ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อัศวินสีชมพู, 19 เมษายน 2021.

  1. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ขอโพสตอบคุณ ปวีรัศม์ชานะครับ (มันตอบเเบบปกติไม่ได้ครับ)

    รายละเอียดในเรื่องของสมถะกรรมฐาน หรือวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าจะให้ผมตอบให้เเบบละเอียดว่ากองไหนๆ หรือเเบบไหนอย่างไร ผมคงตอบให้ลักษณะนั้นไม่ได้ครับ เพราะคงรู้ไม่มากพอ เพราะผมเองไม่ได้อ่าน ได้ศึกษามามากเหมือนหลายๆท่านครับ เเต่รู้เท่าที่รู้ รู้เท่าที่เห็น รู้เท่าที่เอาไปใช้ปฏิบัติ คุณลองนำไปเปรียบเทียบ ไปอ้างอิงดูเองนะครับ

    เเละถ้าจะเอาประเด็นหลักเเบบเนื้อๆ ย่อๆให้ คือ การเห็นไตรลักษณ์ครับ

    วิธีการปฏิบัติ คือ มรรคมีองค์ 8

    ย่อลงมาอีก คือ ทาน ศีล สมาธิ ภาวนา

    ซึ่งวิธีที่ผมปฏิบัติเเละเขียนบอกไป ไม่ใช่จะพิศดาร ประหลาด เเหวกเเนวไปจากที่คุณเคยอ่าน หรือเคยเห็นมาครับ เพราะวิธีปฏิบัติในทางสายกลางก็ถูกต้องเเล้ว อาจจะมีเเตกต่างกันบ้างในบางส่วน บางจุด เเต่ก็มีสาระเดียวกัน คือ เห็นไตรลักษณ์ครับ

    ส่วนเรื่องกิเลสไม่เหลือเท่าเดิมเเน่นอนครับ อย่างเเรกเลยที่ไม่มีเเล้วเเน่ๆก็ ความเห็นผิดว่ากายเป็นเรา/สักกายทิฏฐิ นั่นหละครับ
    การพูดเเบบนี้เหมือนจะอวดตนว่าเป้นผู้สิ้นสังโยชน์เบื้องต่ำเเล้ว เเต่ในเมื่อถามมา ผมก็ตอบให้ตามความเป็นจริงครับ เพราะไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเเค่ไหน ความจริงที่ปรากฏก็ไม่เปลี่ยนไป ส่วนเรื่องทำดีทำชั่ว มันไม่ชัดขนาดนั้นหรอกครับ เพราะผู้ปฏิบัติเดินทางสายกลาง คือ มรรคมีองค์ 8 มีศีล คิดชอบ พูดชอบ ทำชอบ ก็ได้ชื่อว่าทำดี ละชั่วอยู่เเล้วครับ เพราะฉะนั้นมันดีมาตั้งเเต่ก่อนหน้าเเล้ว เเละก็ดีต่อไปอย่างนั้น
     
  2. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    เป็นแบบนั้นล่ะครับ
    "หลังการเห็นแจ้ง" ธรรมที่ได้ยินมาต่อจากนั้น
    จะเข้าใจไปหมดทุกอย่าง
    จะเป็นธรรมของลพ. ลป. ลต.
    หรือแม้แต่ธรรมของพระพุทธองค์
    เหมือนเข้าใจได้ง่าย
    และเข้าใจถูกต้องตามธรรมด้วย
    จะเห็นธรรมทั้งหลายสอดคล้องกัน
    แบบไม่น่าเชื่อ

    ข้อนี้น่าจะเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่เกิดขึ้น
    หลังจากเห็นแจ้งธรรม
    เหมือนก้าวกระโดด ... ความเข้าใจในทางธรรมครับ
     
  3. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ไม่ว่าผู้สอนจะเป็นพระรูปไหน ชื่ออะไร เป็นหลวงตา หลวงปู่ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ หากท่านสอนถูกตามพระพุทธเจ้า จะพบว่าสิ่งที่ท่านสอนเชื่อมโยงกันทั้งหมดกับพระรูปอื่นๆที่สอนถูกเช่นกัน หรือจะกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องเดียวกัน เเต่วิธีการสอน วิธีการพูด การใช้ศัพท์อาจจะต่างกันออกไป เเต่ล้วนมีสาระในเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น ผู้ที่รู้ธรรม เข้าใจธรรมจริงๆ ก็จะรู้จะเข้าใจสิ่งที่พระท่านสอน ว่าสอนเรื่องอะไร หรือท่านพูดถึงอะไรอยู่ โดยไม่มาเเบ่งเเยกว่า พระรูปนี้ผิด รูปนี้ถูก เพียงเพราะใช้คำศัพท์วิธีเรียกต่างไปจากที่ตนเองอ่านมาหรือรู้มา เเต่ผู้เข้าใจธรรมจริงๆ ก็จะรู้ได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน สอดคล้องเชื่อมโยงกัน ต่างเพียงวิธีสอน วิธีใช้คำเท่านั้น
     
  4. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    เห็น ไตรลักษณ์ ก็เห็น "ทั้งโลก" ครับ

    เวลาที่จิตมันเกิดปัญญา รู้เห็นความเป็นจริงขึ้น
    มันสรุปรวบยอดความรู้
    มันไม่ได้เพียงมาเห็นว่า จิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน หรือกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
    เเต่มันเห็นทั้งโลกว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
    มันเห็นเลยว่า ธรรมทั้งปวงนั้นเป็นอนัตตา ไม่มีอัตตาที่ใดเลย เราไม่มี เขาไม่มี
    มันเห็นสิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นล้วนเป็นทุกข์ทั้งหมด เพราะฉะนั้นในโลกนี้จึงมีเเต่ทุกข์ที่เกิด ทุกข์ที่ดับ นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  5. ลุงโจฮันผี

    ลุงโจฮันผี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2021
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +345
    ลุงเข้าใจว่าเป็นคนถ่อมตนว่าไม่รู้อะไร
    แต่ศัพท์แสงที่ใช้เป็นศัพท์เทคนิคชั้นสูงทั้งนั้น และมีอารมณ์แนวสายธรรมยุตเข้ามาผสมด้วย

    จุดกางเต้นท์คืนนี้ใครจะมาพักกับลุงบ้าง
    C8F373AA-178F-4A99-AFF7-1E8A70A7DCD4.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2021
  6. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675

    การบอกว่าตัวเองฝึกสมถะ วิปัสสนารูปแบบไหน มันจะเป็นตำราตรงไหน คนอ่านเขาจะได้รู้เหตุด้วย ว่าคุณฝึกยังไง ขนาดพระบรรลุแล้วยังจำได้ว่าท่านฝึกอะไรอยู่

    ก็คือจิตถึงไตรลักษณญาณ เห็นนิพพาน แต่ยังไม่เป็นนิพพาน เห็นสภาพดิ้นรนของสรรพสิ่งหนีจากสิ่งหนึ่งไปสิ่งหนึ่งตลอดเวลาไม่จบสิ้น อุปมาแบบหมาแทะกระดูกกินไม่รุ้จักอิ่ม คืออารมณ์กามสุขที่ปุถุชนเขานิยมชมชอบว่าดี แบบนี้ถูกมั้ย

    - จิตจะยอมรับไตรลักษณ์ต้องเห็นจากตัวเองออกไปก่อน ถึงจะไปแมทซ์สภาวะกับทั้งจักรวาลได้ ถ้าเห็นแต่ไตรลักษณ์จากตัวเองยังไม่ใช่

    - ธรรมหรือทุกสรรพสิ่งต้องสอดคล้องกันอยู่แล้ว เพราะทั้งหมดมีธรรมชาติเดียวกันคือตกอยู่ใต้กฎไตรลักษณ์อันนี้อันเดียว แต่ที่เราไม่เห็นกันเพราะจิตอัตตาเขาบังอยู่
     
  7. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    สมถะ : อนุสสติ 10 (ปกติธรรมดาทั่วไปครับ อย่าง การกำหนดอารมณ์พุทโธ)
    .
    .
    วิปัสสนา ผมฝึกประเภท :วิปัสสนาปุพพังคมสมถะ
    เป็นประเภทที่นำวิปัสสนานำหน้าสมาธิครับ อย่างตรงที่มีสติตั้งมั่นอย่างเป็นกลางต่อสภาวะธรรม ตรงที่สติเกิด สมาธิเกิดตามเช่นกันครับ เป็นสมาธิระดับขนิกสมาธิ
    .
    .
    สติปัฏฐาน : ใช้จิตตากับเวทนาเป็นทางหลักครับ หรือเรียกโดยรวมๆก็ ดูจิตครับ
    มีดูกายบ้างเเต่ถนัดดูจิตที่สุด

    ผมไปศึกษา เทียบเคียงมาให้ ให้ตรงตามวิธีที่ผมใช้ปฏิบัติก็ตามนี้ครับ ถ้ามันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ ผมจึงมาเขียนตอบให้อีกครั้งนึง

    ผมไม่ชำนาญเรื่องการรู้ชื่อ จำชื่อ หรือพวกสมมุติบัญญัติมากนัก อย่างที่ผมอุปมาเรื่องของชายเห็นเสือไว้ ก็มีลักษณะอย่างนั้น คือ ผมรู้ ผมเข้าใจ เเต่บางอย่างผมก็ไม่ได้รู้ชื่อว่าเรียกอย่างไร ผมจึงเน้นอธิบายลักษณะอาการไปเเบบนั้น เพราะถึงเเม้จะปฏิบัติก็ไม่ได้ทำให้รู้ชื่อ รู้สมมุติบัญญัติของสภาวะธรรม หรือ กรรมฐานได้ เเต่สิ่งเหล่านี้รู้ได้จากการอ่าน ศึกษา จดจำ หรือปริยัติ

    ในครั้งที่ปฏิบัติในช่วงเวลานึง จนเกิดสภาวะเกิดอาการที่บรรยายไป ในช่วงเวลานั้นผมก็ไม่ได้อ่านมากจำมากครับ เเต่จำเท่าที่ต้องนำมาใช้ เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า ผมปฏิบัติจนเกิดผล เเล้วมาศึกษาผลนั้นในภายหลังว่าเรียกอย่างไร ขั้นไหน ลักษณะใด อย่างนี้ครับ ไม่ใช่การอ่านมาก จดจำไว้มาก เเล้วค่อยนำไปปฏิบัติ

    อย่างเช่น บางท่านเป็นประเภทศึกษาเรื่องวิปัสสนาญาณไว้มาก ศึกษาอาการต่างๆจำไว้มาก เเล้วนำไปปฏิบัติ จึงรู้ได้ว่าถ้าปฏิบัติไปถึงตรงนี้ ตรงนี้ เเล้วจะมีสภาวะอย่างนี้ อาการอย่างนี้
    เเต่ในกรณีของผม ใน ณ ขณะนั้นที่ฝึก ไม่ได้รู้ ได้จำอาการ สภาวะที่จะเกิดครับ เพราะฉะนั้นผมปฏิบัติไปโดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงกล่าวได้ว่าเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นจริง ไม่สามารถที่จะมาจากการจำเอามาปรุงเเต่ง มโน ในหัว อย่างที่บางท่านกล่าวหาได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2021
  8. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    เรื่องที่ว่าเป็นจิตเข้าไปยอมรับไตรลักษณ์ ไม่ใช่จากตัวเอง
    อันนี้มันต้องเเน่นอนอยู่เเล้วครับ หรือจะว่าที่จริงมันไม่มีเงื่อนไขที่ว่า เราไปเห็น หรือจิตไปเห็น เพราะความจริงมันไม่มีเราที่ไหนที่จะเข้าไปเห็นได้ครับ สิ่งที่เข้าไปเห็นคือจิต สิ่งที่เกิดปัญญาก็คือจิต สิ่งที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นคือจิต ไม่ใช่เรา มันไม่มี"เรา" ที่ไหนให้มาเกิดปัญญา หรือมารู้เเจ้งได้

    เรื่องอัตตา อนัตตา
    ผู้ที่เจริญมรรคมีองค์ 8 ให้มากเเล้ว ให้ยิ่งเเล้ว
    ย่อมทราบดีครับว่า ธรรมทั้งปวงนั้นเป็นอนัตตา ไม่มีอัตตาในกาย ไม่มีอัตตาในจิต ไม่มีอัตตาในนิพพาน ไม่มีอัตตาที่ใดเลย ธรรมทั้งปวงล้วนเเล้วเเต่เป็นอนัตตาทั้งสิ้น
     
  9. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    ถ้าเทียบระหว่าง จขกท กับหมูไหม้ การเล่าเรื่องหมูไหม้จะธรรมชาติกว่า แต่คุณจขกท เหมือนนักเขียน อันนี้ไปหาอ่านจากตำรา เอามาเทียบกับสภาวะตัวเอง เพื่อให้คนอื่นเข้าใจด้วยใช่มั้ย ปกติคนเล่าสภาวะ จะไม่ค่อยพูดมรรคมีองค์8 บ่อยๆ หรือขยายกาย เวทนา จิต ธรรม พร้อมบรรยายสรรพคุณเป็นกิโลแบบนี้หรอก

    โดยสายวิปัสสนานำ คนได้สภาวะตัวปัญญา ถ้าไม่มีครูสอน ต้องไปเช็คลำดับญานอยู่แล้ว

    การไม่เห็นตัวตนบุคคลเราเขา จะเอาอะไรเข้าไปเป็นเรา เข้าไปเกี่ยวข้องหล่ะคุณ จขกท ก็เหมือนคนยืนดูนี่นั่นเฉยๆ ไม่ได้ไปมีเอี่ยวด้วย

    การเห็นอนัตตาในทุกสรรพสิ่ง แบบทะลุปุโปร่ง ไม่มีความเป็นอัตตาเข้าไปบังหรอก โดยสภาวะของปัญญาตัวนี้ก้อทำงานแบบนี้แหล่ะ

    หลายคนเขาก้อฝึกแบบไม่รุ้ตำรา ไม่ใช่แค่คุณหรอก แต่เขาไปหาอ่านทีหลัง เพื่อว่าเวลาคุยกะคนอื่นจะได้เข้าใจกันง่ายๆ หรือถ้าคนสมาธิดีๆ หน่อยก้อรู้เลยว่าสภาวะตัวนี้คืออะไร

    แล้วสภาวะไม่ได้บอกคุณหรอ ว่าปัญญาที่คุณเห็น ก้อเป็นเงาจิต เป็นอารมณ์ที่จิตเสพเหมือนกัน เชื่อไม่ได้

    ตามที่อ่านคนได้โสดามาตั้งทู้ คล้ายๆ จะมาธีมนี้กันหลายคน
     
  10. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    กั๊กๆๆๆๆๆ

    สรุป ทั้งหมด แค่ "ผลึกความคิด" ที่ไป รวบๆเอามา ลวกๆ จิ้ม ฮับ

    "จิตตั้งมั่น" นี่ คนไม่รู้จริง ก็จะเอาไว้นำหน้า กันหมา คล้ายๆ
    สมาชิ หมูไหม้ ที่ถกเถียงมาสักพักใหญ่ ก็ได้ กิมมิค เอามา
    พูดนำหน้า ไว้เป็นไม้กันหมา หากกล่าวขยายไปจาก สิ่งที่
    อุปโลคไว้เป็นไม้กันหมา มันเหมือน จะตีหาทางได้ครบหมด

    แต่ในทางปฏิบัติ "จิตตั้งมั่น" ไม่ใช่เรื่อง สมแทะนำหน้า วิปัสสนานำหน้า
    และอีกทั้งก็ไม่ใช่ สมแทะและวิปัสสนาเคียงคู่กันไป (สัมปยุติ หรือกร่อน
    ลงมาหน่อยจะเป็น อัญญามัญญะ คือ มันแค่ไม่ก้ำเกินกัน )

    ซึ่งกล่าวมาตรงนี้ คนคล่องตำรา อานันทะ มหิตลา รามา
    อุปฐากาธิบดี ก็จะทราบว่า เป็นอีกหัวข้อหนึ่ง ซึ่งไม่มี
    พระร่วมสมัยในโลกนี้กล่าวถึงเลยแม้นแต่คนเดียว ทั้งนี้
    เพราะ "มุดตรงไหน" กดธรรมเอาไว้ พระธรรมจึงไม่อาจ
    ฉายแสงได้เลย ต่อให้ เลยสวนเสือป๊าป ก็เสร็จรัดษาวงกำกระถาง
    ไปกับเขาด้วย ธรรมสามัคคี ธรรมสามัคคี จึงไม่อาจเป็น
    ก้านไม้ขีดเดียวดายแอบรักดอกทานตะวัน ( ซึ่ง พระที่
    ภาวนาตรงนี้มากสุด ก็เป็น พระองค์เดียวที่สามารถ
    ตอบสหธรรมิกว่า ทรงปรินิพพาน หรือจยังก์ อันจะ
    เห็นได้จาก การเดินโซซัดโซเซป้อแป้ๆ ไปถามอุปติสสะ)

    คำว่า สามารถภาวนาได้ "โดยไม่ต้องรู้ชื่อ" นั้น ก็คน
    ละเรื่องกับ การอ่านตำรา หรือไม่อ่านตำรา หากภาวนา
    เป็นจนสามารถ รู้แระว่าก่อนบ่ายพฤหัส ทำไมตอบ
    ธรรมสากัจฉาดเดอะไนน์โอบีวันว่า " รู้ว่าไม่รู้ คือสุดยอดการรู้ "

    คนทำกะเศษตะกอน จะอ๋อ ปัดโถ ก็ "ไม่รู้" นั่นแหละ
    ที่ใช้เป็นบัญญัติในการรู้ ( คนภาวนาไม่เป็น จับไปกระเดียด
    แบบ จขกท งง เต็ก )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2021
  11. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ไหนๆ ก็ ไหนๆ แระ

    ขอ ขนมยายในส่วน อัดดะส้มพิธา ยาน ซะหน่อย

    การภาวนาไม่มีฮับ ไม่ได้ สดับธรรม ไว้ก่อนหน้า
    เพราะ อาการภาวนายังไงก็ต้อง มี สัญญา นำหน้า

    พอบึ๊ดจั๊บบึ๊ด เขาไป แตะ จับ กมลชนก ได้ ก็จะเรียกว่า รู้ธรรมนั้น

    จะเป็น ปัญญาหรือไม่ อยู่ที่ ตรีรัก รักการดีให้ใบเซอร์
    เรียกว่า รู้ชัด อาการรู้ชัด ติดๆดับๆ ไม่เที่ยงแม้นการรู้
    นั่นแหละ ปัญญา ไม่ใช่ รู้แล้วค้างเติ่งแม้น รู้ธรรมนั้น

    บุคคลใด รู้ไดสอง อักขระ ธรรม พระศาสดาเรียก พหูสูต

    แต่ คนใดรู้ อาการเข้าไปรู้ มีเหตุเพียงเท่านี้ตาม
    ที่ บันลาตา ไปข้างบนนั้น ขอโทด !! อุปปติสสะบอกว่า
    จะเป็น อัดดะสัมพิทา ยานโตงเตง ได้เลย นะฮับ
    ไม่ธรรมะดา อื๊อฮือ ไม่ธรรมดา ( แอบลุ้น กะเสตะกอน อะฮับ
    ควรไม่ควรแล้วแต่ จะบึ๊ดจั๊มบึ๊ด )

    ซารุป อัดดะสัมพิทา ไม่ใช่เรื่อง กางตำราสู้

    แต่เป็น จะพูดยังไงก็ได้ เพราะรู้ว่า นั่นคือทางสายเดียว
    มรรคมีหนึ่งเดียว ไม่มีกิจอื่นมากกว่านี้ ยิ่งหาก
    เป็นค่ายอุปปติสสอิงคยุทธิ จะยิ่งละ อัสมิมานะ ก็โดย
    "สัญญา" นั่นแหละ นานนนนนแว้ววววววววววววว


    ปล : น้องๆหนูๆ พึงทราบว่า รู้ธรรมมาก รู้ธรรมน้อย
    ที่เป็นเรื่องอ่านตำรามาก อ่านตำราน้อย พระที่ภาวนา
    เป็นจะไขว้ไป กล่าวเรื่อง ตำรา เอาไว้หลอกพวกภาวนา
    ไม่เป็น หงายมหา ตั้งแต่ไก่โฮ่ เลยทีเดียว แสมขาวก็ด้วย
     
  12. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    เรื่อง มุดตรงไหน กด พระธรรม ไว้ ป๋มก็บ่ได้กล่าวเอง

    หลวงปู้จิกเจ้าของ มุดตรงไหน กล่าวไว้เอง ว่า
    เดินหนไม่ข้ามขอนไม้ อีกทั้งไม่ได้เปิดตู้

    ธรรมมันก็บอกอยู่แล้วว่า กดพระธรรมไว้

    ศิษยมุดตรงไหน ได้แต่เล่าความ "ไม่ได้เปิดตู้"
    แต่ก็ดันอธิบายว่า เก่งกว่าเปิดตู้ โอ้ลาพ่อ

    " ไม่เคารพธรรม " ได้แต่อ้างว่า รักจานๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2021
  13. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    AWF ทำให้ผมคิดไปถึง คุณพี่อนุวัฒน์ เฟื่องทองแดง เลย
    หยอกๆ
     
  14. มาเปิดเพลง

    มาเปิดเพลง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2021
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +469
    มีกาแฟดำๆเพลงเบาๆกะวันเหงาๆ
    บรรยากาศคนแก่เลย
     
  15. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    อาศัย อำนาจ แห่งธรรม จขกท ( คงไม่เอาเข้าตัว นะ
    หาก ยังเอาธรรมเข้าตัว ก็จะ รู้สึกไปว่า คนเขากำลัง
    สนใจ ทะลุ หรือ ไม่ทะลุ )

    อาศัย อำนาจ แห่งธรรม จขกท มาชวนสังเกต

    ลักษณะของ สัญญา ขัน จุกกรู้ !!!

    การไปที่เห็นว่า ธรรมกล่าวไปแล้ว กลับไปอ่าน
    แล้ว รู้สึกทะลุหมดเลย ใช้สอนได้หมด

    ตรงนี้เกิดเมื่อไหร่ ให้รู้ว่า โดนมันหลอกแล้ว

    เพราะ ของจริง เวลารู้จริง มีแต่ขนลุก
    รู้ได้ยากยิ่ง ขนาดเจ้าของศาสนายัง
    รำพึงว่า ยากยิ่ง

    ดังนั้น เวลา รู้จริง แล้ว ง่ายไปหมด อะไรก็
    สอนได้ ให้สังเกตไปเลยว่า โดนมันหลอก

    ค่อยมาว่าเรื่อง ตั้งมั่งไม่ตั้งมั่ง

    ลพเขาแดงเล็ก จะกล่าวตรงนี้บ่อย "พี่เป้าๆ" มันร้าย
     
  16. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ผมเข้าใจ จขกท. นะฮับ..ถึงแนวการเขียน

    ถ้าย้อนไป 8 ปีที่แล้ว
    ...หลังการเห็นแจ้ง น่าจะไม่กี่เดือน
    ผมก็เขียนแบบ จขกท.
    ตรงนี้ไปย้อนอ่านได้ในยูส "xeforce"
    และสิ่งที่ผมเน้น ก็คือ "มรรคมีองค์8"นี่ล่ะ
    มีความเหมือนกันกับจขกท.
    แบบตกใจทุกครั้งที่อ่าน

    ส่วน" จิตตั้งมั่น" ผมเน้นมาตั้งนานแล้ว
    ถ้าย้อนไปอ่านข้อความเก่าๆของผม

    ส่วนที่เห็นไม่นานนี้
    มันเป็นเรื่องของการถกกัน..
    ตอนนั้นควรเน้นเรื่องอะไร...
    ไม่ใช่กิมมิก...กันหมา 555
    จะเห็นบางทีผมจะเน้นบางคำแค่นั้น
    บางทีก็"พูด"ถึง"ผล" บางทีก็"ไม่พูดถึง"เลย
    มันแล้วแต่ตอนนั้น... คนพูดถึงอะไรกัน

    จขกท. ถ้าเขียนไปเรื่อยๆ
    ผมก็คิดว่า..จขกท.จะกระชับคำ
    แบบที่ผมเป็นตอนนี้...
    ซึ่งผมเองก็เลียนแบบสกิลนี้มาจากคุณเอกวีร์
    ถือเป็นไอดอลผมเลย

    เท่าที่อ่านมาแม้จขกท.จะใช้ภาษาเป็นทางการ
    จนเหมือนอ่านตำรามา...
    แต่รับประกันได้ถ้าไม่เกิด "การเห็นแจ้งจริง"
    ไม่มีทางจะ"เน้น"จุดสำคัญของการปฎิบัติได้

    ทั้งตอนขณะเห็นแจ้ง "จะเกิดการสรุปรวม"
    ว่าทุกสรรพสิ่ง ทั้งโลกทั้งจักวาล
    มีสภาพเดียวกัน

    ทั้งการเน้น "มรรคมีองค์8"
    ทั้งการเน้น "จิตตั้งมั่น" และอื่นๆ

    ซึ่งทั้งหมด จขกท. เน้นได้ตรงจุด
    คนที่อ่านตำรามาโดยไร้ผลลัพท์
    ไม่มีทางทำแบบ จขกท.ได้

    ส่วนตัวผมไม่สงสัยใน จขกท.
    จากที่อ่านมา...
    เพราะมันแบบเดียวกับที่ผมเห็นแจ้งมา
    แทบจะถอดด้ามมาเลย
    ถ้าหลายคนเคยอ่านผ่านๆที่ผมเขียนมา

    และนี่คือผลจะการปฏิบัติที่ถูก
    ตาม"มรรคของพระพุทธองค์"
    อย่างน้อยมีอีกหนึ่งคน... มายืนยันมรรคผล
    เพราะคนที่เกิดผลจริง...
    ...ย่อมนำทางตัวเองได้
    ...ย่อมเห็นทางที่ตัวเองเดินมา...และบอกเล่าได้
    ...ย่อมอาจหาญที่จะบอกผลลัพท์นั้น

    เพราะมรรคผลไม่ใช่เรื่องน่าปกปิด ปิดบังอะไร
    เป็นเรื่องที่ควรเปิดเผย ...
    และไม่กลัวต่อการท้าพิสูจน์
    เพราะความจริงเกิดยังไง.. พิสูจน์ยังไง
    ผลลัพท์นั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดคนอื่น...
     
  17. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ถึงคุณ พยาตีนลายจุด กับปวีรัศม์ชานะครับ
    ผมขอหยุดโต้เถียงพวกคุณ ที่หยุดไม่ใช่เพราะเถียงโต้ตอบต่อไม่ได้ เเต่เพราะหากถ้าผมโต้ตอบกลับไปอีก จะเป็นไปเพื่อ 2 สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ คือ
    1.ถกเถียงเพื่อหาคนชนะ ว่ากูถูก หรือ มึงผิด การถกเถียงเเบบนี้ มีโทษมากกว่ามีคุณ มีเเต่จะเพิ่มทิฐิมานะตนเอง
    2.เป็นการถกเถียงที่เป็นไปเพื่อความขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ

    เปรียบเหมือนรถ 2 คันขับมาถึงทางเเยก จากคนละเเยกกัน เเละกำลังพุ่งเข้าชนกัน เพราะฉะนั้นผมขอเลือกที่จะหยุดดีกว่าการที่จะขับต่อไป
    ถ้าการถกเถียงเป็นไปเพื่อเเค่ว่าต้องการให้ผมเป็นผู้ผิด เเละคุณถูก เพราะฉะนั้นผมเป็นฝ่ายยอมก็ได้ครับ
    สิ่งที่ผมเขียนก็เขียนไปตามที่เห็น ตามที่รู้ เห็นอย่างไร รู้อย่างไรก็เขียนเเบบนั้น เเละได้ตอบได้อธิบายเท่าที่ควรจะทำเเล้ว

    จะเป็นประโยชน์มากหรือน้อยเท่าใด ก็ให้เป็นไปตามปัญญา เป็นตามการพิจารณาของผู้อ่านเเต่ละท่านเอง ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดไม่ใช่

    ที่ว่ารู้ ก็รู้กันได้ทั้งนั้นเเหละครับ เเต่เพียงเเค่ว่า เป็น รู้จำหรือรู้จริง เท่านั้นเอง

    ขอให้นักปฏิบัติทุกๆท่านรวมถึงคุณ 2 คนไปให้ถึงมรรคผลให้ได้ในชาตินี้นะครับ เพียรให้มาก พยายามให้มาก ชีวิตไม่เเน่นอนตายได้ทุกเมื่อเสมอ สุดท้ายเเล้วจะพบทางที่ถูกหรือผิด ก็สุดเเล้วเเต่กรรมเถิดครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  18. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    การพิจารณา ประโยชน์ ก็ต้องอาศัย ปัจจัย

    ประโยชน์ จะเกิด เพื่อทราบว่า ผู้สดับธรรม มีฉันทะ สัญญาอย่างไร

    การแสดงธรรม โดยไม่มี ปัจจัย คือ ไม่รู้ว่า ใครมาสดับ
    จัดเป็น การแสดงธรรมที่เรียกว่า ไม้กันหมา สูตรลับ ธรรมจ๊ะจ๋า

    ประโยชน์ จะเกิดลอยๆ ไม่ได้

    ประโยชน์ ต้องเกิด ตามปัจจัยการ เท่านั้น

    สัจจใด แม้นจริง แต่ ไม่มีกาละเทศะ ในการ ทำประโยชน์

    ศีลเรื่องสัมมาวาจา ไม่ต้องไปพูดถึง

    เมื่อ สัมมาวาจา ไม่มี

    ปรกติอยู่เอง ที่ ภัยเวร5ประการจะเกิด

    เมื่อ ภัยเวร5ประการปรากฏที่ใด ที่นั่น ไม่มี อริยะชั้นต้น
     
  19. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ส่วน กุปธรรม อกุปธรรม

    เปลี่ยนแปลงได้ หรือ ไม่แปรเปลี่ยน

    คนรู้ไม่จริง ก็เข้าใจไปว่า สัญญาขันกรู้ ไม่เปลี่ยน
    สมองไหม้(เซลสมองมันถูกใช้ มันก็ปวดหัว ร้อนหมอง)
    ก็พึงสังเกต หากมันไหม้ จนเป็น แผ่นเสียงตกร่อง
    ไม่เปลี่ยน ก่อนตาย ก็ ระร่ำระลักเช่นนี้แน่ อันนั้น
    คือ สัตว์สัญญาเสีย ปิดนิพพาน

    ส่วน อกุปธรรม อกุปธรรม มันเป็นเรื่อง "ธรรมที่พ้นปัจจัยการ"

    ซึ่ง รู้ไม่จริง พูดไม่ได้

    และ รู้จริง ก็ไม่ต้องพูด เว้นแต่ กาละเทศะมี
    หรือ คนเขาให้ข้าวหนึ่งเมล็ดมา ก็พอเป็นเหตุ
    ให้แสดง ( แค่ให้แสดง ) ไม่ได้กล่าวถึง ข้ามต้มมัดประโยชน์
     
  20. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278

แชร์หน้านี้

Loading...