ถามความในใจพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ปทุมมุต, 26 กันยายน 2014.

  1. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แล้วผลจากการที่ต้องตัดใจจากคนอันเป็นที่รักยิ่งนี้ในครั้งนั้น มันก็พอจะทำให้เห็นลางๆว่า หากถึงวันที่จะต้องสละน้องนางแก้วให้กับใครอารมณ์ใจมันจะเป็นอย่างไร

    ในหลายกระทู้ที่พูดถึงนางแก้วหากสังเกตุก็จะประติดประต่อได้ว่า มันจะต้องมีความรัก แล้วก็รักมาก แล้วการที่ต้องสละของที่รักมากใจมันจะเป็นอย่างไร ทำไมต้องสละ พูดกันแค่สละทุกอย่างเพื่อพระโพธิญาณ แล้วพระโพธิญาณเพื่อประโยชน์อะไร สำหรับผมหากไม่ใช่ประโยชน์เพราะพ่อแม่ ลูกเมีย ญาติมิตร หมู่คณะนี่ หรือคนใกล้ชิดที่ร่วมรับรู้สุขทุกข์นี่หรือ

    คนที่ไกลออกไป เขาเห็นก็ทั้งเห็น เขารู้ก็ทั้งรู้ ว่าที่ผมทุกข์สาหัสเพราะปรารถนาในพระโพธิญาณจึงยอมทนด้วยยากด้วยลำบาก คนไม่เห็นแต่ผีเห็น แต่ก็มีมากที่เขามองด้วยสายตาสมเพทเวทนาเชิงดูหมิ่นด้วยซ้ำไป นี่ขนาดในสมัยที่พระพุทธศาสนายังคงอยู่ ใจนั้นไม่ได้ห่วงหาอาวรณ์แค่คนใกล้เท่านั้น แม้คนที่ไกลออกไปก็ปรารถนาอย่างเดียวกัน แต่ไม่ค่อยมีใครเขาต้องการความปรารถนาดีอันนั้น ก็ต้องเก็บเอาไว้ให้คนที่เขาต้องการก่อน คนไกลออกไปแค่เข้าใกล้ เผลอๆเขาอาจคิดรังเกียจด้วยซ้ำไป

    นี่แหละที่บอกว่าวิสัยของสาวกไม่มีวันเข้าใจ วิสัยของพุทธภูมิ


    ก็พอจะโมเมเปตานังมั่วเอาว่า ทำไมเมื่อบวชไปแล้ว ตัดภาระทางโลกแล้ว เมื่อเอาตัวรอดได้แล้ว งานก็ไม่ต้องทำก็ได้ คันถะธุระหากไม่ทำอะไรมากก็ไม่มีใครว่า ยิ่งอยู่ห่างไกล อยู่ในป่าช้าสำนักสงฆ์ ไม่มีใครอยากเฉียดเข้าไปใกล้ ขนาดน้ำอาบน้ำใช้ไม่ต้องตัก มีน้ำเต็มอยู่ตลอดเวลา ข้าวก็ไม่ต้องหุงหา ทุกอย่างทางโลกก็ไม่ต้องรับภาระอะไร หากไม่ไปแส่เรื่องชาวบ้านก็ไม่มีใครเขามาทำอะไร มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระธรรม พระวินัย หากวิสัยสาวกก็ทำการพิจารณาละสังโยชน์ไปทีละเล็กละน้อย แล้วก็รอวันตาย ไม่เห็นมีอะไรมากนอกจากดูแลใจตัวเอง ดูแลตัวเองแค่หาข้าวให้มันกิน แถมคนที่เขาให้ข้าวกินเขาก็ยกมือไหว้ ตอนที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ใจมันคิดแบบนี้

    ทีนี้คนที่ปรารถนาพระโพธิญาณ อารมณ์มันไม่ใช่อารมณ์ในการตัด อารมณ์ใจมันคอยจะเสือก คอยจะแส่ช่วยชาวบ้านเขาอย่างเดียว ยิ่งมีความสุขในที่สัปปายะ หรือในทีใหนๆ ใจมันก็ห่วงหา ว่าคนนั้นจะเป็นอย่างไรคนนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อห่วงแล้วเป็นไง มันก็ก้มหน้าก้มตาทำความเพียรต่อไป ไม่ใช่ว่าจะละในความเพียรนั้นซะเมื่อไร เพียงแต่ว่าขณะนั้นทำความเพียรในหน้าที่อะไร ในเพศนักบวชก็เพียรแบบนักบวชที่ต้องเจริญสมาธิ สมถกรรมฐาน และวิปัสนากรรมฐานแล้วก็ต้องมานะพากเพียรเอาจนถึงที่สุดตามหน้าที่ หวังว่าบุญทานกองการกุศล ที่สั่งสมตลอดเวลา จะได้เป็นเดชเดชาศักดานุภาพ เป็นร่มเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันให้กับหมู่คณะให้เขาเหล่านั้นค่อยๆพ้นจากกองทุกข์

    การเป็นห่วงนั่นแหละที่ทำให้เราต้องมุมานะฝ่าฟันเพื่อไปให้ถึงที่หมายปลายทางให้จงได้ หากไม่เพราะรักเพราะห่วงใยการจะไปคนเดียวนี่ง่ายมาก

    การที่เราเกิดมาแล้วหากตัวคนเดียว ทำงานอะไรก็ช่างหัวเรา แค่ขอข้าววัดกินประทังชีวิตไปวันๆ เพราะเราแค่ทำคนเดียว หากรู้ว่าเกิดมาแล้วมันไม่มีสาระแก่นสารอะไรในการเกิด เราก็ทำอะไรแค่เลี้ยงตัวไปวันๆแล้วก็รอวันที่จะตายจากไป อารมณ์ใจไม่ต้องการอะไร เพราะไม่ต้องการมีภาระ อารมณ์การไม่มีภาระอะไรมันไม่ยาก

    สมมุติว่าเราเป็นลูกจ้างเขา ต่อให้เป็นคนขับเครื่องบินราคาหลายพันล้าน ขับเรือเดินสมุทรราคาเป็นหมื่นล้าน เมื่อลงจากเรือ ลงจากเครื่องบิน หรือเดินออกจากสำนักงานบริษัทที่เราทำงาน เราก็ไม่ห่วงหาอาลัยว่ามันจะเป็นยังไง นั่นเพราะมันไม่ใช่ของเรา อารมณ์ใจของสาวกมันเป็นอารมณ์ตัดแบบนี้

    แต่พุทธภูมิมันไม่ห่วงไม่ได้ มีหน้าที่ต้องห่วง เครื่องบินหากไม่ดูแลรักษาให้ดีพาทั้งคนไปตกลงมาตาย พาทั้งเครื่องเขาร่วงลงมาเสียหาย เรือก็เหมือนกัน บริษัทสำนักงานก็ตาม มันต้องห่วงว่าคนในเรือ คนในองค์กรณ์จะเป็นไง หากแม้ไม่มีอะไรก็ต้องตะกายไปหาให้มีขึ้นมาให้ได้ เกิดมาแล้วหากเห็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ตกทุกข์ได้ยาก มันก็ต้องไปทำไปช่วยเขาก่อน หากเกิดเป็นลูกชาวไร่ชาวนา ไถนาช่วยพ่อหรือยัง นาของพ่อเสร็จแล้ว นาของปู๋ ของญาติ ช่วยไถช่วยดูแลน้ำท่าเอาเข้านาหรือยัง หากว่าแค่หมู่ญาติ บ้านเขาเราก็ไม่เคยโผล่หัวไปให้เขาเห็น แต่แส่ไปทั่วมั่วไปบ้านใครไม่รู้ อันนี้ยังไม่ต้องคุยเรื่องไปช่วย

    คนอื่น เอาคนใกล้ตัว เอาคนที่มีพระคุณล้นพ้นหัวนี่ก่อน ผมเองเขาสอนมาแบบนี้

    สำหรับผมเมื่อมันสมควรแก่เวลาแล้ว ตั้งใจจะตายเขายังไม่ให้ตาย เมื่อใจมันพอมีเรี่ยวแรงพอจะคลานต่อทางโลกไปได้ คืออย่างโบราณว่ามีเท่าไรให้เพื่อนหมด มีแรงเมื่อไรเป็นจะคลานไปช่วยเขา คนเป็นลูกเห็นพ่อทำงานหนักมันก็อยากจะมีแรงคลานไปช่วย เห็นลูกยังช่วยตัวเองไม่ได้มันก็อยากเข้าไปอุ้มชูดูแล เห็นเมียตัวเองยังน้ำตานองหน้า นั่งนอนน้ำตาร่วงพราวมันก็อยากเอามือไปปาดน้ำตา เช็ดน้ำตาให้เขา ไม่ว่าจะทำทางโลก หรือประพฤติทางธรรม มันก็ต้องการช่วยคนให้พ้นจากความทุกข์ลำบากยากไร้ เมื่อมีคนไปตามพบขอให้กลับก็กลับไม่ต้องพูดมาก เพราะภาระที่ทิ้งไว้ข้างหลังมันหนักเกินกว่าคนข้างหลังจะรับได้

    ในทางธรรมหากทุกคนไม่ประพฤติปฏิบัติทางธรรมตามพระสัทธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาเหล่านั้นก็ไม่มีวันพ้นจากกองทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 ตุลาคม 2014
  2. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ขอบพระคุณท่านพี่pcoมากครับ รึจะน้าดี(ผม43) เล่าประสบการเป็นวิทยาทาน
    ได้ประโยชน์มหาศาล
    ส่วนตัวผมบวชเพื่อปลดล๊อกให้พ่อแม่และน้องได้บวชตาม(ก่อนกำหนดที่วางแผนชีวิตใว้) ประมาณว่าพ่ออยากบวช แต่ยังไม่ได้จัดการให้ลูกชายกลางเป็นฝั่งเป็นฝา
    สึกเพราะ1ผิดแผนที่ตั้งใจใว้ 2 รู้สึกยังไม่ใช่ เหมือนขาดๆหายๆ 3 ความปรารถนาดั้งเดิม
    อาจารย์ของอาจารย์ ก็ประมาณลป.คำพอง ถำ้กกดู่ ลปฺหล้า ภูจ้อก้อ ลปฺอ่อน ญาณสิริ หลวงปู่หลอด วัดสิริกมลาวาสฯ
    ความจริงศิษย์ผู้แพ้กิเลสอย่างผมไม่ควรเอ่ยชื่อท่านหรอก อิอิ ไปอยู่ป่าช้าก็ไม่เจอผีเลย
    มาในลักษณะที่ไม่เป็นตัวตนมีบ้าง รอฟังพี่pcoต่อครับเร็วนะ ท่านโชปูเสื่อรออยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2014
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เรียกพี่ก็ได้ครับผมเพิ่งเลยยี่สิบมานิดหน่อย ไม่กี่สิบปี ใจนี่ประมาณยี่สิบสองยี่สิบสาม

    พอดีเรื่องนี้เพิ่งคุยกับแก้วใหญ่เมื่อวานนี้เอง แกยังบอกว่าวันเวลาผ่านไปเร็วมาก ใจนี่ยังเข้าใจว่าตัวเองเพิ่งยี่สิบสามเท่าตอนที่มาเป็นผู้ปกครองผม

    เรื่องการแพ้กิเลสสำหรับคนที่ปรารนาพระโพธิญาณมันธรรมดามาก นี่ว่าตามหลวงพ่อบอก มันกับเราผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ บางวันเราอยากชนะมันก็ชนะ บางวันเราอยากแพ้เราก็แพ้ เพราะเรายังไม่ได้ตั้งใจจะตัดมันจริงๆจังๆ มันต้องรักษากิเลสเอาไว้ป้องกันตัว ขืนทำเป็นคนหมดกิเลสเป็นได้ถูกลองของ เราเอาแบบข้างนอกเลอะเทอะ ข้างในดูไม่ได้แบบนี้แหละมันคล่องตัวดี ทำอะไรมันง่ายกว่า

    เล่ามามาก อยากฟังคนอื่นบ้างคุณน้องโซมาเล่าบ้างครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ตุลาคม 2014
  4. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ผมก็ยังค้างคาใจอยู่ดีแหละครับ...งั้นผมถามพี่ทั้งสอง พี่PCO และ พี่บัวตูมน้อย
    แล้วกันว่าเหตุเพราะอะไรที่ทำให้ต้องสละผ้ากาสาวะ ง่ายๆก็สึกนั่นแหละครับ
    ผมจะได้เฝ้าระวังสิ่งนั้นไว้มันมีความจำเป็นต่อผมมากครับ...ผมจะได้หมั่นดูตัวเองว่า
    เรามีสิ่งนั้นที่เป็นทางเพียร มันคอยขัดขวางตบะอันแรงกล้าที่พยายามจะอยู่ในเพศของบรรพชิต
    ตลอดชีวิต...ยังมีความอยาก หรือ ความหลงอันใด ที่จะต้องกระทำ ทำไมมันมีกำลังมากขนาดนั้น
    หรือมันมีความอิ่มตัวของมัน เบืื่อหรือเซ็ง ไม่ก้าวหน้าในธรรม ไม่เห็นสิิ่งที่เป็น ปาฏิหารย์ มหัศจรรย์
    หรืออย่างไร ทำให้ไม่มั่นคงในการเป็นนักบวช รบกวนชัดๆด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2014
  5. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ขออนุญาติตอบมุมมองส่วนตัวนะครับ ที่ท่านโซกล่าวนั้นถูกทุกข้อ แต่มีเพิ่มดังนี้ครับ
    รู้สึกขึ้นมาเองว่ามีอะไรรอเราอยู่ข้างนอก ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้วทั้งสิ้น
    ไม่มีพันธะใดๆแม้แต่ทางใจ จึงต้องเสียสัจจะที่รับปากกับอาจารย์ตั้งแต่ตอนเป็นนาค(เป็นนาค3เดือนตามประเพณี
    พระป่า)ที่มีส่วนอีกอย่างคือคิดว่าไม่ก้าวหน้าในธรรม แต่ที่จริงสมถะไม่ก้าวไม่สามารถเข้าถึงฌาน 4 เหมือนเคยได้ แต่ว่าวิปัสนานั้นไปได้
    ตามลำดับ โดยเฉพาะเห็นจิตในจิต ซึ่งเป็นสภาวธรรมที่ใช้คำพูดอธิบายยาก เหนืออื่นใด
    สาเหตุหลักผมว่าวิบากกรรม ไม่มีอะไรเหนือกรรม เมื่อถึงคราวก็ต้องตามนั้น หลายเหตุการณ์ที่ผ่านไปทำให้ได้แง่คิดว่า อย่าได้อธิษฐานจิตตั้งสัจจะอะไรง่าย
    จะเสียสัจจะ โดยเฉพาะผู้มุ่งพุทธภูมิ
    นอกจากจะมีอะไรคอยทดสอบและขัดขวางเรื่อยๆแล้วยังสิ่งที่ยิ่งใหญ่คือกรรม แม้พระโพธิสัตว์ยังต้องชดใช้เศษกรรม 6 ปี จึงได้ตรัสรู้ ผิดตกขออภัย แอ่นแอ๊นน ฟิ๊วววว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2014
  6. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเพียรสร้างบารมีทั้ง10 ให้เต็มครบถ้วนบริบูรณ์

    ปรมัตถบารมี ตามมัชฌิมาปฏิปทาของกำลังใจที่ผมพึงจะกระทำได้ แต่เจตนาอาจแตก

    ต่างจากทุกท่านในที่นี้ ผมทำความดีทุกอย่างเพื่อสำเร็จอรหันตผลสาวกขององค์สมเด็จพระ

    สัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดมบรมศาสดา เพื่อพระนิพพานภายในปัจจุบันชาตินี้เป็นที่สุด

    ที่เดียวเท่านั้นครับ ที่กล่าวมานี้ไม่มีเจตนาจะมาโอ้อวดนะครับ คือเห็นว่าทุกท่าน เพียรสร้าง

    บารมีให้เต็มเช่นกัน แต่คนละปรารถนา คนละเจตนา แต่ก็ดีครับทำดีย่อมได้ดี ธรรมะย่อม

    รักษาคนมีธรรม ผมขออนุโมทนาบุญกุศลอันหาประมาณค่ามิได้จากพระโพธิสัตว์ผู้ทีี่

    ปรารถนาสร้างบุญบารมี เพื่อมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าช่วยเหลือแต่เหล่าสัตว์ทั้งสามโลกนี้

    ให้พ้นจากกองทุกข์นี้ ผมขอนุโมทนาบุญของท่านทุกๆพระองค์ด้วยความเคารพครับ

    ขอให้บุญกุศลทุกอย่างที่ข้าพเจ้าพึงได้จากการอนุโมทนาบุญพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์

    ในเว็บบอร์ดนี้จงคำชูอุดหนุนให้ข้าพเจ้า มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในธรรมะโลกุตรธรรม

    โดยฉับพลันเร็วพลันยิ่งๆขึ้นไป ได้สำเร็จพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ที่

    เดียวเท่านั้นด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    สำหรับผมถือว่าปล่อยไปตามกรรม นี่พูดตอนแก่ อีตอนไม่แก่นี่ไม่ยอมปล่อยพยายามสู้จนหมดแรง หมดหนทาง เพราะถูกอกุศลกรรมมันหวดเอาแบบหมดทางสู้ หากเคยดูหนังดูระคร ประเภทประวัติสาตร์ไทยเราจะเห็นว่าหากผู้นำหมู่บ้านหรือครองเมืองเมื่อถึงคราวคับขันบ้านแตกสาแหรกขาดสู้ไม่ได้ก็หลบไปบวช มีแรงหรือเหตุการณ์ต่างๆคลี่คลายลงก็กลับไปสู้ใหม่ กลับไปดูแลปกครองหมู่คณะใหม่

    เรื่องราวในพระสูตรก็มีนับไม่ไหวที่องค์สมเด็จพระองค์ปัจจุบันท่านไปบำเพ็ญพรตบวชเป็นฤๅษี แล้วบางพระชาติก็ตลอดอายุขัย บางพระชาติก็กลับไปครองบ้านครองเมือง แม้พระชาติที่เป็นพระเวสสันดร นั่นอยู่เมืองก็มีเหตุให้ชาวเมืองขับไล่ ไปบวชกันทั้งหมด ก็มีเหตุให้เดือดเนื้อร้อนใจหากเราคิดในแง่ปุถุชนบวชอยู่ดีๆ เทวดานั่นแหละยุ่งก็หาเหตุให้พระองค์ท่านจนได้ อย่างที่พวกเรารู้กัน

    ท่านกันหา ท่านชาลี หมู่พระประยูรญาติรักเมตตาเอ็นดูอย่างแก้วตาดวงใจ ยิ่งท่านปู่ท่านย่า ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม กลับต้องไปถูกพี่ทิดชูชก จอมชั่วชาติจับมัดมือเฆี่ยนตีต่อหน้าพ่อที่เป็นพระมหากษัตริย์ ลองทำกำลังใจซ้อมเล่นโก้ๆดูนะหากว่าลูกหลานของเรามั่ง จะเป็นยังไง เอาวันนี้เลยก็ได้

    นี่หากว่าพี่ทิดชูชกตีต่อหน้าท่านปู่หรือแค่พูดไม่ดีนิดเดียวไม่รู้ว่าหัวจะขาดกี่ครั้ง นี่เป็นเพราะกฏแห่งกรรมของท่านกัณหา และท่านชาลี เคยเฆี่ยนตีควายเฒ่าไว้ในอดีต กรรมอันนั้นมันจึงตามมาสนองเอา

    ทุกอย่างนี้เป็นเรื่องกฏแห่งกรรมทั้งนั้น

    ท่านมาฆมานพทำสาธารณะประโยชน์อยู่ดีๆ กลับต้องถูกจับไปฐานจะกบฏ ถูกจะให้ช้างเหยียบให้ตายทั้งคณะ ช้างก็ไม่ยอมเหยียบทั้งๆที่พวกของท่านยอมให้ช้างเหยียบตาย

    สำหรับผมเองพอแก่แล้วมันก็เบาบางลงไปขีดสองขีดเรื่องความรู้จักการยับยั้งชั่งใจ
    อย่างอื่นยังพอซ่าได้ แต่กฏแห่งกรรมซ่ากับพี่ท่านไม่ได้ ผมไม่เคยชนะ เป็นนักบวชทำทุกอย่างเอาตายเข้าแลก คันถะธุระทำจนคลานทำ ทำจนเจ็บป่วยขยับตัวแทบไม่ไหว แล้วก็ไม่แตะต้องยารักษา ญาติโยมที่วัดพาไปโรงพยาบาลที่ชัยนาท ไปก็ไปไม่มีกระบิดกระบวนให้เทวดาหมั้นใส้ เป็นการเจริญศรัทธา และเพื่อให้ญาติโยมได้อานิสงค์บุญในการรักษาภิกษุสงฆ์อาพาท ไปก็ไป กลับถึงวัด ลับหลังคนเมื่อไรก็ไม่กินยาซะอย่าง นางสาวฟ้าก็ส่ายหัว จะให้มันตายเอาอานิสงค์ทำงานจนตายคาที่โชว์นางสาวฟ้ารอบๆวัดศรีมณีวรรณซะหน่อยมันก็ไม่ยอมตายง่ายๆ จะอดข้าวตายก็ไม่ได้ คนไม่เห็นแต่ผีเห็นเพราะต้องทำตามพระวินัย เช้าต้องไปบิณฑบาตร ก็กระย่องกระแย่งไปมันส่งเดช กะว่าเมื่อเดินไม่ไหวเดี๋ยวมันล้มแล้วก็ตายเองแหละ ตายแล้วเดี๋ยวก็มีคนลากมาวัดเองมันก็ไม่เคยล้ม

    วิปัสนาธุระสายพระป่า บวกพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง พระป่าสายพระเดชพระคุณหลวงปู่มั่นต้องบวชนุ่งห่มผ้าขาวรักษาศีลแปดสามเดือนอย่างน้อย บวกอนาคตังสะญาณของพระอุปปัชาหากไม่อยู่ในเกณฑ์ท่านไม่บวชให้ สายพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงหากไม่ฝึกมโมยิทธิให้ได้ก่อน ไม่อยู่วัดศึกษาพระธรรมพระวินัยของพระให้รู้เรื่องก่อนไม่บวชให้


    เรื่องราวชีวิตของผมตลอดที่ผ่านมามันเอาเยี่ยงเอาอย่างไม่ได้ มันมั่ว อยากไปซ้ายดันมีทางไปขวา อยากไปขวามันมีทางให้ไปซ้าย ทางโล่งๆมองอยู่เห็นๆ เมื่อไปเข้าจริงมันก็เป็นทางตัน เป็นทางที่มีหลุม มีบ่อ มีขวากหนาม แอบซ่อนไว้ให้ได้เจ็บ ให้ได้ปวด แต่มันยังไม่เอาให้ตาย ทรมาณเล่นแบบแมวที่จับหนูมาเล่นได้ ใกล้หมดแรงหมดลมหายใจมันก็คลาย มีแรงจะวิ่งมันก็ตะคลุบไว้อีกเป็นอยู่ลักษณะนี้ มันจะมีอะไรหากไม่ใช่เพราะอกุศลกรรมชั่วในอดีตมันส่งผลเอา

    แต่มันก็ดีไปอย่างที่ทำให้ผมเองต้องกัดฟันหลับหูหลับตา ทำบุญให้ทานกองการกุศลทั้งปวงเอาทุกรูปแบบเอาไว้ฟัดกันใหม่ในรอบต่อไป

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ตุลาคม 2014
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    โมทนาสาธุอย่างยิ่งนะครับ
     
  9. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    อย่างน้อยผมก็ได้แง่คิดที่ว่า......บุคคลอันพึงยึดอยู่กับเรื่องของโลกของภพชาติ..ย่อมสนอง
    ความอยาก..ด้วยเหตุแห่งการมีภาระ..มีกิจกรรมการกระทำ..ที่จิตดวงนี้มิอาจอยู่นิ่งได้..ย่อม
    หาทางสรรหาสิ่งใหม่ๆ ความเพลิดเพลิน...อันความหลงความเพลิดเพลินทางโลกนั้นเป็นกิเลส
    ที่ดึงความเจริญของจิต....ในชีวิตบรรพชิตนักบวช..เพราะมีสิ่งล่อใจใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
    ทำให้จิตหลงเพลิดเพลินไปได้โดยง่าย........ โดยไม่เบื่อที่จะกระทำหรือสรรหาต้องการเลย
    ผมเลยมองว่านี่คือของเล่นอย่างหนึ่งของการมีชีวิตแบบปถุชน.......ในทางโลกคือกระทำมันได้
    ไปจนวันตายไม่มีเบื่อ
    แต่ถ้าผมมีของเล่นในทางธรรมล่ะ ทุกท่านว่าสิ่งนั้นจะทำให้เรามั่นคงในบรรพชิตไปตลอดจนตัวตายหรือไม่?
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    พุทธภูมิที่แท้ เห็นประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตนครับ...

    ถ้ามัวมองแต่ประโยชน์ส่วนตนอยู่ ยังต้องทำอีกนาน พวกนี้มักจะลากันง่ายๆครับ...
     
  11. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ขออนุญาติ แย้งคุณภาณุเดช นิดๆครับ (ไม่เชิงแย้ง เป็นแต่เสริมละกัน)
    ที่ว่าเห็นประโยชน์ส่วนรวม และมุ่งช่วยสรรพสัตว์นั้นแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า
    บางช่วงเราต้องสะสมแต้มและฟิตตัวเองให้มาก เพื่อให้มีกำลังมากมีความสามารถมากขึ้น ก็เพื่อให้ช่วยสัตว์โลกได้มากขึ้น สรุปคือวัดหยั่งเพิ่มเติมกำลังกายกำลังใจ กำลังจิต กำลังสมาธิ บารมีของตัวเองเป็นระยะ ....ถ้าล่วงเกินหรือละลาบละล้วงก็ขออภัยใว้ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  12. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    ขอตอบ กระทู้ครับ :cool:
    สำหรับเราแล้ว ความ เมตตา มาก่่อน โอ้หนอ สัตว์โลกสร้างเวรกรรม ต่อกัน โดยไม่รู้อะไรเลย กิน ดื่ม สนุกสนาน มัวเมา ประมาท ชีวิต หาเงิน ให้เพิ่ม พูน. แต่ บารมี และ กุศล ที่จะ ช่วย พวกเขาได้แท้ ๆ กับไม่สั่งสมกัน เลย.... คิดว่าทำแล้ว ไม่มีประโยชน์ บ้าง เสียเวลา บ้าง ยุ่งยากบ้าง .... เราเคยเดินบนเส้นทาง แห่ง ปุถุชน กิเลสหนา มาก่อน เคยทำเรื่องไม่ดี เช่นเดียว กัน มาก่อน :'(

    แต่ตอนนี้ เรารู้แล้ว ทำ อย่างไร น้อ ให้พวกเขาได้รู้ เหมือนกับ ที่เรารู้ น่าเวทนา จะตาย เกิด อีก เท่าไร ทุกข์ยากมาก อีก กี่ ล้าน ชาติ อสงขัย หากเราสำเร็จ โพธิญาณ จะช่วยพวกเขาได้ มากหมด ทั้งหัวใจของเรา ถ้าเรา อดทนลำบากได้ การเสียสละของเรา ก็ นับ ถูก มาก คนๆ เดียว แต่ช่วย สัตว์โลกได้เป็น 100 จริงมั้ย... จากนั้น ก็ ขอให้คนไม่เอาไหน เช่น ข้าพเจ้า ได้สำเร็จ พุทธะ ด้วยเถิด (ความเป็นพุทธเกิด แล้ว ตรงนี้). ปรารถนาแล้ว :cool:


    จะพิสูจน์ ให้เห็นว่า ไม่มีสิ่งใด เกินความพยายาม ของมนุษย์ ต้องศรัทธาให้แน่ชัด ว่าเราทำได้ เป็นได้ ไม่ใช่ของเล่น ต้องลำบาก บ้าง แน่นอน บางทีเบื่อหน่าย สังขารโทรม อยากไปเติมที่ จะตายก็ไม่ตาย ซะที มีความคิดว่า ไปคนเดียว ซะดีมั้ง ชั่วขณะ จิต แต่ถ้าเราหลุดพ้น แล้ว มองลง มา อย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้ แก้ไข ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย เราคง อนาถใจชีวิตสัตว์โลก อนาจตัวเองว่า ทำได้แค่นี้หรือ ????

    ถ้าอดทนอีก นิด คงช่วยเค้าได้ แน่ ถ้าคนที่เราเฝ้ามอง อยู่ เป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนที่เคย ทุกข์ ยาก มาด้วยกันแต่ช่วยไม่ได้อีกแล้ว เราคงทุเรศตัวเองมากกว่า

    จึงมีศรัทธาว่า ต้องทำให้ได้ วิริยะให้เป็นกำลัง เมื่อท้อถอย ปัญญา พิจารณาไป ตลอดเส้นทางอันยาวไกลนี้ ประกอบด้วย บารมี 30 ทัศ จะทำให้เราเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้. อีกกี่ ล้านชาติเรารอได้ ขอให้ช่วย เขาได้เท่านั้น...ฝ่ามือแห่งพุทธะ ที่คอยโอบอุ้ม และ รองรับสรรพสัตว์ ขจัดความทุกยาก ให้หมดไป

    โพธิญาณ :cool: :cool: :cool:
     
  13. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    มีอีกอย่างอยากถามท่านผู้รู้ครับ(ขี้สงสัย ประมาณว่า เจ้าหนูจำใมอะนะ)
    แนวทางคำสอนทางเถรวาทเรา และประสบการณ์ของท่านที่จะมาตอบกระทู้รายต่อไป
    เห็นว่าสัตว์บุคคล หนึ่งบุคคลสามารถแบ่งภาคจุติแล้วอุบัติเป็นหลายๆบุคคลในช่วงระยะเวลาเดียวกันได้หรือไม่ โดยส่วนตัวเหมือนเห็นลางๆวับๆแวมๆว่าน่าจะได้ แต่ไม่ประจักษ์
    ชัด และไม่กล้าฟันธง ขอบคุณผู้จะเข้ามาตอบล่วงหน้าครับ สาธุๆๆ
     
  14. ปอพอมอฟอ

    ปอพอมอฟอ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +43
    พุทธภูมิก็คือพุทธภูมิ ไม่มีเทียม ถ้ามองประโยชน์ส่วนตัวก็ไม่ใช่พุทธภูมิ

    ไม่รู้จริงยังอยากมาเขียนความเห็นอีก
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับคุณบัวตูมน้อย พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ผมไม่ได้มาตอบให้หายสงสัย แต่มาแลกความคิดเห็นครับ ความในใจของผม พระอรหันต์ ระดับปฏิสัมภิทาณาณ ท่านเนรมิตตนเองได้ เป็นหมื่น เป็นแสน นับล้านๆ หรือเต็มทั้งโลกท่านทำได้ แล้วนับประสาอะไร กับพระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีเต็มแล้ว แบบหลวงปู่ปาน แบบพระศรีอริยเมตตรัย ผมว่าท่านทำได้อยู่แล้ว แต่ผมเองเคยสงสัย ผมไปถามท่านผู้รู้ ว่าพระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีเต็มแล้ว สามารถ แบ่งภาคไปเกิด ในที่ใดๆ พร้อมกันหลายๆที่นี่ได้ไหม ท่านตอบมาว่าได้อยู่แล้ว แม้ผมจะได้คำตอบ ผมก็ยัง หาคำพิสูตรแท้จริงไม่ได้ เพราะยังทำไม่ถึงนั่นเอง:cool:


    แต่ผมก็คิดต่ออีกนั่นแหละครับ ทำไมเมื่อท่านทำได้ ทำไมไม่เกิดให้เต็มโลกเล่าครับ จะได้โปรดคนให้ทั่วถึง ก็นั่นน่ะซิ ผมว่าท่านต้องดูความเหมาะสมนั่นอีกแหละครับ เอ่ถ้าดูไปอีก พระพุทธเจ้า ท่านเป็นถึงพระพุทธเจ้าแล้ว สามารถสอนให้ใครๆ ได้ มรรคผล ไปสวรรค์ได้ ไปพระนิพพานได้ ทำไม่พระองค์ท่านยังไม่สามารถ สอนคนไปพระนิพพานได้หมด แล้วทำไมยังจะต้องมี พระโพธิสัตว์อีกมากมาย เกิดมาช่วยคน และช่วยท่านให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เอ่ ผมก็สงสัยอีก ว่า ทำไม พระอรต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณก็เนมิตกายได้เต็มโลก ทำไม่ไม่ยก คนไปสวรรค์ พระนิพพานให้หมด


    อ๋อ เพราะท่านไม่สามารถ ยกใครไปได้ เพราะต่างคนต่างมีกรรมเป็นของตนเอง คนที่จะไปสวรรค์ นิพพานได้ ต้องทำเอง ปฏิบัติเองทำให้ถึงได้ด้วยตนเองเท่านั้น ท่านได้แต่บอก ผู้ทำให้ถึง หรือเข้าถึงนั้นคือ ตัวเราเองเท่านั้น และผู้ที่พอจะช่วยได้ ก็คือ ข้อสำคัญ การเกี่ยวเนื่องถึงกันครับ แต่ว่า พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านยอมรับกฎของกรรม ก็ว่าไปตามลำดับขั้น ที่ท่านได้คุณธรรมน่ะครับ ที่ผมว่ามานี้ไม่รู้ว่า จริงเท็จเป็นประการใด หรือท่านทั้งหลายว่าไงครับสวัสดี:cool:

     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ทุกอย่างในโลกนี้ มันเกิดขึ้นได้ทุกๆอย่าง เท็จๆจริงๆ จริงๆเท็จๆ ในชาตินี้ชาติ เดียว บางที อาจจะไป แสดง ได้ทุกๆอย่าง บางครั้ง อาจจะไปแสดงเป็น นักบวช บางทีก็เป็นนักรัก นักมีเมียมาก นักเจ้าชู้ประตูดิน บางทีก็ไปเป็นโจร บางที ก็ไปเป็น นักต่อสู้ บางทีก็ไปเป็นนักบุญ บ้างก็แสดง (เป็นผู้ร้าย (ผมว่าข้อนี้ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด) (ทุกๆวันทุกคน แสดงเป็นพระเอก) นางเอกเหมือนกันหมด) ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว ทุกคนมีปัญญาเหมือนกัน)จะเอามันออกมาใช้หรือเปล่าเท่านั้นเอง


    ผมว่าทุกท่านเข้าใจหมดแน่นอน บางทีบางชาติ ในคนที่เกิด ปราถนาพระโพธิญาณ คนปราถนา สาวก เข้าใจยากมากๆสำหรับ พุทธภูมิๆ ด้วยกันก็เออะ ยังไม่เข้าใจกันเลยก็มีเยอะ เพราะอะไร ก็เพราะกำลังใจ มันยังต่างกันอยู่ บางที ชาติ นี้จะต้องไปบำเพ็ญ เป็นนักบวช ทั้งชีวิต หรือจะต้อง บางชาติ จะต้องสลับกันไปมา นักบวชบ้าง นักรักบ้าง นักการเมือง นักรบ นักการปกครอง บางทีก็ต้องไปเป็นขี้ข้าเขา จะด้วยวิธีใดก็ตาม จะด้วยกรรม ดีหรือชั่วก็ตาม จะสร้างบารมีหรือ ไปใชกรรมก็ตาม เพราะว่า พุทธภูมิ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้แนนอน มันจะไปเป็นครูเขา ถ้ามันไม่รู้เองกินเอง จะไปเป็ครู อาจารย์เขาได้อย่างไร จริงไหม ฉนั้น มันต้องลองดูหมดแหละครับ หลีกไม่ได้ ชาตินี้ไม่ลองทำ ชาติต่อไป ก็ต้องไปลองทำเองครับ คนอื่นทำให้ไม่ได้หรอกจริงไหม


    ยังไงๆ ระหว่าคนกับสัตว์ ท่านต้องลองกันหมดแหละครับ เล็ก อย่างต่ำไม่เกิน กว่านกกระจอก นกกระจาบ ใหญ่ไม่เกินกว่าช้าง เท็จจริงประการใด สึกษาเอาครับ ตำหรับตำรามีไว้ ในเว็ปพลังจิตนี่ผมว่ามีให้ท่านได้สึกษากันครบถ้วน แต่ผมไม่ได้ ไป ดูหรอกครับแต่คิดว่ามี เพราะอ่านเจอหัวข้อ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปอ่านแค่นั้นเองครับสวัสดี นี่แค่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น แต่เขียนออกมาให้เยอะกว่านี้ พิมออกมา มาก ๓,๐๐๐ หน้าก็ไม่หมดครับ ตอนนี้ ความจำมันเสื่อมลงไปเรื่อยแล้ว ความแก่ ก็คืบคลานไปทุกๆวัน ความตายก็เข้ามาเยือน ทุกวันเวลา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ตลอด หาคงที่ไม่ได้สักอย่าง อายุคนเราหา ๑๐๐ ปีได้ยาก แต่คงหนีไม่พ้น ความตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  17. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ขอบพระคุณพี่บุญที่ผมสงสเหตุที่ผมสงสัยในข้อนี้ก็เพราะเคยเห็นจิตในจิต
    ที่เกิดดับนับประมาณมิได้ จึงสงสัยว่าในขันธ์5กองเดียวนี้ สามารถเกิดจุตืจิต
    และปฏิสนธิจิตถือขัน์ใหม่นับประมาณไม่ถ้วนได้หรือเปล่า รอพุทธภูมิผู้ปรมัตถ์
    หรือไม่ก็พระอริยะมาไขข้อข้องใจต่อ
     
  18. DanaiT

    DanaiT Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    ขออนุญาติ ท่านทั้งหลาย ครับ แค่่ ตอบตามแบบ เด็กๆ ตอบ น่ะครับ เขาถาม ว่า อย่างไร ก็ ขอตอบแค่ ตามคำถาม เขา แค่นั้น นะครับ สำหรับ ตัวผมเอง คงต้อง ขอย้อนไป ซัก 30 ปีที่แล้ว ได้ดู วีดีโอ เรื่อง พระเวสสันดร เห็นปุ้ป ก็ มันขึ้นมาทันที ว่า เห้ย นี่แหละ ท่านนี้ แหละ ใช่เลย ฉัน จะเป็นอย่างนี้ ทำอย่างนี้ ต้องแบบนี้ เลย เท่านั้น ก็ หลังจากนั้น มาก็ ศึกษา แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติ จริงๆ จังๆ เพราะ ยังหัวดื้อ ดื้อด้าน ยังรั้น อยู่บ้าง แต่ก็คิดว่า คำตอบ ของผม มันชัดเจน ครับ ว่า ทิ้ง คนอื่นไม่ได้จริงๆ คือประมาน ว่า ถ้าจะตาย ก็ ตาย เพราะคนอื่นไป เหอะ ช่วยคนอิื่น จนตาย ดีกว่า เพราะรู้สึก สงสาร ที่เขาไม่ได้มองเห็น ในทุกข์แห่ง สงสารวัฏ เหมือน เรา ไม่ได้ รู้จักวิธี ดึงตัวเอง พ้น ออกมาจากห้วง แห่งทุกข์ นั้นๆ แค่นั้น เองเลย ครับ เพราะงั้น สิ่งที่ผมตั้งใจ ไม่ว่าจะสำเร็จ ตามปรารถนา หรือไม่ อย่างไร ผมก็ ยังมีความสงสาร ใน สัตว์ ที่หลง อยู่ในทุกข์ (ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง แต่สงสารคนอื่นมากกว่า) ครับผม ยังไงก็ ขออนุโมทนาสาธุ กับ พี่ๆ เพื่อน ๆ ทั้งหลายที่มีความปรารถนา ดี ต่อสรรพสัตว์ ในโลก ก็ ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ เคยกระทำมา แต่ครั้งอดีตกาล นับแต่ต้น กัป อันหาที่สุดไม่ได้ ขอบุญกุศลทั้งหลาย นั้นจงเป็นปัจจัย ให้ท่านผู้ปรารถนา พระโพธิญาณ นั้น จงประสบผลตามความปรารถนา นั้นด้วย เทอญ และขอผลบุญนั้น จงเป็นปัจจัย ในความ ปรารถนาของข้าพเจ้า ให้สำเร็จ ในพระโพธิญาณ สำเร็จ เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ หนึ่งในกาลอนาคต ข้างหน้า ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ด้วยเทอญ สาธุ
     
  19. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ผมว่ามันน่าจะมีจุดตายตัว..กฏเกณฑ์ระเบียบแบบแผน..ทำผมว่าทำได้
    แต่มันจะมีประโยชน์อะไรทำให้ซับซ้อน..เพราะการเกิดมาสร้างบารมีนับเทียบ
    เวลาบนสวรรค์ก็เพียงแค่แปล็บเดียว..พูดตามแบบบ้านๆก็..เมื่อกี้ หรือ
    เมื่อตะกี้คุณไปไหนมา ถ้าจะใช้คำว่่าเมื่อกี้ ในเวลาอยู่บนสววค์
    ถ้าขยันลงมาสร้างบารมีวันนึงก็ไม่รู้กี่ชาติแล้ว แล้วยิ่งถ้าแยกจิตได้นับไม่ถ้วน
    เพื่อจะลงมาสร้างบารมี....เกิดเหล่าพุทธภูมิโพธิสัตว์ ต่างแยกกันมาแบบนับไม่ถ้วน
    เต็มโลกไปหมดผมว่ามันเยอะยุ่งยากไปน่ะ....แล้ววันนึงถึงพร้อมด้วยทศบารมีเต็มด้วยอสงไขยกัปป์
    ถึงเวลาจะลงมาตรัศรู้..คุณ บัวตูมน้อย ไม่สงสัยเลยหรือว่าถ้า องค์พระโพธสัตว์
    จะแยกจิตมาตรัสรู้ เป็นองสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กี่องค์ก็ได้
    ผมว่ายิ่งยวด เด็ดเดี่ยว ต้องมีหนึ่งเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2014
  20. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :cool: อย่างแรกคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...