ตื่นโลกแตก พระ-ฆราวาส หนีขึ้นภูเขา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อวตาร., 23 มีนาคม 2011.

  1. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ท่านไม่เคยต้องขนถ่ายผู้ใด ผู้ใดมีธรรมมะผู้นั้นจะรอดเอง ท่านจะไม่มีวันมาพูดมุสา เอาที่ดินที่มีปัญหามาให้ลูกศิษย์มาปลูกบ้านหนีตายเปนอันขาด ไอ้พวกชอบสัจธรรมไม่ชอบกะพี้ จำไว้ว่าพวกเองก้อแค่พวกหนีตายกลัวทรัพย์สินสาบสูญ ตอบวกวนพายเรือวนในอ้างเลิกอ้างสัจธรรมบ้าบอ ถ้ามึงยังหนีตายหัวซุกหัวซุนอย่าง อย่าว่าแต่เข้าใจสัจธรรมเลย ความจริงยังไม่รู้จะเข้าถึงรึเปล่า วันๆนั่งเพ้อเจ้อกัน ด่าคนนอกวัดว่าต้องเปนบ้า ไม่ทำอะไรเช็กแต่ตรงไหนจะมีแผ่นดินไหว นอยกันทั้งเขา อย่าให้เหลามีอีกเยอะ อย่างกับเข้าไปอยู่เองเลยทีเดียว เลิกตอบไม่ตรงประเด็นได้แล้ว พอเค้าแฉก้อแถเปนอย่างอื่น ท่านไม่เคยลงมารับใคร ทุกคนที่มีธรรมย่อมได้การคุ้มครอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคุณจะรอดได้ ด้วยตัวคุณเองคุณจะอยู่ได้แม้ไม่เหลือทรัพย์สิน เหมือนพวกตั้งเอาบางจำพวก จะเอาทองกินแทนข้าว ค้นพบสัจธรรมจงอยู่นิ่งๆสบายๆไร้ๆเบาๆท่ามกลาง อย่าต่อปากต่อคำ พร้อมยิ้มรับกับความตายอย่างมีสติ อย่าแต๋วแตก อย่าแก้ต่าง พระตถาคตไม่เคยบังคับใครให้รักท่าน ศรัทธาท่าน ผู้ใดที่ยกตนเองว่าเปนอรหันต์ อวดอ้างสรรพคุณต่างผู้นั้นก้อไกลห่างจากสงฆ์ไหนพุทธศาสนาแล้ว อย่าเอาคำสอนวิปริตมาแก้ต่างอีกเลย อยู่นิ่งๆไว้จะดูค้นพบสัจธรรมมากกว่า ถ้าฉันเปนมารก็นั่งหัวเราะสบายใจไปแล้ว ว่าพวกนี้มันหางแถวจริงๆ ตามตอบตามแถได้ทุเมนท์ เอากะเค้าสิ ไปรีบไปขึ้นเรือโนอาร์ได้แล้วไป ไม่ไหวจะเคลียร์
     
  2. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ธรรมะของวัดนี้ถูกจริตกะพวกขี้เกียจม้ากมว้ากกกกก ไม่ต้องทำอะไรดับตรงนั้นโชว์เลย มันง่ายอยู่แล้วมีปัญหาไม่ต้องแก้ ดับโชว์ นั่งสมาธิแล้วทุกข์ ดับโชว์ อะไรที่เราไม่ชอบ ดับโชว์ ดับโชว์แล้วจะได้ไปนิพพาน นั่งๆนอนๆไม่ต้องทำอะไร เล่นเนตบ้างกวาดพื้นบ้าง นอยกันบ้าง ครอบครัวจะด่ายังไงไม่สนอยูนี่แสนสบายงานไม่ต้องทำ แถมภัยพิบัติก้อมาไม่ถึง แน่ใจเร้อว่าเรือลำนี้มันจะไม่ล่ม ระวังจะไปท่ามกลางกันตรงนั้นทีเดียว เรียบไม่มีเหลือ
     
  3. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาูธุ สาธุ
    -มองโลก คิดทางโลกในแง่ร้าย ถ้าปฎิบัติไปได้ช่วงหนึ่งจะมีสภาวะ ที่คิดอะไรแล้ว จะได้ดังที่คิด เหมือน มีแก้วสารพัดนึก ถ้าิคิดในแง่ดี ก็ดี แต่ถ้าคิดในแง่ร้าย ก็จะเกิดผลร้ายตาม ต้องแก้ให้มองโลกในแง่ดี จึงจะผ่าน มิฉนั้น คนรอบข้างจะเดือดร้อนเพราะ เราคิดในแง่ร้าย สิ่งร้ายๆ จะเกิดขึ้นตามที่คิด

    -สงกรานต์ ไปถวายพระที่ สระแก้ว มา 7 องค์ ก็น้อมขอบารมีที่สร้างครั้งนี้ คุ้มครองประเทศไทย และผู้เดินทางธรรม ให้ปลอดภัย ทะลุทะลวงในธรรม ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา เทอญ
     
  4. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +898
    คุณพิจักร เสียเวลาเปล่า

    เมื่อมีอคติ ยังไงก็มองไม่ออก

    ในเมื่อมีคนมองเป็นดำ เราจะบอกว่าขาว ก็ไร้ค่า
     
  5. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    มีบางคนเข้าใจ ก็พอแล้ว
     
  6. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    "3.ไม่ต้องสวดมนต์
    -เมื่อคลื่นลมภายในสงบ แล้วจะสวดทำไม จะนั่งสมาธิทำไม นั่นสำหรับเด็กที่อยู่ไม่สงบ ต้องหลอกล่อเด็กให้สงบก่อนด้วยวิธีต่างๆ เช่น ภาวนา ต่างๆ เดินจงกลม อื่นๆ เมื่อภายในสงบแล้วก็สามารถฟังธรรมโลกุตรธรรมได้เข้าใจ (เรื่องนี้ก็เคยโดนร้องเรียนมาแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรทางคณะสงฆ์จังหวัดก็เข้าใจว่าทางวัดทำสิ่งใดอยู่

    4.ฉันกี่มื้อก้อตามชอบ
    -ถ้าดูอรหันต์จี้กง ก็จะรู้ เข้าใจธรรม ถ้าพระทำงานก็ฉันได้ เพราะที่นี่ไม่จ้างคนนอกเข้ามาทำงาน ให้พระกับลูกศิษย์ฆารวาสทำทั้งหมด"

    ภัยสำหรับกุลบุตรผู้บวชในธรรมวินัยนี้ อันเป็นเหตุให้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ได้ไม่ยั่งยืน
    ๑. อูมิภัย (ภัยคลื่น คือ อดทนต่อคำสั่งสอนไม่ได้ เกิดความขึ้งเคียดคับใจ เบื่อหน่ายคำตักเตือนพร่ำสอน ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย อย่างนี้ก็เรียกว่าผู้มิใช่ภิกษุในธรรมและวินัยอันนี้ )
    ๒. กุมภีลภัย (ภัยจระเข้ คือ เห็นแก่ปากแก่ท้อง ถูกจำกัดด้วยระเบียบวินัยเกี่ยวกับการบริโภค การบริโภคที่ขัดกับหลักการที่พระบรมศาสดาทรงบัญญัติทรงวางไว้ก็ตาม การเห็นว่าธรรมและวินัยเป็นของเล็กน้อยก็ตามบุคคลเช่นนี้ย่อมมีทิฏฐิอันวิปลาสคลาดเคลื่อนไปจากพระสัทธรรม เพราะภิกษุผู้เป็นพุทธบุตรเคารพในพระศาสดาย่อมไม่ล่วงสิกขาบท แม้ด้วยเหตุแห่งชีวิต)
    ๓. อาวฏภัย (ภัยน้ำวน คือ ห่วงพะวงใฝ่ทะยานในกามสุข ตัดใจจากกามคุณไม่ได้
    )
    ๔. สุสุกาภัย (ภัยปลาร้าย หรือภัยฉลาม คือ เกิดความปรารถนาทางเพศกำหนัดยินดีในการเสพเมถุน)


    ไม่ทราบหรอกครับว่าท่านทำถูกหรือไม่ แต่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านสอนอย่างนี้
     
  7. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -ดีหมดครับ ถูก ทั้งหมดครับ เพราะเดินทางธรรม จะกล่าวสิ่งใดมิผิด ธรรมะรู้แค่ไหนก็พูดได้แค่นั้น

    -ว่าง คือ เป้าหมาย การเดินทางธรรม ว่างมี 2 แบบ 1.ว่างแบบภาวนา (ยึดติดการภาวนา) 2.ว่างโดยไม่ต้องภาวนา (ไม่ยึดติดการภาวนา หรือกำหนด)

    -สมัยผมนั่งสมาธิเอง ก็ไม่ต้องอดข้าว อดน้ำ กินปกติ นั่งภาวนา 3 เดือน ก็รู้เห็น โลภ โกรธ หลง เห็นแบบรู้ต่อรู้ เห็นต่อเห็น (แต่ไม่เอาเสื่อมหมดและ) ตรงไหน ว่าต้องเข้ากรรมฐาน อดอาหาร การเป็นฤาษี ท่านไม่บวชก็เพราะการบวชยุ่งยาก เป็นฤาษีช่วยคนได้ง่ายกว่า ได้เคยไปหาครูบาอาจารย์ ท่าน 3ทุ่ม ยังเคี้ยวโปเต้อยู่เลย คนเขาก็เฉยๆ เป็นการทดสอบให้รู้ว่า ปฎิบัิติกันถึงไหนแล้ว ถ้าเราเฉย ท่านก็จะให้ธรรมที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไปอีก แต่ถ้าเอะ อะ ก็แสดงว่า ยังไม่ถึงความจะรู้ธรรมสูงขึ้นๆ ไปได้ ก็กลับไปปฎิบัติต่อ

    -การเดินทางธรรม เราออกเดินทางหาครูบาอาจารย์หลายๆ ที่ เพื่อเปรียบเทียบดูว่าที่เรารู้มาผิดหรือไม่ เพราะปฎิบัิตไปแล้ว ไม่แน่ใจ ว่าทำไม ธรรมะถึงไม่มีอะไร ไม่ยึดอะไร ว่างอย่างเดียว

    -ธรรมะ ไม่เที่ยง แปลเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ในบทสวดก็บอกไว้ จึงได้บอกว่า ธรรมะ ไม่มีขัดแย้ง กันเลย แปลเปลี่ยนไปตามกาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2011
  8. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    โอ เพิ่งทราบครับว่าทางธรรมนี่มีสองทาง ผมคงฟังมาผิด ทรงจำมาผิด ที่ท่านว่าเอกมัคโควิสุทธิยา ที่แปลว่าทางหมดจดมีทางเดียวคือเจริญมรรคมีองค์แปดให้มาก

    อีกอย่างผมก็คงฟังมาผิดอีกที่ท่านว่า ธรรมะไม่ขึ้นกับกาลเวลา คือปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล และธรรมธาตุทั้งหลายย่อมเป็นอยู่อย่านั้นเอง เป็นสัจธรรม พระศาสดาป็นผู้ค้นพบและนำมาชี้ทางให้เราไปพบด้วย

    แล้วผมก็คงฟังมาผิดอีกที่ท่านว่าบุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียรเหมือนที่พระโอวาทในการเอหิภิกขุอุปสัมปทาที่แปลว่า"จงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด"
     
  9. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ปลายทางมีเพียงหนึ่ง
    วิธีการมีหลายวิธี
     
  10. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -ธรรมะ แปลเปลี่ยนรูปแบบไปตามกาลเวลา เพราะกาลยุคนี้ หากใช้ปัญญาโลก ๆ ดู ก็พอเดาออก ว่าถ้าจะปฎิบัิติธรรม แบบ เลื่อยๆ มาเลียง ๆ ก็ไปไม่รอดแน่ๆ หรือ มีคนกว่าว่า มีพุทธะ ลงมาช่วยกอบกู้ผู้เดินทางธรรม ให้รอดปลอดภัย ก็น่าจะกราบเบื้องบนที่เมตตาในยุคทุกข์ยาก

    -หากพิจารณาดูด้วยเหตุผลโลกๆ ก็น่าพอจะเป็นไปได้ ว่าอาจจะมีธรรมะ ที่สั้น หรือแปลกออกไป แบบด่วน (อันนี้คือ ธรรมะ แปลเปลี่ยนไปตามกาลเวลา) เช่น บางที่ ใช้ปรับธาตุ ให้แข็งแรงก่อน ขับเชื้อโรคด้วยลม ผ่าตัดภายในด้วยลม เมื่อสุขภาพแข็งแรง ก็สามารถรับมือภัยภิบัติได้ หากรอด แต่เกิดเจ็บป่วย เพราะถ้าวิกฤติจริงๆ ไม่มีใครช่วยใครได้ เมื่อรักษาสุขภาพได้แล้ว ก็เข้าสู่วิปัสนาเลย ไม่ต้องนั่งจมอารมณ์ ติดสุข ข้ามไปเลย ก็สามารถทำได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน นี่ก็คืออีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้เดินทางไปพบมา (ธรรม แปลเปลี่ยนไปตามกาลเวลา)

    -ธรรมทุกเส้นทุกสาย ต้องประมวลลงสู่ว่าง แบบไม่ยึดติด สูญตาวิหารธรรม ทั้งหมด จะทำแบบใดให้ ว่าง ไม่ยึดติดได้ ก็รีบ ๆ เวลาเหลือน้อยนัก แม้อายุ ก็ไปเลื่อย ร่างกาย ก็ผุพังไปเลื่อย ภัยก็ไม่รู้วันไหน ดำรงอยู่ในความไม่ประมาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2011
  11. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    เอวัง สฺวากขาโต ภิกขะเว มะยา ธัมโม,

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเป็นธรรมอันเรากล่าวดีแล้วอย่างนี้,​
    อุตตาโน,
    เป็นธรรมอันทำให้เป็นดุจของคว่ำที่หงายแล้ว,​
    วิวะโฏ,
    เป็นธรรมอันทำให้เป็นดุจของปิดที่เปิดแล้ว,​
    ปะกาสิโต,
    เป็นธรรมอันเราตถาคตประกาศก้องแล้ว,​
    ฉินนะปิโลติโก,
    เป็นธรรมมีส่วนขี้ริ้ว อันเราตถาคตเฉือนออกหมดสิ้นแล้ว,
    เอวัง สฺวากขาโต โข ภิกขะเว มะยา ธัมเม,
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อธรรมนี้ เป็นธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว อย่างนี้,​
    อะละ เมวะ,
    ย่อมเป็นการสมควรแล้ว นั่นเทียว,​
    สัทธาปัพพะชิเตนะ กุละปุตเตนะ วิริยัง อาระภิตุง,
    ที่กุลบุตรผู้บวชแล้วด้วยศรัทธา,จะพึงปรารภการการทำความเพียร,
    กามัง ตะโจ จะ นะหารุ จะ อัฎฐิ จะ อะวะสิสสะตุ,
    ด้วยการอธิษฐานจิตว่า แม้หนังเอ็นกระดูกนั้นจักเหลืออยู่,​
    สะรีเร อุปะสุสสะตุ มังสะโลหิตัง,
    เนื้อและเลือดในสรีระนี้จะเหือดแห้งใป ก็ตามที,​
    ยันตัง ปุริสะถาเมนะ ปุริสะวิริเยนะ ปุริสะปะรักกะ เมนะ ปัตตัพพัง,
    ประโยชน์ใด อันบุคคลจะพึงลุถึงได้ด้วยกำลัง,ด้วยความเพียร ความบากบั่นของบุรุษ,​
    นะ ตัง อะปาปุณิตฺวา,ปุริสัสสะ วิริยัสสะ สัณฐานัง ภะวิสสะตีติ
    ถ้ายังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว,จักหยุดความเพียรของบุรุษ เสีย เป็นไม่มี ดังนี้.


    ถูกต้องเลยครับจะปฏิบัติแบบเรื่อยๆอย่างที่ท่านว่าก็คงจะไม่รอด(จากมือมาร)เป็นแน่
     
  12. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -อ่านได้แค่ไหนรู้ได้แค่นั้น ออกแสวงหาแค่ไหน ได้แค่นั้น

    -พุทธะ มาอย่างมากมาย สุดแต่ใครจะพานพบ บุญถึงพร้อมไว้เป็นดี

    -ทำบุญ ทำทิ้ง ไม่คิดว่า อย่าไปคิด เดี๋ยวไม่ได้ มันจะกลับมาเอง (หลงตัญหา)

    -ปฎิบัติธรรม ปฎิบัติทิ้ง ไม่กอดแน่น ศรัทธาสนิท ให้ว่าง วางให้เป็น แล้ว ๆ ไปให้เป็น

    -รู้มากมาย มากพอแล้ว วางตัวรู้ ตัดตัวรู้ลงบ้าง ให้จิต ว่าง วาง บ้าง กอดกับสภาวะ จมกับสภาวะ ไม่ผ่าน ไม่ไหลลื่น

    -พุทธะ ลงมามีธรรมเฉพาะกิจ เฉพาะกาล คับขัน (ธรรมแปลเปลี่ยนไปตามกาล)หากไม่มั่นใจก็ขอเมตตาครูอาจารย์ดูก่อน ให้พิสูจน์ 1 วรี ไม่ได้หมายถึงจะแก้ไข จะตอบได้ทุกสถานการณ์ อย่าพึ่งเชื่อ พิสูจน์ดูก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2011
  13. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    ก็น่าจะใช่นะครับถ้าหาอย่างอื่น

    แต่หากเป็นธรรมะที่พระบรมศาสดาทรงสอน พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านว่า"หาในตัวเจ้านั่นหละในกายในใจของเจ้า บ่ต้องออกไปแสวงหาที่ไหน"

    และ"พุทธ"นั้นไม่ใช่จะหาจากไหนดอก ไม่ได้หาได้จากคนอื่น ไม่ใช่การพานพบจากคนอื่น หากแต่ในหัวใจทุกดวงมีเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธอยู่แล้วเรามีหน้าที่ทำให้งอกงาม

    ส่วนการวางตัวรู้นั้น ผมคงยังไมถึงขั้นนั้น เพราะแค่ปฏิบัติตาม คำว่า"เพียงพื่อรู้ เพียงพื่ออาศัยระลึก ที่แท้ เธอเป็นผู้ที่ตัณหาและทิฏฐิอาศัยไม่ได้"เพียงนี้ก็ยังไม่สำเร็จผลเท่าไหร่เลย
     
  14. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ สาธุ
    -เจริญในธรรมแล้ว คิดชอบแล้ว เมื่อมีตัวตน(อัตตา) ก็จะมีการยึด อิงสภาวะ อ้างอิง ถ้าไร้ตัว ไร้ตน(ไร้อัตตา) ก็จะไม่มีการยึด ไม่มีการเกาะของสภาวะใด ๆ คือไม่มีอะไร เกาะกับอะไร ไม่มีอะไรให้ยึด ตัญหา ก็ไม่มีตัวที่จะเกาะ ก็ไม่มีอุปปาทานให้เกิด คือทำลายอวิชา ให้รู้แล้วทิ้ง วาง ตัวรู้ ไม่ต้องแบก เก็บ ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วแล้วไป อะไรจะเกิด จะเป็นก็ช่างมัน ช่างบ่อยๆ ก็จะเบาไปเอง ว่าง ไป วางไป ไร้ไป

    -พุทธะ อยู่ในตัว ถูกต้องแล้ว ครูบาอาจารย์ ก็ออกเดินทางหาพุทธะ ทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ความวิริยะ กับ ประสบการณ์ ยังน้อย เลยออกหาผู้เดินทางมาก่อน แล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง เป็นอย่างไร หมายถึงว่าเราปฎิบัิตแล้ว เกิดผลที่แปลกจากที่ไม่ได้ระบุไว้ในหนังสือที่เคยอ่านๆ มา ก็ต้องหาครูบาอาจารย์ ชี้แนะ ว่าเราปฎิบัติถูกทางแล้วหรือไม่ แต่ก็โชคดีที่ไปกราบขอเมตตา ก็ไม่ผิดจากที่ปฎิบัติมา กลับได้ความกระจ่างมากมาย แล้วได้จาคะ ทำบุญ(ทำทิ้ง) สบาย ได้ทั้งเมตตา ได้ทั้งทำบุญไปด้วย (ถ้าเราเิดินทางธรรม จะมีส่วนหนึ่งที่เราจะต้องไปชำระเสีย เพื่อไม่ให้ติดค้าง ซึ่งกาลหนึ่งกาลใดเราเคยกระทำ หรือ ติดค้างเอาไว้ มิฉนั้นก็ต้องกลับมาชำระอีกในชาติต่อไป เหมือนมีหนี้แล้วต้องใช้หนี้ให้หมด จึงจะไปได้อย่างไม่ติดค้าง)

    -และอีกอย่างของการเดินทางคือ สถานที่ สัปปายะ ที่บริสุทธิ์ จะเป็นสิ่งเสริม เช่น ลมปราณทะลุทะลวง ไม่ติดขัด เป็นต้น ทำให้ง่ายต่อการเดินทางธรรม ที่ครูบาอาจารย์เดินทางก็ส่วนหนึ่งคือ สถานที่สัปปายะ

    -ธรรมะ แบบที่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ก็มีได้ทราบจากคำยืนยันของครูบาอาจารย์ หลาย ๆที่ (ทำให้มั่นใจว่าไม่ได้หลงเอาแต่ปฎิบัติ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2011
  15. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    คุณกังหัน ขี้มันเหม็นอย่าเอามือไปจิ้มเลย ไอ้ลัทธิสาวกหมอดูนี่ มันไล่ตอบทะกเมนท์เอ้ะอ้ะไปทั่ว อวดภูมิว่าคนอื่นรู้น้อยกว่าตัว เที่ยวไล่หาอริยะจนเจอดี ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเหนเรา ตถาคตอยู่กะเราตั้งแต่เริ่ม ซ่านไปหากันจนเจอดี ยังมายกหางให้ฟังกันอยู่ได้ แค่หยุดตอบหยุดเอ้ะอ้ะยังทำไม่ได้ เสือกจะปล่อยวาง เสือกจะว่าง หนีตายไปไกลๆกูเลย หนทางดีที่สุดของพวกเอ็งคือ หนีตายยยยย ปล่อยวางอะไร ตอบดิ นี่กระทู้หนีตายขึ้นเขาอย่าเปลี่ยนประเด็น ไอ้พวกป้อดขี้ขลาด ไปใส่กระโปรงหลบบนเขาไป ปล่อยให้เมียแม่ทำมาหาแดกใน กทม เลี้ยงพวกเอ็งเถอะ เลิกเอาสัจธรรมมาอ้างเกี่ยวกะหนีตาย ตุ้ดก้อยอมรับว่าตุ้ด
    กูเห็นความปัญญาอ่อนพวกมึง กูอุตสาห์ไม่สนใจเลิกตอบ แต่มึงยังวนเวียนไล่ตอบทั้งที่มึงเสนอความว่างปล่าวกะปล่อยวาง แต่มึงเอ้ะอ้ะไปทั่ว คุณกังหันเค้าคนดี อย่าเอาอาจมในตัวพวกมึงมาถูกลูกศิษย์ตถาคตเลย เชิญบูชาผีเปรตกันไป แนวทางมีไว้ข้าจะฝืนข้าจะเขียนใหม่ เก่งนักก้อไม่ต้องมายุ่งกะคนที่เอ็งคิดว่าโง่กว่าเอง เชิญฉลาดดักดานนนน กันในเขาเร้นลับอะดีแล้ว กระทู้นี้มีไว้ด่าลัทธิบ้า ไม่ได้มีไว้ให้พวกมึงมาแก้ตัว กูรำคาญๆๆๆๆ
     
  16. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ทานทำทิ้งใหญ่โตซะเหลือเกิน ไม่ได้ทำเพื่อให้เหรอเพื่อลดความตระหนี่ในตัวเหรอ ทำทิ้ง แต่ละศัพท์ที่บัญญัตินี่อาร์ทเหลือเกิน แหมทำทิ้ง ยิ่งใหญ่ บุญยิ่งใหญ่มาก ใครจะรับบุญมึงได้ ในเมื่อมึงทำทิ้ง จะทำอะไรต้องให้เก๋ ต้องหาคำแนวๆเพื่อให้เท่ห์ไม่ซ้ำใคร เปนคนดีปรกติ อย่าเพ้อเจ้อมากเกินไป ทำไม่ได้เหรอ ยากมากเหรอ ทำทิ้งความแนวลงบ้างก้อได้ จะได้ไม่ป่วยทางจิตกันอย่างนี้
     
  17. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ทำทานทำทิ้ง คือไม่ใส่เจตนาหรืออัตตาเข้าไปในการทำทาน เพราะไม่หวังผลตอบแทน หลวงพ่อไม่ได้สอนให้ไปสวรรค์ แต่สอนให้แจ้งนิพพาน การทำบุญจึงไม่หวังบุญ การปฏิบัติเช่นนี้ก็ตรงต่อสภาวะนิพพานอยู่แล้ว ส่วนคนที่ทำบุญหวังบุญไปสวรรค์ก็ไม่เข้าใจเป็นธรรมดา
    เพราะบัวมีตั้งสี่เหล่า ใช่ไม่ใช่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2011
  18. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +898
    ขอยืมคำคุณบำรุง

    วิธีการมีหลากหลาย แต่ปลายทางมีเพียงหนึ่ง

    ก็เชื่อว่า พุทธชน ทั้งหลายกำลังเดินไปสู่จุดเดี่ยวกัน ช้าบ้าง เร็วบ้าง ตรงบ้าง อ้อมบ้าง หยาบบ้าง ละเอีดบ้าง

    ครูบาอาจารย์ท่านก็พูดไว้ทุกยุคทุกสมัย ว่าโลกไม่ขาดพระอรหันต์ ถ้ายังปฏิบัติกันอยู่

    พระอรหันต์ท่านมีจิตบริสุทธิ แต่มีวิสัยต่างกัน อย่าไปเพ่งมองเรื่องการแสดงออกของท่าน แล้วเก็บมาเป็นอารมณ์

    ผมก็เพิ่งเห็นชัด ว่าธรรมที่เรียนรู้ ที่เหมือนกัน แต่การมอง ก็เป็นขั้นๆ ตามภาวะจิตของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน

    ก็ไม่แปลกใจเพื่อนๆ ที่เดินทางสายธรรมด้วยกัน จะหยาบคาย และมองใกล้ๆ ในสายที่ตนเองถนัด
     
  19. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    เห็นตอบกันแต่ละอย่าง จบด้วยตีวัวกระทบคราด จะด่าก้อด่ามาเลย อย่ามามือถือสากปากถือศีล บัว4เหล่ามั่ง หยาบคายมั่ง อย่ายกหางตัวเองกันนักเลย ใครเค้าขอให้มาโปรดไม่ทราบ จะทำทิ้งทำขว้างก้อเรื่องของคุณ สรุปก้อทำให้ไม่หวังผลตอบแทนไง กระแดะต้องกระแนะกระแหนอีก ว่าใครทำหวังขึ้นสวรรค์จะไม่ได้ แสนรู้เหลือเกิน ไอ้พวกนักบุญเหมือนจะมาชี้ทางสว่างแต่แอบจิกกัดตลอด เหมือนตุ๊ดก็ไม่ปราน มึงรู้ไปทั่วว่าคนอื่นเค้าทำหวังขึ้นสวรรค์ได้วิชาหมอเดาจากอาจารย์มาเยอะเหรอไง พูดง่ายๆอย่าอาร์ทมากคนก้อเข้าใจ บอกไปเลยทำบุญอย่าหวังผล ดัดจริตต้องทำทิ้ง บอกแล้วไงว่าไม่ต้องแนวมาก สะอิดสะเอียน ตั้งอยู่บนความพอดี อย่าเพ้อเจ้อ จะเพ้อเจ้อก้อขึ้นเขาไป ้วกระทู้นี้จะออกทะเลไปใหญ่แล้ว เค้าตั้งหัวข้อว่า ตุ้ดหนีตายแต๋วแตกแหกกระเจิงขึ้นภูเขา ไอ้ที่ตอบๆกันมาเกี่ยวอะไรกันไม่ทราบ จนบัดนี้ยังไม่มีตุ้ดตัวไหนมาตอบกูเลย ว่าไอ้ขายทรัพย์สินเปนทองหนีตายไปหลบอยู่บนเขาเร้นลับ ไม่ตั้งเอายังไง เที่ยวด่าเค้าไปทั่วว่าคนไม่ขายแล้วหนีปล่อยวางไม่เปน ห่วงทรัพย์สิน แต่ไอ้พวกแอบขายแอบหนี เค้าเรียกตุ้ดหรือป่าว ผู้หญิงบางคนยังใจเด็ดกว่าพวกมึงเลย กลับลงมาไม่กลับขึ้นไปปล่อยตุ้ดตู่อยู่บนเขา คนจะตายอยู่ที่ไหนก้อตาย อย่ามาทำเปนมีสติเตรียมตัวตายเลย ตอนนี้อาจารย์มึงอะมุสาแล้ว เลยกำหนดแล้ว แต่กูต่อเวลาให้ถึงสิ้นปี แล้วอย่าเสือกบอกว่าพวกมึงส่งกระแสจิตช่วยจนไทยพ้นวิบากกรรมล่ะ ถุยส์ ใครมาตอบเบี่ยงประเด็นเรื่องตุ้ดตู่หนีขึ้นเขา ไปเปนเรื่องอื่น ไปตั้งกระทู้ใหม่เลยไป หัวข้อ นิพพานไม่ต้องนับหนึ่งแค่เปนหมอดูก้อนิพพานท่ามกลางทำทิ้งไม่เอ้ะอ้ะ แค่เนี้ยทำได้ไหม ไปหาสาวกที่อื่นไป้
     
  20. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    คนเข้ามาดูกระทู้นี้1400กว่าคน แต่ไม่เหนมีใครเอ้ะอ้ะเหมือนตุ้ด2-3คนนี้เลย วนเวียนกันส่งไม้ไปมา สัจธรรมอยู่ตรงหน้าพวกคุณแล้ส คนพันกว่าคนมาแล้วผ่านไป เพราะไม่มีสาระอะไร อีกพวกเข้ามาแก้ตัวแทบตาย มีคนด่าคุณอยู่กี่คนนับหัวได้ ที่บ่อยสุดเหนจะมีฉันคนเดียว กวนประสาทพวกสาวกนี่มันจริง กูลอกอินเข้ามาเพื่องานนี้งานเดียวเลย แหย่ไอ้พวกสัจธรรมบ้าๆบอๆ ตามตอบมันได้ทุกเมนท์ ถามว่าตอบให้ได้อะไร แส่ให้ได้อะไร พระพุทธเจ้าจะโปรดใคร ยังต้องจับยามดูว่าวันนี้ผู้ใดมีบุญจะได้บรรลุในธรรม ไม่ใช่โปรดสาดๆส่งเดชไปเรื่อย ประมาณตัวเองกันหน่อย กูเปนมารนั่งหัวเยาะเราะตกเก้าอี้ไปหลายรอบ นิ่งไม่เปน ตอบก้อไม่เคยตรงประเด็น ไอ้บัวสี่เหล่านี่ด่าตัวเองใช่ไหมว่าเปนบัวเหล่าแรก เพราะถ้าเหนือน้ำแล้วไม่เอ้ะอ้ะอย่างนี้หรอก ขายขี้หน้าแทนอาจารย์ ขานั้นเค้ายังสงบกว่าเยอะ แอบนินทาเงียบๆไม่ออกตัวอะไรปล่อยให้เรื่องเงียบ ไม่มาเอ้ะอ้ะอวดสรรพคุณว่าข้ารู้มากรู้ดี แสนรู้โฮ่งๆๆกว่าใคร แล้วก้อไม่ต้องมาบอกว่าใครจะอยู่สายไหน สายไหนถ้าไม่เพ้อเจ้อชวนคนขายทรัพย์สินขึ้นเขา ก็ว่าดีทั้งนั้นดีทุกสาย คนอย่างฉันไม่มีสายไหน อย่ามาแบ่งโน่นนี่ให้มันอาร์ท ไอ้ที่เมนท์ว่าเลือกทำบุญได้จะทำกับคนรวยมากกว่าคนจน กูก้อจะสำรอกออกมาแล้ว ไปอ่านไอ้แรกๆดู ว่ามันวิปริตไหม ใครไม่ถูกกะตัวเองก้อต้องสายโน้นสายนี้ ไร้สาระน่า ไม่ต้องแปลกใจนะว่าคนอื่นในนี้เค้ามาอ่านแล้วก้อไป พวกนั้นเค้าสงบของจริง ไอ้ที่สงบปลอมๆนะพวกแก และกูก้อเปนมารของพวกมึง เพราะกูสมัครมางานนี้โดยเฉพาะ มึงไม่เลิกบ้า กูก้อจะบ้าไม่เลิก อุตส่าห์หยุดไม่ตอบแล้ว มึงยังไม่เลิกยกหางตัวเองอีก จะสอนอะไรแต่ตบท้ายด้วยกระแนะกระแหนนี้ มึงเปนกันทั้งเวปเลยปะวะ ไอ้เวปวัดนั้นแอดมินก้อเพ้อเจ้อ ยกหางตัวเองเหมือนก้นเด้ะ ทำเปนสัจธรรมท่ามกลาตบท้ายด้วย กระแนะกระแหนชาวบ้านว่าชาวบ้านโง่กว่าตัว ก่อนจะสอนใคร สำรวจใจตัวเองก่อนว่าสะอาดพอรึปล่าว ก่อนจะตีวัวกระทบคราด ดูตัวเองรึยังว่าดีจริงหรือ แล้วไม่ต้องมาย้อนว่ากูดีไหม กูเปนมาร กูยังเลว ยังมีกิเลส ด่าได้ ไม่ดัดจริตตอแหล หลอกด่าใคร ด้วยคำสุภาพ คำสอนไหนที่มันบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดกูจะลุย ประเด็นคือมึงหนีขึ้นเขา ถ้าเคลียร์ให้กูไม่ได้ ไปตั้งกระทู้อื่น เข้าจั้ยยย
     

แชร์หน้านี้

Loading...