ประเมินว่ากลุ่มผู้ลงทุนที่เสียหายหนักที่สุดคือเหล่านักลงทุนรายย่อยที่ได้เข้าไปลงทุนในเหรียญนี้แบบไม่ได้ประเมินความเสี่ยงไว้ก่อนให้ดี

    “ผู้เสียหายที่ใหญ่ที่สุดจากเหตุการณ์นี้คือนักลงทุนรายย่อยที่ไม่เข้าใจความเสี่ยงที่พวกเขากำลังรับอยู่จากการซื้อเหรียญเหล่านี้” Kyle Samani ผู้ร่วมก่อตั้ง Multicoin Capital บริษัท VC คริปโตกล่าว

    และผู้ที่เสียหายใหญ่รองลงมาคือเหล่านักลงทุน venture capitalists (VC) หรือนักลงทุนที่ลงทุนใน Startup ที่ได้เข้ามาร่วมให้เงินทุนแก่ Terraform Labs หรือทีมพัฒนาเหรียญ LUNA นี้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Galaxy Digital Holdings Ltd., Pantera Capital และ Lightspeed Venture Partners ที่ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 150 ล้านดอลล่าร์ (5 พันล้านบาท) ในการเข้าเพิ่มทุนรอบล่าสุดกับ Terraform Lab

    ----------------------------------------

    ทางเพจจะคอยนำข่าวสารการลงทุนที่ "ทันโลก" มาฝากทุกท่านเสมอ

    แนะนำให้ทุกท่านเปิดกระดิ่งตั้งค่า "รายการโปรด" หรือ "Favourite" ไว้บนเพจได้เลยครับ เพื่อจะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็นจากทาง Facebook และอาจพลาดข่าวสารที่สำคัญจากทางเพจไป

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share เพื่อให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ฟินแลนด์ เรียกระดมทหาร ฝึกอาวุธพร้อมเข้าสงคราม สหรัฐ อังกฤษ ช่วยชนะแน่
    ที่ผ่านมาในสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ฟินแลนด์ สวีเดน จะร่วมกับกองทัพเยอรมนี รุกรานสหภาพโซเวียติทำสงครามกันถึง 2.5 ปี ทหารโซเวียติเสียชีวิตไปจำนวนมากหลักล้านคน แต่เมื่อสหภาพโซเวียติมีชัยชนะแล้ว ทั้ง 3 ชาติก็ไม่เคยมีประวัติทำสงครามหรือเป็นภัยคุกคามต่อกัน เหตุเพราะคนรุ่นก่อนของฟินแลนด์ สวีเดน รู้พิษสงของสงครามดี จึงเข็ดขยาดความโหดของฝ่ายสหภาพโซเวียติ ที่ต่อมาแยกประเทศออก และหนึ่งในนั้นมีพรมแดนยาวติดกันคือรัสเซีย จึงกำหนดนโยบายรัฐบาลเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ จึงสุขสงบเพราะรัสเซียก็ไม่จำเป็นต้องระแวงใดๆ
    ปัจจุบัน ฟินแลนด์ เป็นประเทศที่มีประชากรน้อยราวแค่ 5.5 ล้านคน (น้อยกว่าประชากร กทม.ของไทย) กองทัพฟินแลนด์ประกอบด้วย กองทัพบก เรือ และอากาศ ภายใต้การบังคับบัญชาโดย กระทรวงกลาโหม โดยทุกกองทัพมีทหารประจำการรวมราว 33,000 นาย ในจำนวนนี้มีทหารประจำแค่ 8,000 นาย ที่เหลือ 25,000 นายเป็นทหารเกณฑ์ โดยชายอายุ 18 ปีขึ้นไป จะต้องเข้าเกณฑ์ทหาร ที่เหลือจึงเป็นชายฉกรรจ์อายุ 18-49 ปี ที่เป็นกำลังพลสำรองได้ยามฉุกเฉินสงคราม 9 แสนคน ด้วยฟินแลนด์มีนโยบาย "เป็นกลาง" จึงไม่มีสงครามมานานกว่า 77 ปี ทหารได้แต่ฝึกแต่ยังไม่เคยลงสนามรบจริง แม้จะมีชายแดนติดกับรัสเซียถึง 1,340 กม.ก็ไม่เคยมีการปะทะกัน
    ล่าสุดประธานาธิบดีเซาลี นีนิสเตอ แห่งฟินแลนด์ แถลงประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะนำชาติสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO และนายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ ซานนา มาริน คาดว่า รัฐสภาฟินแลนด์จะอนุมัติการตัดสินใจเข้าร่วมในอีกไม่กี่วันนี้ ด้วยฉันทามติ นางมารินระบุอีกว่า ไม่คิดว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ต่อการเข้าเป็นสมาชิก NATO ของฟินแลนด์ รวมถึงสวีเดน เพราะทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนาโตอยู่แล้ว และด้วยกองทัพฟินแลนด์ มีทหารน้อยมากๆ ดังนั้นกองทัพฟินแลนด์จึงเรียกกำลังพลสำรองมาเป็นทหารประจำการด่วน ขณะนี้เรียกมาได้ราวไม่เกิน 200,000 นาย หรือกว่า 6 เท่าจากเดิม กำลังพลทหารสำรองเหล่านี้มาจากนักศึกษา พนักงานออฟฟิศ ฯลฯ แล้วมาฝึกใช้อาวุธเบื้องต้นระยะสั้นแล้วส่งไปประจำการหรือสู้รบที่แนวหน้าจุดยุทธศาสตร์ชายแดนเลย
    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ ได้โทรศัพท์สายด่วนถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแล้ว เพื่อแจ้งว่าฟินแลนด์จะเข้าร่วมนาโต ซึ่งปูตินเตือนว่า "เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและจะกระทบต่อความสัมพันธ์รัสเซีย-ฟินแลนด์" เมื่อฟินแลนด์สูญเสียความเป็นกลางไปแล้ว และเข้าร่วมกลุ่มทำสงคราม NATO ดังนั้นสถานะของฟินแลนด์จึงถูกรัสเซียเปลี่ยนนโยบายเช่นกันเป็น "ภัยคุกคามต่อรัสเซีย"
    อะไรที่รัสเซีย ไม่เคยกระทำต่อฟินแลนด์มาตลอด 77 ปี ก็จะตรงข้ามหมดในข้ามคืนเท่านั้น เพราะวัฒนธรรมชาวสลาฟนั้น จะชิงเล่นงานฝ่ายศัตรูก่อนที่อีกฝ่ายจะกระทำตน ตัวอย่างคือ รัฐบาลยูเครน มีแผนจะบุกโดเนตสก์ ลูฮันสก์ ภูมิภาคดอนบาส และไครเมีย ในวันที่ 8 มี.ค.65 รัสเซียก็หนุนให้ดินแดนนั้นชิงประกาศเอกราชเสียก่อน แล้วรับรองทางสภา พร้อมหนุนอาวุธให้ทหารสาธารณรัฐใหม่เข้าทำสงครามกับรัฐบาลยูเครนยืดเยื้อ รัสเซียคอยอารักขาน่านฟ้าให้ และส่งขีปวุธลูกยาวมาลงช่วยทหารพันธมิตรตน พร้อมระดมทหารจากเชชเนีย และที่อื่นมาอีก 22 กลุ่มรบเป็นสงครามตัวแทนรัสเซียในยูเครน
    เมื่อฟินแลนด์ ได้ประกาศเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัสเซียเป็นทางการก่อน ดังนั้นรัสเซียย่อมมีเหตุผลมากพอที่จะ "ปฏิบัติการทางทหาร" กับฟินแลนด์ เทียบเท่ายูเครน..ฟินแลนด์ ที่เคยสงบมานานจึงมีเงินสะสมเหลือตุนไว้ซื้ออาวุธได้อีกมาก ทำให้สหรัฐ อังกฤษ และ NATO ตาลุกวาวที่จะ "บุฟเฟ่ฟินแลนด์" สร้างสถานการณ์ อ้างข่าวกรอง บีบให้ซื้ออาวุธจนหมดตัวเหมือนยูเครน..เปลวเพลิงร้อนฉ่า หิมะละลาย อาคารพังยับ สู้ต่อไปนะ ได้ประกาศชนะทุกวันแน่นอน

    ที่มา : AP , Reuters , TNNworld
    #WorldUpdate

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชาวอเมริกัน ทนพิษอดอยาก หิวโหยไม่ไหว พากันอพยพย้ายถิ่นฐานออกสู่ชนบทแล้ว
    สหรัฐ กำลังประสบปัญหารุมเร้าอย่างขนานใหญ่ในรอบกว่า 4 ทศวรรษ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สินค้าราคาแพงขึ้นลิบลิ่ว ขาดแคลนอาหาร และมีความไม่มั่นคงด้านอุปโภคบริโภค ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับชาวอเมริกันจำนวนมาก ธนาคารอาหารที่รับผิดชอบด้านการให้อาหารแก่คนยากจนกำลังได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของ Feeding America ระบุว่า “เราตกอยู่ในอันตรายจากอาหารหมด” ขณะนี้อเมริกากำลังเผชิญกับวิกฤตอาหารครั้งใหญ่ “เรากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตความหิวโหยครั้งใหญ่”
    เดือน มี.ค.65 ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมัน และก๊าซที่พุ่งสูง ส่งผลกระทบต่อไปยังราคาอาหารสูงขึ้นตามไป เช่น
    - เนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นเกือบ 15%
    - นมเพิ่ม 13.3%
    - ไข่เพิ่ม 11.2%
    - ผลไม้สดเพิ่ม 10%
    - ข้าวเพิ่ม 8.6%
    - ขนมปังเพิ่ม 7.1%
    สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐระบุว่า ณ สิ้นเดือน มี.ค.65 ราคาอาหารเฉลี่ยสูงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524 อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ปัจจุบันสูงถึง 8.3% ได้ "ทำลายล้างบั่นทอนชาวอเมริกันทุกวัน" สังคมเมืองอเมริกัน กำลังพังทลาย "จากพิษต้มยำกุ้งทางเศรษฐกิจ" จึงพากันอพยพเพราะความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในการดำรงชีวิตในเมืองใหญ่ได้กระตุ้นให้จำนวนมากย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองเล็กๆในชนบท ที่ค่าครองชีพต่ำกว่า
    จากข้อมูลบริษัทขนย้ายและจัดเก็บ Pods ที่ The Hill อเมริกันกำลังย้ายจากเมืองใหญ่ๆ เช่น ชิคาโก ลอสแองเจลิส และวอชิงตัน ดี.ซี. ไปยังรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟลอริดา นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี และจอร์เจีย ซึ่งราคาในอดีตอยู่เกณต่ำกว่า มีการร้องขอความช่วยเหลือด้านอาหาร ที่อยู่อาศัย ค่าเช่า และสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 500%..ในขณะที่ชาวรัสเซีย มีอาหารกินล้นประเทศเฉลี่ย 1 ตัน/คน แต่ชาวอเมริกัน กลับอดอยากหิวโหยขาดอาหารกินประทังชีวิต..รัฐบาลสหรัฐ ก็ยืนยันจะส่งเงินช่วยเหลือ (เงินกู้) ให้ยูเครน แต่ต้องนำมาซื้ออาวุธเท่านั้น และช่วยปกป้องฟินแลนด์ สวีเดน..สู้ต่อไป พ่อค้าอาวุธชนะแน่นอน

    ที่มา : Sputnik CNN , theepochtimes
    #WorldUpdate
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สื่อต่างประเทศรายงานว่า หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกองทัพยูเครน พลตรี คิริโล บูดานอฟ (Kyrylo Budanov) ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษล่าสุดยืนยันว่า การปฎิวัติเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เริ่มต้นไปแล้ว
    .
    ซึ่งเชื่อว่าไม่เกินสิงหาคมจะได้เห็นปูตินตกอำนาจ และสงครามยูเครนจะจบลงไม่เกินสิ้นปี ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยิ้มร่าวันเสาร์(14 พ.ค)ต้อนรับคณะผู้นำเสียงข้างน้อยสภาสูงสหรัฐฯ มิตช์ แม็คคอนเนล ที่กรุงเคียฟ เรียกร้องให้สหรัฐฯประกาศขึ้นบัญชีรัสเซียเป็น "รัฐก่อการร้าย"
    .
    ยาฮูนิวส์รายงานวันนี้(15 พ.ค)ว่า - หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกองทัพยูเครน พลตรี คิริโล บูดานอฟ (Kyrylo Budanov) วัย 36 ปีให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์ของอังกฤษ ระบุว่าเชื่อว่าการปฎิวัติภายในเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เริ่มต้นไปแล้ว
    .
    ในการสัมภาษณ์ที่ถูกตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวานนี้(14) เขากล่าวว่า เขาเชื่อมั่นถึงการพ่ายแพ้ของรัสเซียที่ชี้ไปว่าการพ่ายแพ้จะทำให้ปูตินต้องออกจากอำนาจ
    .
    บูดานอฟกล่าวว่า “มันจะนำไปสู่การเปลี่ยนตัวผู้นำของสหพันธรัฐรัสเซียในท้ายที่สุด” และเสริมต่อว่า “กระบวนการได้เริ่มต้นดำเนินการไปแล้ว”
    .
    อ้างอิงจากเดลีเมล สื่ออังกฤษ บูดานอฟ เชื่อว่าปูตินจะถูกทำรัฐประหารภายในเดือนสิงหาคม โดยชี้ว่า “จุดแตกหักจะเกิดขึ้นในช่วงหลังของเดือนสิงหาคม” และชี้ต่อว่า “ปฎิบัติการสู้รบจะสิ้นสุดลงภายในปีนี้ และจากผลอันนั้นพวกเราจะสถาปนาอำนาจยูเครนขึ้นใหม่ในทุกดินแดนของพวกเราที่ได้สูญเสียไปรวมถึง เขตดอนบาสและแหลมไครเมีย”
    .
    และเมื่อสกายนิวส์ตั้งคำถามว่า “การทำรัฐประหาร” นั้นกำลังดำเนินอยู่ใช่หรือไม่ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทัพยูเครนชี้ว่า “ใช่..มันดูเหมือนจะมาทางนี้และไม่สามารถที่จะหยุดมันได้”
    .
    สกายนิวส์รายงานว่า ดูเหมือนบูดานอฟจะแสดงความเชื่อมั่นเป็นอย่างมากต่อข่าวการก่อรัฐประหารโค่นผู้นำรัสเซีย แต่ทว่า กอร์ดอน บี. เดวิส จูเนียร์.(Gordon B. Davis Jr.) อดีตผู้ช่วยรองเลขาธิการองค์การนาโตด้านแผนกการลงทุนการป้องกันได้ให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์เช่นกัน
    .
    แต่สวนทางกับเคียฟโดยไปชี้ว่า เขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสที่จะได้เห็นการก่อรัฐประหารภายในรัสเซียในอนาคตอันใกล้
    .
    “มันเป็นการยากที่จะกล่าวเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในเรื่องเช่นนี้” และเสริมต่อว่า “ผมจะไม่ให้เครดิตมากนักในเวลานี้เกี่ยวกับข่าวลือ”
    .
    อย่างไรก็ตามในรายงานของสกายนิวส์ได้กล่าวว่า บูดานอฟเคยออกมาคาดการณ์ว่า รัสเซียจะบุกยูเครนในปีนี้เกิดขึ้นในเวลาที่คนอื่นๆยังแสดงตั้งข้อกังขาและการคาดการณ์ของบูดานอฟก็ถูกต้องตามที่ได้กล่าวไว้
    .
    การออกมาเปิดเผยของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองกองทัพยูเครนเกิดขึ้น 1 วันหลังอดีตนายกรัฐมนตรีรัสเซีย มิคาอิล คัสยานอฟ( Mikhail Kasyanov)ในวันศุกร์(13) เปิดเผยว่า เขาเชื่อว่าผู้นำรัสเซียเริ่มรู้ว่า เขาอาจจะแพ้สงครามในยูเครน
    .
    DW สื่อเยอรมันรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์กับ DW คัสยานอฟกล่าวว่า ความเชื่อมั่นของประธานาธิบดีปูตินในสงครามยูเครนเริ่มสั่นคลอน
    .
    คัสยานอฟดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรีรัสเซียระหว่างปี 2004 – 2008ให้กับปูตินก่อนที่จะถูกปลดออก และออกมาตั้งพรรคฝ่ายค้านเพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียแข่งกับปูตินในปี 2008 และในเวลานี้กำลังลี้ภัยอยู่ในที่ไม่เปิดเผยในยุโรป
    .
    เขาเชื่อว่า ปูตินอาจถูกนายพลรัสเซียทำให้สำคัญผิดเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและชี้ว่าในคำสุนทรพจน์วันแห่งชัยชนะวันที่ 9 พ.คของผู้นำรัสเซียนั้น ปูตินไม่ได้พูดจากจุดยืนของความแข็งแกร่งและยังดูเหมือนว่า “มีความตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย”
    .
    “ท่าทางของคุณปูตินและคำสุนทรพจน์ของเขานั้นอ่อนแอโดยสิ้นเชิง” และเสริมว่า “ปูตินดูเหมือนจะเริ่มต้นที่จะรู้แล้วว่าเขากำลังจะแพ้สงคราม”
    .
    ขณะเดียวกันที่กรุงเคียฟในวันเสาร์(14)พบว่า ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้ต้อนรับคณะผู้นำเสียงข้างน้อยสภาสูงสหรัฐฯ มิตช์ แม็คคอนเนล (Mitch McConnell) ที่เดินทางเข้ากรุงเคียฟเป็นความลับเพื่อพบกับผู้นำยูเครนโดยเฉพาะ
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า แม็คคอนเนลเป็นโต้โผกดดันสว.รีพับลิกันชื่อดังจากรัฐเคนตักกี แรนด์ พอล (Rand Paul)ให้เลิกขวางการอนุมัติงบช่วยยูเครน 40 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นงบที่ทั้งสองพรรคใหญ่ของสหรัฐฯให้การสนับสนุน
    .
    ซึ่งเซเลนสกีได้ออกมาแสดงความยินดีโดยชี้ว่า เป็นสัญญาณที่ทรงพลังของการสนับสนุนจาก 2 พรรคร่วมสำหรับการให้การสนับสนุนยูเครนและเป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ
    .
    ซึ่งในแถลงการณ์ที่ออกมาของเซเลนสกีพบว่า เขากล่าวว่ามีการหารือหลายด้านในการสนับสนุนยูเครนรวมถึงด้านการป้องกันประเทศและการเงิน การคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดต่อรัสเซีย นอกจากนี้ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องให้สหรัฐฯประกาศให้ “รัสเซีย” เป็นรัฐก่อการร้าย รอยเตอร์รายงาน

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://news.sky.com/story/ukraine-...ying-war-will-be-over-by-end-of-year-12612320

    https://www.cnn.com/europe/live-news/russia-ukraine-war-news-05-14-22/index.html

    https://mgronline.com/around/detail/9650000046093
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักข่าวดังเผยกระบวนการทำงานขององค์กรสื่อ พร้อมวิเคราะห์ดรามา “หลวงปู่แสง” ชี้ชีวิตนักข่าวยุคปัจจุบันต้องสังเวยชีวิตให้งาน’ คล้ายวลี เสร็จนาฆ่าโคถึก ย้ำไม่ควรลงโทษเพียงแค่นักข่าวคนเดียวเพราะมีเรื่องของ “กระบวนการพิจารณาก่อนนำเสนอข่าว” ออกสู่สาธารณะด้วย
    .
    จากกรณีที่ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พาทีมสื่อมวลชนบุกไปที่สำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร หลังปรากฏคลิปกล่าวหาว่า หลวงปู่แสง ญาณวโร คุกคามทางเพศผู้หญิง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีประเด็นที่นักข่าวหญิงรายหนึ่ง สังกัดสถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ทีวี แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อหน้าหลวงปู่แสง กลายเป็นที่วิจารณ์ในโซเชียลฯ ด้านกองบรรณาธิการข่าวเวิร์คพอยท์ให้นักข่าวที่ไปทำข่าวหลวงปู่แสงพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ไม่ใช่แค่มีกิริยาไม่เหมาะสม แต่ยังสร้างหลักฐานไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ด้านสององค์กรวิชาชีพสื่อออกแถลงการณ์ ย้ำสื่อต้องระวังเสนอข่าวตามหลักจริยธรรม ใช้วิธีการหาข่าวที่สุภาพ ซื่อสัตย์ ขณะที่กรรมการจริยธรรมเตือนระวังสนิทสนมกับแหล่งข่าว และการตกเป็นเครื่องมือ และต่อมาหมอปลา และน้ำฟ้าได้ออกมาขอโทษทั้งน้ำตาปมล่วงเกิน ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว
    .
    เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เพจ "Teejournalist" หรือ "นิพนธ์ ตั้งแสงประทีป" นักข่าว ได้ออกมาวิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก ถึงยุคนักข่าวสังเวยชีวิตจากข่าวหลวงปู่แสง
    .
    จากบทวิเคราะห์เมื่อวานที่ผมได้อธิบายเรื่องกระบวนการขั้นตอนทำข่าวนำเสนอข่าวขององค์กรสื่อ ที่ไม่ได้มีเพียงนักข่าวเพียงคนเดียวและไม่ควรตัดตอนแค่นักข่าวที่มีความผิดเพราะมีเรื่องของ “กระบวนการพิจารณาก่อนนำเสนอข่าว” ออกสู่สาธารณะด้วย แต่สุดท้ายเราจะเห็นสื่อต่างๆ เลือกลงโทษเฉพาะนักข่าวในที่เกิดเหตุ ผมจึงบอกว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกหลวงปู่นักข่าวสังเวย”
    .
    หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วใครบ้างอยู่ในกระบวนการทำงานข่าวก่อนนำเสนอ และ กระบวนการในอดีตองค์กรข่าวทำอย่างไรกันเมื่อมีการนำเสนอข่าวผิดพลาดของสื่อ ผมขอเล่าให้ฟังดังนี้ครับ
    .
    1. ในอดีตเมื่อสื่อถูกกล่าวหาว่านำเสนอข่าวผิดพลาดหรือนำมาสู่การกล่าวหา ครหาจากสังคม หรือฟ้องร้องดำเนินคดี สิ่งที่สื่อนั้นๆ จะทำคือ กองบรรณาธิการไล่มาตั้งแต่ ผอ.ข่าว บก.ข่าว หัวหน้าข่าว รวมถึงนักข่าวที่นำเสนอจะมาประชุมเพื่อหารือข้อมูลข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่ได้มา ก่อนนำเสนอข่าวดังกล่าว
    .
    2. ในความเป็นจริงก่อนจะถูกกล่าวหาหรือฟ้องร้องในข้อ 1. การทำข่าวในอดีต กองบรรณาธิการทั้งหมดจะรู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว “จะปฏิเสธเอาตัวรอดว่านักข่าวไปทำเองไม่รู้เรื่องไม่ได้” เพราะแปลความได้ว่า สำนักข่าวนี้ให้นักข่าวทำข่าวฟรีสไตล์ อยากเลือกทำอะไรก็ได้? ซึ่งผมไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เพราะหากเป็นจริงถือว่ากระบวนการผลิตข่าวปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก
    .
    3. เช่นหากได้ Hint ประเด็นหลวงปู่มา นักข่าวจะต้องหารือหัวหน้าข่าว หัวหน้าข่าวตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นก่อนนำเข้าสู่การหารือกับกองบรรณาธิการที่มี “ผอ.ข่าว” ผู้รับผิดชอบสูงสุดนั่งหัวโต๊ะ กรณีนี้หากมีการตรวจสอบข้อมูลกรณีหลวงปู่แสงให้ดีอาจไม่มีการทำข่าวนี้เกิดขึ้น หรือหากคิดว่ามีความเป็นไปได้จากพยานหลักฐานก็จะมีกระบวนการขั้นตอนการทำงานที่รัดกุมเพราะข้อมูลเบื้องต้นกอง บก.ตรวจสอบพบแล้วดังนี้
    - ท่านเป็นพระปฏิบัติ พรรษาบวชของท่านยาวนาน
    - เป็นพระสายหลวงปู่มั่น ที่เป็นที่นับถือ
    - ไม่เคยมีข้อครหามาก่อนตลอดการครองสมณะ
    - ประวัติครอบครัวท่านมีหลายท่านครองสมณเพศ
    .
    รวมถึงหัวใจสำคัญคือ การกลั่นกรองตรวจสอบ "ก่อนนำเสนอสู่สาธารณะ" เมื่อได้ข่าวมา ไม่ Live ไม่รีบนำเสนอเพราะมีความเสี่ยงและสวนทางกับข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มา
    .
    4. หลังการประชุมหารือของกองบรรณาธิการในข้อ 1. กรณีข่าวใดข่าวหนึ่งถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดี กล่าวหา ครหา หากกองบรรณาธิการยืนยันความถูกต้องจะต่อสู้ในกระบวนการต่อไป เช่น สู้คดี ชี้แจงต่อสาธารณะถึงพยานหลักฐานในการนำเสนอข่าว ซึ่งส่วนใหญ่จะรอดเพราะเป็นการนำเสนอบนพยานหลักฐานข้อเท็จจริงและ "เพื่อประโยชน์สาธารณะ" คำนี้จะได้ยินบ่อยในวงการสื่อ
    .
    5. แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าตนเองมีความผิดพลาดทำผิดจริงจะมีการติดต่อกับผู้เสียหายเพื่อเจรจา เบาสุด ถ้าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์สมัยก่อนคือ ลงประกาศในสื่อตนเอง หรือสื่ออื่นเพื่อขออภัยขอโทษตามเงื่อนไขของผู้ที่เสียหาย หรือสื่อทีวีก็จะทำในลักษณะใกล้เคียงกัน โดยการแสดงคำขอโทษเสียใจจะไม่ได้ทำโดยนักข่าว แต่ทำโดยผู้บริหารข่าวหรือในนามชื่อองค์กร
    .
    6. แต่หากผู้เสียหายไม่ยินยอม คดีขึ้นสู่ชั้นการสอบสวนหรือศาล คนที่จะถูกดำเนินคดีคนแรก "ไม่ใช่นักข่าว" แต่เป็น “บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา” สำหรับหนังสือพิมพ์ และ “ผู้อำนวยการสถานี" สำหรับโทรทัศน์ หรือแล้วแต่ผู้ถูกกล่าวหาจะเลือกฟ้อง กรณีนี้เชื่อว่าหากไม่ได้ความเมตตาจากหลวงปู่เป็นผู้เสียหายอื่นจะไม่ยินยอมจบแค่เอานักข่าวมาลงโทษอย่างแน่นอน
    .
    7. ส่วนใหญ่แล้วนักข่าวที่กระทำผิดจะเป็นจำเลยในคดีลำดับท้ายๆ เมื่อเป็นคดีความ หรือบางครั้งก็ไม่โดนดำเนินคดีก็มีเพราะหลักใหญ่จะถือว่านักข่าวเป็นเพียงผู้ปฏิบัติเท่านั้น
    .
    8. อนึ่ง ผู้ประกาศเป็นอีกเรื่องสำหรับสื่อทีวี ที่ผู้ประกาศมักจะซวยเพียงลำพังเพราะเป็นผู้อ่านข่าว ที่คิดว่ากองบรรณาธิการกลั่นกรองมาแล้ว เวลาฟ้อง ผู้ประกาศจึงโดนไปด้วยหรือบางครั้งโดนก่อนโดนคนเดียว โดยกองบรรณาธิการไม่โดนก็มี ต้องยอมรับว่า ในข้อเท็จจริง ผู้ประกาศไม่มีเวลามานั่งอ่านหรือตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดก่อนออกอากาศได้ว่า “จริงหรือไม่”
    .
    ส่วนตัวผมชอบดูหนังจีนกำลังภายใน แต่ทุกเรื่องเมื่อแม่ทัพที่ออกรบกำลังพลาดพลั้งและจะพ่ายแพ้ ก็จะยอมสู้จนตัวตายนำหน้าเหล่าทหารที่เหลือ สู้จนชีวิตจะหาไม่ ผมไม่เคยเห็นแม่ทัพอยู่ข้างหลังแล้วโยนพลทหารให้มาตาย โดยแม่ทัพนั่งเฉยๆ หรือหนีกลับที่ตั้ง
    .
    ขอให้กำลังใจนักข่าวทุกคนที่โดนลงโทษเพียงลำพัง และขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนหากจะต้องยึดวิชาชีพนี้ต่อไป แต่นักข่าวอีกหลายคนอาจเลือกไปเดินทำอาชีพอื่น เพราะจากภาพและข่าวที่ออกไปอาจทำให้ลำบากในการใช้ชีวิตต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
    .
    “ไม่เคยมียุคไหนที่…นักข่าวต้องสังเวยชีวิตจากการทำข่าวมาก่อนยกเว้นกรณีการทำข่าวสงครามจริงเท่านั้น”
    #Teejournalist
    #หลวงปู่แสง
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000045991
    -
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ทางบ้านขอคำปรึกษา ครับ
    "...มีอาการชามือและเท้าค่ะ"

    ‍⚕️
    #อาการชา เป็นคนละเรื่องกับอาการรู้สึกว่าแขนหนักขาหนัก
    ถ้าสงสัยเกี่ยวกับอาการหนักแขนหักขา
    ให้กรุณาลองอ่านดูในคำถามเก่าๆที่ผมเคยตอบนะครับ

    ส่วนเรื่องของ #อาการชาในคนไข้โรคหลอดเลือดสมอง
    อาจมีความหมายว่า คนไข้มี #ความรู้สึกน้อยลง
    ซึ่งย่อมเป็นไปตามพยาธิสภาพของรอยโรคในสมอง ว่า ไปทำให้ศูนย์รับความรู้สึก หรือเส้นใยประสาทรับความรู้สึก เสียหายไปสักเท่าไร ก็จะเสียความรู้สึกในขอบเขตนั้นๆมากน้อยตามสัดส่วน

    #การสูญเสียความรู้สึก นี้ อาจมีความแปรเปลี่ยนได้ในระยะแรก ส่วนมากในการฟื้นตัวช่วงแรกอาการชาจะค่อยๆบรรเทาลง เพราะระบบประสาทรับความรู้สึกบางส่วนที่หยุดทำงานไปชั่วคราว แต่ไม่ได้เสียหายถาวรเมื่อผ่านวันเวลาไปก็อาจจะคืนกลับมาทำงานแล้วทำให้อาการชาลดลงได้แต่ในระยะเรื้อรังเกิน 6 เดือนถึงปี 1 ความรู้สึกชานี้มักจะไม่หายไป คงต้องได้แต่ทำใจให้ชินครับ

    ถ้า‼️ เป็นกรณีที่ผู้ป่วย มีความรู้สึกผิดปกติเช่นแสบร้อนคัน หรือ #ความรู้สึกคล้าย ไฟช็อต มดไต่ เข็มทิ่มตำตามแขนขา ทั้งทั้งที่ไม่มีสิ่งใดมากระทบถูก อย่างนี้ถือว่าเป็นอาการปวดหลอกหรือปวดหลอน อาจจำเป็นต้องใช้ยาช่วยบรรเทาอาการต้องปรึกษาแพทย์นะครับ

    ยกเว้นว่า‼️ อาการน้อยมาก ไม่รู้สึกรำคาญก็อาจสังเกตอาการไปได้เรื่อยๆ เพราะถ้าไม่จำเป็น เราก็ไม่อยากให้คนไข้ต้องรับประทานยาอื่น นอกจากยาที่อาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดหลอกหรือปวดหลอน

    การให้สัมผัสที่ไม่เจ็บปวด เช่น การนวดเบาๆ การลูบไล้ทาครีม หรือ การจูงแขนลงในกระบะเม็ดถั่วหรือข้าวสาร เหล่านี้ ถ้าระบบประสาทได้รับสัญญาณประสาท ที่สื่อความไม่เจ็บปวดเป็นธรรมดา สบายๆเยอะๆบ่อยๆ มันก็ไม่มีเวลาว่างที่จะไปหลอนได้ครับ
    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
    นอกจากโพสที่ท่านเพิ่งได้อ่านข้างบนนี้ ที่ เพจ stroke boot camp ยังมีบทความสั้น อ่านง่าย มีประโยชน์สำหรับ การดูแลฟื้นฟู ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ ผู้สูงอายุ ให้ท่านได้อ่านอีกนับร้อยเรื่อง

    กด likes & follow จะช่วยให้ท่านไม่พลาดได้อ่าน บทความใหม่ที่มีมาทุกวันนะครับ

    สำหรับบทความย้อนหลัง ขอเชิญชวนให้ลองเข้าไปอ่านดูตามลิงก์รวมโพสนี้
    http://bit.do/facebook-StrokeBC-link012

    หรือเลือกอ่านเรื่องที่สนใจตามหัวข้อใน All Photos ของเพจ
    http://facebook.com/StrokeBC/photos

    แต่หากท่านมีคำถามอื่นๆ เชิญส่งข้อความมาถามที่เพจ หรือที่ แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู รพ สำโรงการแพทย์ ก็ได้นะครับ ผมจะทยอยรีบตอบให้ครับ

    ด้วยความเคารพ
    นพ ภาริส วงศ์แพทย์

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คำถามเคสเกี่ยวกับ "การฟื้นฟูการหายใจ สำหรับคนไข้บาดเจ็บไขสันหลัง"
    จากบุคลากรทางการแพทย์

    "...สอบถามเรื่องการฝึก การหายใจหรือ Chest Rehab ในคนไข้ SCI ที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรง เพื่อช่วยลดการเกิด Lung atelectasisหรือการ Wean ท่อช่วยหายใจ ช่วยแชร์กิจกรรมหรือโปรแกรมให้หน่อยได้รึเปล่าคะ?"

    ‍⚕️
    คนไข้ในคลิปที่ส่งมา หายใจเข้าหน้าท้องโป่ง หายใจออก หน้าท้องยุบ
    โครงหน้าอกไม่กระเพื่อมเคลื่อนไหว

    แสดงว่า หายใจเข้าด้วยการหดตัว ของกระบังลม
    จากสภาพเริ่มต้อน ทรงของกระบังลม เป็นทรงโดมสูงๆ
    พอหดตัวดึงให้แบนราบลง เกิดแรงดูดจนปอดขยายได้

    กระบังลมแบนราบลงนอกจากจะทำให้เกิดการหายใจเข้า ก็จะไปกดดันกับตับและอวัยวะในช่องท้อง
    ทำให้พุงป่องออกมา

    ในจังหวะหายใจออก กล้ามเนื้อกระบังลมคลายตัว ไม่แบนราบ แต่กลับโค้งนูนขึ้นไปในทรวงอกอีกครั้ง
    แรงสปริงของเนื้อเยื่อปอด ก็จะดึงให้ถุงลมพากันยุบตัว เกิดการหายใจออก

    คนไข้ที่หายใจอย่างนี้ แสดงว่า phrenic nerve ที่มี ต้นตอมาจาก c3-c5 spinal segment ยังทำงานได้
    แต่กล้ามเนื้อ ช่วยหายใจส่วนอก และคอ ทั้งหมด นิ่งเฉยไม่ทำงาน แสดงว่า น่าจะเป็น quadriplegia ระดับประมาณ c4

    คนที่ หายใจเองไม่ได้เลย อาศัยเครื่องช่วยหายใจดันลมเข้าปอดก็จะมีลักษณะการหายใจที่คล้ายๆกันนี้ด้วย

    #คนปรกติ เวลาหายใจ ไม่ได้ใช้แต่ กล้ามเนื้อ กระบังลมอย่างนี้
    เขาต้องใช้ กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง (inter costal muscles)
    ที่ทำหน้าที่ ยกซี่โครงขึ้นขณะหายใจเข้า และ กดซี่โครงลง ขณะหายใจออก
    มาช่วยทำให้การหายใจได้ปริมาตรลม มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น

    #คนไข้บาดเจ็บไขสันหลัง ระดับต่ำกว่า T1 ลงมาถึง T11 ย่อมทำให้ กล้ามเนื้อ intercostal muscles
    ทำงานลดลง การหายใจก็จะลดประสิทธิภาพ ลงไปตามส่วนของรอยโรค

    ✍ ดังนั้น #การฟื้นฟูความสามารถการหายใจ สำหรับคนไข้ ไขสันหลังบาดเจ็บ ต้องดูตามระดับของรอยโรค และดูว่า อาการ complete weakness หรือ แค่อ่อนแรงบางส่วน

    ถ้าเหลือแต่กระบังลมที่ทำงานได้ ก็ต้องฝึกกล้ามเนื้อกระบังลมให้แข็งแรง
    ดูแลอย่าให้ท้องอืด แน่นท้อง เพราะถ้าข้างในท้องแน่น จะหายใจเข้าได้ยากขึ้น
    การปรับท่านอน ให้ หัวสูง หรือ อย่าให้ตัวงอ กดพุ่งอึดอัด ก็มีส่วนทำให้ หายใจเข้าง่ายขึ้นบ้าง

    #การสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทำได้ด้วยการออกกำลังกาย เหมือนส่วนอื่นๆ
    ยิ่งหากออกกำลังสู้กับแรงต้าน ยกตัวอย่างเช่น เอาของมีน้ำหนัก ทับพุงเอาไว้ระหว่างฝึกหายใจ หรือ ฝึกหายใจผ่านท่อที่มีแรงต้านลมเข้าออก หรือแค่พยายามหายใจเข้าให้แรงๆ และลึกๆ ตั้งใจเกร็งกล้ามเนื้อ กระบังลมให้แรงกว่าปรกติ เหล่านี้ทำได้ทั้งนั้น

    จะทำกี่ครั้ง ก็แล้วแต่ ต้นทุนคนไข้ ทำน้อย แล้วค่อยๆเพิ่ม จำนวนครั้ง และแรงต้านไปเรื่อยๆ
    ย่อมจะทำให้ กระบังลมแข็งแรงดีขึ้น

    ส่วน คนที่กล้ามเนื้อระห่ว่างซี่โครงยังทำงานได้ดี เหล่านี้ ควรฝึก กล้ามเนื้อ ที่ยังใช้งานได้พวกนี้ให้แข็งแรงด้วย ซึ่งทำได้ ด้วยการ ฝึกหายใจเข้า ยกขยายซี่โครงสู้กับแรงมือที่กดต้านเอาไว้จากภายนอก หรือ ฝึกหายใจออก ผ่านอุปกรณ์ให้แรงต้านของลมหายใจขาออก ต่างๆ

    หลักการ ก็เหมือนเดิม คือ ออกแรงสู้แรงต้าน ทำน้อยครั้ง เพิ่มจำนวน และ เพิ่มแรงต้านขึ้นไปเรื่อยๆ
    การฝึก ก็ง่ายๆ อย่างนี้เองครับ

    การฝึกฝนทาง chest physiotherapy อื่นๆก็อาจทำประกอบกันเพิ่มได้อีก เช่น การฝึก ระบายเสมหะ หรือฝึกการไอ ก็มีส่วนช่วยได้ครับ แต่ไม่ได้จำเป็นต้องทำทุกคนครับ
    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
    นอกจากโพสที่ท่านเพิ่งได้อ่านข้างบนนี้ ที่ เพจ stroke boot camp ยังมีบทความสั้น อ่านง่าย มีประโยชน์สำหรับ การดูแลฟื้นฟู ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ ผู้สูงอายุ ให้ท่านได้อ่านอีกนับร้อยเรื่อง

    กด likes & follow จะช่วยให้ท่านไม่พลาดได้อ่าน บทความใหม่ที่มีมาทุกวันนะครับ

    สำหรับบทความย้อนหลัง ขอเชิญชวนให้ลองเข้าไปอ่านดูตามลิงก์รวมโพสนี้
    http://bit.do/facebook-StrokeBC-link012

    หรือเลือกอ่านเรื่องที่สนใจตามหัวข้อใน All Photos ของเพจ
    http://facebook.com/StrokeBC/photos

    แต่หากท่านมีคำถามอื่นๆ เชิญส่งข้อความมาถามที่เพจ หรือที่ แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู รพ สำโรงการแพทย์ ก็ได้นะครับ ผมจะทยอยรีบตอบให้ครับ

    ด้วยความเคารพ
    นพ ภาริส วงศ์แพทย์


    คลิป https://fb.watch/d0M2TOj5KV/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ข้อสงสัยจากทางบ้าน ครับ
    "ทำไม คนไข้ gait apraxia ถึงได้ฝึกยากนักนะคะ?"

    ‍⚕️
    gait apraxia จะฝึกยากมาก โดยเฉพาะหากพยายามใช้คำสั่ง พูดบอกคนไข้ ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้
    มันเป็นธรรมชาติของ อาการ apraxia อย่างนั้นครับ

    แต่จะฝึกง่ายกว่า หากมีการจับเดิน เช่นการเดินบนสายพาน มีคนพยุงประคองขาก้าวไปๆ หรือเดินบนเครื่องหุ่นยนต์ฝึกเดิน แบบนี้ คนไข้ จะทำตามได้ถูกต้องง่ายกว่าครับ

    เพราะว่า เมื่อมี "บริบท" มาชี้นำ หรือกระตุ้น อย่างนี้ สมองที่เป็น apraxia ซึ่งมีอาการ ริเริ่มการเคลื่อนไหวตามชุดคำสั่ง ไม่ค่อยจะได้ สะดวก พอได้รับสัญญาณ ที่เกี่ยวข้องกับการเดิน เข้ามา "กระทุ้ง" หรือ"กระตุ้น" อีกสักนิดหน่อยมักทำให้ สมองสามารถ ส่งคำสั่งการเคลื่อนไหวนั้น "ทะลุ" แรงเสียดทานออกมาได้ อย่างชัดเจน

    คล้ายกันกับกรณีที่คนไข้ speech apraxia ที่พูดไม่ออก แต่พอโมโห หลุดปากคำด่าออกมาได้ เฉยเลย แต่พอเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ก็พูดไม่ได้เหมือนเดิม

    แสดงว่า บริบท ของสถานการณ์ มีส่วนช่วยเร้า ให้ สมองสั่งการเคลื่อนไหวที่ต้องการ และตรงกับบริบทนั้นได้ง่ายขึ้น

    ฉันไดก็ฉันนั้น คนที่ คิดอยากเดินแต่สมองสั่งไม่สำเร็จ พอถูกจับเดิน ก้าวไป ก้าวไป อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ ง่ายแก่การที่สมองจะสั่งการท่าเดิน ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ออกมาได้กว่า การบอกหรือสั่งอย่างอื่นนะครับ
    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
    นอกจากโพสที่ท่านเพิ่งได้อ่านข้างบนนี้ ที่ เพจ stroke boot camp ยังมีบทความสั้น อ่านง่าย มีประโยชน์สำหรับ การดูแลฟื้นฟู ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ ผู้สูงอายุ ให้ท่านได้อ่านอีกนับร้อยเรื่อง

    กด likes & follow จะช่วยให้ท่านไม่พลาดได้อ่าน บทความใหม่ที่มีมาทุกวันนะครับ

    สำหรับบทความย้อนหลัง ขอเชิญชวนให้ลองเข้าไปอ่านดูตามลิงก์รวมโพสนี้
    http://bit.do/facebook-StrokeBC-link012

    หรือเลือกอ่านเรื่องที่สนใจตามหัวข้อใน All Photos ของเพจ
    http://facebook.com/StrokeBC/photos

    แต่หากท่านมีคำถามอื่นๆ เชิญส่งข้อความมาถามที่เพจ หรือที่ แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู รพ สำโรงการแพทย์ ก็ได้นะครับ ผมจะทยอยรีบตอบให้ครับ

    ด้วยความเคารพ
    นพ ภาริส วงศ์แพทย์

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “Angus Barbieri” ชายที่อดอาหารนาน 382 วัน

    “Angus Barbieri” เป็นชายชาวสก็อตแลนด์ที่เป็นที่รู้จักจากการลดน้ำหนักอย่างสุดโต่ง

    ในปีค.ศ.1965 (พ.ศ.2508) เขามีน้ำหนักตัวถึง 207 กิโลกรัม ซึ่งทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมามากมาย โดยขณะมีอายุเพียง 27 ปี เขาก็มีปัญหาสุขภาพหลายอย่างและมีแนวโน้มว่าจะอายุไม่ยืนนัก

    เมื่อเป็นอย่างนี้ Barbieri จึงตัดสินใจจะลดน้ำหนัก หากแต่ไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างธรรมดา แต่คือการ “อดอาหารนานหนึ่งปี”

    กฎข้อหนึ่งในการลดน้ำหนักครั้งนี้ นั่นก็คือให้แพทย์คอยตรวจร่างกายของเขาในทุกๆ วัน

    แผนแรกคือการอดอาหารรวดเดียว 40 วัน ซึ่งสำหรับ Barbieri นี่คือสิ่งที่ง่ายกว่าที่คิด

    ด้วยน้ำหนักตัวที่มากและสุขภาพที่เสื่อมโทรม Barbieri จึงรู้สึกเบื่ออาหาร ดังนั้นเมื่ออดอาหารไปได้ 40 วัน และแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายของเขา แพทย์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าร่างกายของเขาตอบสนองต่อการอดอาหารได้ดีมาก

    เมื่อเป็นอย่างนี้ Barbieri จึงตัดสินใจจะลดน้ำหนักต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

    สิ่งเดียวที่ Barbieri ทานคือน้ำ กาแฟ ชา และโซดา โดยแพทย์ได้มีการเสริมสารอาหารบางอย่างให้แก่เขา

    โดยรวมแล้ว การอดอาหารครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ถึงแม้อวัยวะภายในของ Barbieri จะเสียหายบ้างก็ตาม

    ภายหลังจากอาหารไปได้ 382 วัน Barbieri ก็ลดน้ำหนักไปได้ถึง 125 กิโลกรัม เหลือน้ำหนักตัวเพียง 82 กิโลกรัมเท่านั้น และตลอดชีวิตของเขา น้ำหนักของเขาก็ไม่ได้ขึ้นหรือลดมากกว่านี้มากนัก โดยเมื่อเขาเสียชีวิตด้วยวัย 51 ปี น้ำหนักเขาขึ้นมาเพียงแค่เจ็ดกิโลกรัมเท่านั้น

    การอดอาหารของ Barbieri ได้รับการบันทึกว่าเป็นสถิติโลกในปีค.ศ.1971 (พ.ศ.2514) หากแต่กินเนสส์ บุ๊ค (Guinness Book) ได้ถอดสถิตินี้ออกในปีค.ศ.2016 (พ.ศ.2559) เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนลอกเลียนแบบ และเป็นอันตราย

    Barbieri เสียชีวิตในปีค.ศ.1990 (พ.ศ.2533) ท่ามกลางความคลุมเครือว่าการเสียชีวิตของเขา เป็นการเสียชีวิตอย่างธรรมดา หรืออาจจะเกิดจากปัญหาสุขภาพและผลกระทบที่อดอาหารอย่างหนัก

    -----

    References: https://historyofyesterday.com/the-man-who-didnt-eat-for-382-days-c79878980bcb
    https://www.odditycentral.com/news/...who-survived-without-eating-for-382-days.html

    https://www.nine.com.au/entertainme...r-a-year/c0192ac3-5905-424b-9310-ecb02b87f2f6

    https://www.diabetes.co.uk/blog/2018/02/story-angus-barbieri-went-382-days-without-eating/

    ต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/posts/628070ee70cc8e8c4aa63ff9

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    BREAKING !! : EU หั่นคาดการณ์ GDP ลงเกือบ 50% !! เหลือเพียง +2.7% พร้อมเพิ่มมุมมองอัตราเงินเฟ้อขึ้นเกือบ 2 เท่าเป็น 6.1% !! หลังเผชิญวิกฤตด้านอาหารและพลังงานจากการคว่ำบาตรรัสเซีย ทำราคาสินค้าและน้ำมันพุ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเงินเฟ้ออาจจะรุนแรงกว่าคาดการณ์ล่าสุดซะอีก
    .
    ⚠️ล่าสุดสหภาพยุโรปได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ EU Zone ในปี 2022 ลงอีกเป็น +2.7% จากเดิมคาดการณ์ไว้ +4% และยังปรับลดเป้าหมายปี 2023 ลงเป็น +2.3% จากเดิมคาดการณ์ไว้ +2.7%
    .
    นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ขึ้นอีกเกือบ 2 เท่าเป็น 6.1% จากเดิมคาดการณ์ไว้เพียง 3.5% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2023 ขึ้นเป็น 2.7% จากเดิม 1.7%
    .
    ⚠️ทั้งนี้ EU ระบุไว้ชัดเจนว่าคาดการณ์ดังกล่าวไม่ใช่จุดสิ้นสุด และอาจมีการปรับเปลี่ยนได้เรื่อย ๆ ตามสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นหรือบรรเทาลง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นจริง มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าคาดการณ์ล่าสุดนี้เสียอีก
    .
    ปัจจัยสำคัญที่เรายังต้องติดตามก็คือปฏิบัติการพิเศษของรัสเซียในยูเครนและการคว่ำบาตรที่ EU ยังขู่ว่าจะใช้กับรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่งหากเกิดขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจของยุโรปเองทรุดตัวลงไปอีกเช่นกัน
    .
    ⚠️แน่นอนว่ายุโรปคือ 1 ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากความขัดแย้งกับรัสเซีย เพราะ EU นั้นมีการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียสูงมากที่สุดในโลกแล้ว (เรียกได้ว่าความหนาวร้อนในครัวเรือนและไฟฟ้าขึ้นกับพลังงานจากรัสเซียเป็นหลักเลยทีเดียว)
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น Bloomberg ยังเปิดเผยอีกว่าการฟื้นตัวจากข้อจำกัดทางด้าน COVID-19 ของ EU น่าจะชะลอตัวลงกว่าที่คาดการร์ไว้ ในขณะที่แรงกดดันจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีก
    .
    ⚠️ตอนนี้ CPI ของยุโรปพุ่งขึ้นถึง 7.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ดังนั้นคงต้องมาวัดกันว่าเกมนี้จะยอมหักกับรัสเซียไปอีกนานแค่ไหน ? เพราะดูเหมือนคนที่เจ็บหนักไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นคนที่คว่ำบาตรเอง
    .
    ดังที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนออกมาเตือนว่า 'ยุโรปอย่าเลือกคว่ำบาตรตัวเองเป็นอันขาด' เพราะผลกระทบที่แท้จริงไม่ได้ตกกับเศรษฐกิจของรัสเซียที่พึ่งพาตัวเองได้ แต่จะตกกับคนที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรจากรัสเซียต่างหากล่ะ
    .
    ⚠️ส่วนประเทศเล็ก ๆ อย่างเราก็คงทำอะไรไปมากไม่ได้ คงทำได้เพียงติดตามข่าวสารกันต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อจะหาโอกาสเก็บส้มหล่นได้บ้าง !
    .
    ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ทางด้านการค้าและการเมืองโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
    --------------------------------------------------------------
    #WorldMaker X #Liberator
    .
    สนใจข่าวหุ้น/การเงิน/เศรษฐกิจ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ทั้งแบบรายตัวและภาพรวม ??? วันนี้ท่านสามารถติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ไปพร้อม ๆ กับเพจ World Maker และเพจหลักทรัพย์ Liberator Securities ได้แล้ว !
    .
    ⚠️โดยทาง Liberator จะมีการอัปเดตข้อมูล-ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจโลกให้ในทุก ๆ วันด้วย และมีแบบเจาะลึกกันรายตัว-รายวันเลยทีเดียว ! ใครสนใจรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมก็ติดตาม Liberator ไว้ได้เลยที่ : https://bit.ly/3kEtXW7
    --------------------------------------------------------------
    #ทันโลก #ทันเหตุการณ์ #ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
    .
    แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็นจากทาง Facebook ซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้
    .
    ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
    --------------------------------------------------------------
    #เศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก #Economic #Economy #ยุโรป #EU #สหภาพยุโรป #เงินเฟ้อ #การเงิน #ลงทุน #หุ้น #ข่าวเศรษฐกิจ #รัสเซีย #คว่ำบาตร
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตั้งแต่เริ่มสงครามสงครามรัสเซีย-ยูเครน Zelensky มั่นใจมาก เหตุผลไม่ได้อยู่ที่Ugin(https://mtg.fandom.com/wiki/Ugin) ที่แข็งแกร่งแค่ไหนในการต่อสู้ แต่เพราะเขาคิดว่าหลังเวทีของเขาแข็งแกร่งพอแล้ว ตะวันตกได้สนับสนุนให้ยูเครนและรัสเซียต่อสู้กัน และตอนนี้ รัสเซียและยูเครน อยู่ในสถานะ ในช่วงสงคราม ความช่วยเหลือจากตะวันตกไม่เพียงแต่เพิ่มปริมาณแต่ยังเพิ่มคุณภาพอีกด้วย สิ่งของที่ไม่กล้าจัดหามาก่อนจะปรากฎในความช่วยเหลือทางทหาร

    ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนมักตั้งความหวังไว้กับสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกเสมอ โดยขอให้พวกเขาจัดหาอาวุธทางทหารให้ยูเครนมากขึ้นเพื่อต้านทานการโจมตีของกองทัพรัสเซีย ดังนั้น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยูเครนจะเข้มข้นขึ้น

    ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนมีความมั่นใจ

    ในข่าวล่าสุด ขีปนาวุธ Brimstone ที่ผลิตในอังกฤษ และเครื่องยิงจรวด RM-70 ที่ผลิตในสาธารณรัฐเช็ก ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ยูเครนอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครไม่รู้จัก อดีตเป็นรุ่นเลียนแบบของอังกฤษของขีปนาวุธ Hellfire ที่ผลิตในอเมริกา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมการทหารของสาธารณรัฐเช็ก การอัพเกรด BM-21 ของสาธารณรัฐเช็ก

    กองทัพยูเครนมีความมั่นใจอย่างเป็นธรรมชาติกับอุปกรณ์ใหม่ และมันยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ในการประกาศด้วย ตอนนี้ ตัวปล่อยจรวดมีอย่างล้นหลาม แม้ว่าเครื่องยิงจรวด RM-70 จะเป็น BM-21 โดยพื้นฐานแล้ว แต่ก็มีประสิทธิภาพในอุดมคติมากกว่าและยังเหมาะมากสำหรับการรบของกองทัพยูเครน ตอนนี้ขีปนาวุธ Brimstone มาถึงแล้ว กองทัพยูเครนได้ติดตั้งไว้บนรถกระบะพลเรือน ด้วยผ้าใบกันน้ำ มันคือรถบรรทุกพลเรือนขนาดเล็ก ค่อนข้างซ่อนเร้นในการหลบหลีก ระหว่างการทดสอบยิง Brimstone และความหนาแน่นของพลังยิงก็ดี

    ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของขีปนาวุธ "Brimstone" คือใช้เลเซอร์กึ่งแอ็คทีฟ + เรดาร์เรดาร์แบบคลื่นมิลลิเมตร โดยมีระยะโจมตีมากกว่า 10 กิโลเมตร

    ด้วยความช่วยเหลือจากตะวันตก ความสามารถในการต่อสู้ของกองทัพยูเครนก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กองทัพรัสเซียเจอตอที่เหนียวแน่น ทุกวันนี้ กองทัพยูเครนกลายเป็นกระดูกที่แข็ง หลังจากผ่านไปนานกว่าสองเดือน การต่อสู้ กองทัพรัสเซียยังไม่ได้รับชัยชนะเด็ดขาด ชัยชนะ พูดได้เพียงเพื่อรักษาความได้เปรียบ แต่ความได้เปรียบไม่ชัดเจน แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ Zelensky มีความสุข ความช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นจากตะวันตกทำให้เขามีความมั่นใจในการต่อสู้ หากเปรียบเทียบให้ดีๆ จะพบว่าในช่วงเริ่มต้นของสงครามเขายังมีจิตใจเป็นคนที่ยังมองโลกทั้งสองด้าน

    แต่ตอนนี้เขาแสดงจุดยืนของเขา ตอนนี้จำเป็นต้องปฏิบัติต่อรัสเซียในฐานะประเทศที่พ่ายแพ้เพื่อจัดการกับปัญหาที่ค้างคาใจให้สาสม

    ตอนนี้เขากำลังประกาศชัยชนะเหนือกองทัพรัสเซียในคาร์คิฟและขับไล่กองทัพรัสเซียจากคาร์คิฟกลับไปยังเขตชายแดนรัสเซีย! นอกจากนี้ เขายังสั่งการตอบโต้เชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ โดยเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูดินแดนทั้งหมด รวมทั้งไครเมียด้วย ที่ปรึกษาประธานาธิบดีของยูเครนยังมองโลกในแง่ดีว่าจะได้รับความช่วยเหลือทางทหารจำนวนมากในเดือนพฤษภาคม อุปกรณ์ที่เพียงพอจะพร้อมใช้งานในเดือนมิถุนายน และการโจมตีตอบโต้ครั้งใหญ่จะเริ่มในเดือนกรกฎาคม

    ภายนอกอาจจะดูเหมือนว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและมันค่อนข้างดีสำหรับยูเครนแต่สถานการณ์โดยรวมของสงครามไม่ได้เปลี่ยนแปลงและยูเครนยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้มันกำลังจะเปิดตัว โต้กลับที่เกาะงู แต่แท้จริงแล้ว มันเกิดแต่ตัวมันเองเท่านั้น เสียมากกว่า แม้ว่ากองทัพรัสเซียจะประสบปัญหาบางอย่าง แต่สถานการณ์โดยรวมยังมองโลกในแง่ดี กองทัพรัสเซียยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ Pembas และได้ค้นพบความก้าวหน้าบางอย่าง

    ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน รัสเซียยังคงมีกำลังทหารที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ไม่ปล่อยมือและเท้าของตน ส่งผลให้การรบดำเนินไปอย่างคืบหน้า แม้ว่าการสูญเสียกองเรือทะเลดำทำให้ประเทศตะวันตกและยูเครนเยาะเย้ยมาเป็นเวลานานและตอนนี้กองทัพรัสเซียในระดับสูงก็มีสติและตัดสินใจที่จะเกร็งกล้ามเนื้อต่อหน้ายูเครน

    ตามรายงานของสื่อ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กองทัพรัสเซียในภูมิภาคยูเครนตะวันออกได้รวมการยิงปืนใหญ่ไว้ที่แนวหน้า 500 กิโลเมตรจากคาร์คิฟถึงโดเนตสค์ เป้าหมายทางทหารมากกว่าพันชิ้นถูกทำลาย และแม้แต่สื่อของสหรัฐฯ ก็ร้องอุทานว่าการรบครั้งนี้ ของ Donbas "ดูเหมือนจะเข้าสู่ช่วงวิกฤต"

    เป็นที่เข้าใจกันว่ารัสเซียได้ทุ่มกำลังรบไปมากในยูเครนตะวันออก กองทัพยูเครนได้พ่ายแพ้ไปในแนวรบด้านยาวในสองทิศทางที่แตกต่างกัน กองทัพรัสเซียได้ยึดตำแหน่งบางส่วนไว้ ตัวแทนของกองทัพยูเครนชี้ว่า อาจเป็นเพราะประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นของกองทัพรัสเซียและการเปลี่ยนยุทธวิธีอย่างกะทันหัน บุคลากร กองทัพตะวันตกที่มักจะกังวลกับสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนวิเคราะห์ว่าสถานการณ์เชิงกลยุทธ์ในปัจจุบัน ของกองทัพยูเครนนั้นแย่มาก เพราะตอนนี้กองทัพยูเครนกำลังเผชิญกับอันตรายจากการถูกโจมตีทั้งสามด้าน และเป้าที่กองทัพรัสเซียวางไว้ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

    ตามรายงานของกองทัพยูเครน หน่วยรบระดับกองพันสองกลุ่มของกองบินที่ 76 ของรัสเซียได้ย้ายจากเมือง Belgorod ของรัสเซียไปยังภูมิภาค Izum ในยูเครน นอกจากนี้ "Iskander-M" ของรัสเซียอีก 2 กลุ่มคือ "หน่วยขีปนาวุธ" ด้วยเช่นกัน ประจำการจากเมืองเบลโกรอดและกองทัพรัสเซียกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อพยายามบุกทะลวงจากพื้นที่ Izum ซึ่งได้กลายเป็นการชุมนุมที่สำคัญสำหรับกองทัพรัสเซียเพื่อบุกไปยังภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮันสค์ ในปัจจุบัน กองทัพรัสเซีย กำลังเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่เหล่านี้จากสามทิศทางจากตะวันออกเฉียงใต้ไปทางเหนือ

    จากการวิเคราะห์โดยสถาบันวิจัยการสงครามแห่งอเมริกา ยุทธวิธีของรัสเซียก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเช่นกัน เพื่อที่จะรักษาประสิทธิภาพการรบที่ดียิ่งขึ้นของกองทัพรัสเซีย กองทัพรัสเซียได้เคลื่อนไปข้างหน้าตามถนนคู่ขนานคร่าว ๆ หลายเส้นภายในระยะห่างของการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ตามที่นักวิเคราะห์การทหารของสหรัฐกล่าวว่าเหตุผลที่รัสเซียเปลี่ยนยุทธวิธีเป็นเพราะกองทัพรัสเซียเรียนรู้บทเรียนของความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ที่ Kyiv!

    อีกเหตุผลหนึ่งคือในภาคเหนือของภูมิภาค Donbas กองทัพยูเครนยังไม่ได้สร้างตำแหน่งป้องกันเพื่อป้องกันการโจมตีของกองทัพรัสเซีย กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่านอกเหนือจากเป้าหมายในสนามรบ Donbas กองทัพรัสเซีย จะอยู่ห่างจากแนวหน้าเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานมีเป้าหมายหลักจากรางรถไฟในยูเครนตะวันตกไปจนถึงคลังเชื้อเพลิงและอาวุธทุกที่

    ตอนนี้การเจรจาน่าเป็นไปไม่ได้

    กองทัพรัสเซียที่แข็งแกร่ง 100,000 คนได้เปิดตัวการโจมตีเต็มรูปแบบและปูตินได้ตัดสินใจ"การต่อสู้ครั้งสุดท้าย"

    ตอนนี้ Zelensky หมดความหวังกับความช่วยเหลือจากภายนอกแล้ว การขอตัวเองแย่กว่าการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แล้วเขามีบทบาทอย่างไร? สิ่งที่เสียเปรียบที่สุดสำหรับยูเครนคือรัสเซียไม่ได้ตั้งใจที่จะดำเนินการเจรจาสันติภาพต่อไปและไม่มีการหยุดในการต่อสู้กับยูเครน รัฐ Kherson เพิ่งประกาศว่าจะเข้าร่วมรัสเซียซึ่งหมายความว่าจะไม่มีโอกาส สำหรับการเจรจาสันติภาพในอนาคต

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรื่องเล่าขนหัวลุก "เริ่มงานวันแรก"

    ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ เรียนมาไม่สูง ขัดใจพ่อแม่ ไม่อยากทำนา ดิ้นรนมาอยู่ในกรุงเทพฯ ผมว่านะ คนเราถ้าไม่เกี่ยงงาน คงหางานได้ไม่ยาก

    ผมหางานอยู่ไม่ถึง 2 เดือน พอดีเจอป้ายรับสมัคร ร.ป.ภ. ผมก็เดินเข้าไปทันที เพราะยังไงก็เอาไว้ก่อน ยังได้เงินมาแชร์ค่าห้องกับเพื่อนได้ เพราะเกรงใจมัน ถึงมันจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม

    พอผมบอกเขาว่า ผมเพิ่งผ่านการเกณฑ์ทหารมา เขาก็รับทันที ผ่านฉลุย แล้วพอดีเขากำลังขาดคนอยู่ด้วย เขาให้ผมเขาเวรกะกลางคืน และให้ผมเริ่มงานพรุ่งนี้เลย ให้ไปประจำอยู่คอนโดฯ ย่านลาดพร้าว ผมตอบตกลงด้วยความดีใจ ส่วนเรื่องเครื่องแบบ เขาจะทะยอยหักจากเงินเดือนเอา

    วันรุ่งขึ้น ผมก็ไปคอนโดฯ เกือบทุ่ม ตามแผนที่ๆ พี่เขาเขียนให้ ผมเจอ ร.ป.ภ.ผลัดกลางวัน อายุน่าจะอ่อนกว่าแม่ผม
    ผม "สวัสดีครับ น้า"
    น้า "เออ...หวัดดี มาใหม่เหรอ?"
    ผม "ใช่ครับ...เพิ่งเคยทำวันแรกด้วยครับ แหะ แหะ" ผมตอบแบบเขินๆ น้าหันมามองหน้าเฉยๆ
    น้า "ตามมาดูนี่"
    น้าพาผมไปดูโต๊ะที่ต้องนั่งเฝ้าที่หน้าประตูทางขึ้น
    น้า "นี่สมุดบันทึก...นี่โทรศัพท์... นี่ห้องน้ำ"

    น้าเป็นคนพูดไม่เยอะมากนัก พูดคนเดียว สั้นๆ ผมก็ฟังอย่างเดียว
    แต่ก่อนน้าจะหิ้วกระเป๋ากลับ น้าหันมาบอกผมสั้นๆ อีก

    "อยู่ให้นานๆ ล่ะ"

    แล้วก็เดินไปโดยที่ไม่ได้มองที่ผมไหว้สวัสดีด้วยซ้ำ
    ที่แกพูดแบบนี้ น่าจะหมายถึงคนสมัยนี้ทำงานไม่อดทนกันล่ะมั้ง? แต่ไม่ใช่คนอย่างผมแน่นอน

    ผมเดินตรวจตราไปรอบๆ เพิ่งสังเกตว่า คอนโดฯ นี้ไม่ได้สูงมาก มีแค่ 5 ชั้น แต่ๆ ละชั้น จะมีหลายห้องมาก
    ช่วงหัวค่ำคนที่เช่าอยู่ก็ทะยอยกลับกันมาเรื่อยๆ ผมก็ตะเบ๊ะมันดะไปเรื่อย จนตกดึกบรรยากาศก็เริ่มสงบเงียบ รวมทั้งคอนโดฯ ด้วย แทบไม่ได้ยินเสียงออกมาจากห้องไหนเลย

    ผมเดินไปเดินมา เอาไฟฉายส่องไปเรื่อย แล้วก็กลับมานั่ง แล้วก็ออกไปเดินอีก...สงสัยพรุ่งนี้ต้องซื้อการ์ตูนมาอ่านแก้เซ็งด้วยแล้ว

    ประมาณตี 2 ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆ โทรศัพท์ที่โต๊ะผมก็ดังขึ้น ทำเอาตกใจ ไฟหน้าจอกระพริบอยู่ที่ห้อง 303 ผมรีบยกหูโทรศัพท์ เป็นเสียงผู้หญิงน้ำเสียงร้อนรน

    ญ "นี่..คุณ ช่วยมาดูห้อง 304 หน่อย ทะเลาะกันเสียงดังมาก"
    ผม "ครับๆ จะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้ครับ"

    ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปที่ชั้น 3 เห็นห้อง 304 อยู่ตรงหน้าบันไดทางขึ้นพอดี ผมรีบไปเปิดแผ่นรายการผู้เช่าห้อง ปรากฏว่า ห้อง 304 "ไม่มีคนเช่าอยู่"

    ผมเอาหูแนบที่ประตูห้อง 304 ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร
    "โดนแกล้งรับน้องใหม่รึไงเนี่ย?" ผมคิดในใจ แล้วเดินลงบันไดด้วยความเซ็ง
    พอลงไปนั่งที่โต๊ะร.ป.ภ. แป้บเดียว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
    "ห้อง 303 อีกละ"

    ผม "ฮัลโหล..."
    ญ "คุณขึ้นมาดูหรือยัง? ห้อง 304 เค้าทะเลาะกันหนักมากนะ"
    ผม "คุณอำผมเล่นหรือเปล่า? ห้อง 304 ไม่มีคนเช่าอยู่"
    ญ "เค้าเริ่มตบตีกันแล้ว ไม่รู้จะฆ่าแกงกันหรือเปล่า?"
    ผม "คุณแน่ใจเหรอครับ?"
    ญ "จริงๆ คุณรีบขึ้นมาดู"

    ผมเริ่มงงๆ หรือคนเขาลืมบันทึกว่ามีคนเช่า. หรือผมดูผิด แต่เมื่อกี๊ก็ไม่เห็นมีเสียงอะไรนี่หว่า?
    ผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ไม่รีบเหมือนครั้งก่อน
    ผมเปิดดูแผ่นรายการผู้เช่า ห้อง 304 ก็ไม่มีคนอยู่นี่ ผมไม่ได้ดูผิด
    ผมเอาหูแนบประตูห้อง 304 ครู่ใหญ่ อีกครั้งเพื่อความชัวร์...เงียบกริบ...
    ตอนนี้ผมอยากเจอหน้าเจ้าของห้อง 303 มากกว่า

    ผมเดินกลับมานั่งโต๊ะด้วยความเซ็ง มาวันแรกก็โดนแกล้งซะเหนื่อยเลย ทันใดนั้น...โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก จากห้อง 303!!!
    ผมเริ่มมีอารมณ์ "ว่างมากหรือไงวะ?...ไม่ขำนะโว้ย"
    ผมคิดในใจก่อนรับสายอีกครั้ง

    ผม "ว่าไงครับ?
    ญ "นี่คุณ...เขาทะเลาะกันรุนแรงมาก เสียงดังลั่นไปหมด เขาจะฆ่ากันแล้ว ฉันกลัว..ฉันกลัว...คุณขึ้นมาดูที"

    ผมเซ็งสุดๆ ไม่อยากจะเชื่อเธอ แต่น้ำเสียงที่หวาดกลัว และร้องไห้ไปด้วยนี่...สมจริงมากๆ
    ผมตัดใจ เดินขึ้นไปดูเที่ยวสุดท้าย ถ้าไม่มีอะไรล่ะก็ ผมขอคุยกับห้อง 303 เลยดีกว่า

    ผมเดินไปถึงห้อง 304 คราวนี้ผมได้ยินเสียงคนทะเลาะกันโวยวายออกมาจากห้อง 304
    ผมงงไปหมด เหงื่อเต็มมือไม่รู้จะทำยังไงดี
    ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาที่ประตูช้าๆ
    ทันใดนั้น ประตูห้อง 304 ก็เปิดออก ผมเห็นข้าวของในห้องกระจัดกระจาย มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่พื้นหน้าประตู เหมือนจะหนีออกมาแต่ล้มลงก่อน
    และผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่กางเกงยีนส์แต่ไม่ใส่เสื้อ กำลังถือปืนในมือ. ผมยืนอึ้งกับสิ่งที่เห็น ผู้ชายคนนั้นหันกระบอกปืนมาทางผม แล้วพูดว่า "ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรือ..มึง"

    พูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็ลั่นไก... "ปัง"
    ผมรู้สึกเหมือนกระสุนทะลุร่างผมไป ผมรู้สึกเจ็บแปล้บที่หน้าอก ร่างของผมร่วงลงบันไดไปและ...หมดสติไป....

    ผมมารู้สึกตัวอีกทีเพราะมีพี่คนนึงมาปลุกให้ผมลุกขึ้นที่ขั้นพักบันได
    ช "น้องๆ มานอนตรงนี้ทำไม?"
    ผม "ผม..ไม่ทราบครับ หัวผมยังมึนๆ อยู่เลยนรับ"
    ช "ไปๆ ไปนั่งพักห้องพี่ก่อน ดีขึ้นแล้วค่อยไป"
    พี่เขาประคองผมค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วพาผมไปที่ห้อง 303!!!

    ผมลงนั่งที่เก้าอี้ กำลังทบทวนว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่?.....ซักพัก ผมก็นึกได้ แล้วถามพี่เค้าว่า...

    ผม "เอ้อ...พี่ครับ..โทษนะครับ...แล้วผู้หญิงที่อยู่ห้องนี้ล่ะครับ?"
    พี่เขาหันมายิ้มๆ
    ช "ผู้หญิงที่ไหน? ผมพักอยู่คนเดียว"

    ผมนี่ อึ้งไปเลย งงซ้ำซ้อนมาก แล้วรู้สึกขนเริ่มจะลุก ห้องนี้มีบรรยากาศแปลกๆ พี่เขาก็เดินหายไปพักใหญ่แล้ว ผมเลยเดินหนีออกมาจากห้อง
    ผมนั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไปๆ มาๆ หลายรอบเหมือนผีดิบ จนน้ามาเข้าเวรเช้า ผมก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เจอให้น้าฟัง น้าเขามองหน้าผม แล้วหยิบสมุดบันทึกผู้เช่ามาจากลิ้นชักใต้โต๊ะ ที่เมื่อคืนผมไม่คิดจะเปิดดูเลย
    ผมเห็นห้อง 304 เขียนไว้ว่า "ไม่มีผู้เช่า" พอเลื่อนสายตาไปที่ห้อง 303 ก็ "ไม่มีผู้เช่า" เหมือนกัน!!!

    น้าเขาแตะที่บ่าผม แล้วพูดแค่ว่า "กลับไปพักผ่อนซะ"

    ผ่านไปเกือบเดือน ผมยังคาใจมาก ว่าที่จริงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเลยหาเวลามาหาร้านข้าวแกงกินแถวๆ คอนโดฯ แล้วถามป้าเจ้าของร้านว่าคอนโดฯ นี้ มีอะไรหรือเปล่า? (ป้าดันจำหน้าผมได้ด้วยว่าเคยเป็น ร.ป.ภ.ที่นี่) จนได้ยินคำถามแรกจากป้า "เจอมาแล้วเหรอ?"

    ป้าเล่าว่า ห้อง 304 เคยมีแฟนคู่นึงมาเช่าอยู่ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ฝ่ายหญิงขอเลิก แต่ฝ่ายชายไม่ยอม เลยมีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต พอดีผู้ชายที่พักห้อง 303 เข้ามาห้ามไม่ให้มีเรื่องกัน เลยโดนฝ่ายชายยิงตาย ตกบันไดลงมาตรงที่ขั้นพัก แล้วฝ่ายชายก็ยิงผู้หญิงตาย แล้วยิงตัวตายตาม
    "ไม่สังเกตเหรอ? ว่าทำไมชั้น 3 ไม่มีคนพักเลย"
    ประโยคเด็ดสุดท้ายจากป้า ...ผมเพิ่งมาวันแรก ผมไม่รู้เรื่องอะไรเล้ย

    ผมได้คำตอบครบถ้วนสมบูรณ์จากป้า ไม่มีอะไรคาใจแล้ว แต่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ผมยังเป็นร.ป.ภ.เหมือนเดิม แต่ย้ายไปประจำที่คอนโดฯ อื่น และเข้าเวรพร้อมกันหลายคนครับ

    อ้อ...หลายคนสงสัยว่า แล้วเสียงผู้หญิงที่โทรจากห้อง 303 คือใคร?
    ผมเดาเอานะ วิญญาณผู้หญิงในห้อง 304 คงอยากขอความช่วยเหลือนะ คิดว่า
    .............................................
    #ขนหัวลุก #ความเชื่อ #ลึกลับ #หลอน #ลี้ลับ #เรื่องเล่า #เรื่องเล่าขานตำนานลี้ลับ

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรื่องเล่าขนหัวลุก "ห้องสุดท้าย"

    เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยผมเป็นนักศึกษา ชึ่งบ้านผมห่างจากมหาวิทยาลัยมาก ไป-กลับทุกวัน จนรู้สึกเหนื่อยมาก เลยสอบถามห้องพักจากเพื่อน เพื่อนผมเลยแนะนำว่า ให้มาพักหอพักที่เขาเช่า อยู่ใกล้มหาลัยเลย เพราะมีอยู่ 3 ตึก ผมก็ไปดูห้องของเพื่อน รู้สึกชอบมาก เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

    พอผมไปถามเข้าจริงๆ ห้องพักทุกตึกเต็มหมด จนผมไปเจอป้าที่ดูแลตึกที่ 3 เลยให้สินน้ำใจแกไป 100 บาท บอกว่า ถ้ามีห้องว่าง ให้บอกผมทันทีเลย

    ตอนที่ผมบอกแกช่วงบ่ายๆ พอ 6 โมงเย็น แกก็โทรมาบอกผมว่า มีห้องว่างอยู่ห้องนึง ผมดีใจมาก รีบเก็บข้าวของ ย้ายของไปอยู่วันนั้นเลย

    พอผมไปถึง

    ป้า "ป้าคิดเดือนละ 2,000 นะ" ผมก็งง เลยถามว่า
    ผม "เดือนละ 2,500 ไม่ใช่เหรอ?"
    ป้า "ไม่เป็นไร"
    ผม "แล้วล่วงหน้าอีก 7,500 รึเปล่า?"
    ป้า "ป้าคิด 4,000 ก็แล้วกัน ห้องอยู่ชั้น 4 กลัวเธอเดินขึ้นหลายชั้นจะเหนื่อย"

    ผมก็ยิ่งงง แล้วก็วางเงินให้ป้าทำสัญญาไป แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก เพราะอารามอยากจะได้ห้อง

    ป้าเดินขึ้นไปส่งผมถึงชั้น 3 แล้วก็ยื่นกุญแจให้ บอกว่าห้องผมเลี้ยวขวาไป อยู่ห้องสุดท้าย
    ผมก็ยังไม่คิดอะไร หิ้วของพะรุงพะรังไปที่ห้อง 413

    พอผมไขกุญแจเข้าไป ก็เห็นมียันต์ "ท้าวเวชสุวรรณ" แปะไว้ในห้องด้วย!!
    ผมลงมาขนของอีกรอบ มีร.ป.ภ. ของหอพักมาช่วยยกพัดลมขึ้นไปส่งที่ห้อง เราก็คุยกันไปเรื่อย จนร.ป.ภ. ถามผมว่า

    ร.ป.ภ. "พักที่ห้องไหนครับ?"
    ผม "พักห้อง 413 ครับ"
    พอร.ป.ภ.ได้ยิน ก็วางพัดลมลงทันที แล้วอ้างว่ารีบจะไปซื้อกับข้าวก่อน
    ผมเลยต้องหอบของเข้าไปห้องคนเดียว

    คืนแรกที่ผมนอนเคลิ้มๆ เหมือนๆจะหลับ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาดีมาก นั่งอยู่ที่เก้าอี้พลาสติกที่ปลายเตียงติดกำแพง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินมาหาผมที่ข้างๆ เตียง ส่งยิ้มให้ แล้วพูดว่า

    ญ "ขออยู่ด้วยคนได้มั้ย?" ผมสลึมสลือ แล้วตอบไปว่า
    ผม "นี่มันห้องของผม คุณจะมาอยู่ได้ไง?"

    เธอได้ยินผม เธอก็เปลี่ยนสีหน้าจากยิ้ม เป็นสายตาโกรธแค้น ในตาแดงก่ำ แล้วตวาดใส่
    ญ "กูจะมาอยู่ห้องนี้กับมึง!!"

    ผมตกใจตื่น รีบวิ่งไปเปิดไฟทุกดวง เหงื่อแตกเต็มตัว มองดูที่นาฬิกา 1:30
    ผมโทรไปเรียกเพื่อนให้มานอนเป็นเพื่อน เพื่อนเลยบอกว่า ผมควรจะไปทำบุญ ถวายสังฆทานบ้าง รุ่งเช้า ผมก็ไปถวายสังฆทานให้เธอ

    คืนที่ 2 อาการเดียวกัน ผมเคลิ้มๆ จะหลับ ผู้หญิงคนเดิม เดินเข้ามาหาผม แล้วคราวนี้ปีนขึ้นมานั่งทับหน้าอกผม พยายามจะบีบคอผม ผมสวดมนต์มั่วซั่วไปหมด เธอก็ไม่หายไป จนสุดท้าย ผมก็ตะโกนสุดเสียงว่า "แม่..."
    วิญญาณนั้นก็หายไป
    ผมกลัวมาก ไม่คิดว่าจะมาเจอหนักขนาดนี้
    ผมมองไปที่นาฬิกา 1:30

    คืนที่ 3 คืนนี้ผมโทรเรียกเพื่อนให้มานอนเป็นเพื่อน แต่มันดันติดงานเลี้ยง มาไม่ได้ ผมก็พยายามฝืนขืนตาไม่ให้หลับ แต่คราวนี้ เธอมาปรากฏกายทั้งๆ ที่ผมยังตื่นอยู่เลย

    แต่คราวนี้ ไม่เหมือน 2 คืนก่อน วันนี้ เธอไม่สนใจผมเลย เธอเดินลากเก้าอี้จากกำแพงไปใต้พัดลมที่ปลายเตียงของผม ที่คอเธอมีเชือกมัดขมวดปมอยู่!!

    ผมตัวแข็งทื่อ ขยับตัวไม่ได้ สวดมนต์ นึกถึงแม่ เธอก็ไม่หายไป
    เธอค่อยๆ ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ แล้วเอาปลายเชือกอีกข้าง ผูกไว้กับพัดลมเพดาน แล้วก็ถีบเก้าอี้ล้มลงเหมือนในหนัง

    เธอดิ้นทุรนทุราย มือก็กำอยู่เชือกตรงคอ

    เธอดิ้นพราดๆ อยู่พักนึง ลิ้นก็ออกมาจุกที่ปาก แขนทั้ง 2 ข้างหมดแรง ห้อยอยู่ข้างๆ ลำตัว ห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น

    ผมกลัวจนฉี่ราดเต็มกางเกงบ็อกเซอร์ไม่รู้ตัว
    แต่ก่อนที่ผมจะลุกขี้นวิ่ง เธอก็ลืมตาขี้นมา แต่คราวนี้ "ไม่มีตาดำ" แล้วเธอก็เริ่มหัวเราะอย่างสะใจ ฮ่า ๆ ๆ ....
    เสียงหัวเราะไม่ได้ดังเหมือนปกติ แต่มันดังอยู่ข้างๆ หูผมนี่เอง

    ผมรีบวิ่งออกไปนอกห้อง ตั้งสติอยู่ที่ระเบียง หันมองกลับเข้าไปในห้อง เห็นพระพุทธรูปหมุนกลับเอาด้านหน้าเข้ากำแพง และเห็นเก้าอี้พลาสติกล้มอยู่ที่กลางห้อง!!

    ผมวิ่งลงไปชั้นล่าง เจอ ร.ป.ภ. ผมนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น. พูดอะไรไม่ออก ร.ป.ภ.ก็ได้แต่ถามปลอบใจผม
    ร.ป.ภ. "เป็นอะไร..พ่อหนุ่ม ใจเย็นๆ"

    พักใหญ่ พอผมได้สติคืนมา ผมก็ขอยืมโทรศัพท์ของ ร.ป.ภ.โทรเรียกเพื่อนให้มารับ
    เพื่อนผมก็มารับผมไปนอนบ้านมัน แล้วผมก็เล่าเรื่องที่เจอให้มันฟัง

    รุ่งเช้า ผมขอให้เพื่อน 4 คน ไปช่วยเก็บของในห้องให้ แต่ผมไม่กลับเข้าไปในห้องอีก
    พอเก็บเสร็จ ผมก็ไปหาป้า คนดูแลตึก

    ผม "ป้า บอกมานะ ว่าห้องนี้มันมีอะไร?"
    ป้า "ก็ไม่มีอะไรนี่" ผมเลยเล่าทุกอย่างที่ผมเจอให้ป้าฟัง

    ผม " ป้า..ถ้าป้าไม่เล่าความจริงมานะ ผมจะป่าวประกาศให้คนที่นี่รู้ให้หมด ว่าที่นี่มีอะไร.. แล้วคิดดู ว่าถ้าไม่มีคนเช่าตึกนี้ เจ้านายป้า เขาจะว่าไง?"

    ป้าเจอไม้นี้ของผมเข้า เลยยอมเล่าความจริงให้ฟังว่า
    ห้องนี้ เคยมีนักศึกษา 2 คน เป็นแฟนกันตั้งแต่ปี 1-4 แต่มีวันนึง ผู้ชายแอบไปเที่ยว แล้วโพสเฟสบุ้คกับแฟนอีกคน ฝ่ายหญิงเลยผูกคอตาย แล้วฝ่ายชายกลับมาเจอศพตอน 1:30

    ช่วงแรก ชั้น 4 ทั้งชั้น ไม่มีใครอยู่ได้ เพราะโดนหลอกกันถ้วนหน้า อย่างเบาะๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้
    สุดท้าย ก็ต้องทำบุญใหญ่ และสะกดวิญาณให้อยู่แต่ในห้องนั้น เป็นที่มาของยันต์ "ท้าวเวชสุวรรณ" ผู้ควบคุมวิญญาณ

    และร.ป.ภ.ก็เล่าว่า ที่จริงห้องนี้ ก็ปิดตายมาหลายปีแล้ว

    .............................................
    #ขนหัวลุก #ความเชื่อ #ลึกลับ #หลอน #ลี้ลับ #เรื่องเล่า #เรื่องเล่าขานตำนานลี้ลับ

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรื่องเล่าขนหัวลุก "เสียงใครในห้อง"

    มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมได้ถูกส่งไปฝึกงานที่บริษัทแถวๆ สีลม แล้วบ้านผมอยู่ทางไปนครนายก มันเลยเกิดความไม่สะดวกในการเดินทางเพราะไกลมาก ผมเลยตัดสินใจเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ เอาให้ใกล้ที่ทำงานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือใช้เวลาเดินทางไม่มากนัก และที่สำคัญ ต้องไม่แพง เพราะผมฝึกงานแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเช่าแพง พอให้เป็นที่ซุกหัวนอนได้ก็พอ ผมเริ่มตระเวนหาที่อยู่ แต่ไปที่ไหนส่วนมากก็จะเต็มหมด หรือไม่ก็ต้องจ่ายล่วงหน้า 3 เดือน ถ้าออกก่อนจะไม่ได้เงินคืนอะไรประมาณนี้ จนฟลุ๊กๆ ได้ไปเจออพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งตามคำแนะนำของวินมอเตอร์ไซค์ที่ผมซ้อนมา พี่เค้าแนะนำว่าที่ท้ายซอย (ขอไม่ระบุสถานที่) มีอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ราคาไม่แพงมาก ลองเข้าไปถามดู ผมก็ไปตามที่พี่วินบอกแล้วก็ได้จริงๆ เป็นอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ 3 ชั้นได้ ราคาไม่แพง ที่สำคัญ ไม่ต้องมีค่ามัดจำ แค่จ่ายเงินค่าเช่าก็เข้าอยู่ได้เลย ผมก็จัดแจงขนเสื้อผ้าข้าวของเข้าอพาร์ทเม้นท์ในวันต่อมาเลย อพาร์ทเม้นท์นี้ค่อนข้างจะเก่า แต่ก็สะอาดดี ในห้องไม่มีอะไรเลย มีแต่ห้องว่างๆ กับพัดลมเพดานเก่าๆ เวลาเปิดมันก็จะแกว่งไปแกว่งมาเหมือนจะหลุดลงมายังงั้น แต่ผมก็ไม่คิดอะไร เอาวะทนๆ อยู่หน่อย แค่วันทำงาน เสาร์อาทิตย์ก็ไปนอนบ้าน ว่าแล้วผมก็จัดแจงเอาเสื้อผ้าออกมากองๆ ไว้ที่มุมห้อง เอาเสื่อพับได้ที่ติดตัวมาปูที่พื้นเป็นที่นอน พอทุกอย่างเรียบร้อยก็อาบน้ำพักผ่อน..

    เวลาผ่านไปไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดี จนมีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่กำลังนอนเพลินๆ หูผมก็ได้ยินเสียง ‘เพี๊ยะๆๆ’ เหมือนคนเอาอะไรฟาดลงพื้น แต่เสียงนั้นไม่ได้เกิดที่พื้น แต่มันดังมาจากเพดาน แถวๆ พัดลม ผมก็ลุกไปเปิดไฟดู ในใจคิดว่าพัดลมมันจะพังลงมาหรือเปล่า เสียงมันแปลกๆ พอเปิดไฟ เสียงนั้นก็เงียบไป ผมสังเกตดูที่พัดลม ก็ปกติดี ยังดูแข็งแรงพอได้ แค่มันแกว่งๆ เท่านั้น ผมก็ล้มตัวนอนต่อ พอหลับตา เสียงนั้นก็มาอีกแล้ว ‘เพี้ยะๆๆๆ’ เป็นงี้ พอลุกไปเปิดไฟ เสียงก็หายไป แต่ด้วยความง่วง และห่วงว่าจะต้องตื่นไปทำงาน ผมเลยทำใจหลับไป ไม่คิดอะไร

    คืนต่อมา ผมก็ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว ‘เพี๊ยะๆๆๆๆ’ แบบนี้ บางทีก็ถี่ๆ บางทีก็หายไปช่วงนึง แล้วได้ยินใหม่ ทีนี้ผมตั้งใจฟังดีๆ มันดังมาจากเพดาน ผมนึกในใจ ไอ้ห้องข้างบนแน่ๆ มันต้องทำอะไร เสียงมันเหมือน คนกระโดดเชือก ที่เชือกฟาดลงมาบนพื้นดังเพี้ยะๆๆๆ ตั้งใจว่ารอวันหยุดก่อน จะเดินขึ้นไปคุยกับห้องข้างบนให้เกรงใจกันหน่อย ผมต้องทนฟังเสียงนั้นอีกหลายวัน จนถึงวันหยุด.. สายๆ ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปห้องชั้นบนที่ตรงกับห้องผม แล้วเคาะประตู คนที่มาเปิดเป็นผู้ชาย อายุน่าจะมากกว่าผมนิดหน่อย ผมก็ยกมือไหว้ แล้วพูดกับเค้าดีๆ ว่า ‘เออ..พี่ครับ ห้องพี่ทำอะไรเหรอครับ เสียงมันดังลงไปห้องผมเลย’ พี่ชายคนนั้นทำหน้างงๆ ถามผมต่อ ‘เสียงอะไรเหรอ?’ ผมก็อธิบายให้พี่แกฟัง ‘เสียง เพี๊ยะๆๆ อะครับ เหมือนห้องพี่โดดเชือกเล่น เสียงมันสะท้องลงไปที่เพดานห้องผม กลางคืนผมนอนไม่หลับเลยครับ รบกวนพี่เบาๆหน่อยได้ไหมครับ?’ พี่ชายคนนั้นรีบบอกผมกลับมา ‘เออ..พี่ว่าจะลงไปบอกเหมือนกัน ว่าที่ห้องน้องทำอะไร พี่ก็ได้ยินเสียงแบบนี้สะท้อนขึ้นมาที่พื้นห้องพี่เหมือนกัน..’ อ้าว ผมก็งงสิทีนี้ ผมเลยถามกลับไป ‘พี่ได้ยินตอนไหนครับ?’ พี่แกบอก ‘ทั้งวันแหละ บางวันพี่ไม่ได้ไปทำงาน นอนเล่นอยู่ห้อง เช้ามาพี่ก็ได้ยินละ บางทีกลางวันพี่จะนอนเล่น ก็ได้ยิน ไม่เชื่อถามแฟนพี่สิ..’ ว่าแล้วแกก็หันไปมองหน้าแฟนแก แฟนก็พยักหน้าบอกผม ‘ใช่ๆ พี่ หนูอยู่ห้องทั้งวันก็ได้ยิน..’ ผมถามต่อ ‘ได้ยินทุกวันตอนเช้า กลางวัน ด้วยเหรอครับ?’ ทั้งพี่ชายและแฟนเค้าพยักหน้าพร้อมกัน แล้วตอบว่า ‘ใช่!!!’ ผมกลับมาที่ห้องด้วยความสงสัย แต่ก็ช่างมัน แล้วผมก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำ ออกมานอนเล่นในห้อง แล้วเผลอหลับไป.. ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้นอีก ผมก็คิดในใจ เสียงดังตอนกลางวันด้วยจริงๆ แฮะ แต่ผมก็นอนต่อ แล้วผมก็ฝันครับ ว่าตัวเองลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องนี่แหละ แต่สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือ ร่างของผู้หญิงที่แขวนคออยู่กับพัดลม และเหวี่ยงไปมาตามแรงพัดลม โอ้โหตอนนั้นผมแทบช้อคครับ จนผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจริงๆ ผมมองที่พัดลม คราวนี้ล่ะ สมองผมเริ่มประมวลความคิด ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงความฝันเมื่อครู่ แล้วรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วออกจากอพาร์ทเม้นท์นั้นเลย ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว คิดในใจ ได้ยินเสียงนั้นกันทั้งวัน เช้า กลางวัน ทั้งที่ผมก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ ใครจะมาทำเสียงอะไรนั่นในห้องผมวะ ระหว่างเดินออกมา ผมก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่อไปอีก

    ห้องที่ผมอยู่นั้น ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ เสียงเพี้ยะๆ นั่นอาจเป็นเสียงที่เค้ากำลังโยนเชือก หรือสายไฟขึ้นไป เพื่อพยายามให้มันคล้องกับพัดลมเพดาน เสียงเชือกหรือสายไฟคงไปตีกับเพดาน เลยทำให้เกิดเสียง เพี๊ยะๆๆ กว่าจะคล้องได้สำเร็จ แล้วห้อยตัวลงมา ด้วยน้ำหนักตัวมันเลยถ่วงให้พัดลมเพดานห้อยลงมา และเสียสูญ ก่อนที่เค้าจะฆ่าตัวตายสำเร็จ ดวงวิญญาณเค้าอาจจะอยู่ในห้องนั้น และพยายามทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกวันๆ เป็นการรับกรรมที่ฆ่าตัวตาย ผมถึงได้ยินเสียง เพี๊ยะๆๆ นั่นตลอด รวมถึงพี่ห้องข้างบนด้วย ผมคิดว่าสิ่งที่ผมคาดคะเนไว้ไม่น่าจะผิดไปจากนี้ ผมรู้สึกได้ อีกอย่าง ถึงว่าทำไมราคาห้องมันถึงถูกนักในย่านแบบนี้ สุดท้ายผมก็ไม่กลับไปที่ห้องนั้นอีกเลย

    แหล่งที่มา : www.the-shock.com
    .............................................
    #ขนหัวลุก #ความเชื่อ #ลึกลับ #หลอน #ลี้ลับ #เรื่องเล่า #เรื่องเล่าขานตำนานลี้ลับ

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรื่องเล่าขนหัวลุก "วิญญาณตายโหง บนถนน"

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี แอ๋มมีอาชีขายของชำอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ร้านของแอ๋มก็คือบ้านของแอ๋มเองแอ๋มต่อเพิงมาหน้าบ้านเพื่อขายของชำร้านแอ๋มค่อนข้างใหญ่มีลูกค้ามาอุดหนุนเยอะทั้งคนในหมู่บ้่านและคนจร เพราะถนนเส้นหน้าบ้่านแอ๋มจะมีรถผ่านไปมาค่อนข้างเยอะ วันหนึ่งขณะฝนตกหนักแอ๋มกำลังกินข้าวอยู่กับครอบครัวก็ได้ยินเสียงรถบีบแตรดังลั่นและได้ยินเสียงรถเบรกดังยาว

    แล้วสุดท้ายได้ยินเสียงดังโครมสนั่นหวั่นไหวแอ๋มและครอบครัวรีบวิ่งออกมาดูที่หน้าบ้านบนถนนที่ฝนกำลังตกหนัก รถชนกันสิบล้อและรถกะบะชนกัน สิ่งที่แอ๋มและครอบครัวเห็นคือมีผู้บาดเจ็บนอนเกลื่อนถนนประมา6/7คน แอ๋มร้องด้วยความกลัวสักพักรถมูลนิธิกับรถตำรวจตามมาด้วยรถพยาบาลก็เปิดหวอดังระงม ฝนก็ยังตกอย่างหนักขณะที่รถมูลนิธิ

    กำลังนำคนเจ็บขึ้นไปบนรถแอมเห็นมีร่างคนดำๆเดินออกมาจากร่างคนเจ็บทุกคน ก็เลยงงและนึกว่าตาคงฝาดไป พออีก1วันก็มีคนมาบอกว่ารถกะบะเสียชีวิตทั้งหมดเสียตั้งแต่จะขึ้นรถแล้ว เพราะมูลนิธิบอกมา แอ๋มเลยนึกถึงวันนั้นที่เขาเห็นน่าจะเป็นวิญญาณ แล้วพอเกิดเหตุการณ์ตายโหงครั้งนี้ที่ร้านแอ๋มก็เงียบสงบแทบจะไม่มีลูกค้ามาซื้อเลยช่วงมืดค่ำ พออีก3อาทิตย์ผ่านแอ๋มก็ปิดร้าน

    และกำลังจะเดินเข้าห้องครัวก็ได้ยินเสียงรถมีคนคุยกันเสียงดังมาจอดหน้าร้าน มีเสียงผู้หญิงตะโกนมาบอกว่าปิดร้านยังค่ะ แอ๋มรีบตอบยังค่ะแล้วแอ๋มก็รีบเดินไปเอากุญแจมาไขประตูเหล็กแบบเลื่อนได้หน้าร้าน ขณะกำลังจะถึงประตูแอ๋มได้กลิ่นคาวของอะไรบ้างอย่างกลิ่นนั้นคาวมาก เกือบจะอ้วกแต่ก่อนที่จะไขประตูออกไปแอ๋ม ดึงเก้าอี้มาเพื่อยืนมองที่ช่องประตูเหล็กก่อนเปิด ขณะที่ตาแอ๋มมองไปลอดช่องประตูเหล็กด้านหน้าร้าน

    แอ๋มถึงกับร้องเสียงหลงเพราะไม่มีใครยืนอยู่หน้าร้านเลยสักคน แต่สิ่งที่แอ๋มเห็นเป็นคนเลือดเต็มตัวและเต็มถนนนอนเกลื่อนบนถนนหลายคน ตรงจุดที่รถชนในวันนั้นแอ๋มรีบวิ่งไปที่ห้องแล้วเรียกยายและครอบครัวดังลั่นว่าผีหลอก ยายเลยบอกจุดธูปขอขมาเขาเขาจะได้ไม่มากวนเราอีก บางทีคนตายโหงจะจำที่ที่เขาตายเขาจะเฝ้าจุดนั้นตลอดไป

    ก็เลยยังไม่ยอยไปผุดไปเกิด เวลาเริ่มผ่านไป2วันแอ๋มและครอบครัวจึงทำบุญบ้านและก็ทำบุญตรงจุดที่มีคนตายเพื่ออุทิศบุญให้กับคนตาย แอ๋มเริ่มสบายใจขึ้นเพราะได้ทำบุญให้กับคนที่ตาย ตั้งแต่วันนั้นมาแอ๋มก็ไม่เจอดวงวิญญาณนั้นอีกเลยแต่แอ๋มบอกถึงจะผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ยังกลัวๆอยู่

    แหล่งที่มา : www.the-shock.com
    .............................................
    #ขนหัวลุก #ความเชื่อ #ลึกลับ #หลอน #ลี้ลับ #เรื่องเล่า #เรื่องเล่าขานตำนานลี้ลับ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,980
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรื่องเล่าขนหัวลุก "คืนเดียว 4 วิญญาณ"

    ผมมีอาชีพเป็นคนขับรถแท็กซี่ครับ โดยปกติก็ขับรถแท็กซี่ทั่วไป แบ่งขับเป็นกะกับเพื่อนสองคน เข้ากะเช้ากับกลางคืนสลับกันไป วันนั้นผมเข้ากะดึก กว่าจะออกจากอู่ก็ช่วงค่ำๆ ผมได้วิ่งรถไปเรื่อยๆ จนมีผู้โดยสารคนนึงเป็นผู้หญิง มายืนโบกรถที่บริเวณหน้าวัดชื่อดังแห่งนึงที่อยู่แถวแยกแจ้งวัฒนะ พอเปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นได้ผมก็ตอบตกลง เธอก็ขึ้นมานั่งที่เบาะหลังของรถ หลังจากที่ได้ยินเสียงประตูปิดผมก็ออกรถทันที ถามว่า “ไปส่งสำโรง ได้ไหมค่ะ”แล้วผมก็ขับขึ้นทางด่วนวิ่งไปตามทางปกติ ระหว่างนั้นผมมองกระจกหลังแล้วพบว่า อ้าว..!! ทำไมกลับมีผู้ชายเข้ามานั่งในรถผมด้วยอีกคน..ผมนึกแปลกใจว่าตอนขึ้นทำไมไม่เห็น แถมท่าทางของผู้หญิงที่นั่งโดยสารมาตรงเบาะหลัง กับชายคนนั้นทำไมเขาทั้ง 2 คนกลับไม่พูดอะไรกันเลย

    ก็ได้แต่คิดในแง่ดีว่าทั้งคู่คงจะทะเลาะกันมารึเปล่า หรือไม่ก็คงตรอมใจเพราะเพิ่งจะไปงานศพกันมาก็ได้ โดยสังเกตจากที่เขาใสุ่ชุดดำทั้งคู่ รถขับไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าหมู่บ้านแห่งนึง พอรถวิ่งไปถึงหน้าป้อมยาม ซึ่งตามหลักก็จะมีพวก รปภ. มาขอแลกบัตรใช่ไหมครับ..แต่ปรากฏว่าตรงป้อมนั้นกลับไม่มีใครอยู่เลย พอเหลียวไปมองก็พบว่าพวก รปภ. วิ่งไปมุงอยู่ประตูทางออก ผมเลยต้องบีบแตรเรียกเพื่อแลกบัตร พอแลกเสร็จก็ขับรถไปส่งผู้หญิงคนนั้นที่หน้าบ้าน.. แต่พอถึงบ้าน..กลับมีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จ่ายเงินเสร็จแล้วก็ก้าวลงไปคนเดียว..!! ผมก็เลยคิดว่า ผู้ชายที่ยังไม่ลงก็เพราะเขาคงนั่งรถเพื่อมาส่งแฟนมั้ง จากนั้นจึงได้ถามเขาไปว่า “จะไปไหนครับ ชายคนนั้นไม่ตอบ ได้แต่ชี้นิ้วไปข้างหน้าให้ผมขับตรงไป พอผมวกรถกลับ แหงนมองกระจกหลังอีกทีก็ต้องช็อค เพราะว่าชายคนเมื่อกี้ที่นั่งอยู่เบาะหลังเขาหายไปแล้ว..!!! ตอนนั้นผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

    พยายามรวบรวมสติ แล้วตัดสินใจวนรถกลับมาที่บ้านหลังเดิม ที่เพิ่งส่งผู้หญิงลงไป..พอไปถึงก็กดกริ่งเรียก แล้วผมก็”แฟนคุณที่นั่งรถมาด้วยกันเมื่อกี้ เขาหายไปไหนครับ ?” ถามผู้หญิงคนนั้นว่า แต่ผู้หญิงกลับบอกว่าเธอมาคนเดียว ผมจึงได้เล่าว่าเมื่อกี้ผมเห็นผู้ชายนั่งมากับคุณจริงๆ แล้วก็เล่าสิ่งที่เห็นว่าเป็นคนลักษณะอย่างไร พอผู้หญิงได้ฟังจบ เธอก็ถึงกับร้องไห้ พร้อมบอกว่า “แฟนเธอเพิ่งเสียชีวิตไป และเพิ่งเผาศพมานี่แหละคะ” ผมก็มึนเลยครับ สรุปว่าที่เห็นนั่นคือวิญญาณใช่ไหมเนี่ย..!!เรื่องแบบนี้มีจริงเหรอ

    นี่ผมโดนผีหลอกเข้าให้แล้วรึไง..!! พอคุยจบ..ผู้หญิงคนนั้นเธอก็ไม่ลังเล พร้อมขอร้องผมและยื่นเงินให้อีก 200 บาท บอกว่า หนูวานให้พี่ขับรถกลับไปส่งแฟนหนูที่วัดอีกรอบได้ไหมคะ ?” ผมก็คิดในใจว่ากลัวก็กลัว แต่สงสารก็สงสาร จึง”คิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..เอาก็เอา ถือว่าช่วยเขา..ว่าแล้วเลยวิ่งรถเปล่าออกมานั่นแหละครับ แต่ต้องกดไฟรถทำทีว่าไม่ว่าง เพื่อกลับไปที่วัดแถวแจ้งวัฒนะนั่นอีกหน โดยระหว่างวิ่งรถกำลังจะออกหน้าหมู่บ้าน ซึ่งช่วงนั้นบรรยากาศก็จู่ๆ ก็มีเด็ก 2 คน คนนึงเสื้อส้มส่วนอีกคนใส่เสื้อสีน้ำเงินลักษณะสีเสื้อแบบมันๆ มายืนโบกรถผมที่ข้างทาง ผมเลยจอดรถและถามว่า “มีอะไรไอ้หนู ?” เงียบสงัดไปหมด

    เด็กสองคนนั้นสีหน้ามีกังวล เค้าบอกให้ผมไปช่วยพ่อเค้าด้วย เค้าว่าพ่อโดนทำร้ายอยู่ตรงหน้าป้อมยามนี่เอง..ตอนนั้นผมคิดว่า หรือพวก รปภ.หน้าหมู่บ้านมันจะรุมทำร้ายพ่อของเด็กอยู่แน่ๆ เลย อยู่เฉยไม่ได้แล้วคงต้องไปช่วย ก็เลยบอกให้เด็กทั้ง 2 ขึ้นรถผมมาเลย โดยระหว่างที่ขับรถออกไปตอนนั้นผมรู้สึกว่าภายในรถทำไมมันเหม็นมาก จนต้องเปิดกระจกรถขับเลย ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคือกลิ่นอะไร

    พอขับรถไปถึงป้อม รปภ. ผมก็ลงไปถามว่า เมื่อกี้มีเด็กมาบอกว่า พ่อเขาโดนทำร้ายหน้าป้อม พวกคุณเห็นบ้างไหม ? รปภ. ก็ตอบว่าไม่มีใครหรอก ไม่มีใครเข้ามาเลยนอกจากพี่ที่ขับแท็กซี่เข้ามานี่แหละ เออ..จริงซิ แต่มีนะ คือมีงูหลามตัวใหญ่มานอนอยู่นู้น พวกผมตีมันหลังหักไปแล้ว กลัวว่ามันจะไปทำอันตรายคนอื่นเขา..!! พอผมได้ฟังก็โล่งใจ เดินกลับไปที่รถแล้วตั้งใจจะถามเด็กสองคนที่นั่งอยู่เบาะท้ายว่า พ่อหนูอยู่ไหนกันแน่แต่กลายเป็นว่าเด็กทั้ง 2 หายไปแล้ว.. เหลือแต่กลิ่นที่เหม็น มากๆ และเมือกของเหลวเหนียวๆ ไว้บนเบาะเท่านั้น..!ผมก็ได้แต่อึ้ง เอ้า..แล้วหายไปไหนอีก

    แต่ก็ไม่ได้บอก รปภ. นะว่าผมเจออะไร เพราะกลัวเขาจะหาว่าผมบ้า แล้วตอนนั้นนึกไงไม่รู้ ที่เกิดอยากจะช่วยงูที่โดนพวก รปภ. ตี จึงวานให้พวกเขาช่วยยกงูมาไว้ที่หลังรถผมหน่อย พร้อมบอกว่าเดี๋ยวผมจะเอามันไปรักษาที่โรงพยาบาลเอง พวกนั้นได้ฟังก็ทำท่างงๆ แต่เขาก็ช่วยนะ พอเสร็จ หลังจากนั้นผมก็ขับรถออกมาได้สักพักจนถึงหัวโค้ง จู่ๆ ท้ายรถผมก็เด้งขึ้นมาเอง ผมก็เบรคและมองกระจกหลังว่ารถมันเกิดอะไรขึ้น ทีนี้ผมเห็นเต็มตาเลยครับ..!! เห็นเด็ก 2 คน ที่เมื่อกี้นั่งติดรถผมมาแล้วหายไป

    เขากำลังพยุงลุงแก่ๆ ที่ไม่ใส่เสื้อ เดินออกไปจากท้ายรถผม แล้วทั้งหมดก็ค่อยๆ หายวับเข้าข้างทางไป..!!ยอมรับว่าตอนนั้นทั้งงงทั้งขนลุกไปหมด ผมก็เลยถอยรถกลับไปหา รปภ. อีกครั้ง และบอกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่แถวนี้มันมีอะไรหรือเปล่า รปภ. ก็เลยขึ้นรถมากับผมด้วย กลับมาตรงจุดเดิม ตรงที่ผมเห็นเด็กพยุงคนแก่เดินหายไปเมื่อกี้นี่แหละ แล้ว?ผมก็เดินเอาไฟฉายส่องดู ก็พบว่าข้างทางแถวนั้นมีศาลไม้เก่าๆ อยู่หลังนึง จึงก้มลงไปมองในศาล..แล้วก็ถึงกับร้องเลย.. เพราะภายในนั้นผมเห็นตุ๊กตาเด็กเสื้อสีส้มและสีน้ำเงิน 2 ตัว อยู่ในนั้น..!! และที่สำคัญยังมีรูปปั้นชายชราแก่ๆ ล้มอยู่ด้วยอีกหนึ่งตน..!! เรียกว่าผมมั่นใจแล้วหล่ะว่าไอ้ที่เห็นเมื่อกี้กับศาลหลังนี้ต้องเกี่ยวโยงกันแน่ๆ เลย..ตอนนั้นได้แต่นึกในใจว่า วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ เจอแต่เรื่องอะไรแปลกๆ

    จากนั้นผมก็กลับขึ้นมานั่งบนรถ แล้วนึกขึ้นได้ว่าต้องวิ่งรถกลับไปตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้หญิงคนนั้น ว่าจะต้องไปส่งวิญญาณแฟนเธออีกดวงที่วัดแถวแจ้งวัฒนะแล้วผมก็ขับรถกลับไป พอไปถึงหน้าวัด ผมก็ลงไปเปิดประตูและบอกว่า “ผมมาส่งแล้วนะ ไม่ต้องมาให้ผมเห็นอีก หรืออะไรๆ ทั้งสิ้น”หลังจากนั้นผมก็กลับขึ้นรถ วนรถออกมาเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ตาผมก็เหลือบไปมองกระจกหลัง แน่ใจว่าตาไม่ฝาด..!!ผมเห็นผู้ชายคนนั้นมายืนโบกมือให้อีกแล้ว เล่นเอาผมนี้ขนลุกซู่เลยครับ..!!เหตุการณ์ในคืนนั้นผ่านไปชนิดที่ว่าผมไม่มีทางลืมเลือนเลย.. พอเช้าวันต่อมาผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ มานึกอีกทีว่าคืนนั้นดันลืมแลกบัตร รปภ. ที่หมู่บ้านแห่งนั้นคืน เพราะว่ามัวแต่ยุ่งๆ ก็เลยลืมไปหมด ว่าแล้วจึงตัดสินใจวิ่งรถกลับไปที่หมู่บ้านซึ่งอยู่แถวๆ สำโรงแห่งนั้นอีกรอบ เพื่อแลกบัตรคืน แต่เชื่อไหมครับว่าเวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว ถึงทุกวันนี้ผมก็ยังตามหาหมู่บ้านนั้นไม่เจอเลยครับ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้

    แหล่งที่มา : www.the-shock.com

    .............................................
    #ขนหัวลุก #ความเชื่อ #ลึกลับ #หลอน #ลี้ลับ #เรื่องเล่า #เรื่องเล่าขานตำนานลี้ลับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...