ถามคนในนี้ มีใครมั่นใจว่าตนเองปราถนาพุทธภูมิจริง และได้รับพยากรณ์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Veeravit, 17 มกราคม 2013.

  1. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    ซ้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2016
  2. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    ประหลาดใจที่กระทู้นี้มีคนขุดขึ้นมา ทั้งที่ตั้งไปนานมากแล้ว

    เหตุผลจริงๆตอนนั้นที่ตั้งกระทู้เพราะ ผมเป็นห่วงพวกพุทธภูมิที่บารมีอ่อนและปราถนาแบบผิดๆ (พวกอยากใหญ่/อยากเก่ง/อยากพิเศษ) เกรงว่าจะเสียเวลาเปล่าเพราะขนาดปราถนาด้วยเจตนาบริสุทธ์ยังทำสำเร็จยากมากๆๆๆๆ

    และตอนนั้นผมยังไม่มันใจว่าตนได้รับพยากรณ์หรือยัง และเกรงว่าจิตใจที่แท้จริงนั้นตนปราถนาพุทธภูมิด้วยเจตนาบริสุทธ์หรือไม่. จึงคิดจะ"ลา"ดีกว่า อีกทั้งมั่นใจว่าตนได้สร้างบารมีมาพอสมควรแล้ว ถ้าจะเอามรรคผลคงน่าจะมีโอกาส จึงเป็นที่มาของการตั้งกระทู้นี้ เหมือนกับหาเพื่อนลาพุทธภูมิ(เฉพาะพวกเจตนาไม่บริสุทธิ์. ส่วนพวกเจตนาบริสุทธ์ผมก็อนุโมทนาด้วย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2016
  3. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ดอกบัวที่สวยงามบริสุทธิ์ยังเกิดมาจากโคลนตมเลยครับ นิยตโพธิสัตว์(ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว) ก็ต้องเคยผ่านมาจากอนิยตโพธิสัตว์มาก่อนทั้งสิ้น ขนาดบางท่านเคยเป็นมารมาก่อนแล้วปรารถนาพุทธภูมิก็มีครับ การปรารถนาพุทธภูมิเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาจิตใจตนเองให้เป็นคนดีมีศีลธรรมและช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ครับ แต่ระหว่างทางแห่งการบำเพ็ญบารมีนั้นก็อาจจะพลาดพลั้งไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ จึงไม่ควรที่จะไปตัดรอนทอนกำลังใจผู้อื่นที่กำลังตั้งเป้าหมายที่ดีแล้ว จะทำให้เป็นวิบากกรรมมาตัดรอนทอนกำลังใจตัวเองได้ครับ เพราะอนิยตโพธิสัตว์สามารถเป็นกำลังเสริมที่สำคัญในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ ช่วยเหลือศาสนา ช่วยเหลืองานนิยตโพธิสัตว์ได้เป็นอย่างดีครับ ส่วนอนาคตท่านใดจะเป็นอย่างไรไม่ควรไปคิดมากขนาดนั้น ผมเองกลัวแต่ว่าจะพากันหนีไปนิพพานกันเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะถ้าแนวร่วมหายไปมากๆการบำเพ็ญบารมีก็จะยากขึ้น การช่วยเหลือสรรพสัตว์ก็ยากลำบากขึ้น การสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็จะมีจำนวนที่ลดลง เพราะปริมาณคนดีๆที่เก่งๆหายไปมากนั่นเอง ทุกอย่างสัมพันธ์กันไปหมดครับ เพราะเหตุปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังคือบุญและบาปส่วนรวมเป็นตัวกำหนดสภาพความกินดีอยู่ดีหรือความเดือดร้อนต่างๆในแต่ละยุคสมัย ถ้ามีสัดส่วนคนดีๆอยู่มากความเดือดร้อนก็น้อย สัดส่วนคนดีๆมีน้อยความเดือดร้อนก็มากขึ้นตามลำดับ

    ลองดูเรื่องป่าไม้สิครับจะเห็นได้ชัดเจน ปกติแล้วต้นไม้นี่ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อมนุษย์และสรรพสัตว์เป็นจำนวนมากได้เพราะช่วยเปลี่ยนกาซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นกาซออกซิเจน เป็นทั้งแหล่งอาหาร ช่วยเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ เป็นยารักษาโรค เป็นแหล่งต้นน้ำตามภูเขาสูง ช่วยให้ระบบนิเวศน์มีความสมดุลย์ ฯลฯ ถ้าเราไม่รู้คุณค่าของต้นไม้ว่ามีประโยชน์ต่อโลกและส่วนรวมอย่างไร การตัดไม้ทำลายป่าเมื่อมีมากจนระบบนิเวศน์เสียสมดุล สภาพของภูมิอากาศ น้ำ อาหาร สิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ ก็จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ทำให้มนุษย์และสัตว์ก็ได้รับความเดือดร้อนในรูปภัยพิบัติต่างๆในปัจจุบันนี้ครับ

    ฉันใดก็ฉันนั้น จึงควรมาช่วยเหลือให้กำลังใจเหล่าพุทธภูมิน่าจะดีกว่าครับ ใครจะสำเร็จแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับได้ทำตนให้มีคุณค่ากับส่วนรวมให้เต็มที่เต็มกำลังกันจริงๆจังๆก่อน ถ้าถึงวาระที่ไม่ไหวจริงๆค่อยเข้านิพพานก็ยังไม่สาย ถือว่าทำงานถวายพระพุทธองค์เป็นพุทธบูชาก็แล้วกันครับ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านได้ทำหน้าที่กันต่อไปนะครับ ถ้าคิดว่ายังสามารถทำหน้าที่ต่อได้ก็อยากให้อยู่ต่อกันเยอะๆครับ การทำความดีไม่มีคำว่าเสียเวลาเปล่าครับ จะมากจะน้อยก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับทุกชีวิตและสรรพสัตว์บนโลกนี้แล้ว ไม่ต่างกับต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นต้นหญ้าต้นเล็กๆหรือจะเป็นต้นไม้ใหญ่ก็สามารถทำประโยชน์ให้โลกนี้ได้ทั้งสิ้น

    และผมก็ขออวยพรให้ท่าน Veeravit มีกำลังใจที่จะทำความดีต่อไปครับ อย่ารีบท้อใจไปเสียก่อน ไหนๆจะนิพพานทั้งทีก็ควรตั้งเป้าหมายไว้สูงๆก่อน ส่วนจะสำเร็จได้แค่ไหนอย่าเพิ่งรีบท้อใจ จะทำได้แต่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทำให้เต็มที่ตามกำลังของเรา ถึงจะไปไม่ถึงจุดสูงสุด แต่อย่างน้อยเราก็สามารถฝากความดีเอาไว้ในโลกนี้ได้อย่างเต็มที่ได้อย่างน่าภาคภูมิใจแล้วครับ

    ป.ล. ผมเองนี่อนิยตร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะยังกลัวตายอยู่ ทำหน้าที่ระยะยาวตามปณิธานของตัวเอง อย่างน้อยจนกว่าจะถึงยุคที่ความแก่ ความเจ็บ ความตายจะหมดสิ้นไป อย่างมากก็อยู่ไปเรื่อยๆจนไม่มีภารกิจที่จำเป็นต้องอยู่แล้วถึงค่อยเข้านิพพาน และผมก็ไม่ได้เป็นคนที่เก่งพิเศษอะไรเลยครับ ขอบอกไว้ก่อน แล้วก็ไม่ได้อยากเก่งเพื่อไปอวดดีกับใครเพราะไม่มีประโยชน์เท่าไรกับการที่ต้องทนทุกข์อยู่นานกว่าชาวบ้านเขา และผมนี่ออกจะขี้เกียจด้วยซ้ำไปเลยชอบสนับสนุนคนดีๆให้เก่งกันมากๆ ผมจะได้ไม่เหนื่อยครับ ที่อยู่นานเพื่ออยากช่วยสรรพสัตว์ไปตามกำลัง ช่วยพระพุทธศาสนาไปตามกำลัง ช่วยงานพระโพธิสัตว์ไปตามกำลัง ทำไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พักบ้างแต่ไม่เลิกง่ายๆจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ ถือว่าทำหน้าที่นี้ถวายเป็นพุทธบูชาครับ ถ้าท่านเห็นผมยังดิ้นกระแด่วๆในกองทุกข์อยู่ก็ช่วยเป็นกำลังใจกันบ้างนะครับ ^_^ (ผมใส่มุขไปบ้างพอขำๆนะครับ ปรับแก้บ้างเล็กน้อย)

    ความทุกข์ของสรรพสัตว์มีมากจริงๆครับ ไม่ต้องถึงกับลงนรกก็ทุกข์กันมากพอแล้ว ถ้ามีสรรพสัตว์ติดอยู่ในอบายภูมิกันมากๆก็รู้สึกน่าสงสารมาก (บางท่านอาจคิดว่าเขาเป็นคนชั่ว ควรถูกลงโทษแบบนั้นก็ดีแล้ว แต่เบื้องลึกแล้วมีอำนาจของฝ่ายบาปอกุศลหรือกิเลสเขามาบังคับจิตใจอยู่ครับ ทำให้ต้องหลงผิด ทำผิดศีลกันมาก เดิมทีพวกเขาเหล่านี้ก็เคยเป็นคนดีมาก่อนทั้งนั้น ถ้าไม่มีพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้ามาช่วยพวกเขา โอกาสที่จะรอดจากวัฏฏะสงสารแทบเป็นไปไม่ได้เลยครับ และถ้ายังมีมิจฉาทิฏฐิอยู่ก็อาจจะถลำลึกลงไปเรื่อยๆด้วยซ้ำ) นรกผมก็กลัวอยู่นะครับ โอกาสพลาดก็มีมาก แต่ก็พยายามอดทนช่วยกันไปครับตามกำลังครับ ผมอยากเห็นพระโพธิสัตว์สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้ากันมากๆจะได้ช่วยสรรพสัตว์ได้มากๆ นี่จึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ผมตั้งความปรารถนาไว้ยาวไกลเช่นนี้ครับ และผมเชื่อว่ามีอีกหลายท่านที่ตั้งภารกิจไว้นานๆแบบนี้เช่นกัน บางท่านก็ปรารถนาจะอยู่ช่วยสรรพสัตว์เป็นท่านสุดท้าย ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้สำเร็จนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2016
  4. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ที่ท่าน aries ว่าบางท่านปรารถนาเป็นองค์สุดท้าย แบบนั้นก็เคยได้ยิน

    แต่ที่ท่าน มารเดินดินว่า อย่าปรารถนาเป็นองค์สุดท้าย เพราะมันไม่มี
    อันนี้ก็น่ารับฟัง มีเหตุผลอยู่

    เพราะวัฎฎะสงสาร ไม่มีต้นไม่มีปลาย
    จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสิ้นสุด เป็นองค์สุดท้ายขึ้นมาได้ นี่ประการหนึ่ง

    ประการที่สอง ต่อให้สิ้นสุดในช่วงหนึ่งๆ จนคิดว่าเป็นองค์สุดท้าย ตามที่คิดไว้ก็ดี

    แต่ในอนาคต จนนานนับไม่ได้
    ทำไมจะเกิดธาตุรู้ หรือจิตขึ้นมาใหม่ไม่ได้

    แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
    เพราะอดีตจากความไม่มี มันก็เกิดสิ่งที่มีขึ้นมาได้

    ดังนั้น จะไปหาความเป็นองค์สุดท้าย อาจจะไม่เป็นจริง
    หรือไม่อาจเป็นจริงไดเ้ถาวรตลอดไป ในอนันตกาลก็ได้
     
  5. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    สมัยก่อนผมก็คิดแบบเดียวกับท่าน noway หรือที่ท่านมารเดินดินกล่าวมาครับ ด้วยเหตุผลเดียวกันครับ แต่พอได้ทราบอะไรมาบ้างพอสมควรแล้ว ผมก็เลยไม่ได้ไปขัดแนวทางของท่านที่ปรารถนาสิ่งเหล่านี้ด้วยเหตุผลหลายประการ (สมัยก่อนก็เคยพูดติงๆเรื่องไว้บ้างเหมือนกันครับ)

    ประการแรก เมื่อท่านที่ปรารถนาด้านนี้บำเพ็ญบารมีมามากพอสมควรแล้ว ย่อมพอเข้าใจเรื่องราวของวัฏฏสงสารมากขึ้น รวมทั้งเหตุปัจจัยสำคัญต่างๆครับที่ทำให้มีการเกิดขึ้นของธาตุรู้ใหม่ๆว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าถึงจุดนั้นจริงท่านก็คงจะเลือกแนวทางของท่านเองว่าจะเดินต่อหรือจะพอแค่นี้ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับท่านที่เลือกเดินทางนี้ครับ

    ประการที่สอง การที่มีท่านที่ปรารถนาทำหน้าที่ระยะยาวแบบนี้ถ้ามีจำนวนมากๆจะเป็นคุณประโยชน์ในการเป็นแนวร่วมช่วยเหลือสรรพสัตว์เป็นอย่างมากในอนาคตครับ

    ประการที่สาม ประสบการณ์ที่ยาวนานจะสามารถบำเพ็ญบารมีที่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้ครับ เพราะความรู้ในทางธรรมนั้นสามารถพัฒนาค้นคว้าได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่ต่างจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ครับ ฝ่ายบาปอกุศลเขาได้เปรียบฝ่ายบุญกุศลตรงนี้มาก ทำให้เขาสามารถใช้อวิชชาเข้ามาปกครองมนุษย์และสรรพสัตว์จนเดือดร้อนกันมากมาย และแก้ไขได้ยากขึ้นเรื่อยๆครับ
     
  6. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    ท่านที่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายน่าจะเป็นพวก วิริยาธิกะ.ไม่กลัวที่จะเวียนว่ายในวัฏฏะสงสาร อีกทั้งยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ปราถนามันไม่มีวันเกิดขึ้น

    ในความเป็นจริงไม่มีใครจะทำให้สัตว์โลกบรรลุมรรคผลได้หมด และสัตว์โลกไม่เคยพร่องไม่เคยลดแม้จะมีพระพุทธเจ้าผ่านมาแล้วเท่ากับจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ในจูฬนีสูตร พระพุทธเจ้าสามารถแผ่พระสุรเสียงไปได้ไกล แสนโกฏิจักรวาลเพื่อเทศน์สั่งสอนแก่สัตว์ในจักรวาลทั้งหลาย แต่จักรวาลมันมีมากกว่านั้นมหาศาลสัตว์ในจักรวาลเหล่านั้นไม่เคยเลยที่จะได้ยินพระสัทธรรมไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้าผ่านไปเป็นโกฏิพระองค์ ก็ยังเป็นจักรวาลที่มืดบอดตลอดไป

    พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์เวลาได้ตรัสรู้แล้ว ไม่มีพระองค์ไหนคาดหวังว่าจะต้องมีสาวกบรรลุธรรมเท่านั้นเท่านี้ หรือจะต้องขนสัตว์ให้มากที่สุดมากเท่าที่จะทำได้ พระองค์เพียงตั้งพระทัยว่าสัตว์เหล่าใดสมควรแก่พระสัจธรรม พระองค์ก็จะทรงแสดงธรรมแก่สัว์เหล่านั้นให้ได้มรรคผล.

    สัตว์เหล่าใดยังไม่พร้อมยังไม่สมควรพระพุทธเจ้าก็จะวางอุเบกขา หรืออาจทำได้เพียงสร้างปัจจัยแก่สัตว์เหล่านั้นในอนาคต ที่เป็นแบบนี้เพราะอุเบกขาบารมีที่ทรงอบรมมา ทรงวางพระทัยเสมอกันไม่ว่าสัตว์นั้นจะดี/ชั่ว. พระองค์พอใจเพียงแค่ทำหน้าที่ให้เต็มที่ในฐานะพระพุทธเจ้าเพียงเท่านั้น

    ดังนั้นพวกที่ปราถนาจะขนสัตว์ให้หมดจักรวาล พอสร้างบารมีไปสักพักถ้าไม่ลาพุทธภูมิ. ทุกคนก็เข้าใจกฏนี้และเลิกตั้งความปราถนาผิดๆนี้ไปเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2016
  7. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ท่าน veeravit อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปว่า สิ่งที่บางท่านปรารถนาขนสรรพสัตว์ให้หมดเป็นความปรารถนาผิดๆไปเลยนะครับ แม้ว่าจะปรารถนาพุทธภูมิเหมือนกันแต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะสามารถเข้าใจวิสัยของพุทธภูมิท่านอื่นได้เสมอไป เนื่องจากมีมุมมองในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่แตกต่างกันครับ เพราะเมื่อผมศึกษาเรื่องราวต่างๆบวกกับประสบการณ์ส่วนตัวบ้าง จึงพบว่าการที่บางท่านปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ในระยะยาวด้วยความปรารถนาดี มีความเสียสละสูงมากๆนั้นมีอยู่จริง เพียงแต่เราอาจไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเหล่านี้มีเหตุผลอะไร ทำไมถึงต้องเสียสละความสุขของตัวเองมากถึงขนาดนั้น

    สำหรับผมเองนั้นเคยปรารถนาพุทธภูมิแบบปกติมาก่อน เป็นประเภทปัญญาบารมีเพราะส่วนตัวผมเองชอบคิดชอบวิเคราะห์ค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ในหลายๆด้าน แต่ไม่ถนัดลุยทำงานใหญ่ๆ(แบบวิริยาธิกะทำ)เพราะความเพียรน้อย ประมาณพวกนักวิทยาศาสตร์หรือนักค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องลึกลับต่างๆ รวมทั้งพระพุทธศาสนาด้วย ความเพียรส่วนใหญ่ไปอยู่กับการคิดวิเคราะห์ในเรื่องที่ตัวเองสนใจเสียมากกว่า ในอดีตชาติผมเคยปฏิบัติธรรมแบบธิเบต(ลามะนิกายหมวกแดง) ทราบจากเพื่อนสองท่านที่มาแจ้งให้ผมทราบจากการระลึกชาติของทั้งสองท่านที่เกี่ยวข้องกับผมในยุคนั้น ปัจจุบันผมเองก็ชอบและสนใจอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับธิเบตเหมือนกัน สมัยนั้นอาจมีความปรารถนาบางอย่างลึกๆที่เกี่ยวข้องกับทางสายมหายานทำให้ผมประทับใจแนวทางแบบปณิธานที่มุ่งช่วยสรรพสัตว์ระยะยาวครับ

    ต่อมาเมื่อผมได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทั้งจากความสนใจส่วนตัวและจากเหตุการณ์หลายอย่าง (ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ) สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ผมเรียนรู้เรื่องราวเหมือนมาต่อเติมจิ๊กซอว์ให้ผมเห็นภาพรวมต่างๆจนคิดว่าพอเข้าใจอะไรๆมากขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน เกี่ยวกับปัญหาลึกๆที่ซับซ้อนและเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ยากแต่มีเหตุและผลที่เป็นไปได้มากครับ ในครั้งที่ทราบใหม่ๆนั้นรู้สึกถอดใจอยู่เหมือนกันครับ (ไม่รู้ว่าจะเปรียบเทียบกับอะไรดีครับ) ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะเก่งกล้าสามารถอะไร เปรียบเหมือนเด็กอนุบาลไปเลย บอกกับตัวเองว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงเนี่ย

    เมื่อถึงจุดที่ต้องตัดสินใจโดยมีทางให้เลือกเดินสามทาง ทางแรก รีบๆนิพพานไปซะ ปัญหาใหญ่ขนาดนี้อย่าได้คิดไปแก้ไขเลยเพราะเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะเราไม่เก่งอะไรเลย

    ทางที่สอง ปรารถนาพุทธภูมิแบบปกติต่อไป จะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่เป็นไร

    ทางที่สาม เปลี่ยนแนวทางจากแบบปกติเป็นแบบปณิธานระยะยาวไปเลยโดยช่วยเหลือสรรพสัตว์ ช่วยงานพระพุทธศาสนา ช่วยงานพระโพธิสัตว์ไปตามกำลังความสามารถที่มี

    สุดท้ายแล้วผมเลือกแนวทางที่สามครับ จากที่ผมพยายามค้นหาตัวเองว่าจะช่วยอะไรได้บ้างตามความรู้ความสามารถของตัวเองอยู่นานพอสมควร และผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเก่งกล้ากว่าผู้ปรารถนาพุทธภูมิตามแบบปกติแต่ประการใด เพียงแต่อุดมการณ์หรือแนวทางในการแก้ปัญหาบางอย่างแตกต่างกันไปบ้างเท่านั้นเองครับ ผมไม่ได้ตั้งปณิธานแบบลอยๆขึ้นมานะครับ ทุกอย่างมีเหตุผลรองรับอยู่เนื่องจากผมพอเห็นปัญหา แนวทาง และความเป็นไปได้แล้วครับ นี่กล่าวเฉพาะส่วนของผมเองนะครับ

    จากประสบการณ์ของตัวเอง ผมจึงนับถือน้ำใจในความความเสียสละอย่างยิ่งของท่านที่ปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ในระยะยาวเลยครับ ท่านคงเห็นปัญหาสำคัญบางอย่างที่จำเป็นต้องแก้ไขให้สำเร็จ จึงตั้งปณิธานไว้ยาวนานขนาดนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2016
  8. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ผมเห็นด้วยกับคุณveeravit ครับ

    ผมเคยถามพระโพธิสัตว์ใหญ่

    ทำไมยังมีอนิตยโพธิสัตว์ปรารถนาไปองค์สุดท้ายด้วย?
    ทำไมยังไม่อยากได้รับพยากรณ์?

    ได้คำตอบแบบง่ายๆ ว่า โง่กว่าเพื่อน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2016
  9. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    ที่ผมตอบในโพสนี้เพราะหวังดี ไม่ปราถนาการทะเลาะ อาจจะกระเทือนใจหลายท่านแต่ก็อยากให้พิจารณาสักนิด

    ถ้ามีพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีเรื่อยไปแบบไม่มีกำหนด. ก็ต้องมีพระโพธิสัตว์ที่เป็นอนิตยที่มีบารมีมากกว่า พระพุทธเจ้าและต้องมีจำนวนมากๆๆเพราะมีคนปราถนาแบบนี้จำนวนมาก

    ผมอยากทราบท่านเป็นใครบ้าง ทำไมไม่ปรากฏตัวสมัยพุทธกาลสักท่านเดียว ปัจจุบันก็ไม่มี มีแต่คนปราถนาเป็นมหาโพธิสัตว์สร้างบารมีเรื่อยไปหรืออยากสร้างบารมีแบบพิเศษต่างๆ

    สมัยตอนพระพุทธเจ้าประสูตรท่านเปร่งอาสภิวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้ใหญ่แห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก. ถ้ามีคนบารมีมากกว่าท่านก็แสดงว่าท่านกล่าวผิด



    การที่ไปหวังในสิ่งไม่เป็นจริงมันจะทำให้ก้าวพลาดได้. ตัวอย่างที่เด่นชัดคือ ธัมชโย คนนี้ผมไม่รู้ว่าเขาพุทธภูมิไหมแต่สิ่งที่เขาหวังคือ การเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง อ้างว่ามีบารมีมากกว่าพระพุทธเจ้า สุดท้ายก็พาบริวารออกนอกเส้นทางที่ควร ตัวธัมชโยก็ต้องลงลงอบาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2016
  10. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    คติความเชื่อว่า ทำนองนี้ มีมาจากมหายาน เช่น พระมหาโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิม ), พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ปรารถนาจะรื้อขนสัตว์จนหมดแล้วจึงเข้านิพพาน

    จะทำได้ หรือไม่ได้ ก็ตาม ก็น่านับถือในน้ำใจครับ
    เหมือนกับ พุทธภูมิ ขนาดไม่ขอนิพพานชาตินี้
    แค่จะขอรื้อขนสัตว์ตามไปด้วย แม้ไม่หมดก็ตาม

    แต่ก็ทำให้ใช้เวลานานมากนับหลายอสงขัย

    หากมองด้วยสายตา คนทั่วไป หรือสาวกภูมิ
    อาจคิดว่าเสียเวลา หรือจะว่าโง่ก็ได้ เพราะเหมือนเป็นไปไม่ได้

    ผมประทับใจ น้ำใจพระโพธิสัตว์ ที่ในชาตินึง เสวยชาติเป็นกระรอก
    พยายามวิดน้ำในมหาสมุทรด้วยหาง เพื่อช่วยลูกของตน
    ใครๆก็ว่าโง่
    แต่นั่นคือน้ำใจพระโพธิสัตว์ครับ

    สำหรับท่านที่ปรารถนาเป็นองค์สุดท้าย ก็ยังนับถือน้ำใจท่าน
    ก็ยังคิดว่า ในอนาคต ท่านก็อาจเปลี่ยนใจ เข้านิพพานได้เองในที่สุด
    หากการปรารถนาไม่อาจเป็นจริง

    สำหรับท่านธัมชโย ก็ยังคิดว่าท่านมีบารมีส่วนนึง
    แต่ก็พลาดกันได้ หลงผิดได้
    แต่หากชดใช้กรรมหมด
    ในอนาคตกาลข้างหน้า ท่านก็มีโอกาสกลับมาปฎิบัติในทางที่ถูกต้องได้
    อย่างเช่นพระเทวทัต ในพุทธทันดร ที่จะถึงนี้
    ก็จะมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า เป็นต้น
     
  11. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ผมได้คำตอบจากคำพูด ที่ว่า โง่กว่าเพื่อน
    พุทธภูมิ บางท่านอาจจะว่าโง่ ทำเพื่อคนอื่นทำไม
    เข้านิพพานไปเลยสิ เสียเวลา ต้องทนทุกข์อีกนับอสงขัยทำไม
    ถ้ามองจากสายตาทั่วๆไป คือ โง่ก็ได้นะ
    องค์สุดท้ายก็อาจจะจริง คือในกลุ่มโง่ ทั้งหมด

    องค์นี้โง่กว่าเพื่อน
     
  12. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,836
    ค่าพลัง:
    +2,232
    ปรารถนาความดีแบบผิดๆ ก็ไม่อยากไปว่าอะไรนะครับ

    แต่ไอ้ความคิดผิดๆ ถูกๆ นี้ .. มันอาจจะสร้างปัญหาอื่นๆให้กับตัวได้นะ
    ดู ธัมมชโย ตอนนี้สิ
     
  13. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +63
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2016
  14. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +63
    ครที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ท่านผู้นั้นก็จะรู้ได้ด้วยตนเอง
     
  15. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869


    :rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:
     

แชร์หน้านี้

Loading...