ตีแผ่การใช้ “คุณไสย” ชิงผลประโยชน์-ชู้สาว กทม.ศูนย์รวมไสยศาสตร์มนต์ดำ!

ตีแผ่เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติระหว่างพระสงฆ์ที่ “โดนของ” และเซียนพระที่อยู่ในบทบาทของ “คนแก้ของ” สะท้อนมุมมอง 2 ด้าน ต่างลงความเห็นตรงกันว่ามนต์ดำไสยศาสตร์ ยังมีอยู่จริงในโลกนี้ ชี้ กทม.จะเป็นศูนย์รวมมนต์ดำจากทั่วสารทิศ พร้อมบอกวิธีเลี่ยงไม่ให้มนต์ดำเข้าตัว โดยเฉพาะพวกที่ชอบเที่ยวป่าพึงระมัดระวัง ส่วนใครที่ถูกมนต์ดำจะมีลักษณะเด่นชัดที่คนปกติไม่เป็น ที่สำคัญคนทุกชนชั้นเกี่ยวข้องกับมนต์ดำ ที่มักจะมากับเรื่องของการชิงมรดก การช่วงชิงอำนาจ และเรื่องชู้สาว ที่วันนี้ภรรยาหลวงของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใช้ “มนต์ดำ” ดึงสามีกลับคืน!

โลกสมัยใหม่ เมื่อพูดถึงเรื่องไสยศาสตร์หรือมนต์ดำ ดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไกลตัวและเกินจริง แต่เรื่องนี้ก็พลิกชะตาชีวิตพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งมีการศึกษาระดับดอกเตอร์ จากต่างประเทศ และครึ่งหนึ่งของชีวิตท่านได้บวช เล่าเรียนพุทธศาสนา ซึ่งขณะนี้จำวัดอยู่ที่วัดดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ในปัจจุบันมีอันต้องจมอยู่ในความทุกข์ร่างกายต้องทรมาน พบกับความเจ็บปวดมานานหลายปี

พิสูจน์มนต์ดำมีจริง

โดยพระรูปนี้บอกว่า ตัวท่านไม่เคยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำ กระทั่งพลาดพลั้งประสบเข้ากับตัวเอง จึงอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่ามนต์ดำเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง และมันร้ายกาจขนาดไหน แม้ตัวเองเป็นพระ สอนทางด้านพุทธศาสนาในระดับปริญญาตรี โท เอก ก็ยังเอาตัวไม่รอด

“ที่บอกว่ามนต์ดำร้ายกาจ เพราะในกลุ่มมีด้วยกัน 5 คน มีทั้งพระและฆราวาส ทั้งหมดโดนมนต์ดำ ทุกคนต่างพากันไปหาหมอในโรงพยาบาลหลายๆ แห่ง แต่อาการก็ไม่ดีขั้น อาการปวดเมื่อยทรมานยังคงอยู่ สุดท้าย 4 คนก็ตายไป จึงเหลือเพียงอาตมารูปเดียวเท่านั้น”

พระรูปนี้เล่าอีกว่า การตายของทั้ง 4 คนจะเหมือนกันคือตายโดยไม่รู้สาเหตุ โดยระยะหลังทั้งกลุ่มก็เริ่มหันไปหาหมอทางไสยศาสตร์ เพราะเมื่อเราหาหมอที่โรงพยาบาลแล้วไม่ดีขึ้นอาการปวดมีแต่หนักขึ้น จึงต้องพึ่งไสยศาสตร์ โดยพยายามไปถอนของที่พวกเราโดนตามที่ต่างๆ แต่เมื่อมันเข้าไปที่เส้นเลือดแล้วก็ยากที่จะรอดชีวิต

“อาตมาจบปริญญาเอกพุทธศาสนาจากต่างประเทศ จึงไม่มีเรื่องมนต์ดำอยู่ในสมอง แต่ตอนนี้ยอมรับแล้ว และการที่อาตมาโดนของ ก็เป็นเพราะการแย่งชิงอำนาจกันในวงการสงฆ์ ซึ่งมันมีอยู่จริง ในลักษณะเหมือนไปทับเส้นคนอื่น อาตมาเองก็ไม่รู้ไม่ได้ตั้งใจ แค่ไปเห็นเฉยๆ เค้าก็คิดไปว่าจะทำอะไรเค้า”

ส่วนการโดนของเข้าร่างกายนั้น พระรูปนี้เล่าว่า จะมาในรูปของการใส่ในอาหาร ซึ่งทำให้ท่านมีอาการปวดท้องแบบทุรนทุราย จนทนไม่ไหว ส่วนเพื่อนของท่านก็มีอาการเช่นเดียวกัน แต่ทุกคนต่างพากันไปหาหมอที่โรงพยาบาล และรักษาทางยามาตลอด ส่วนอาตมาเลือกสวดมนต์ภาวนา ดับความเจ็บปวดแทน

“เพื่อนๆ ไปหาหมอรักษาทางยาอยู่ 2 ปี หมอเจาะเลือดตรวจก็ไม่พบสาเหตุของโรค ทำอย่างนี้ซ้ำๆ อยู่นาน เพื่อนๆ และอาตมา จึงตัดสินใจตระเวนหาหมอผี เรียกว่าตระเวนกันไปทั่วประเทศ ทั้งหมอแขก หมอมุสลิม เค้าบอกเหมือนกันเลยว่าโดนของมา ตอนนี้อาตมาก็เลือกรักษากับอาจารย์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นมหาที่บวชเรียนมาแล้ว และมีความรู้ด้านอาคม ช่วยรักษาและบรรเทาอาการปวดให้จนถึงวันนี้”

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระรูปนี้และเพื่อนๆ อีก 4 คน ท่านมีการบันทึกไว้อย่างละเอียดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวของท่านบ้าง เหมือนไม่ใช่ตัวตนของท่าน มีคนอื่นมาบังคับ จึงตั้งสมาธิสวดมนต์ภาวนา

พระรูปนี้เล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและสงบว่า “วันนี้ในกลุ่มเหลืออาตมาเพียงคนเดียว ก็ไม่รู้ว่า “ของ” จะเข้าถึงเส้นเลือดและจะจบชีวิตเหมือนเพื่อนๆ วันไหน เพราะวันนี้ยังไม่สามารถเอาของออกจากตัวได้หมด แม้เวลาที่ผ่านมาก็ไปแสวงหาสถานที่แก้ อำนาจแห่งมนต์ดำ เวทมนตร์และไสยศาสตร์เหล่านี้ออกจากร่างกายแล้วก็ตาม

วงการสงฆ์ใช้มนต์ดำชิงตำแหน่ง

แต่ในระหว่างที่พระรูปนี้เล่าถึงเรื่องมนต์ดำนั้น ก็เกิดอาการประหลาดที่ทีม Special scoop ก็รู้สึกตกใจและกลัวๆ ไปด้วยเพราะอยู่ๆ ท่านก็มีอาการกระตุก สั่น และขนแขนลุก หน้าคล้ำ พร้อมๆ กับมีอาการตาเหลือก ปลิ้น คล้ายๆ กับอาการชักอยู่ประมาณ 1-2 นาที จึงค่อยๆ สงบลง

จากนั้นพระรูปนี้ก็หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง จึงบอกมาว่า อาการที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้เป็นอาการของที่กำลังเข้าตัว เพื่อสำแดงอิทธิฤทธิ์ให้คนที่ไม่เชื่อได้เห็น ซึ่งตัวพระเองก็บอกอีกว่าเมื่อมนต์ดำเข้ามาเกี่ยวข้องกับท่านแล้ว ก็เหมือนรอวันว่า มนต์ดำจะสำแดงและจะเข้ากระแสเลือด และร่างกายท่านก็จะอ่อนล้าไป และในที่สุดคือจบชีวิตตามเพื่อนทั้ง 4 ไป

“หลายปีมานี้ปวดเมื่อยและเจ็บปวดภายในท้องเป็นระยะ อาตมาก็ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจของสงฆ์ ที่จะขึ้นสวดศพกับใครได้เลย เพราะว่าการเข้าไปในพิธีสวดศพจะมีวิญญาณตามมา และเท่ากับเป็นการบั่นทอนอายุอาตมาให้สั้นลงไปอีก”

อย่างไรก็ดี พระรูปนี้เล่าต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า คนจำนวนมากอาจไม่เชื่อว่าวงการสงฆ์มีการแก่งแย่งชิงดีกัน ถึงขั้นมีการ “ใส่ของ” แต่อาตมามานั่งประมวลภาพทุกอย่างที่เกิดขั้น จนกระทั่งเพื่อนอาตมาเสียชีวิต และตัวอาตมาเองก็ต้องมาโดนวิบากกรรมแบบนี้ก็น่าจะมาจาก “เรื่องชิงดีชิงเด่นกันในวงการสงฆ์ โดยอาตมาสังเกตว่าพระหรือฆราวาสหากไปปะทะกับท่านคนนั้น ก็จะโดนเหมือนกัน

“ประมวลภาพแล้ว ก็ได้แต่นึกอยู่ในใจให้ระวัง ไม่กล้าบอกให้ใครๆ รู้ว่าจงระวังท่าน แต่เรื่องนี้มันจับตัวตนไม่ได้ ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าท่านมีการทำมนต์ดำใส่”

พระรูปนี้บอกว่า หากนำเรื่องนี้มาเปิดเผยคงไม่มีใครเชื่อ แต่ก็อยากเตือนให้ทุกคนระวังตัวเพราะ “มนต์ดำเป็นสิ่งไม่ดี” อย่าไปเกี่ยวข้อง เมื่อเข้ามาในร่างกายแล้วสามารถเข้ามาในกระแสเลือด ทำลายกัดกร่อนกระดูกของเราได้ และสิ่งที่พิสูจน์ได้อีกอย่างหนึ่งคือในช่วงเวลา 2 ปีผ่านมาที่ไม่ได้เจอพระหนุ่มรูปนี้ บอกได้ทันทีว่าวันนี้ร่างกายท่านทรุดโทรมลงไปมาก ดูอ่อนเพลีย ผิวดำคล้ำ แววตาเหนื่อยล้า แต่ในด้าน “สมอง” ของท่านยังดูเฉียบคม ยังคงสอนหนังสือในสถาบันการศึกษาและเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทและเอก จนถึงทุกวันนี้

ก่อนที่จะนมัสการลาพระรูปนี้นั้น ท่านฝากเตือนว่า “ตัวอาตมาจบดอกเตอร์ เป็นอาจารย์สอนหนังสือ และเป็นพระที่เลื่อมใสมีความเคารพศรัทธาพุทธศาสนาแท้ๆ แต่ต้องมาเกี่ยวข้องและเจ็บปวดกับสิ่งนี้ “มันไม่น่าเลย” ซึ่งมนต์ดำสามารถสัมผัสกับคนได้ทั่วไป สามารถเข้าได้ทุกอย่าง ถ้าเราหลีกได้ควรหลีกให้ไกล ใช้พุทธคุณ (อำนาจความดีของพุทธศาสนา) เป็นตัวนำทางที่ดีที่สุด”

กทม.ศูนย์รวมไสยศาสตร์มนต์ดำ

อย่างไรก็ดี ทีม Special scoop ไปสอบถามนายธวัชชัย ศิริพลารักษ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ ชำนาญด้านการแก้ไสยศาสตร์มนต์ดำ หรือที่ในวงการพระเครื่องรู้จักกันในนามว่า “ตือ ท่าพระจันทร์” ซึ่งกล่าวยอมรับว่า “มนต์ดำมีจริง” ใครที่โดนต้องไปถอนออก และปัจจุบันกรุงเทพฯ กลายเป็นแหล่งรวมของไสยศาสตร์มนต์ดำแบบไม่น่าเชื่อ

จากประสบการณ์ที่ตนเองเกี่ยวข้องกับเรื่องมนต์ดำและมนต์ขาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสืบทอดวิชามนต์ขาวจากบิดา และยังมีโอกาสเล่าเรียนกับพระเกจิมีชื่อเสียงโด่งดังด้าน “รอยสัก คาถาอาคมและวิชาอยู่ยงคงกระพัน” คือ “หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และ “หลวงปู่เจือ” วัดกลางบางแก้ว พระที่สืบสานตำนานการสร้าง “เบี้ยแก้” ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณด้านการคุ้มครองป้องกันและแก้อาถรรพ์ต่างๆ และต่อมาได้เข้าไปทำงานเป็นผู้คุมที่เรือนจำบางขวางอยู่ 4-5 ปี ทำให้ได้สัมผัสกับวิชาคุณไสยนานารูปแบบ

ยิ่งไปกว่านั้นการได้ศึกษาค้นคว้า และเจอกับเรื่องเหล่านี้มาตลอด ทำให้อาจารย์ตือยอมรับว่าเรือนจำเป็นแหล่งที่สะสมของไสยศาสตร์มนต์ดำ และวันนี้มนต์ดำจากหลายๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคนมีของ ที่อาศัยในพื้นที่รอบนอกชายแดนติดกับประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ที่มีคุณไสย จะถูกขับไล่หนีมาแฝงตัวอยู่ในชุมชนแออัดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ

ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่ดวงเราตก สัมภเวสีก็จะเข้ามาง่าย ต้องดูอาการของแต่ละคนเพราะไม่เหมือนกัน บางคนเข้าไปแล้วกลายเป็นเสียงแขกพูดออกมา แล้วมองลักษณะตัวแข็ง ซึ่งนี่ไม่ธรรมดา เป็นลักษณะของการโดนมนต์ดำ พวกแขกทำ ตัวดำพูดเป็นภาษาแขกน่ากลัว เพราะเอาของออกยากมาก อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงประเภทคุณไสยมนต์ดำนั้นมีมากกว่า 200 ชนิด โดยหลักๆ แล้วจะเกี่ยวข้องกับวิญญาณที่ตายแล้วไม่ยอมไปผุดไปเกิด คือตายแล้วยังสิงสถิตอยู่บริเวณนั้น

อาจารย์ตือบอกว่า มนต์ดำจะเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณต่างๆ ซึ่งมีหลายแบบด้วยกัน ตัวอย่างเช่น 1.วิญญาณของเด็กที่แม่ไปทำแท้งไม่ยอมให้ลืมตามาดูโลก 2.ผีบัง แอบเอาเด็กไปซ่อนไว้ และให้ตายอยู่ข้างในหรือเข้าไปอยู่ข้างใน สำหรับเด็กอย่าไปวิ่งเล่น 3.ผีสามแพร่ง คนดวงตกอย่าไปยืนตรงนี้ ผีจะวิ่งเข้าเท้าได้ ลมเพลมพัด 4.ผีสัมภเวสี หมายถึง ข้างถนนตายโหง คนที่ตายแล้วไม่ได้ไปเกิด จังหวะหากเราไปล้มข้างถนนอยู่ตรงนั้นก็เข้าเราทันที กำลังหาจังหวะและโอกาส 5.ผีโลงศพ ตายไปแล้วไม่มีใคร ญาติทิ้งเอาไว้เดินไปบริเวณนั้นไปเหยียบเข้าที่เท้า เช่นตามวัดวาอารามไม่ครบพิธีส่งวิญญาณ 6.ผีในโรงพยาบาล ตายไปแล้วไม่มีญาติ หรือโดนสตัฟฟ์ไว้ไม่ให้ไปเกิด จะนั่งร้องไห้อยู่ในโรงพยาบาล แล้วดูไปดูมาก็เข้าตัว 7.ผีทัก คือ เวลามีคนมาทักทาย เรียกชื่อ ได้ยินเสียงตูมตามแล้วขานรับ จะเข้าเราได้เลย 8.ผีป่า เวลาไปอาบน้ำเดินป่าต้องกราบไว้ ต้องล้างอาถรรพ์ ต้องเขวี้ยงหินลงไปก่อน จะมีไอน้ำลอยขึ้นมาเป็นการโยนหินถามทาง

มนต์ดำเกี่ยวข้องชู้สาว-ชิงผลประโยชน์

ส่วนใครที่โดนคุณไสยหรือโดนของ จะมีลักษณะเด่นที่เห็นกันชัดเจนคือ หน้าจะดำหมอง, อารมณ์จะเปลี่ยนแปลง,จะเกิดการปวดเมื่อยตามร่างกาย, หูจะร้อน, จิบน้ำจะออกรสชาติแปลก เปรี้ยว เค็ม และหวาน

“ทุกคนมีความเสี่ยงจะโดนมนต์ดำได้เหมือนกันหมด แต่คุณไสยหรือมนต์ดำเข้าที่ตัวไม่ได้ แต่จะวิ่งเข้าที่เท้าเพื่อไปอยู่ในร่างกายของเรา และทุกคนมีโอกาสไปเหยียบหรือไปนอนในที่ที่มีวิญญาณ และเข้าเราได้ทันที ยิ่งถ้าเรารู้ว่าดวงตกก็อย่าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นด้านลบ คนที่ชอบไปเที่ยวป่าเขา หากดวงกำลังตกในช่วงนั้นให้ระวัง จะไปเหยียบไปพลาดท่าได้”

ดังนั้นวิธีการป้องกันไม่ให้มนต์ดำที่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตา เข้ามาทำร้ายเราได้นั้น จะต้องปฏิบัติตัวดังนี้
1.อย่านอนโดยหันเท้าออกนอกประตู 2.อย่ายืนตรงทางสามแพร่ง 3.ระวังไม่หกล้มข้างถนน 4.เวลาได้ยินเรียกชื่อเรา หรือได้ยินเสียงอะไรอย่าไปทัก ให้เห็นหน้าเห็นตาก่อนแล้วค่อยขานรับ 5.ข้อปฏิบัติในการเดินทางไปในป่า คือ ต้องกราบไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา หรือเวลาจะใช้น้ำให้แก้อาถรรพ์โดยปาหินถามทาง 6.เวลาไปนอนในป่าอย่าพาดเท้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ หรือปัสสาวะใส่ เพราะต้นไม้ใหญ่จะมีเทวดาอาศัยอยู่ 7.การนั่งอย่าหันหลังให้คนอื่น ให้นั่งหันหลังชนกำแพงแล้วหันหน้ามองออกไป 8. ถ้าสงสัยว่าโดนของ ให้ใช้เกลือล้างเท้าก่อนนอน คุณไสยจะหลุดออกไป 9.เวลาเข้าห้องน้ำ ทำธุระถ่ายหนักถ่ายเบาไม่ให้คุยกัน

ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นวิธีการที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองต้องเจอมนต์ดำ ทั้งนี้หากเจอมนต์ดำควรทำอย่างไรบ้างนั้น อาจารย์ตือบอกว่า วิธีการคือต้องไปรักษากับแพทย์ให้แน่ใจ ถ้าไม่หายจึงค่อยไปหาหมอที่รักษามนต์ดำ แต่อาจารย์ตือยังยืนยันว่าหากคุณเป็นคนดี พุทธคุณจะช่วยคุ้มครองได้ และให้ระวังที่สุด คือ ช่วงที่ดวงตก ให้ระวังวันโกน กับวันพระให้มากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ปล่อยของ เป็นที่รู้กันในวงการไสยศาสตร์

อย่างไรก็ดี อาจารย์ตือย้ำว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ยืนยันได้ว่าผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับมนต์ดำ มักจะเกี่ยวข้องกับปมเรื่องของการชิงมรดก การแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่การงาน เรื่องชู้สาวเมียน้อยเมียหลวง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะชอบแสวงหาที่ทำมนต์ดำมาก จนบางครั้งทำจนกระทั่งเข้าตัวเอง

“บอกได้เลยว่า คนที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์มนต์ดำมีทุกชนชั้น ชนชั้นสูง นักการเมือง ข้าราชการผู้ใหญ่ พระสงฆ์ และวันนี้ภรรยาของนายตำรวจระดับสูง ยังมาใช้มนต์ดำเพื่อดึงสามีให้กลับคืนมาจากภรรยาน้อย”

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า ไสยศาสตร์มนต์ดำมีอยู่จริงหรือไม่ ? พระรูปนี้และอาจารย์ตือยืนยันตรงกันว่า “เรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับตัวเองก่อนจึงจะเชื่อว่ามนต์ดำมีจริง” ก็คงเป็นคำตอบให้หลายคนคลายความสงสัยได้เช่นกัน?

 

อ่านแล้วแปลกๆนะคุณ chaokhun ช่องว่างมันเยอะ แต่ก็ขอบคุณที่หามาให้อ่าน

 

เมื่อก่อนผมคนล่ะปรารถนาเหลือเกินกับของดี ดีที่ไม่เอาไว้ไม่งั้นคงจะยุ่ง ปัจจุบันมีแค่พุทธคุณคุ้มครองตัวครับ ของไม่กล้าเล่นครับกลัว

 

เห็นด้วยครับ.กับประเด็นโดยรวมๆที่นำมาลงครับ.
การนำมาลงอย่างนี้มีประโยชน์มากครับ
และทุกวันนี้ก็ยังคงมีอยู่จริงๆครับ.
.แต่บางทีก็พูดดังๆไม่ค่อยได้
.คนที่ทำก็ไม่ค่อยพูดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ..
คนที่ไปจ้างเค้าทำก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรถึงทำอย่างนี้....
คนที่แก้ได้ก็ไม่ค่อยอยากเปิดตัว..
แต่หลักๆแล้วไม่ว่าจะมีเจตนาอะไรก็ตาม
ผลที่ตามมาก็คือทำลายร่างกายภายในครับ
.และต่อให้จะมีความสามารถสูงส่งแค่
ไหนก็ตามถ้าลองได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว.
.ยังๆไงก็ต้องมีอ่วมอรทัยกันบ้าง..บางรายถ้าไม่ได้โชคดี
ขับพลังงานไม่เป็น ไม่มีความสามารถในการดึง
.ไม่เจอครูบาร์อาจารย์มาช่วย โดยส่วนมาก
มักจะถึงขั้นเสียชีวิตครับ..บางกลุ่มที่เข้าสู่ร่างกายนี้จะเป็นภูมิ
ที่เรียกว่าภูติ กลุ่มนี้มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายไปซ่อนตาม
จุดต่างๆของร่างกายได้และยังมีความสามารถควบคุมจิตใจเราได้ด้วย
ไม่เหมือนกลุ่มดวงวิญญานที่ไม่ค่อยมีฤิทธิ์ต่างๆ แต่ถึงแม้ว่าไม่มีฤิทธิ์แต่ถ้า
ได้แลกกลุ่มนี้ก็มักจะเอาร่างกายที่ตนเข้าไปสิงให้ถึงขั้นใช้งานไม่ได้เหมือนกัน
เพราะฉนั้นเรื่องของการที่นำเข้าสู่ร่างกายด้วยตัวเราเอง
จึงต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
แต่ก็หาใช่ว่าจะไม่มีทางแก้เลยซะทีเดียว
แม้ว่าจะป้องกันด้วยตัวเอง หรือวัตถุต่างๆ
จะมีความสามารถในการป้องกันได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม
แต่เป็นการป้องกันจากภายนอก.แต่การที่เราพลาดพลั้งเผลอ
นำเข้าสู่ร่างกายบางทีก็เป็นเหตุสุดวิสัยและคาดไม่ถึงได้ครับ..
มีวิธีป้องกันคือ..ให้ทำน้ำมนต์ตั้งต้นเอาไว้ครับ หรือจะทำเองก็ได้ครับ
ถ้าเรามั่นใจแหล่งที่มาของน้ำมนต์หรือมั่นใจในความสามารถของตนเอง
แต่ถ้าจะให้ดีให้ใช้ผงทองคำทิพย์หรือผงทองคำดำหรือผงเหล็กไหลเปียก
ชนิดแบบที่สามารถผสมน้ำได้นะครับหมายถึงมีพิธีตามขั้นตอนและฆ่าพิษแล้วครับ
บางทีเรียกผงเหล็กไหลเศรษฐี ซึ่งผงพวกนี้จะได้จากภายในน้ำถ้า
ที่จะเห็นได้เฉพาะตอนหน้าน้ำ และจะมีความสามารถเพียงพอในตัว
ที่จะต้านทานภูมิระดับภูตและอสูรกาย ตลอดจนวิญญานมีฤิทธิ์ต่างๆได้.
เพราะจะมีกำลังเด่นเรื่องการป้องกัน..
นำเอามาทำเป็นน้ำมนต์ตั้งต้นสามารถทำได้ครั้งเดียว
และเติมน้ำได้เรื่อยๆ...โดยการแช่ไว้ในน้ำมนต์
.แล้วให้เรารับประทานส่วนที่เป็นน้ำมนต์ที่เราตักออกมา
ก็จะสามารถป้องกันสิ่งต่างๆพวกนี้ที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายได้
หรือให้เราพกไว้ติดตัวหากไม่แน่ใจก็ให้ใส่ลงไปในน้ำดื่มก่อน
แต่ตัวผงแม้ว่าจะล้างพิษแล้วแต่ว่าไม่สามารถรับประทานได้นะครับ
ก่อนที่เราจะรับประทานอาหารต่างถิ่น จากสถานที่ต่างๆที่
มีความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องคุณไสย์ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ทานน้ำมนต์
ที่มาจากน้ำมนต์ตั้งต้นมาก่อน หรือทำทั้ง ๒ อย่างเลยก็ได้
และไม่ว่าเราจะรู้เท่าทันหรือรู้เท่าไม่ทันก็ตามนะครับ..
ซึ่งจะมีผลในการต้านและขับสิ่งพวกนี้ออกมาได้ครับ.
ซึ่งสามารถใช้ขับได้ทั้งในกรณีที่มีดวงจิตดวง
วิญญานแปลกปลอมที่อยู่ในร่างกายได้ด้วยครับ..
ถ้าอยากจะหาผงที่ว่านี้ ให้พิมพ์คำค้นว่า ผงทำคำดำหรือ
ผงเหล็กไหลเศรษฐีแล้วดูด้วยว่าสามารถนำมาแช่น้ำได้ไหม
เพราะผู้ทำต้องมีความรู้ในการฆ่าพิษและผ่านกรรมวิธี
จากครูบาร์อาจารย์อย่างดี ไม่ใช่แบบที่เค้าบดเป็นผงๆเฉยๆนะครับ
อย่างนั้นจะเป็นอันตรายกับตัวเราได้ครับหากนำมาแช่น้ำ.และ
ไม่ใช่แบบที่เป็นก้อนๆนะครับ.เพราะจะป้องกันได้เฉพาะภายนอกครับ.
ปล.เป็นอีกกรณีที่ควรจะพิจารณาไว้ครับ.....

 

ญาติธรรมที่เขาไม่เปิดตัว ก็คงกรณีเดียวกัน คือ กลัวเหมือนกัน
เวลาแก้ให้คนอื่นก็เข้าตัว
จะเปิดตัวก็กลัวคนลองของ

ไม่ทราบว่า คนทำจะเข้าตัวเอง เมื่อไหร่ถึงจะเข้า (คือเห็นรับทำกัน เรื่องชู้สาวเยอะ)
เข้าคนว่าจ้างหรือเปล่า หรือ เข้าเฉพาะคนที่ทำ

 

วงการสงฆ์ นี้ควรจะยกเลิกการให้ยศอะไรต่างๆ ได้แล้วนะ
มันเหมือนกับวงการสีกากีเข้าไปทุกที
ใครมีเงิน มีพวกมาก ก็ได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต
ไม่ใช่แค่มนต์ดำอย่างเดียวนะ บางแห่งบางที เป็นวัดก็แค่ภายนอก วัตถุสิ่งปลูกสร้าง
แต่พฤติกรรมภายใน น่าสยอง ชั่วร้ายยิ่งกว่าบ่อนปอยเปต อันตรายที่สุด
ใครจะให้ลูกหลานบวช ก็พยายามอย่าเลือกวัดรวยๆ สืบประวัติวัดให้ดีๆ แล้วกัน
มิเช่นนั้น กว่าจะรู้อาจจะสายเกินแก้ หมดสิ้นอนาคตกันเลยทีเดียว

 

มีเรื่องราวแปลก ๆ ลี้ลับหลายเรื่อง บางเรื่องลง นสพ.ในคอลัมน์เล็ก ๆ บางเรื่องผู้จัดรายการบอกกล่าวพูดคุยกับผู้ฟังทางวิทยุ บางเรื่องนำออกมาพูดทางรายการโทรทัศน์ บางเรื่องลือกันไปทั่วหมด ถึงเรื่องราวแปลก เหลือเชื่อ
แต่ทุกท่านเชื่อไหมว่า พอเวลาผ่านไปสักพัก ไม่มีใครจำเรื่องราว หรือ จำเหตุการณ์ได้ แต่พอนึกขึ้นมาได้ ก็ตกอกตกใจ ตื่นเต้นกันทันที แล้วสุดท้าย ทุกคนก็ลืมเลือนหายไปจากความทรงจำ
ผมว่าทุกคนทั่วทั้งประเทศ ก็โดนของโดนอำนาจลี้ลับเหนือธรรมชาติ ครอบงำปิดบังจิต ไม่ให้รู้ ไม่ให้เห็น ให้ทุกคนลืม แบบชนิดที่ทุกท่านไม่รู้ตัว

 

เล่าซะหลอนเลยครับ...

เรื่องพวกนี้ผมก็หลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแหละครับ...
สมัยเด็กๆเรียนมาแม้ว่าจะพอกัน พอแก้ได้บ้าง แต่ก็ได้รับคำเตือนมาว่าอย่าไปซี้ซั๊วแก้ให้ใคร เพราะเวลาเราแก้ไปแล้ว คนที่เขาทำมา ก็จะรู้ว่าเราแก้ จากนั้นก็จะเล่นเราก่อน ค่อยไปทำคนๆนั้นซ้ำอีกที...

สมัยผมเด็กๆเรื่องพวกคุณไสยก็มีอยู่บ้าง จนถึงกับมีคำพูดว่า"ลูกผู้ชายไทย ต้องมีวิชาติดตัว" แต่ว่าผมเป็นลูกเจ๊ก น่าจะไม่เกี่ยว ... แต่ถึงจะไม่เกี่ยวผมก็เรียนเอาไว้บ้าง นิดๆหน่อยๆ พอประดับความรู้ ที่เหลือส่วนใหญ่ก็ไปปฏิบัติธรรมดีกว่า...
สมัยนี้ผมเคยคิดว่าวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมากแล้ว เรื่องไสยศาสตร์น่าจะน้อยลงหรือสาปสูญกันไปเลย...แต่ก็กลับกลายเป็นว่ามีมากขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายขึ้นมาก...

เรื่องที่ใครจะโดนหรือไม่โดนนั้น ส่วนตัวผมเห็นว่าจะต้องมีกรรมสืบเนื่องกันมาครับ ไม่งั้นจู่ๆจะไปโดนเข้าง่ายๆอย่างนั้นไม่ได้เหมือนกัน เพราะถ้าถูกคุณไสยถึงตายได้อย่างรวดเร็วปานนั้น นักการเมืองทั้งสองฝ่าย ก็คงได้ตายกันเป็นใบไม้ร่วงแหละครับ...:boo:

 

เคยอ่านค่ะว่า เป็นเพราะ คนกิเลสมากขึ้น จิตใจแย่ลง บวกกับคนผิดศีลธรรมมากขึ้น (ญาติธรรมบอกว่า ถ้าคนผิดศีลยิ่งมีโอกาสของเข้าง่ายกว่า เช่นลมเพลมพัดก็จะเข้าคนผิดศีลธรรมโอกาสมากกว่า คนปฎิบัติดี) จะเอาออกก็ยากกว่า เพราะมีเวรมีกรรมต่อกัน ออกแล้วก็เข้าใหม่ได้ ถ้าในกรณีเป็นกรรม แม้แต่เทวดาประจำตัวท่านก็ไม่ช่วยปกป้อง

 

ศึกษาเรื่องพวกนี้มาพอสมควร ที่หมอผีทั้งหลายแห่เข้ากรุงเทพ ก็ด้วยเรื่องลาภสักการะ เรื่องเงินๆ ทองๆ ทั้งสิ้น ...

 

สนใจขจัดมนต์ดำ คุณไสย์ ติดต่อได้ ไม่ต้อง มาหา เพียงโทรบอก ค่าโทรปกติ

 

เสียดายไม่ขึ้นแหล่งที่มา ... ที่แรกผมนึกว่าแต่งเรื่องขึ้นเอง อ่านสนุกดี นึกว่าเป็นเรื่องแต่ง.....

เอาเป็นว่าเรื่องนี้เขาบอกว่าเป็นเรื่องจริง มีแหล่งที่มายืนยันครับ....

ตีแผ่การใช้ “คุณไสย” ชิงผลประโยชน์-ชู้สาว แจง กทม.ศูนย์รวมไสยศาสตร์มนต์ดำ!

 

เห็นเพื่อนผู้หญิงของเราเองก็บอกว่า เพื่อนหญิงของเธอก็โดนของเสียชีวิตทิ้งลูกไว้สองคน ฟังแล้วทั้งเศร้าทั้งน่ากลัวจริงๆ

 

น่ากลัว...
แต่ก่อนนี้ชอบไปดูดวงมาก เพื่อนพาไปที่ไหนก็ไป จะขอเล่าเสริมกระทู้ในประสบการณ์เล็กน้อย
ก็มีที่นึงซึ่งไม่ไกลจากที่พักนัก เวลาเครียดจะชอบไปดูประจำ แม่นบ้างไม่แม่นบ้าง แต่นานๆครั้งถึงจะดู ยิ่งเวลาเครียดมากๆก็อยากเอาตังค์ไปให้เขานะ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ค่อยมีหรอก แค่อยากได้คำชี้แนะหรือสบายใจขึ้นมาบ้าง คราวละเป็นพัน 555
ก่อนที่จะเลิกดูดวงกับเขาก็มีอยู่ว่าทะเลาะกับแฟนอย่างรุนแรงจนได้เก็บกระเป๋าออกมา (ซึ่งปัญหาแนวๆนี้น่าจะเป็นเรื่องที่นำเงินให้หมอดูเป็นอันดับต้นๆ) ทีนี้เราก็เลยจะไปดูดวง ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนแม่นเลยต้องไปที่เดิม ไปถึงเขาก็ยังไม่มา เราเลยโทรหา เขาบอกกำลังเดินทางอยู่ เราก็บอกปัญหาเลยว่าทะเลาะกับแฟน เขาก็บอกว่างั้นเเตรียมของใช้เสื้อผ้าแฟนอะไรก็ได้มา เดี๋ยวเขาจะทำพิธีทำหุ่นให้ เราก็อ้าว นี่ไม่ใช่แนวแล้ว นี่มันไสยศาสตร์ทางดำแล้ว เราก็เลยวางสายสักพักแล้วโทรไปหาเขาอีกรอบทำทีโกหกไปว่าแฟนโทรมาคืนดีแล้ว ต้องไปหาแฟนก่อนนะ เราก็เลยเลิกไปดูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากนั้นก็คืนดีกับแฟนเองโดยไม่พึ่งพิธีกรรมเยี่ยงนั้น
อีกที่เป็นสถานที่สำหรับคนไปดูดวงเสริมดวงเหมือนกัน แต่บร๊ะเจ้า เห็นหม้อดินเผาที่ทำพิธีทางด้านมัดจิตมัดใจเรียกคู่อยู่หมัดอะไรอย่างนี้ เรียงรายเยอะมาก ก็ไปดูดวงตามคำแนะนำของคนรู้จัก มีพี่คนนึงที่ไปด้วยกันมีปัญหากับสามีที่ไปมีเล็กมีน้อยแล้วขอหย่าเพื่อแลกกับเงินก้อนโต ถ้ามีใบหย่าไปให้เขาเมียน้อยนั้นก็จะช่วยใช้หนี้ให้ มันช่างทำร้ายจิตใจคนที่เป็นแม่ลูกสองยิ่งนัก แกเลยเลือกวิธีมัดใจ ก็ทำพิธีตามที่หมอดูเขาบอก จำไม่ได้ว่ายังไงบ้าง แต่จะมีหม้อดินพร้อมด้วยชื่อหรือรูปสามีใส่ข้างในปิดด้วยผ้าและสายสิญจ์ ณ ตอนนั้นเราก็อยากให้พี่คนนี้มีความสุขกับสามีเขา ก็เลยไม่ห้าม เพราะเขาเป็นสามีภรรยากัน คงไม่ผิด ความคิด ณ ตอนนั้น...(แต่มานึกถึงทุกวันนี้ก็รู้สึกผิดนิดๆ แต่สามีเขาก็กลับมาอยู่กับเขาเหมือนเดิม พร้อมทั้งมีลูกด้วยกันอีกคน) ณ ตอนนั้น เราก็นั่งดูเขาทำพิธีจนเสร็จ เราก็อยากดูดวง แต่เพราะไปถึงค่ำมืดแล้ว เขาไม่ดูให้ เขาจะดูเฉพาะก่อนบ่ายสี่โมงเย็น แล้วทำไงทีนี้ ก็เลยคุยกับหมอ เขาเลยทำพิธีเสริมดวงให้โดยการสักน้ำมัน ก็เลยเป็นอันว่าไหนๆมาแล้ว สักก็สัก เราถาม แล้วต้องถืออะไรมั๊ย เขาบอกให้ถือ ถืออะไร??? เงิน!
สรุปคือ แม้จะผ่านมานานกว่า5ปีแล้ว ,,เงินอยู่ไหนนนนน!!! กระเป๋ามีแบรนด์อยู่แล้วก็ยิ่งมีแบรนด์กว่าเดิม 555

 

.. แวะมาเยี่ยมคะ ... ไหน ๆ ท่านพี่ทั้งหลายก็แนะนำวิธีป้องกันตัวให้มาคนละนิดละหน่อย กาลีนะ ก็ขอเสนอแนะสักเล้กน้อยนะคะ

1. เวลาออกไปนอกบ้านแล้วกลับเข้ามา ยิ่งเป็นที่ อโคจร งานอวมงคล ให้รีบ " ล้างเท้า " ให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ล้างธรรมดานะคะ เวลาราดน้ำลงเท้าให้ทำเท้าถูไขว้กันเป็นรูป " กากบาท " ( แบบอิสลาม ) จะมีคำพูดด้วยแต่จำไม่ได้คะ

2. พกยอด " ใบทับทิม " ติดตัว และ นำมาแกว่งในขันน้ำที่จะใช้ล้างหน้า ล้างมือ ล้างเท้า ไล่เสนียรจัญไร ( แบบจีน )

3. สวดมนต์ อธิฐานจิตขอพรให้ล้างอัปมงคลให้ตนเองเป็นประจำ ( แบบ กาลีนะ )

... ก็ลองดูนะคะ แบบที่ 1 นี้แม่แฟนสอนมาคะเพราะแถบพัทลุง คุณไสยย์เยอะ และ แรงมาก ย่าแฟนก็เป็นผู้มีวิชาอาคมที่แข็งปกร่งมาก .. ท่านสอนลุกหลานมาคะ

... ส่วนเวลาของออก สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันตนเองจากสิ่งเหล่านี้นะคะ ส่วนมากของจะถูกขับออกทางทวารทั้ง 7 คะ หนักเบาแล้วแต่กรณี ส่วนมากที่เจอจะเป็นการ " เรอ กับ ผายลม " ขออภัยที่ไม่สุภาพนะคะ .. ชีวิตเจอเรื่องแบบนี้เยอะพอสมควร ก็ยังคงหาวิธีแก้ไขเหมือนกัน ยังดีที่ไม่เจอแบบแรงมาก ๆ สังคมสมัยนี้จิตใจตกต่ำลงไปเยอะ ศีลธรรมบางครั้งเอาไว้คะเผื่อบังหน้าเท่านั้น .. ดูกันยากจริง ๆ คิดแล้วปวดใจ

 

งั้น .. น้ำมนต์ที่หนูสะสมไว้ ถ้าไม่มีของที่ป๋าว่า .. หนูจะอัดอะไรลงไปดีละคะ เพราะน้ำมนต์หนูเป้นแบบลุกผสมหลายวัด แต่นำ้มนต์ตั้งต้นนี้จากวัดพระแก้ว กับ จากบ่อน้ำลงอักขระหลวงปู่โตที่เป็นบ่อแปดเหลี่ยม รวมกับหลายร้อยวัด .. แต่รู้สึกว่ามันยังไม่โอเคสำหรับหนูเลยคะ .. คือ มีความรู้สึกว่ามันเพิ่มคุณภาพได้มากกว่านี้อีกเยอะ แต่เคยลองทำเองก้ได้แบบนี้คะ ทำครั้งเดียวเมื่อนานละ ตอนนี้คิดว่าจะลองปลุกอีกสักรอบแต่ไม่แน่ใจวิธีทำคะ ..

 

เด่วเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆเนาะ....น้ำมนต์ที่ตั้งต้นจากวัดที่กล่าวถึงนั้นจะมีเอกลักษณะเด่น
ตรงที่เรื่องสัมผัสพิเศษกับเชื่อมถึงสิ่งศักดิ์ข้างบน..ถ้าคิดจะใช้เพื่อการป้องกันเกี่ยวกับ
ทางนามธรรมต่างๆคงจะไม่เหมาะ.เพราะถ้าใช้แล้วจะเน้นให้คนสร้างความดี.
ส่วนน้ำมนต์ที่มาจากของ..ลป.อีกท่านกล่าวหนึ่ง..ลักษณะพลังงานของท่านเป็นลักษณะ
กระแสที่เราเรียกว่าแรงเร็วและแน่นแถมยังมีด้านที่เหนียวๆอีกต่างๆหาก.ตรงนี้จะเหมาะ
สมในด้านการใช้เพื่อป้องกันฝ่านนามธรรมที่ไม่ดีต่างๆได้..
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่ากระแสพลังงานตั้งต้นเป็นอย่างไร..มันอยู่ที่ว่าตัวเราเองนั้นสามารถ
ที่จะเชื่อมกับกระแสพลังงานต่างๆของท่านต่างๆได้หรือไม่..พอเข้าเนาะ..ยกตัวอย่างวัตถุ
มงคงบางองค์จึงมีความศักดิ์สิทธิ์และสร้างเรื่องราวอะไรก็ตามที่เกินธรรมชาติได้
แม้กระทั่งในบุคคลที่ไม่ได้ปฏิบัติมา แต่มีความศรัทธามีความเคารพและความเชื่อมั่น
ตรงนี้จะสร้างตัวหนึ่งที่ออกจากตัวจิตของบุคคลผู้นั้นพุงออกจากตัวเราเอง
โดยมากจะขึ้นทางกระโหลกศรีษะบริเวณส่วนหน้า (พวกนี้สามารถเห็นได้ด้วยตา
เปล่าๆนี้หละถ้าตาดีเล็กน้อย หรือให้กำลังสมาธิเล็กน้อย)..และการเชื่อมกะแสพลัง
งานในลักษณะนี้จะมีข้อดีก็คือ มันจะสามารถข้ามเรื่องมิติและเวลาได้ครับ...
เพราะฉนั้นไม่ว่าครูบาร์อาจารย์บางท่านจะล่วงลับไปแล้ว..แต่ก็ยังเกิดปาฏิหารย์
แก่เหล่าบรรดามวลลูกศิษย์หรือกลุ่มที่นับถือท่านได้เป็นปกตินั่นเอง....
ที่นี้ว่าด้วยเรื่องปลุกเสก การที่พร่ำสวดคำภาวนาต่างๆตลอดจนใช้อุปกรณ์ต่างๆร่วม
กับการปลุกเสกก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ทำกับความสามารถในการเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์
และสิ่งสำคัญก็คือการตัดเส้นสายใยการเชื่อมกระแส ณ เวลาที่ทำแล้วเสร็จเราจึงจะ
เห็นการเป่าลมออกจากปาก ก็เพื่อจัดระเบียบของเส้นกระแสพลังงานพวกนี้ไม่ให้
แตกกระจาย..และเตรียมที่จะเชื่อมได้อีกภายในเสี้ยววินาทีในขณะที่จะนึกใช้งาน....
วิธีต่อไปแบบย่อๆนะ..ก็คือการยกเพื่อเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ท่านนั่นๆโดยตรงและก็จัด
ระเบียบเรื่องกระแสให้เรียบร้อย..และอีกวิธีการก็คือการดึงพลังงานภายนอกเช่นธาตุทอง การเขียนยันต์กลางอากาศ
และบรรจุลงไป.หรือจากแหล่งพลังงานตามภูเขามีชื่อ หรืออวัยวะบางชิ้นส่วนของผู้เป็นเลิศ ฯลฯ ...
รูปน้ำมนต์ที่เอาให้ดูจะออกไปทาง ลป.ที่พูดมาแต่ว่า.พลังงานยังไม่มากพอ..
ถ้าพูดว่ายังอ่อนเด่ว กาลีนะ จะเคือง ๕๕๕๕๕ ....มีวิธี
การเพิ่มก็คือพวกวิธีแบบย่อที่เล่าให้ฟัง
นั้นหละแต่อย่าเลยรออีกวัน ๒ วันดีกว่าจะเห็นสิ่งที่เอาไว้ให้ทำเป็นน้ำมนต์ตั้งต้น ซึ่งสามารถ
เติมน้ำได้เรื่อยๆ..ลองเอาให้ใครก็ตามที่มีระดับภูตหรืออสูรกายแฝงอยู่ลองซิมดู..ไม่ต้องพูดถึงวิญญานที่พอมีฤิทธิ์
นิสัยไม่ดีทั่วๆไปหรือว่าใครเห็นแล้วกลัวเลยตีไว้เลยว่ามีอะไรแปลกๆ รับรองว่า ออกร้อน
หรือไม่ก็ดิ้นพรวดๆ..แต่ถ้าเรากินก็จะกันพวกที่ปนมากับอาหารได้ประมาณนี้หละ...ตอนนี้ลองสัมผัสดูน้ำมนต์นี้ไปก่อนได้นะว่าเป็นไงบ้าง...
ปล.แค่นี้ก่อนเนาะ..และก็มีให้ได้เท่านั้นนะ
.เพราะฉนั้นใช้ดีๆ.

 

... เข้าใจแจ่มแจ้งดีทุกประการคะป๋า เพราะถึงตอนนี้ก็จะเข้าสามปีเข้าไปแล้วจากภาพ .. มันคงจะดีกว่าเก่ามั้งคะ อิอิ ... ตอนนี้จะพยายามเชื่อมถึงทุกครั้งที่สวดมนต์ ( กำลังหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองคะ ) เพราะอาจารย์สอนไว้ว่าถึงของจะดีแค่ไหนก็ต้องปลุกบ่อย ๆ .. แสดงว่าของที่ได้มาจากขอนแก่นก็เอาไปทำน้ำมนต์ได้ .. ส่วนให้พวกที่มีวิญญาณแฝงคาดว่าหนูทดลองจะไม่อยู่คะ .. เพราะแจ้งมาแล้วเมื่อเย็นว่า " จะต้องไปฝึกจิต " แต่ไม่ยอมบอกว่าที่ไปแถวไหน หลังจากให้หวยงวดที่ผ่านมา อิอิ .. และ จะแวะมาเมื่อไหร่ .. สงสัยคงต้องเล็งหาหนูทดลองรายใหม่เสียแล้ว .. แล้วจะรายงานผลนะคะคุณป๋าที่เคารพ.

... ใจอยากจะลองกับป้าแถว ๆ นี้เสียจริง ๆ แต่เกรงว่าจะเจอ .. ตออันเบ้อเร้อ ..

 

เข้ามาอ่านลายเซ็นท่านเจ้าคุณครับ ชอบเข้ามาอ่านลายเซ็นท่านเจ้าคุณ

 

เดี๋ยวนี้ ฆ่าคนง่ายโดยไม่ต้องใช้กระสุนแล้วนะ
รักใคร เกลียดใคร ไม่ชอบใคร