ถูกนินทาว่าร้าย คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์

ถูกนินทาว่าร้าย คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์
(verygood) ​

​

1. เป็นธรรมดาของโลก ให้คิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ไม่เคยมีใครสักคนบนโลกนี้ที่รอดพ้นจากคำนินทา เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา ขนาดท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐบริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านก็ยังไม่พ้นถูกคนพาลกล่าวโจมตีว่าร้ายจนได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ยังมีทั้งดีและชั่วจะรอดพ้นปากคนนินทาไปได้ คิดอย่างนี้แล้วจะได้สบายใจว่า การถูกนินทานี่เป็นแค่เรื่องธรรมดา เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก (โลกธรรม) และ ยังคงมีอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย
<O
2. ให้มีจิตใจมั่นคงดุจภูผา ถ้าเรามีความบริสุทธิ์ใจ ทำการงานด้วยความตั้งใจปรารถนาดี แต่แล้วก็ยังไม่พ้นถูกคนนินทา กล่าวร้ายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขอให้เรามีความมั่นใจในความดีของเรา อุปมาภูผาหินแท่งตันไม่หวั่นไหวในลมพายุฉันใด บัณฑิตผู้มีจิตใจหนักแน่นในความดี ย่อมไม่หวั่นไหวในคำสรรเสริญ และ คำนินทาแม้ฉันนั้น <O
<O
3. ให้มีจิตเมตตาสงสารผู้นินทา ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาว่า คนที่นินทาเรานั้น ย่อมกระทำไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาจะต้องเผาลนจิตใจของเขาให้ร้อนรุ่มเสียก่อน จึงจะสามารถพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นออกมาได้ ให้คิดเมตตาสงสาร แทนที่จะไปโกรธเคืองเขา
อนึ่ง คนที่ชอบกล่าววาจาส่อเสียด หรือ ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยปรกติเขาย่อมเป็นผู้หามิตรสหายที่ใกล้ชิดไม่ค่อยได้ เพราะไม่เคยมีใครไว้วางใจคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ให้คิดเห็นใจเขาในฐานะที่เขาต้องเป็นผู้อยู่ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเขาย่อมหาเพื่อนแท้ไม่ได้<O
<O
4. คิดหาประโยชน์จากคำนินทา คนที่คิดกล่าวร้ายเรา บางทีเขาต้องไปนั่งคิดนอนคิดหาจุดอ่อนในตัวของเรา เพื่อเอามาพูดโจมตี บางทีจุดอ่อนเหล่านี้ตัวเราเองก็มีอยู่จริงแต่ทว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อน นี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะขอบคุณคนนินทาเรา เพราะเขาอุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดช่วยค้นหาข้อมูลมาช่วยให้เราปรับปรุงตนเอง<O
<O
5. คิดวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาสังคม สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือเน้นเรื่องการใช้อำนาจครอบงำกันและกัน จึงมีการปลูกฝังสอนให้คิดแข่งดีแข่งเด่น คิดเหนือผู้อื่น สอนให้อยากเป็นใหญ่เป็นโต (มานะ) มาตั้งแต่โบราณ (คาดว่าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปี คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น) ทำให้คนไทยเรา เวลาเห็นใครทำดี ก็มักจะเกิดความริษยาโดยไม่รู้ตัว คือทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าตน สังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่งเช่นนี้ ผู้คนจึงมักจะชอบนินทาว่าร้ายกันและกันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคิดวิเคราะห์ได้เช่นนี้แล้วก็สบายใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก ให้ถือว่าการที่เราถูกนินทานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางสังคมก็แล้วกัน มันเป็นเช่นนั้นเอง
<O​

ในอนาคตไม่แน่ หากมีการศึกษาเรื่องพุทธธรรมกับสังคมไทยกันอย่างจริงจัง บางทีเราอาจจะสามารถเปลี่ยงแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมจาก "แนวดิ่ง" ให้เป็น "แนวราบ" คือ คนไทยมีความเสมอภาคกัน ไม่ถืออำนาจเป็นใหญ่ แต่ถือความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นสังคมที่เต็มไปด้วยการนินทาว่าร้ายก็จะลดน้อยลงไปเองตามธรรมชาติ แล้วภาษิตยอดฮิตที่ว่า "สังคมเสื่อมถอยเพราะคนดีท้อแท้" หรือ "ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย" จะได้เลิกใช้กันเสียที​

 

เรื่องนินทา จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เคยบอกว่า "อย่าไปหัวซา (อย่าไปสนใจ) มันสิจืดจางไปเอง"

 

ถ้าถูกนินทาแล้วแผ่เมตตาให้คนที่นินทาก็ได้ผลดีค่ะ

 

*** สัจจะ...กับทุกข์จากถูกนินทาว่าร้าย ****


หากต้องการ....หลุดพ้นจาก...ความทุกข์ที่ถูกนินทาว่าร้าย...
ต้องใช้ "หลักตนพึ่งตน"....พึ่งการกระทำของตนเอง...
ด้วย "สัจจะ ไม่นำคำพูดของคนอื่นมาคิด" ...
เริ่มต้นให้...กำหนด ครั้งละ ๑ ชั่วโมง....
เมื่อทำได้จริง จะเกิดผลของการกระทำ คือ "ตัวกระทำ"
เสมือนรูปถ่าย ติดตัวเราไปตลอดกาล...
ผลการกระทำยิ่งใหญ่นัก...หาค่าประมาณมิได้


- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** หยุด...ที่ตัวเรา.......หยุด...ที่ความคิด ****

ส่งผลถึง "การกระทำ"
ส่งผลถึง กรรม

"นิสัย สันดาน" ส่งผลถึงความคิด ความเชื่อ
ตั้งใจ...หยุด...นิสัย สันดาน ๑ อย่าง ๑ ชั่วโมง
ส่งผล...หยุด...การกระทำเก่าๆ...๑ ชั่วโมง
ส่งผล...หยุด...กรรม รูปแบบเดิมๆ...ประมาณค่ามิได้

หาก...หยุด...นิสัย สันดาน ได้ ๑ ตัว...อย่างสนิท....หมดจด
ส่งผล...ให้หลุดพ้น....จาก นิสัยสันดาน ตัวนั้น
ส่งผล...ให้หลุดพ้น....จาก กรรมต่างๆ ...ที่เกิดจาก นิสัย สันดาน ตัวนั้น

หาก...มุมานะ พากเพียร..."ปฏิบัติ สัจจะ" ...ทุกวัน
ส่งผล...ให้ นิสัย สันดาน ...ลดลงเรื่อย
สุดท้าย...กิเลส...จะหมดไปสิ้น
จึง....หลุดพ้น จากความทุกข์...ในที่สุด
จึง....หลุดพ้น จากการเกิดใหม่...สู่...."นิพพาน"
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

มีสรรเสริญก็ต้องมีนินทา
มีชมก็ต้องมีด่า
เรื่องธรรมดาของสัตว์โลกที่ต้องเป็นไปตามกรรม

 

อนุโมทนาผลบุญแห่งธรรมทานที่ท่านทั้งหลายกระทำนี้
จงยังผลให้ท่านทั้งหลายสำเร็จสมความมุ่งมาตรปราถนาเทอญ

 

ถ้าโลกนี้ไม่เที่ยง
ว่างไปหมด
ก็จะมีการนินทาได้อย่างไร

เคยอ่านหนังสือของเซนค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นโฉลกของอาจารย์ท่านใด
ที่กล่าวว่าเมื่อไม่มีกระจก จะมีฝุ่นที่ไหนมาเกาะที่กระจกได้

ตัวเองก็จำไว่เผื่อทำใจเวลามีความทุกข์ค่ะ

 

ทำเฉย ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง
โชคดี ที่เราไม่เคยมีศัตรูเลย เพราะจริงใจ เงียบเฉย แล้วดีเองจ๊ะ

 

โปราณเมตํ อตุล
เนตํ อชฺชตนามิว
นินฺทนฺติ ตุณฺหิมาสีนํ
นินฺทนฺติ พหุภาณินํ
มิตภาณิมฺปิ นินฺทนฺติ
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต ฯ ๒๒๗ ฯ
อตุลเอย เรื่องอย่างนี้มีมานานแล้ว
มิใช่เพิ่งจะมีในปัจจุบันนี้
อยู่เฉยๆเขาก็นินทา
พูดมาก เขาก็นินทา
พูดน้อย เขาก็นินทา
ไม่มีใครในโลก ที่ไม่ถูกนินทา

น จาหุ น จ ภวิสฺสติ
น เจตรหิ วิชฺชติ
เอกนฺตํ นินฺทิโต โปโส
เอกนฺตํ วา ปสํสิโต ฯ ๒๒๘ ฯ
ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน อนาคต
คนที่ถูกสรรเสริญ โดยส่วนเดียว
หรือถูกนินทา โดยส่วนเดียว ไม่มี

 

คิดยังไงหรอ ก็ไม่ต้องคิด อะดี ที่สุด

 

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของเรา

หากนำมาใส่ใจ มันก็ก่อทุกข์

เลิกคิด เลิกใส่ใจ

เดี๋ยวมันก็ดีเอง

 

สำหรับเรา ปกติ ธรรมดา
โดนจนชิน ชาชินไปเอง

เราถือว่า "ถ้าไม่ดีกว่า มันจะมาว่าได้งายยยยย...."
เหมือนโดนยุงกัด นั้นแหล่ะ เจ็บดี แต่สะใจ

 

หนักไหม??? ถือของมาตลอด อยากวางไหม ลองวางดูสิแล้วจะรู้ว่ามันเบามากเบาจนสบายจนไม่อยากจะถืออีกเลย ...