ติดตามสถานะการณ์

UPDATE: จีนประกาศระงับความร่วมมือกับสหรัฐฯ หลายด้าน ตอบโต้เพโลซีเยือนไต้หวัน
.
วันนี้ (5 สิงหาคม) กระทรวงการต่างประเทศของจีนประกาศมาตรการตอบโต้ชุดใหม่ต่อสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการระงับการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศ เพื่อตอบโต้การเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่ทางการกรุงปักกิ่งเพิ่งประกาศคว่ำบาตรประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไปเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน
.
หัวชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงสรุปข่าวว่า มาตรการตอบโต้ดังกล่าว รวมถึงการยกเลิกการสนทนาหารือทางโทรศัพท์ และการประชุมระหว่างผู้นำด้านกลาโหมของจีนและสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนในอนาคต และการยกเลิกการประชุมกองทัพเรือประจำปี ภายใต้กลไกการให้คำปรึกษาด้านการเดินเรือทหารจีน-สหรัฐฯ (China-US Military Maritime Consultation Mechanism)
.
นอกจากนี้จีนยังประกาศระงับความร่วมมือในการส่งตัวผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายกลับประเทศ ความช่วยเหลือทางกฎหมายในคดีอาญา และการต่อสู้อาชญากรรมข้ามชาติ อีกทั้งจีนระงับความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดกับสหรัฐฯ ซึ่งตึงเครียดอยู่แล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่พอใจที่จีนไม่สามารถหยุดการลักลอบส่งออกสารสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์คล้ายฝิ่น (Synthetic opioids) ไปยังสหรัฐฯ โดยปักกิ่งและวอชิงตันไม่เห็นพ้องกันเกี่ยวกับวิธีจัดการกับปัญหานี้
.
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนยังกล่าวด้วยว่า จะระงับการเจรจาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน แม้ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความตึงเครียด
.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากปักกิ่งประกาศว่าจะคว่ำบาตรเพโลซีและครอบครัวใกล้ชิด เพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวัน และมีขึ้นในขณะที่จีนได้เพิ่มการฝึกซ้อมทางทหารและการส่งเครื่องบินรบรุกล้ำรอบเกาะไต้หวัน
.
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าวันนี้กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์ประณามเพโลซี โดยกล่าวว่า การเยือนไต้หวันของผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ เป็นการกระทำที่มุ่งร้ายและยั่วยุ อีกทั้งยังเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง
.
"แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะไปเยือนไต้หวันโดยไม่สนใจข้อกังวลที่ร้ายแรงและการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวของจีน ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง บ่อนทำลายอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนอย่างร้ายแรง เหยียบย่ำหลักการจีนเดียวอย่างร้ายแรง ตลอดจนคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง" กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุในแถลงการณ์
.
"เพื่อตอบโต้การกระทำที่มุ่งร้ายและยั่วยุของเพโลซี จีนตัดสินใจที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อเพโลซีและครอบครัวใกล้ชิดของเธอ"
.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจากฝ่ายจีนต่อเพโลซี
.
การเยือนไต้หวันของเพโลซีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเธอได้พบกับประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน และผู้นำคนอื่นๆ สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
.
อย่างไรก็ดี ในการแถลงข่าวที่กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายในการทัวร์เอเชียของเธอ เพโลซีแสดงท่าทีท้าทาย โดยกล่าวว่า จีนพยายามโดดเดี่ยวไต้หวันออกจากประชาคมระหว่างประเทศ แต่ไม่อาจขัดขวางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ให้เดินทางไปไต้หวัน
.
"เราจะไม่ยอมให้จีนโดดเดี่ยวไต้หวัน" เพโลซีซึ่งเป็น ส.ส. รัฐแคลิฟอร์เนีย พรรคเดโมแครต กล่าว "พวกเขาไม่ได้เป็นคนจัดตารางการเดินทางของเรา"
.
ในถ้อยแถลงวันนี้ เพโลซียังกล่าวด้วยว่า การเยือนไต้หวันเป็นการรักษาสถานะปัจจุบัน (Status Quo)
.
"มันเกี่ยวกับกฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวัน (Taiwan Relations Act) นโยบายสหรัฐฯ-จีน กฎหมายและข้อตกลงทั้งหมดที่กำหนดความสัมพันธ์ของเราคือเพื่อสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน และเพื่อธำรงไว้ซึ่งสถานะปัจจุบัน" เธอกล่าว
.
นอกจากนี้เพโลซียังปฏิเสธความคิดเห็นของนักวิจารณ์บางคนที่ว่า การเยือนไต้หวันทำให้เธอได้ประโยชน์มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์กับไต้หวัน โดยเธอกล่าวว่า คำวิจารณ์เหล่านี้ "ไร้สาระ"
.
"นี่ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่เกี่ยวกับพวกเขา" เพโลซีกล่าว "นี่เป็นเรื่องของไต้หวัน" โดยเธอชี้ไปที่ประชาธิปไตยที่เปิดกว้างและเสรี ตลอดจนเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จ และสิทธิ LGBTQIA+ ที่ค่อนข้างก้าวหน้าของไต้หวัน "และฉันภูมิใจที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้ทุ่มเททำงานเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่พวกเขามีต่อจีน"
.
ภาพ: Annabelle Chih / Getty Images
.
#เพโลซี #จีน #สหรัฐ #ไต้หวัน #Taiwan #Pelosi #TheStandardNews

 

PHOTO JOURNAL: ‘SHAKES HANDS’
.
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จับมือ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในระหว่างการประชุมที่บ้านพักของคิชิดะในกรุงโตเกียว โดยผู้นำญี่ปุ่นเรียกร้องให้จีนหยุดการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน หลังจีนตอบโต้เพโลซีที่ไปเยือนไต้หวันก่อนหน้านี้ - Kyodo via REUTERS
.
IG: www.instagram.com/thestandardth.ig
#TheStandardNews

 

UPDATE: อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่ฉนวนกาซา ปลิดชีพผู้บัญชาการกลุ่มญิฮาดอิสลาม ด้านกลุ่มฮามาสลั่นจะไม่อยู่เฉย
.
วานนี้ (5 สิงหาคม) อิสราเอลเปิดฉากส่งเครื่องบินรบโจมตีฉนวนกาซา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย รวมถึง เทย์เซียร์ จาบารี ผู้บัญชาการของกลุ่มติดอาวุธญิฮาดอิสลาม และเด็กหญิงวัยเพียง 5 ขวบ ขณะที่จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่อย่างน้อย 55 ราย ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
.
ยาอีร์ ลาปิด นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากอิสราเอลเผชิญกับภัยคุกคามเร่งด่วนจากกลุ่มญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ (Palestinian Islamic Jihad: PIJ) หลังทางการจับกุมสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่มได้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
.
ในการแถลงข่าวทางโทรทัศน์เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ลาปิดกล่าวว่า “อิสราเอลปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อการร้ายอย่างแม่นยำ เพื่อต่อต้านภัยคุกคามเร่งด่วน” พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องประชาชน
.
กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) เปิดเผยว่า ได้โจมตีหลายพื้นที่ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่ม PIJ ซึ่งรวมถึง Palestine Tower ส่งผลให้มีเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องและมีควันพวยพุ่งออกมาจากอาคาร โดย IDF ประเมินว่า มีสมาชิกกลุ่มติดอาวุธราว 15 รายถูกสังหารในปฏิบัติการครั้งนี้
.
ภายหลังการโจมตีของอิสราเอล กลุ่ม PIJ ได้ยิงจรวดนับร้อยลูกเข้าใส่อิสราเอลเพื่อเป็นการตอบโต้ แต่ส่วนใหญ่ถูกระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ Iron Dome สกัดเอาไว้ได้
.
ซิยาด อัล-นาคาลา เลขาธิการ PIJ กล่าวขณะเยือนกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน ว่า “เราจะตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการรุกรานครั้งนี้ และจะมีการต่อสู้ที่ประชาชนของเราจะเป็นฝ่ายชนะ” พร้อมกล่าวเสริมว่า “ไม่มีเส้นสีแดงสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้... เมืองเทลอาวีฟจะตกอยู่ภายใต้จรวดของกลุ่มต่อต้าน”
.
ขณะเดียวกันกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ที่ปกครองฉนวนกาซา กล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธจะรวมกันเป็นหนึ่งในศึกการต่อสู้ และจะไม่อยู่นิ่งเฉยแน่นอน
.
กาซี ฮาหมัด เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า “ผมคิดว่าอิสราเอลไม่สนใจการไกล่เกลี่ยใดๆ และก็ไม่มีพื้นที่สำหรับไกล่เกลี่ยด้วย ไม่มีพื้นที่สำหรับการเจรจาอย่างสันติ ประชาชนของเรากำลังรอให้กลุ่มต่อต้านปาเลสไตล์ตัดสินใจและตอบโต้”
.
ด้าน ทอร์ เวนเนสแลนด์ ผู้ประสานงานพิเศษแห่งกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางของสหประชาชาติ ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น เพื่อเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นไปมากกว่าเดิม ท่ามกลางช่วงเวลาที่ทรัพยากรโลกอยู่ในภาวะตึงตัวจากเหตุขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก
.
แฟ้มภาพ: Youssef Massoud / AFP
.
#TheStandardNews

 

UPDATE: เปิดเทอม 1 ปี 65 นักเรียนติดโควิดร้อยละ 30.56 ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากครอบครัว นายกฯ ห่วงการระบาดในโรงเรียน
.
วันนี้ (6 สิงหาคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานผลสำรวจการประเมินสุขภาพนักเรียนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดระลอกใหม่ในสถานศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ของกรมอนามัย จำนวน 49,242 คน พบการติดเชื้อร้อยละ 30.56
.
โดยนักเรียนส่วนใหญ่ติดเชื้อจากบุคคลในครอบครัว รองลงมาไม่ทราบสาเหตุการติดเชื้อ ส่วนการติดเชื้อในโรงเรียนพบเพียงร้อยละ 5.66 เท่านั้น และยังพบว่า มีครอบครัวเพียงร้อยละ 0.36 ที่ติดเชื้อจากนักเรียนที่ไปโรงเรียน โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบมากคือ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก และปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นอาการที่ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการของบุตรหลานได้ จึงขอให้โรงเรียน สถานศึกษา และสถานประกอบการศึกษา ยังคงต้องเน้นมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด ไม่ให้สร้างผลกระทบต่อการเรียนการสอนของครู-นักเรียน
.
มาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ประกอบด้วย
.
6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) คือ
1. การเว้นระยะห่าง (Distancing)
2. การสวมหน้ากาก (Mask Wearing)
3. การล้างมือ (Hand Washing)
4. การคัดกรองวัดไข้ (Testing)
5. ลดการแออัด (Reducing)
6. การทำความสะอาด (Cleaning)
.
6 มาตรการเสริม คือ
1. การดูแลตนเอง
2. การใช้ช้อนกลางส่วนตัว
3. กินอาหารปรุงสุกใหม่
4. การลงทะเบียนเข้า-ออก
5. การสำรวจตรวจสอบ
6. กักกันตนเอง
.
7 มาตรการเข้ม คือ
1. การประเมิน TSC+ และรายงานผลผ่านระบบ MOE COVID
2. การจัดกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย (Small Bubble)
3. การจัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ
4. อนามัยสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์มาตรฐาน
5. การมีแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม (School Isolation)
6. การควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route)
7. การจัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา
.
#TheStandardNews #โควิด

 

UPDATE: นักสิ่งแวดล้อมหวั่น จีนประกาศระงับความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศกับสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้วิกฤตโลกรวนแย่ลง
.
วานนี้ (5 สิงหาคม) กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ประกาศระงับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาหลากหลายด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการระงับการเจรจาในประเด็นสภาพภูมิอากาศ เพื่อตอบโต้การเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส่งผลให้นักสิ่งแวดล้อมกังวลว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะยิ่งซ้ำเติมวิกฤตโลกรวนที่กำลังเป็นภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ
.
เมื่อปีที่ผ่านมา จีนและสหรัฐฯ เคยสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศข้อตกลงที่มุ่งผลักดันการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ (UN) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ แต่ความพยายามดังกล่าวก็ได้หยุดชะงักลง หลังจากที่จีนประกาศระงับความร่วมมือไปเมื่อวานนี้
.
อัลเดน เมเยอร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสถาบัน E3G ซึ่งทำหน้าที่ผลักดันประเด็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าวิตกกังวลอย่างมาก เพราะการแก้ไขวิกฤตโลกรวนจะไม่มีทางประสบความสำเร็จหากปราศจากความร่วมมือของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกอย่างจีนและสหรัฐฯ เพราะทั้งสองชาติต่างเป็นผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก
.
ด้าน อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ UN ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลเช่นกัน โดยระบุว่า ความร่วมมือระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแก้ไข ‘ปัญหาเร่งด่วนที่สุด’ ของโลก
.
ฟร็องซัว เจอเมนเน ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การตัดสินใจของจีนถือเป็นหายนะของปัญหาสภาพภูมิอากาศ ไม่ต่างจากสมัยที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวออกจากความตกลงปารีส ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจำกัดอุณหภูมิโลกเฉลี่ยให้สูงขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส และพยายามควบคุมไม่ให้เพิ่มสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
.
นอกจากนี้คำประกาศล่าสุดของจีนยังได้ก่อให้เกิดคำถามที่ว่า แล้วการประชุม COP27 ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นที่อียิปต์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเป็นไปในทิศทางใด โดย หลี่ซัว เจ้าหน้าที่จากองค์กรกรีนพีซ ได้ออกมาตั้งคำถามบน Twitter ว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ “แล้วเงื่อนไขที่ทั้งสองชาติจะยอมกลับมาสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งคืออะไร” เงื่อนไขเหล่านั้นจะเน้นการแก้ปัญหาด้านภูมิอากาศหรือไม่ หรือท้ายที่สุดจะจบลงที่ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ของทั้งสองชาติ
.
ปัจจุบันโลกของเรามีอุณหภูมิร้อนขึ้นเฉลี่ยเกือบ 1.2 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ช่วงก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งคลื่นความร้อน ไฟป่า ภัยแล้ง น้ำท่วมใหญ่ และพายุที่รุนแรงกว่าเดิม
.
ข้อมูลจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ IPCC ระบุว่า โลกของเราอาจเผชิญอุณหภูมิที่สูงขึ้นถึง 2.8 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 แม้ว่าประเทศต่างๆ จะยอมปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศที่ให้ไว้ก็ตาม
.
นอกจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แล้ว ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังมีความเสี่ยงที่อาจไม่สามารถปฏิบัติตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ได้ เนื่องจากหลายประเทศประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจที่มีต้นเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด และการที่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครน ก็ส่งผลให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปต้องหวนกลับมาเปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกครั้ง
.
แฟ้มภาพ: Halfpoint Via Shutterstock
.
#TheStandardNews

 

UPDATE: รัสเซียจับกุมนักวิทยาศาสตร์ผู้พัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ข้อหากบฏต่อชาติ
.
วานนี้ (5 สิงหาคม) สำนักข่าว TASS ของรัสเซีย รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าผู้รับผิดชอบด้านการพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ถูกจับกุมตัวในข้อหากบฏต่อประเทศ
.
ดร.อเล็กซานเดอร์ ชิปลยุก ผู้อำนวยการสถาบันกลศาสตร์เชิงทฤษฎีและกลศาสตร์ประยุกต์ของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย สาขาไซบีเรีย เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียคนที่ 3 ที่ถูกจับกุมตัวในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วยข้อหากบฏ โดยเขาถูกส่งตัวไปที่เรือนจำเลฟอร์โตโวในกรุงมอสโก
.
รายงานระบุว่า ชิปลยุกเป็นหัวหน้าห้องแล็บอุโมงค์ลม ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อจำลองภาวะความเร็วเหนือเสียง
.
ก่อนหน้านี้รัสเซียเคยจับกุมตัว อนาโตลี แมสลอฟ หัวหน้านักวิจัยจากสถาบันเดียวกัน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ฐานต้องสงสัยว่ามีการลักลอบถ่ายโอนข้อมูลลับของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก และต่อมาในวันที่ 30 มิถุนายน ก็มีการจับกุมตัว ดมิทรี โคลเกอร์ นักวิจัยจากสถาบันฟิสิกส์เลเซอร์ของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย สาขาไซบีเรีย
.
อนึ่ง ชาติมหาอำนาจทางทหารอย่างรัสเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา ต่างกำลังแข่งขันกันพัฒนาอาวุธยานร่อนความเร็วเหนือเสียง (HGV) ซึ่งเป็นอาวุธที่มีความเร็วสูงจนสามารถหลบการตรวจจับของเรดาร์และระบบป้องกันขีปนาวุธได้ โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “เป็นอาวุธที่ยากจะป้องกันหรือสกัดได้”
.
เมื่อปี 2018 ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เคยกล่าวถึงอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่มีชื่อว่า Avangard ในระหว่างแถลงนโยบายประจำปีว่า อาวุธใหม่นี้สามารถทะลวงระบบป้องกันขีปนาวุธทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้ เนื่องจากมันมีขีดความสามารถในการหลบหลีก และบินด้วยความเร็วเหนือเสียง 20 เท่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงรัสเซียยืนยันในภายหลังว่า มันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่านั้นมาก
.
แฟ้มภาพ: Institute of Theoretical and Applied Mechanics Via CNN
.
#TheStandardNews

 

UPDATE: จีนซ้อมรบต่อวันนี้ ด้านไต้หวันเชื่อจงใจซ้อมบุกโจมตีเกาะหลักของดินแดน
.
กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การซ้อมรบของจีนในวันนี้ (6 สิงหาคม) มีลักษณะคล้ายกับเป็นการฝึกซ้อมเพื่อจำลองการโจมตีเกาะหลักของไต้หวัน ขณะที่เครื่องบินและเรือรบบางส่วนของจีนได้รุกล้ำเข้ามาในเส้นแบ่งในช่องแคบไต้หวันด้วย
.
กองทัพไต้หวันได้ส่งสัญญาณเตือนภัย รวมถึงส่งกองกำลังลาดตระเวนทางอากาศและเรือลาดตระเวนออกประจำการ อีกทั้งยังสั่งให้เตรียมพร้อมระบบขีปนาวุธจากชายฝั่งอีกด้วย โดยการซ้อมรบของจีนจะมีกำหนดสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ (7 สิงหาคม)
.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่จีนได้เปิดฉากการซ้อมรบเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา โดยในระหว่างการซ้อมรบ จีนได้ยิงขีปนาวุธหลายลูกข้ามเกาะหลักของไต้หวัน อีกทั้งยังส่งเรือรบรุกล้ำเส้นแบ่งในช่องแคบไต้หวัน และส่งเครื่องบินรบเข้ามาใกล้กับน่านฟ้าของไต้หวันด้วย
.
นอกจากนี้จีนยังประกาศระงับความร่วมมือกับสหรัฐฯ หลายด้าน ซึ่งรวมถึงการยกเลิกการสนทนาหารือทางโทรศัพท์ และการประชุมระหว่างผู้นำด้านกลาโหมของจีนและสหรัฐฯ อีกทั้งยังประกาศว่าจะคว่ำบาตรเพโลซีและสมาชิกในครอบครัวที่มีความใกล้ชิดด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ของสองชาติมหาอำนาจย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
.
ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า การกระทำของจีนเป็นการทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค โดยเขาได้พูดคุยเรื่องนี้กับ หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนแล้ว พร้อมย้ำว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนต้องลดระดับลง และทั้งสองประเทศจะต้องสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง
.
#TheStandardNews

 

UPDATE: ชาวอเมริกัน 3 ราย ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตใกล้ทำเนียบขาว ผู้เชี่ยวชาญเตือน อย่าหลบใต้ต้นไม้ขณะฝนตก
.
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 สิงหาคม) มีชาวอเมริกัน 3 ราย เสียชีวิตจากเหตุฟ้าผ่าบริเวณจัตุรัสลาฟาแยตต์ ซึ่งอยู่ใกล้กับทำเนียบขาว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
.
ผู้เสียชีวิต ได้แก่ เจมส์ มูลเลอร์ วัย 76 ปี และ ดอนนา มูลเลอร์ วัย 75 ปี สองสามีภรรยาที่เดินทางมาจากรัฐวิสคอนซิน เพื่อฉลองวันครบรอบแต่งงานปีที่ 56 ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนอีกรายหนึ่งเป็นชายวัย 29 ปีที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 4 ราย อยู่ใกล้กับต้นไม้ขณะที่ฝนฟ้าคะนองหนัก เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
.
แครีน ฌอง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในแถลงการณ์วานนี้ (5 สิงหาคม) ว่า “เรารู้สึกเสียใจกับการสูญเสียอันน่าสลดหลังเกิดเหตุฟ้าผ่าในลาฟาแยตต์พาร์ก เราขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก”
.
จอห์น เจนซีเนียส ผู้เชี่ยวชาญจากสภาความปลอดภัยจากเหตุฟ้าผ่าแห่งชาติ (National Lightning Safety Council) เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ถือเป็นเหยื่อจากเหตุฟ้าผ่าในสหรัฐฯ รายที่ 10-12 ของปีนี้
.
เจนซีเนียสกล่าวว่า “เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า ทุกคนจะต้องรีบหลบไปยังที่ปลอดภัยทุกครั้งที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง แม้จะได้ยินเสียงฟ้าร้องอยู่ไกล ก็ควรหาที่หลบเข้าไปในอาคารให้เร็วที่สุด” เนื่องจากการหลบอยู่ใต้ต้นไม้ขณะฝนตกนั้นเป็นอันตราย เพราะสายฟ้ามักจะผ่าสิ่งที่มีลักษณะสูงและมียอดแหลม เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือเสาอากาศ ฯลฯ
.
#TheStandardNews

 

เปิดชะตากรรมคนไทยบนวิกฤตเศรษฐกิจ เงินบาทถูกเผา ผลพวงแก้ปัญหาเงินเฟ้อชักช้า โรคระบาดยังมะรุมมะตุ้ม
.
“แพงทั้งแผ่นดิน” นาทีนี้คำนี้ดูจะไม่เกินจริง เพราะเพียงข้ามคืนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างตบเท้าขึ้นราคากันยกแผงต้อนรับเดือนสิงหาคมอย่างดิบดี ไม่เพียงแต่วัตถุดิบที่ปรับขึ้นราคากันอย่างน่าใจหาย แต่ก๊าซหุงต้มครัวเรือน หรือก๊าซแอลพีจี (LPG) ที่เปรียบเสมือนกำลังสำคัญในการประกอบอาหารก็ยังดีดตัวอีกถังละ 15 บาท มาอยู่ที่ 393 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม และจะขยับขึ้นเป็น 408 บาท/ถัง 15 กิโลกรัมในเดือนกันยายน
.
น่าตกใจที่ค่าครองชีพคนไทยพุ่งสูงสวนทางกับรายได้ที่คงเดิม ซ้ำร้ายบางรายลดลง และถึงแม้อัตราเงินเฟ้อประเทศไทยในเดือนมิถุนายนจะขยับมาอยู่ที่ 7.6% แต่กูรูหลายสำนักก็ได้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มพุ่งทะยานต่อไป ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าในไตรมาส 3 อาจเห็นอัตราเงินเฟ้อของไทยขยับมาแตะที่ระดับ 10% และอัตราการว่างงานก็ส่อแววจะขยับเพิ่มขึ้น
.
ล่าสุด แม้แต่ไข่ไก่ วัตถุดิบเพื่อนยากที่ทุกครัวเรือนต้องมีติดไว้ ก็ยังขยับขึ้นราคาอีกแผงละ 3 บาท เป็นการปรับขึ้นราคาครั้งที่ 3 ส่งผลให้ราคาไข่ไก่เพิ่มสูงขึ้นถึง 25% ในรอบ 1 เดือน โดยไข่ไก่ได้มีการปรับขึ้นราคาครั้งแรกในวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ฟองละ 3.20 บาท แล้วปรับขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ฟองละ 3.40 บาท และปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 3 อยู่ที่ฟองละ 3.50 บาทในวันที่ 3 สิงหาคม 2565
.
ยิ่งย้อนกลับไปดูสถิติค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยก็ยิ่งน่าเศร้าใจ เพราะถึงจะผ่านมาแล้ว 10 ปี แต่ค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยเพียง 300 กว่าบาทเท่านั้น... อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน พบว่าในปี พ.ศ.2555 อัตราค่าแรงขั้นต่ำทั้งประเทศอยู่ที่ 222-300 บาท และในปี พ.ศ.2565 อัตราค่าแรงขั้นต่ำขยับเพิ่มมาอยู่ที่ 313-336 บาท ขณะที่ค่าครองชีพก็พุ่งเอาๆ ชนิดที่ทิ้งห่างค่าแรงแบบมองไม่เห็นฝุ่น และถึงแม้ประชาชนจะเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงเท่าไร ก็ดูจะไม่เป็นผล เนื่องจากเศรษฐกิจไทยก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก แม้จะเปิดประเทศ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดและมาตรการจำกัดการเดินทาง ทำให้เศรษฐกิจมีแววดีขึ้นจากเดือนก่อน แต่ภาคธุรกิจหรือภาคประชาชนก็ยังคงเผชิญกับสภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งถ้ามองตามความเป็นจริงกำลังการซื้อของผู้บริโภคก็กระเตื้องขึ้นมาไม่มาก แม้รัฐบาลจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อหวังเยียวยาประชาชน ก็เป็นเพียงการช่วยเหลือในระยะสั้นที่ไม่เกิดความยั่งยืน ยิ่งถ้ามองลึกลงไปในระดับรากหญ้า ที่เป็นผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง ก็ไม่ได้เข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขนาดนั้น ทำให้การลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างลำบาก
.
นับเป็นชะตากรรมที่น่าเศร้าใจที่คนไทยยังต้องเผชิญ แต่ก็จะเข้าใจได้ว่า ณ ขณะนี้ทุกภาคส่วนก็พยายามอย่างเต็มกำลังในการแก้ไขปัญหา เพื่อหวังนำพาประชาชนและประเทศชาติก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจโรคระบาดที่เกิดขึ้น แต่พอจะมีทางออกไหนที่จะทำให้ปัญหาคลี่คลายอย่างยั่งยืน ก่อนที่จะประชาชนจะหมดกำลังใจในการดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปบนโลกใบนี้
.
ท้ายนี้ ทีมงาน BTimes ก็ขอเป็นกำลังใจให้ลูกเพจทุกท่าน ก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปได้อย่างปลอดภัย เพื่อรอวันที่เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติและมีความสุขอีกครั้ง สู้ๆ นะคะ เราจะผ่านวิกฤตไปด้วยกันค่ะ
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3A5Nfwl
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ #รายได้ #ธุรกิจ #วิกฤตเศรษฐกิจ #โรคระบาด #ค่าแรง #เปิดประเทศ #BTimes

 

นักวิเคราะห์ฝรั่งกำลังจับตาดู “ข้าวเจ้า”
ประเทศส่งออกข้าวหลักๆ กำลังเจอปัญหา ผลผลิตน้อยลง กระทบให้ส่งออกลดลง
ประเทศนำเข้าข้าวใหญ่ๆ ก็ผลิตเองได้น้อยลง ส่อทำให้ต้องนำเข้าเพิ่มขึ้น
หวั่นเกิดภาวะ “ขาดตลาด” ในตลาดโลก ผลักให้ราคาพุ่งกระจาย
ขอแทรกก่อนว่า ผู้ส่งออกข้าวเจ้าอันดับ 1 ของโลก คือ อินเดีย (21 ล้านตัน ในปี 2021)
อันดับ 2 เวียดนาม (6.3 ล้านตัน) / อันดับ 3 ไทย (6.1 ล้านตัน) / อันดับ 4 ปากีสถาน (3.9 ล้านตัน)
สังเกตเห็นๆ เลยนะครับท่าน อินเดียทิ้งขาดไปไกลลิบลับ
ขณะที่ผู้นำเข้าข้าวเจ้าอันดับ 1 คือ จีน (4.9 ล้านตัน) และรองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ (3.0 ล้านตัน)
(ข้อมูลจากกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา)
.
ตัดฉับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน ฤดูมรสุมอินเดียปีนี้น้ำน้อย / คลื่นความร้อนถาโถมในจีน / น้ำท่วมในบังกลาเทศ
หากสภาพแวดล้อมไม่คลี่คลายแปรเปลี่ยน ผลผลิตตกต่ำแน่นอน!

สมาคมผู้ส่งออกข้าวอินเดีย ชี้ว่าปีนี้ ปลูกข้าวลดลง 13% ทำให้ผลผลิตน่าจะเหือดหายไป 10 ล้านตันเมื่อเทียบกับปีก่อน

ขณะที่ ในเวียดนาม ฝนดันเทลงมาในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้คุณภาพไม่ได้ตามมาตรฐาน

ผู้ส่งออกอย่างอินเดียและเวียดนามเจอปัญหา … ไม่แคล้วต้องส่งออกลดลง
ด้านผู้นำเข้าอย่างจีนเจอภัยแล้ง ส่วนบังกลาเทศเจอน้ำท่วม ผลผลิตหดหาย … ท่าจะต้องนำเข้าเพิ่มขึ้น
จังหวะที่ ผู้นำเข้ารายใหญ่อย่าฟิลิปปินส์และแถบแอฟริกา จ่อเตรียมจะนำเข้าพอดีอีก
เป็นไปได้มาก ว่าจะ “ขาดตลาด” แล้วราคาพุ่งเหินหาว
.
หมายเหตุ
อย่าลืมนะครับท่าน ขณะนี้ อินเดีย “แบน” ห้ามส่งออกข้าวสาลี
ซึ่งถ้าเกิดสภาวการณ์ล่อแหลม ผลิตข้าวเจ้าได้ตกต่ำดำดิ่งมหากาฬ อาจทะลึ่ง “แบน” หรืออย่างน้อยสั่ง “จำกัด” การส่งออกข้าวเจ้าบ้างล่ะก็ … ราคาคงดีดเด้งไม่เบาทีเดียว

https://www.reuters.com/business/en...-harsh-weather-hits-top-exporters-2022-08-05/

 

ไม่ใช่ทุกอย่างที่ “ถดถอย” … ยังมีบางอย่างที่ “พวยพุ่ง”
“เฟด” แบงก์ชาติสหรัฐอเมริกา รายงาน สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค เดือน มิ.ย. ปูดขึ้น 4.02 หมื่นล้านดอลลาร์ --- ทำสถิติบวมขึ้นมากสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์
ว่าง่ายๆ มันคือ ยอด “กู้” ของประชาชนคนเดินดิน --- กู้เพื่อใช้จ่ายในการดำรงชีวิต มิใช่กู้เพื่อทำธุรกิจ
อาทิ กู้ซื้อรถ กู้จ่ายค่าเทอม กู้สารพัดเพื่อจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน รวมทั้งบัตรเครดิตนี่ก็นับ

เงินเฟ้อคืออะไร? สิ่งที่บังเกิดขึ้นนี้ น่าจะ “สะท้อนความหมาย” ได้ชัดเจนกว่ามานั่งอธิบายนิยงนิยามอะไร
ซื้อจำนวนเท่าเดิม แต่ของแพงขึ้น ก็ต้องจ่ายหนักขึ้น
แล้วถามว่าเงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่าๆ กับที่ข้าวของแพงขึ้นมั้ย?
ถ้าใช่ … คนก็ไม่กู้ยับขนาดนี้หรอกลูกพี่!

กรมสำมะโนแห่งสหรัฐอเมริกา ทำ “โพล” สำรวจ (ช่วง 29 มิ.ย. - 11 ก.ค.) ผลปรากฏว่า คนอเมริกา 40% ประสบความลำบากยากเข็ญอัตคัดขัดสน ในการหาเลี้ยงปากท้อง --- “หาเงินได้ไม่พอค่าใช้จ่าย” นั่นเอง
สถิติสูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจ! (หมายเหตุ เพิ่งเริ่มไม่นาน เริ่มครั้งแรกตอน ส.ค. 2020)

คำนวณคร่าวๆ ตีได้ว่า มี 90 ล้านครัวเรือนที่กำลัง “บ่อจี๊”

https://www.bloomberg.com/news/arti...t-jumps-more-than-40-billion-second-most-ever
https://www.bloomberg.com/news/arti...-bills-tops-pandemic-high-in-us-census-survey

 

ธรรมชาตินักพนัน ยิ่งเล่น ยิ่งเสี่ยง ยิ่งวางเดิมพันใหญ่ขึ้น
“เดเนียล ชัก” ผู้กรำศึก ในสังเวียน “โป๊กเกอร์” มาอย่างโชกโชน --- ผ่านมาแล้วกว่า 150 ทัวร์นาเมนต์ และกวาดเงินรางวัลมาแล้วกว่า 11.7 ล้านดอลลาร์ สุดท้ายโดนคดีจาก คณะกรรมการการค้าฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) แห่งสหรัฐอเมริกา
นอกจากเซียนไพ่ เขายังเป็นเทรดเดอร์ในตลาดทองและตลาดเงิน (เงินที่เป็นโลหะ silver ไม่ใช่ค่าเงิน foreign exchange) และตั้ง “เฮดจ์ ฟันด์” ขึ้น

เก่ง “เกทับ” จึงเอามาใช้ในการเทรดซะเลย
เทคนิค spoofing คือ สร้างออเดอร์หลอก --- ให้เหมือนมีออเดอร์เยอะๆ ก่อนที่จะยกเลิก (ก่อนจะเกิดการซื้อขายจริง)
สรุปก็คือไม่มีออเดอร์จริงน่ะแหละ!
คนในตลาดจะหลงเข้าใจผิด คิดว่าตลาดกำลังคึกคัก สะพัด น่าเข้า
ยิ่งกว่านั้น ออเดอร์หลอก มันปั่นราคาให้วิ่งไปตามขาที่วางได้ (ถ้าจำนวนมากพอ จังหวะดีพอ ในชั่วขณะนั้นๆ)
หรือ อาจหลอก แล้วชิงสลับขาในเสี้ยววินาที (เปิดออเดอร์ขาตรงข้าม)

ในวงไพ่ ตุกติกแบบนี้ถือว่าธรรมดาทั่วไป
ในวงเทรด ถือว่าทุจริต ผิดกฎหมาย
ตาดีได้ ตาร้ายเสีย --- ตานี้ เปิดเจอไพ่ “โจ๊กเกอร์” ซะแล้ว!

https://www.bloomberg.com/news/arti...oker-player-charged-with-spoofing-gold-market

 

เร่งทำคะแนนสู้! บลินเคน รมว.ต่างประเทศอเมริกาเยือนฟิลิปปินส์ รับขวัญผู้นำใหม่ มาร์กอส จูเนียร์ (หลังหมางใจยุคดูแตร์เต ที่หันหาจีน)

ผนึกรอยร้าว
เร่งรุดจีบในช่วงแรกผลัดใบนี่แหละ
สิ้นยุค ดูแตร์เต แล้วนะครับ --- ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนเก่าแข็งขืนกับอเมริกา ไม่อี๋อ๋อเหมือนที่เคยๆ มิหนำซ้ำ ยังโฉบไปโฉบมากับจีน ใช้คานใช้ถ่วงอำนาจ งัดกับอเมริกา
กับคนใหม่ เฟร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ก็นโยบายใหม่ --- เป็นโอกาสของอเมริกา
อย่ารอช้า
ช่วงนี้แถวทะเลจีนใต้ แถบเอเชีย-แปซิฟิก เป็นจุดทำคะแนนสำคัญ
ต้องเร่ง ต้องไล่

https://www.bloomberg.com/news/arti...ippines-to-boost-alliance-amid-china-tensions

 

# #ก้าวที่ผิดพลาดของ Nancy Pelosi
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published :4/8/22

การที่เป็นผู้มีตำเเหน่งสำคัญในของประเทศมหาอำนาจ การกระทำทุกอย่างย่อมมีผลกระทบที่สำคัญ

Nancy Pelosy ประธานสภา congress ของอเมริกาสังกัดพรรค Democrat ผู้เป็นลำดับ 3 ในการที่จะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกา เลือกที่เดินทางไปเยือนไต้หวันในจังหวะเวลาที่โลกมีวิกฤติมากพออยู่เเล้ว เเละการเยือนไต้หวันของนาง Pelosi อาจนำมาซึ่งวิกฤติใหม่ต่อโลกเเละต่ออเมริกา ในยามที่ความยากลำบากทั้งจากการบุกยูเครนเเละการระบาดของ Covid19 ก็หนักหนาสาหัสมากพออยู่เเล้วเเละยังไม่จบสิ้น

นางPelosi ประกาศว่าจะเยือนไต้หวัน ซึ่งคิดว่านาย Biden คงอาจจะไม่รู้มาก่อนล่วงหน้า เพราะในต้นเดือนกรกฎาคม 2022 Biden ได้ให้สัมภาษณ์ว่าประธานเสนาธิการทหารร่วม บอกว่าคงจะเป็นจังหวะที่ไม่เหมาะสมในการที่จะสร้างความตึงเครียดกับจีนในขณะที่อเมริกายังต้องช่วย support นาโตในยุโรป ผู้นำทางทหารของอเมริกาน่าจะคิดว่าอเมริกาคงจะไม่สามารถแบกภาระในศึกสองด้านทั้งจีนเเละรัสเซียในเวลาเดียวกัน

ทำไมอยู่ๆนาง Pelosi ซึ่งดำรงประธานสภามาหลายๆสมัยจึงเกิดอยากมาเยือนไต้หวัน สาเหตุน่ามาจากการเลือกตั้ง midterm ใกล้มาถึง ทั้ง Bidenเเละ Kamella Harris ล้วนมีคะแนนนิยมตกต่ำลงมากเเละพรรค เดโมแครตอาจสูญเสียที่นั่งในสภาให้ พรรค Republicans

นาง Pelosi จึงจำเป็นต้องแสดงออกทางการเมืองต่างประเทศที่แสดงถึงความเข็มแข็งของ Democrats เเต่ช่างเป็นจังหวะที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง นาง Pelosi ประเมินจีนผิดไม่คิดว่าจีนจะตอบโต้อย่างรุนแรง

ประธานาธิบดี Xi Jinping โต้ตอบข่าวการมาเยือนของ Pelosi อย่างรุนแรง โดยบอกเตือนประธานาธิบดี Biden ในการสนทนาทางโทรศัพท์ว่าอเมริกาอย่าเล่นกับไฟอาจถูกไฟเผาได้

ในระยะเวลาอีก 3 เดือนก่อนจะมีการเลือก Xi Jinping เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สาม Xi Jinping ย่อมยอมไม่ได้ที่จะให้นาง Nancy Pelosi มาหมิ่นศักดิ์ศรีของจีน

Biden ต้องอยู่ในภาวะจำยอมไม่อาจเเสดงความอ่อนเเอในการทัดทานนาง Pelosi สำหรับนาง Pelosi จะถอยก็ย่อมจะเสีย จึงเลือกเดินทางมาสิงคโปร์ก่อนเเละยังไม่ประกาศกำหนดการที่เเน่ชัดในการเยือนไต้หวัน เเละเลือกประกาศในช่วงสุดท้าย และเมื่อเดินทางไปไต้หวันก็เดินทางไปเยือนแบบไม่เป็นทางการเพื่อลดระดับความตึงเครียดกับจีน เเต่ท่าทีที่แสดงออกยังเเข็งกร้าวต่อจีน

การตอบโต้ของจีนในการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง 3 วัน เป็นสิ่งที่ทำให้จีนมีโอกาสแสดงให้เห็นถึงความเข็มแข็งของจีนและภาพพจน์ที่ได้ใจคนจีนในแผ่นดินใหญ่ จีนมีโอกาสที่จะทดสอบการตอบสนองของอเมริกาภายในการนำของ Biden ในขณะที่อเมริกาต้องดำเนินนโยบายแบบตั้งรับ
สมาชิกรัฐสภาอเมริกาจำเป็นต้องแถลงสนับสนุนนาง Pelosi ในการเยือนไต้หวัน

การตอบโต้ที่สำคัญคือจีนสั่งห้ามสินค้าอาหารจากไต้หวันนับร้อยๆรายการ นักธุรกิจไต้หวันจำนวนมากลงทุนในจีน เศรษฐกิจไต้หวันขึ้นกับการค้ากับจีน 30% เป็นสิ่งที่คาดกันมาก่อนว่าจีนอาจไม่จำเป็นต้องบุกยึดไต้หวันโดยตรงเเต่อาศัยการบีบทางเศรษฐกิจ การปิดทางเข้าออกของสินค้าจากเกาะไต้หวัน

สิ่งที่จะเป็นปัญหาหนักสำหรับเศรษฐกิจอเมริกาถ้าเกิดจีนหาเหตุบุกยึดไต้หวันในขณะนี้คืออเมริกาจะขาดแคลนสินค้าสำคัญคือ chip เพราะบริษัท TSMC ที่ผลิต chips ใหญ่ที่สุดของโลกอยู่ที่ไต้หวัน อเมริกาเพิ่งอนุมัติกฎหมาย chips act เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิต chip ในอเมริกา เเต่คงต้องใช้เวลา

สำหรับนาง Pelosi เมื่อเดินทางถึงไต้หวันได้เขียนบทความลงในสื่อLiberal : The Washington post ว่าอเมริกาจำเป็นต้องสนับสนุนประเทศประชาธิปไตยเเละต่อต้านระบอบเผด็จการทุกรูปแบบเเบบเต็มที่ แต่คำพูดของนาง Pelosi ดูจะย้อนเเย้งกับการที่ Biden ถอนทหารจากAfghanistan และละทิ้งรัฐบาลประชาธิปไตยในอัฟกานิสถานให้ถูก Taliban ล้มล้างในเวลาอันรวดเร็ว

สื่อหลักอย่าง นิตยสาร Time และ The Economist บอกว่าการเดินทางของนาง Pelosi เป็นการเดินทางที่เสียเปล่า ไม่ก่อประโยชน์อันใด เป็นการแสดงถึงการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกันในพรรคเดโมแครต นาง Pelosi ได้ทำให้สิ่งที่ Biden ได้พยายามทำในเอเชียเกิดความสับสนมากขึ้น ประเทศพันธมิตรยุโรปต่างพยายามปลีกตัวไม่เข้ามายุ่งในความขัดเเย้งครั้งใหม่นี้

นาง Pelosi เป็นนักการเมืองอเมริกันระดับสูงสุดในรอบ 25 ปีที่เยือนไต้หวัน ในปี 1997 นาย Newt Gingrich ประธานสภาอเมริกันเคยเเวะเยือนไต้หวันเพียง 3 ชั่วโมงภายหลังเยือนปักกิ่ง เเต่การเยือนของนาง Pelosi อยู่ในสภาวะที่ต่างกันมากเพราะ Pelosi แสดงจุดยืนต้านจีนอย่างรุนแรงมาตลอด นาง Pelosi เคยประท้วงจีนในเหตุการประท้วงที่จัตุรัส เทียนอัน เหมือน

สหรัฐรับรองรัฐบาลจากปักกิ่งตั้งเเต่ปี 1979 เมื่อจีนขัดเเย้งกับรัสเซียในปัญหาชายแดนเพราะเห็นว่าจะได้ประโยชน์ เเต่ก็ยังคงสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยของไต้หวัน จีนยืดหยัดในนโยบายจีนเดียวมาตลอด Biden ได้แถลงว่าจะช่วยเหลือถ้าจีนใช้กำลังทหารบุกยึดไต้หวัน เเต่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ไต้หวันเเยกตัวเป็นประเทศอิสระ

การเยือนไต้หวันของนาง Pelosi กลับทำให้ Biden ดูอ่อนแอยิ่งขึ้น เมื่อจีนถือโอกาสแสดงพลังทางทหารรอบเกาะไต้หวัน เเละอเมริกาไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการให้เรือรบอเมริกัน standby และกลับจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้ไต้หวันทั้งทางเศรษฐกิจ เเละทำให้จีนสามารถสร้าง gray zone ในการบริเวณรอบไต้หวันที่จีนอาจจะใช้เครื่องบินรบบินขู่ไต้หวันมากขึ้นในอนาคต

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

# #การเเก้ปัญหาหนี้สินของประเทศยากจน
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published :3/8/22

ผลกระทบจากสงครามในยูเครนเเละความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่มีจากการระบาดของ Covid19 ทำให้ประเทศยากจนและประเทศ middle income country ได้รับผลกระทบอย่างหนัก การ Sanctions รัสเซีย ทำให้ output ของโลกลดลง โลกกำลังเผชิญความลำบากจากวิกฤติซ้อนวิกฤติ

ในวิกฤติปี 1997-1998 ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย เมื่อFed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้เงินทุนไหลออกจากประเทศ emerging การผูกติดค่าเงินบาทกับเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการโจมตีเงินบาทจนไทยหมดเงินทุนสำรอง ในปี 1997

เเต่ GDP ของประเทศ Emerging ได้เพิ่มขึ้นจาก 21% เป็น43% เเละ GDP ของประเทศเอเชียเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 60% ของ GDP โลก เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากปี 1997 เเละที่สำคัญสัดส่วนของหนี้สินของประเทศ emerging เปลี่ยนแปลงไป หนี้สินจากการกู้เงินจากตะวันตกเช่น IMF คิดเป็น 60% แต่ในปี 2006 หนี้สินของประเทศ Emerging ต่อ Paris club จะอยู่ที่ 80% ปัจจุบันหนี้สินมีเจ้าหนี้ที่เป็นจีนถึงหนึ่งในห้าสำหรับประเทศ emerging

จาก World Bank พบว่าประเทศที่ยากจนมีหนี้สิน 63%ของ GDP มีส่วนหนึ่งเป็นหนี้สินของรัฐที่ตกอยู่ในความเสี่ยง โดยหนึ่งในสามเป็น floating rate อัตราดอกเบี้ยลอยตัวเพราะดอกเบี้ยได้ขึ้นมาเเล้ว 15% นับตั้งแต่ปี 2005

ความยุ่งยากในการปรับโครงสร้างหนี้สินของประเทศเล็กๆเหล่านี้เพราะจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ในหลายๆประเทศโดยเฉพาะประเทศที่มีโครงการ Belt&road Iniative เพราะจะต้องมีความร่วมมือระหว่าง IMF เเละWorld Bank และBank ใหญ่ของจีนซึ่งส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาลจีน

จีนมีวิธีการที่ต่างกันไปคือไม่ลดเงินต้น ทำ hair cut เเต่จะใช้วิธี prolonged การจ่ายหนี้สินเเละการเข้าดำเนินกิจการเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในท่าเรือในศรีลังกา

ในขณะนี้ Bank ใหญ่ของจีนคงจะไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะทำ hair cut ได้เนื่องจากธนาคารใหญ่ของจีนก็มีความเสี่ยงในหนี้สินที่ให้กู้เงินกับโครงการอสังหาริมทรัพย์จีน เเละรัฐบาลจีนก็มีคำสั่งให้ปล่อยเงินกู้ให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยังก่อสร้างยังไม่เสร็จ

ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นอีกประการคือเจ้าหนี้ตะวันตกไม่อยากให้ความช่วยเหลือไปตกอยู่กับเจ้าหนี้ธนาคารของจีน เเละความตกลงที่ยุ่งยากในการเลือกใช้หนี้ว่าใครจะเป็นเจ้าหนี้หลักเพราะไม่มีใครอยากเสียเปรียบ

ตั้งเเต่ปี 1949-2017 จีนปล่อยกู้ให้ประเทศต่างๆ 5,000 โครงการใน 152 ประเทศโดยไม่รายงานต่อ IMF และ World Bank ทั้งๆที่จีนเป็นสมาชิก ความสำคัญของรายงานเพื่อประโยชน์ในการประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของเเต่ละประเทศ ทำให้ประเทศยากจนมีการกู้เงินจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกประเมินความเสี่ยงที่เเท้จริงเเละเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำมาสู่วิกฤติเศรษฐกิจ

ในปี 2020 ประเทศใน Paris club 20 ประเทศได้สร้างมาตรการที่พยายามดึงจีนเข้ามาร่วมในการปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศเล็กๆ

ถึงเเม้ว่าประเทศที่มีโอกาสจะมีหนี้เสีย default คิดเป็น 3% ของหนี้สินสาธารณะของโลก และประเทศเหล่านี้มี GDPคิดเป็น 5% GDP ของโลก เเต่ประเทศเหล่านี้มีประชาชนรวมกันจำนวน 1,400 ล้านคนคิดเป็น 18% ของจำนวนประชากรโลก ที่จะต้องเผชิญกับความลำบากในการดำเนินชีวิตเหมือนกันกับที่เกิดขึ้นในศรีลังกา

ประเทศไทยในปี 1997 เคยเกือบเหตุการเช่นเดียวกันกับศรีลังกาเมื่อเงินทุนสำรองเกือบหมด เเต่ต้องขอเงินช่วยฉุกเฉินจาก IMF ได้ทัน เเต่ก็ตกอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดจากการที่ต้องยอมรับเงื่อนไขอันเข็มงวดของ IMF แต่สิ่งที่ได้มาคือระบบสถาบันการเงินที่มั่นคงขึ้น ธนาคารขนาดเล็กที่มีปัญหาได้ล้มหายไป ในขณะนี้จีนยังต้องผจญปัญหากับธนาคารขนาดเล็ก 4,000แห่งในชนบทของจีน

ความซับซ้อนในการปรับโครงสร้างหนี้สินของประเทศยากจนมาจากการที่ประเทศเหล่านี้มีเจ้าหนี้มาจากหลายๆเเห่ง

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

# # Exercise save life
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published:5/8/22

การออกกำลังกายเป็นสิ่งดี มีคำถามว่าควรจะออกกำลังกายอาทิตย์ละเท่าไหร่ ควรออกเป็นประจำทุกวันเเละถ้า ออกกำลังกายเฉพาะช่วงที่ส่างสุดสัปดาห์จะพอหรือไม่ ชนิดของการออกกำลังกายควรจะเป็น light exercise หรือ moderate exercise

การศึกษาพบว่าคนที่ออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 150 นาทีจะทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น ลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ เบาหวาน เเละจะเป็นสิ่งที่ดีถ้าใช้เวลาวันละ 30 นาที อาทิตย์ละ 5 วัน

เเต่มีหลายๆคนไม่มีเวลาว่างวันละ 30 นาที จึงมีคนจำนวนหนึ่งใช้เวลาในหยุดสัปดาห์ 1ถึง 2วันออกกำลังกายทีเดียว 150 นาที

การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Jama สำรวจแบบ self report ในคนอเมริกา 350,000 คน ในระหว่างปี 1997 ถึง 2013พร้อมกับดู National Death index ถึงสาเหตุการเสียชีวิตในปี 2015 พบว่าคนที่ออกกำลังกาย 150 นาทีในหนึ่งอาทิตย์จะมีโอกาสลดลง 30%สำหรับการเสียชีวิตด้วยโรคระบบหัวใจเเละเส้นเลือด เเละจากโรคมะเร็ง

การออกกำลังกายเเม้จะไม่มากเเม้จะเล็กน้อยเเต่ก็ยังเป็นประโยชน์

ถึงแม้ว่าบางคนจะออกกำลังกายไม่ถึง 150 นาทีต่อสัปดาห์ เเต่การออกกำลังกายระดับหนึ่งก็ทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเเละหลอดเลือด 23% และลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ 12% เเละการลดอัตราการเสียชีวิตโดยรวม 15%

การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผู้ออกกำลังกาย1-2 วันในสุดสัปดาห์เป็นเวลา 150 นาทีเทียบกับผู้ที่กระจายการออกกำลังกายไป 5 วัน วันละ 30 นาที ก็พบว่าจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ไม่ต่างไปจากผู้กระจายเวลาในการออกกำลังกาย

ในการศึกษายังตัดผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เสียชีวิตได้ จากโรคที่เป็นอยู่เเละไม่สามารถออกกำลังกายได้เช่นมะเร็ง stroke , COPD , bronchitis ที่ได้รับการวินิจฉัยในเวลา 2 ปี ออกจากการศึกษา

BMIมีผลต่อสุขภาพโดยทั่วไปเเละความสามารถในการออกกำลังกาย ในการศึกษาจึง adjust BMI ในการวิเคราะห์ รวมทั้ง adjust ปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อสุขภาพเเละการเสียชีวิต เช่น รายได้ อายุ โรคประจำตัว เพศ ระดับการศึกษา ผิวสี การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่าในการออกกำลังกายวันละ 30 นาทียังสามารถกระจายออกไปเป็นช่วงเวลาย่อยอีกคือทำเป็น snack exercise เพราะหลายๆคนไม่มีเวลามากพอในเเต่ละวัน

ในปี 2018 Guidelines for activity and exercise for American ได้แนะนำให้ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 150 นาที โดยเป็น moderate exercise โดยพิจารณาจากข้อมูลในการศึกษาต่างๆ

moderate exercise คือการออกกำลังกายที่เพิ่มการเต้นของหัวใจเเละเพิ่มความถี่ของการหายใจ การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Lancet ให้เดินวันละ 8,000-10,000 ก้าวในเเต่ละวันสำหรับคนอายุน้อยกว่า 60 ปี เเละให้เดินวันละ 6,000 ถึง 8,000 ก้าวสำหรับคนอายุมากกว่า 60 ปี ในอีกการศึกษาพบว่าว่าการเดินวันละ 10 นาทีก็ช่วยให้อายุยืนขึ้น

ออกกำลังกายวันละไม่มากถ้าไม่มีเวลาก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ every step in every day life are counting for your health

โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

Zelensky ตะโกนไปยังสหรัฐอเมริกา รีบส่งเงินให้พวกเราเร็ว ๆ !

ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ของยูเครนกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับNew York Post ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ว่า แม้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันสหรัฐอเมริกา อัตราเงินเฟ้อและการแพร่กระจายของโรคระบาดโควิด-19สมควรได้รับการพิจารณาแต่การให้เงินทุนและการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนเพื่อสนับสนุนการทำสงครามกับรัสเซียนอกจากจะขอให้สหรัฐฯ และยุโรปจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว ยูเครนยังขอให้สหรัฐฯ จัดหาก๊าซธรรมชาติให้กับพวกเขาด้วย คาดว่า Biden คงจะงงเป็นไก่ตาแตกกับฐานะตำแหน่งของ Zelensky

สถานการณ์ในยูเครนเป็นเรื่องเร่งด่วน สหรัฐฯ และยุโรปมักวางตำแหน่งยูเครนไว้อย่างชัดเจน โดยใช้สงครามรัสเซีย-ยูเครนเพื่อปราบปรามรัสเซียในแง่มุมทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารทั้งหมดเพื่อพยายามควบคุมการพัฒนาของรัสเซีย ในฐานะหุ่นเชิดของสหรัฐฯ สหรัฐฯ ได้มอบอาวุธและการสนับสนุนทางการเงินจำนวนมากแก่ยูเครนในช่วงแรกๆ ของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากความทะเยอทะยานของยูเครนมีมากเกินไปจึงส่งผลกระทบต่อสถานะของไบเดนทำให้การสนับสนุนส่วนบุคคลแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐอเมริกา

สงครามรัสเซีย-ยูเครน สหรัฐฯ และยุโรปในฐานะเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังยูเครน จะช่วยให้ยูเครนชนะสงครามครั้งนี้ซึ่งจะส่งเสริมผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาและยุโรปด้วย สหรัฐอเมริกาและยุโรปจะยอมทนกับการขอการสนับสนุนทางการเงินอย่างไร้เหตุผลของยูเครนอย่างต่อเนื่องจะได้นานสักแค่ไหน เท่าที่สถานการณ์ในปัจจุบันมีความกังวลกับปัญหาที่ร้ายแรงกว่าที่สหรัฐฯ และประเทศในยุโรปเผชิญอยู่คือสถานการณ์ทางการเมืองและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศของตน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือยูเครนสักวันหนึ่งพวกเขาคงต้องมีความรู้สึกต่อข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลของยูเครนอย่างไม่ต้องสงสัย ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่รู้ว่าไบเดนจะเลือกอะไร ตามเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้ ประธานาธิบดีสหรัฐ Biden จะพิจารณาอย่างรอบคอบ สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาเอง ในเวลานี้สหรัฐและยุโรปกำลังคิดที่จะล่าถอยแล้ว

การช่วยให้ยูเครนฝ่าฟันอุปสรรคและชนะสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นข้อเสนอที่ผ่านโดยสหรัฐฯ ทีละชั้น แต่สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ในภาวะคับแคบอย่างรุนแรง จะไม่เป็นที่นิยมในการช่วยเหลือยูเครนต่อไป ชาวอเมริกันแสดงความไม่พอใจอย่างมากกับการช่วยเหลือยูเครนอย่างต่อเนื่อง Biden เผชิญกับความท้าทายที่ยากลำบากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนหลังจากเข้ารับตำแหน่งไม่นาน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศและการแพร่กระจายของโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจของประชาชน ประชาชนมีปัญหาร้ายแรงในประเทศ แต่ Biden สนับสนุนและช่วยเหลือยูเครนในความพยายามที่จะต่อสู้กับศักดิ์ศรีระดับนานาชาติของรัสเซีย ที่ Biden คาดหวัง แต่สถานการณ์กำลังออกจากการควบคุมของ Biden มากขึ้นเรื่อย ๆ

และประเทศไม่เข้าใจแนวทางของตน อัตราการสนับสนุนส่วนบุคคลก็ลดลงถึงระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เรื่องนี้ทำให้ประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งเพิ่งติดเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่การระบาดของโรคระบาดเชื้อโควิด-19 สหรัฐฯ ยังไม่บรรลุผลที่ชัดเจนในแง่ของอัตราการเติบโตของโรคระบาดหรือมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ความไม่พอใจของคนอเมริกันเพิ่มขึ้นทุกวัน และเหตุการณ์ในยูเครนในเวลานี้มี สถานการณ์ที่ยากลำบากของไบเดนรุนแรงขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทิศทางการพัฒนาของพวกเขาคือการเพิ่มผลประโยชน์ของตนเองให้สูงสุดและใช้โอกาสที่มีอยู่ทั้งหมดและเพิ่มมูลค่าให้สูงสุด มีแบบอย่างสำหรับผู้นำของสหราชอาณาจักรและอิตาลีที่ต้องลาออก ไบเดนควรรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นในเวลานี้ ในที่สุด เขาต้องไม่ปล่อยให้ตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาถูกทำลายโดยยูเครน รัสเซียภายหลังสามารถปราบปรามการคว่ำบาตรได้ แต่ข้อสันนิษฐานของเรื่องนี้คือเขาสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้นานขึ้น

ความต้องการของประธานาธิบดียูเครน Volodymyr Zelensky สำหรับเงินรักษาความปลอดภัยจาก Biden ก็เป็นการเผชิญหน้ากัน ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจทางทหารที่ไม่แข็งแกร่งเท่ารัสเซีย ทำไมยูเครนจึงกล้าที่จะยั่วยุรัสเซีย? ยูเครนเพิ่งทำลายสะพานที่สำคัญในรัสเซียด้วยจรวด Haimas ที่สหรัฐฯ และยุโรปจัดหาให้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ยูเครนพูดต่อรัสเซีย รัสเซียมีทางเลือกเพียง 2 ทางเท่านั้น คือ ยอมจำนนและล่าถอยเอง หรือรอ ยูเครนโจมตี แล้วล่าถอย

จะเห็นได้ว่าทัศนคติของยูเครนนั้นเย่อหยิ่งมาก และไม่มีแนวคิดเรื่องการหยุดยิงในการเจรจาสันติภาพ แน่นอนว่าในเวทีระดับนานาชาติไม่มีใครสู้แบบตัวต่อตัวได้เนื่องจากรัสเซียเลือกต่อสู้จนจบตั้งแต่ต้นก็จะไม่หยุดครึ่งทาง

สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รัสเซียเพียงประเทศเดียวที่ต่อต้านการกักกันและการสกัดกั้นอันยิ่งใหญ่ของโลกตะวันตก และต่อสู้กับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป สหรัฐฯ ยังไม่ได้ก้าวออกจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ชีวิตของประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตกนั้นไม่ง่ายเลย และความคิดที่จะหลบหนีก็เกิดขึ้นในใจพวกเขาแล้ว แต่กลับถูกคุกคามด้วยคำพูดจากยูเครน ประธานาธิบดี Zelensky แห่งยูเครน กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าสงคราม ในยูเครนคือการปกป้องสหรัฐอเมริกาและยุโรป หากยูเครนเลิกต่อต้าน รัสเซียก็จะโจมตีประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตก และอำนาจอธิปไตยในดินแดนและความมั่นคงของประเทศในยุโรปตะวันตกจะถูกคุกคาม เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตของมนุษย์ที่ยูเครนจ่ายไป ปัญหาระหว่างอัตราเงินเฟ้อและการแพร่กระจายของโรคโควิด-19ในสหรัฐอเมริกาและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้นประธานาธิบดียูเครน Zelensky อ้างว่ายูเครนและสหรัฐอเมริกาแบ่งปันค่านิยมร่วมกันบนพื้นฐานของค่านิยมที่ Biden มักพูดและกล่าวว่าสงครามรัสเซีย - ยูเครนก็เพื่อปกป้องค่านิยมร่วมกันของพวกเขา ตอนนี้ Biden เป็นดังคำกล่าวที่ว่าทุ่มก้อนหินเข้าทับเท้าตัวเอง ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนมากกว่า 56 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นมูลค่าที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในขณะนี้ และอัตราเงินเฟ้อคราวนี้ยังสูงอยู่แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุดแต่คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะขึ้นสูงสุดได้

จุดเริ่มต้นของสิ่งต่าง ๆ อาจเป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป สงครามครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียเท่านั้น แต่ยังเป็นการเผชิญหน้าระหว่างโลกทุนนิยมตะวันตกทั้งหมดกับรัสเซีย สงครามตัวแทนในยูเครนเป็นสงครามสำหรับสหรัฐอเมริกาและยุโรป ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจกันว่าประธานาธิบดียูเครน Zelensky ขอเงินและอาวุธจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป สงคราม Proxy การเผชิญหน้าของทุนเป็นเรื่องธรรมดามากในโลกนี้ ยูเครนไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาและเขาเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะไม่ละทิ้งเขาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ เมื่อผลประโยชน์ของพวกเขาไม่ไปด้วยกันอีกต่อไปข้อตกลงทั้งหมดเหล่านี้ก็จะกลายเป็นโมฆะในทันที

 

ในช่วงเวลาวิกฤติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กองทัพรัสเซียได้ประกาศว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมสงครามในยูเครนโดยตรงแล้ว

กองทัพรัสเซียประกาศว่ากองทัพสหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งในยูเครน การมีส่วนร่วมโดยตรงของกองทัพสหรัฐและยังทะลุเส้นสีแดงที่รัสเซียได้กำหนดไว้

ตามคำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กองทัพยูเครนยอมรับว่าบุคลากรของกองทัพสหรัฐฯ เป็นกองทหารยูเครนโดยตรง การยืนยันชี้เป้าหมายของ Haimas MLRS มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

สิ่งนี้จะแตกต่างไปจากธรรมชาติของสงครามตัวแทนอย่างสิ้นเชิง โฆษกกระทรวงกลาโหมยูเครน ยืนยันว่าหน่วยข่าวกรองยูเครนและสหรัฐฯ จะเจรจากันก่อนปล่อยจรวด ซึ่งหมายความว่าในที่สุด ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป้าหมายของการโจมตีเป็นการปฏิบัติการณ์ของกองทัพสหรัฐ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สหรัฐอเมริกาได้จัดหาระบบจรวด Haimas ให้กับยูเครนทั้งหมด 16 ระบบ ตอนนี้กองทัพรัสเซียได้ทำลายจรวด Haimas ไปแล้วหกลูกและอื่น ๆ มากกว่า 200 ลูก ทางเพนตากอนบอกว่านี่เป็นเรื่องสมมุติ เหตุใดรัสเซียจึงประกาศว่ากองทัพสหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงครามในเรื่องนี้

นี่เป็นคำเตือนที่ร้ายแรงที่สุดของรัสเซียต่อการสนับสนุนของกองทัพสหรัฐฯ สำหรับเครื่องยิงจรวด Haimas ของยูเครน กองทัพรัสเซียไม่มีความสมารถที่ดีพอในการจัดการกับเครื่องยิงจรวด Haimas เป้าหมายที่มีมูลค่าสูงจำนวนมากของกองทัพรัสเซียถูกทำลาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ Kherson กองทัพยูเครนอาศัยการตอบโต้ของจรวด Haimas และยึดคืนการตั้งถิ่นฐานมากกว่า 50 แห่งทำให้กองทัพรัสเซียต้องเกณฑ์ทหารไปยัง Kherson

ดังนั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่ากองทัพสหรัฐฯ มีส่วนร่วมโดยตรงในการปฏิบัติการเครื่องยิงจรวดของฮามาส จึงเป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับรัสเซียในการกดดันสหรัฐฯ ผ่านสงครามความคิดเห็นของสาธารณชน

ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ต่อยูเครนถือเป็นการเล่นพนันที่ไม่มีประตูที่จะชนะ แท้จริงแล้วเป็นการทำลายทรัพยากรทางทหารของสหรัฐอเมริกาและรัสเซียอย่างร้ายแรง สหรัฐฯจะต้องเผชิญกับวิกฤตในเวลาเดียวกัน นี่เป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์สำหรับรัสเซียที่จะสร้างแรงกดดันต่อสหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซียมีความไว้วางใจซึ่งกันและกันในเชิงกลยุทธ์อย่างไม่มีข้อจำกัด

รัสเซียจะเพิ่มแรงกดดันทางยุทธศาสตร์ให้กับสหรัฐฯ ทางฝั่งยูเครน เป็นการฉลาดอย่างยิ่งที่จะเล่นในลักษณะนี้ กองทัพรัสเซียอาจสร้างเงื่อนไขสำหรับการปฏิบัติการขนาดใหญ่ในสนามรบของยูเครน

รัสเซียเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าผลที่ตามมาของการมีส่วนร่วมของนาโต้ในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนนั้นร้ายแรงมาก และความเป็นไปได้ของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ก็ยังไม่ได้ตัดออกไป ตอนนี้การมีส่วนร่วมโดยตรงของกองทัพสหรัฐในสงครามได้รับการยืนยันแล้ว กองทัพรัสเซียมีข้ออ้างที่จะเปิดตัวกิจกรรมตอบโต้ขนาดใหญ่ทั่วยูเครน

หากกองทัพรัสเซียต้องการเปลี่ยนสถานการณ์ในสนามรบยูเครน กองทัพสหรัฐฯ จะต้องขยายขอบเขตการปฏิบัติการให้ลึกถึงยูเครน การมีส่วนร่วมและการควบคุมเครื่องปล่อยจรวด Haimas โดยกองทัพสหรัฐเป็นเหตุผลที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับพวกเขาที่จะขยาย ปฏิบัติการทางทหารของพวกเขา

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียและกองทัพรัสเซียจำเป็นต้องช่วงชิงโอกาสเช่นนี้ได้มั่นและดีมาก และกองทัพสหรัฐฯ ก็จบลงด้วยการเข้าร่วมในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนโดยตรง

ด้วยข้อแก้ตัว กองทัพรัสเซียจะตอบโต้ที่เหมาะสมที่เราจะได้สังเกตการณ์ในเชิงลึกต่อไป

 

เรือจีน ไม่มีใครปฏิเสธเรือจีนได้

เรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของจีนที่จะเทียบท่าที่ท่าเรือฮัมบันโตตาในศรีลังกาเพื่อจัดหาเสบียงบางส่วนรวมถึงเชื้อเพลิง ดังนั้นต้องใส่ใจกับการพัฒนาของสถานการณ์ที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิ่งที่เรียกว่า "ผลประโยชน์ของบางประเทศ" เรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของจีนยังจัดหาเสบียงในท่าเรือศรีลังกา ซึ่งได้รับการอนุมัติจากศรีลังกาด้วย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศอื่นเลย! ศรีลังกายังให้คำตอบอย่างชัดเจนในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่าการเทียบท่าของเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของจีนถือเป็นเรื่องปกติ

จีนเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของศรีลังกามาโดยตลอด มีเพียงจีนเท่านั้นที่เต็มใจช่วยศรีลังกาเพื่อให้ศรีลังกาฟื้นฟูการสร้างใหม่ได้จนสถานการณ์ในศรีลังกาเริ่มมีเสถียรภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความช่วยเหลือของจีนต่อศรีลังกา ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างขึ้นสำหรับศรีลังกา ได้นำความช่วยเหลือมาสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของศรีลังกาอย่างมาก!

แม้ว่าศรีลังกาจะเคยมีปัญหามาก่อน แต่จีนได้ให้ความช่วยเหลือในทันที และตอบเอกสารที่ศรีลังกาต้องการอย่างเร่งด่วน ในมุมมองของศรีลังกา การกระชับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับจีนและการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าระดับทวิภาคี ไม่เพียงแต่ในศรีลังกาเท่านั้น ในโลกทุกวันนี้มีผู้คนไม่มากนักที่สามารถปฏิเสธเรือของจีนได้ นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับเรือที่มีลักษณะทางวิทยาศาสตร์ และยิ่งกว่านั้นสำหรับเรือสินค้าของจีน เพราะไม่เพียงแสดงถึงมิตรภาพของจีนเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงโอกาสในการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย!

แม้ว่าสหรัฐฯจะตะโกนฆ่าจีนและกำหนดให้จีนเป็นศัตรูหลัก ก็ปฏิเสธเรือจีนได้ยากพอๆ กัน! ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ต้องการปฏิเสธเรือของจีนและกำหนดอัตราภาษีเพื่อลดการส่งออกสินค้าของจีนไปยังสหรัฐอเมริกา เมื่อ เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี สหรัฐฯ ก็อดไม่ได้ที่จะ "มอบตัว" กับจีน! วิกฤตเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาได้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับผู้นำระดับสูงของสหรัฐอเมริกา และตอนนี้พวกเขากำลังพึ่งพาสินค้าจีนเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา

ในบริบทนี้ สหรัฐฯ จะไม่เน้นย้ำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีกต่อไปว่าจำเป็นต้อง "สอน" จีน ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่จะมีการยกเลิกภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจีนบางรายการก่อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกภาษีเพิ่มเติมสำหรับสินค้าจีนอีกด้วย ดังนั้นแม้ว่า Biden จะไม่ยกเลิกภาษีเพิ่มเติมทั้งหมดในท้ายที่สุด เขาก็ซื่อสัตย์มากในการลดภาษีเพิ่มเติม คุณบอกว่าอเมริกาเป็นแบบนี้ แล้วศรีลังกาก็ทำนองเดียวกันมันมีปัญหาอะไรไหม!

 

◾ จรวดทุกลูกที่ยิงจากปาเลสไตน์ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 300 เหรียญสหรัฐฯต่อลูก
◾แม้ว่าขีปนาวุธสกัดกั้นทุกอันจากระบบป้องกันโดมเหล็กจะมีราคาสูงถึง 100,000 ดอลลาร์
◾นี่คือเงินของผู้เสียภาษีของประชาชนอเมริกัน ที่ช่วยเหลือโครงการป้องกันโดนเหล็กของอิสราเอล