ถ้ามีแบบนี้จริงๆ ก็ปล่อยธนาคารไปเถอะ!!

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย The eyes, 8 ธันวาคม 2016.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    …นางแจ่มชัด เสียชีวิตไปเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เอง และได้มีธนาคารสี่ตี้แบงค์ได้ส่งใบเรียกเงินมาเก็บค่าธรรมเนียมประจำปีของ บัตรเครดิต ซึ่งมาถึงเธอในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม

    พร้อม ทั้งเรียกเก็บค่าปรับ ที่เธอชำระล่าช้า พร้อมดอกเบี้ยของยอดที่เรียกเก็บ ซึ่งในความเป็นจริง เธอไม่ได้ใช้บัตรนั้นมาตั้งแต่วันที่ตาย

    แต่บัดนี้ ยอดทั้งหมดที่เรียกเก็บกลายเป็นจำนวน สองพันกว่าบาท เข้าไปแล้ว ญาติของเธอจึงโทรศัพท์ไปยังธนาคาร

    ญาติผู้ตาย :

    ดิฉันโทรมาแจ้งว่า คุณแจ่มชัด เสียชีวิตแล้วคะ ตั้งแต่เดือนมกราคม

    เจ้าหน้าที่ธนาคาร :

    ยังไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะคะ ดังนั้น ค่าปรับ การชำระช้า จึงต้องเรียกเก็บคะ

    ญาติผู้ตาย :

    งั้น… ช่วยยกเลิกบัตรให้ ได้ไหมคะ

    เจ้าหน้าที่ธนาคาร :

    แต่มันช้ามาสองเดือนแล้วนะคะ ที่เรียกเก็บไม่ได้ และธนาคารได้ออกใบเรียกเก็บไปแล้วคะ

    ญาติผู้ตาย :

    ตามปกติ ถ้าลูกค้าเกิดตายไป ทางธนาคารจะจัดการอย่างไรต่อคะ

    เจ้าหน้าที่ธนาคาร :

    เรา อาจต้องแจ้งหน่วยคดีฉ้อโกง หรือไม่ ก็แจ้งไปยังเครดิตบูโร (ส่วนงานที่จะคอยเก็บประวัติการมีเครดิตของคนประเทศไทยก็มีคะ) หรือไม่ ก็แจ้งไปทั้งสองที่คะ

    ญาติผู้ตาย :

    แล้วยมบาลจะโกรธเธอไหมคะ? (ฉันชอบคำถามนี้ของตัวเองจริงๆ)

    เจ้าหน้าที่ธนาคาร :

    อะไรนะคะ?

    ญาติผู้ตาย :

    คุณได้ยินหรือเปล่าคะ ที่ดิฉันบอกว่า เธอตายไปแล้วน่ะคะ

    เจ้าหน้าที่ธนาคาร :

    รอ สักครู่คะ คุยกับหัวหน้าดีกว่าคะ

    สักครู่… หัวหน้ารับโทรศัพท์ไปพูดต่อ…

    ญาติผู้ตาย :

    ดิฉันโทรมาแจ้งให้ทราบว่าเจ้าของบัตรเสียชีวิตไป ตั้งแต่เดือนมกราแล้วคะ

    หัวหน้าธนาคาร :

    ยัง ไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะครับ ดังนั้น ค่าปรับการชำระช้าจึงต้องเรียกเก็บครับ (สงสัยเป็นประโยคที่ทางธนาคารมีไว้ให้ใช้ตอบกับลูกค้า)

    ญาติผู้ตาย :

    หมายความว่า จะต้องเรียกเก็บจากที่ดินของเธอหรือคะ

    หัวหน้าธนาคาร :

    (ชักเริ่มติดอ่าง) คุณเป็นทนายความของเธอหรือครับ?

    ญาติผู้ตาย :

    เปล่าคะ ดิฉันเป็นเหลนของเธอน่ะคะ (ทนายสอนให้บอกเช่นนี้)

    หัวหน้าธนาคาร :

    กรุณาช่วยแฟกซ์ ใบมรณบัตรของเธอ มาได้ไหมครับ

    ญาติผู้ตาย :

    ยินดีคะ (ทางธนาคารแจ้งเบอร์แฟกซ์)

    หลังจากได้รับแฟกซ์เรียบร้อย…

    หัวหน้าธนาคาร :

    ทางระบบของเรา ไม่ได้บอกว่าจะให้จัดการอย่างไร ในกรณีที่ลูกค้าเสียชีวิต ผมก็ไม่ทราบว่า จะช่วยเหลือคุณ ได้อย่างไร

    ญาติผู้ตาย :

    อ๋อคะ คิดต่อไปนะคะ ถ้ายังคิดไม่ออก ก็เรียกเก็บเงินเธอไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน เธอคงไม่ว่าอะไรหรอกคะ

    หัวหน้าธนาคาร :

    ครับ… ค่าปรับ การชำระช้า ก็ต้องเรียกเก็บต่อไปนะครับ

    ญาติผู้ตาย :

    ไม่ทราบต้องการที่อยู่ใหม่ของคุณยายทวดไหมคะ

    หัวหน้าธนาคาร :

    ดีเลยครับ

    ญาติผู้ตาย :

    บริเวณปากน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา สมุทรปราการคะ

    หัวหน้าธนาคาร :
    ขอประทานโทษครับ… นั่นมันเป็นแม่น้ำนี่ครับ

    ญาติผู้ตาย :

    อ้าว!!… แล้วเวลาญาติพวกคุณตาย เอาอังคารไปลอยแถวไหนหรือคะ


    ที่มา :http://www.sara-1000.com/2016/10/blog-post_33.html?m=1
     
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    อ่านแล้วก็คงจะมีส่วนที่จริงบางประเด็น ถ้าเป็นในส่วนของบัตรเครดิต ทางธนาคารน่าจะมีวิธีจัดการที่ดีกว่าการรับสายครั้งแรก ยอดปรับของธนาคารเท่าที่เคยฟังมานี่ ระบบตัดรอบเกินดิวยับเยิน ขนาดจ่ายเป็นสองเท่ายังเคยมีมา
     
  3. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เรื่องเงินเรื่องทอง ไม่เข้าใครออกใครหรอกครับ
    ในเมื่อทางธนาคารเขามีนโยบายมาแบบนั้น ลูกจ้างก็ต้องทำไปตามนั้น
    สมองนั้นเขามีคิดครับ แต่เขาทำความคิดของตัวเองไม่ได้
    เพราะถ้าขืนทำตามที่ตัวเองคิด ก็ต้องรับผิดชอบเอง จ่ายเงินเองเท่านั้น(เข้าเนื้อ)
    ดังนั้นจึงต้องดำเนินการไปตามระบบ(ปล่อยภาระให้เป็นเรื่องของระบบไป)

    คุ้นๆไหมครับ เรื่องทำนองนี้พวกเทดาเขาใช้กันมานานแล้ว
    อย่างเวลาที่คนตกระกำลำบาก เทวดาที่มีฤทธิ์พอจะช่วยได้ ทำไมถึงไม่ยอมช่วย ??
    ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรมไป เพราะถ้ายื่นมือเข้าไปช่วย ตัวเองก็จะเดือดร้อนไปด้วย
    ยกเว้นแต่เคยมีกรรมร่วมกันมา หรือมีเหตุให้ต้องช่วย
    นอกนั้นก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรม โยนภาระให้ระบบกรรมไป
    แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ก็ยังใช้แบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องของกรรมแล้ว ก็ต้องปล่อยไปตามกรรม
     
  4. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    ติดหนี้ต้องชดใช้= OK.
    แต่!!!
    ติดหนี้+ดอกเบี้ย =ยังพอทน
    แต่!!!
    (ติดหนี้+ดอกเบี้ย)+(ดอกเบี้ยทบต้น) = ไม่ไหวจะเคลียร์ ToT คร๊อกก!! (ล้มทั้งยืน)

    สมัยนี้อะไรก็ได้มาง่ายๆ ทำอะไรก็ดูเหมือนง่ายๆ ใช้เงินกันง่ายๆ พอถึงเวลาต้องชดใช้แต่ละทีเป็นเดือดเป็นร้อน ไม่ใช่แค่ตนเอง ขยายไปคนรอบข้าง คนสมัยนี้ไม่ค่อยคิดว่า มีเท่าไหร่ ควรใช้เท่านั้น หลักการใช้เงินก็มี เก็บ 1 ส่วน ใช้ 1 ส่วน ฉุกเฉินอีก 1 ส่วน ..ไม่มีบัตรเครดิตก็ดี ใช้ยาก ก็ไม่ต้องมีหนี้ แถมเวลาจะลาโลกนี้ ไม่ต้องกลัวว่าบัตรจะตัดเงินในบัญชีไปโดยที่เราไม่รู้
    ทุกวันนี้ ฝากเงินธนาคาร ได้บอกเบี้ยเท่าไหร่????
    แต่เวลาโอน ถอนต่างธนาคาร ถอนต่างจังหวัด จ่ายบิลผ่านธนาคาร ค่าบริการรายปี ถูกตัดไปเท่าไหร่เนี่ย??? คุ้มกับดอกที่ได้อะเปล่า วันก่อนพ่อว่า เอาเงินใส่โอ่งฝังดิน ก็แถบกลุ้ม สมัยนี้จะเอาเงินฝังดิน จะยังพอทำได้อีกรึเปล่านะ ตายไปต้องไปเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ด้วยรึเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 ธันวาคม 2016
  5. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    เรื่องตะหนี่นี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จากที่ผมสังเกตตัวเอง ผมนี้ตระหนี่กว่าธนาคารอีก
    บางอารมณ์เรียกทวงบุญทวงคุณจากคนตาย เป็น 1000 ศพ เลยก็ว่าได้

    ประมาณว่า บุญที่ข้าพเจ้าทำมา จากการเกิดตายในอดีตจนถึงปัจจุบัน
    ขอให้สำเร็จ สิ่งนั้นบ้าง สิ่งนี้บ้าง ก็เพื่อมาสนองความต้องการของเราในปัจจุบันทั้งนั้น
    คนที่ตายไปแล้ว ใช่ว่าเขาจะมาได้มาเสียอะไรกับเราในปัจจุบัน
    อันนี้เป็นความตระหนี่ในใจบางส่วนของผมเองหละครับ +_+
     

แชร์หน้านี้

Loading...