ถ้ากำจัดข้อเสียทิ้งได้ข้อหนึ่ง ข้อดีอื่น ๆ จะเกิดขึ้นหลายข้อ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 11 มิถุนายน 2020.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,306
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    สำหรับคนส่วนใหญ่
    ถ้ากำจัดข้อเสียทิ้งได้ข้อหนึ่ง
    ข้อดีอื่นๆจะเกิดขึ้นแทนที่หลายข้อ
    เช่น หากฝึกมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว
    ทิ้งนิสัยวู่วามหุนหันพลันแล่นได้
    ก็อาจเปลี่ยนจากนักพล่ามมาเป็นนักฟัง
    เปลี่ยนจากนิยมแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มปัญหา
    มาเป็นชอบผ่อนหนักให้เป็นเบา
    หรือทำเรื่องเบาให้ไร้น้ำหนักไปเลย
    ซึ่งข้อดีที่เกิดขึ้นแทนดังกล่าว
    อาจหมายถึงวิธีคิดที่สุขุม
    ความฉลาดเลือกคำพูดประนีประนอม
    ตลอดจนการลงมือกระทำการด้วยความนิ่มนวล
    เล็งผลลัพธ์ที่ดีก่อนจะเอาอย่างใจให้เกิดความเสียหาย

    แต่สำหรับคนอีกส่วนหนึ่ง
    ที่สั่งสมคุณงามความดีมานาน
    เป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม
    ถูกยกย่องให้เป็นผู้ริเริ่มทำการดี ๆ
    ชีวิตเต็มไปด้วยด้านสว่าง
    ถึงจุดหนึ่งจะเกิดด้านมืดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
    ประสาคนยังมีกิเลสไม่สิ้นสุด
    เช่น ไม่ฟังใคร เอาตัวเองเป็นใหญ่
    ยอมเสียหน้าไม่ได้
    ทนไม่ได้ที่จะให้ใครชี้หน้าว่าทำผิดคิดพลาด
    บางคนรวยระดับโลกช้อนซื้อหุ้นถูกมาทั้งชีวิต
    พอเก็งกำไรลงทุนพลาดทีเดียว
    เจอนักข่าวล้อเลียนว่าแก่แล้วเลอะ
    เท่านั้นเองถึงกับทนไม่ไหวโดดให้รถไฟชนตาย
    กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อเร็ว ๆ นี้

    ด้านดีถ้ามีมากไป
    ดูพิเศษสูงส่งเกินธรรมดา
    มักจะค่อย ๆ ก่อร่างสร้างแง่ร้ายขึ้นมาทีละน้อย
    โดยไม่เปิดโอกาสให้ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว
    กว่าจะรู้ตัวก็จมไม่ลงเสียแล้ว

    แต่ก็นั่นเอง ถ้าจะตัดข้อเสียของคนบางคนทิ้ง
    แปลว่าคุณอาจต้องตัดข้อดีของเขาออก
    ไม่รู้ว่ากี่ข้อต่อกี่ข้อ
    ถ้าพิจารณาแล้วว่าข้อดีของเขา
    เป็นคุณอย่างใหญ่กับคนรอบตัวหรือกับสังคม
    จะลองทำเป็นลืม ๆ
    ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับข้อเสียในวงแคบของเขาบ้างจะได้ไหม

    พระพุทธเจ้าสอนให้พิจารณาว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ
    บางทีเราต้องใช้เวลากันครึ่งชีวิตกว่าจะเข้าใจ

    สมการชีวิตนั้นไม่มีแค่บวกกับบวก
    มันมีลบคูณหารเข้ามาเกี่ยวข้องตลอดเวลา
    ถ้าเอา "ประโยชน์" เป็นตัวตั้ง
    แล้ว ลบกับ "โทษ" ที่พ่วงมา
    หายังได้ "ผล" ที่เป็นประโยชน์อยู่
    แสดงว่าชีวิตนั้นใช้ได้ หรือเข้าขั้นดีทีเดียว

    แต่พวกเรามักเอา "ความคาดหวัง" เป็นตัวตั้ง
    จึงยอมได้แค่บวกกับบวก จะไม่ยอมให้มีลบเลย
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า เป็นสมการชีวิตของคนอื่น
    พวกเราจึงมัก "ตั้งโจทย์ผิด" และคิดกันจนปวดหัวตาย
    แทบไม่มีใครได้อะไรดีติดมือไป

    ไม่ว่าจะการบ้าน การเมือง การศาสนา
    มนุษย์เราเคยชินกับการตั้งโจทย์ผิดๆ
    ชีวิตถึงดำเนินไปผิด ๆ ด้วยมุมมองผิด ๆ
    กล่าวโทษและด่าทอกันผิด ๆ
    สุดท้ายตายจากกันด้วยสัมพันธภาพผิด ๆ
    วนเวียน "ร่วมทุกข์" กัน
    บนทางกันดารแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
    น้อยนักที่จะได้ร่วมสุขกับใครจริง ๆ นาน ๆ ครับ

    ดังตฤณ
    เมษายน ๕๓

    ที่มา...จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๙๑

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=31036&sid=e85981a4f170b565a7ecdc6e593c4710
     

แชร์หน้านี้

Loading...