ทำไมกระดูกจึงกลายเป็นพระธาตุ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย oatspace, 25 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. oatspace

    oatspace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +339
    พระธาตุ วิสัชนาธรรมโดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    ถาม : ทำไมพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เมื่อนิพพานไปแล้ว กระดูกจึงกลายเป็นพระธาตุ

    หลวงพ่อ : หลักของการปฏิบัติธรรม เพื่อทำสติให้เป็นมหาสติ ซึ่งเรียกว่ามหาสติปัฏฐาน 4 พระพุทธองค์ทรงสอนให้กำหนดพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม การพิจารณากายก็คือ การเจริญกายคตาสติ กำหนดเพ่งดู ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ฯลฯ ในขณะที่เพ่งลงไปนั้น เมื่อจิตสงบลงไปแล้ว เราจะมองเห็นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีลักษณะใสเหมือนแก้ว มองไปที่ผม ๆ ก็เป็นแก้ว มองไปที่ขน ๆ ก็เป็นแก้ว ทีนี้ในเมื่อจิตมาท่องเที่ยวอยู่ในกาย นักปฏิบัติท่านเอากายเป็นเครื่องอยู่ของจิต เป็นฐานที่ตั้งของสติให้เป็นมหาสติ ยิ่งจิตมีความละเอียดขึ้นเท่าไร ความสว่างไสวปรากฏขึ้นในกายอย่างน่าอัศจรรย์ มองไปที่ไหน ๆ ก็เป็นแก้วไปหมด ทีนี้ถ้าหาก ท่านผู้นั้นมีจิตบริสุทธิ์สะอาด บรรลุพระอรหันต์เมื่อไร ในเมื่อท่านนิพพานไปแล้ว ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท่าน ก็กลายเป็น พระธาตุ ไปหมด

    พระธาตุบางท่านก็ใส ของบางท่านก็ไม่ใส อันนั้นเป็นเรื่องความสว่างไสวของจิตของแต่ละท่าน ตัวอย่างที่เปรียบเทียบก็คือว่า เช่นอย่าง หมอเรียนวิชาไสยศาสตร์ เขามีมนต์ต่อกระดูก เช่นอย่างกระดูกหักนี้ เขาท่องแต่เพียงคาถาอาคมแล้วก็เป่าลงไปเท่านั้น สามารถต่อกระดูกได้ พวกไสยศาสตร์นี้เขาไม่ได้อาศัยสมาธิอย่างละเอียดเหมือนการปฏิบัติสมถวิปัสสนา เพียงแค่น้อมใจเชื่อคาถาอาคมที่เขาเรียนมาเท่านั้น แล้วในเมื่อเขาเป่าลงไปนั้น ก็สามารถทำให้กระดูกต่อเข้ากันได้

    ถาม : พระธาตุที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ จะทราบได้อย่างไรว่า เป็นพระธาตุจริงหรือพระธาตุปลอม

    หลวงพ่อ : เรื่องนี้ถ้าหากเราสงสัย เราไม่สามารถจะทราบว่าอะไรเป็นของจริง อะไรเป็นของปลอม เราไปเทียบกับพระพุทธรูปที่เราหล่อขึ้น เราสมมติว่านี่เป็นพระพุทธรูป นี่เป็นองค์แทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรากราบไหว้บูชาก็เป็นบุญ พระธาตุนี้ที่มีลักษณะเป็นพระธาตุ ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเป็นพระธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ แต่เราสมมติเอาเป็นพระธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราสักการะบูชาก็เป็นบุญเป็นกุศล จะจริงหรือไม่จริงไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่จิตของเรานี้ว่า เชื่อในพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่

    ถาม : อัฐิของพระที่มรณภาพแล้ว กลายเป็นพระธาตุขึ้นมานั้น เพราะเหตุใด

    หลวงพ่อ : อัฐิของพระที่มรณภาพแล้ว กลายเป็นพระธาตุขึ้นมานั้น จะต้องเป็นอัฐิของพระอริยบุคคล ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบันขึ้นไป ทีนี้มีปัญหาว่า ทำไมกระดูกคนที่ตายไปแล้ว แม้จะเก็บไว้สักพันปี หมื่นปี ก็ยังเป็นกระดูกอยู่อย่างเดิม ไม่แปรสภาพเป็นอย่างอื่น นอกจากจะผุพังไปเป็นดิน เป็นหญ้า ไปเท่านั้น แต่กระดูกของพระอริยบุคคลนี้ ทำไมกลายเป็นพระธาตุขึ้นมาได้ อันนี้เป็นปัญหาที่น่าสงสัย ถ้าหากเราจะไปนึกถึงหลักการปฏิบัติ เกี่ยวกับเรื่องมหาสติปัฏฐาน กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เฉพาะกายานุปัสสนาสติปัฏฐานนี้ เราตั้งกายของเราเป็นฐาน ที่ตั้งของสติ เป็นฐานที่รู้ของจิต เพื่อเป็นการฝึกฝนอบรมสติให้มีประสิทธิภาพขึ้น จนกลายเป็นมหาสติ

    ทีนี้โดยทางปฏิบัติแล้ว พระผู้ที่ปฏิบัติท่านเพ่งอาการ 32 ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น เป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติ ในเมื่อกายคือ อาการ 32 ถูกเพ่งบ่อยเข้า จิตเกิดมีสมาธิ แล้วย่อมเกิดนิมิตให้เห็นในกายทั่วไป ส่วนมากสิ่งที่ปรากฏให้รู้เห็นอยู่นานที่สุดก็คือกระดูก มีโครงกระดูก เป็นต้น ในบางครั้ง ในเมื่อจิตวิ่งเข้ามาดูกายแล้วก็มาสงบสว่างในกาย จิตจะมองทะลุกายออกมามีลักษณะ ดูเหมือนคล้าย ๆ กับแก้วโปร่ง มีความใสเหมือนกับแก้วโปร่ง

    เพราะฉะนั้น กระดูกของพระอริยบุคคล ถูกจิตที่บริสุทธิ์สะอาดเพ่งเป็นวิหารธรรมอยู่บ่อย ๆ ด้วยอิทธิพลของจิตนั้น จะสามารถทำให้กระดูกของท่าน เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว กลายเป็น พระธาตุ ขึ้นมาได้

    สำหรับทฤษฎีในทางอื่นนั้น ไม่สามารถที่จะนำมาประกอบกับปัญหานี้ได้ แต่ถ้าจะพิจารณาตามประสบการณ์ที่เคยผ่านมาแล้ว รู้สึกว่าจิตเมื่อเพ่งดูโครงกระดูก
    จะรู้สึกว่าโครงกระดูกนั้นมีความใสเหมือนแก้ว เพราะในขณะนั้นจิต สงบ สว่าง แล้ว เกิดนิมิตขึ้นมาพอมองเห็นได้ ข้อเปรียบเทียบก็คือว่าขณะที่ว่าพระอริยบุคคล ที่ท่านเพ่งดูอาการ 32 คือ ร่างกายของท่านจนจิตเกิดเป็นสมาธิ รู้จริง เห็นจริง ภายในกาย แล้วมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมีความใสสะอาด สว่าง ไสว ไปหมด ภายในกาย เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว กระดูกก็กลายเป็นพระธาตุขึ้นมาได้ อันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่น่าสงสัยเท่าไรนัก แต่สำหรับนักเรียนมนต์ไสยศาสตร์เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแต่คาถาอาคมแล้วไปเสกน้ำมัน ไปทาแล้วก็เป่าในขณะที่คนขาหักแขนหัก ก็ยังมีประสิทธิภาพพอที่จะต่อกันได้ เพราะด้วยอำนาจแห่งพลังมนต์และพลังจิต

    ฉะนั้น จิตของท่านผู้บำเพ็ญสมาธิภาวนานี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าจะมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำให้กระดูกกลายเป็น พระธาตุ ขึ้นมาได้

    อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม และดูรูปพระธาตุต่างๆ ได้ที่
    http://www.pratatlanna.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=4
     
  2. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ขอนำธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวมาเสริมนะครับ


    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด<o></o>
    เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๓๕<o></o>
    อำนาจของจิตที่บริสุทธ


    จิตที่บริสุทธิ์ครองขันธ์อยู่นี้มันจะฟอกกันอยู่ตลอดเวลา ฟอกโดยหลักธรรมชาตินะ คือจิตที่บริสุทธิ์นี่มันจะฟอกขันธ์โดยหลักธรรมชาติ ธรรมดานี่มันก็ฟอกอยู่ในตัว แต่ถ้ายิ่งเข้าสมาธิภาวนาด้วยแล้วนั่นยิ่งเป็นการฟอกในตัวเลยนะ ฟอกโดยตรง เช่นเข้าสมาธิภาวนาส่งจิตเข้ามานี่จิตจะเข้าอยู่ข้างในนี้แล้วมันจะซักฟอกโดยหลักธรรมชาตินะ ไม่ได้เหมือนเราซักผ้าละน่ะ พูดอย่างนั้นก็พอเข้าใจละซิเรื่องของจิตเรื่องของวัตถุมันต่างกัน อยู่ธรรมดานี้จิตบริสุทธิ์ก็ซักฟอกออกกระจายออกหมด เพราะฉะนั้นเวลาท่านล่วงไปแล้วอัฐิท่านจึงกลายเป็นพระธาตุ กลายเป็นพระธาตุคือธาตุที่บริสุทธิ์ ของส่วนหยาบนี่ออกจากใจที่บริสุทธิ์นี่ ซักฟอกกระจายออกหมด นี่ก็ ๓๘ ปีมันก็ควร นี่ก็เป็นแล้ว เมื่อวานนี้เขามาบอกว่าเป็นแล้ว เป็นได้ปีกว่านิดหน่อยนะ ก็เป็นธรรมดา<o></o> อย่างหลวงปู่พรหมที่เราเคยพูดกำชับพวกลูกศิษย์ที่ไปเผาศพด้วย บอกว่าให้พยายามเอาอัฐิของท่านอาจารย์องค์นี้ให้ได้นะ อัฐิของท่านอาจารย์องค์นี้จะกลายเป็นพระธาตุแน่นอนเราบอก นี่ก็ปีกว่าเป็น เป็นเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์พรหม อย่างท่านสิงห์ทอง นี่ก็ปีกว่า
    อย่างนั้นละอำนาจของจิตที่บริสุทธิ์ ถ้าความบริสุทธิ์อย่างแบบขิปปาภิญญา คือรู้อย่างรวดเร็วนี้ก็ไม่แน่นะว่าจะเป็นพระธาตุได้ง่ายดาย เพราะรู้ได้เร็วแล้วก็ตายเร็ว จิตนี้ไม่ครองขันธ์อยู่นานก็ยังไม่ได้ฟอกเต็มที่ นี้อาจจะช้า ขิปปาภิญญาคือรู้เร็วแล้วก็ตายเร็วไม่ได้ครองขันธ์นาน มีหลายประเภท ประเภทหนึ่งจิตตั้งแต่ขั้นสมาธิไป สงบไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ขั้นสมาธิก็มีไปเรื่อยๆ อย่างนั้นนะจนกระทั่งถึงขั้นปัญญาขั้นวิมุตติหลุดพ้น ค่อยไปอย่างเชื่องช้าอย่างนี้นะ<o></o>
    พอถึงจุดแล้วไม่นานตายนี้ก็เป็นได้เร็วเหมือนกัน เพราะฟอกไปโดยลำดับแล้วนี่ ฟอกเป็นเวลาช้านานกว่าจะถึงจุดสุดท้ายคือความหลุดพ้น อันนี้หากว่าท่านจะนิพพานเสียในเวลาไม่นาน อันนี้ก็มีทางที่จะกลายเป็นพระธาตุได้เร็ว เพราะมันฟอกไปตั้งแต่นี้ ไปด้วยความเชื่องช้าใช่ไหมล่ะ มันฟอกไปในตัว อย่างรวดเร็วนี้ไม่ได้ฟอก มันมีหลายขั้น ขั้นสำคัญก็คือว่าจิตบริสุทธิ์แล้วครองขันธ์อยู่นาน ที่สำคัญมากอยู่ตรงนั้นนะ<o></o>
    คือการครองขันธ์นี้ไม่จำเป็นจะต้องเข้าภาวนา จิตที่บริสุทธิ์ย่อมเป็นธรรมชาติที่จะกระจายออกสู่กระแสของร่างกายส่วนต่าง ๆ นี้ไปหมดตลอดเวลา ถึงจะเบาก็ฟอกอยู่ในนั้น ครั้นเวลาท่านเข้าภาวนาปั๊บ นั่นเป็นเวลาแล้วนะนั่นน่ะ พอเข้าภาวนานี้จิตเข้าอยู่ข้างในหมดแล้ว นั้นเหมือนว่าฟอกในตัวเลย ฟอกเป็นหลักธรรมชาติแล้วที่นี่ ฟอกจริงๆ นะนั่น มันต่างกันหลายขั้นหลายตอน หนักเบาต่างกันอย่างนั้น
     
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    อนุโมทนา.....สาธุ ครับ

    ท่านใช้จิตไปฟอกธาตุต่างๆในร่างกายจนใสสะอาด แม้กระทั่งกระดูกครับ

    บุคคลที่บังเกิดมาเพื่อจะบรรลุธรรมก็มีกายที่ใสเช่นกัน จากการมองเห็นในจิตของผู้ปฏิบัติธรรมชั้นสูง
     
  4. Famnakub

    Famnakub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,677
    ที่แน่ๆก็คือพระธาตุมีการเสด็จเพิ่มได้เอง และเปลี่ยนรูปทรงสัณฐานได้จริงๆ เมื่อก่อนก็ฟังมาเฉยๆไม่ลบหลู่แต่ก็ไม่เคยเห็น จนได้ประสบกับตัวเอง ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง มีอะไรอีกมากมายที่ยังหาคำตอบเชิงวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ณ วันนี้
    พระธาตุ 1.jpg พระธาตุที่เสด็จเพิ่ม
    พระธาตุ 2.jpg พระธาตุที่เปลี่ยนรูปทรงและสัณฐาน
    รูปจากที่บูชาในบ้านค่ะ
     
  5. Famnakub

    Famnakub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,677
    รูปที่ถ่ายองค์พระบรมสารีริกธาตุ ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลธรรมดาทั่วไป หลังจากบูชาไว้ในเจดีย์แก้วและ ผอบแก้วในห้องพระโดยสวดมนต์ปรกติ มิได้สวดบทอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเป็นพิเศษแต่อย่างใด
     
  6. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +218
    ถ้าสมมติมีคนๆหนึ่งถือฆ้อนแล้วเดินมาทางพระธาตุ แล้วอยู่ๆก็ทุบจนแหลกละเอียด แล้วคุณจะทำร้ายเขาไหม จะโกรธเขาไหม เห็นอะไรบ้างไหมครับ เราได้อะไรจากการบูชา
    ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับที่ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบจะมีกระดูกเป็นแก้ว และมีความศักสิทธิ์
    นั่นก็คือกระบวนการต่างๆตามที่ทุกๆท่านด้านบนได้อธิบายมา แต่เราให้ความสำคัญกัยบางอย่างผิดไปหรือเปล่า กระบวนการที่เหล่าท่านอริยบุคลได้ปฎิบัติมานั่นคือสิ่งที่เราท่านๆเอาไปใช้ได้จริง ผมไม่กล้าเทียบตัวผมกับอริยบุคลเหล่านั้นหรอกนะครับ แต่ถ้าผมแต่งหนังสือมาสักเล่มนึง ผมก็จะดีใจที่หนังสือผมมีคนอ่านและเอาไปใช้ ไม่ใช้ซื้อแล้วเอาไว้ประดับบ้านหรือ เก็บสะสมไว้เพราะหนังสือผมหากยาก
     
  7. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ว่าแล้วต้องรีบปฎิบัติให้เรียบร้อยเสียที
    ผมได้รับพระธาตุมาจากกัลยาณมิตรท่านนึง
    ได้แต่บูชาปกติ โดยไมได้เตรียมภาชนะรองรับให้เหมาะสม
    ตามที่เคยตั้งใจไว้เลย ต้องรีบทำ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งอีกแล้ว
     
  8. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +3,637
    เรื่องพระธาตุนี่ มีอะไรที่แปลกมาก เรียกว่าอัศจรรย์ก็ได้นะครับ

    คนที่มีพระธาตุอยู่กับตัวเก็บไว้ไห้ดีนะครับ ถือว่าเป็นมงคลใหญ่

    คนที่เก็บรักษาหรือมีพระธาตุไว้ครอบครอง ถ้ามีคุณความดีพัฒนาไปในทางด้านดี

    จิตใจเป็นบุญ เป็นกุศลเพิ่มขึ้น แปลกตรงที่ว่า พระธาตุจะสด็จมาเอง หรือมีเพิ่มขึ้น

    สีก็จะใสขึ้น สวยสดงดงามมากขึ้น แปลกแต่จริงหลายท่านเป็นแบบนี้

    แต่บังเอิญนะ ถ้าเจ้าของพระธาตุ หรือผู้ที่มีพระธาตุ มีไว้อยู่กับตัว แต่ประพฤติทำตัว

    ไม่ดี มีจิตใจที่หมกหมุ่นไปด้วยกิเลส ตัณหา ผิดศีล ผิดธรรม

    พระธาตุเล็กๆ ที่เรามีเก็บไว้ เสด็จหนี หรือมีเหตุไห้ต้องหาย หายไปเลยนะ

    แต่ถ้ากำลังใจ แค่เพียงต่ำลงนะ พูดง่ายๆนะ กิเลสหนาขึ้น พระธาตุยังไม่หายไปไหน

    ยังไม่เสด็จหนีนะ ยังไม่ถึงกับผิดศีล ผิดธรรม

    จากประสบการณ์ ผมเคยมี ผมได้มาตอนแรก สีใส เป็นเงา สวยมาก

    มีช่วงหนึ่ง ใจผมฝักใฝ่ในโลกีย์มาก ผมมีพระเครื่อง มีพระธาตุ มีวัตถุมงคลอะไร

    ประมาณนี่้นะครับ มีเก็บไว้ ที่โตะหมู่บูชาพระ ว่างๆ ผมก็เอาออกมาดูเล่น ไม่ได้คิดอะไร

    แต่พอเปิดดูพระธาตุ อ้าว!! สีกลายเป็น เกลือไปเลย ดูอย่างไง ก็เป็นก้อนเกลือเล็กๆ

    อันนี้ ผมเจอกับตัวเองนะ ก็เอามาคุยแลกเปลี่ยน กับเพื่อนๆ สหายธรรมนะครับ

    อนุโมทานครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กรกฎาคม 2010
  9. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    พระธาตุเสด็จมาเอง เมื่อถึงเวลาที่สมควร

    หากเราตั้งมั่นอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา ยึดมั่นในธรรม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว มักจะประสบผลสำเร็จด้วยประการใดประการหนึ่ง เสร็จสมหวังแห่งใจปรารถนา

    เรื่องเล่า ....

    ผมมีญาติธรรมท่านหนึ่งเคยเล่าไว้ว่า เขามีญาติสนิทอยู่คนหนึ่งโดยมีศักดิ์เป็นหลานของเพื่อนธรรมผมท่านนี้ เป็นคำพูดของเขาว่าหลานของเขาเป็นองค์ร่างแห่งพระครูบาลี สายพระอาจารย์มั่น เมื่อครั้นเยาว์วัยนั้น เกกมะเหร็กเกเรเป็นที่หนึ่ง เรียนที่ไหนก็ไม่จบ ไม่เอาอ่าวสักเรื่อง ดื้อรั้นสุดๆ จนกระทั่งสุดท้ายผู้เป็นบิดาจึงบังคับแกมขู่ ให้ไปบวชที่วัดป่าแห่งหนึ่งใน จ. อยุธยา

    หลังจากบวชเสร็จสิ้นประมาณ ๑ พรรษา ก็ได้สึกออกมา และกลับกลายเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน พูดน้อย เชื่อฟัง และเงียบขรึมตลอด และมักจะเก็บตัวเงียบๆเพียงคนเดียว

    หากแต่ความมหัศจรรย์มักจะเกิดขึ้นเสมอๆกับคนๆนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำนายเลขหวยซึ่งมักจะบอกให้กับบิดาของตนเป็นผู้ซื้อส่วนตัวเองนั้นไม่ซื้อเลย และก็ถูกมาตลอดนับเงินได้เรือนแสนบาทต่องวด เรื่องราวยังไม่จบแต่เพียงนั้น หากแต่ว่าสามารถทำนายของหายได้อย่างราวกับตาเห็น นอกจากนั้นยังมีความสามารถที่จะเรียกพระธาตุออกมาได้ ซึ่งมีการพิสูจน์ว่าได้หรือไม่ได้ โดยวิธีการให้ไปดูในพานบูชาพระในหิ้งบูชา และปิดประตูห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในห้องนั้นแม้แต่คนเดียว ส่วนตัวของเขาเองนั้นก็ไม่ได้อยู่ในห้องพระเช่นกัน เมื่อปล่อยให้กาลเวลาผ่านไปหนึ่งคืน (ในระหว่างนั้นเขาจะเข้าสมาธิในบริเวณใกล้เคียง โดยไม่ได้กล้ำกรายเข้าไปในห้องพระแต่อย่างใด) ในเวลานั้นเหล่าบรรดาญาติพี่น้องต่างรุมล้อมกัน มีเสียงซุบซิบบ้างว่าจะทำได้หรือ?

    กาลเวลาผ่านไปหนึ่งคืน เมื่อทุกคนกลับเข้าไปดูที่หิ้งพระ เพื่อตรวจสอบว่ามีพระธาตุเสด็จมาหรือเปล่า? ก็ทำให้ทุกคนแทบตกตะลึง เพราะว่ามีพระธาตุเสด็จมาจริงๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักต่อผู้ที่พบ และประจักษ์ต่อสายตาในเบื้องหน้า

    เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในสังคมผู้ดีมีเงิน และมีการทดสอบเกิดขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทำนายเรื่องของที่หาย ก็สามารถค้นหาและพบได้ เรื่องอดีตก็ทำนายได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งทำนายอนาคตได้ด้วย อันนำความศรัทธายิ่งให้กับเหล่าเศรษฐีบางคนถึงกับซื้อรถยุโรปป้ายแดงให้ใช้ฟรีๆ (ผมเห็นรถคันนั้นแว๊ปเดียวที่เพื่อนผมชี้ให้ดูเมื่อไปงานศพแห่งหนึ่ง ที่ผมได้มีโอกาสสนทนาในเรื่่องนี้ มีสีดำสนิท และไม่แน่ใจว่าเป็นเบ๊นซ์หรือบีเอ็มดับบลิว และบอกว่าจะอยู่คุยกับเขามั๊ย? ตอนนั้นผมปฏิเสธทันทีว่าไม่คุย เพราะผมไม่ชอบคนที่อ่านจิตคนอื่นได้) และปัจจุบันนี้เขาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำอะไร อยากได้อะไรก็มีคนจัดการให้ พร้อมสรรพสิ่ง


    นี่เป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ที่ผมได้รับฟังมา และเห็นพร้อมสัมผัสได้ โดยทุกอย่างนั้นมีตัวตนจริง เกิดขึ้นจริง แต่มิอาจเปิดเผยชื่อได้ หากแต่เมื่อเขาต้องการเขาจะทำเอง ชี้แจงเอง และพิสูจน์ได้เอง ส่วนพระป่าที่ จ.อยุธยา ซึ่งเป็นสายธรรมยุทธนั้นเพื่อนของผมชวนไปนมัสการ (ผมปฏิเสธ) เพราะยังไม่พร้อมในเรื่องของหลักแห่งศีล สมาธิ แม้กระทั่งปัญญาอันน้อยนิดนี้ อนึ่งผมไม่อยากพบกับพระสงฆ์ที่ล่วงรู้อดีตและอนาคตของผู้อื่น ... ผมกลัวเกินไป
     
  10. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,516
    ค่าพลัง:
    +9,769
    หากจิตที่เป็นสมาธิ บางท่านสามารถอ้นเชิญพระธาตุมาได้
    เร็ว ๆนี้ พระธาตุเสด็จมาที่วัดป่าลำทะเมนชัย ลำปลายมาศ
    แล้วย้ายที่ไป แถวภูกระแต โดยแม่ชีอัญเชิญไป

    พระท่านที่ได้ไปร่วมในงานอัญเชิญพระธาตุเล่าว่า เมื่อสวดมนต์เชิญก็จะมีลมและฝนมาพร้อมๆ กับพระธาตุ เสด็จมามาก หลังจากนั้นแม่ชีขออัญเชิญไปอีกวัดหนึ่งดังกล่าวเพื่อพึ่งบารมีพระธาตุในการก่อสร้างศาสนวัตถุต่อไป

    การเสด็จของพระธาตุ นั้นเป็นเรื่องปกติในกลุ่มผู้ที่บำเพ็ญบารมีมาด้านนี้แม้ไม่ใช่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้นก็ตาม มีศีลมีธรรม ก็เสด็จมาแล้ว ที่เห็นด้วยตนเอง ขณะนั่งคุยกับเจ้าของบ้านท่พระธาตุเสด็จ อยู่ๆพระธาตุก็ปรากฎเสด็จมาในจานอย่างอัศจรรย์จริง ๆ

    และที่บ้านนี้เสด็จมานับล้าน ๆองค์ เรียงสีได้ราวกับพลอย ตามภาพ และพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 องค์ก็เสด็จมาด้วย เจ้าของบ้านบอกเป็นนัยว่าแต่ครั้งพุทธกาลก่อนเคยเป็นปุโรหิต ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาจึงมีพระธาตุเสด็จมามากมายเช่นนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2010
  11. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,106
    ค่าพลัง:
    +1,870
    การวิจัยโมเลกุลของน้ำ โดยนักวิทย์ญี่ปุ่น

    น่าจะพออธิบายเรื่องนี้ได้

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=OfgS4PBxHHE]YouTube - การวิจัยน้ำ message from water[/ame]
     
  12. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    ถ้าหากจิตหลุดพ้น เข้าสู่นิพพานแล้วไซร้
    กายหยาบก็ไม่จำเป็นต้องเกิดดับในวัฏสงสารอีก

    แต่หากการกระทำ แลจิตยังยังไม่บริสุทธิ์สุด
    กายหยาบก็ยังต้องเกิด-ดับอีกเพื่อฟอกให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

    แต่หากการกระทำ แลจิตใจยังชั่วช้าเลวทราม
    กายหยาบ(ธาตุดิน)ก็เหมาะแก่การเป็นปุ๋ยชั้นดีต่อไป....
     
  13. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ไม่ได้คิดอกุศล ต้องการเพียงนำเสนอข้อมูล

    [​IMG]

    ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต
    คูร์-บริษัทสวิตเซอร์แลนด์หัวใส เสนอบริการเปลี่ยนเถ้ากระดูกมนุษย์เป็นเพชร เก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงผู้จากไป
    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.ค.) ว่าบริษัทอัลกอร์ดานซาในสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบธุรกิจแหวกแนวที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก นั่นคือ บริการรับเปลี่ยนเถ้ากระดูกของมนุษย์ให้เป็นเพชร โดยมีสนนราคาระหว่าง 4,500-17,000 ฟรังก์สวิส (ประมาณ 150,000-560,000 บาท) ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าอยากจะให้ทำออกมาเป็นเพชรกี่กะรัต
    รินาลโด วิลลี หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท กล่าวว่า
    กระบวนการเปลี่ยนเถ้ากระดูกเป็นเพชรนี้ใช้เวลาเพียง 6-8 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการเกิดเพชรตามธรรมชาติซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการแปรสภาพยาวนานถึงหลายพันปี โดยเจ้าหน้าที่จะนำเพชรที่ได้จากเถ้ากระดูกมาเจียระไนให้ลูกค้านำไปทำเป็นสร้อยคอหรือแหวนเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงผู้เสียชีวิต และเนื่องจากเถ้ากระดูกของแต่ละคนมีองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างกันออกไป เพชรที่ทำออกมาจึงมีสีสันแตกต่างกันไปด้วย
    ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนจะมีลูกค้ามาใช้บริการของบริษัทอัลกอร์ดานซา 40-50 ราย บางคนบินมาไกลถึงจากญี่ปุ่น แถมลูกค้ายังมีอยู่หลายระดับ โดยมีตั้งแต่คนขับรถโดยสารไปจนถึงศาสตราจารย์ ลูกค้าบางรายนำอัฐิของมารดามาให้บริษัทแปรสภาพเป็นเพชรแล้วนำไปทำเป็นจี้ห้อยคอติดตัวไว้เพื่อระลึกถึงมารดาที่จากไป โดยทางบริษัทกล่าวว่าตามปกติแล้วเถ้ากระดูกมนุษย์ที่เหลือจากการฌาปนกิจจะมีน้ำหนักรวมกันประมาณ 2.5-3 กิโลกรัม แต่ทางบริษัทจะขอมาใช้แปรสภาพเพียงแค่ 500 กรัมเท่านั้น
    ที่มา คม ชัด ลึก
     
  14. Hs1xlk

    Hs1xlk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +1,273

    ลึกซึ้ง เป็นงานวิจัยที่ดีมากประกอบกับสังคมโลกควรกระทํา
     

แชร์หน้านี้

Loading...