ถ้า "แม่ชี" บรรลุความเป็นพระอรหันต์แล้วจะทรงชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ?

ในห้อง 'คำถามที่หลวงพี่เล็กตอบให้แล้ว' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 17 มิถุนายน 2008.

  1. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    น่าน....รู้อีกว่ามีคนไปถาม

    ถามค่ะ ถามท่านว่าแม่ชีที่บรรลุอรหันตผล แล้วดำรงขันธ์อยู่ได้มีไหมคะ ท่านบอกว่า แบบนั้นม่องเท่งไปนานแล้ว

    ส่วนแบบอรหันตมรรคนี่ไม่แน่ใจว่าจะตายภายใน ๗ วัน รึป่าว
    - -" ขอโทษค่ะ หนูจำประโยคนี้ไม่ได้ตอนที่หลวงพ่อบอก

    ท่านบอกว่าบางคนที่ไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ใกล้พระอริยะเจ้าจะไม่รู้ แค่เกิดอารมณ์ปิติก็จะคิดว่าตัวเองได้อรหันต์แล้ว แต่จริงๆแล้วถ้าสังเกตดูจะรู้ว่ายังมีกิเลสอยู่ อย่างพระโสดาบันขั้นเอกพีชี อารมณ์กิเลสจะเบาบางมากจนเหมือนแทบไม่มี บางทีก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นอรหันต์ไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2008
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    หลวงปู่ท่านเคยพูดสอนว่า พระอรหันต์ไม่ได้อยู่ที่เครื่องแบบค่ะ และมีตัวปฏิบัติให้จิตยึดเกาะเหมือนกันไม่กี่ข้อ (ไม่ถึง ๒๒๗ ข้อ)

    เท่าที่ยายผีป่าทราบนะคะ ศีลคือข้อห้ามสำหรับสถานภาพต่างๆ เพื่อแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติแล้วแต่กำลังใจของแต่ละคนค่ะ คือบางคนอยากเป็นพระภิกษุก็ต้องยึด ๒๒๗ ข้อให้สมบูรณ์ หากตกหล่นก็ว่ากันไปตามข้อตกหล่น หล่นมากๆ ขาดจากความเป็นพระ ก็เป็นสมีไป ปาราชิกไป โมฆบุรุษไป ชีก็เหมือนกัน คนก็เหมือนกัน หล่นจากข้อบังคับเมื่อไร แย่เลย

    ถ้าจะเอานิพพาน ท่านเหล่านั้นจิตละเอียดรู้เท่าทันกิเลส ใช้เป็น ปล่อยวางเป็นเหมือนกันหมด แต่แม่ชี และฆราวาสนั้นส่วนมากจะไม่ห่วงอะไรแล้ว ตัดแล้วไปเลย (เอ...อย่าคิดว่ายายผีป่าได้นิพพานแล้วนะคะ ถ้าได้คงไม่มาจ้ออย่างนี้หรอก อาศัยช่างจำจากครูบาอาจารย์หลายๆ ท่านบอกเล่าต่อๆ กันมาง่ะ)
     
  3. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    เอ..ดูเหมือนมีตอนหนึ่งพระอาจารย์เมตตาตอบน้องเถรี ใจความทำนองว่า พระอริยะมีกระทั่งถึงระดับอรหันตมรรค ที่ยังไม่ใช่อรหันตผล และอาจเข้าใจตนว่าสิ้นกิเลสแล้ว

    ฉะนั้นอาว่า แม้ไม่ถึงขั้นพระอรหันตมรรค พระโสดาบันที่ท่านอาจเข้าใจว่าสิ้นกิเลสแล้ว แล้วเราทะลึ่งไปปรามาสจาบจ้วงท่าน เราก็เจ๊งเองเท่านั้น

    ยิ่งถ้าเจอแบบพญาช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราญจ้ะ มีนกกาคอยทักก็ดีนะจ๊ะ ประเภทนกรู้นี่มีคุณเหมือนกันนะจะบอกให้ มองให้ครบ 360 องศาดีแน่จ้ะ อย่ามองแต่ด้านเดียว เดี๋ยวจบเห่
     
  4. napapatch_datch

    napapatch_datch Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +57
    กำลังจะไปเชียงใหม่ เชียงราย กับท่านมหาจรูญโรจน์ พอดี อยากไปกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์ จังค่ะ
     
  5. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    อ่าวคุยกันอยู่ 2 คน คุยโทรสัพดีกว่ามั้ย
     
  6. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    ผู้น้อยเป็นผู้รู้น้อยด้อยปัญญา ขอบยังอาจะแสดงความเห็น

    อันว่า สมเด็จพระผุ้มีพระภาค ทรงตรัสพระ พระพุทธอนุชา พระอานนท์ว่า
    " อานนท แม้ผุ้บำเพ็ญอิทธิบาท4เป็นวิหารธรรมก็จักสามารถดำรงขันธไปดำรงอยู่เป็นไปด้วยชั่วกัปป์หนึ่ง หรือครึ่งกัลป์ ก็ย่อมได้ " พุทธดำรัสนี้ตรัสบอกใบ้แก่พระอานนท คราที่ทรงแสดงปาฏิหารย์เตือนถึงเหตุการปลงสังขารของพระองค์ในครั้งที่สาม ซึ่งปัจจุบันเราย่อมเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในหมู่พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เช่นหลวงตามหาบัว ท่านพุทธทาส สมเด็จพระสังราชเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่ทรงรับอาราธนา ต่อพ่อหลวงแม่หลวง ดังนั้น ในความเห็นของผู้น้อย ถ้าฆาราวาส ท่านใดท่านหนึ่งถึงที่สุดแห่งความทุึกข์นั้นแล้ว หากแม้มีจิตใจ ปราถนาช่วยเหลือสรรพเวไนย ก็ย่อมจะทำได้ แต่ที่ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าฆาราวาสผู้สำเร็จที่สุดแห่งกองทุกข์แล้วต้อง ดับขันธ์เข้านิพพานในเจ็ดวันนั้น คงด้วยท่านเบื่อหน่ายในขันธห้าเหล่านี้ เบื่หน่ายในสังสารวัฐจึงไม่ปราถนาจะอยู่ต่อเพราะกิจอันพึ่งกระทำ ก้กระทำจนถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว ย่อมไม่เหลือกิจอันใดของตนที่พึงกระทำอีก
     
  7. ผ๋าฐนา

    ผ๋าฐนา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมเคยอ่านเจอในหนังสือของหลวงพ่ออยู่เหมือนกันแต่จำเล่มไม่ได้ แม่ชีก็คือฆราวาสจึงต้องตายในวันรุ่งขึ้น แต่กรณีนี้ไม่กล้าจะกล่าวอะไร ผมเรียน มช แท้ๆยังไม่รู้เลย ชมรมผมยังไม่รู้เลยครับ สาธุๆ
     
  8. dooperty

    dooperty Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +65
    มิลินทปัญหา คีหิอรหัตตปัญหา

    ..........ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าพระนาคเสนเถระผู้มั่นในอริยศีล

    สังวรวินัย ตุมฺเห ภณถ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้กับโยมแต่เดิมว่า ฆราวาสได้พระอรหัตนั้น

    มีคติ ๒ ประการ คือจะต้องบวชเสียในวันอันได้พระอรหัตนั้นประการ ๑ ข้อหนึ่งบุคคล

    เป็นฆราวาสได้สำเร็จพระอรหัตแล้ว ไม่บวชเสียในวันนี้จะเข้าสู่พระนิพพานในวันที่ได้

    พระอรหันต์นั้นประการ ๑ เป็นคติสิริเป็น ๒ ประการแน่ ดังนี้หรือกระไร

    พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร

    พระองค์ผู้ประเสริฐ ซึ่งฆราวาสได้พระอรหัตในวันใด ต้องบวชในวันนั้น ในสำนักครูบา

    อาจารย์โดยปรกติที่ว่าจะกระทำเหมือนพระโองการตรัสฉะนี้ จะได้บวชเอาเองก็ดี จะ

    ให้คอยเท่าอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านผู้มีฤทธิ์อันจะเหาะมาบวชให้ก็ดี ช้าไปวัน ๑ หรือ ๒

    วัน เช่นนี้ไม่ได้ ถ้าบวชเองก็เป็นไถยเพศ มิได้เรียกว่าบรรพชา ประการหนึ่ง ถึงจะคอย

    ท่าพระอรหันต์อันมีฤทธิ์ รู้จักจิตว่าจะบรรพชาจึงจะเหาะมาบวชให้ก็ไม่ได้ ถ้าช้าไปจน

    วัน ๑ หรือ ๒ วัน เกินกำหนดไป ก็คงจะเข้าสู่นิพพานในวันนั้น ขอถวายพระพร

    สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ผู้เป็นปิ่นประชากรมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน

    ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณอันประเสริฐ พระผู้เป็นเจ้าสิว่ากระนั้น ก็ฆราวาสนี้ถ้า

    ได้ถึงพระอรหัตแล้วน่าที่จะดีทีเดียว ไฉนจึงร้อนรนถึงสิ้นชีวิตฉะนี้เล่า

    พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปรีชาเฉลิมปราชญ์ จึงวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวาย

    พระพรบพิตรพระราชสมภาร เป็นด้วยเพศฆราวาสนี้ต่ำไม่สมควรแก่พระอรหัต ภูมิ

    คฤหัสถ์นี้เป็นภูมิอันต่ำช้านัก จึงต้องให้ละเพศฆราวาสบวชเสียในวันที่ได้พระอรหัตนั้น

    นี่แหละเพศแห่งบรรพชิตผิดกันต่างกัน อุปมาดังบุคคลอันเคยรับประทานอาหารเลี้ยง

    ชีวิต มีชีวิตอยู่เพราะอาศัยอาหาร ครั้นมาเป็นทุพภิกขกาลเกิดข้าวแพงหาอาหาร

    บริโภคมิได้ บุรุษผู้นั้นอดอาหารอยู่หลายวัน ครั้นหาอาหารได้ บุรุษชายนั้นบริโภคจน

    เกินขนาด เตโชธาตุมิอาจเผาผลาญได้ บุรุษผู้นั้นก็ถึงแก่ชีวิตักษัยกระทำกาลกิริยา

    ตาย จะว่าบุรุษชายนั้นไม่รู้ประมาณ หรือจะโทษเอาอาหารว่า ตายเพราะอาหารหรือ

    ประการใดเล่า

    สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่

    พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ อาหารเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตจะเป็นยาพิษหามิได้ บุรุษผู้นั้น

    มาสิ้นชีวิตด้วยโลภในอาหาร รับประทานเกินขนาดไป จะโทษอาหารอย่างไรได้

    พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี ภูมิฆราวาสต่ำนักไม่อาจต้านทานพระ

    อรหัตเปรียบดุจคนอดอาหาร ต้านทานอาหารไม่ได้ฉะนั้น เหตุฉะนี้แหละฆราวาสที่ได้

    พระอรหัตจึง ต้องบรรพชาเสีย หรือนิพพานเสียในวันนั้น นะบพิตรพระราชสมภาร

    อีกประการหนึ่งเล่า เปรียบอุปมาดุจกลุ่มหญ้าอันน้อยนักบุคคลจะเอาศิลาอันหนัก

    ทับลงกลุ่มหญ้าอันน้อยมิอาจทนทานศิลานั้นได้

    ประการหนึ่ง เปรียบดังบุคคลประกอบได้บุญอันน้อย ได้สมบัติอันเป็นอิสรภาพ

    แล้วมิอาจปราบดาภิเษกครองราชสมบัติได้ ไม่คู่ควรที่จะครองราชสมบัติ ก็บังเกิด

    ความฉิบหายอันตรายต่างๆ ถึงกับต้องประหารชีวิต ทนเวทนาสาหัส จะโทษสมบัติว่า

    สมบัติร้อนพาให้อายุนั้นหรือประการใดเล่า ขอถวายพระพร
     

แชร์หน้านี้

Loading...