ถามปัญหาการฝึกสมาธิหน่อยคับ เยอะเเยะมากมายก่ายกอง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย GoonS, 18 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    คือผมเองก็วนเวียนเวปนี้นานละเเต่ก็ฝึกไม่ถึงไหน +_+ เเต่ก็ทำอยู่เนืองๆนะ
    คราวนี้มีอะไรสงสัยอีกละ รำคาญตัวเองเหมือนกันหน้าด้านชิปทำไม่เป็นยังทำอีก 555

    คือเเบบผมนั่งสมาธิไปเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น ใช่อาการตกภวังค์รึเปล่าไม่รู้
    คล้ายๆหลับ เเต่ก็ยังรู้ตัวอยู่ เหมือนโล่งรึเปล่าไม่มั่นใจเเปปนึงเเล้วก็มีความคิดเข้ามา
    พอลืมตาไม่ง่วงสดชื่นยังกะคนตื่นนอน

    หรือเขาเรียกเเบบนี้กันว่าหลับ

    ที่เป็นมันดีหรือไม่ดีหรอคับ ควรทำยังไงดี

    +ถามเพิ่มอีก นั่งสมาธินี่ต้องกำหนดจิตเเบบไหนหรอ
    ควรภาวนาไปถ้าจิตมันคิดอะไรก็ปล่อยมันคิดเรามองดูเฉยๆเเล้วก็ภาวนาไป
    (ผมทำเเบบนี้อยู่เป็นปกติเเละก็เป็นเเบบเหตุการณ์ด้านบน ไม่รู้ถูกหรือผิด)

    หรือควรภาวนาเเบบมีสติกำหนดเเต่ละคำบริกรรมไม่คิดเรื่องอื่นเลย กรณีเผลอก็
    ตัดความคิดออกเเล้วมันภาวนาต่อเลยรึเปล่า เเต่ทำเเบบนี้มันเหนื่อยยังไงไม่รู้

    หรือต้องมาจับลมหายใจเข้าออกเเบบเน้นๆพร้อมคำภาวนาเเบบ เเต่ปกติไม่ได้ลมใจลมหายใจเท่าไรจับลมหายใจได้ไม่นานเน้นคำภาวนา

    เเละก็ถ้าอยากเข้าฌาน4ได้นี่จำเป็นต้องจับรูปภาพอะไรสักอย่างเปล่าหรือไม่จำเป็น
    ถ้าจับภาพต้องจับภาพให้ได้ก่อนเน้นบริกรรมให้จิตเริ่มสงบไปเลยรึเปล่า

    หรือต้องมีฐานอะไรตรงระหว่างสะดือนึกเป็นลูกเเก้วอะไรนั่นด้วยรึเปล่า

    เพิ่มเติมเเบบเปลี่ยนเรื่องเลยเเละถ้าฝึกกสินเเบบเพ่งมองนี่ เเค่เพ่งม่องสลับให้นึกภาพได้ไม่ต้องสนวิธีอะไรด้านบนที่กล่าวไปใช่รึเปล่าเเบบภาพมันจะเปลี่ยนเข้าฌานไล่ขึ้นไปเอง
    คือสนใจเเต่ภาพอย่างเดวพอใช่ปะ

    ปล. เอาทางสายสมถะ ฌานอะไรพวกนี้นะคับ

    ปล. อีก อยากทำให้ถูกวิธีสักที เเต่ก็ทำไม่ได้สักทีบางทีอ่านอะไรมาไม่เป็นอย่าง
    ที่นึกในหัวเลยขอถามเเบบละเอียดหน่อยเเล้วกันเผื่อจะเข้าใจมากขึ้น
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    นั่งหลับตาเฉยๆ โดยไม่ภาวนา ไม่พิจารณาอะไรเลย ถือว่าเป็นสมาธิ ??​


    ถาม : ถ้าเราทำสมาธิแล้วเราไม่กำหนดลมหายใจ ไม่กำหนดภาพ ไม่ภาวนา ไม่พิจารณาอะไรเลย จะถือว่าทำสมาธิหรือเปล่า หรือเรียกว่านั่งหลับตาเฉยๆ ?

    ตอบ : คงจะนั่งหลับตาเฉยๆ ยกเว้นอย่างเดียวว่า มีความเคยชิน สามารถเข้าฌานระดับใดระดับหนึ่งได้คล่องมาก ถ้าอย่างนั้นเราสามารถจะดิ่งไปสู่ระดับนั้นได้เลย

    แต่ถ้าเราไม่มีการกำหนดใดๆ เลย ไม่มีทางที่จะทรงตัวเป็นสมาธิได้ เพราะจิตเราต้องคิดเป็นปกติ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

    ถาม : หรือจะย้อนมาปฏิบัติเหมือนเดิม จับลมหายใจเหมือนเดิม ?

    ตอบ : ลมหายใจเป็นพื้นฐานของกรรมฐานทุกกองเลย คุณจะทิ้งลมหายใจไม่ได้

    ถาม : แล้วถ้านั่งสมาธิไม่เคยเห็นแสงสี ไม่เคยเห็นภาพ ?

    ตอบ : ถือว่าโชคดีที่สุดในโลก ไม่อย่างนั้นคุณจะติดอีกเยอะ



    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๓
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กรรมฐานสี่สิบกอง เปลี่ยนไปทุกวัน จะหาความก้าวหน้าได้อย่างไร ?

    ถาม : กรรมฐานสี่สิบกอง ที่เราเลือกมาปฏิบัติครั้งแรก ถ้าทำไป ๆ แล้วรู้สึกว่ายังไม่ไปไหน แล้วเปลี่ยนกองถือว่าเป็นการโลเลหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ไม่ใช่โลเล แต่จะเหมือนกับที่เคยเปรียบว่า ขุดบ่อแต่ไม่ได้น้ำ สมมติมีน้ำอยู่ในระดับ ๑๐ วา พอขุดไป ๆ ถึง ๕ วา ไม่ถึงตาน้ำสักที เราก็ย้ายที่ไปขุดใหม่ เท่ากับเราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

    ถาม : ถ้าเลือกมาสัก ๒ กองแล้วทำ
    ตอบ : ๒ กองที่คุณเลือก หรือกองเดียวที่คุณเลือก ให้เป็นอานาปานสติไว้ก่อน ๑ กอง ซึ่งกองอื่นเลือกอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก กรรมฐานทุกกองไปไม่รอด

    ถาม : แล้วถ้าวันหนึ่งจับภาพพระ อีกวันหนึ่งจับกสิณ
    ตอบ : เจริญแน่..! ทำแบบนั้นอีกกี่ชาติก็ได้แค่ทำ..!

    ถาม : เปลี่ยนไปทุกวัน
    ตอบ : ชาติหน้าตอนเย็น ๆ อาจจะได้..!

    ถาม : ถ้าทำอย่างนี้ชาติหน้าตอนเย็น ๆ จะได้หรือครับ ?
    ตอบ : ถ้าวันนี้คุณจับกสิณ แล้วคุณก็เลิก..ปล่อย ถ้าสมาธิคลายตัวก็ไหลตามกิเลส พอรุ่งขึ้นแทนที่คุณจะมาจับกสิณเพื่อว่ายทวนกิเลสต่อ แต่คุณไปจับอีกกองหนึ่ง แล้วคุณก็ปล่อยและก็ไหลตามไป พออีกวันคุณก็กลับไปทำอีกกอง

    ลองนึกดูก็แล้วกัน คนไหลตามกิเลสไปสองวัน แล้วว่ายกลับมา จะหาความก้าวหน้าได้อย่างไร ? ขาดทุนสะสมไปเรื่อย รอวันล้มละลาย..!


    ถาม : แล้วถ้าทำทุกวัน อย่างละกองวันละชั่วโมงละครับ ?
    ตอบ : ๒๔ ชั่วโมงยังไม่รอดเลย..!

    ตอนนี้ค่าแรง ๒๕๐ บาท ก็ตีเสียว่าชั่วโมงหนึ่ง ๑๐ บาท สิบบาทพอกินไหม ? กินซาละเปาลูกหนึ่งก็หมดเงินแล้ว

    เรื่อง ของการปฏิบัติ เลือกกรรมฐานกองใดกองหนึ่งแล้วทำให้ถึงที่สุดไปเลย ถ้าหากถึงที่สุดแล้วกองอื่นจะเป็นของง่ายเพราะกำลังที่ใช้เท่ากัน เปลี่ยนแค่วิธีการนิดเดียว เพราะฉะนั้น..อย่าหลายใจ กรรมฐานไม่ใช่วิชาทางโลก ที่จะได้สะสมหน่วยกิตได้ เขาต้องการความจดจ่อต่อเนื่องตลอด คุณไปสะสมหน่วยกิตก็ได้เหมือนกัน ได้แค่ในส่วนอานิสงส์ที่เป็นกุศลกรรม แต่ความสำเร็จมาถึงยาก



    รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำอย่างไรให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้า ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาแต่ฟุ้งซ่านก็ไม่เอาไหน



    ทำอย่างไรให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้า

    ถาม : คนที่มีการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลานี่ ...(ไม่ชัด)...จะมากกว่าคนทั่วไปใช่ไหมคะ ?

    ตอบ : ก็ไม่แน่เหมือนกัน ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาแต่ฟุ้งซ่านก็ไม่เอาไหนอยู่นะจ๊ะ

    ท่าน หมายความว่ากำลังใจของเขา ถ้ามุ่งตรงแล้วต้องเป็นหนึ่ง ลักษณะเหมือนท่อน้ำท่อหนึ่ง ถ้าหากว่าแตกแขนงออกมากมายเท่าไรก็ตาม กำลังน้ำที่จะมุ่งตรงไปก็เบาลงเท่านั้น ใช้งานได้ยาก

    แต่ถ้าเราปิด ท่อที่แตกแขนงออกไปให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ กำลังน้ำก็จะแรงขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเต็มกำลัง ลักษณะเดียวกับที่เราสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เหล่านี้เป็นต้น

    ถ้าหากว่าไม่เปิดช่องให้แลบออกไปข้างนอกได้ การที่กำลังรวมตัว การตัดกิเลสต่างๆ ก็ง่ายขึ้น

    ถาม : อย่างนี้พูดง่ายๆ คือการรักษากำลังใจให้มั่นคงใช่ไหมคะ ?

    ตอบ : จ้ะ แต่การรักษากำลังใจให้มั่นคงนั้นไม่ยาก ไปยากตรงที่ต้องทำให้ต่อเนื่อง เพราะว่ากำลังใจของเราเป็นฌานโลกีย์ พอเรารวมกำลังใจได้ก็จะมั่นคง ทรงฌาน ๔ ก็ทรงเป๋งเลย

    แต่ทำอย่างไรที่เราจะรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องยาวนานได้ ตรงนี้สำคัญกว่า

    ส่วน ใหญ่พวกเราจะประสบปัญหาก็คือว่า พอเลิกภาวนาแล้วก็เลิกเลย อย่างนั้นใช้ไม่ได้ ลักษณะเหมือนกับว่าหากินทีละมื้อ ตำข้าวสารกรอกหม้อเฉยๆ พอเราแลกภาวนา ลุกขึ้นแล้วต้องรักษาอารมณ์ตอนนั้นให้อยู่กับเรา ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อให้จิตของเราชินกับการที่กิเลสหรือว่านิวรณ์โดนกดเอาไว้ก่อน จนกว่าเราจะละกิเลสนั้นได้เอง

    ถ้าเรากดกิเลสไว้จนชิน เราก็มีสิทธิ์ที่จะบรรลุมรรคผลได้ เรียกว่า บรรลุโดย เจโตวิมุติ คือการใช้กำลังใจข่มเอาไว้ เขาเปรียบเหมือนการเอาหินทับหญ้า ทับไปนานๆ เข้าหญ้าก็ตายไปเอง เราจึงต้องพยายามทับหญ้าเอาไว้ ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่เราทำได้ ไม่ใช่ลุกขึ้นแล้วเลิกเลยนะ

    ตัวรักษาอารมณ์ต่อเนื่องสำคัญที่สุดในการปฏิบัติ จะก้าวหน้าหรือไม่ก้าวหน้าก็อยู่ตรงนี้แหละ

    ถ้า เราไม่รักษาให้ต่อเนื่อง ไม่หมั่นพิจารณาดูว่า เหตุอะไรที่ทำให้ใจของเราสบายแล้วทำเหตุนั้น เหตุอะไรที่ทำให้ใจเราไม่สบายแล้วละเหตุนั้นเสีย

    ถ้าเราไม่รู้จัก เลือกหาตรงจุดนี้ แล้วรักษาอารมณ์เราให้ต่อเนื่องในด้านดีเอาไว้ เราก็จะก้าวหน้าลำบาก จะสงสัยว่า เอ๊ะ..ทำเท่าไรๆ ก็ได้แค่นั้น ก็เราทำแค่นั้น เราไม่ทำให้เยอะกว่านั้นนี่

    ถาม : เรียกว่าล้มเหลวได้ไหมคะ ?

    ตอบ : จะเรียกว่าล้มเหลวก็ได้ แต่จริงๆ ก็ยังได้อยู่คือ ได้ทำ ...(หัวเราะ)... ได้ทำนี่เหนื่อย แต่ผลที่ได้รับมีน้อย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔

    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=1898
     
  5. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    หากจะตั้งสมถะนะครับ

    กรรมฐาน ที่ใช้รูป

    อานาปานสติ
    กายคตาสติ
    อสุภะ
    กสิณ เป็นต้น

    เลือกมาอย่างใดอย่างเดียว

    แล้ว ฝึกให้มันคง
    อย่าไปจับ ทางอื่น ที่อ่านๆมา ลืมให้หมด

    ต้องถามตัวเองก่อนว่า จะเอา ทางไหนเป็นฐานสมถะ

    เพราะ หากไม่เลือกเอาอย่างใดอย่างนึง

    มันคุยกันลำบาก
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ตัดตรงนี้ก่อน ตรงนี้ ถูกทั้งหมด

    ให้ภาวนาแบบนี้ การที่หลับแล้วตื่นมาเหมือนไม่ได้หลับ ชีวิตมันไม่ขาด
    ช่วงกันระหว่าง ทำสมาธิ กับ กลับมายังโลก ตรงเนี่ยะ จะเห็นว่า ไม่ใช่
    " ภวังค์ " มาคั้น แบ่ง สภาวะธรรมออกเป็น สองช่วง แตกต่างกัน แต่
    มันเป็นหนึ่ง เป็นสายเดียวกัน

    เป็นหนึ่ง เป็นสายเดียวกัน ในขณะที่เห็น เห็นความคิดบ้าง เห็น
    จิต "ว่าง"(เป็นความคิดชนิดหนึ่ง มี7ประเภท)

    ตรงเนี่ยะ ให้ทำการหมายรู้ คำว่า "จิตตั้งมั่น" เข้ามาเลย แล้ว
    เอา สภาวะจิตตั้งมั่นนี้ แทนคำว่า สมถะ สมาธิ ที่คนในโลกเขา
    สอนเรา

    แล้วถ้า ยกคำว่า "จิตตั้งมั่น" แทนคำว่า สมถะ สมาธิ ที่คนในโลก
    เขาสอนเรา แล้วเกิด อาการ สว่างโพลงในความคิด ความอ่านได้
    ก็ให้ยกอีกว่า นี่แหละ " สัมมาสมาธิ " เอโกธิภาวะ มี "ธรรมเอก"
    ซึ่งจะหาไม่ได้จาก ฌาณที่คนในโลกเขาสอนกันทั้ง7ชนิดของความว่าง


    ถ้าอ่านท่อนบน เข้าใจ แยกแยะได้กว่า ลาภของเราแล้วหนอ ที่ได้เจอ
    "สมาธิ" ที่ไม่มีคนใดในโลก สอนได้ กล่าวถึงได้มาก่อน มีแต่เรา เท่านั้น
    ที่เพียรอยู่ จึงรู้ได้ (หยุดเพียร ก็หายจ้อยหน่าคร้าบ สิ่งนี้ ถือเอาเป็น
    สมบัติไม่ได้ เพราะ มันเป็น อนัตตาธรรม)


    ถ้าอ่านท่อนบน เข้าใจ แยกแยะได้ว่า ลาภของเราแล้วหนอ ที่ได้เจอ
    "สมาธิ" ที่ไม่มีคนใดในโลก สอนได้ จะค่อยๆเข้าใจว่า อย่าไปสร้าง

    "อัสสมิมานะ ขึ้นมา"

    เวลาเรา สร้างอัสสมิมานะขึ้นมา หรือ สร้าง อัตตวาทุปทานขึ้นมา สังเกต
    เลยว่า มันจะพาให้คุณ ลืมสัมมาสมาธิ ที่เพียรอยู่จึงเห็น ไปสู่การ ปรารภ
    หิวอารมณ์ความว่าง(ความคิด สังขาร) 7 ชนิด ที่คนในโลกเขาว่ามันเป็น
    หนทางนิพพาน

    เป็นไปไม่ได้หรอก สัมมาสมาธิไม่รู้จัก ไปเจริญฌาณ1-4 ถึง 8 โดยมี
    อัสสมิมานะ คอยรับผลประโยชน์ เจริญอีกสองล้านอสงไขย ก็หานิพพานไม่เจอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2016
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้าอ่าน พอเข้าใจนะ

    ให้เรียก การภาวนาที่ไม่มีการ แบ่งชีวิต ตื่นกับหลับว่า "จับหลับ"

    จิตทรงสมาธิ จิตทรงฌาณ ( แต่ไม่ใช่ ฌาณสมาบัติ จะเหนือกว่า สมาบัติ
    หลายเท่า เพราะ สมาบัติจะมี อัตตา เขาเสพประโยชน์ ถือว่า เป็น สสังขาร
    ไม่ใช่ วิสังขาร )

    พอภาวนาได้บ่อยๆ จะเห็นเลย ถีนะมิททะ การหลับ การง่วง เป็นแค่ สภาวะธรรม
    ที่ คนในโลก สัตว์ในโลก โดนมันหลอก ย่ำยี ให้เข้าใจว่า เป็นวิธีการอยู่สุข

    โดยเฉพาะการหลับด้วยการ จมอารมณ์นิ่งๆ ....เพียงแต่ว่า มันดี ตรงที่ว่า
    ไม่ใช้เวลาไปก่อกรรมเวร เบียดเบียนใคร

    แต่ถ้าเป็นคนมีหน้าที่ แล้วหลับ ต่อให้เป็น พระพรหม พระเจ้าจักรพรรดิ์
    ก็เสียศีล เพราะ ไม่รู้จักหน้าที่ ก่อหนี้ เพราะ คนที่เนื่องกันอยู่เขาถูกเบียดเบียน

    ดังนั้น การหลับ หากเรายังเป็น สัตว์ มันหนีไม่พ้น

    แล้วยังไง จะพ้น

    ก็กำหนดรู้ สภาวะนั้นไว้เนืองๆ ทำเท่าที่ทำได้ ตราบใดยังมี ขันธ์5
    ก็ต้อง โดนอาการหลับครอบงำ เอน็จอนาถ ถ้า พ้นได้ ก็รู้เฉพาะตน
    พยากรณ์ตนได้หรือไม่ได้ว่า พ้นแล้ว
     
  8. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    อย่าเพิ่งไปไหนกันนะคับ ผมขออ่านทำความเข้าใจก่อน งงเหมือนกัน 555+ ภาษาเเปลกๆ

    ปล.ผมใช้คาถาภาวนาอยู่นะไม่ใช่ไม่มีคำภาวนาเคยใช้คาถาเงินล้านเเต่ยาวไป เเต่อารมณ์
    มันคุ้นกับการภาวนาคาถาอย่างเดียวไม่จับลมเเล้วเลยเปลี่ยนมาภาวนาคาถาอื่นสั้นๆเเทน
    เเต่ก็ไม่สั้นมากเเค่เกือบสั้น

    + ยังไม่ได้กะเปลี่ยนไปฝึกกสินตอนนี้ เเค่ถามไว้ก่อนถ้าจะฝึกกสินจริงคงต้องช่วงว่างๆเเบบเพ่งมองทั้งวันทั้งคืนรูปถึงจะติดตาได้ ซึ่งตอนนี้ไม่ว่างขนาดนั้นเเต่มันดูดีตรงที่ไม่ต้องมางงกับอะไรพวกนี้
    เอารุปเป็นที่ตั้งอย่างเดว-->ใช่รึเปล่าถ้าใช่เดวปิดเทอมอาจลองถ้าไม่มีอะไรคืบหน้า

    เดวกลับมาถามต่อไปเรียนก่อนเดวขอเวลาคิดเเปป
     
  9. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    คืออ่านอีก ก็ยังงงอยู่ดีคับ สรุปต้องทำเเบบไหนหรอ
    คือภาวนาเเบบเดิมถูกเเล้วหรอภาวนาคาถาอะไรไป+เห็นอะไรก็ดูไปเเต่เฉยๆ
    + ต้องทำอะไรอีก ตรวจิตตั้งมั่นอ่ะ งงๆ

    ปล.ยังไม่ต้องพูดไปไกลเรื่องนิพพานก็ได้คับ จะยิ่งงง คือยังไงผมก็คงยังไม่หวังอะไรเเบบนั้น
    ขอโทดด้วยนะคับ งงจิงๆ บางจุดงงยิ่งกว่าอ่านภาษากฎหมายอีก T_T
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    จะมา งง อะไรกับ สิ่งที่กล่าว ทวน ในสิ่งที่คุณ ปรารภมา หละคร้าบ

    คุณก็แค่ กลับไปลองปฏิบัติ หลายๆ รอบ ให้เจอสภาวะ ออก
    จากสมาธิ มีจิตสดชื่น หลับเหมือนไม่ได้หลับ บ่อยๆ

    ทำไมต้อง บ่อยๆ เพราะ จะได้ ทบทวนด้วยตัวเองว่า "ทำอะไร จึงเป็นอย่างนั้น"

    กิจที่ทำให้เป็นอย่างนั้น ใช่สิ่งที่ควรปฏิบัติ หรือเปล่า

    ถ้าใช่ แล้ว กิจนั้น ทำแล้วได้แค่ไหน รู้เหตุของการทำอย่างนั้นได้ไหม
    รู้แล้วดับไป หรือ คาอยู่ อันนี้ฝากยกพิจารณาเพิ่มด้วย ...ส่วนใหญ่
    ทำไปแล้วก็สำคัญว่า มันคาเป็นความรู้อยู่ ถ้าคาอยู่ มันจะอดมาถาม
    คนอื่นไม่ได้ว่า ตนรู้อะไร


    ดังนั้น

    มันจึงเป็นเรื่อง การทบทวนไปที่ การปฏิบัติของตน เป็นหลัก ไม่ใช่
    มานั่งจับความ เอาไปเทียบ มันไม่มีรสชาติ สู้ลงมือแล้วรู้เองเห็นเองไม่ได้

    กินเอง ชิมเอง จะเห็นเลย ไม่ต้อง งง กับภาษาใดๆ มาบรรยาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2016
  11. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    ต้องมั่นใจตนเองครับ ในเบื้องต้นอย่าลังเล

    การภาวนา จะใช้ บริกรรม
    ใช้คาถา อะไรก้ได้

    เลือกที่ตนทำแล้ว ถนัด รู้สึกสงบ โปร่ง เบาสะบาย ไม่หนัก

    อันไหนที่ทำให้เกิด โล่งโปร่ง สะบาย

    ทำอันนั้นไป อย่างเดียว ให้มั่นคง

    จะให้ดี ว่างๆก็กลับไปฟังพระท่านแนะนำ เดี๋ยวนี้ ยูทุป มีเยอะแล้ว
     
  12. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    - **ผมคิดว่าอย่าไปงง หรือไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ อะไรที่ทำถ้ามันดีแล้วก้จงทำต่อไปน่ะครับ

    *** จริงๆแล้วมันเป็นเทคนิคของแต่ละคนสำหรับคำบริกรรม จะภาวนาหรือไม่ภาวนาก้ได้ แต่ถ้าหากจะยึดคำภาวนาให้ใช้คำที่สั้นๆหรือถูกใจจริงๆ เช่น ผมชอบ"พุทโธ กับ พองหนอ ยุบหนอ" ก้จะนิยมภาวนาอยู่2 คำนี้ เพราะจิตสงบเร็ว แต่จะใช้คำอื่นๆก้ได้ เพราะคำภาวนาทุกคำต้องการรั้งจิตให้ช้าลง เพื่อที่จะได้รวมจิตง่ายและเร็ว
    ส่วนอาการกาย หรือ อาการจิต จะเป็นกึ่งฝัน หรือ แปลกๆ หรือโปร่งโล่ง สบาย เรามีหน้าที่รู้ รับรู้ และวางเฉยในสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น ภาษาธรรมว่า "สักแต่ว่ารู้"(คือรู้เฉยๆ พอ แต่มีสติ กับอุเบกขากำกับ)

    ***เห็นอะไรก็ดูไปเเต่เฉยๆ นี่คือเทคนิคที่ดีสุดของการภาวนา ทั้งสมถะและวิปัสสนาอาศัยสิ่งนี้เยอะสุด อยู่ที่ว่าเมื่อดูไปแล้วจิตรู้ในอารมณ์เดียวนานานๆ ก้ตั้งมั่น จิตตั้งมั่นก้คือเกิดสมาธิ แต่ถ้าอารมณ์นั้นมันฟุ้งซ๋านเพราะคิดนั้นคิดนี่ก้ต้องดูแล้วก้ปล่อยให้มันคิดไป แต่ถ้าความคิดมันอ่อนกำลัง ก้กลับไปโหมดแรกคือจิตอยากสงบ มันก้กลับมาตั้งมั่นอีกครั้ง

    **** เมื่อเข้ามาเว็บนี้ พยายามจับประเด็นๆหลักๆของผู้รู้แต่ละท่านแล้วสรุปเป็นความคิดตัวเองแบบเข้าใจง่ายๆ ก้จะได้ไปประโยชน์จากการอ่านจริงๆ เรียกว่ามีการปฏิบัติกับความคิดที่ดีแล้ว ก้มาต่อยอดความรู้จากที่นี่
    ซึ่งจะมีแต่ได้กับได้ เสียแทบไม่มี

    *****อานาปานสตินั้น เปนระลึกรู้และกำหนดรู้ในลมหายใจเข้า-ออก การภาวนาแบบดูลมนี้ ทำใจแบบนี้จิตใจผู้กำหนดจะสบายและเป็นสุข จิตจะระงับกิเลสได้ง่าย
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ตอบ นั่งมีสติ ประเภทที่ ได้สมาธิแล้วก็มีอาการที่
    กล่าวมาได้เช่นกัน ไม่แต่เฉพาะ ตกภวังค์เท่านั้น

    ตอบ ทำถูกแล้ว นั่งดูอาการไม่เที่ยง ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเรื่อย ๆ อบรมอินทรีย์ทั้ง 5 ให้แก่กล้า รูป เวทนา
    สัญญา สังขาร วิญญาณ

    ตอบ ให้พิจารณาอย่างข้างบน

    ตอบ กำหนดเพ่งรูป อะไรก็ได้ให้เป็นอารณ์
    พอทรงอารมณ์ได้แล้ว เค้าเป็นของเค้าเอง
    สบาย สบาย

    ตอบ กำหนดรูปเป็นอารมณ์ เวลานั้นเราเพียรอยู่
    เพ่งอยู่ มีสติ เมื่อขาดสติ สมาธิอ่อนลง
    จะง่วงนอน ภาวะนั้น อาศัยกสิณนำทาง
    โน้มไป เพื่อแยกจิต ออกจากกาย ในผู้ฝึกใหม่
    จะทำได้ยาก ในผู้ชำนาญเป็นวสีแล้ว คิดก็ไปแล้ว
    ทางสายวิปัสสนาจารย์ บอกการเล่นนิมิตแบบนี้
    หลุดโลกได้ การส่งจิตออกนอก เป็นตัวสมุทัย
    ทั้งแท่ง จากที่ถอดจิตได้แล้ว ก็ต้องบังคับจิต
    ให้กลับมาร่วมกับร่างให้เหลือ หนึ่งเดียวจิตหนึ่ง
    การเล่น นิมิตถึงจะไม่เป็นอันตราย ฝากไว้เป็นข้อคิด
    กับทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2016
  14. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ความจริงในการปฏิบัตินั้น ปฏิบัติให้จิตสงบ สบาย ระงับความอยากคือกิเลส แต่ถ้าอยากได้ เราจะไม่ได้อะไรเลยในการปฏิบัติทุกๆครั้ง จงอย่าอยากได้อะไรเวลาปฏิบัติแม้แต่คำว่า "อยากให้จิตสงบ"
    สำหรับกำหนดจิต จะไว้ตรงไหนของร่างกายก้ได้ ตามที่สะดวกและเหมาะกับความสบายเรา พระพุทธเจ้ากำหนดไว้3ฐาน(จะตรงท้อง อก หรือ จมูกได้ทั้้งนั้น เน้นดูลมผ่านเข้าออก-อานปานฯ) แต่ถ้าหลวงพ่อสดฯ ท่านกำหนดไว้ 7 ฐาน เน้นดูลูกแก้วตรงกลางท้อง

    ที่ จขกท.ทำอยู่นี้ก้ทำให้ถึงฌาน4ได้
    สมาธิทุกประเภททำให้ถึงขั้นรูปฌานได้ทั้งนั้นคับ

    แต่ถ้าเป็น .."วิปัสสนาภาวนานั้น" เมื่อจิตหยุดจากอารมณ์ภายนอก การน้อมนำในใจ นึกอะไรที่มีอยู่ ตาดู หูฟัง ใจรับรู้ จะกระทบกระทั่งอะไรมา ใจก้รับรู้ เราก็กำหนดรู้ กำหนดเห็นอยู่ อุมปมาเหมือนย่างเนื้อ สนใจพลิกไปพลิกมาที่สุดก็สุก
     
  15. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    วางข้อมูลก่อน มันไม่ใช่ประสบการณ์ของตนเอง ปัญหาคือคิดว่าต้องได้ผลอย่างเขา นั่นคือท่านนั้นมีชั่วโมงบินสูงแล้วนะ เอาผลปัจจุบันเลยโลภโกรธหลงเบาบางลงแน่กว่า อย่าไปเป็นแบบยิ่งทำยิ่งขี้เหวี่ยง ไปติดว่าแบบไหนๆดีกว่าเพราะยังต้องวัดกันที่ปลายทาง ดีทุกอย่าง
     
  16. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    วิธีที่ง่ายและถูก ก็อยู่ที่ลมหายใจคุณนั่นเอง
    ไม่ต้องหาอื่นไกล การกำกับคาถาหรือคำบริกรรมเป็น
    เพียงอุบายในฝึกจิตให้เป็นสมาธิ สุดท้ายแล้วมันก็กลับมาสู่
    ลมหายใจอยู่ดี

    เคยได้ยินไหม สูงสุดคืนสู่สามัญ เซียนกระบี่ใช้เพียงกิ่งไม้ก็เป็นยอดกระบี่ได้..... เริ่มไปไกลแล้วเรา 55
     
  17. ไม่มีเพศ

    ไม่มีเพศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    134
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +66
    ผมอ่านไปครึ่งนึงแล้วคับ ขอไม่อ่านต่อ อยากแนะนำว่าไปปฏิบัติถือศีล๘อยู่ที่วัดดีกว่าคับ จะได้ถามครูบาอาจารย์โดยตรง เลือกไปเลย ว่าชอบ แนวบริกรรมพุทโธ แนวยุบหนอพองหนอ หรืออานาปานสติ บางทีที่คุณงงอาจเป็นเพราะเข้ามาถามบอร์ดนี้ด้วยคับ เพราะผมก็งงบ่อยมาก ต้องให้ครูบาอาจารย์ตอบแบบฟันธง ผมถึงเย็นใจครับ อันนี้แค่แนะนำนะคับ สุดแล้วแต่คุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...