ทำสมาธิ ๙ นาที ทุกวัน "ชีวิตดีขึ้นอย่างอัศจรรย์"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Followdream, 28 สิงหาคม 2012.

  1. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    [​IMG]
     
  2. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    ขออนุโมทนากับสิ่งที่ปฏิบัติดีแล้วให้ดียิ่งๆขึ้นด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  3. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    สมาธิมา(สติ)ปัญญาเกิด สมาธิเตลิดไม่เกิดปัญญา

    [​IMG]

    ขออนุโมทนาแก่ผู้ปฏิบัติให้มีชีวิตเจริญสติยิ่งๆขึ้นค่ะ...สาธุ
     
  4. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    สมาธิบำบัดสำหรับโรคมะเร็ง

    สมาธิบำบัดสำหรับโรคมะเร็ง


    <!-- Main -->โดย : นายแพทย์เทิดศักดิ์ เดชคง

    นายแพทย์เทิดศักดิ์ เดชคง (2550 : 14-19) กล่าวว่า เมื่อพูดถึงมะเร็งแทบทุกคน
    ย่อมคิดถึง “ความตาย ความทุกข์ทรมาน” เพราะว่าเป็นโรคที่ยากจะทำใจให้ยอมรับ
    แล้วหันมาต่อสู้อย่างมีกำลังใจได้ อุบัติการณ์ของการเกิดมะเร็งนั้นมีมากขึ้นตามความเจริญ
    หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือตามมลพิษและความเครียดของผู้คนในสังคม
    ผู้ชาย ก็มักจะเป็นมะเร็งตับ ลำไส้ใหญ่ ส่วน
    ผู้หญิง ก็มักเป็นมะเร็งปากมดลูก เต้านม และช่องปาก


    [​IMG]

    <CENTER></CENTER>

    สาเหตุของมะเร็งมีการศึกษากันมามากและพบว่า มีปัจจัยต่าง ๆ หลายประการ
    ที่มีผลต่อการเกิดมะเร็ง ตั้งแต่อาหารการกิน อากาศ การรับสารพิษต่าง ๆ
    ความเครียด กรรมพันธุ์ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากก็คือ อาหารการกินและ
    เรื่องของจิตใจ มีการตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมการบริโภคแบบตะวันตกนั้น
    เต็มไปด้วยไขมันและเนื้อสัตว์ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งในระยะยาว

    สำหรับจิตใจนั้นไม่ได้ส่งผลต่อมะเร็งโดยตรง แต่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
    ภูมิคุ้มกันที่ดีย่อมทำให้ป่วยได้ยาก ถ้าป่วยก็มีแนวโน้มว่าจะหายได้เร็วกว่า
    คนที่มีจิตใจเคร่งเครียด ท้อแท้ และสิ้นหวัง

    จิตใจกับมะเร็ง
    จิตใจที่ขัดแย้ง ท้อแท้ สิ้นหวัง มักนำไปสู่มะเร็ง เรื่องนี้มีคำกล่าวมานานแล้ว
    ในปี ค.ศ.1967 ได้มีการศึกษาถึงผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดว่าสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่
    อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
    ทั้งนี้จากข้อสังเกตว่า ผู้ป่วยมะเร็งปอดนั้นไม่จำเป็นจะต้องสูบบุหรี่จัด
    และผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นมะเร็งปอด มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เป็น

    บุหรี่นั้นเป็นตัวผลิตสารก่อมะเร็ง เรื่องนี้ไม่มีข้อโต้แย้ง แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ
    คนที่มีภูมิคุ้มกันดีก็มักรอดพ้นจากอาการเจ็บป่วย
    ขณะที่ผู้อ่อนแอมีโอกาสเป็นมะเร็งได้สูงกว่าหลายเท่าตัว
    ในกลุ่มผู้ที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่มีอารมณ์ขุ่นมัว เก็บกด ก้าวร้าว ท้อแท้สิ้นหวัง
    มีอัตราการป่วยด้วยมะเร็งสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
    ขณะที่สิงห์อมควันที่อารมณ์ดี มีโอกาสเป็นมะเร็งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    เรื่องนี้อธิบายได้ว่า ความเคร่งเครียด (Stress) และท้อแท้สิ้นหวัง (Depress)
    เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    เมื่อร่างกายมีความเคร่งเครียดเราจะพบว่า ระบบเส้นเลือดฝอย (Microcirculation)
    จะมีขนาดเล็กลง เนื่องจากระบบประสาทซิมพาเซติกได้ถูกกระตุ้น
    อวัยวะที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ว่านี้คือ ต่อมไทมัสและต่อน้ำเหลืองต่าง ๆ
    จะลดความว่องไวไปโดยอัตโนมัติ

    ความเครียดอย่างยาวนาน ย่อมทำให้ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตที่เรียกว่าคอร์ติซอล
    มีปริมาณสูงผิดปกติ

    ด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้บุคคลนั้นเสี่ยงต่อการก่อตัวของมะเร็งง่ายยิ่งขึ้น
    ในผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง หากมีจิตใจที่ห่อเหี่ยวท้อแท้ ก็ย่อมทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน
    ของร่างกายอ่อนแอ มีโอกาสที่จะเกิดการลุกลามของโรคได้ง่ายยิ่งขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2012
  5. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    สมาธิบำบัดสำหรับโรคมะเร็ง (ต่อ)

    การฝึกจิตใจต้านมะเร็ง

    ในทางตะวันตกนั้น ความสำคัญของจิตใจก็เป็นสิ่งที่นำมาใช้ส่งเสริมการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งลดความเจ็บปวดไม่สลายตัว เทคนิคการสร้างจินตภาพ เพื่อเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และขจัดเซลล์มะเร็ง

    เบอร์นี ซีเกล หมอผ่าตัดที่หันมาเอาดีทางด้านโรคมะเร็ง ได้รายงานถึงกรณีตัวอย่างของผู้ป่วยมะเร็งหลายราย ที่ปรับเปลี่ยนชีวิตและจิตใจจนทำให้ร่างกายแข็งแรงหายป่วยจากโรคมะเร็งด้วยอารมณ์ขัน การหัวเราะ การดื่มด่ำกับธรรมชาติ ขณะที่พยายามตัดอารมณ์ขุ่นมัว ความโกรธความเครียด มองโลกในแง่ดีมากขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวและเจ็บปวดน้อยกว่าที่ควรจะเป็น



    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ธรรมะของพุทธศาสนากับมะเร็ง

    มะเร็งไม่ได้เลือกเกิดเฉพาะในคนบางกลุ่ม แต่กระจัดกระจายในทุกชนชาติมากบ้างน้อยบ้าง แม้แต่พระสงฆ์หรือแม่ชีก็เป็นได้ จากประสบการณ์ที่ได้ฟังและประสบมาก็พบว่า....

    การปฏิบัติธรรมสามารถเยียวยามะเร็งได้หลายแบบ เช่น

    1. ช่วยให้โรคร้ายหายได้ ถ้าตั้งใจที่จะหาย
    2. มีความทุกข์ทรมานน้อยกว่าปกติ เช่น ไม่ปวด ไม่อึดอัด
    3. หากต้องตายก็ตายอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมาน

    มีข้อสังเกตว่า พระสงฆ์หลายรูปได้ใช้อาการป่วย เป็นข้อพิจารณาเพื่อขัดเกลาจิตใจ ไม่ได้มีความพยายามที่จะรักษาอย่างมากมาย จุดประสงค์ของสมาธิที่ใช้ก็มุ่งเน้นในพระธรรม ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะรักษาร่างกายให้สมบูรณ์

    สมาธิกับมะเร็ง
    สมาธิเป็นคำกว้าง ๆ ที่นิยามถึง การมีสติ เพื่อพิจารณาในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ผลของสมาธิที่มีต่อมะเร็งนั้นมักเป็นไปในด้านบวก คือเพิ่มกำลังใจและภูมิต้านทานของร่างกาย แต่ผลที่ได้นั้นก็ขึ้นกับสองสิ่งคือ
    1. ชนิดของสมาธิ
    2. การนำไปใช้ของผู้ปฏิบัติ (Willing) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    สมาธิสามารถสงบจิตใจ เพิ่มการไหลเวียนของระบบเลือดฝอยด้วยการกระตุ้นของระบบประสาทพาราซิมพาเซติก กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (ผ่านสมองและฮอร์โมน)



    ขอขอบคุณข้อมูล
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rb515&month=19-03-2011&group=200&gblog=1



     
  6. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    เห็นได้โดยสรุปก็คือ การมีจิตเป็นสมาธิย่อมทำให้จิตใจสงบ จิตใจเป็นสุข กำลังใจดีย่อมเกิด
    เหมือนดังว่า....จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว....
    การรักษาด้านร่างกายใดๆ จึงย่อมรักษาได้ง่ายขึ้น มีผลการรักษาที่ดีขึ้นได้อย่างอัศจรรย์

    [​IMG]
     
  7. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. ma_eah

    ma_eah สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +16
    ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บพลังจิตนานมาก มีโอกาสได้เข้ามาก็อดไม่ได้ที่หาอ่านเรื่องราวที่เกี่ยวกับความสงบของจิต การทำสมธิหรือการเจริญสติ ขอชื่นชม จขกท. นะคะใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย อ่านแล้วรู้สึกถึงความสบายและผ่อนคลายดีค่ะ _/|\_ โมทนาสาธุค่ะ
     
  9. ทองเนื้อ9

    ทองเนื้อ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +4,263
    ฮึฮึฮึฮึ ไม่ใช่ภาพสวยอย่างเดียวครับ
    เนื้อหาก็อ่านเข้าใจง่าย มาปฏิบัติด้วยกันเยอะๆ นะครับ
    สมาธิ...สมาธิ ปัญญา
    อนุโมทนาครับ
     
  10. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    อนุโมทนาสาธุท่านเจ้าของกระทู้ ภาพสวยงามเนื้อหาน่าสนใจ
    จะเริ่มนั่งสมาธิ หลังจากสวดมนต์คืนนี้ ชีวิตจะได้ดีขึ้นค่ะ
     
  11. ทองเนื้อ9

    ทองเนื้อ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +4,263
    ปฏิบัติงาม จิตใจงาม คนงามสังคมงาม
    ...อนุโมทนาครับ....


    [​IMG]
     
  12. PeeTenT

    PeeTenT Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +70
    ขออนุโมทนากับทุกท่านและผู้ที่จะเริ่มปฏิบัติ ผมขอยืนยันนะครับว่าในอดีตผมเองเป็นคนขี้โมโห เจ้าอารมมาก ยอมรับคับว่าวันนี้ ผมนั่งสมาธิ และพยายามปฏิบัติให้มาก ไม่ใช่ดีกับใคร แต่ดีกับตัวเราเอง ไม่ได้เห็นอะไรวิเศษกับใคร แต่รู้ว่า เมื่อหลับตาลง ผมจะบริกรรม กำหนดลมหายใจเข้าออก และรับรู้จากลมที่เราหายใจ บางทีนั่งนานไม่รู้ตัวมากสุดเกือบ 2 ชั่วโมง มีเวลาจริง ๆ แต่ปัจจุบันครึ่งชั่วโมงดีแล้วครับ พอสติเราจะถอนจากนั่งสมาธิ ผมจะแผ่เมตตาทุกครั้ง ผมบอกไม่ถูกนะ ว่ามันดียังงัย แต่วันนี้อารม จิคใจ และการกระทำผมได้เปลี่ยนไปกว่าแต่ต่อนมากจริง ๆ เรื่องแบบนี้ไม่รับรู้ด้วยตัวเองไม่เชื่อหรอกครับ เป็นกำลังใจให้สมาชิกใหม่ และอนุโมทนาบุญกับสมาชิกทุกท่านที่ได้แสดงความคิดเห็นนะครับ
     
  13. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    สมาธิบำบัดความเครียด

    เครียด เครียด เครียด

    ชีวิตประจำวันของคนทำงานทำให้ดัชนีความเครียด
    ของคนไทยพุ่งสูงปรี๊ด ความเครียดทำให้สุขภาพเราแย่ลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้น
    ที่สำคัญสำหรับสาวๆ เครียดมากๆทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้
    เมื่อเรารู้สึกเครียดร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต
    ถ้าเครียดมากก็หลั่ง Adrenaline มากขึ้นฮอร์โมนความเครียดก็จะไปยับยั้ง
    การทำงานของอวัยวะสำคัญทั้งหมด เช่นหัวใจ ไต ตับ ปอด ทำให้อวัยวะสำคัญ
    ของเราเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พร้อมใจกันหยุดทำงานเพราะฮอร์โมน
    ความเครียดไปทำให้ภูมิต้านของร่างกายเราต่ำลง ต่ำลง เรียกว่าโรคเครียด
    นอกจากทำให้แก่ง่ายแล้วยังทำให้ถึงตายได้นะเนี่ย


    - ผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำสมาธิ

    การทำสมาธิ ถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ลึกซึ้งที่สุด
    สมาธิทำให้จิตใจสงบนิ่ง มีแต่สติ หยุดความคิดที่ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล
    หรืออารมณ์ด้านลบทั้งหลาย เมื่อเราทำสมาธิจะรู้สึกสบายขึ้นเพราะจะมี
    Hormoneชื่อ Endorphins หลั่งออกมาในขณะที่จิตใจสงบนิ่ง ฮอร์โมน
    Adrenaline จากต่อมหมวกไต ก็จะหยุดหลั่ง และในขณะนั้นเองเมื่อจิตสงบ
    สมองส่วน Hypothalamus จะสั่งให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น ภูมิต้านทาน
    ของเราก็จะสร้างเพิ่มขึ้นหลังจากถูกยับยั้งด้วยฮอร์โมนความเครียด
    การทำสมาธินี้ดีมาก มาก สำหรับคนที่กำลังบำบัดมะเร็งเพราะ เมื่อภูมิต้านทานกระเตื้องขึ้นการกำจัด cell มะเร็งก็จะเป็นไปตามที่ต้องการ


    [​IMG]


    - ทำสมาธิแบบไหนดี????

    การทำสมาธิที่สามารถบำบัดโรคที่เกิดจากความเครียด ความกังวลไม่ใช่โรค
    ที่เกิดจากเชื้อโรคโดยตรง แต่สามารถรักษาใจที่เป็นทุกข์อันเกิดจากโรคได้
    วิธีฝึกสมาธิบำบัดมีหลายวิธี ได้แก่ การนั่งภาวนา เดินจงกรม การแผ่เมตตา
    การอธิษฐานจิต การฝึกใช้พลังภายในร่างกาย การใช้พลังภายนอก การฝึก
    เพ่งลูกแก้ว และอย่างน้อยควรทำวันละ ๒ ครั้ง ถ้าทำได้




    - ท่าที่สบายที่สุด

    จะนั่งขัดสมาธิหรือจะนอนหงายวางแขนไว้ข้างตัวก็ได้ ให้เป็นท่า
    ที่เรารู้สึกสบายตัวที่สุด แล้วก็เลือกสถานที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย สบายๆไม่ร้อน
    ไม่หนาวเกินไป อุณหภูมิในห้องสบาย ๆ

    หลับตาลงจะได้ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก จิตจะได้สงบง่ายขึ้น
    แล้วเริ่มด้วยการกำหนดลมหายใจ โดยสูดหายใจเข้าช้า ๆ ให้ท้องพอง
    หายใจออกช้าๆ ให้ท้องแฟบ สัก ๓ ครั้ง ให้สังเกตลมที่ผ่านเข้าออกทางจมูก
    ว่ากระทบถูกอะไรบ้าง

    จากนั้นให้หายใจให้สบาย กำหนดจิตของตนไปรับรู้ลมหายใจเข้าออก
    โดยไม่ต้องสนใจเสียงรอบข้าง ให้รับรู้เฉยๆ ถ้าจิตมันจะวอกแวกนึกนั่นนึกนี่
    แว่บไปหาเพื่อนคนโน้นคนนี้ นึกห่วงงานที่นั่นที่นี่บ้างก็ดึงสมาธิกลับมา
    อยู่กับลมหายใจ แรกๆ อาจทำยากมาก เหมือนเราหัดเดินตั้งไข่ครั้งแรก
    ล้มบ้าง ลุกบ้างแต่ถ้าพยายามเข้าในที่สุดเราก็จะเดินได้
    การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราพยายามขยันดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ ทำซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ
    ในที่สุดจิตก็จะเชื่อง และเริ่มนิ่ง เมื่อเข้าถึงสมาธิก็จะได้ความรู้สึกปีติรู้สึกสบาย
    อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะ ฮอร์โมนEndorphins หลั่งออกมา และ
    ฮอร์โมนความเครียด Adrenaline ที่ต่อมหมวกไตก็จะหยุดหลั่งออกมา และ
    เมื่อเข้าสมาธิได้แล้วก็ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง ๆ ละไม่ต่ำกว่า ๑๕ นาที
     
  14. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    - เทคนิคการฝึกหายใจ

    โดยปกติแล้วการหายใจด้วยอก ชีพจรจะเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ต้องหายใจถี่ๆ
    แต่ถ้าหายใจด้วยท้อง ชีพจรจะเต้นช้า ในทางวิทยาศาสตร์เราอธิบายได้ว่า
    เป็นการกระตุ้นกะบังลม ที่กะบังลมจะมีเส้นประสาทวากัส (Vagus)
    ซึ่งเส้นประสาทตัวนี้เป็นพาราซิมพาเทติก เป็นเส้นประสาทมีผลต่อการผ่อนคลาย
    ของกล้ามเนื้อ เพิ่มการทำงานของลำไส้ เส้นประสาทวากัส (Vagus) จะส่งคลื่นไปที่
    สมอง ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันเลือดลดลง ชีพจรเต้นช้า หายใจช้า
    ดังนั้นเราจึงต้องฝึกหายใจลงไปที่ท้องแทน


    - เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

    ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อทุกระบบในร่างกายหดตัว
    เวลาเครียดเรามักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด กำหมัด กัดฟัน ทุกครั้งที่รู้สึกเครียด
    ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวเกิดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดต้นคอ ปวดหลัง ปวดไหล่


    - การฝึกคลายกล้ามเนื้อ

    จะช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลง เพราะในขณะที่ฝึก จิตใจของเราจะจดจ่อ
    อยู่กับการคลายกล้ามเนื้อ ความคิดฟุ้งซ่าน และความวิตกกังวลก็ลดลง
    ช่วยให้จิตใจจะมีสมาธิมากขึ้น


    - วิธีการฝึก

    เลือกนั่งในท่าที่สบาย เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ถอดรองเท้า หลับตา ทำใจให้ว่าง
    ตั้งใจจดจ่ออยู่ที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ๑๐ กลุ่ม โดยการปฏิบัติดังนี้คือ


    ๑. มือและแขนขวา โดยกำมือ เกร็งแขน แล้วคลาย

    ๒. มือและแขนซ้าย ทำเช่นเดียวกัน

    ๓. หน้าผาก เลิกคิ้วสูงแล้วคลาย ขมวดคิ้วแล้วคลาย

    ๔. ตา แก้ม จมูก ให้หลับตาแน่น ย่นจมูก แล้วคลาย

    ๕. ขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟัน ใช้ลิ้นดันเพดานปากแล้วคลาย
    เม้มปากแน่นแล้วคลาย

    ๖. คอ โดยก้มหน้าให้คางจรดคอแล้วคลาย เงยหน้าจนสุดแล้วคลาย

    ๗. อก ไหล่ และหลัง โดยหายใจเข้าลึกๆกลั้นไว้ แล้วคลาย ยกไหล่สูงแล้วคลาย

    ๘. หน้าท้องและก้น โดยการแขม่วท้อง แล้วคลาย ขมิบก้นแล้วคลาย

    ๙. เท้าและขาขวา โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย เหยียดขา กระดกปลายเท้าแล้วคลาย

    ๑๐. เท้าและขาซ้าย ทำเช่นเดียวกัน


    - ข้อแนะนำ

    ระยะเวลาที่เกร็งกล้ามเนื้อ ให้น้อยกว่าระยะเวลาที่ผ่อนคลาย เช่น เกร็ง ๓-๕ วินาที
    ผ่อนคลาย ๑๐-๑๕ วินาที

    ควรฝึกประมาณ ๘-๑๒ ครั้ง เพื่อให้เกิดความชำนาญ

    เมื่อคุ้นเคยกับการผ่อนคลายแล้ว ให้ฝึกคลายกล้ามเนื้อได้เลยโดยไม่ต้องเกร็งก่อน
    หรืออาจเลือกคลายกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนที่มีปัญหาก็ได้ เช่น บริเวณใบหน้า คอ
    หลัง ไหล่ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องคลายกล้ามเนื้อทั้งตัวแต่ถ้ามีเวลาทำได้ทั้งหมดก็จะดีมาก
    สำหรับตัวคุณเอง
     
  15. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    ฝึกสมาธิประจำ แก้ได้หลายโรค

    - ฝึกสมาธิประจำ แก้ได้หลายโรค

    หากฝึกสมาธิเป็นประจำ จิตใจก็เบิกบาน สมองแจ่มใส จิตใจเข้มแข็ง
    อารมณ์เย็น พร้อมตลอดเวลาไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรมากระทบ สามารถแก้ปัญหา
    ต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เมื่อมีสมาธิที่เข้มแข็ง
    ปัจจุบันมีการวิจัยและค้นพบข้อดีของการทำสมาธิ เช่น

    + ช่วยปรับสภาวะสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ ทำให้อัตราการหายใจ
    และชีพจรช้าลง

    + ทำให้คลื่นสมองสงบ กล้ามเนื้อผ่อนคลายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
    ระดับฮอร์โมนที่ถูกระตุ้นจากความเครียดลดลง

    + แก้ปัญหานอนไม่หลับได้ถึงร้อยละ ๗๕

    + ช่วยให้ผู้ที่ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ใช้ยาแก้ปวดลดลงจาก เดิมร้อยละ ๓๔

    + ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ มีอาการทุกข์ทรมานลดน้อยลงกว่า
    การรักษาเฉพาะทางยา

    + ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน ความถี่หรือความรุนแรงของอาการ
    จะลดลงร้อยละ ๓๒

    และยังพบอีกว่าในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ผู้ที่มีความเชื่อมั่น
    ในศาสนาจะหายเร็วกว่า ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย
    จะมีอัตราการตายมากกว่าผู้นับถือศาสนาถึง ๓ เท่า

    ในสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล และมหาวิทยาลัย
    แคลิฟอร์เนีย พบผลตรงกันว่า ชาวพุทธที่นั่งสมาธิเป็นประจำ สมองในส่วนที่
    ทำงานเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ดี และ ความคิดด้านบวกจะทำงานกระฉับกระเฉงกว่า
    ช่วยผ่อนคลายความเครียด และทำให้สมองส่วนที่เป็นศูนย์กลางความทรงจำ
    ด้านร้ายสงบลง และการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้อารมณ์แปรปรวน
    ตกใจ เกรี้ยวกราด หรือหวาดกลัวลดลงด้วย

    แพทย์โรคหัวใจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ให้คนไข้โรคหัวใจฝึกสมาธิ
    ระหว่างบำบัดด้วยยาไปด้วยและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
    เพราะทำให้ความดันโลหิตและความเครียดลดลงอย่างมาก

    ฉะนั้นถ้าอยากมีสุขภาพดี ไม่แก่ง่าย ตายเร็ว ก็ต้องเริ่มการฝึกทำสมาธิ
    และต้องเริ่มทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย อย่าได้พลัดผ่อนเด็ดขาด


    ^^ สุขภาพของเรา ^^
    [​IMG]

    ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : บทความจาก Kullastree
     
  16. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    ๗ เทคนิคทำสมาธิบำบัดโรค

    การฝึกสมาธิ กำลังกลายเป็นศาสตร์ใหม่ที่ชาวตะวันตกให้ความสนใจนำไปใช้
    รักษาอาการป่วยกายหลายอย่าง โดยไม่ต้องพึ่งยาเคมีปัจจุบัน
    มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกานำเอาการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาไปรักษาผู้ป่วย
    อัลไซเมอร์ อาการซึมเศร้า รวมถึงภาวะทางจิตของผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบรุนแรง
    จากเหตุการณ์สะเทือนจิตใจ (พีทีเอสดี)


    [​IMG]

    รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข
    คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้หนึ่งที่สนใจนำการฝึกสมาธิ
    มาประยุกต์ใช้รักษาโรค หลังจากทำการศึกษาจนค้นพบท่วงท่าการฝึกสมาธิ
    สำหรับบำบัดภาวะเบาหวาน และโรคอื่น

    จากผลวิจัยในคนไข้ ทำให้ได้เทคนิคบำบัดโรคที่พร้อมนำไปปฏิบัติได้จริงถึง ๗ เทคนิค
    เพื่อประโยชน์ด้านการเยียวยาโรคที่เรื้อรังและการป้องกันการเกิดโรคในระยะยาว
    ที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้เองไม่ยาก
     
  17. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    * ท่าที่ ๑ : ท่านั่งผ่อนคลาย

    ประสานกายประสานจิต มีผลดีในด้านการลดความดันโลหิต
    การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ดี
    สามารถฝึกได้ทั้งท่านั่งด้วยการขัดสมาธิ หงายฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนหัวเข่า
    หรือฝึกท่านอนให้วางแขนหงายมือไว้ข้างลำตัว หรือคว่ำฝ่ามือวางบนหน้าท้องก็ได้
    จากนั้นหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ พร้อมนับ ๑-๕ กลั้นหายใจ
    นับ ๑-๓ ช้า ช้า เช่นกัน แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ ๑-๕ เช่นกัน โดยทำซ้ำ ๓๐-๔๐ ครั้งวันละ ๓ รอบก่อนหรือหลังอาหารประมาณ ๓๐ นาที


    [​IMG]


    * ท่าที่ ๒ : เป็นท่ายืนผ่อนกายประสานการประสานจิต

    ท่านี้จะช่วยลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน และควบคุม
    การทำงานของไขสันหลังให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีปฏิบัติให้ผู้ฝึกยืนตรง
    ในท่าที่สบายวางฝ่ามือซ้ายทาบที่หน้าอกแล้วนำฝ่ามือขวาวางทาบทับฝ่ามือซ้าย
    พร้อมกับค่อยๆ หลับตาจากนั้นสูดลมหายใจเข้าและออกเหมือนกับท่าแรก
    แต่เทคนิคนี้จะทำซ้ำ ๑๒๐-๑๕๐ ครั้ง จึงลืมตาขึ้นช้าๆ และทำวันละ ๓ รอบโดยเพิ่ม
    เวลาให้มากกว่าเดิมทุกครั้ง


    * ท่าที่ ๓ : การนั่ง เหยียด ผ่อนคลายประสานกาย ประสานจิต

    ท่านี้จะช่วยลดไขมันหน้าท้องลดพุง และลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี
    การปฏิบัติท่านี้ให้ผู้ฝึกนั่งราบกับพื้นในท่าที่สบาย เหยียดขาและเข่าให้ตึง หลังตึง เท้าชิด
    คว่ำฝ่ามือบนต้นขาทั้ง ๒ ข้างค่อยๆ หลับตาลงจากนั้นหายใจเข้าออกและนับเหมือนกับ
    ท่าแรก ๓ ครั้ง จากนั้นต่อด้วยการหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า
    ผลักฝ่ามือทั้งสองข้างไปด้านหน้าจนปลายมือจรดนิ้วเท้า หยุดหายใจชั่วครู่ และหายใจ
    ออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ ดึงตัวและแขนเอนไปข้างหลังให้ได้มากที่สุดและนับเป็น ๑ รอบ
    ทำซ้ำ ๓๐ ครั้งแล้วค่อยๆ ลืมตา


    [​IMG]
     
  18. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    * ท่าที่ ๔ : การก้าวย่างอย่างไทย

    เจ้าของท่าบอกว่า ในท่านี้ความยากของการฝึกจะมีมากขึ้น
    เริ่มจากยืนตรงในท่าที่สบายลืมตา มือสองข้างไขว้หลัง
    สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ และทำเหมือนท่าแรก จนครบ ๕ รอบ
    จากนั้นให้ยืนตัวตรงมองต่ำไปข้างหน้าหายใจเข้าช้าๆ พร้อมค่อยๆ ยกเท้าขวา
    สูงจากพื้นเล็กน้อยหายใจออกช้าๆ พร้อมกับก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า
    จรดปลายเท้าแตะพื้น ตามด้วยส้นเท้าวางลงบนพื้น ส่วนเท้าซ้ายให้วางชิดเท้าขวา
    ในช่วงหายใจออกทำซ้ำให้ได้ ๒๐ ครั้ง โดยที่เวลากลับตัวให้หมุนทางขวาโดยขยับเท้า
    ให้เอียง ๖๐ องศาและ ๙๐ องศาในท่ายืนตรง ทำซ้ำด้วยการเดินกลับไปมา ๒ เที่ยว
    จะใช้เวลาประมาณ ๔๕-๖๐ นาที หลังการฝึกวิธีดังกล่าว มีผลในเรื่องเพิ่มภูมิต้านทานโรค
    เรื้อรังทุกประเภท คล้ายกับการเดินจงกรม


    [​IMG]

    * ท่าที่ ๕ : ยืดเหยียดอย่างไทย

    ผู้ฝึกต้องเคลื่อนไหวอย่างช้า นับเลขอย่างช้าจะได้ประโยชน์สูงที่สุด
    โดยเริ่มฝึกจากวันละ ๖๐ รอบ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันต่อๆ ไป
    ช่วยป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจาก
    ท่ายืนตรงที่สบาย เข่าตึงและค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเหมือนกับท่าแรก
    จนครบ ๕ รอบ จากนั้นต่อด้วยการค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ
    ให้ฝ่ามือประกบกัน แขนตึงแนบใบหู หายใจเข้าและออก ๑ ครั้ง และค่อยๆ ก้มตัวลง
    โดยศีรษะ ตัวและแขนก้มลงพร้อมๆ กันอย่างเป็นจังหวะช้าๆ ไปเรื่อยๆ ให้ได้ ๓๐ จังหวะ
    เมื่อปลายนิ้วกลางจรดพื้นพอดี ตามด้วยหายใจเข้าและออกช้าๆ ลึกๆ ๑ ครั้ง
    และค่อยๆ ยกตัวกลับ ในท่าเดิม ศีรษะตั้งตรงใน ๓๐ จังหวะเช่นกัน


    * ท่าที่ ๖ : เป็นเทคนิคการฝึกสมาธิการเยียวยาไทยจินตภาพ

    เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้มีปัญหาระบบไหลเวียน
    อัมพาต ซึ่งประสาทการรับรู้ทั้งร่างกายไม่สามารถทำงานได้สะดวก แต่ประสาทการได้ยิน
    ยังทำงาน ผู้ดูแลจะต้องเป็นผู้ช่วยในการบอกให้เขาได้ยินและคิดตามตั้งแต่เริ่มนอน
    บนพื้นเรียบ แขนทั้งสองข้างวางแนบลำตัว และให้เขาหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจ
    เหมือนท่าแรก ๓ รอบด้วยกัน แล้วให้เขาท่องในใจว่า

    "ศีรษะเรากำลังเริ่มผ่อนคลาย ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ" และกำหนดความรู้สึกไปที่
    อวัยวะที่เราจดจ่อ ไล่จากศีรษะ หน้าผาก ขมับ หนังตา แก้ม คาง ริมฝีปาก คอ ไหล่
    ต้นแขน แขน มือ หน้าอก หลัง หน้าท้อง ก้น ต้นขา เข่า น่อง เท้าและตัวเราทั้งตัว
    (ขณะที่ไล่มาถึงมือและเท้าให้ท่องว่า มือเรากำลังเริ่มหนักขึ้น หนักขึ้น เท้าเรากำลังเริ่ม
    หนักขึ้น หนักขึ้น) เมื่อทำครบเช่นนี้แล้วให้หายใจเข้า กลั้นใจ หายใจออก เหมือนเริ่มต้นอีก ๓ รอบ


    * ท่าที่ ๗ : เป็นเทคนิคสมาธิการเคลื่อนไหวไทยชี่กง

    เริ่มด้วยการยืนตัวตรงแยกเท้าทั้งสองข้างพอประมาณ ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ
    สูดลมหายใจเหมือนท่าแรกให้ครบ ๕ รอบ จากนั้นค่อยๆ ยกมือขึ้น แขน
    ข้อศอกทั้งสองข้างอยู่ในระดับเอว โดยหันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน ขยับฝ่ามือ
    เข้าหากันช้าๆ นับ ๑-๓ และขยับมือออกช้าๆ นับ ๑-๓ ทำทั้งหมด ๓๖-๔๐ รอบ
    และยืนอยู่ในท่าเดิม หายใจเข้าลึกๆ นับ ๑-๕ ค่อยๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ คล้ายกับ
    กำลังประคองหรืออุ้มแจกันใบใหญ่ แล้วค่อยๆ ยกมือลงในท่าประคองแจกันเช่นกัน
    นับเป็น ๑ รอบ โดยทำซ้ำ ๓๖-๔๐ รอบแล้วยืนในท่าเดิม ท่านี้จะช่วยลดอาการท้องผูก
    นอนไม่หลับ อาการปวดเรื้อรัง หรือเฉียบพลัน และภูมิแพ้

    "การฝึกสมาธิเพื่อบำบัดโรค แต่ละท่ามีความยากง่ายต่างกัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยฝึก
    ควรเริ่มจากท่าที่ ๑ เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องการหายใจให้ร่างกายก่อนที่จะเริ่ม
    ฝึกปฏิบัติในท่าที่ยาก เพราะหากร่างกายไม่พร้อมแล้วฝืนอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
    ได้เช่นกัน" หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข ม.มหิดล กล่าว

    [​IMG]

    ขอบคุณข้อมูล : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย กานต์ดา บุญเถื่อน
     
  19. Jiten

    Jiten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +189
    อนุโมทนาบุญกับคุณทองเนื้อ9 และคุณ Followdream และผู้ปฏิบัติทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณคุณ Followdream ที่นำเสนอสมาธิบำบัดความเครียดเป็นประโยชน์มากเพราะทุกวันนี้การทำงานเร่งรีบแข่งขันกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้แทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเลย ส่วนตัวปฏิบัติอยู่ทุกๆวันเมื่อว่างจากงานไม่เจาะจงเวลา คลายเครียดได้ดีมากทำให้สมองแจ่มใสเมื่อมีงานมากก็จะไม่หงุดหงิด สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างวันทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่เคยปวดหัวและก็ไม่เคยกินยาแก้ปวดหัว หมอจะไม่ได้เงินจากโรคเครียดแน่นอน ถ้าปฏิบัติได้จิตใจจะเย็น สบายกาย เบาใจค่ะ ผิวพรรณผ่องใสอันนี้เป็นเรื่องจริงค่ะที่ได้กับตนเอง แต่ต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตรประจำวัน ต้องใช้เวลาค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่เริ่มปฏิบัติค่ะ รู้ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนำมาปฏิบัติจะได้ผลแน่นอนค่ะ
     
  20. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่ๆ นั้นบ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความรู้สึกแย่ๆ
    ....ที่เกิดขึ้นในจิตใจเราเอง
    บางเหตุการณ์ที่เลวร้ายอาจจะจบลงไปตั้งนานแล้ว
    แต่ตัวเรานี่แหละ..ที่หยิบคำพูดการกระทำเหตุการณ์นั้น ๆ
    มาเปิดดู เปิดฟังในหัวเราซ้ำแล้ว ซ้ำอีก
    เหมือนกับคนอื่นเขาแทงเราแค่เพียงครั้งเดียว
    แต่ตัวเรานี่แหล่ะ!! ที่หยิบมีดด้ามนั้นมาแทงตัวเราเอง ไม่ยอมจบ ไม่ยอมวาง

    ถ้าเราเฝ้าสังเกตจิตใจตัวเอง เราจะรู้ทันที
    ที่ใจหยิบมีด หยิบความคิดมาทิ่มแทงตัวเอง

    เมื่อฝึกตามรู้ ตามดู ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
    เราจะพบว่าความคิดร้ายๆ ความทรงจำที่ทิ่มแทงเข้ามาตลอดเวลา
    ห้ามไม่ได้ บังคับควบคุมไม่ได้ นั่นทำให้เราได้รู้ความจริงอย่างหนึ่งคือ
    ตัวเราเอง..เรายังควบคุมบังคับให้เป็นอย่างใจไม่ได้
    แล้วนับประสาอะไรกับ คนอื่น หรือเหตุการณ์อื่น
    ที่เราอยากให้เป็นอย่างใจเราตลอดเวลา
    เวลาเราประสบปัญหา.....
    ..เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย

    แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย
    ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึดเลย ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น
    ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ
    การปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น
    หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว
    การปล่อยวางที่ดีที่สุด คือการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ
    เมื่อสมาธิมี ปัญญาก็จะเกิด มูลเหตุอันเป็นทุกข์ก็จะสลายได้ด้วยปัญญา
    อันเป็นผลจากการมีสมาธิ รู้เหตุรู้ผล รู้ปล่อยวาง


    [​IMG]

    การทำสมาธิจะทำที่ไหน..อย่างไร..ก็ได้
    แค่ทำใจเราให้สงบ กำหนดจิต สมาธิก็เกิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...