ถามเรื่องเงินที่ได้จากการบวชหน่อยครับ

เงินที่ได้มาจากการช่วยงานบวช ส่วนที่เหลือสามารถนำมาใช้ได้เปล่าครับ
พอดีอ่านในเวปอื่นๆ อ่านไปอ่านมาเเล้วงง เลยอยากถามให้เเน่ใจ
ปล. ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากขณะบวชนะครับ เพราะส่วนนั้นคงต้องให้คณะสงฆ์เเน่นอน เหลือเเต่เงินช่วยงานที่เหลือยังไม่มั่นใจ ว่าควรทำยังไงดี

รบกวนด้วยนะครับ ไม่รู้ตั้งกระทู้ถูกโหมดเปล่า

 

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ปกติสังคมไทย เมื่อบ้านไหนมีงาน เช่นงานแต่ง งานบวช งานศพ ก็จะมีการใส่ซองให้จากคนที่รู้จักเพื่อช่วยงาน คนบางพวกก็ไม่ได้อยากให้เงินหรอกครับ แต่มันเป็นภาษีสังคม ของคนที่รู้จักกัน ซึ่งเิงินที่ได้มาจากเจตนานี้สามารถนำเอาไปใช้ได้เลยครับ ไม่ผิดหรอก

แต่ว่าในกรณีของงานบวช ผู้ร่วมบุญอาจให้เงินมาด้วยเจตนาจะทำบุญบวชพระ เพราะการบวชพระได้อานิสงค์ใหญ่ ผู้ได้มีส่วนร่วมในการบวชก็ได้อานิสงค์นี้ไปด้วย

เพราะฉะนั้น เงินที่ได้มาจากการใส่ซองงานบวชนี้ ผมเห็นว่าสามารถนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับการบวชได้ครับ ตั้งแต่การจัดงาน ค่าบริขาร ค่าอาหารเลี้ยง ค่ารถ ค่ายานพาหนะ อันเกี่ยวเนื่องมาจากงานบวช

ส่วนเงินที่เหลือจากการจัดงานไม่ควรนำไปใช้เป็นการส่วนตัวโดยสิ้นเชิงครับ เพราะเงินนั้นคือเงินทำบุญที่มวลชนได้สละทรัพย์เพื่อพระศาสนา เงินที่เหลือทุกบาททุกสตางค์ควรนำไปทำบุญให้หมดครับ ถ้ามันเหลือเยอะ ให้ทยอยๆ ทำไปก็ได้ครับ

มีคนรู้จักคนหนึ่ง เป็นคนกว้างขวาง บวชพระได้เงินใส่ซองตั้ง 4 แสนบาท หลังจากการบวชแล้วเงินเหลือหลายแสนเลยครับ เค้าก็ทยอยไปถวายหลายๆ วัด ทำบุญกฐิน ผ้าป่า สร้างวิหารทาน สังฆทาน จนหมด ผมว่านี่คือแนวทางที่ถูกต้อง

แต่ผมเคยได้ยินคนบางคนพูดว่า "งานแต่งลูกนี้ขาดทุน งานบวชลูกนี้กำไร" เพราะงานแต่งนั้นใช้เงินจำนวนมาก มากกว่าเงินที่ได้จากซองช่วยงาน ส่วนงานบวชค่าใช้จ่ายมันไม่มาก เหลือเงินเยอะ ก็เลยเอาเงินไปใช้ส่วนตัว อันนี้บาปหนักเลยครับ ยักยอกของพระศาสนา แดงเดียวก็ลงอเวจีได้ไม่ยาก

 

เงินช่วยงานบวช ส่วนใหญ่เจาะจงให้ในฐานะคนรู้จักมักคุ้นกัน เป็นเงินที่ให้กับคนไม่ใช่ให้กับพระ จะใช้อะไรก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่พึงระลึกถึงผู้ให้หน่อย อย่างน้อยก็ใช้ให้ตรงวัตถุประสงค์ของผู้ให้ คือเก็บส่วนนี้เอาเป้นกองทุนเพื่อใช้ในทางที่เป็นกุศลในอนาคตอย่าเอาไปละลายทิ้งโดยกินเหล้าเมายาก็น่าจะใช้ได้

 

เำพื่อความสบายใจ เอาไปทำบุญสังฆาน วิหารทาน ถวายวัดก็ได้ครับ สะสมบุญบารมีเอาไว้ไม่ให้ขาดทุนครับ โมทนาครับ

 

ลองสมมุติว่าท่านจขกท ไปงานบวชคนอื่น ท่านก็ให้เงินแก่เขาไป ท่านมีเจตนา"แท้จริง"อย่างไรในการนั้น..

1. เพื่อประโยชน์สนับสนุนให้การบวชนั้นสำเร็จลงด้วยดี

2. เพื่อใำ้ห้เขานำเงินนั้นไปใช้สอยหลังจากสึกหาลาเพศแล้ว..

3. เพื่อรักษาหน้าตนเองในฐานะใดฐานะหนึ่ง

ท่านจขกท จะไม่ได้ข้อสรุปที่ตรงใจท่านอย่างใดแต่อย่างเดียวในทุกที่ที่ท่านไปถาม เพราะคนตอบก็ตอบตามจริตนิสสัยและทิฏฐิที่แต่ละคนมีอยู่ ดังนั้น ท่านจขกท พึงพิจารณาตัดสินด้วยปัญญา(ไม่ตัดสินด้วยกิเลส)ถือเอาประโยชน์สูงสุดจากเงินที่เหลือส่วนนี้ว่าจะทำอะไรให้ได้ประโยชน์มากที่สุด...

ประโยชน์มี 3 อย่างคือ ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้าและประโยชน์อย่างยิ่ง..

เมื่อท่านใช้เงินนี้เพื่อการดำรงชีพปกติในเวลานี้ เรียกว่าประโยชน์โลกนี้

เมื่อท่านใช้เงินนี้ให้เป็นไปกับทาน จะให้โดยตรงหรือแลกเป็นอย่างอย่างอื่นแล้วให้..จะให้ใครก็เป็นทาน ทั้งสิ้น นี้เรียกว่าประโยชน์โลกหน้่า..เพราะบุญที่ได้จากทานย่อมนำความสุขและอัตภาพในสุคติภูมิในภพต่อๆไปได้

เมื่อใช้เงินนี้สนับสนุนตนให้เข้าถึงปัญญา เช่นไปฟังธรรม ปฏิบัติธรรมก็ย่อมเป็นปัจจัยแก่ ประโยชน์อย่างยิ่งคือความพ้นทุกข์แก่ตนได้..

ดังนั้ึน พึงพิจารณาไปตามที่ปัญญาเห็นประโยชน์เถิด..

 

สำหรับตัวผมเอง.. ถ้าเป็นเงินที่ได้รับตอนบวชเป็นพระ อย่านำไปใช้ส่วนตัวเลยครับ.. เอาไปทำบุญต่อดีกว่า สำหรับผม นำเงินส่วนนั้นไปทำหนังสือธรรมมะแจก ครับ.. แล้วแต่ครับ แม้แต่ตอนเป็นพระ ก็ไม่ควรใช้เงิน..

 

คือบางกรณีพระได้รับเงินบริจาค จากญาติโยม โดยญาติโยมก็มุ่งหวังให้พระ

ใช้เงินในฐานะพระ ในการธำรงพระศาสนา เเต่พระก็นำเงินที่ญาติโยมให้มา

ไปใช้ในการช่วยเหลือคนยากคนจน หรือช่วยเหลือสังคมด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่ศาสนา

หรือบางรายก็นำเงินไปให้พ่อเเม่ ซึ่งทั้งหลายนี้ก็ไม่ใช่ในการศาสนา


คือเถียง(คุย)กับพ่อมา พ่อบอกมาประมาณนี้เถียงไม่ออกเลย

จะเถียงยังไงดีช่วนหน่อยนะครับ^___^

 

ถึงจะเถียงก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะพ่อก็คิดว่าท่านคิดถูกต้องแล้ว ..ดังนั้นก็ไม่ต้องเถียง แต่เชิญท่านมาอ่านข้อแนะนำต่างๆในที่นี้ บางทีท่านอาจเกิดมุมมองใหม่ที่ประสานสอดคล้องกับลูกก็ได้..

 

เงินช่วยงานบวช ผมสละแล้วครับว่าให้ จะใช้ในงานนอกงานก็แล้วแต่เจ้าภาพเห็นสมควร แต่เงินที่ผมถวายตอนออกจากโบสถ์หลังบวชเสร็จ ก็แล้วแต่พระจะนำไปทำอะไร แต่เงินที่ผมระบุเจาะจงในการทำบุญแต่ละประเภท พระหรือบุคคลอื่นไม่สมควรไปใช้ในการอื่น ยกเว้นได้ทำการระบุไว้แล้ว อย่ายึดถือนักเลย ถ้าเราไม่นำไปใช้ในทางที่ไม่สมควร เงินที่พระได้รับถวายมาตอนบวช สึกแล้วจะนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ตามใจ ไม่บาปหรอกครับเพราะไม่ใช่เงินมาจากการบริจาค หรือขโมยจากตู้บริจาควัด

 

เงินที่ให้ช่วยงานบวช เพื่อการนี้เพราะญาติและเพื่อน
หวังทำบุญและช่วยงานเพื่อให้ ครอบครัวพระไม่ต้องลำบากในการจัดงานบวชครั้งนี้
การนำเงินบริจาคในขณะเป็นพระไปทำกิจที่ไม่อยู่ในข่ายพระศาสนา ไม่ถูกต้อง
รับขณะเป็นพระ ต้องใช้ในกิจของพระ เช่นนำไปเป็นค่าเดินทางให้พระที่ไปเรียนพระอภิธรรมได้ครับ
ส่วนที่ล้นๆในวัด หมู่สงฆ์จะประชุมและสละเพื่อประโยชน์ที่เห็นควรครับ ไม่ต้องกังวล

 

เอาไปทำบุญให้หมดครับ สบายใจที่สุด

 

เวลาคุณตักรบาตรพระ คุณตักบาตรทำไม
ที่ฆาราวาสทำนั้น(ตักบาตร)ก็เพื่อบำรุงพระให้มีพละกำลัง สายกลาง ภาวนาสำเร็จแล้วจะได้มาสอนเรา มาให้เราทำบุญ เป็นเนื้อนาบุญของเรา คือเราส่งเสริมบำรุงให้ท่านแข็งแรง จะได้มีความเพียร แต่ถ้าท่านเพรียรแล้ว เป็นอริยะสงฆ์แล้ว ก็ยิ่งเป็นเนื้อนาบุญที่ดีของเราอีก....ได้บุญเยอะอีก.....
ทำนองเดียวกัน คนบวช สมัยพระพุทธองค์ต้องท่านบวชให้ ต่อมาเมื่อท่านปรินิพพานไป ภาระก็ตกอยู่กับลูกศิษย์
สมัยสองพันกว่าปีนั้น เข้าใจเองว่า น่าจะใช้สิ่งของเงินทองน้อยมาก คือ ปาราวณาบวช พระก็รับ โกนหัว แล้วก็บิณฑบาตร ภาวนา ทำวัตร วนเวียนๆจนเป็นพระอริยะสงฆ์ โดยมิใช่บวชตามประเพณี คือ ผู้ที่บวชนั้น เขาหวังหลุดพ้นกันจริงๆจังๆ ส่วนพวกฆาราวาส ก็รอทำบุญ ฟังธรรมจากผู้หลุดพ้น...แต่ก็ปฏิบัติธรรม ทำบุญ รักษาศีลและภาวนาในส่วนแค่หวังใน3สิ่ง
1.หวังในมนุษย์สมบัติ
2.หวังในสวรรค์สมบัติ
3.หวังในพรหมสมบัติ
นี่ ฆาราวาส หวังแค่นี้ แต่ผู้บวช หวังสูงไปอีกขั้น คือ หวังนิพพานสมบัติ
สิ่งที่กล่าวมาแล้ว น่าจะเป็นคำตอบได้ดีว่า เงินช่วยนั้น เขาช่วยเราเพื่อให้หลุดพ้น ดังนั้น เราจะเอาไปทำอะไรดีล่ะ เพื่อให้หลุดพ้น แต่ถ้าสมมุติบวชตามประเพณี ดันสึกออกมาแล้ว ก็เอาเงินนั้นไปสนับสนุนผู้ที่หวังหลุดพ้นต่อไป แต่ก็ต้องหาและสังเกตุดีๆว่า ท่านบวชตลอดชีวิต ท่านมีวัตรปฏิบัติศีล227ข้อเคร่งครัด ใกล้จะละจากสมมุติสงฆ์ไปเป็นอริยะแล้ว ดั่งนี้
แต่ถ้าหาไม่ได้ หาไม่เจอ ก็ทำบุญทำทานไปตามเรื่อง ถ้าไปทำนอกจิตเจตนาของผู้ทำบุญ อาจเป็นอกุศลกรรมของเราได้ ให้ระวัง