ทางออก แบบสันติวิธี ของประเทศไทย

“ทางออก แบบสันติวิธี ของประเทศไทย”
บทความนี้ เป็นข้อเสนอแนะ เป็นข้อแนะนำ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เป็นคำสอน สำหรับนักการเมืองและพวกพ้อง ที่ต่างฝ่ายต่างมีความคิดความชอบของตัวเอง มีความเห็นแก่ตนเองและพวกพ้อง เหมือนกันทุกฝ่ายเป็นธรรมดา ข้าพเจ้าจะเสนอแนะ แนะนำ และสอน ในฐานะ ประชาชนไทย คนหนึ่ง ที่อยากเห็นความสงบสุขของบ้านเมือง มากกว่าการได้เห็นการแก่งแย่งแข่งกันมีอำนาจ แก่งแย่งแข่งกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตน โดยไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้สุจริต ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย จะนำไปปฏิบัติหรือไม่ ก็เป็นสิทธิและเสรีภาพของพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านมีความรักประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ก็จงนำไปปฏิบัติ หากพวกท่านเห็นแก่อำนาจ เห็นแก่ผลประโยชน์ของฝ่ายตน และพวกพ้อง ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพวกท่าน ว่าจะกระทำประการใด
สาเหตุแห่งปัญหาความขัดแย้งทั้งปวง ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวถึง และให้ท่านทั้งหลายอ่านและพิจารณาให้ดี อย่าคิดว่าข้าพเจ้าฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ข้าพเจ้าบอกไว้เลยว่า ข้าพเจ้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าและประชาชนอีกนับได้เกินกึ่งหนึ่งถึงยี่สิบเก้าส่วนในสามสิบส่วนของประชากรของประเทศ ต้องการเห็นความสงบสุขสันติ ต้องการเห็นรัฐบาลที่มีความจริงใจ ช่วยเหลือประชาชน ให้อยู่ดีกินดี โดยไม่ได้มีวาระอื่นใดแอบแฝง
ประเทศไทย ก้าวเข้าสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มานานพอสมควรแล้ว ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด หากทุกฝ่าย เห็นแก่ประเทศชาติประชาชนอย่างแท้จริง ไม่คิดหลอกลวง หรือเอาประชาชนมาบังหน้า ก็ให้คิดพิจารณา ตามคำแนะนำ คำเสนอแนะ หรือ คำสอน ของข้าพเจ้า ดังนี้.-
รัฐบาลรักษาการในขณะนี้ ไม่ต้องสนใจ พวกที่ชุมนุมประท้วง แต่ให้รัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรีรักษาการปัจจุบัน ตั้งองค์คณะ คล้ายกับการตั้งคณะกรรมาธิการ โดยเชิญ หรือขอความพร้อมเพรียงโดยให้แต่ละองค์กร ส่งรายชื่อหรือเสนอบุคคลเพื่อเข้ามาร่วมเป็นองค์คณะ ดังนี้.-
๑.หัวหน้าพรรคการเมือง และผู้ชำนาญการของพรรคการเมือง ทุกพรรค พรรคละไม่เกิน ๒-๔ คน ตามขนาดของพรรคการเมืองนั้นๆ
๒.นักวิชาการ หรืออาจารย์ เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ให้มีจำนวนเท่ากับ บุคคลของพรรคการเมือง
๓.นักวิชาการ หรือ อาจารย์ เกี่ยวกับกฎหมาย ให้มีจำนวนกึ่งหนึ่งของข้อ ๑.และ๒.
๔.พ่อค้าคหบดี หรือ กลุ่มพ่อค้าคหบดี รวมไปถึงผู้ประกอบการด้านต่างๆ เท่าที่จำเป็น
๕.ผู้ชำนาญการ ในกระทรวงทบวงกรม และรัฐวิสาหกิจ ของแต่ละกระทรวง ทบวงกรม และรัฐวิสาหกิจ ตามความจำเป็น (ไม่ควรเกิน ๒ คน ต่อหนึ่งองค์กร)
๖.ผู้นำเหล่าทัพ. ผบ.ตร. และผู้ชำนาญการที่ติดตาม ไม่น้อยกว่า ๒ นายขึ้นไป
๗.กลุ่มหรือองค์กรลูกจ้าง นายจ้าง สหกรณ์ ชาวนา และอื่นๆ ตามความจำเป็น
เมื่อได้เชิญ หรือได้ขอความพร้อมเพรียงในแต่ละชนิดของกลุ่มบุคคลในแต่ละฝ่ายแต่ละองค์กร ได้จำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ให้คิดพิจารณาตัดทอนจำนวนบุคคลเหล่านั้นลงให้พอเหมาะ หรือจะไม่ตัดทอนก็ได้ เพื่อการที่จะสามารถปรึกษา คิด พิจารณา เพื่อแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูป หรือพัฒนา “รัฐธรรมนูญ” หรือกฎเกณฑ์กติกาใดใด เพื่อให้เกิดความ สมดุล เกิดความเป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด ปิดช่องว่างของกฎหมาย กฎเกณฑ์ กติกาต่างๆ เพื่อมิให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้อีก
เมื่อมีความลงตัวในจำนวนบุคลากร ที่เป็นองค์คณะ (คล้ายคณะกรรมาธิการ)ดังกล่าวไปแล้ว ก็ให้ เสนอรายชื่อ ทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชานุญาติ ฯโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ฯ อันเป็นมารยาททางการเมืองการปกครอง เพื่อได้ ทรงลงพระปรมาภิไธย เห็นด้วยกับการตั้งองค์คณะเพื่อการปรึกษา คิด พิจารณา หรือเพื่อแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูป หรือ พัฒนา ฯลฯ.การเมือง และกฎเกณฑ์ กติกาอื่นใด ฯลฯ
เมื่อได้แต่งตั้งองค์คณะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร จากนั้น ก็ให้ ฯพณฯ. นายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทาน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มาปฏิบัติหน้าที่แทน คณะรัฐบาล รักษาการ ชุดปัจจุบัน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน
ภายใต้ระยะเวลาที่กำลังดำเนินการ ทูลเกล้าฯ อยู่นั้น ก็ให้จัดการเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับชาวนาและอื่นๆที่ค้างคาอยู่ให้เรียบร้อย เพราะมีเวลาเหลือเฟือที่จะจัดการให้กับชาวนาและอื่นๆได้ ซึ่งก็คงจะสมควรต่อเวลาที่ได้ดำเนินการ ทูลเกล้าฯลฯ อย่างทันพอดี
ฝ่ายรัฐบาลรักษาการและพวกพ้องในปัจจุบัน ย่อมไม่เสียเหลี่ยม ไม่เสียศักดิ์ศรี ซ้ำยังเป็นการดียิ่งอีกด้วย พวกพรรคการเมืองที่เคยมีเสียงข้างมาก ก็ไม่ต้องกลัวเสียฐานเสียง เพราะพวกท่านได้ทำได้ปฏิบัติ เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เป็นการแสดงออกว่า พวกท่านไม่ได้คิดจะช่วยผู้ใดผู้หนึ่งที่กระทำผิดร้ายแรง จนเป็นเหตุอื้อฉาว พวกท่านจงใช้สมองสติปัญญาคิดพิจารณาให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้
ข้าพเจ้าเห็นแก่ความสงบสุขของประเทศชาติ ประชาชน จึงได้เสนอแนะ แนะนำ หรือสอน ทางออกแบบสันติวิธีให้กับพวกท่าน อนึ่ง เมื่อมี นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี พระราชทานแล้ว ก็ให้ รัฐบาลพระราชทาน มีสิทธิ์มีอำนาจ เท่าเทียมกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นรัฐบาลรักษาการ และดำเนินการ ให้องค์คณะที่ได้แต่งตั้งขึ้นนั้น ดำเนินการปรึกษา คิด พิจารณา เพื่อแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูป หรือพัฒนา “รัฐธรรมนูญ” หรือกฎเกณฑ์กติกาใดใด เพื่อให้เกิดความ สมดุล เกิดความเป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด ปิดช่องว่างของกฎหมาย กฎเกณฑ์ กติกาต่างๆ เพื่อมิให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้อีก
ท่านทั้งหลายที่ได้อ่าน ไม่ต้องคิดคัดค้าน โดยยกเอาสิ่งใดใดมากล่าวอ้าง เพราะการปฏิบัติที่ข้าพเจ้าได้เสนอแนะ แนะนำ หรือสอนไปข้างต้นนั้น เพื่อการปรึกษา คิด พิจารณา เพื่อแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูป หรือพัฒนา “รัฐธรรมนูญ” หรือกฎเกณฑ์กติกาใดใด เพื่อให้เกิดความ สมดุล เกิดความเป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด ปิดช่องว่างของกฎหมาย กฎเกณฑ์ กติกาต่างๆ เพื่อมิให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้อีก จะนับว่า เป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็ย่อมได้
ส่วนกลุ่มบุคคลที่ก่อความวุ่นวาย หรือประท้วง ก็ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ คณะรัฐบาล พระราชทาน เป็นผู้จัดการ ดำเนินการ ตามครรลองของกฎหมาย.
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ (ผู้เขียน)
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

 

คงได้คำตอบจาก"นรก"ยิ่งยักไปแล้วนะขอรับท่าน เพราะยิ่งยัก(ยอก)แม่ดอกไม้เธอเล่นบท"ขอกอดประชาธิปไตยจนตัวตาย และต้องมีการเลือกตั้งเพียวๆเสียด้วย นี่ถ้าทำได้อย่างที่ว่ามา ชาวบ้านชาวช่องชาวนาที่ยังไม่ตายตอนนี้คงไม่ต้องลำบากลำบนนอนกลางถนน ตามหาเงินที่โดนโกง(คือประเภทไม่มี/ไม่หนี/ไม่จ่าย)จนน้ำตานองหน้ากันอยู่อย่างนี้หละ ยังไงก็ขอให้ฝันของท่านได้เป็นจริงเถอะผมโมทนาสาธุให้ได้เป็นอย่างที่ว่าเถอะ คนที่เขามาชุมนุมมีความผิดที่เล็กน้อยมากๆ ถ้าผิดแล้วทำให้ประเทศมันดีขึ้นพวกโกงจนชินหายไปได้เนี่ย ผมก็ว่าดีเหมือนกันคุ้มแสนคุ้มกับแลกข้อเสนออันนั้น เรื่องฐานเสียงอะไรเนี่ยนะผมว่าเขารู้เช่นเห็นโทษกันแล้วด้วยตัวเอง คนที่ยังเลือกยังรักแสดงว่ายังไม่โดนกับตัวและวิกฤตครั้งนี้ทำให้คนไทยตาสว่างขึ้นเยอะ โอกาสที่กลับมาโกงอย่างมโหฬารที่ผ่านๆมานะปิดประตูได้

 

บทความเสนอแนะ แนะนำ หรือคำสอน ที่ข้าพเจ้าเขียนให้นั้นเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ข้าพเจ้าเขียนให้ เพื่อประเทศชาติจะได้สงบ ไม่ขัดแย้งกันอีก ถ้าพวกเขาไม่ทำ ก็ด้วยสาเหตุของพวกเขา ซึ่งข้าพเจ้าก็เขียนบอกไว้แล้ว แต่ถ้าพวกเขาทำได้ ประเทศและประชาชนก็อยู่เย็นเป็นสุข ถ้าพวกเขาทำไม่ได้
ก็ย่อมต้องมีพวกอื่น เหล่าอื่นสามารถกระทำได้ เพราะทำแล้วย่อมทำให้ข้อขัดแย้ง และปัญหาต่างๆหมดไป ไม่มีผู้แพ้ ไม่มีผู้ชนะ มีแต่ความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน เพื่อความก้าวหน้า สงบสุข ของประเทศและประชาชน