ทรัพย์ใต้ดินเมืองกาญจนบุรี

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 16 มกราคม 2006.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันที่บันทึกวันนี้เป็น วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๓๒
    ก็ขอทบทวนเรื่องราวของวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๒ เพราะว่าเมื่อวันที่ ๙ เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา ๓๐ นาที เวลานั้นก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ดีตามปกติ แต่ความจริงเรื่องป่วยนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่อยากจะเล่าสู่กันฟัง แต่ก็จำเป็นต้องพูด เพราะมีบรรดาญาติโยมลูกหลานมาเยี่ยมทุกวัน การมาเยี่ยม คนมาเยี่ยมที่ประจำจริง ๆ ก็คือ ชาวนานครสวรรค์กับชาวกรุงเทพฯ ไม่ขาดแต่ละวัน มากันละหลาย ๆ คน นอกจากนั้นก็มีภาคอีสาน มีจังหวัดนครราชสีมา สระบุรี ขอนแก่น อุบลราชธานี สกลนคร ภาคใต้ก็มีจังหวัดตรัง ตรังนี่มาเป็นประจำทุกวัน หลายวันแล้ว นครศรีธรรมราช แล้วก็นราธิวาส และจังหวัดอื่น ๆ เช่น ลพบุรี เป็นต้น

    รวมความว่ามากันวันละมาก ๆ ทุกคนมาเยี่ยมอาการได้แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลาที่มาเยี่ยมจริง ๆ อาจจะไม่พบไข้ เพราะทั้งนี้อาการไข้จริง ๆ ที่ทรมานมากที่สุด ก็ตั้งแต่หลัง ๓ โมงเย็นเป็นต้นไปถึง ๔ ทุ่ม ในช่วงนี้มันทรมานมากเวลาที่รับแขก บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็มีอาการมึนงง แต่ว่าอาศัย ขันติ เป็นเรื่องช่วย เพราะว่าการแสดงออกถึงอาการป่วยไข้ไม่สบายต่อหน้าผู้มาจะไม่ค่อยดีนัก จะทำให้กำลังใจของบรรดาลูกหลาน และบรรดาท่านพุทธบริษัทเสียกำลังใจมาก แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนและทุกท่านทุกจังหวัดที่มา สลับกันไปสลับกันมา ที่พูดนี่จะไม่ครบถ้วนบริบูรณ์อีกสายหนึ่งก็ พิจิตร เพชรบูรณ์ มาเป็นประจำเหมือนกัน ก็รวมความว่าเกือบจะทุกจังหวัดที่สลับกันไปสลับกันมา

    เมื่ออาการร่างกายเป็นอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็ต้องตกอยู่ในความไม่ประมาทของชีวิต ต้องคิดว่า ความตายอาจจะเข้ามาถึงวันนี้ได้เสมอ นี่เป็นกฎธรรมดา เมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็มีการเตรียมตัวตายทุกวัน การเตรียมตัวตายก็คือเอาจิตเกาะพระ คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นต้น เกาะเทวดาหรือพรหม เกาะสิ่งที่เป็นสุข

    ในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๒ กำลังเกาะเหตุนี้อยู่เหมือนกัน แต่สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น นั่นคือมีรูปร่างของคน เป็นคนเนื้อเต็ม จะถือว่าอ้วนตุ๊ก็ไม่ใช่ตุ๊ คือ ไม่ใช่ท้องพลุ้ย เป็นคนอ้วน อันดับแรกอาตมานอนตะแตงขวา ท่านนั่งอยู่ข้างหลัง เห็นมือทั้งสองพนม ท่อนแขนตั้งแต่ศอกออกไปเห็นมือพนม การเห็นบรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่ทิพจักขุญาณ ไม่ใช่ณานสมาบัติ เวลานั้นสมาทานภาวนาเล็กน้อย พอจิตเป็นสุข เป็นการเห็นจากท่านแสดงให้เห็น การเห็นท่านก็เหมือนเห็นคนธรรมดา มีสภาพปกติ ไม่ใช่เงา

    เมื่อเห็นแขนสองแขน มือสองข้างพนมพร้อมกันก็สงสัย พลิกกายออกมานอนหงาย ก็เจอะหน้าท่านพอดี ก็ถามท่านผู้นั้นว่า ท่านเป็นใคร ท่านบอกว่า ผมคืออดีตพระยากาญจนพลินทร์ แต่ว่าเวลานี้เป็นพรหม ก็ลืมถามไปว่า ท่านเป็นพรหมชั้นไหน ความจริงเมื่อเป็นพรหมหรือเทวดาก็มีสภาพเหมือนกัน เพราะว่าดินแดนแห่งนั้นเป็นดินแดนแห่งความสุข จึงเรียนถามท่านว่า ท่านเจ้าคุณ (คำว่าท่านเจ้าคุณเขานิยมเรียกพระยาต่าง ๆ ว่า ท่านเจ้าคุณ) ถามว่า ท่านเจ้าคุณ เป็นพระยาตั้งแต่สมัยไหน ท่านบอกว่า ผมเป็นพระยาตั้งแต่สมัย พระเจ้าสามพระยา

    ท่านก็รายงานต่อไปว่า ผมเป็นลูกชายของพระยากาญจนบุรี ก็เลยถามท่านว่า พระยากาญจนบุรีเป็นพระยาสมัยไหน ท่านก็บอกว่า พระยากาญจนบุรีเป็นนักรบ หลายนัก นักรบ นักรัก นักแสวงหาโชคลาภ ก็รวมความว่าพระยากาญจนบุรีก็เป็นทหารสมัย พระเจ้าอินทราชา พ่อพระเจ้าสามพระยา รับราชการตั้งแต่ตอนนั้นมา ในที่สุดบรรดาศักดิ์ชั้นสุดท้าย หลังจากเป็นพระยาอื่นในนามของนักรบมาแล้ว ก็เป็นพระยากาญจนบุรี ปกครองเมืองกาญจนบุรี

    การที่ท่านพระยากาญจนบุรีปกครองกาญจนบุรีนั้น หนึ่งกาญจนบุรีเป็นชายแดน และประการที่สอง ทางราชการสมัยนั้นถือว่าเมืองกาญจนบุรีเป็นแหล่งสำคัญในการหาโชคลาภหรือทรัพย์สิน เมื่อมาเป็นเจ้าเมืองกาญจนบุรีแล้ว ไม่ช้าก็ได้เป็นพระยากาญจนบุรี ท่านพระยากาญจนบุรีนี้ท่านแสวงหาโชคลาภ คือหาทอง ท่านเจ้าคุณกาญจนบุรีเล่าให้ฟังว่า คุณพ่อชอบหาทอง หาทรัพย์สินส่งราชการ เพราะเวลานั้นประเทศชาติจะเก็บภาษีอากรกับคนชาวบ้านนี่มันไม่ไหว คนก็น้อย การรบติดพันกันอยู่เสมอ ชาวบ้านที่เขาออกทำการรบเป็นทหารจะเก็บภาษีอากรก็ไม่ได้ ทางราชการก็ใช้ทรัพย์สินมาก ก็จำต้องหาทรัพย์สินใต้ดินกัน ลืมบอกไปบรรดาท่านพุทธบริษัทว่าเรื่องนี้ให้เรื่องว่า ทรัพย์ใต้ดินเมืองกาญจนบุรี ลืมบอกเรื่องไป อย่าลืมนะว่าทรัพย์ใต้ดินเมืองกาญจนบุรี


    ก็เลยถามเจ้าคุณกาญจนพลินทร์ ว่า การหาทรัพย์สินเวลานั้น ปัจจุบัน คำว่าผีพรายหมายถึงอะไร ท่านก็ตอบว่า คำว่า ผีพรายประจำถิ่น นั่นก็คือภูมิเทวดา จะว่ากันไปก็คือพระภูมิเจ้าที่นั่นเอง พระภูมิเจ้าที่ย่อมรักษาเขตจำกัด จากที่นี้ถึงที่โน้น จากที่นั้นถึงที่โน้น

    ก็รวมความว่าภายในเขตของท่านจะมีทรัพย์สินอะไรบ้าง อยู่ที่ไหน มีปริมาณเท่าไร ขุดลึกเท่าไร ไปถึงดินชั้นไหนจึงจะมีสีสันวรรณะอย่างไร จึงพบทองและเงิน ผีพรายประจำท้องถิ่นหรือภูมิเทวดาก็บอกชัด เวลาท่านบอกจริง ๆ ก็มีสภาพเห็นด้วยอำนาจเทวานุภาพ เห็นชัดเหมือนแผ่นดินไม่มีบัง วิธีการที่ ๓ นี้เป็นวิธีการที่นิยมกันมาก และก็ต้องถามต่อไปว่า ถ้าจะขุดจะอนุญาตไหม บางจุดท่านก็อนุญาต บางจุดก็ไม่อนุญาต เพราะว่ายังไม่ถึงวาระ ต้องถึงกาลเวลาอันสมควร แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับนับถือเทวดา เพราะได้ทดลองแล้วว่าจุดใดมองเห็นชัดตามหลักวิธีการ ๓ ประการนี้ เห็นหมด
    แต่ทว่าปรากฏว่าขุดแล้วไม่ได้ ขุดลึกเท่าไรก็ไม่ได้ ด้วยอำนาจเทวานุภาพ ท่านก็กล่าวว่า ถ้าที่ใดที่ท่านอนุญาตให้ ขุดได้ง่าย ๆ แล้วก็ขุดไม่ลึก การหาแร่ทองแร่เงินสมัยนั้นหากันแค่ผิวดิน แต่ยิ่งขุดลึกลงไปเท่าไร ก็ตามทีก็ได้มากขึ้น ปริมาณทองก็สูง ปริมาณเงินก็สูง ถามท่านว่า แร่ทองกับแร่เงินนั้นอยู่รวมกันไหม ท่านบอก ไม่ได้รวมกัน มันต้องคนละแท่ง ที่ของใครก็ที่ของใคร ภูมิเทวดาจะชี้ที่ให้ ก็เลยคิดว่าเวลานี้การหาทองหาเงินก็เป็นของดี อยากจะถามท่านว่า วิธีติดต่อกับภูมิเทวดาหรือผีพรายประจำท้องถิ่นประจำพื้นที่ต้องมีเครื่องสังเวยไหม ท่านบอกว่าเป็นของธรรมดาต้องมีเครื่องสังเวย ถามว่าเครื่องสังเวยที่ท่านใช้เป็นอะไร


    ท่านก็ยิ้ม ท่านบอกว่า หลักวิชานี้ไม่มีใครเขาบอกกัน ก็เลยถามท่านว่า เวลานี้ท่านเป็นพรหมท่านก็น่าจะบอกได้ ท่านบอกว่า ยิ่งเป็นเทวดา ยิ่งเป็นพรหม ยิ่งหนัก ต้องรักษาระเบียบ ขึ้นชื่อว่าระเบียบปฏิบัตินี้ พรหมกับเทวดาต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่อยากจะบอกกับใครก็บอกได้เสมอ ถามท่านว่า กาลเวลาอันสมควรเวลานี้ประเทศชาติต้องการทรัพย์สินมาก ถ้าต้องการแร่ทองแร่เงินแร่อย่างอื่นจะพอหาได้ไหมในเขตกาญจนบุรี ท่านก็ยิ้มแล้วก็ตอบว่า ในเขตกาญจนบุรีนี้ว่ากันจริง ๆ นะ เนื้อที่ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของจังหวัดเป็นทองและเงินและแร่ต่าง ๆ ที่มีค่าสูงมาก


    ท่านก็พูดต่อมานิดหนึ่งว่า ในฐานะที่ผมเคยเป็นทหาร เคยรักษาเขตประเทศชาติมาแล้ว เอาชีวิต และเลือดเนื้อเข้าแลก เพื่อความเป็นอยู่ของชาติ ก็อยากจะเตือนพี่น้องชาวไทยทั้งหมดว่า จังหวัดกาญจนบุรีนี้อย่าให้ตกไปอยู่ในมือของใคร เพราะจะเป็นแหล่งทรัพย์สินทั้งหลายต่าง ๆ อย่างมากมาย โดยเฉพาะยิ่งแห่งเดียวในเมืองไทย คือ กาญจนบุรี ถ้ากาลเวลาถึง คำว่า กาลเวลาถึงหมายถึงว่า บุคคลผู้มีปฏิปทาอันสมควรที่จะพึงได้ทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมา

    เป็นอันว่าทรัพย์สินทั้งหลายในเมืองกาญจนบุรี ถ้านำขึ้นมาจริง ๆ เฉพาะในเขตจังหวัดเดียว ประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐีของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเขาลูกหนึ่งท่านไม่บอกชื่อนะซี ไม่บอกสถานที่ก็เมืองกาญจนบุรีก็แล้วกัน มีเขาลูกหนึ่งสูงตระหง่านกว่าเขาอื่นทั้งหมด โดดเดี่ยวขึ้นไป และก็มีเทือกเขาทั้งซ้ายและขวา ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออกจากเขาลูกนั้นมาเป็นเทือกเขาข้างซ้าย ยาวเหยียดที่จะเป็นคันกั้นน้ำ เขาลูกนี้มีแร่ธาตุพิเศษจริง ๆ ทางด้านซ้ายมือคือไหลขึ้นไปทางเหนือ ไม่ใช่แร่เงิน ไม่ใช่แร่ทอง แต่เป็นแร่หลายอย่างในพื้นที่นั้น แล้วแร่ประเภทนี้สามารถจะนำมาผสมกันเป็นเงินคงคลังของชาติได้เป็นอย่างดี แล้วก็มีปริมาณมหาศาล ถ้าขุดเจาะจริง ๆ ถ้าได้แร่นี้ขึ้นมา ความจริงแร่หลายอย่างใช้ประโยชน์เยอะ ไม่ขออธิบาย

    ต่อไปนักวิทยาศาสตร์ของไทยจะเก่งกล้าขึ้น สามารถจะทำได้หลาย ๆ อย่างที่เราไม่คาดคิดจะถึง แม้แต่การใช้รังสีต่าง ๆ ก็สามารถทำได้เยอะ แต่เรื่องเหล่านั้นคนถามไม่ได้สนใจเสียนี่ สนใจอย่างเดียวว่าสามารถจะนำเป็นเงินแท่งคงคลังได้เป็นอย่างดี ถามท่านว่า เงินแท่งคงคลังนี้มันหมายถึงอะไร ท่านก็ยิ้ม ท่านบอกว่า ทองคำเอาขึ้นมาผสมกัน แต่ในนั้นมีครบถ้วนบริบูรณ์ ให้ผสมตามสูตรต่อไปนักวิทยาศาสตร์จะทำได้ แต่ว่าเวลานี้เห็นว่ายังทำไม่ค่อยจะได้ กาลเวลายังไม่สมควร นักวิทยาศาสตร์ทำได้แล้ว ในถ้ำนั้นแหละ ถ้ำที่มีแร่มีอยู่ก็ไหลขึ้นไป มันจะมีจุดหนึ่งเป็นธารน้ำใส คือกระแสน้ำนี้ยังไม่ปรากฏในสายตาภายนอก จะไหลอยู่ภายในเขา เป็นคล้าย ๆ น้ำซับ ซึม ๆ ออกมา แต่ซึมแรง ตักเท่าไรจะไม่หมด ขออย่างเดียวอย่าทำลายต้นน้ำลำธาร ต้นน้ำลำธารอยู่ทางสายของพม่า แต่ไม่ถึงพม่า เป็นจุดนั้น จงอย่าทำลาย

    เมื่อได้แร่ทั้ง ๓ อย่างขึ้นมาผสมกันแล้ว ท่านใช้คำว่า ผสมกันแล้ว และก็ใช้น้ำอันนี้ช่วย เพียงเท่านี้ ทั้ง ๓ อย่างนั้นก็จะกลายเป็นทองคำ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เนื้อจะอ่อนไม่ผิดกับทองคำทั้งหลายทั้งหมด ถามท่านบอกว่า บอกจุดได้ไหม ท่านบอกว่า ผมบอกเท่านี้มันก็ผิดระเบียบเข้าแล้วครับ จริง ๆ แล้วเขาไม่บอก ถามท่านว่า ปริมาณแร่ทั้งหลายทั้งหมดนี้ ถ้าจะนำมาใช้กันจริง ๆ สักกี่สิบปีจะหมด ท่านบอกว่าถ้านำขึ้นมาใช้จริง ๆ ๑,๐๐๐ ปี ยังไม่ได้ ๑ ใน ๔ ของปริมาณแร่ทั้งหมด แร่ทั้งหมดนี้นอกจากเป็นธรรมชาติแล้ว มันยังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ การเกิดของมันก็ปรากฏเวลานี้มีหลายชั้น

    นอกจากอยู่ในเขาแล้ว มันยาวลงไปถึงใต้ดินเยอะแยะมาก ก็ถามท่านว่า มันไหลออกมานอกเขาไหม ท่านก็ตอบว่า มี ตามเชิงเขา ถ้าไกลออกมาไม่เกิน ๓ กิโลเมตร ปริมาณแร่ยังมีจำนวนหนามาก ถ้าเกินมาถึง ๑๕ กิโลเมตร อาจจะบางไปหน่อย กระจัดกระจายอยู่ แต่ว่าต้องมีคนฉลาด มีความรู้ตามปริมาตรของแร่นี้จริง ท่านย้ำว่า จงอย่าลืมว่า นอกจากจะนำแร่นี้มาทำเป็นทองคำแล้ว ประโยชน์อย่างอื่นจากแร่งอื่นในบริเวณนี้มีมากมายเหลือเกิน

    ท่านก็พูดยิ้ม ๆ ท่านบอกว่า ผมไม่รู้ภาษาฝรั่ง เวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างเขาเรียกเป็นภาษาฝรั่งทั้งหมด ผมไม่รู้ไม่เคยเรียนก็เลยไม่กล้าจะบอกว่ามันทำอะไรได้บ้าง ก็ขอพูดอย่างคร่าว ๆ ปริมาณส่วนหนึ่งของแร่ จะทำเหล็กเหนียวและเหล็กแข็งได้ดี อีกส่วนหนึ่งของแร่จะใช้รังสีได้อย่างวิเศษ อีกส่วนหนึ่งของแร่จะทำอะไรก็ได้ ผมพรรณนาไม่ไหว ก็เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ แต่ว่าผมเองในฐานะมีนามว่า พระยากาญจนพลินทร์ เป็นผู้ค้นคว้าแหล่งการมาของทองคำ จึงสนใจเฉพาะทองคำ

    จึงได้เรียนถามท่านว่า สมัยของท่านเคยนำแร่นี้ขึ้นมาใช้ไหม ท่านบอกว่าในกาลบางส่วนนำมาครับ เคยนำขึ้นมา แต่ไม่ได้นำมาจากเขา ถามผีพรายประจำถิ่น คือ ภูมิเทวดา การเจาะเขาเราก็เสียดายเขา ปริมาณการใช้ก็ไม่มาก ถามท่านว่า พื้นที่ราบเชิงเขา หรือแผ่นดินเรียบจะมีไหม ภูมิเทวดาท่านก็บอกว่า มี และก็ถามท่านว่า ที่ตรงไหน ภูมิเทวดาท่านก็ถามว่า ต้องการปริมาณมากหรือปริมาณน้อย ก็เลยบอกท่านว่า ต้องการรู้ทั้งหมด ทั้งปริมาณมาก และปริมาณน้อย แต่ว่าต้องมาพิสูจน์เพื่อการทดลอง ท่านก็ชี้จุดให้ ท่านเอาไม้ไปปักให้ดู เป็นสัญลักษณ์ของไม้ ถ้าไม้อย่างนี้ปริมาณมาก ไม้อย่างนี้ปริมาณน้อย ทั้งนี้ต้องใช้วิธีการบวงสรวง

    การบวงสรวงถามท่านว่า จะขอพิธีกรรมได้ไหม ท่านบอกพิธีกรรมมันเป็นของไม่ยาก แต่ว่าสมาธิที่ทำใจใสซี ก็ถามท่านว่า สมาธิทำใจใสสามารถเห็นผี เห็นเทวดาได้ ท่านเรียนจากใคร ท่านบอกว่า เรียกจากอาจารย์คง ท่านมีวิชาเฉพาะให้ วิชาเฉพาะของท่านจริง ๆ ก็คือ สมาธิธรรมดา แต่ว่ามีบทคาถาภาวนา บทคาถาเชิญเทวดา และเชิญภูติผีพรายประจำถิ่น ถามว่า การบวงสรวงแล้วเชิญมายากไหม ท่านบอกว่า จิตใจของบรรดาพวกกระผม ผมก็ดี คุณพ่อก็ดี คนทุกคนก็ดี สมัยก่อนมีความเคารพในพระพุทธศาสนามาก ยอมรับนับถือเทวดา และพรหมมาก การเชิญจึงเป็นของไม่ยาก

    พอเริ่มบวงสรวงปั๊บ ก็จะเห็นภูมิเทวดาท่านมายืนเรียงรายทั้งหมด ท่านจะประกาศชื่อท่าน จะประกาศเขตที่ท่านอารักขา จะประกาศสินทรัพย์เท่าที่มีอยู่ทั้งหมด เวลาที่ท่านประกาศ ภาพทั้งหมดจะปรากฏกับสายตาของเรา คือ สายใจนะ ไม่ใช่สายตา เพราะหลับตาจะปรากฏชัด ถามถึงการอนุญาตหรือไม่อนุญาต ท่านจะบอกชัดด้วยความเมตตา

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า คุยกันมาก็เพลินไป เวลากาลเหลือไม่ถึง ๑ นาที รายการนี้เป็นรายการของธรรมะ ก่อนจะจบ ก่อนจะหมดเวลาก็ขอนำธรรมะมาก่อนว่า พระยากาญจนบุรีก็ดีหรือพระยากาญจนพลินทร์ก็ดี ท่านตายไปหมดแล้ว และคนทั้งหลายเหล่านี้ที่ขุดทอง ขายทอง ก็ตายไปหมดแล้ว ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทพึงทราบว่า “สัพเพ สัตตา มริจสันติ มรณังตัง หิ ชีวิตัง สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกไม่มีใครอยู่” องค์สมเด็จพระบรมครูบอกว่า ตายหมด ในเมื่อเราทราบว่าตาย จงพยายามรักษาความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รู้จักการให้ทาน รู้จักการรักษาศีล รู้จักการเจริญภาวนา จะเป็นที่พึ่งใหญ่ของเรา
    เอาละบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกท่าน เวลาหมดพอดี ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี
     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ทรัพย์ใต้ดินเมืองกาญจนบุรี (ต่อ)

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย รายการนี้ให้ชื่อว่า รายการนี้ให้ชื่อว่า รายการทรัพย์ใต้ดินแห่งเมืองกาญจนบุรี เป็นอันว่าเมื่อตอนที่แล้ว ได้คุยกับพระยากาญจนพลินทร์ถึงทรัพย์สินในเมืองกาญจนบุรี คือ ทรัพย์ใต้ดิน ไม่ทันจะจบก็หมดเวลาเสียก่อน ประเดี๋ยวก็บรรดาท่านพุทธบริษัท รายการนี้เป็นรายการธรรมะ ทำไมจึงนำนิทานมาเล่ากันฟังแทนธรรมะ ก็ขอพูดตอบว่า นิทานนี้เป็น นิทานมรณานุสสติกรรมฐาน เพราะว่าคำว่า มรณานุสสติ คือ นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ที่นำเอาพระยา ๒ พระยามาพูด เพราะว่าท่านพระยา ๒ พระยานั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก หาทรัพย์สินได้ดี เป็นกำลังใหญ่สำคัญของชาติ สมัยเป็นหนุ่มก็เป็นนักรบ ต่อมาหนุ่มน้อยลงมากเป็นนักรัก นักแสวงหาโชคลาภ เป็นคนหาสินทรัพย์ส่งพระคลังของราชการ
    แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ต่างคนก็ต่างตายไปหมด ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจงคิดว่า ท่านที่เล่าให้ฟังเราฟัง เวลานี้ท่านเป็นพรหม การเป็นพรหมได้เพราะท่านตายจากความเป็นมนุษย์แล้วก็ไปเกิดเป็นพรหม คนที่จะเป็นพรหมได้เพราะอาศัยสมาธิ คือ ณานสมาบัติ ท่านเป็นนักนิยมการเจริญกรรมฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝึกการติดต่อกับเทวดากับภูติผีพราย นี่เป็นสมาธิสูง การที่จะใช้วิชาอยู่ยงคงกระพันก็ต้องใช้สมาธิสูง ที่เรียกกันว่าจำต้องปลุกพระปลุกตัวทุกวัน ทั้งเช้า และเย็น นั่นคือ สมาธิ
    ดังนั้นนักที่ชอบปลูกตัว คือ ยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เป็นสำคัญก่อน คือ นึกถึงพระพุทธหรือว่านึกถึงพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่เป็นคณาจารย์ของท่านแล้วก็ปลุกพระ นั่นคือสมาธิ การปลุกพระจะขึ้นปุบปับ ๆ นั่น คือ อุพเพงคาปีติ ไม่ใช่ของต่ำ กำลังใจต้องไปถึงปีติที่เรียกว่า อุพเพงคาปีติ ตอนจิตเยือกเย็น นั่นเป็น ผรณาปีติ เมื่อปีติเกิดขึ้น ฌานก็เกิด คือ รวมความว่าท่านที่ตายไปแล้ว ท่านมีฌานสมาบัติเป็นปกติ เพราะปลุกพระทุกวัน บูชาพระทุกวัน ต้องฝึกในทุกสมาธิติดต่อกับเทวดาภูติพรายต่าง ๆ ทุกวัน วันนี้ก็มาเล่าเรื่องของท่านต่อ
    ขึ้นชื่อว่าทรัพย์สินทั้งหลาย ตอนที่ ๑๙ ที่ผ่านมา นี่ตามหลักการของหนังสือที่บันทึกเป็นเสียง ตอนที่แล้วเป็นตอนที่ ๑๙ ตอนนี้เป็นตอนที่ ๒๐ แต่ว่าก็ถือว่าเป็นตอนที่ ๔ ของเล่ม ๖ เป็น หนังสืออ่านเล่น เล่ม ๖ พูดกันมาถึงทรัพย์สินยังไม่ทันจะจบ เวลาก็หมดก็ขอคุยกันต่อไปว่า
    ในเมื่อท่านนำขึ้นมาแล้ว ท่านทำพิธีกรรมอย่างไหน แร่ทั้งหลายจึงเป็นทองคำ ท่านยิ้มแล้วก็บอกว่า ขอสงวนครับ กาลเวลายังไม่ถึง ถามท่านว่า กาลเวลายังไม่ถึงนั้นหมายถึงอะไร ท่านบอก หมายถึงว่าประเทศไทยยังมีความมั่นคงไม่พอ ถ้าจะนำแร่ขึ้นมาแล้วต้องมีความมั่นคงพอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ต้องระมัดระวัง คนไทยเราไม่สนใจในป่าชัฏนี้มาก สนใจแต่ไม้ไม่สนใจในแร่ ต้องระมัดระวัง คนที่เราคิดว่าเขาโง่
    แต่ความจริงเขาไม่โง่ เขามีความฉลาดใต้ภาคพื้นดิน เขาจะเข้ามาขุดเอาไปใช้ประโยชน์ของเรา ก็ถามว่า การขุดดินจะทำได้รึ ต้องใช้เวลากัน ท่านบอก การขุดดินมันไม่ใช่ของแปลก การตัดต้นไม้เป็นพัน ๆ ท่อนคนยังมองไม่เห็น การขุดดินประเภทนี้ทำไมจึงจะมองเห็น เพราะอยู่ป่าลึก ก็ผ่านไป ก็ถามท่านว่า กาลเวลาอีกอย่างหนึ่งหมายถึงอย่างไร ท่านก็บอก ต้องคนของเราสมควร ถ้าของเราไม่สมควรจริง ๆ ทรัพย์สินทั้งหมดนี้จะไม่เป็นของคนไทย จะเป็นของชาวต่างชาติ ก็ต้องระมัดระวังบุคคลบางพวกที่มีความชำนาญในป่าไทย แต่ก็ไม่ได้หมายถึงกระเหรี่ยง ไม่ได้หมายถึงมอญ เขาเคยผ่านป่าไทยไปพม่า พวกนี้เขามีความรู้ในธรณีวิทยา เขาทราบทั้งหมด
    และลีลาของเขา เขาแสดงกับคนก็เป็นของไม่ยาก ในเมื่อเขาจะบอกคนไทยว่า รู้จักที่ตรงนั้นไหม เดินถูกไหม เขาจะไปดูคนของเขาที่ตายแล้วเขาฝังไว้ โดยให้ค่าจ้างแพง ๆ ซึ่งชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็คิดว่าเป็นความจริงก็พาเข้าไป เมื่อพาเข้าไปไปพบที่ตรงนั้นแล้ว ต่อมาเขาอาจจ้างคนขุดเพื่อทำอะไรสักอย่าง การขุดดินไม่ใช่ของแปลก แต่ว่าเนื้อดินซิบรรดาท่านผู้ฟังมีค่าสูง ก็รวมความว่าวิชาการยังคุยกันไม่ได้ ท่านบอกว่าขอให้ผ่านไปก็ขอผ่านไป
    ถามท่านต่อไปว่า ด้านซีกเหนือที่มีทรัพย์สินเป็นทางยาวไหม ท่านบอกว่ายาวมาก เป็นตอน ๆ เป็นช่วง ๆ บางช่วงนี้จะไม่มีแร่ บางช่วงจะมีแร่ ถ้าทางที่ดีละก็ขอให้ทางราชการที่มีความรู้ทางด้านนี้ให้ใช้นักธรณีวิทยาสำรวจ แต่ท่านมีความเข้าใจว่านักธรณีวิทยานี้เขาจะทราบหมดแล้ว แต่ทราบสถานที่อาจจะเกือบหมด หรือเกือบทั้งหมด แต่ปริมาณทราบไม่หมด และจำนวนจริง ๆ ทราบไม่หมด ชนิดของแร่จริง ๆ ทราบไม่หมด ถ้าทราบหมด รู้จุดหมดจริง ๆ ค่อย ๆ นำมาใช้ แต่อย่าลืมนะว่ากำลังป้องกันสถานที่ให้มีให้มาก และก็ต้องมีความฉลาดพอ เพราะว่าเมืองกาญจนบุรีเป็นเมืองหอม และประเทศไทยไม่เฉพาะกาญจนบุรี ที่อื่นก็มีมาก
    คุยกันต่อไป ก็ถามท่านต่อไปถึงจุดอื่น ความจริงไม่อยากจะสนใจแร่อย่างอื่น เพราะไม่มีความรู้ สนใจ ๒ อย่างคือ แร่เงินกับแร่ทอง เอาแร่เงินธรรมชาติแร่ทองธรรมชาติ ขี้เกียจถลุง เพราะการถลุงเป็นของยาก เวลานี้ก็ต้องใช้โรงงาน สมัยก่อนเขาใช้อะไรก็ไม่ทราบ ขี้เกียจถามกันไม่เอา ลำบาก เราเป็นคนขี้เกียจ แบบชุบมือเปิบก็แล้วกัน มีไหมแร่เงินกับแร่ทอง ท่านบอก เมืองกาญจนบุรีเจาะตรงไหนก็มีทองคำ อย่าลืมว่าพื้นที่ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของเมืองกาญจนบุรีเป็นทองคำ แต่ว่าปริมาณจะมากปริมาณน้อยอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
    และข้อที่สองก็ต้องอาศัยเป็นบุญบารมีของคน คนทุกระดับชั้นต้องมีบุญบารมีพอโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเป็นคนทำเพื่อชาติ และก็ทำเพื่อชาติไทย ไม่ใช่รู้แล้วก็แนะนำให้ชาติอื่นเขามารวย ความจริงแต่ขุดด้วยมือก็พอมีดื่นดาษ ถามว่าที่ตรงไหนบ้าง อำเภอไหนบ้าง ท่านยิ้ม ๆ ท่านบอกว่า ผมพูอย่างนี้มันก็ผิดระเบียบอยู่บ้างแล้วนะครับ แต่ว่าผมเห็นว่ากาลเวลามันใกล้เข้ามา ถามท่านว่าอีกกี่ปีจะให้กันอย่างหนัก ท่านก็ยิ้ม ท่านบอก ดูน้ำมันก็แล้วกัน ท่านรู้เรื่องน้ำมันตั้งแต่ปี ๑๘ แต่เทวดาที่ควบคุมน้ำมันเขาบอกว่า จะต้องได้ พ.. ๒๕๒๔ และต่อมาเมื่อปี ๑๙ ท่านขอบอกว่า ขอให้ได้ พ.. ๒๕๒๐ ได้ไหม เทวดาบอกไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องไปปรากฏการณ์กัน พ.. ๒๕๒๔
    สำหรับทองคำนี้เป็นเรื่องหนัก ผมจะไม่บอกกาลเวลากับท่าน เอาละซิความเป็นจริง รอเวลาตามสมควร ทางราชการมีทุนมากสามารถให้คนค้นคว้าได้ เมื่อสามารถค้นคว้าได้จริงก็พบของจริง ค้นคว้าไม่ได้จริงก็ไม่พบของจริง พระอย่าเกี่ยว ท่านว่าอย่างไรรู้ไหม บอกพระห้ามเกี่ยว คือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน เป็นเรื่องของแผ่นดินเขา เอาละ ก็ขอผ่านไปไม่เกี่ยวก็ตามใจเถิด ไม่ได้ว่าอะไร ขอต่อไปอีกนะ
    ต่อไปก็อยากจะทราบว่าแร่ทองคำหรือเงินที่เป็นเม็ดทราบอย่างที่ไปพบที่นิวซีแลนด์ เป็นเม็ดทรายสวยอร่าม แบบนั้นตักกันแบบสบาย ๆ มันมีในเขตกาญจนบุรีไหม ท่านบอกว่า ที่เป็นเม็ดทรายจริง ๆ ที่รวมตัวกัน มันมีอยู่หลายจุดในประเทศไทย หลายแห่งแล้ววันว่าง ๆ ผมจะคุยกับท่าน วันนี้เราคุยถึงกาญจนบุรี ไอ้เขาลูกนั้นนั่นแหละ ท่านอย่าเอะอะไปนะ เขาจะหาว่าผมปากบอน ไอ้เขาลูกที่สูง ๆ นั่นถือเป็นหลักชัย มันเป็นเขาแบ่งเขต ด้านเหนือเป็นแร่ที่ต้องนำมาถลุง แต่ว่าทางด้านทิศใต้หรือพุ่งตะวันออกนิดหน่อย นั่นมันจะมีการพบแร่ทรายที่เป็นแร่เงินแท้ แร่ทองคำแท้ แต่มันอยู่ไม่ปนกัน
    ถามปริมาณบอกชนิดที่กาญจนบุรีนี่ที่มันเป็นเม็ดทรายที่รวมตัวกันมีกี่จุด และมีจำนวนมากไหม ท่านบอก เอาจริง ๆ ที่มากจริง ๆ มันมี ๓ จุด แต่ว่าเท่าที่ขุดกันไม่มีใครขุดในเขา ที่แล้วมาขุดแต่พื้นที่ราบหรือเชิงเขา เทวดาจะบอกสายของทองและสายของเงิน มันจะเป็นสายเหมือนกันสายแร่ ถ้าหากว่าเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าตรงนี้เป็นทอง แล้วก็สืบดูว่าทางไหนมันหนา ค่อย ๆ ตามเข้าไป เวลาที่ขุดกันจริง ๆ ขุดเอาเศษทองในส่วนนี้ มันเป็นเศษ แต่ว่าขุดกันนานเท่าไรก็ไม่หมด จึงเรียนถามท่านว่า ชาวบ้านเวลานั้นที่ขุดทอง เงินชักจะไม่สนใจเสียแล้ว ที่ขุดทองเขาได้กันวันละกี่สลึงกี่ไพ ท่านตอบว่า ในเขตของหลวง เวลานั้นผมกับพ่อกันที่ไว้ ๒๐,๐๐๐ ไร่ ในเขต ๒๐,๐๐๐ ไร่ นี้ ราษฎร ไม่มีสิทธิ์จะขุดเอาเป็นส่วนตัว
    เมื่อขุดแล้วต้องขายให้หลวง ตามราคาที่หลวงกำหนด นั่นคือทองบริสุทธิ์ เรียกว่า ท้องเนื้อเก้า หนัก ๑ บาท ให้ ๙ บาท ทองที่มีสิ่งเจือปนเล็กน้อย เรียกว่าทองเนื้อแปด หนักบาทให้ ๘ บาท ทองที่มีสิ่งเจือปนมากหน่อยต้องคัดกัน หนักบาทละ ๖ บาท เรียกว่าทองเนื้อหก ราษฎรที่ขุด อย่างคนขี้เกียจ ๆ เขาจะได้ประมาณวันละสลึงบ้าง ๒ ไพบ้าง แล้วคนที่ขยัน ๆ อาจจะได้ถึงบาทหรือเกินบาท ถ้าบางคนไปเจอะสายที่มีความสำคัญเข้า เป็นสายหนา ได้ถึง ๔-๕ บาทก็มีต่อหนึ่งคน แต่คนเวลานั้นถ้ามีเงินบาทเขาครึ้มแล้ว เงินบาทมีค่าสูงมาก นอนกินไปได้หลายวัน เป็นอันว่าคนก็มีความร่ำรวยมาก นี่ถือว่าเป็นสายนะ เป็นสายของทอง สายของเงิน เงินจะไม่พูด ขี้เกียจพูด ราคาถูก
    ก็ถามท่านว่า ทางราชการเอาไปทำไม ท่านบอกว่า เวลานั้นภาษีอากรมันเก็บกันไม่ไหว เรื่องสงครามมีมาก เมื่อคนต้องเข้าสงคราม บ้านช่องเขาก็ขาดผัวขาดพ่อ จะไปเก็บภาษีอากรกันอย่างไร เวลานั้นคนก็มีไม่กี่คนนัก ทางราชการจะซื้ออาวุธจะซื้ออาหารอะไรก็ตาม เรื่องสงครามใช้เงินมาก ก็ต้องใช้แร่เงินกับแร่ทองนี่แหละ แร่เงินก็นำไปทำเงินแท่ง ซื้อของ แร่ทองก็ไปเก็บสำรองแล้วขายชาวต่างประเทศ ถามว่าท่านขายชาวต่างประเทศ ทางราชการขายบาทละเท่าไร ท่านบอกว่า ขายบาทละ ๑๒ บาท เป็นท่องแท่ง แต่ซื้อจากชาวบ้านบาทละ ๙ บาท ก็มากมายเหมือนกัน
    รวมความว่าสมัยนั้นทองมาก ท่านบอกว่าทองไม่มีแต่กาญจนบุรีนะ จะว่ากันไปอีกทีเอาจุดนี้ละ ตรงไหนที่มีทองเป็นเม็ดทราย ท่านบอกว่า อย่าถามว่า ตรงไหนซิ ผมพูดเท่านี้ผมก็แย่อยู่แล้ว เอาละผมจะบอกให้ก็ได้ มันมีเขาอยู่ ๓ จุด จะคิดเป็นลูกไม่ถูก เป็นเทือกเขา มันมีเขาอยู่ ๓ จุด จุดหนึ่งเด่นออกมา จุดแรก ด้านทิศเหนือเขาหน่อยเด่นแหลมออกมาหน่อย อีก ๒ จุด อยู่ในบริเวณเทือกเขาธรรมดา ทั้ง ๓ จุด นี้มีแร่ทองคำ แร่ทองคำบริสุทธิ์ ที่เป็นเม็ดทราย ถ้าเจาะลงไปได้ที่นั้นถ้าดูปริมาณให้ดู เขาศูนย์จังหวัดสุราษฏร์ธานีหรือจังหวัดนครศรีธรรมราชก็ไม่ทราบ เขาศูนย์ที่มีแร่ดีบุก เขาเจาะลงไปแล้วก็ตักเอาเฉย ๆ ตักดีบุก ที่นั่นเขาศูนย์ตักดีบุกฉันใด เขานี้ก็เหมือนกันเขาจะตักทองคำได้แบบนั้น จะกอบโกยกันได้ตามปกติ
    ก็ถามท่านว่า ทองคำนี้จะนำขึ้นมาได้จริง ๆ มากน้อยเท่าไร มีปริมาณไหม ท่านก็ตอบว่า สุดแล้วแต่เทวดาที่เขาควบคุม ถ้าเห็นว่าปริมาณพอสมควรเขาก็จะยับยั้ง ให้เห็นทองคำเป็นอย่างอื่นไป อาจจะเป็นดินไปก็ได้ เอ้อ แต่ถ้าจะนำเอามาใช้กันจริง ๆ สมมติว่าเอามาได้จุดละ ๑ ตัน ต่อหนึ่งวัน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ๓ จุด ๓ ตัน อย่างนี้สักกี่ปีจะหมด ท่านบอกว่า จุดละ ๑ ตัน นี่ทำไปประมาณพันปียังไม่รู้สึกเลย เพราะมันไม่ได้มีเฉพาะจุด มันเป็นถ้ำยาวเหยียดและลึกลงไปใต้ดิน แต่ใครจะกล้าดำดินลงไปใต้ภูเขา ก็รวมความว่าทองมีมากจริง ๆ กาลเวลาบรรดาท่านพุทธบริษัท
    เมื่อพูดมาตอนนี้ก็นึกขึ้นมาได้บรรดาท่านทั้งหลาย การพูดเรื่องนี้มันไม่ใช่ตำนาน ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ เป็นการคุยกับผี หรือคุยกับพรหมที่ท่านมาให้เห็น เห็นเป็นตัวเป็นตนมีเนื้อมีหนังอย่างเราธรรมดา ถ้าถามว่าเชื่ออย่างไร ก็ตอบว่ากุฏิใส่กลอน ในเมื่อใส่กลอนนอนกลางวัน ภาวนาอยู่คนเดียว มีคนมานั่งข้าง ๆ แล้วมานั่งบนเตียงเสียด้วย เตียงนอน อย่างนี้ถ้าคนธรรมดาเข้าไม่ได้
    เมื่อคุยกันเรื่องทองจบ ก็ถามท่านอีกนิดว่า เวลานี้พื้นราบราษฎรจะพอทำได้ไหม ท่านก็บอกว่า ไม่เป็นไร เวลาจะขุดกันให้ยอมรับนับถือเจ้าของที่เขาสักหน่อย อย่าสักแต่ว่าไปขุด ถามว่าเครื่องสังเวยต้องใช้อะไรมากไหม ท่านบอกว่า ไม่จำเป็นมาก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ให้ติดต่อ เวลานี้คนที่มีทิพจักขุญาณมีเยอะ ที่เห็นภูติผีพราย เห็นเทวดา เห็นพรหม มีเยอะ ให้เอาจิตยอมรับนับถือเขาตรง ๆ แล้วมีจิตไม่ร่วมกับอุปาทาน ทำใจให้สบาย ระงับนิวรณ์ ๕ ประการเสียก่อน แล้วถามท่านตรง ๆ ท่านจะชี้จุดว่า ตรงนี้ขุดได้ ตรงนี้ขุดไม่ได้ ถ้าถามถึงพื้นแผ่นดิน ท่านบอกว่า ไม่จำเป็นต้องดูดิน วิชาดูดินเป็นเรื่องของนักธรณีวิทยา วิชานี้ไม่จำเป็นต้องดูดิน ก็เลยขอพักกันตอนนี้
    ขอย้อนไปถามท่านว่า ท่านพระยากาญจนบุรี บิดาของท่านตามหนังสือประโลมโลกีย์ที่เขาเขียน เขาบอกว่าเป็นคนจน ท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่า คุณพ่อไม่ได้จนขอรับ คุณพ่อมีเงินจริง ๆ หลายพันชั่ง ไม่ได้จนถามเขาว่า ก็ถามท่านว่า คุณพ่อตายระยะไหน ถึงสมัยพระเจ้าสามพระยาไหม ท่านก็เลยบอกว่า คุณพ่อตายก่อนพระเจ้าสามพระยาจะเถลิงราชย์ แต่ว่าชอบพอกับพระเจ้าสามพระยามาก ต่างคนต่างเคารพกัน คุณพ่ออายุแก่กว่าพระเจ้าสามพระยามากครับ ปลายสมัยพระเจ้าอินท์ฯ นี่คุณพ่อแก่ลงไปอายุเกือบ ๖๐ ปี ตอนนั้นท่านก็ป่วย ท่านเคยร่วมรบกันพระเจ้าสามพระยา ในสมัยที่เป็นพระราชโอรส ทั้ง ๒ ท่านมีความรักกันมาก
    ขณะที่คุณพ่อป่วย พ่อป่วยครั้งสุดท้าย เรียกว่าทุกครั้งก็แล้วกันเอาครั้งสุดท้ายที่ป่วยหนัก พระเจ้าสามพระยาซึ่งเป็นพระราชโอรสไปเฝ้าไข้ ไม่ใช่ไปเยี่ยมไข้ ขณะไปเฝ้าไข้ ขณะที่คุณพ่อป่วยอาการดีขึ้นบ้าง ท่านก็เล่าความเป็นมาให้พระเจ้าสามพระยาฟังว่า อะไรควรจะทำแบบไหน ทรัพย์สินมีที่ไหน วิชาการต่าง ๆ ท่านก็ถ่ายทอดให้พระเจ้าสามพระยาอยู่มาก
    ในที่สุดท่านก็ต้องตาย แต่ก่อนจะตายท่านทำอย่างนี้ เหมือนกับท่านจะรู้ว่าเวลาตายของท่าน วันรุ่งขึ้นจะตาย วันนี้ท่านสั่งลูกสั่งหลาน ขอให้นำพระพุทธรูปมาตั้งในที่ให้ท่านมองเห็น จิตใจจับภาพพระพุทธรูป พอสบายใจแล้วท่านบอกว่า วันพรุ่งนี้ให้นิมนต์พระมา ๙ องค์ เวลาเช้า จะขอถวายสังฆทาน เมื่อพระมาถึงแล้วก็เอาแค่ให้พรพระ สวดพรพระ เวลานั้นขณะที่ท่านสั่งพระเจ้าสามพระยาก็อยู่ พระเจ้าสามพระยาก็บอกให้ทราบว่า งานทั้งหมดท่านรับเป็นภาระคนเดียว
    เป็นอันว่า พ่อจะลุกขึ้นกราบพระเจ้าสามพระยาในฐานะเป็นราชโอรส และมีความดี พระเจ้าสามพระยาเอามือกดหน้าอกไว้ท่านเรียกว่า คุณลุง ไม่ต้องกราบ ๆ แต่ความจริงคุณพ่ออ่อนกว่าพระเจ้าอินทราชามาก คุณลุงไม่จำเป็นต้องกราบ เท่านี้พอแล้ว ท่านก็แสดงความรักในพระเจ้าสามพระยา ในที่สุดถึงวันเวลาพระเจ้าสามพระยาจัดเสร็จ เป็นเจ้าภาพทุกอย่าง แล้วก็ในที่สุดท่านก็ตาย
    ในฐานะที่ผมเป็นพรหมนะขอรับ พระยากาญจพลินทร์ท่านบอก ผมขอบอกตามความเป็นจริงว่า คุณพ่อไม่น่าจะไปพรหม แต่อาศัยว่าเวลานั้นจิตท่านเป็นฌาน กำลังของฌานดันท่านขึ้นไปบนพรหมก่อน จิตใจเวลานั้นท่านจับภาพพระพุทธรูปมั่นคงมาก จับภาพพระสงฆ์มั่นคงมาก จับภาพทานในการถวาย ท่านถนัดในการถวายสังฆทานและนิยมมาก การถวายสังฆทาน แต่เรื่องการให้ทานของท่านเป็นปกติ คนยากจนเจอะหน้าที่ไหนให้ทานที่นั้น ท่านรวย ไม่ใช่จน ท่านซื้อทองคำ บรรดาประชาชนเขาหาทองคำนอกเขตหลวงมาได้ ท่านก็ซื้อ ซื้อในราคาหลวงซื้อ ไม่ตัดไม่รอน แต่เวลาท่านจะขาย ท่านขายแก่ชาวต่างประเทศท่านได้ ๑๒ บาท ท่านซื้อ ๙ บาท ท่านเป็นคนรวยไม่หนักใจในเรื่องการเงินการทอง
    อาศัยที่ท่านเป็นพรหมแต่จิตใจท่านนิยมพระเจ้าสามพระยาขึ้นไปเป็นพรหมได้แผลบเดียว ก็ปรากฏว่าจุติลงมาเข้าสู่ครรภ์ของชายาพระเจ้าสามพระยา นี่พรหมพูดนะ เท็จจริงก็เป็นเรื่องของพรหม เรื่องนี้ทั้งหมดขอบรรดาท่านพุทธบริษัทอย่าถือว่าเป็นความจริงให้ถือว่าเป็นนิทานเล่าสู่กันฟัง เพราะหาหลักฐานไม่ได้ แต่บังเอิญท่านที่ได้ทิพจักขุญาณก็ดีหรือได้ญาณต่าง ๆ ก็ตาม จะลองพิสูจน์ดูก็ได้ โดยเฉพาะถ้าจะพิสูจน์จริง ๆ ให้พิสูจน์เรื่องทองคำ และเงินในเมืองกาญจนบุรีจะดีกว่า
    ท่านก็มาเกิดเป็นลูกของพระเจ้าสามพระยา เป็นลูกผู้ชายและต่อไปจะเป็นใคร ท่านพรหมท่านไม่บอก ท่านบอกเวลาหมดแล้ว ท่านเหลียวดูนาฬิกา ปรากฏว่าเหลือเวลาอีก ๒ นาที รายการนี้เป็นรายการธรรมะ ขอให้ท่านพูดธรรมะสักนิดหน่อย ก็ขอพูดกับบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็น อนิจจัง เป็นของไม่เที่ยง ท่านพระยาทั้ง ๒ พระยา ท่านเป็นพระยาที่มีความรุ่งเรืองมาก แต่ในที่สุดท่านก็ต้องตาย มันไม่เที่ยง แบบนี้เราก็เหมือนกัน ต้องตายเหมือนกัน
    ทุกขัง ทรัพย์สินสมบัติที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยาก ความจริงเรามีความจำเป็นต้องหา ถ้ามีชีวิตอยู่ต้องหาทรัพย์สินมาเพื่อใช้มีความจำเป็น แต่มันได้มาด้วยอาการของความทุกข์ และทรัพย์ทั้งหลายก็ไม่สามารถจะระงับความทุกข์ได้ ในเมื่ออาการป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้น ทรัพย์ก็ห้ามป่วยไม่ได้ และในที่สุด อนันตา ทรัพย์ก็ห้ามความตายไม่ได้ ก็รวมความว่า โลกนี้เต็มไปด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ ๑. อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกอย่างไม่เที่ยง ๒. ทุกขัง เป็นโลกของความทุกข์ และ ๓. อนันตา เป็นโลกของความสลายตัว ไม่มีอะไรทรงตัว

    ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่มีอะไรทรงตัว การเกิด เราจะมีการเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ในการเกิดชาติต่อไปจะไม่มีสำหรับเราอีก เราจะมีความมั่นคงในทานการบริจาค เพื่อเป็นการกำจัดโลภะ ความโลภ มั่นคงในการรักษาศีล เพื่อเป็นการกำจัดโทสะ ความโกรธ มั่นคงในการภาวนา ยอมรับนับถือความเป็นจริงว่าร่างกายมีความเกิด แก่ เจ็บ ตายไปในที่สุด เพื่อเป็นการกำจัดโมหะ ความหลง เอาละ ดูเวลาจบ ก็ขอลาก่อน สวัสดี
    ----------------------------------

    หนังสืออ่านเล่น เล่ม ๖ โดย ส.สังข์สุวรรณ
     
  3. ห่างไกล

    ห่างไกล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +162
    เมื่อไหร่จะถึงเวลานำทรัพยาการมาใช้เสียที ชาวไทยจะได้เลิกจนกันเสียที
     
  4. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    ใช่ครับ ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศกำลังยำแย่
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ครั้งหนึ่ง เขาที่เป็นทางเข้าปากทางหมู่บ้านยายผีป่า เส้นทางที่เคยเป็นเดินทัพหลายยุคหลายสมัย เมื่อก่อนเคยเป็นเขาที่มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น แต่ตอนนี้ความเจริญมาทำลาย การครอบครองถือสิทธิ์มาแปรสภาพความอุดมสมบรูณ์นั้นเสีย ทวดของยาย(ทหารผ่านศึกสมัยสงครามโลก) บอกว่า แต่ก่อนทองไหลมาตามลำห้วยมาก ทวดกับพวกทหารยี่ปุ่นร่อนกันได้หลายทีเดียว และเมื่อไม่กี่ปี ตอนที่ผู้ช่วยเก๋ยังเด็กๆ ค่ะ ฝนตกหนัด ซะดินของเขาที่ปากทางลงมา ทองขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่ไหลลงมาด้วย พ่อของคนในหมู่บ้านแถวนั้นเก็บได้ ตอนนี้คนเก็บตายไป แต่ลูกหลานยังอยู่

    และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการฆ่ากัน เพราะมีสมบัติที่ขุดเจอแถวบ้านยาย แย่งกันครอบครอง (ไม่บอกว่าตรงไหน เพราะเคยเล่าไว้คร่าวไฃๆ ไปค้นหาเอาเอง)

    และที่หมู่บ้านที่ยายอยู่นั้นเคยเป็นเมืองโบราณ บ้านของยายตั้งบนที่ๆ เคยเป็นที่พักกองทัพ (ฝ่ายเลี้ยงช้าง และกองเสบียง กองลำเลียง นี่รู้จากความฝันที่ผีมาบอก)

    ข้างบ้านยายเป็นป่าช้าที่ฝังศพนักรบมาหลายสมัยล่ะมัง เพราะวันดีคืนดี แสงก็ลอยมาให้เราตกใจกึ่งสนใจ เรื่อยๆ ค่ะ มีหลายสีค่ะ

    นี่ถ้ามีแผ่นดินไหว เขาถล่มเรื่อยๆ เจอแน่ค่ะ คือเราอยากได้สมบัติ แต่ต้องได้หลังภัยภิบัติ คือคนที่อยู่แถวนั้นตายกันระเนระนาด แต่พอสมบัติโผล่ คนมีเงินก็เข้าไปฮุบ แล้วเอาสมบัติมาสร้างบารมีตัวเอง

    เอาล่ะ ยายได้รับคำสั่งมาว่า

    อย่าอยากได้ในสิ่งที่มันไม่ก่อประโยชน์ที่แท้จริง

    เอาเป็นว่า ถ้าเราคือเจ้าของ หรือสร้างบุญมานั้น สักวันเราก็ต้องได้เป็นเจ้าของจ๊ะ

    แต่ทุกอย่างมันเกิดได้ ก็เสื่อมได้จ๊ะ
     
  6. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    (b-ahh) (b-ahh) (b-ahh) (b-ahh) (b-ahh)
    สมบัติ ไม่มีก็ดี มีก็ยุ่ง ไม่มีดีกว่ากันเยอะเลย มนุษย์ชอบความโลภ

    งานราชพฤกษ์ 2549 จ.เชียงใหม่ งานพืชสวนโลก

    ถ้าอยากมาเที่ยว แต่ว่ายังหาที่อยู่ไม่ได้นะคะ สนใจห้องพักที่นี่ไม๊คะ เพิ่งเปิดให้จองห้องพัก

    บุษราคัมคอร์ต
    ห้องพักสะอาด กว้างขวาง อยู่ในใจกลางกำแพงเมืองเชียงใหม่
    ห้องพัดลม ห้องน้ำในตัว พร้อมครื่องทำน้ำอุ่น เตียงใหญ่

    เดินแป๊บเดียว ก็ถึงร้านอาหาร "เฮือนเพ็ญ" อาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัด
    เดินอีกนิดหนึ่ง ก็ถึงถนนคนเดิน ที่ใครๆก็อยากมาเที่ยวชมกัน
    ราคาค่าเช่าห้องพักคืนละ 300 บาท
    อากาศเย็นสบาย ที่พักเงียบสงบ

    ติดต่อจองห้องพักได้ที่
    คุณ ณัฎฐา ศิริภูมิตภาพ
    โทร 053 814756
    มือถือ 086 1156911

    ถนนราชมรรคา ต. พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

    มีความสุขกับการเที่ยวงานพืชสวนโลก
    รักพืชพรรณไม้มากๆ
    ขอให้รักกันและมีความสุขกันในครอบครัวมากๆ
    แล้วเจอกันนะคะ
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,349
    งึม สมบัติใต้ดินเมืองกาญ เหรอโอวมีจริงๆเหรอครับเนี่ย สาธุ
     
  8. serm

    serm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +331
    สรุปแล้ว มันคือแร่อะไร ยูเรเนียม หรือเปล่า เพราะเห็นบอกว่าเป็นรังสี
     
  9. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    594
    ค่าพลัง:
    +2,267
    เคยได้อ่านจากหนังสือเล่มนึง ของหลวงพ่อท่าน จำได้มีว่ามีหลวงปู่สิม สายหลวงปู่มั่นได้ทดลองดูทองคำได้ติน ซึ่งเป็นการทดสอบความก้าวหน้าของจิต ครั้งแรกท่านมองไม่เห็น ท่ายบอกว่าเป็นเป็นเงามืดๆ พอดูเสร้จแล้วก็เล่าให้พระรุปอื่นดู พระท่านก็หัวเราะหยอกเย้า และบอกว่า ท่านคงไม่เห็นดอก เพราะผมเอามือบังไว้ เท่านั้นแหละ หลวงปู่สิมจึงดูอีกทีนึง ก็ปรากกว่าเห็นแร่ทองคำเป้นสายๆใต้ดิน จำนวนมาก และได้บอกไว้ว่า เมื่อถึงกาลเวลาอันควรทองคำเหล่านี้ก็จำนำมาใช้ได้ แต่ตอนนี้เทวดาท่านไม่อนุญาติ แม้จะใช้เครื่องมือวิทยาศาตร์ดีแค่ไหนก็หาไม่เจอ..จบครับ จำได้เท่านี้
     
  10. Gamonaldo

    Gamonaldo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +57
    อันนี้ผมยืนยันครับว่ามีจริง สายแร่ทองคำ เพราะเคยขุดบ่อน้ำบาดาลลึกประมาณ8เมตร เจอทองไหลออกมากับน้ำ เป็นแผ่นเล็กๆเท่ายาอมโบตัน และที่วัดห่างไปกิโลกว่าๆ ก็เจอเหมือนกัน อยู่ในพื้นที่กาญจนบุรี รวมถึงมีแร่จำพวกอัญมณี(เคยไปขุดพลอยที่อ.บ่อพลอย ผมเห็นเจ้าของบ่อเอานิลสีดำปูถนนให้รถวิ่งเลย มันเยอะมาก) หยกแข็ง(หินลูกปัดของคนโบราณ) หินเขี้ยวหนุมานหลายสี ฟอสซิล อันนี้คือที่พบเอง ที่นักวิชาการสำรวจผมไม่ทราบ
     
  11. worrapod saensree

    worrapod saensree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +310
    ยึดคำว่า "พอเพียงของพ่อหลวง" ดีสุดครับ ถึงแม้ว่าวันใดเรามีมาก แต่จิตของคนยังไม่เจริญพอ มีมากเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเรามีเพียงน้อยนิด แต่จิตเปี่ยมด้วยความเจริญทางใจ ก็มีพอแล้ว แต่ถ้ายิ่งมีได้ทั้งสองก็ยิ่งดี เพราะปุถุชนอย่างผมก็ยังต้องอาศัยสมมุติอยู่ดี

    อนุโมทนาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...