ทางโลก หรือ ทางธรรม

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย telwada, 30 ธันวาคม 2004.

  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,862
    ค่าพลัง:
    +1,818
    ทางโลก หรือ ทางธรรม
    ข้าพเจ้าต้องขอเกริ่นไว้ก่อนว่า กระทู้นี้ เป็นข้อแนะนำหรือจะกล่าวว่าเป็นคำสอนเป็นหลักการตอนหนึ่งของข้าพเจ้า เหตุเพราะเกิดมีบุคคลบางกลุ่มบางพวก เข้าใจในเรื่องทางโลกและทางธรรมไปในทางที่ผิดๆ คิดไปว่า ทางโลกกับทางธรรมนั้นแตกต่างกันหรือคนละอย่างกัน เหตุที่ต้องนำมากล่าวถึงก็เพราะในการปฏิบัติตามแนวทางของข้าพเจ้าศรีอาริยะเมตไตย จำเป็นต้องมีความรู้และประสบการณ์ในหลายด้าน ต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการหรือคำสอน ต้องมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งต่างๆบ้างพอสมควรต่อบทเรียน ดังนั้นจึงได้นำเรื่อง ทางโลกหรือทางธรรม มาอรรถาธิบายให้ท่านทั้งหลายที่ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่หลงผิดกับคำสอนจอมปลอมของบุคคลบางกลุ่มบางพวก อันสอนไปในทางที่ผิดๆ ไม่เข้าใจหลักการศาสนาหรือหลักธรรมะอย่างแท้จริง
    ในหลักการของข้าพเจ้าศรีอารย์นั้น ทางธรรมหรือคำสอนหรือหลักการนั้น ได้นำมาจากธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ และได้นำมาจากการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์ทั้งหลายอันปฏิสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ
    หลักการหรือธรรมะหรือคำสอนที่ถูกต้องแท้จริงนั้น จึงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์และสรรพสิ่งในธรรมชาติต่างๆ ดังนั้นจึงไม่มีการแยกว่า เป็นทางโลกหรือทางธรรม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ทำอยู่ประพฤติอยู่ และสิ่งอื่นๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นความรู้เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเข้าใจ เป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสนาทั้งหมดทั้งสิ้น หากไม่สนใจสังเกตหรือศึกษาการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์และอื่นๆ ก็ย่อมไม่สามารถเข้าถึงธรรมะต่างๆได้ หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจกับสภาพหรือสภาวะที่แท้จริงแห่งธรรมะต่างๆเหล่านั้นได้ เพราะคำสอนหรือหลักการหรือธรรมะย่อมนำให้ผู้ฝึกฝนหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายแลอาสวะทั้ง
    อาสวะหลายหรือกิเลสทั้งหลายเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์และการปฏิสัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่มีการแบ่งเป็นทางโลกหรือทางธรรม จะมีแต่สังคมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันของแต่ละอาชีพ แต่ละครอบครัว แต่ละชุมชน แต่ละหน่วยงานซึ่งเป็นหลักความจริงที่มนุษย์และสรรพสิ่งเป็นอยู่มีอยู่ ซึ่งบรรดาท่านทั้งหลายที่ฝึกฝนฝึกตน ควรได้อยู่ตรงกลาง หรือยึดถือทางสายกลางในการคิดพิจารณาให้เกิดปัญญา ให้เกิดญาณหรือความรู้อันนับเข้าในวิปัสสนา อันจักทำให้ท่านทั้งหลายสามารถขจัดอาสวะหรือขจัดกิเลส ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกได้ ในระดับหนึ่ง และสามารถจะฝึกตนไปจนถึงขั้นนิพพานได้ หากมีหลักการหรือธรรมะครบทุกหมวดบทเรียน และรู้วิธีการฝึกวิธีการปฏิบัติได้ถูกต้องตามหลักการของข้าพเจ้าศรีอาริยะเมตไตย
    จากที่ได้กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น เป็นการอธิบาย ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจเกี่ยวกับธรรมะได้อย่างถูกต้อง หากท่านทั้งหลายมีความเข้าใจในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่งแล้ว ท่านทั้งหลายก็จะเกิดความเข้าใจในธรรมะเพราะการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่งนั้น เป็นหลักการหรือเป็นคำสอนแห่งศาสนา ดังนั้น จึงไม่มีการแยกว่า อย่างไหนเป็นทางโลก อย่างไหนเป็นทางธรรม ทั้งสองสิ่ง เป็นสิ่งเดียวกัน เว้นแต่การสังคมของกลุ่มคนบางกลุ่มซึ่ง แม้จะเป็นการสังคมของกลุ่มคนหลายๆกลุ่ม ก็ย่อมมีความแตกต่างๆจากกันอยู่แล้ว ความแตกต่างเหล่านั้น จึงกลายเป็นค่านิยม กลายเป็นความศรัทธา ทั้งๆที่การสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของแต่ละกลุ่มบุคคลนั้น แตกต่างกันที่ การนุ่งห่ม แตกต่างกันที่ศัพท์ภาษา แตกต่างกันที่การประพฤติ การปฏิบัติ การพูด ฯ
    ประการที่สำคัญ การสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของกลุ่มบุคลากรทางศาสนา ต้องประกอบไปด้วยความรู้ที่ถูกต้อง ประกอบไปด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักความเป็นจริงของการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่ง ไม่ใช่ยกตนยกตัวออกไปจากหลักความจริง ไม่ใช่หลอกลวงศรัทธาประชาชน ทั้งๆที่ไม่สามารถ
    ปฏิบัติให้ได้ผลสำเร็จตามความเป็นจริงแห่งศาสนา อันนี้หมายความว่า ไม่สามารถฝึกตนให้บรรลุธรรม ไม่สามารถฝึกตนให้บรรลุขั้นอริยะ อันหมายถึงนับตั้งแต่ชั้น โสดาบัน เป็นต้นไป
    และที่สุดแห่งกระทู้นี้ ก็ขอย้ำเตือนท่านทั้งหลายที่อยู่ในแวดวงแห่งศาสนา ได้ใช้สมองสติปัญญา พิจารณาให้เกิดความรู้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง เพราะหลักการหรือธรรมะที่สามารถทำให้บุคคลขจัดอาสวะหรือขจัดกิเลสได้นั้น ย่อมต้องสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันแห่งสรรพสิ่ง จึงไม่นับว่า อย่างไหนเป็นทางโลก อย่างไหนเป็นทางธรรม แต่จะนับว่า การสังคมเป็นอยู่ร่วมกันแห่งสรรพสิ่ง เป็นทางธรรมทั้งสิ้น เป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสนาเกือบทุกอย่าง จะมีเพียงบางอย่างที่จะรู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่สมองสติปัญญาของแต่ละบุคคลจะเห็นสมควร และสำหรับบุคคลที่มีความเชื่อทางด้านอภิญญา ข้าพเจ้าก็ขอบอกให้รู้ไว้ว่า ท่านทั้งหลายต้องมีความรู้และหลักการหรือธรรมะที่ถูกต้องจึงจะเกิดอภิญญาได้ในระดับหนึ่ง การเกิดอภิญญานั้นจะเป็นความหลงอย่างละเอียด หากท่านทั้งหลายตัดความหลงนั้นได้อภิญญาก็จะติดตัวท่านไปตลอด
    ณ บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรต่อการอรรถาธิบายในเรื่อง ทางโลกหรือทางธรรม ซึ่งคงให้ความรู้ความเข้าใจ และให้ท่านทั้งหลายไปนั่งคิดพิจารณาให้ละเอียดถ่องแท้ คิดแลพิจารณาให้รู้ซึ้งถึงหลักการหรือธรรมะต่างๆ แล้วท่านทั้งหลายก็จะถึงจุดหมายปลายทาง ที่ท่านทั้งหลายได้ปรารถนาเอาไว้
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,862
    ค่าพลัง:
    +1,818
    ทางโลกหรือทางธรรมนี้ เป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับผู้มุ่งสู่ความสงบ มุ่งสุ่ความหลุดพ้น พระนักปฏิบัติทั้งหลายควรได้รู้และได้ศึกษาเอาไว้ อีกทั้งต้องคิดพิจารณาให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เพราะเป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสา ฉะนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...