ติดตามสถานะการณ์

สิ่งที่โกลแมน แซค ไม่ได้บอก คือ หยุดเทขายพันธบัตรได้แล้ว เดี๋ยวมันกลายเป็นขยะ

เศรษฐกิจจะถดถอย ต้องซื้อพันธบัตร เข้าใจมั้ย

 

สหรัฐแค้นปูตินมากแค่ไหน

ถ้าเราเป็นสหรัฐ จะรู้สึกอย่างไร ถ้า...

1) แผนการใช้หนี้ 30 ล้านล้าน พังทลาย
2) แผนปรับผรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต้องหยุด
3) สูญเสียบ่อก๊าซที่ยุโรปสามารถใช้ได้ 30 ปี
4) โอกาสเป็น ปธน สมัย 2 น้อยลง
5) ประเทศเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย

เราจะแค้นปูตินมากมั้ย

 

เงื่อนตายของโลก ประกอบด้วย 5 Loop หลัก

ลูปแรก...อินโดแปซิฟิค

ถ้ารัสเซียยอมแพ้ จะถูกถล่มด้วยยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิค จนถึงขั้นล่มสลาย

ลูปสอง...เงินเฟ้อ

เมื่อรัสเซียยอมแพ้ไม่ได้ และเป็นผู้ส่งออกพลังงาน มันก็จะดันขึ้นเฟ้อขึ้นไป

ลูปสาม...ดอลล่าแข็ง

เมื่อเงินเฟ้อขึ้น จึงเกิดการเก็งกำไรดอลล่าและบอด์นยิลสหรัฐ จากเฟดที่ต้องขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดอลล่าแข็ง

ลูปสี่...กลไกค่าเงิน

เมื่อดอลล่าแข็ง มันก็จะทำให้สกุลเงินอื่นอ่อน ทำให้ต้องซื้อพลังงานแพงขึ้น เกิดเงินเฟ้อ ทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป

ลูปห้า...GDP

เหิดภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ เครื่องยนต์ GDP ของสหรัฐดับ GDP = C + I + G + (X-M)

C ผู้บริโภคซื้อน้อยลง เพราะของแพง
I เอกชนลงทุนน้อยลง เพราะดอกเบี้ย
X ส่งออกน้อย เพราะดอลล่าแข็ง
M นำเข้ามาก เพราะดอลล่าแข็ง

เหลือ G คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล...ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้ เพราะจะยิ่งดันเงินเฟ้อ

เหลือทางเดียว คือ...

รัฐบาลสหรัฐ ต้องทำสงคราม เพื่อให้ G ทำงาน

สงครามกับรัสเซีย

วนลูปขึ้นไป

สหรัฐต้องเดินเครื่อง GDP
รัสเซียต้องป้องกันประเทศ
นักเก็งกำไรต้องการกำไร

สาเหตที่ทำให้เงินสดด้อยค่า เกิดจาก เงินเฟ้อถาวร

เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ก๋วยเตี๋ยวราคา 5 บาท ตอนนี้ 50 บาท และไม่ลงไปที่ 5 บาทอีกแล้ว...นี่คือเงินเฟ้อถาวร

เงินสดด้อยค่า เพราะการวนลูป ทำให้สินค้าแพง จนเกิดเงินเฟ้อถาวร

เหลือสุดท้าย สรุปมุมมอง

 

บิตคอย Stablecoin จะถึงเวลาลงโลงมั้ย

คนที่ตอบได้ ก็คือ แฟนคลับคริปโต เพราะมันเป็นคนฆ่าคริปโต

ด้วยความเชื่อที่ไม่แหกตาดูโลกความจริง คนพวกนี้ พร้อมจะเอาเงินทั้งหมดถมลงไป

รักจนโง่ หลงจนตาบอด และอ่อนต่อโลก มีตัง แต่ไม่มีสติ มันคือช่องที่ทำให้คนโกงใช้ทำมาหากิน

การโกง คือการทำลายความไว้ใจ

สินทรัพย์ใดๆก็ตามที่ไม่มีความไว้ใจ มันเป็นได้แค่ขยะ ไม่มีใครต้องการใช้

ฆ่าแฟนพันธ์แท้ที่โง่แต่มีตัง ให้หมด...คริปโตจะรอด

คริปโต มันกำลังลอกเลียนแบบสินทรัพย์ในโลกจริง

บิตคอย คือทอง

Stablecoin คือสกุลเงิน

Anchor Protocol คือธนาคาร

การกระทำใดๆ ก็ตามที่ทำให้ บทบาทของมันเปลี่ยนไป อย่าไปสนับสนุน

ยังไม่สามารถคาดเดาผลกระทบจาก LUNA ได้ ว่าจะรุนแรง ที่แน่ๆ ความไว้ใจคริปโต หายไปเยอะ ไม่รู้จะเรียกกลับยังไงด้วย

 

ยูเครน ประกาศชัยชนะปลดนายพลรบ ทหารกว่า 70% หนีทัพซ่อนตัว คลังถังแตก
นายเซอร์ไฮย์ มาร์เชนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยูเครน ระบุว่า ยูเครนได้ใช้จ่ายไปในการทำสงครามแล้ว 8,300 ล้านดอลลาร์ ในการซื้ออาวุธจากชาติ NATO และซ่อมแซมอาวุธ ในเดือน เม.ย.65 รัฐบาลยูเครนเก็บรายได้ภาษีได้เพียง 60% ของเป้าหมาย และในเดือน พ.ค.- มิ.ย.65 อาจลดลงเหลือแค่ 45-50% จึงต้องการขอเงินจากชาติตะวันตก ต่อเนื่องระยะยาวเดือนละ 7,000 ล้านดอลลาห์ , ส่วนนาย Yulia Sviridenko รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของยูเครน ระบุว่าน้ำมันสำรองของชาติจะหมดใน 5 วัน ส่วนดีเซลเหลืออีก 3 วัน รัฐบาลยูเครนมีความหวังอย่างมากจะนำเข้าเชื้อเพลิง 350,000-360,000 ตัน จากต่างประเทศภายในสิ้นเดือน พ.ค.65
ล่าสุดประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี้ แห่งยูเครน ออกคำสั่งปลด นายพล ยูริ กาลุชกิน ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันดินแดน ที่นั่งในตำแหน่งนี้ได้แค่ 5 เดือน แล้วแต่งตั้ง พลตรีอิกอร์ ตันซูรา เป็นผู้บัญชาการรบคนใหม่แทน เหตุเพราะมีรายงานว่ามีทหารยูเครนหนีทัพจำนวนมาก เนื่องจากเป็นกำลังพลสำรองเท่านั้น เช่น พนักงานออฟฟิศ นักคอมพิวเตอร์ นักบัญชี ชายเพศที่สาม ฯลฯ ไม่ใช่ทหารประจำการจริงๆ ที่แทบไม่มีเหลือแล้ว จึงพากันดาหน้ายกหน่วยอัดคลิปขอไม่สู้รบ จนหน่วยอื่นๆ แห่ทำตามกันไปทั่วยูเครน
ที่สุดฉาวคือ สมรภูมิ Zmeiny (เกาะงู) ใกล้เมืองท่าโอเดสซา ในวันที่ 6 - 8 พ.ค. 2565 นั้น ฝ่ายยูเครนแพ้หนักและอับอายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เริ่มจากผู้เชี่ยวชาญทหารอังกฤษแนะนำประธานาธิบดียูเครน โจมตีและยึดเกาะงู คืนจากรัสเซียยึดไปก่อน ที่รัสเซียจะจัดงานวันแห่งชัยชนะเพื่อให้รัสเซียขายหน้า แต่หัวหน้าเสนาธิการทหารยูเครน เจ้าของพื้นที่คัดค้านว่าเสี่ยงเกินไป ไม่คุ้มค่า ควรเก็บกำลังไว้รบในแผ่นดินใหญ่มากกว่ามาชิงเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ที่ไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้ำจืดจะดื่ม
แต่ผู้นำยูเครน กลับเชื่อทหารอังกฤษ ต้องการให้รัสเซียอับอาย จึงระดมทั้งทหารนาวิกโยธินอังกฤษ ยูเครน โดรน เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบ เรือรบ แต่สายลับรัสเซีย รู้แผนโจมตีล่วงหน้าแล้วทำเงียบกริบแอบติดระบบป้องกันภัยทางอากาศ และสารพัดอาวุธรอรับมือ ทหารบนเกาะเตรียมพร้อม เรือรบส่งมารอรอบเกาะ การรบปะทะอย่างดุเดือดใช้เวลา 3 วัน ทหารนาวิกโยธินอังกฤษ ยูเครน เป็นปุ๋ย นอนตากอากาศบนเกาะ 27 ราย นอนลอยอืดเล่นกับปลาในน้ำ 3 ราย , อาวุธกลายเป็นแนวปะการังเทียมเพียบ คือ
- โดรน 30 ลำ (เฉพาะโดรน Bayraktar TB2 ตุรกี 9 ลำ โดรนอื่นๆ 21 ลำ)
- เครื่องบินรบโจมตี 4 ลำ (รุ่น SU24 จำนวน 3 ลำ และ SU27 อีก 1 ลำ)
- เฮลิคอปเตอร์ 10 ลำ
- เรือโจมตีหุ้มเกราะCentaur จำนวน 3 ลำ และ เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกบน 1 ลำ
โดยฝ่ายยูเครน และสื่อตะวันตก สื่อไทย ออกข่าวครึกโครมใหญ่โตว่า ยูเครนใช้โดรนทำลายเรือตรวจการณ์ชายฝั่งลำพิเศษ RFS Vsevolod Bobrov ของรัสเซียได้ 1 ลำ แต่แล้วทางทหารยูเครนในเมืองท่าโอเดสซ่า ถึงกับช็อคที่ถูกต้ม เพราะเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง RFS Vsevolod Bobrov รัสเซีย ก็ยังจอดเทียบท่าอยู่ที่ฐานทัพเรือเซวาสโทพอล ในตอนเช้า 14 พ.ค.65 เพื่อเติมเชื้อเพลิงและเสบียง ก่อนจะออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในทะเลดำอีกครั้งไม่มีอะไรระคายผิวเรือสักขีดเดียว เป็นความหายนะครั้งใหญ่ของยูเครนจากผู้นำ ที่ถูกอังกฤษยุยง โดยไม่ฟังผู้บัญชาการทหารของตนเอง
รัสเซีย บอกให้ยูเครนมาขนปุ๋ยทหารนาวิกโยธินอังกฤษ และยูเครน 30 รายไปทำพิธี แต่ฝ่ายยูเครนบอกไม่มีประโยชน์แล้วทิ้งไว้แบบนั้น ทำให้ทหารส่วนใหญ่ของกองกำลังป้องกันดินแดนยูเครน ในโอเดสซา ที่เป็นพลสำรองฝึกแค่ 2 สัปดาห์ จำนวนมากกลัวกิตติศัพท์ความสุดโหดกองทัพรัสเซียกันหัวหด พากันหนีทัพ เพื่อไม่ให้ต้องถูกส่งไปยังแนวหน้าสู้รบ มีทหารรุ่นหนึ่งจำนวน 300 นาย พอรู้ว่าจะถูกส่งไปแนวหน้า ทำให้กว่า 70% ต่างพากันหนีทัพ และพยายามหลบซ่อนตัวในตามหมู่บ้านต่างๆ บางคนข้ามพรมแดนหนีตายเตลิดเข้าไปยังมอลโดวา..ทำให้ผู้นำยูเครน หัวร้อนมากออกคำสั่งปลด นายพล ยูริ กาลุชกิน ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันดินแดนออกจากตำแหน่งดังกล่าว และล่าสุดทหารเชเชน เพิ่งทำให้ทหารอเมริกัน Azov NATO กลายเป็นปุ๋ย 7 รายรวด หนึ่งในนั้นชื่อว่า Joseph Ward Clark อายุ 35 ปี ที่สมรภูมิเมือง Rubizhnoye เขตลูฮันสก์ ยูเครนตะวันออก..ดังนั้นจากภาพรวมการรบแล้ว สหรัฐ อังกฤษ รับปากปกป้องยูเครน สวีเดน ฟินแลนด์ สบายใจได้ สู้ต่อไปชนะแน่นอน

ที่มา : RT , Reuters , ATW กลาโหมรัสเซีย
#WorldUpdate

 

สวิสเซอร์แลนด์ยกเลิกการอายัดบัญชีรัฐบาลรัสเซียจำนวน สามพันล้านดอลลาร์แล้ว สงสัยกลัวเป็นเป้าขีปนาวุธนิวเคลียร์ Satan-2

https://www.swissinfo.ch/eng/switzerland-releases-chf3-billion-of-frozen-russia-sanctions/47590508

 

ทำไมสหรัฐกล้าก่อหนี้ 30ล้านล้าน

ตามแผนสหรัฐ ไม่คาดคิดว่าจะเกิด loop 1-5 เพราะใครจะเชื่อว่าปูตินจะบุกยูเครน เนื่องจากเศรษฐกินรัสเซียพึ่งตะฟื้นตัวและกำลังจะยืนได้

แผนเดิมจะเกี่ยวกับ...

ลดโลกร้อน บิตคอย อินโดนแปซิฟิค และยูเครน

ถ้าเข้าใจบทวิเคราะห์ตั้งแต่เริ่มสงคราม จะเห็นคำตอบ 60%

เอาไว้ค่อยมาตอบ

 

เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเท่าไหร่

มันขึ้นอยู่กับว่า เฟดจะแก้เงื่อนตายค่าเงินได้หรือเปล่า

เงื่อนตาย คือ
1) สหรัฐนำเข้าจากทั่วโลก เพราะไม่สามารถผลิตเองได้
2) ดอลล่า แปรผกผันกับ สกุลเงินอื่นๆ ทุกสกุล
3) จีน รัสเซีย คุมเงินเฟ้อโลก

จีน รัสเซีย จุดไฟก่อนดันเงินเฟ้อ ถล่มสหรัฐ

ขั้นแรก...ตลาดเก็งกำไรก็มองว่า เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อกดเงินเฟ้อ เกิดการย้ายเงินไปถือดอลล่า ทำให้ดอลล่าแข็ง

ขั้นสอง...ดอลล่าแข็ง ทำให้เงินสกุลอื่นอ่อน การนำเข้าพลังงาน และวัตถุดิบต่างๆ ก็จะแพงขึ้น ทำให้ดันเงินเฟ้อเพิ่ม

ขั้นสาม...ผู้ผลิตปรับราคาสินค้า แล้วส่งออกไปให้สหรัฐ ทำให้เงินเฟ้อสหรัฐสูงตามไปผู้ผลิต

ขั้นสี่...สหรัฐต้องทำให้ดอลล่าแข็ง เพื่อชดเชยเงินเฟ้อ นำเข้าถูกลง

วนลูป เกิดเงื่อนตายทันที

เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเท่าไหร่ ไม่สำคัญ มันต้องออกจากลูปให้ได้ก่อน

ต้องทำลายลูป นั่นคือ ต้องทำลายจีน รัสเซีย และนักเก็งกำไร ให้หมดไปจากโลกนี้

เรื่องแค่นี้...จิ๊บๆ

 

ไบเดน...รัฐบุรุษ

แผนแก้หนี้ 30 ล้านล้านสหรัฐ จากฝันเป็นวีรบุรุษ ต้องกลายเป็นฝันสลาย

ลดโลกร้อน บิตคอย ยูเครน และอินโดแปซิฟิค

ก่อนรัสเซีบบุกยูเครน ด้วย 4 ปัจจัยนี้ จะช่วยสหรัฐแก้หนี้ 30 ล้านล้าน ให้ลดลง

1) ลดโลกร้อน

ไบเดนรักโลกเหรอ...ไร้สาระ

สหรัฐเป็นผู้ซื้อ คือจุดเด่นในยามปกติ และกลายเป็นจุดอ่อนหลังปูตินบุกยูเครน

"ตลาดคาร์บอนเครดิต" เป็นตลาดซึ่งผู้ขายสามารถนำเอาเครดิตส่วนเกินไป “เสนอขาย” ได้

มูลค่าตลาดมหาศาล ต้องใช้ดอลล่า เหมือนซื้อน้ำมัน เพิ่มดอลล่าในทุนสำรองของทุกประเทศ

จัดเก็บภาษี สร้างรายได้แบบเสือนอนกิน เพราะเป็นตลาดใหญ่ ทุกคนต้องยอม ถ้าอยากค้าขาย

ยิ่งโลกร้อน ยิ่งสร้างรายได้

2) บิตคอย

ออกกฏเกณฑ์ ทำลายตลาดนอกสหรัฐ บีบให้ทุกคนหันมาซื้อขายด้วย platforms สหรัฐ

สร้างรายได้อีกมหาศาล โดยไม่มีต้นทุน

ไม่มีใครรู้ว่า สหรัฐถือบิตคอยเท่าไหร่ ค่อยๆปล่อยออกมาขาย เก็บรายได้ แบบไม่มีต้นทุน

3) ยูเครน

บ่อก๊าซที่ยุโรปใช้ได้ 30 ปี เหมืองแร่สำคัญต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐ ไม่ต้องพึ่งพารัสเซีย

4) อินโดแปซิฟิค

เมื่อยึดทรัพยากรยูเครนได้ จะทำให้รัสเซียขายพลังงานได้น้อยลง ฐานะทางเศรษฐกิจก็จะแย่ ส่งเอกชนเข้าไปยึดทรัพยากร แบบยุคเยลซิน...ทำให้รัสเซียแตกเป็นประเทศเล็กๆ

รายได้มหาศาลจากทรัพยากรของรัสเซีย

เมื่อรัสเซียแตก ก็ร่วมกับอินเดีย บีบจีนทั้งเหนือและใต้ แยกอุยกูร์ ทำให้จีนเป็นแค่โรงงานผลิตสินค้าป้อนสหรัฐ

แก้หนี้ สร้างรายได้ เอาไปพัฒนาสิ่งต่างๆ บนดิน และบนอวกาศ

ทั้ง 4 ปัจจัย...ไบเดน จะกลายเป็นรัฐบุรุษ

แผนคน หรือจะสู้ลิขิตฟ้า

ปูติน บุกยูเครน ฝันสลายในทันที....

โลกกำลังปวดหัวกับเงินเฟ้อ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องคาร์บอนเครดิต

คริปโต โดนกระทืบอย่างแรง ทำลายความน่าเชื่อถือ บริษัทอเมริกันเกี่ยวข้องทางตรง และทางอ้อม ในการลงทุนและเป็นเจ้าหนี้ อาจซวยจากโดมิโนล้ม

ยึดเขตดอนบาส แหล่งทรัพยากรสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งแร่ทำเซทิคอนดัคเตอร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหบักจองสหรัฐต้องกระทบอย่างแรง

อินโดแปซิฟิค ลดความแรง เพราะ สหรัฐปอดแหก ไม่กล้าสู้รัสเซีย อาเชี่ยน ตะวันออกกลาง ชิ่งหนี ไม่เกรงบารมี หมดศักดิ์ศรี

ชีวิต..แม่งโครตบัดซบจริงๆ เพราะลากยุโรปไปฉิบหายด้วย

เพราะมึงคนเดียว...ปูติน

 

คิดแบบไม่ต้องสนใจอะไรเลย ดูแค่ค่าเงิน ก็พอ

ดอลล่าแข็งสูงสุด ทำให้สกุลเงินอื่นอ่อนสุดเช่นกัน

สกุลเงินอ่อนสุด ก็ต้องนำเข้าพลังงานแพงสุด และพลังงานคือต้นตอเงินเฟ้อ

สหรัฐนำเข้ามากจนขาดดุล เป็นประเทศปลายน้ำ

ประเทศต้นน้ำ เงินเฟ้อบาน แต่สหรัฐเป็นประเทศปลายน้ำ บอกว่า เงินเฟ้อของเฟด ถึงจุดสูงสุดแล้ว กำลังจะย่อลง

ตรรกะง่ายๆ ที่นักวิเคราะห์ชั้นเซียน เอามีดแทงตา 2 ข้าง มองไม่เห็น

 

เมื่อสื่อตะวันตกบอกว่า สงครามยูเครน จะทำให้โลกขาดแคลนอาหาร ก็คือ จะบอกว่า ปูตินเป็นต้นเหต นั่นล่ะ

ประเทศที่ส่งออกข้าวสาลีมากที่สุดอันดับ 1-5 ของโลกคือ
รัสเซีย 37.3 ล้านตัน
สหรัฐฯ 26.1 ล้านตัน
แคนาดา 26.1 ล้านตัน
ฝรั่งเศส 19.8 ล้านตัน
ยูเครน 18.0 ล้านตัน

ประเทศที่ผลิตข้าวสาลีมากที่สุดอันดับ 1-5 ของโลกคือ

จีน 134.2 ล้านตัน
อินเดีย 107.6 ล้านตัน
รัสเซีย 85.9 ล้านตัน
สหรัฐ 49.7 ล้านตัน
แคนาดา 35.2 ล้านตัน

เวลาอาหารขาดแคลน ให้ดูที่ผู้ส่งออก

รัสเซีย จีน อินเดีย ผลิตเยอะ แต่ไม่ได้ส่งออกเยอะ จะมีหรือไม่มีสงครามก็ไม่ส่งออกอยู่แล้ว

ดังนั้น การขาดแคลนอาหาร ก็ต้องมาจาก ผู้ส่งออกเดิม ไม่ยอมส่งออก

อันดับผู้ส่งออก 2-4 เป็นใครล่ะ

 

McDonald's ประกาศถอนตัวออกจากรัสเซียและขายธุรกิจที่นั่นหลังจาก 32 ปีเพราะกรณีสงคราม

 

ครั้งแรกใน 32 ปี!

ข่าวจากกระทรวงบัวแก้ว: กระทรวงต่างประเทศนำหอการค้าไทยเจรจาขอซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียแก้ปัญหาขาดแคลนปุ๋ย

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยหอหารค้าไทยประสงค์จะซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยภายในประเทศ ในระหว่างการพบหารือระหว่างนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับนาย Khalid Abdulaziz Al-Falih รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันแรกในการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๙ พฤษภาคมฯ พร้อมผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชน ครั้งแรกในรอบ ๓๒ ปี

ในระหว่างการหารือแนวทางส่งเสริมการค้า การลงทุนระหว่างกัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอขอซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียเนื่องจากขณะนี้ประเทศไทย กำลังประสบปัญหาขาดแคลนปุ๋ยเคมีเนื่องจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีฯ ตอบว่า ขณะนี้มีหลายประเทศได้ติดต่อขอซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ซาอุดีอาระเบียจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประเทศไทย โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ จัดหาผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยของประเทศซาอุดีฯ มาพบกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในวันนี้ (๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕) เพื่อหารือในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ นายสนั่นฯ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีฯ วานนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาขาดแคลนปุ๋ยและแสวงหาพันธมิตรใหม่ในการซื้อขายสินค้าประเภทดังกล่าว

นายธานีฯ กล่าวเสริมว่าสำหรับกำหนดการสำคัญถัดไปในการเยือนซาอุดีฯ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คณะผู้แทนภาครัฐและนักธุรกิจภาคเอกชนจะเข้าร่วมงาน Saudi-Thai Investment Forum 2022 จัดขึ้นที่โรงแรม Movenpick ในกรุงริยาด ซึ่งหอการค้าไทยได้นำคณะบริษัทเอกชนไทย กว่า ๔๐ บริษัทมาเข้าร่วมงานครั้งนี้ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียได้เชิญบริษัทมาจับคู่ด้วยมากถึง ๑๔๐ บริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ของทั้ง ๒ ฝ่าย เพื่อจะขยายการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ระหว่างกัน

ด้านนายสนั่นฯ กล่าวว่าการเดินทางมาซาอุดีฯ ในครั้งนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีนอกจากจะมาช่วยเปิดโอกาส การค้า-ลงทุนเพิ่มแล้ว รัฐบาลยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปุ๋ยเคมีให้กับเกษตรกรอีกด้วย”

 

ดื่มชาชะลอโควิด! "เกาหลีเหนือ" ป่วยโควิดสะสมเกิน 8 แสน หมอโสมแดงแนะนำให้ดื่มชา

สื่อต่่างประเทศรายงานวันที่ 15 พ.ค. ถึงสถานการณ์ โรคโควิด-19 ที่ส่อวิกฤตต่อเนื่องใน ประเทศเกาหลีเหนือ หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 15 ราย รวมยอดสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 42 ราย ในช่วงเวลาเพียง 4 วันนับตั้งแต่ นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ประกาศยืนยันว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา
.
ด้านสถานีโทรทัศน์กลางของเกาหลีเหนือได้เผยแพร่วิธีรักษาอาการไข้จากโควิด-19 เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 14 พ.ค. ด้วยหวังว่าจะลดอัตราการเสียชีวิตและการระบาดของโรค
.
โดยแพทย์จากโรงพยาบาลคิมมันยูแนะนำให้ประชาชนกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เมื่อมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเยื้อและตามข้อต่างๆ ให้กินยารักษาตามอาการ ทั้งยังแนะนำให้ดื่มชาดอกสายน้ำผึ้ง (Lonicera japonica) หรือชาจากใบต้นหลิว 3 ครั้งต่อวัน
.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีทีท่าว่าเกาหลีเหนือจะยอมรับความช่วยเหลือจากโครงการกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
.
รายงานระบุอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีเหนือจัดตั้งศูนย์ป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งเร่งขนส่งเวชภัณฑ์ไปยังโรงพยาบาลและสถานพยาบาลเป็นการเร่งด่วน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลหลายคนบริจาคยาสำรองเพื่อนำไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19

 

วิกฤตการณ์ “โควิด-19” ที่เกิดขึ้นเป็นตัวเร่งที่ทำให้ “ปัญหาความเหลื่อมล้ำ” ซ้ำเติมประชาชนทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแต่มหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ1 ของโลก มีข้อมูลพบว่า คนรวยิ่งรวย คนจนยิ่งจน เพราะบรรดา “ซีอีโอ” ของบริษัทชั้นนำในสหรัฐกำลังยิ้มแก้มปริกับค่าตอบแทนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 55 ล้านบาท ส่วนประชาชนกว่า 100 ล้านคน กำลังสิ้นเนื้อประดาตัว และประสบปัญหาความยากจนอยู่
.

CEO ในสหรัฐ ค่าตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9 ปีซ้อน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 ค่าตอบแทนเฉลี่ยของผู้ที่ก้าวเข้ามานั่งตำแหน่ง “ซีอีโอ” หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ อยู่ที่ราว 6.96 ล้านดอลลาร์ (242.12 ล้านบาท) ต่อปี มาในวันนี้ ผลสำรวจล่าสุดจาก Wall Street Journal รายงานว่า ค่าตอบแทนเฉลี่ยของซีอีโอในสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 9 ปีแล้ว โดยในปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็น 14.67 ล้านดอลารร์ (510.33 ล้านบาท) เพิ่มจากปีก่อน 12% คิดเป็นเงินเกือบ 55 ล้านบาทเลยทีเดียว

กลุ่มธุรกิจที่ให้ค่าตอบแทนสูงสุดได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีและสื่อ โดยค่าเฉลี่ยของซีอีโอที่ได้เงินสูงสุด 25 คนของสหรัฐ ได้ค่าตอบแทนเฉลี่ยคนละ 35 ล้านดอลลาร์ (1.2 พันล้านดอลลาร์) ซีอีโอที่ได้ค่าตอบแทนสูงสุดในปี 2021 คือ Peter M. Kern ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Expedia Group บริษัทที่ให้บริการในด้านการท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งออนไลน์ ได้รับค่าตัวสูงถึง 296.25 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า “1 หมื่นล้านบาท” เลยที่เดียว เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงกว่า 6,952%

ด้าน “ทิม คุก” ซีอีโอของบริษัทแอปเปิล ติดชาร์ตในอันดับที่ 4 ได้รับค่าเหนื่อย 98.7 ล้านดอลลาร์ (3.43 พันล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 569% “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” แห่ง Meta ได้ค่าตอบแทน 26.82 ล้านดอลลาร์ (933 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน

โดยค่าตอบแทนที่บริษัทมอบให้กับซีอีโอเหล่านี้ อาจจะเป็นเงินสดเพียงจำนวนหนึ่ง แต่มอบเป็นหุ้นบริษัทซึ่งมีมูลค่ามหาศาลให้แทน อย่างเช่น ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่ง Berkshire Hathaway ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินสดไม่ถึง 1 ล้านดอลลาร์ อีลอน มัสก์ แห่ง Tesla ไม่ได้ค่าตอบแทนในตำแหน่งซีอีโอเลย แต่หุ้นที่พวกเขาได้รับ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาเป็นอัครมหาเศรษฐีระดับโลก
.

เหลื่อมล้ำยาวนานกว่า 43 ปี

สถิติความเหลื่อมล้ำของโลกในปี 2022 จาก World Population Review ชี้ให้เห็นว่า ในสหรัฐอเมริกา ประชาชนคนรวย 1% ถือครองความมั่งคั่ง 20% ของรายได้ ในขณะที่ประชาชนชั้นล่างกว่า 50% ของประเทศต้องแก่งแย่งความมั่งคั่ง 10% ของประเทศ สะท้อนปัญหา “รวยกระจุก จนกระจาย” คล้ายบ้านเรา

โดยนับตั้งแต่ปี 1978 หรือกว่า 43 ปีที่แล้ว มาจนถึงวันนี้ ข้อมูลจาก World Inequality Database แสดงให้เห็นว่า ปัญหา “คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน” ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำร้ายประชาชนสหรัฐอยู่จนมาถึงปัจจุบัน และยิ่งถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโควิด-19

โดย UN รายงานว่า ปัญหาความยากจนย่ำแย่ลงต่อเรื่องมาเป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว โดยในปีล่าสุดนี้ มีประชากรมากกว่า 100 ล้านคนถูกจัดว่าเป็น “คนจน”

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ พยายามจะออกมาแก้ไขปัญความเหลื่อมล้ำในครั้งนี้ โดยออกมาตรการจัดเก็บภาษีจากบริษัทและครัวเรือน สร้างรายให้รัฐได้มากกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อกระจายรายได้ให้กับประชาชนที่ลำบาก และบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น ให้เบาบางลง
.

ที่มา The Hill, Wall Street Journal, World Population Review, World Inequality Database, UN


#SPOTLIGHT #เศรษฐี #CEO #มหาเศรษฐี #สหรัฐ #อเมริกา #คนจน #Economy
----------------------------------------------------------------
ติดตามข้อมูล ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการเงิน ของ #Spotlight เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ https://www.amarintv.com/spotlight
ยูทูป https://bit.ly/31rtDUM
TikTok : https://www.tiktok.com/@spotlightbiz
Blockdit : https://www.blockdit.com/spotlightbiz

 

ITM
GOLD HYPER-INFLATION & DEPRESSION
Q & A with Lynesste Zang & Eric Griffin

May 12, 2022

1:10....Eric....
จะเกิดเงินเฟ้อรุนแรง (hyper-inflation) ได้ยังไง ถ้ายังไม่ได้เห็นเงินฝืดรุนแรง (hyper-deflation) ซะก่อน

Lynette....
เรากำลังจะได้เจอกับ hyper-deflation ในนาทีนี้แล้วแหละ .....ส่วน hyper-inflation เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นในระบบซึ่งมันก็มีสาเหตุมาจากเงินฝืดอย่างรุนแรงนำมาก่อน เช่น เมื่อตลาดหุ้นร่วงอย่างแรง ตลาดเงินคริปโต ตลาดเรียลเอสเตทร่วงอย่างแรง ทำให้ทั้งตลาดเงินเฟียตล้ม..จนกลายเป็น deflationary ทรัพย์สินราคาตกจากการขาดสภาพคล่อง .....จนถึงจุดที่ Fed ต้องทำอะไรสักอย่าง นั่นคืออัดฉีดเงินเข้าไปเลี้ยงระบบอีก..และหยุดไม่ได้จนถึงจุดตายจนได้

เชื่อว่าเรากำลังอยู่ในตอนเริ่มต้นของ hyper-inflation แล้ว คุณจะเห็นได้จากราคาสินค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ Fed บอกทุกเดือนที่ตัวเลขออกมา..ว่านี่คือจุดสูงสุดแล้ว ..แต่พวกเราก็ช้อคทุกครั้งที่เห็นตัวเลขใหม่ที่ออกมา

คุณพูดถูกแล้ว เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงของเงินฝืด deflationary period หรือจะเป็น hyper-deflation อย่างที่คุณเรียกก็ได้ ...แล้วคุณจะเห็น Fed ตามแก้ปัญหาจนทนไม่ได้ ต้องกลับหลังหันมาพิมพ์เงินเพิ่มสภาพคล่องแบบที่เห็นเมื่อปี 2020 และ 2008

จนในที่สุด มันก็จะเกิดเป็น hyper-inflation ตามมาจนได้

4:09.....Eric....
ในเรื่องของตลาดทองคำ เราก็คงต้องรอให้การกดราคามันยุติ ซึ่งดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดซะที ดูเหมือนพวกแบ้งเกอร์ นักการเมืองและอิลิท มีอำนาจมากต่อระบบเหลือเกิน

Lynette.....
ใช่ พวกนี้มีอำนาจต่อระบบมาก ...แต่ยังไงก็ตามสักวันหนึ่งพวกเขาก็จำเป็นต้องใช้ทองคำเพื่อมาอ้างอิงเป็นมูลค่าพื้นฐานเงินของเขา เราต้องรู้ว่ามันเป็นเกมที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นของสาธารณชน ทุกวันนี้ความเชื่อมั่นที่มีต่อระบบกำลังจะจบลง และพวกเขาต้องสร้างความเชื่อมั่นใหม่

วิธีก็คือมันต้องเกิดการรีเซ็ทในชั่วข้ามคืน และมีการปรับมูลค่าใหม่หมดเลย..ต่อมูลค่าของทองคำ ...เงินเฟียตซึ่งไม่มีมูลค่าเลยจะอิงกับค่าของทองคำ มันถึงจุดที่พวกแบ้งเกอร์ นักการเมืองและอิลิทต้องการทองคำมาเป็นพื้นฐานของมูลค่าให้กับเงินของพวกเขา

แต่ในระหว่างนี้ เราก็ต้องถือโอกาสที่พวกเขากำลังกดราคาทองคำอยู่ ทำตามแบบที่พวกเขาทำ คือเก็บทองคำไปเรื่อย ๆ ...

 

BREAKING !! : จับตาเศรษฐกิจโลก !!! ล่าสุดผู้บริหารของบริษัทชื่อดังก้องโลกอย่าง Goldman Sachs ได้ออกมาประกาศเอง !! 'สหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ' ที่จะเกิด Recession และทุกคนควรเตรียมตัว ! ขณะที่นักวิเคราะห์ของบริษัทปรับลดคาดการณ์ GDP ลงอีก พร้อมมองว่า Bond Yield จะพุ่งอย่างน้อย 3.3%
.
⚠️ล่าสุดมีรายงานที่น่าสนใจมาก ๆ ออกมาอีกแล้ว ! หลังจาก Lloyd Blankfein ประธานอาวุโสของบริษัทชื่อดังก้องโลกอย่าง Goldman Sachs ได้ออกมาเรียกร้องให้นักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเกิดภาวะ Recession โดยกล่าวว่า "มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ" (Very Very High Risk)
.
โดยเขาได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ถ้าผมเป็นผู้บริหารของบริษัทใหญ่ ๆ ผมจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากสำหรับมัน และถ้าผมเป็นผู้บริโภค ผมก็จะต้องพร้อมสำหรับมัน"
.
⚠️Goldman Sachs ชี้ว่าสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและการขาดแคลนมาตรการอื่น ๆ ที่จับต้องได้หรือเป็นรูปธรรม ในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ก็ร่วงลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ส่วนเงินเฟ้อพุ่ง 8.3% สูงสุดในรอบ 40 ปี และ GDP ยังออกมาติดลบ -1.4% ในไตรมาสแรก
.
ทีมเศรษฐกิจของ Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ GDP ของสหรัฐฯ ลงเหลือ 2.4% จากเดิม 2.6% และยังปรับลดประมาณการปี 2023 ลงเหลือ 1.6% จากเดิม 2.2% พร้อมกับเพิ่มมุมมองว่า Bond Yield (ผลตอบแทนพันธบัตร) 10 ปีของสหรัฐฯ จะพุ่งทะลุ 3.3%
.
⚠️อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มเกิด Recession สูง แต่ Blankfein ก็ยังตั้งข้อเกตให้แง่ดีไว้บางส่วน โดยเขากล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในบาง Sector จะหายไปเนื่องจากปัญหา Supply Chain มีแนวโน้มจะคลี่คลายลง
.
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อในภาคสำคัญอย่างเช่นราคาพลังงาน น่าจะยังคงอยู่ในระดับนี้ไปอีกสักระยะหนึ่งเลย (โดยเฉพาะหากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกรุนแรงขึ้นอีก)
.
⚠️นอกจากนี้ เขายังแย้มถึงประเด็นที่น่าสนใจเอาไว้อีกเกี่ยวกับ 'การเสื่อมลงของโลกาภิวัตน์' โดยกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ชาวอเมริกันได้รับประโยชน์มาเป็นเวลานานจากกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งทำให้สินค้า/บริการ และระดับราคาต่าง ๆ ถูกลง เนื่องจากค่าแรงที่ถูกกว่าในต่างประเทศ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันอาจทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด
.
“ตอนนี้เราสบายใจแค่ไหนที่จะพึ่งพา Supply Chain เหล่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในเขตแดนของสหรัฐอเมริกาและเราไม่สามารถควบคุมได้ เรารู้สึกดีไหมที่ได้รับเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดของเราจากไต้หวัน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายของจีน อีกแล้ว”
.
(How comfortable are we now to rely on those supply chains that are not within the borders of the United States and we can’t control?, Do we feel good about getting all our semiconductors from Taiwan, which is again, an object of China.)
.
แน่นอนว่าคำเตือนเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงกระแสหลาย ๆ อย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงไปต่อจากนี้ โดยเฉพาะการแยกตัวทางเทคโนโลยีสำคัญ ๆ ของโลก ที่หากเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้บริบทของเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปจากภาพเดิม ๆ ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
.
⚠️ดังนั้นประเทศเล็ก ๆ อย่างเราคงต้องมาจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว ว่าสถานการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเงินโลก จะดำเนินไปในทิศทางไหนต่อ ?
.
ซึ่งทาง World Maker นั้นจะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวที่สำคัญบนโลก และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
--------------------------------------------------------------
#ทันโลก #ทันเหตุการณ์ #ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
.
แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็นจากทาง Facebook ซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้
.
ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--------------------------------------------------------------
#goldmansachs #เศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #สหรัฐ #การเงิน #หุ้น #ลงทุน #economic #economy #recession #ข่าวรอบโลก #ข่าวต่างประเทศ #เศรษฐกิจโลก #ข่าวเศรษฐกิจ

 

Reuters อ้างรายงานจาก Financial Times ว่าแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FTX แพลตฟอร์มเทรดคริปโตเคอร์เรนซีชื่อดังกล่าวว่า
...

สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งอย่าง Bitcoin ไม่มีอนาคตในฐานะเครือข่ายการชำระเงิน ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ว่าไร้ประสิทธิภาพและมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูง
.
แบงก์แมน-ฟรายด์ ยังกล่าวว่าเขาไม่เชื่อว่าอนาคตของ Bitcoin จะถูกใช้เป็นสกุลเงิน แต่เชื่อว่ามันจะอยู่ในรูปแบบของสินทรัพย์ สินค้า หรือแหล่งเก็บมูลค่าเหมือนกับทองคำมากกว่า
.
ทั้งนี้ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด มีกระบวนการที่เรียกว่า "proof of work" โดยนักขุดต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการขุด Bitcoin ซึ่งต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก
.
ในทางกลับกัน แบงก์แมน-ฟรายด์ กล่าวว่าเหรียญคริปโตอื่นๆ ที่เป็นแบบ "proof of stake" นั้นจะได้รับการพัฒนาเป็นเครือข่ายการชำระเงิน เนื่องจากมีต้นทุนถูกกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า รวมถึง Ethereum สกุลเงินดิจิทัลอันดับสอง
.
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2020 หลังจากการดิ่งของ Stablecoin อย่าง TerraUSD (UST)

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.reuters.com/markets/cur...has-no-future-payments-network-ft-2022-05-16/

https://www.posttoday.com/world/683207
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า บังเกอร์ใต้ดินในฟินแลนด์กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังจากที่ฟินแลนด์ซึ่งเคยวางตัวเป็นกลางมาตลอด ตัดสินใจเปลี่ยนท่าที เพื่อขอเข้าร่วมกลุ่มนาโต้
.
ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่รัสเซียอย่างมาก ทั้งยังลั่นวาจาว่าจะมีมาตรการตอบโต้กับฟินแลนด์ รวมถึงการย้ายนิวเคลียร์ให้เข้าใกล้ยุโรปมากขึ้นด้วย
.
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฟินแลนด์จะไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของปูติน ตามรายงานของ Daily Mail ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายบังเกอร์นิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ดินของประเทศฟินแลนด์
.
ลึกลงไปใต้ท้องถนนของเมืองหลวงเฮลซิงกิราว 25 เมตร มีเครือข่ายอุโมงค์และถ้ำขนาดใหญ่และแข็งแรง ที่สามารถทนทานต่อระเบิดนิวเคลียร์ พร้อมกับ 500 บังเกอร์ซึ่งรองรับผู้คนได้กว่า 600,000 คน พวกเขาสามารถหลบภัยจากสงครามนิวเคลียร์อยู่ใต้ดินนี้ได้นานหลายเดือน
.
บังเกอร์ใต้ดินสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1960 โดยได้มีการขุดพื้นหินด้านล่างของประเทศมากกว่า 9 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพียงพอต่อการจัดเก็บรถโดยสารสองชั้นถึง 50,000 คัน
.
เจ้าหน้าที่ยังพูดถึงความแข็งแกร่งของบังเกอร์ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามเย็นนี้ว่าประตูของมันมีความทนทานชนิดที่ว่าระเบิดนิวเคลียร์ก็ไม่สามารถแม้แต่จะทำให้เกิดรอยบุ๋ม นอกจากนี้ที่นี่ยังได้รับการคุ้มครองจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นด้วย
.
ขณะที่ประธานาธิบดีฟินแลนด์เตือนว่ารัสเซียอาจยกระดับการทำสงครามเทคโนโลยีกับฟินแลนด์ได้ หากข้อเสนอของนาโตได้รับไฟเขียวจากสมาชิก
.
ในขณะที่เกิดการโจมตีทางทหารชาวฟินแลนด์กว่า 600,000 คนสามารถพักพิงในบังเกอร์หินแข็งแห่งนี้ ซึ่งนอกจากจะมีเสบียงอาหาร เครื่องนอน สุขาภิบาล หน่วยพยาบาล และเตียงสองชั้นอีกหลายพันหลังแล้ว
.
ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นโรงจอดรถ สนามแข่งรถโกคาร์ท สนามซอฟต์บอล สระว่ายน้ำ โรงเรียน ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ลานสเก็ตน้ำแข็งใต้ดิน
.
แต่ที่นี่ก็มีกฎอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด อาวุธ อุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือสิ่งที่ส่งกลิ่นเหม็นจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในที่พักพิง ขณะที่ผู้คนที่มาหลบภัยที่นี่จะได้ใช้ทักษะความสามารถที่ตัวเองมี ส่วนเด็กๆ จะมีผู้ดูแลขณะที่พ่อแม่ต้องทำงาน
.
"เมื่อเราปกป้องประเทศ เราต้องมีความสามารถในการคุ้มครองพลเรือนอย่างเหมาะสมด้วย" คาริม เพลโตเนน ผู้อำนวยการฝ่ายบริการผู้เชี่ยวชาญของสมาคมกู้ภัยแห่งชาติฟินแลนด์ (SPEK) กล่าวกับ CNN ขณะกำลังให้ดูรอบๆ หลุมหลบภัยนิวเคลียร์ใต้ดิน
.
นอกจากนี้เพลโตเนนยังกล่าวว่า "รัสเซียนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจ" ซึ่งฟินแลนด์ต่อสู้ดิ้นรนมานานกว่าศตวรรษเพื่อยืนยันความเป็นอิสระจากรัสเซีย
.
นอกจากที่พักพิงหลายร้อยแห่งแล้ว สถานีรถไฟใต้ดิน 25 แห่งของเฮลซิงกิยังสามารถแปลงเป็นบังเกอร์ใต้ดินได้ด้วย ซึ่งผู้คนสามารถใช้หลบภัยได้นานหลายสัปดาห์
.
ทั้งนี้ การปกป้องพลเรือนในฟินแลนด์เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยภายใต้กฎหมายป้องกันพลเรือนปี 1958 ซึ่งกำหนดให้มีการปกป้องพลเรือนเพื่อคุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินทั้งในยามสงคราม และในยามสงบ
.
โดยกฎหมายกำหนดว่ากระทรวงมีหน้าที่จัดหาที่พักพิงในพื้นที่เสี่ยง อพยพพลเรือนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และจำกัดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.dailymail.co.uk/news/ar...calypse-entire-population-shelter-months.html

https://edition.cnn.com/2018/07/14/europe/helsinki-tunnels-defense-trump-putin-intl/index.html

https://www.posttoday.com/world/683197

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แคทเธอรีน ไท่ เตรียมเยือนไทยเป็นทางการระหว่าง 19 พ.ค -22 พ.ค เพื่อร่วมประชุมเอเปคระดับรัฐมนตรีการค้าที่กรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพปีนี้ที่มีวาระผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและการพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 เกิดขึ้นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้นำสหรัฐฯเดินทางเยือนเกาหลีใต้พบผู้นำคนใหม่
.
MGRออนไลน์รายงานวันนี้(16 พ.ค)ว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯแถลงผ่านเว็บไซต์วันศุกร์(13)ว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แคทเธอรีน ไท่ มีกำหนดเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 19 พ.ค – 22 พ.ค นี้สำหรับการเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (APEC) ในระดับรัฐมนตรีรับผิดชอบทางการค้าที่กรุงเทพฯซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้
.
ทั้งนี้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯซึ่งมีเชื้อสายเอเชียในรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จะร่วมการประชุมหารือทั้งในระดับทวิภาคีและระดับพหุภาคีกับรัฐมนตรีการค้าของเอเปคและหารือเกี่ยวข้องกับวาระความสำคัญร่วมของรัฐมนตรีกลุ่มเอเปคตจะเป็นผลสัมฤทธิ์ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจโดยรวมต่อแรงงานในสหรัฐฯและทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
.
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯกล่าวว่า รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ซาราห์ เบียงกี (Sarah Bianchi) จะเดินทางมาถึงกรุงเทพฯในวันที่ 21 พ.คที่จะถึง อย่างไรก็ตามทางสำนักงานกล่าวว่า รายละเอียดในการประชุมของไท่จะมีการประกาศออกมาให้ทราบหลังจากนี้
.
สำหรับการประชุมเอเปคที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนนี้สื่อไทยรายงานว่า จะเป็นการหารือระดับรัฐมนตรีรับผิดชอบทางการค้า โดยการประชุมจะหารือในหลายประเด็นรวมถึงการผลักดันโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio-Circular-Green Economy, BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) ความร่วมมือเพื่อผ่อนคลายการจำกัดทางการค้าและการลงทุน การโปรโมทอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ข้อตกลงการค้าเสรี และรวมไปถึงการผลักดันการบังคับใช้เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
.
และในปีนี้ฝ่ายไทยมีแผนที่จะทำให้การเจรจาการค้าเสรีระดับทวิภาคีที่ค้างอยู่เสร็จสิ้น เป็นต้นว่า การเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทย-ตุรกี การเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทย-ศรีลังกา และการเจรจาการค้าระหว่างไทย-ปากีสถาน
.
การเดินทางมาเยือนไทยของไท่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ประธานาธิบดีไบเดนจะเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้เพื่อพบกับผู้นำคนใหม่ ยุน ซอกยอล ระหว่างวันที่ 20 พ.ค – 24 พ.ค

บลูมเบิร์กรายงานวันนี้(16)ว่า ยุนซึ่งเพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 พ.คที่ผ่านมาได้แถลงต่อรัฐสภาเกาหลีใต้ในวันจันทร์(16) โดยชี้ว่าเขาจะนำโซลเข้าเป็นส่วนร่วมกลุ่มเศรษฐกิจระดับภูมิภาคใหม่ที่ผู้นำสหรัฐฯกำลังจะเปิดเผยในไม่ช้า
.
ยุนแถลงว่า เขามีเป้าหมายต้องการหารือกับไบเดนว่ารัฐบาลโซลชุดใหม่ของเขาสามารถทำประโยชน์ต่อกรอบการทำงานอินโดแปซิฟิก ซึ่งข้อตกลงนี้จะช่วยสนับสนุนการทำงานร่วมกันของห่วงโซ่อุปทาน(supply chain) โครงสร้างพื้นฐาน และในด้านอื่นๆ
.
อย่างไรก็ตามยุนชี้ว่า การหารือของเขาร่วมกันกับไบเดนจะไม่หยุดเพียงแค่มาตรการทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีเสถียรภาพ แต่เขาจะให้ความสนใจไปที่ประเด็นเศรษฐกิจดิจิทัลและคาร์บอนเป็นศูนย์สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศโลก
.
บลูมเบิร์กชี้ว่า เกาหลีใต้ถือเป็นผู้ผลิตใหญ่ของเซมิคอนดักเตอร์และประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่สนับสนุนโครงการนำร่องห่วงโซ่อุปทานของไบเดน

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/around/detail/9650000046329
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision