ถามเรื่องหลวงปู่ทวด

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย RYO, 27 ตุลาคม 2013.

  1. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    ทำไมหลวงปู่ทวดถึงถูกเรียกว่าเป็นพระโพธิสัตว์ล่ะครับ
     
  2. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
    คืออยากเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    เกิดมาเพื่อศึกษา ปฏิบัติธรรม
    แม้หนทางนิพพานจะอยู่ตรงหน้า
    แต่มีจริตที่ต้องการสร้างบารมีให้ถึงพร้อม
    ต้องเวียนว่ายตายเกิดมากมาย
    บุคคลเหล่านี้ชื่อว่าเป็น "พระโพธิสัตว์"
     
  3. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    อันนั้นทราบแล้วครับ แต่ทำไมถึงคิดว่าหลวงปู่ทวดปราถนาพุทธภูมิ ท่านบอกหรือ? (กลับมาคำถามเดิม) ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ
     
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ผมคิดว่า ส่วนหนึ่ง ในสมัยนั้นท่านก็คงได้บอกกล่าวกับศิษของท่านแหละ
    แล้วก็เล่าสู่กันต่อๆมาจวบปัจจุบัน
    และอีกส่วนหนึ่งคิดว่า ในเหล่าผู้ปฏิบัติย่อมมองเห็นย่อมรู้ว่าใครเป็นอย่างไร
    อาจมิใช่จากจิตสัมผัส แต่เป็นจากการกระทำที่ได้เห็น
    เช่นในหลวงของเรานั้น ท่านทำเพื่อประชาชนมาก
    ไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัย หากเราจะบอกว่าท่านคือพระโพธิสัตว์
    เพราะเราเห็นความดีที่ท่านทำมาตลอด
    เป็นไปไม่ได้เลยที่อยู่ดีๆ
    จะมีประชาชนมากมายมาปลื้มปีติเสียน้ำตาให้กับคนคนเดียว

    อีกส่วนหนึ่งคือ
    ต่อมาหลายสมัย ก็มีเรื่องเล่าว่า หลวงปู่ดู่ คือหลวงปู่ทวด
    ก็เป็นความเชื่ออีกนั่นแหละ หาหลักฐานไม่ได้
    อาจจะเป็นความจริง หรือไม่เป็นความจริง
    แต่ผู้ที่เป็นศิษเขาศรัทธาเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องผิด
    เมื่อศรัทธากันมากๆ เรื่องราวก็ขจรขจาย
    ถ้าหลวงปู่ดู่บอกว่าปรารถนาพุทธภูมิ
    จึงเท่ากับว่าหลวงปู่ทวดก็ปรารถนาพุทธภูมิเช่นกัน
    เพราะเข้าใจว่าเป็นจิตดวงเดียวกันนั่นเอง
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    กระผมเคารพท่านหลวงปู่ทวด เสมือนบรมครูใหญ่ จึงขออธิบายว่า

    เพราะท่านเมตตาไม่มีประมาณ ต่อทุกสรรพสัตว์ ผู้ใดที่เคารพและศรัทธาท่าน ผู้นั้นจะไม่ตายโหง ด้วยอุบัติเหต ครับ
    แม้ในประวัติของหลวงปู่ทวด
    ตั้งแต่รอบ พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนทำนาย ว่าหลวงปู่ทวด จะได้เป็นพระเจ้ารามและสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

    ส่วนตอนที่ท่านมาเกิดสมัยอยุธยา มีประวัติของท่านส่วนหนึ่งที่ทำให้ทราบว่าท่านคือพระโพธิสัตว์คือ การที่สามเณรน้อยรูปหนึ่ง ได้ตามหาพระผู้ทราบว่าดอกไม้ที่ตนมีคือดอกอะไร และมีเพียงหลวงปู่ทวดที่สามารถทราบได้ว่าดอกไม้ดังกล่าวคือดอกมณฑาทิพย์ที่อยู่บนสรวงสวรรค์ นั่นแสดงว่าท่านคือพระพุทธเจ้าที่จะได้ตรัสรู้ในอนาคตกาล

    นอกจากนี้ ท่านทรงเป็นอาคันตุกะ คอยต้อนรับพรามห์และแก้ไขปัญหาธรรม ทำให้อยุธยา ไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นแก่ศรีลังกา
    ต่อจากนั้นสร้างบารมีด้วยการเผยแผ่พุทธศาสนาไปไกลถึงแหลมมลายู

    เรื่องนี้ด้วยคำทำนายและการปฏิบัติของท่านเป็นไปในทางพุทธภูมิหรือพระโพธิสัตว์

    ส่วนพระนาม ว่า นโมโพธิสัตโต อาคันติมายะอิติภะคะวา ผมทราบความหมายในสมญานาม นี้ดี แต่ไม่ขอกล่าวอธิบาย ณที่นี้ครับ สาธุ
     
  6. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ขอนำเสนอข้อมูลบางอย่างให้คิดเกี่ยวกับช่วงเวลาดังนี้

    ๑. หลวงปู่ทวดมีอายุขัย ๑๐๐ ปี (พ.ศ. ๒๑๒๕ ถึง ๒๒๒๕)

    ๒. โปรตุเกสเข้าครอบครองลังการะหว่าง พ.ศ. ๒๐๔๘ ถึง ๒๒๐๑ และได้ดำเนินการทำลายพระพุทธศาสนา

    ๓. ลังกาได้นิมนต์พระอุบาลีไปก่อตั้งนิกายสยามวงศ์ พ.ศ. ๒๒๙๔

    ผมคิดว่าความเชื่อที่ว่า หลวงปู่ทวดป้องกันกรุงศรีอยุธยาจากการถูกลังกาครอบครองอาจไม่ถูกต้องนะครับ
     
  7. InvisibleForce

    InvisibleForce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +659
    ง่ายๆสั้นๆ นะครับ คือ ท่านกล่าวกับลูกศิษย์ ที่สามารถติดต่อกับท่านได้ทางญาณสมาธิครับ อย่างเช่น อาจารย์ทวี ทิวแก้ว อาศรมชีปะขาว ..

    แต่ก็มีบอกเล่าแค่สั้นๆ ว่าท่านปรารถนาเป็นพุทธเจ้า ไม่ได้มีกล่าวทำนายว่าจะได้เป็นองค์นั้นองค์นี้ (ซึ่งผมเห็นด้วยว่าพอเหมาะ กับให้หายสงสัยว่าทำไมท่านยังมาสอนลูกศิษย์อยู่ แต่ไม่ได้กล่าวว่าตนจะได้เป็นองค์นั้นองค์นี้ก็เหมาะที่สุดเพราะไม่ได้มีประโยชน์กับผู้ฟังในขณะนี้เลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2013
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ===================

    ท่านลองไปตรวจค้นดูใหม่นะครับสองที่คือ
    ประวัติศาสตร์บรมกษัติย์ไทยสมัยอยุธยา และประวัติหลวงปู่ทวดที่วัดช้างไห้ เมื่อนำมาเทียบเคียงแล้วจะตรงกันครับ ประวัติหลวงปู่ทวดที่วัดช้างไห้ได้จากหลวงปู่ทวดท่านประทับผ่านมนุษย์และบอกกล่าวไว้ อันมีทั้งเด็กและอุบาสกและหลวงปู่ทิม หลวงปู่ทวดได้นำพาไปยังสถานที่ที่ท่านเคยสร้างปุชณียสถานต่างๆหลายที่ซึ่งได้รับการบูรณะให้ดีดังเดิม ส่วนประวัติตอนท่านขึ้นไปอยู่วัดแคที่อยุธยาก็ตรงและสอดคล้องกับประวัติของกษัติย์ในสมัยนั้นที่มีเกี่ยวเนื่องกันกับสถานที่ต่างๆและสถานการณ์ช่วงนั้นที่พราหม์จากศรีลังกาเข้ามาสยามประเทศในขณะนั้นครับ สาธุ
     
  9. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    มีพระ และ ฆราวาส หลาย ๆ องค์ ที่หลวงปู่ทวด มาสอนเรื่อง สมาธิ และแนะนำเรื่องต่าง ๆ

    บทสวด หลวงปู่ทวดก็ระบุไว้ชัดเจน
    พระหลายองค์มาก บอกว่า ญาณรู้หลวงปู่ทวดไวมาก เราระลึกถึงท่าน ท่านก็รู้
    มีรูปท่าน ไม่ต้องเสก ก็ขลังแล้ว
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ==============

    จริงครับ เพราะท่านสร้างบารมีไว้มากแล้วนั่นเองครับ
    แต่ท่านก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ครับ ท่านยังต้องทำอะไรอีกมากมาย ตามปณิธาณของท่านครับ เพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลายครับ สาธุ
     
  11. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    "นโมโพธิสัตโต" ในคาถาบทสวดของหลวงปูสรวง วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ มีคำนี้อยู่ด้วยเหมือนกันก็สงสัยอยู่
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    =============

    ท่านอาจจะเกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์ แต่ไม่ขอกล่าว

    แต่ที่แขนของท่าน สักข้อความไว้เป็นภาษาอะไรไม่ทราบ ทราบแต่ว่า อ่านว่า สรวงอาริยะ ครับ สาธุ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ประสบการณ์ส่วนตัวมีครั้งหนึ่งนะครับไม่นับตอนที่เจอขณะนั่งสมาธินะครับเพราะเจอไม่บ่อยครับ
    ออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ละเอียดเหมือนคุณ tsj.
    แต่น่าจะประมาณ ๒ ปีได้ตอนกลางวันช่วงที่ชอบท่องเที่ยวตามวัดดังๆ
    .ช่วงนั้นมีอาจารย์สายมโนชอบพูดถึงคำว่ามโนยิทธิให้ฟัง...
    และพูดถึงวัดทางอุทัยให้ฟังว่ามีอะไรดีๆที่นั้น เลยลองไปดูความตั้งใจตอนแรกว่าจะไปกราบสมเด็จ
    องปฐมที่วัดนั้น..แต่ระวังทางก็ต้องสะดุด เมื่อพบพระพุทธรูปท่านหนึ่ง.ลอยโค้งในลักษณะ
    ท่ายืน รูปร่างสูงประมาณมนุษย์เราทั่วไปแต่ไม่สูงมาก และร่างกายท่านจะดูผอมเพรียว.ใบหน้าจะดูคมกว่า
    พระพุทธรูปทั่วไป.เอวท่านจะเล็กขอดเห็นได้ชัด มีซุ้มเรือนแก้วคล้ายๆพระพุทธชินราชและยืนบน
    ฐานดอกบัวเหมือนพระทศพลญานที่พุทธมณฑล.
    ..ลอยมาจากท้องฟ้าทางด้านขวาลักษณะโค้งต่ำลงมา.ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่เป็นการยิ้มที่ไม่ได้ขยับมุมปากแต่เปี่ยมไปเมตตามากๆ.
    ในใจสงสัยว่าท่านเป็นใคร ท่านเลยเปลี่ยนพระสงฆ์ในท่านั่งสมาธิองค์ใหญ่มาก
    หัวเข่าท่านั่งน่าจะกว้างประมาณไม่ต่ำกว่า ๒๐ เมตร แต่ตอนนั้นส่วนตัว
    ยังไม่ทราบอีก ท่านเลยหันด้านข้างมาให้ดู พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย และมีสื่อมาว่าจำได้ไหม
    รู้ยังว่าท่านเป็นใคร เหตุการณ์ครั้งนั้นส่วนตัวจำได้ไม่เคยลืม เพราะชัดเจนมากสภาพแวดล้อม
    แบบตอนกลางวัน ส่วนตัวเลยค่อนข้างพอเข้าใจครับเวลาหรือลูกศิษย์ท่านตลอดจนผู้
    ที่ศรัทธาท่านจะกล่าวถึงท่าน จะกล่าวอย่างไรก็แต่ครับ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตนที่เรา
    จะสัมผัสได้ครับ ผมเลยไม่แปลกใจเลยครับว่าบุคคลที่ระลึกถึงท่าน หรือมีเครื่องระรึกถึงท่าน
    แม้จะจริงหรือเลียนแบบถึงไม่ตายโหงในอุบัตเหตุ
    ปล..เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลนะครับ
     
  14. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +63
    ห้วข้อกระทู้
    หลวงปูทวดเป็นพระศรีอริยเมตไตรย์ ลองอ่านดู
    รายละเอียด

    ...นะโม โพธิสัตโต อะคันติมายะ อิติภัคคาวา

    ...ครูบาอาจารย์ ท่านว่ามาอย่างนี้ หากผิดพลาดไป ขอท่านผู้รู้โปรดได้ชี้แนะนำสั่งสอนด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง

    ...หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือโลก จากหนังสือประวัติของท่าน ที่ทาง

    วัดช้างให้ พิมพ์แจกศรัทธาสาธุชน จำนวนนับแสนเล่มนั้น มีข้อความสำคัญมาก อยู่หน้า 22 พิมพ์ครั้งที่ 6

    ปี พ.ศ. 2535 บ่งบอกว่า หลวงปู่ทวดคือ "พระศรีอริยเมตไตรย" จุติลงมาเกิดในโลกเราเพื่อโปรดสัตว์ ตามปณิธาน

    ของพระมหาโพธิสัตว์ ผู้มากไปด้วยเมตตามหากรุณา ขออนุญาตคัดข้อความมาให้อ่าน ดังนี้

    ...ในสมัยสมเด็จเจ้าพะโคะ พำนักอยู่วัดพะโคะครั้งนั้น ยังมีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง เข้าใจว่า คงอาศัยอยู่วัดใดวัดหนึ่ง

    ในท้องที่อำเภอหาดใหญ่ เวลานี้สามเณรรูปนี้ ได้บวชมาตั้งแตอายุน้อยๆ ได้ปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานอย่าง

    เคร่งครัด มีความขยันหมั่นเพียร ก่อแต่การกุศลในพระพุทธศาสนา ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า.......................
    ...................................."อยากจะขอ พบพระศรีอริยะ อย่างแรงกล้า"..................................

    ...อยู่มาคืนวันหนึ่ง มีคนแก่ถือดอกไม้เดินเข้ามาหา ประเคนดอกไม้ส่งให้แล้วบอกว่า นี่เป็นดอกไม้ทิพย์ ไม่รู้จัก

    ร่วงโรย พระศรีอริยะโพธิสัตว์นั้น ขณะนี้ได้จุติลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา สามเณร

    เจ้าจงถือดอกไม้ทิพย์นี้ ออกค้นหาเถิด หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็นพระศรีอริยที่จุติ

    มา เจ้าจงพยายามเที่ยวค้นหาคงพบ กล่าวจบแล้วคนแก่นั้นก็อันตรธานไปทันที

    ...สามเณรน้อยมีความปีติยินดีเป็นยิ่งนัก วันรุ่งเช้าจึงกราบลาสมภารเจ้าอาวาส แล้วถือดอกไม้ทิพย์เดินออก

    จากวัดไป สามเณรเดินทางตรากตรำลำบากไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ก็ไม่มีใครทักถามถึงดอกไม้ทิพย์ที่ตนถืออยู่

    ในมือนั้นเลย แต่สามเณรก็พยายามอดทนต่อความเหนื่อยยาก ต้องตากแดดกรำฝนไปเป็นเวลาช้านาน

    ...วันหนึ่งต่อมา สามเณรน้อยเดินทางเข้าเขตวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ในเวลาใกล้จะมืดค่ำ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ

    วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ส่องรัศมีจ้าไปทั่วท้องฟ้าและเป็นวันที่พระภิกษุลงทำสังฆกรรม ฟังสวดปาฏิโมกข์ใน

    โบสถ์ สามเณรถือดอกไม้ทิพย์เดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆริมประตูโบสถ์ รอคอยพระสงฆ์ที่จะมาลงอุโบสถ

    ...พอถึงเวลาพระภิกษุทั้งหลายก็เดินทยอยกันเข้าโบสถ์ผ่านหน้าสามเณรไปจนหมด ไม่มีพระภิกษุองค์ใดทักถาม

    สามเณรเลย เมื่อพระสงฆ์เข้าไปนั่งในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว สามเณรจึงเดินเข้าไปนมัสการถามพระสงฆ์เหล่านั้นว่า

    วันนี้พระมาลงอุโบสถทุกองค์แล้วหรือ?

    ...พระภิกษุตอบว่า ยังมีสมเด็จอยู่อีกองค์ วันนี้ไม่มาลงอุโบสถ สามเณรทราบดังนั้นก็กราบลาพระสงฆ์เหล่านั้นเดิน

    ออกจากโบสถ์ มุ่งตรงไปยังกุฏิของสมเด็จเจ้าทันที

    ...ครั้นถึง สามเณรก็คลานเข้าไปใกล้ ก้มกราบนมัสการอยู่ตรงหน้าสมเด็จเจ้าพะโคะ ท่านได้เห็นดอกไม้ทิพย์ใน

    มือสามเณรถืออยู่ จึงถามว่า สามเณร! นั่นดอกมณฑาทิพย์ เป็นดอกไม้เมืองสวรรค์ ผู้ใดให้เจ้ามา?

    ...สามเณรได้ฟังดังนั้น พลันก็รู้แจ้งแก่ใจ ตามนิมิตที่คนแก่บอกว่า หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้น

    แหละเป็น "องค์พระศรีอริยะ" ที่จุติมาเกิดในเมืองมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา!! สามเณรเกิดอาการ

    ขนพองสยองเกล้า มีโสมนัสปสันนาการปีติยิ่งนักหนา จึงคลานเข้าไปก้มลงกราบที่ฝ่าเท้า แล้วประเคนถวาย

    ดอกไม้ทิพย์นั้นแก่สมเด็จเจ้าพะโคะทันที

    ...เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะรับประเคนดอกไม้ทิพย์จากสามเณรน้อยแล้ว ท่านได้สงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ มิได้พูดจา

    ประการใด แล้วลุกขึ้นเรียกสามเณรให้ตามท่านเข้าไปในกุฏิ ปิดประตูลงกลอน และได้เงียบหายไปอย่างลึกลับ

    ในคืนนั้น มิได้มีร่องรอยแต่อย่างใดเหลือไว้ให้พิสูจน์เลย จนเวลาล่วงเลยมาถึงบัดนี้ ประมาณสามร้อยปีแล้ว!

    ...การหายตัวไปของสมเด็จเจ้าพะโคะครั้งนั้น ประชาชนเล่าลือว่า ท่านได้สำเร็จญาณไปสู่สรวงสวรรค์เสียแล้ว

    ด้วยอำนาจบุญญาบารมีอภินิหารท่านแรงกล้า

    ...ตามที่ได้กล่าวเล่าลือกันเช่นนี้ เพราะมีเหตุอัศจรรย์ ปรากฏขึ้นในคืนวันนั้นว่า บนอากาศบริเวณหน้าวัดพะโคะ

    ได้มีดวงไฟโตขนาดเท่าดวงไต้(คบไต้) ส่องรัศมีสีต่างๆเป็นปริมณฑลดังพระจันทร์ทรงกลด ลอยวนเวียนบริเวณ

    รอบวัดพะโคะ ส่องรัศมีจ้าไปทั่วบริเวณวัด

    ...เมื่อดวงไฟนั้นลอยวนเวียนอยู่ครบสามรอบแล้ว จึงลอยเคลื่อนไปทางทิศอาคเนย์ เงียบหายมาจนกระทั่งบัดนี้

    วันรุ่งขึ้น ประชาชนมาประชุมกันที่วัด ต่างคนต่างก็เข้าใจว่า สมเด็จเจ้าพะโคะท่านสำเร็จญาณสู่สวรรค์ไป จึงได้พา

    กันพนมมือขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมกับเปล่งเสียงว่า สมเด็จเจ้าพะโคะโล่ หายไปเสียแล้วเจ้าข้าเอย

    ...เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะโล่หายไปจากวัดพระโคะครั้งนั้น ท่านได้ทิ้งของสำคัญไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาชอง

    ประชาชนตลอดมา คือ

    ...1 ดวงแก้วที่พญางูใหญ่ให้ครั้งสมเด็จเจ้าพะโคะเป็นทารกอยู่ในเปล 1 ดวง สมภารทุกๆ องค์ของวัดพะโคะได้เก็บ

    รักษาไว้จนถึงบัดนี้ ปรากฏว่าดวงแก้วนี้ไม่มีใครกล้านำออกจากบริเวณวัดพะโคะ เพราะเกรงจะเกิดภัย

    ...2 ก่อนที่สมเด็จเจ้าพะโคะโล่ จะหายไป ปรากฏว่าท่านได้ขึ้นไปทำสมาธิอยู่บนชะง่อนผาบนภูเขาบาท ได้เอาเท้า

    ซ้ายเหยียบลงบนลาดผาลึกเป็นรอยเท้าไว้เป็นที่สักการะ บูชาของประชาชน มาจนกระทั่งทุกวันนี้

    ...ข้อความที่คัดลอกมานี้ สรุปได้อย่างสำคัญมีความชัดเจนว่า หลวงปู่ทวด หรือสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือ ท่านลังกา

    ซึ่งเป็นองค์เดียวกัน เป็นพระศรีอริยเมตไตรย จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ลงมากำเนิดในโลก!!


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...