ทำบุญกับพระที่กำลังอาพาธ(ป่วย)ด้วยโรคมะเร็งกระดูก

โมทนาสาธุกับน้อง chaipat ด้วยครับ

 

โมทนาสาธุด้วยอีกครั้ง ว่าแล้วน้องทั้ง ๓ ท่านนี้แสดงเจตนานี้กันไล่เลี่ยตั้งแต่ต้นแล้วเท่าที่พี่จำได้ ..

 

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ปี 2551 (ตามแบบสากล) ผมขออาราธนาพระบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย ,พระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,พระบารมีพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ,พระบารมีหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,พระบารมีพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดจงดลบันดาลให้ทุกๆท่าน มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์และแข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ในสิ่งที่ทุกๆท่านคิด ,กระทำการต่างๆในสิ่งที่ดี,ที่งาม,ที่ถูกต้อง ขอให้ประสบกับความสำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ ทุกๆประการตลอดปีและตลอดไปด้วยเทอญ

 

ผมอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ รู้สึกเกิดปิติที่ได้เห็นทุกท่านช่วยเหลือพระท่านกันอย่างเต็มที่ ประกอบกับ ได้เห็นการเสียสละของหลายๆท่าน นำพระออกให้บูชาถวายปัจจัย รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในบุญและขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

ผมขอเป็นอีกแรง ช่วยเหลือในการทำบุญจำนวน 2555 บาท ครับ จะโอนเข้าบัญชีหลวงพ่อธงชาติภายในวันที่ 2 มค. 2551ครับ แล้วจะแจ้งหลักฐานการโอนให้ทราบอีกทีครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านในกาลนี้ด้วยครับ

 

ขอโมทนาบุญด้วยครับ คุณ 16 พระนาคปรก สุโขทัย องค์สุดท้ายที่อยู่กับน้องทั้ง ๓ ท่านได้ร่วมบุญช่วยพระอาพาธแล้วนะครับ...

 

แจ้งรายละเอียดการโอนเงิน

แจ้งรายละเอียดการโอนเงินครับ จำนวน 2555 บาท เพื่อช่วยเหลือหลวงพ่อธงชาติครับ

ขอบคุณครับ ( แจ้งที่อยู่ทาง pm ให้คุณ chaipat แล้วน่ะครับ )

 

ขออนุโมทนายิ่งครับ

แล้วผมจะนำส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ

สาธุครับ

 

เห็นคนไทยมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน + ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
เห็นแล้วชื่นใจครับ

ขออนุโมทนาให้กับทุกๆท่านครับ สาธุ สาธุ

 

ผมได้จัดส่งให้แล้ว EMS
ตามที่อยู่ที่ได้ Pm ครับ

สาธุครับ

 

สาธุๆๆๆ

เป็นบุญมหาศาลจริงๆ บอกบุญต่อแบบนี้ ขอโมทนาด้วยนะครับ.. หากบุญมีก็ขอให้มีเงินแล้วได้ร่วมทำ อยากทำมากก

 

[FONT=&quot]คุณเพชรคะ[/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อวันที่ [/FONT]08/01/08
[FONT=&quot]ได้รวบรวมเพื่อนพี่น้อง[/FONT][FONT=&quot]ร่วมบุญกันหลายท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]ได้โอนเงินถวายพระ ยอดรวม [/FONT]500 [FONT=&quot]บาทค่ะ[/FONT]


[FONT=&quot][/FONT]

 

ขอโมทนาบุญแทนหลวงตาท่านด้วยนะครับ

 

ผมได้รับองค์พระนาคปรกเป็นที่เรียบร้อยครับ สภาพสมบูรณ์ครับ ขอบคุณคุณ chaipat อย่างยิ่งครับ

วันอังคารที่ 15 มค. นี้จะโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีหลวงตาอีกจำนวนหนึ่งครับ

โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

 

เมื่อวานแม่กับลูกโอนเงิน 500.00 บาทเข้าบ/ช หลวงตา อานิสงค์นี้ขอ

ขอถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานมัยแข็งแรงสมบูรณ์ทุกประการเทอญ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chaipat
ผมได้จัดส่งให้แล้ว EMS
ตามที่อยู่ที่ได้ Pm ครับ

สาธุครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผมได้รับองค์พระนาคปรกเป็นที่เรียบร้อยครับ สภาพสมบูรณ์ครับ ขอบคุณคุณ chaipat อย่างยิ่งครับ

วันอังคารที่ 15 มค. นี้จะโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีหลวงตาอีกจำนวนหนึ่งครับ

โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

ขอโมทนาบุญแทนหลวงตาท่านด้วยนะครับ

 

ร่วมทำบุญอีก 200 บาทครับ จำนวนเล็กน้อย แต่อยากช่วยอีกแรงครับ

โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

โมทนาบุญด้วยครับ จำนวนเล็กน้อยไม่ได้สำคัญเลยครับ ใจที่อยากให้ต้องมาก่อนครับ

 

วันนี้ฝันถึงเพื่อนคนหนึ่ง ได้โทรคุยกัน
เขาก็ชอบทำบุญ และยินดีร่วมทำบุญ
ผมก็จะแจ้งหมายเลข บช ให้ไป
ทำเท่าไหร่ก็จะไม่ไปถามเขาหรอกครับ

ขอแจ้งเท่านี้ครับ
สาธุครับ

 

ขอให้ทุกท่านที่ผ่านเข้ามาในกระทู้นี้ได้โปรดระมัดระวังสุขภาพนะครับ รักษาสุขภาพเพื่อพาสังขารไปปฏิบัติธรรมจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

มาดูสถานการณ์ของโรคมะเร็งกระดูกกันว่า เดี๋ยวนี้เป็นกันอย่างไรกันบ้าง และน่ากลัวขนาดไหน หากเป็นแล้วจะมีแต่ทุกข์ทรมาน..

<TABLE class=solidfullgrey cellSpacing=3 cellPadding=3 width="95%"><TBODY><TR><TD class=textHeader>หนิง-ศศิมาภรณ์ป่วยเป็นมะเร็ง</TD></TR><TR><TD>28 มีนาคม 2550</TD></TR><TR><TD>ที่มา : www.matichon.co.th/khaosod</TD></TR><!--tr> <td></td> </tr--><TR><TD>"หนิง-ศศิมาภรณ์ ไชยโกมล" อดีตรองนางสาวไทยที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดง ชีวิตตกยากป่วยเป็นโรคมะเร็งที่กระดูกไขสันหลัง อาการหนักถึงในระยะที่ 3 เผยตอนนี้ต้องบอกกับตัวเองว่าต้องสู้เพราะมีลูกชาย 1 คนอายุ 11 ปีที่ต้องดูแล ส่วนญาติพี่น้องไม่เหลือใคร กังวลเงินรักษาตัวเป็นล้านแต่ไม่มีงาน ปลื้มเพื่อนในวงการช่วยเหลือเบื้องต้น ล่าสุดลูกชายญาติที่เหลือคนเดียวมาอยู่เป็นเพื่อน ครวญครั้งนี้เป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มี.ค. ที่ห้อง 728 อาคาร 84 ปี โรงพยาบาลศิริราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "หนิง" ศศิมาภรณ์ ไชยโกมล อายุ 40 ปี รองอันดับ 2 นางสาวไทย เมื่อปี 2528 ที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงได้เข้ารักษาตัวจากอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งที่กระดูกไขสันหลัง "หนิง-ศศิมาภรณ์" เปิดเผยว่า ได้เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. โดยตอนแรกนั้นไม่ได้มีอาการอะไรที่แสดงว่าเป็นมะเร็งเลย แค่รู้สึกชาที่ขาก็คิดว่าเกิดจากที่ล้มในห้องน้ำเท่านั้น เบื้องต้นไปตรวจอาการชาที่ร.พ.แห่งหนึ่ง หลังจากการตรวจอย่างละเอียดก็พบว่ามีก้อนเนื้อและถุงน้ำดีบวมที่บริเวณกระดูกไขสันหลัง ถ้าต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจอาจทำให้ถึงพิการได้และค่าใช้จ่ายจะสูงมาก จึงย้ายมาที่ร.พ.ศิริราช หลังหมอที่ศิริราชได้ทำการตรวจ และให้พักอยู่หลายวันจึงได้ทำการผ่าตัด พบว่าชิ้นเนื้อดังกล่าวเป็นเนื้อร้าย ได้ฟังแล้วรู้สึกตกใจ เพราะที่ผ่านมาเป็นคนที่ตรวจสุขภาพทุกปีไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย จึงไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร หมอยังบอกอีกว่าระยะของเนื้อร้ายเป็นระยะที่ 3 แล้ว ตอนนี้หมอกำลังวางแนวทางในการรักษาซึ่งอาจจะต้องบำบัดด้วยเคมี

เมื่อถามว่าตอนนี้เตรียมตัวอย่างไร "หนิง-ศศิมาภรณ์" เปิดเผยว่า อย่างแรกบอกกับตัวเองว่าต้องสู้เพราะมีลูกชาย 1 คนคือ "น้องซามูไร" (ด.ช.ธีรพัทร์) อายุ 11 ปี ที่ต้องดูแล นอกนั้นก็ไม่มีญาติพี่น้องที่อื่นเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หมอบอกว่าหลังจากบำบัดด้วยเคมีแล้วจะต้องกินยาอีกประมาณ 6 เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงมาก เพราะยาที่ใช้นำเข้าจากต่างประเทศ 6 เดือนนี้ต้องใช้เงินเป็นล้าน เราเองยังไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจะทำอย่างไร อดีตนางงามคนดังกล่าวว่า รายจ่ายส่วนหนึ่งมาจากการทำประกันชีวิตที่ทำไว้แต่ก็ช่วยไม่ได้ทั้งหมด ส่วนที่เป็นเงิดสดยอมรับว่าไม่ได้มีมากขนาดนั้น งานในวงการตอนนี้ก็มีละครแค่เรื่องเดียวคือ "ฝนเหนือ" ที่ยังถ่ายไม่จบ จึงคิดว่าต่อไปนี้จะต้องลำบาก ที่ผ่านมาพอพี่น้องในวงการรู้ข่าว อย่างเช่น พี่แก้ว (อภิรดี ภวภูตานนท์) ถึงขนาดตั้งกล่องในกองถ่ายแล้วเรี่ยไรเงินมาให้ส่วนหนึ่ง หรืออย่างน้องยุ้ย (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) ก็ได้ช่วยประสานในรื่องของร.พ. แล้วก็มีพี่อ้อย (จิรวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) ที่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะหาทางช่วยเหลืออะไรต่อไปได้

"ความจริงแล้วก็ไม่อยากกวนคนอื่นเพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของตัวเอง อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือซึ่งไม่ใช่เป็นคนที่รู้จักกันมาเขาจะคิดไปในทางที่ไม่ดีหรือเปล่า แต่ทั้งหมดก็คงอยู่ที่พี่ๆ น้องๆ จะช่วยกัน ซึ่งก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือถ้าเกิดว่าพี่ๆ ต้องการให้ไปไหนหรือทำอะไร" หนิง-ศศิมาภรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่าต้องพักรักษาตัวที่ร.พ.นานขนาดไหน หนิง เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบ ทุกอย่างอยู่ที่หมอ ตอนนี้ลูกชายลงมาจากจ.เชียงใหม่ เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อน ปกติที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ด้วยกับลูกชาย เพราะต้องเดินทางไปไหนมาไหน ต้องเอาลูกชายไปฝากให้คนอื่นเลี้ยง แต่เมื่อไม่สบายแบบนี้จึงคิดว่าอยากดูแลลูกชายให้ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้ดูแลเขาเลย เนื่องจากคิดแต่จะหาเงินเพื่อมาเลี้ยงครอบครัว ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มีเลย มีลูกชายอยู่คนเดียวจึงอยากอยู่กับเขาให้นานที่สุด

"ที่ผ่านมาชีวิตค่อนข้างลำบากแต่ก็ถือว่ายังทำงานได้ แต่ตอนนี้ทำงานไม่ได้ และเหลือคิวที่ต้องถ่าย 1 คิวก็ยังไม่รู้ว่าจะไปถ่ายได้หรือเปล่า แทบไม่อยากจะคิดว่าจากนี้ไปจะลำบากขนาดไหน เพราะทำงานไม่ได้ก็ไม่มีเงิน คุณหมอเองก็พยายามบอกว่าอย่าคิดมากเพราะจะทำให้อาการยิ่งกำเริบมากขึ้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต" หนิง-ศศิมาภรณ์ กล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
http://www.smartbomb.co.th/news/index.php?cid=161

ลูกสาวโผล่ดูแล ดาราสาว"หนิง"<O</O​

​

แม่ลูก- "หนิง"ศศิมาภรณ์ ไชยโกมล นักแสดงสาวซึ่งป่วยเป็นมะเร็งไขสันหลัง ยังคงนอนรักษาตัวที่ร.พ.ศิริราช โดยมีน.ส.ลลิตา ทองหล่อ หรือเดียร์ ลูกสาวที่เกิดกับอดีตสามีและไม่ได้พบหน้ากันนาน 20 ปี รุดมาดูแล


อดีตรองนางสาวไทย หนิง-ศศิมาภรณ์ สุดซึ้ง "น้องเดียร์"ลูกสาววัย 23 โผล่เฝ้าไข้หลังไม่เจอกันมานานร่วม 20 ปี ตั้งแต่เลิกราสามีเก่า น้องเดียร์เผยพยายามหาช่องทางติดต่อแม่ตลอด ล่าสุดรู้ข่าวแม่ป่วยเป็นมะเร็ง พ่อสนับสนุนให้มาเยี่ยม วันแรกที่เจอหน้าแม่รู้สึกเขินๆ ก่อนจะแวะมาเยี่ยมอีกหลายครั้ง ช่วงหลังๆ มานอนเฝ้าไข้ คอยดูแลช่วยเหลือด้วย ด้านดาราสาวยอมรับแรกๆ ไม่รู้สึกผูกพันเพราะไม่ได้เลี้ยง ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น รู้สึกเป็นเพื่อนมากกว่าลูก เผยอาการล่าสุดเดินไม่ได้ ยันจะสู้ให้ถึงที่สุด

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ห้อง 1104 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเยี่ยมไข้ หนิง-ศศิมาภรณ์ ชัยโกมล อดีตรองนางสาวไทย และนักแสดงสาว ที่นอนรักษาโรคมะเร็งไขสันหลัง โดยมีลูกสาวแท้ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานานถึง 20 ปี ชื่อ "เดียร์" หรือน.ส.ลลิดา ทองหล่อ อายุ 23 ปี ทำงานเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ หรือทูตสินค้าของธนาคารกสิกรไทยคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

เดียร์กล่าวว่า พ่อกับแม่เลิกกันตอนที่ตนอายุประมาณ 3 ขวบ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรเพราะเรายังเด็กอยู่มาก พ่อนำตนไปเลี้ยงกับครอบครัวใหม่และไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่น ที่ผ่านมารู้ว่าแม่หนิง คือแม่ของตน เพราะพ่อจะบอกมาตลอด เคยคิดจะติดต่อแม่หลายครั้ง แต่เมื่อไปถามหาเบอร์โทรศัพท์แม่จากคนอื่นที่เขาไม่รู้ว่าเราเป็นลูกแม่หนิง เขาจะถามว่าเอาไปทำไม ตนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะให้คนอื่นรู้ความจริง กลัวแม่จะเสียหาย อีกอย่างกลัวมีคนคิดว่าตนจะเอาประโยชน์จากแม่จึงไม่กล้าเซ้าซี้ถามต่อ แต่ก็พยายามหาช่องทางติดต่อแม่เรื่อยมา จนมาเห็นข่าวจากรายการทีวี ว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง เลยไปปรึกษาพ่อและผู้ใหญ่หลายคน ว่าจะเข้าไปหาแม่ดีหรือไม่ เพราะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้รู้จักแม่ พ่อและผู้ใหญ่ก็เห็นดี บอกว่าไปเถอะอย่างน้อยก็เป็นแม่ของเรา จึงขอเบอร์โทรศัพท์จากทางรายการ

เดียร์เผยอีกว่า ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าๆ หลังเข้าประกวดแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของธนาคารกสิกรไทยและได้ตำแหน่งมาแล้วก็เลยโทรศัพท์ไปหาแม่ แนะนำตัวเองว่าเราเป็นลูกใคร จะเข้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า แม่บอกว่าได้ จากนั้นไม่นานตนก็ไปที่โรงพยาบาล แต่พอไปถึงก็เดินวนไปวนมาหน้าห้องที่แม่พักอยู่กว่า 10 นาทีถึงได้ตัดสินใจเข้าไปเจอในห้อง พอเห็นหน้าแม่ก็รู้สึกเขินๆ คุยกันนิดๆ หน่อยๆ จากนั้นก็แวะมาเยี่ยมอีกหลายครั้ง มานอนค้างเป็นเพื่อน ได้มาดูแลแม่ พาไปอาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ ช่วยนั่นช่วยนี่ตามที่จะทำได้ อะไรทำไม่เป็นก็เรียกพยาบาลมาช่วย ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกสนิทกันมากขึ้น แม่ให้ตนเรียกเขาว่า มามี้

"มามี้เป็นคนพูดเองว่าเดียร์เป็นลูก ไม่ใช่เดียร์พูด เดียร์เองก็ไม่อยากจะให้ใครรู้ กลัวคนอื่นจะคิดว่าเราออกมาเปิดเผยตัวเพราะอยากดัง ต้องการนั่นต้องการนี่จากแม่หรือเปล่า ความจริงไม่ใช่เลย เดียร์ไม่ได้ออกมาเพื่อจะเรียกร้องอะไรทั้งนั้น เพราะว่าที่ผ่านมาเดียร์ก็ทำงานทั้งถ่ายโฆษณา เล่นมิวสิควิดีโอ เคยเป็นผู้ประกาศรายการของช่อง 3 หรืองานอื่นๆ ในวงการก็ล้วนแต่เป็นงานที่เดียร์ทำด้วยตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยบอกเลยว่าเราเป็นลูกใคร และก็จะไม่มีใครรู้ด้วย แม้แต่เพื่อนที่สนิทมากๆ ยังเพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนนี้ก็ถือว่าเดียร์มีความสุขมากขึ้น อย่างน้อยเราก็ได้รู้จักแม่แท้ๆ ของเรา จากที่เมื่อตอนเด็กๆ เวลาเราถูกถามถึงแม่เดียร์ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไง หรือถ้าถึงวันแม่เราจะไหว้ใคร ตอนนี้เราก็ได้มีคนไหว้แล้วแม้ว่าความผูกพันจะน้อยกว่าแม่ลูกทั่วไปเพราะไม่ได้ใกล้ชิดดูแลอย่างแม่ลูกคนอื่นๆ ก็ตาม" น้องเดียร์ กล่าว

ด้าน หนิง-ศศิมาภรณ์ กล่าวว่า ตอนที่น้องเดียร์โทร.มาหาตนแนะนำตัวว่าเป็นใคร และบอกว่าอยากจะเข้ามาหาได้หรือไม่ ตนก็บอกว่าทำไมจะไม่ได้ หนูไปกลัวอะไรถึงไม่กล้าเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้ามา ในครั้งแรกที่เจอเขา เราก็รู้สึกว่าเขาเป็นเด็กหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่บอกตรงๆ แรกๆ ก็ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันเป็นแม่เป็นลูก เพราะว่าเราไม่ได้เลี้ยงเขา จนหลังๆ ก็เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น รู้สึกดีขึ้น ทุกวันนี้เขามาเยี่ยมมาดูแลและพูดคุยให้กำลังใจ เขาเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าที่จะเป็นลูก

ผู้สื่อข่าวถามถึงพ่อของลูก หนิงตอบว่า ไม่สะดวกที่จะพูดถึงเพราะว่าเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้คิดมากไปเปล่าๆ ซ้ำยังอาจจะส่งผลต่อร่างกายที่เจ็บป่วยอยู่ด้วย และกล่าวถึงอาการล่าสุดว่า ตอนนี้เดินไม่ได้ เพราะว่าขาไม่มีแรง เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องมีคนมาช่วยยกใส่รถเข็นก็ค่อนข้างจะลำบาก ส่วนการรักษาหมอก็กำลังให้คีโมอยู่ แต่ยาไม่ได้ตอบสนองเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่จะสู้ให้ถึงที่สุด
<O></O>
<O></O>
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด<O></O>
ประจำวันที่ 14 กันยายน 2550 (หน้า 1)
http://images.google.co.th/imgres?i...81%E0%B8%A1%E0%B8%A5&svnum=10&um=1&hl=th&sa=N

<!-- รูปภาพประกอบข่าวเพิ่มเติม --><!-- สิ้นสุดรูปภาพประกอบข่าวเพิ่มเติม -->
ขอเป็นกำลังใจให้คุณหนิง-ศศิมาภรณ์ให้มีกำลังใจต่อสู้โรคร้ายนี้ด้วยครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>