+ ทำไมคนสมัยก่อนบรรลุธรรมเร็ว +

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 18 สิงหาคม 2012.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ทำไมคนสมัยก่อน บรรลุธรรมได้เร็วกว่าคนสมัยนี้
    สัมภาษณ์ พระไพศาล วิสาโล
    สัมภาษณ์โดย นิตยสารคนค้นธรรม
    ฉบับ ๑ มกราคม ๒๕๕๔



    ? ทำไมคนที่เกิดสมัยก่อนถึงบรรลุธรรมได้เร็วกว่าคนสมัยนี้ เช่น บางคนพอฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ก็สามารถบรรลุธรรม ด้วยการเป็นโสดาบัน สกทาคามี หรืออรหันต์

    พระไพศาล คนสมัยก่อนโดยเฉพาะสมัยพุทธกาลบรรลุธรรมได้เร็วกว่าคนสมัยนี้ ก็เพราะเหตุปัจจัยหลายประการ อาทิ

    ก) ท่านได้บำเพ็ญบุญบารมีมาหลายภพหลายชาติ โดยเฉพาะได้บำเพ็ญบุญร่วมกับพระพุทธองค์ในอดีตชาติมาก่อน ปัจจัยข้อนี้จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในชาดก

    ข) การฝึกฝนและหล่อหลอมจิตใจในปัจจุบันชาติ รวมทั้งการถูกกล่อมเกลาโดยสังคมและวัฒนธรรม สังคมสมัยก่อนศาสนาเป็นแกนกลางของวัฒนธรรม ผู้คนจึงถูกหล่อหลอมให้ใฝ่ในธรรมตั้งแต่เล็ก ทั้งศีล สมาธิ และปัญญา มีความโลภและความเห็นแก่ตัวน้อย อีกทั้งชีวิตก็ไม่เร่งรีบ เรียบง่าย จึงเอื้อต่อการบรรลุธรรม

    ค) พระคุณสมบัติของพระพุทธองค์ โดยเฉพาะพระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณ ทรงรู้ว่าใครมีอินทรีย์แก่กล้าเพียงใด มีนิสัยปัจจัยไปทางไหนท่านก็สอนหรือแสดงธรรมให้เหมาะกับเขา ทำให้ผู้คนบรรลุธรรมได้ง่าย

    ? จริงๆ แล้วคนสมัยนี้น่าที่จะบรรลุธรรมมากกว่าคนสมัยก่อนใช่หรือไม่ เพราะธรรมะได้แพร่หลายในเกือบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ซีดี ดีวีดี เอ็มพีสาม โทรทัศน์ วิทยุ ทวิสเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย

    พระไพศาล คนสมัยนี้แม้จะได้ฟังธรรมมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นการรับรู้ในระดับสมองหรือเหตุผล ส่วนจิตนั้นมักไม่ค่อยได้รับการอบรมกล่อมเกลา เช่น รู้ว่าโกรธไม่ดี แต่ก็ยังขี้โกรธ ปัญหาของคนสมัยนี้ อยู่ตรงที่รู้มากแต่ทำใจไม่ได้ เพราะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการฝึกใจ แต่ชอบเรียนรู้ด้วยการอ่าน ฟัง แล้วเอาแต่คิด จึงเห็นธรรมได้ยาก ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไม่ส่งเสริมให้จิตใจใฝ่ในธรรม เพราะเต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุ กระตุ้นเร้า และส่งเสริมให้คนเห็นแก่ตัว นึกถึงตัวเอง หรือยึดติดถือมั่นในตัวกูของกู พูดอีกอย่างคือ เต็มไปด้วยตัณหา มานะ ทิฐิ ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุธรรม ยังไม่ต้องพูดถึงชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ขาดสติง่าย

    ? ทำอย่างไรไม่ให้ใจเข้าไปยึดติดกับความสุขและความทุกข์

    พระไพศาล จะไม่ติดยึดกับสุขหรือทุกข์ ก็ต้องเห็นโทษของการติดยึดก่อน ว่าแม้แต่สุขหากติดยึดก็ทำให้ทุกข์ ต่อมาก็ต้องมีสติ เพราะหากขาดสติเมื่อไร แม้แต่ความทุกข์ หรืออารมณ์อกุศล ก็เผลอยึดเมื่อนั้น

    ? สติจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ได้อย่างไร

    พระไพศาล สติจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็ด้วยการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่หมั่นเจริญสติในรูปแบบ เช่น อานาปานสติภาวนา เท่านั้น หากควรมีสติในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าทำอะไร ใจก็อยู่กับสิ่งนั้น พูดง่าย ๆ คือ ตัวอยู่ไหน ใจอยู่นั่น ทำอะไร ก็ให้ทำเป็นอย่าง ๆ ไม่ใช่ว่ากินไปก็คิดไป ควรมีสติกับการกิน อาบน้ำ ถูฟัน ล้างจาน ก็ให้วางใจอยู่กับกิจนั้น ๆ สติจะเกิดขึ้นบ่อยและอย่างฉับไว

    ? สำหรับฆราวาสควรใช้หลักธรรมข้อไหนในการดำเนินชีวิต

    พระไพศาล ฆราวาสธรรม เป็นธรรมที่เหมาะแก่ฆราวาสมาก ได้แก่

    -สัจจะ คือ ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง

    -ทมะ คือ การฝึกตน ข่มใจ รู้จับควบคุมจิตใจ

    -ขันติ คือ ความอดทน ไม่ท้อถอย มั่นคงในจุดหมาย

    -จาคะ คือ ความเสียสละ พร้อมสละประโยชน์ส่วนตน รวมทั้งสละกิเลส

    หากมีศีลกำกับด้วย อย่างน้อยศีล ๕ ชีวิตก็จะเจริญก้าวหน้าและไกลจากทุกข์

    บุญกิริยาวัตถุ 10

    บุญกิริยาวัตถุ หมายถึง ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, หนทางทำความดี หรือเรื่องที่จัดว่าเป็นการทำบุญ คำว่า “การทำบุญ” คือ การทำความดีด้วยวิธีการต่าง ๆ มี 10 ประการ คือ

    1. ทานมัย หมายถึง ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ หรือการบริจาคทรัพย์ และสิ่งของช่วยเหลือคนที่ยากจน หรือด้อยกว่ าและบำเพ็ญเพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นต้น

    2. สีลมัย หมายถึง ทำบุญด้วยการรักษาศีล หรือประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยกายและวาจา

    3. ภาวนามัย หมายถึง ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา คือ การฝึกอบรมจิตใจให้เจริญด้วยสมาธิ และปัญญา

    4. อปจายนมัย หมายถึง ทำบุญด้วยการประพฤติตนเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม ถ่อมตนต่อผู้ให ญ่หรือผู้มีพระคุณ หรือบุคคลดีมีศีลธรรม

    5. ไวยาวัจมัย หมายถึง ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้ ให้บริการ บำเพ็ญประโยชน์

    6. ปัตติทานมัย หมายถึง ทำบุญด้วยการให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการทำความดี หรือการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น

    7. ปัตตานุโมทนามัย หมายถึง ทำบุญด้วยการพลอยยินดีในการทำความดีของผู้อื่น หรือผู้อื่นทำดีพลอยอนุโมทนาด้วย

    8. ธัมมัสสวนมัย หมายถึง ทำบุญด้วยการฟังธรรม ศึกษาหาความรู้ที่ปราศจากโทษ

    9. ธัมมเทศนามัย หมายถึง ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์

    10. ทิฏฐุชุกัมม์ หมายถึง ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้อง รู้จักมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5n1bIUnn69Q]บุญกิริยาวัตถุ10.FLV - YouTube[/ame]


    โครงการ..นมเพื่อน้องที่ร้องหิว


    ขณะนี้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ชุมชนวัดมหาวงษ์ มูลนิธิ ฟอร์เด็ก 6 จ. สมุทรปราการ ซึ่งอุปการะเด็กกว่า 200 ราย กำลังขาดแคลนนมผงสำหรับเด็กเล็ก มูลนิธิขอเชิญชวน ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคนมผง หรือสมทบทุนซื้อนม กองทุนละ 500 บาท หรือ โครงการอาหารกลางวัน 2,000 บาท / เด็ก 200 คน หรือสมทบทุนตามกำลังศรัทธาของท่าน

    ท่านสามารถโอนเงินบริจาคได้ที่ เซเว่น - อีเลเว่น ทุกสาขา ในนาม มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว (ฟอร์เด็ก) เมื่อโอนเงินแล้ว โปรดโทรแจ้งที่ 02 - 721 2983 เงินบริจาคของท่าน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  2. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ความสุขทางธรรม

    http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20111027/414730/ความสุขทางธรรม.html

    99.99 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่หันมาศึกษาธรรมะ มักจะอกหัก รักคุด สูญเสียคนที่รัก อยากพ้นทุกข์ แต่ไม่จะรู้ทำอย่างไร จึงเป็นจังหวะของชีวิตให้คนเปิดประตูเข้ามาเรียนรู้ธรรมะมากขึ้น

    ณัฐพบธรรม ธนันท์เมธาภรณ์ เจ้าของงานเขียน Best Seller ถ้ารู้ .. (กู) .. ทำไปนานแล้ว เป็นคนหนึ่ง ที่หันมาศึกษาธรรมะ เล่าว่า “เป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพุทธศาสนา ทำบุญปีละครั้ง หรือเวลาที่รู้สึกว่าโชคไม่ดี ส่วนอะไรที่ไม่ผิดกฎหมายหรือว่าผิดแล้วไม่มีคนรู้ ถ้าช่วยให้ชีวิตตนเองประสบความสำเร็จก็ทำทุกอย่าง เรียกว่า เป็นคนไกลศาสนาและมองว่าเป็นเรื่องงมงาย



    จนกระทั่ง วันหนึ่งได้ศึกษาธรรมะจากหนังสือพระไตรปิฎก พบว่า หลักธรรมจากพระไตรปิฎกไขข้อสงสัยทั้งหมดได้อย่างมีเหตุผล วิทยาศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมะ เพราะอธิบายสิ่งที่มองเห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งเกิดขึ้นในธรรมชาติได้ แต่ธรรมะอธิบายได้ลึกกว่า เกี่ยวกับนามธรรมที่มองไม่เห็น สัมผัสจับต้องไม่ได้ แต่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้



    เพราะธรรมะเข้าถึงส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกฎแห่งกรรม หรือเรื่องนามธรรมอื่นๆ สามารถอธิบายด้วยเหตุและผลตามหลักธรรมได้ ผมจึงมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในธรรมะมากขึ้น และอยากให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัสธรรมะในพุทธศาสนา”



    ปูพื้นฐานตั้งแต่เด็ก



    หลายคนอาจรู้สึกว่า ธรรมะเป็นเรื่องที่จะเข้าใจยาก แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปอย่างนั้น เพราะ ณัฐพบธรรม บอกว่า ธรรมะไม่ได้ยาก คนส่วนใหญ่ให้เวลากับความรู้ทางโลกตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรีมากกว่า 10 ปี แต่ทางธรรมะให้เวลามากแค่ไหน


    “การที่คนคิดว่ายากเพราะไม่ศึกษา อย่างวิชาตรีโกณมิติ ผมรู้สึกว่ามันยากมาก แต่คนส่วนใหญ่ก็เรียนได้ ถามว่าทำไมเรียนได้ เพราะมันต้องเรียนจึงพร้อมที่จะเรียนรู้และทำมันจนได้ เรื่องของธรรมะก็เช่นเดียวกัน”


    ณัฐพบธรรม แนะว่า ควรปูพื้นฐานเด็ก ตั้งแต่ชั้นประถ มในเรื่องการทำบุญละบาปที ละนิดทีละหน่อย เช่น นำเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนการใช้ชีวิต เช่น สมชีวิตา หรือที่เรารู้จักกันคือคำว่า พอเพียง หลักการในพระไตรปิฎกสอนให้ใช้อย่างพอเพียง ถ้ามีเงินเยอะ ใช้เยอะได้ แต่ถ้ามีเงินน้อย ก็ใช้น้อยตามลำดับที่ตัวเองมี ไม่ใช่ว่าคนมีเงินเยอะต้องใช้น้อย ก็ไม่ถูกจะเป็นกลายเป็นว่า สิ่งที่สร้างมาไม่ได้ใช้อะไร ถ้าไม่เบียดเบียนตนเองและคนอื่น ไม่ได้ห้ามใช้ของหรู

    “ถ้าสอนกันตั้งแต่เล็ก ความเข้าใจหลายๆ อย่างก็จะมีมากขึ้น ผมเชื่อว่า หากสะสมมาเรื่อยๆ การที่จะศึกษาให้มันลึกซึ้งขึ้น ไม่ใช่เรื่องยาก ดีกว่าสอนแค่ท่องจำพุทธประวัติ วันสำคัญ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิต แถมยังน่าเบื่อ”


    ข้อแนะนำในการเสพธรรมะ คือ ควรเลือกอ่านหนังสือธรรมะที่ตรงกับจริตของตนเองจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านหนังสือธรรมะแบบสบายๆ ง่ายๆ อ่านแล้วสบายใจ ไม่ต้องเน้นเนื้อหาอะไรมากมาย แต่บางคนอ่านแบบนั้นแล้วไม่ชอบรู้สึกว่า มันตอบคำถามไม่ได้ คนกลุ่มนี้ต้องการหนังสือธรรมะที่มีเนื้อหาชัดเจนที่สามารถอธิบายเหตุและผล ได้ เช่น กฎแห่งธรรม



    แค่ศรัทธายังไม่พอ



    ในความคิดของเขา มองว่า สิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรรู้สิ่งแรกคือเรื่องธรรมะ เพื่อเป็นแนวทางการใช้ชีวิตพ่อแม่ทุกคนน่าจะศึกษาว่า บุญบาปคืออะไรแล้วปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างแก่ลูก สิ่งสำคัญในการศึกษาธรรมะ "ศรัทธา" เพียงอย่างเดียวไม่พอต้อง “ปฏิบัติ” ด้วยมิเช่นนั้นเป็นการสัมผัสธรรมะแบบผิวเผิน


    “พูดง่ายๆ คือ ถ้าคนเราศรัทธา แต่ยังทำบาป บุญไม่ค่อยทำ ก็แทบไม่มีผลอะไรต่อชีวิตถ้ายังทำบาปอยู่เรื่อยๆ ก็ต้องตกนรก กฎแห่งกรรม “ไม่ใช่” กฎแห่งการศรัทธา มันต้องเป็นกฎที่มาจากการกระทำของเราอย่างน้อยรักษาศีล 5 ได้ถือเป็นทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว”


    ณัฐพบธรรม เผยให้ฟังว่า หลังจากได้เข้าถึงธรรมะ ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เขาสัมผัสได้คือ มีความสุขมากขึ้น "ผมไม่รู้ว่า สุขมากขึ้นหรือทุกข์น้อยลงแต่เอาเป็นว่า เมื่อเราทำมาหากินด้วยวิธีสุจริต ไม่เบียดเบียนคนอื่น สมมติมีเงิน 100,000 บาทเท่ากัน ในอดีตกับปัจจุบันที่ได้มันมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันคือรู้สึกว่า เงินก้อนนี้เป็นเงินบริสุทธิ์ไม่เบียดเบียนใครในการทำมาหากิน"


    ส่วนความเชื่อเรื่องการทำบุญล้างบาปนั้น ณัฐพบธรรม อธิบายว่า เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการทำบุญ ไม่สามารถมาช่วยล้างบาปได้ บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป มันเป็นคนละส่วนกัน ไม่สามารถนำมาละลาย หรือหักล้างกันจนหายไปหมดได้ ยกเว้น ในเวลาที่บุญแสดงผลด้วย บาปก็แสดงผลด้วย ผลที่ออกมาถึงหักล้างกันได้



    บุญและบาปล้างกันได้ชีวิตก็จะมีแค่แบบใดแบบหนึ่งคือถ้าไม่ดีอย่างเดียวก็จะชั่วอย่างเดียวหรือแย่อย่างเดียว ถ้าคนทำบุญมามากกว่าชีวิตที่เหลือแต่บุญชีวิตก็มีแต่ความสุข แต่ถ้าคนทำบาปมามากกว่าชีวิตก็จะเหลือแต่บาป ชีวิตก็มีแต่ความทุกข์ แต่ชีวิตคนส่วนใหญ่ มีทุกข์กับสุขสลับกันขึ้นอยู่กับว่าอย่างไหนจะมากกว่ากัน หรือบุญและบาปอย่างไหนจะแสดงผลก่อนกัน


    “คนทำบุญมามาก ก็จะสุขเยอะหน่อย คนทำบาปมามากจะทุกข์มากหน่อย ฉะนั้นทุกคน ควรทำดีละบาปแค่นี้ชีวิตก็จะมีความสุข ทั้งในปัจจุบันและอนาคตยิ่งถ้าคนในสังคมทำแบบนี้ สังคมก็เป็นสุขมากขึ้น”


    วีดีโอบรรยายธรรมะ




    นัดพบกับธรรมะ กับ ญัฐพบธรรม [Engine by iGetWeb.com]

    บรรยายธรรมะ Online (พฤษภาคม 2554)



    ทุกท่านจึงสามารถดูได้ตาม Link ด้านล่าง



    โดยในส่วนที่เป็นการบรรยายจะมีให้เลือกทั้งแบบ VDO และแบบไฟล์เสียง MP3



    ส่วนในตอนหลังของการบรรยายที่เป็นช่วงถามตอบ



    ผมทำเป็นแบบไฟล์เสียง MP3 อย่างเดียวเพราะภาพไม่มีความจำเป็น



    นอกจากทุกท่านจะสามารถดูบรรยายธรรมะนี้แล้ว



    ทุกท่านยังสามารถใช้ VDO นี้ในการให้ธรรมทานกับผู้อื่นได้ง่ายๆ



    ด้วยการ Share ผ่าน Facebook หรือส่งต่อ E-mail นี้ไป



    โดยเนื้อหาในการบรรยายนั้น เหมาะสมกับชาวพุทธทุกคน



    ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังไม่เชื่อพุทธศาสนา ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม จนถึงคนที่ศึกษาพุทธศาสนามาได้ระดับหนึ่งแล้ว



    นอกจากนี้ หากใครต้องการ Write เป็น Cd มอบให้คนอื่น ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต



    โดย Download ตาม Link ด้านล่าง



    แต่หาก Download ไม่ได้จริงแล้วต้องการเป็น CD หรือ MP3 ก็สามารถเมลชื่อที่อยู่มาให้ผม



    ผมจะส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ



    ช่วยกันแบ่งปันและเผยแผ่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วสังคมที่เราอยู่จะดีขึ้นกว่านี้ครับ



    ดูไฟล์ VDO ผ่าน Youtube



    ไฟล์ที่ 1 ความยาว 9 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=PZYFhLgEGcI"]?????????????????? 1.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 2 ความยาว 8 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=GF5Udt4mV1M"]?????????????????? 2 - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 3 ความยาว 9 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=RDif00HK5P0"]?????????????????? 3.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 4 ความยาว 5 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=W7Nn9fj5x4I"]?????????????????? 4.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 5 ความยาว 6 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=y0EMQ_j0WA0"]?????????????????? 5.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 6 ความยาว 8 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=qpatBxMNizM"]?????????????????? 6.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 7 ความยาว 8 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=B_uOFDN2EV4"]?????????????????? 7.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 8 ความยาว 7 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=jbH92zXzLi8"]?????????????????? 8.wmv - YouTube[/ame]

    ไฟล์ที่ 9 ความยาว 6 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=iczWVWtDA1w"]?????????????????? 9.wmv - YouTube[/ame]

    Download การบรรยายทั้งหมด



    ลองใช้วิธีนี้ดูครับ


    เปิดไฟล์ใน Youtube แล้วเปิดทิ้งไว้ จากนั้นคลิ้กไปที่คำสั่ง Tools ของ IE


    =>Internet Options
    => Browsing History =>Setting
    =>View files

    แล้วเลือก Copy ไฟล์ที่ใหญ่ที่สุดลงที่ Desktop (หรือที่ไหนก็ได้)
    ไฟล์นั้นจะเป็นไฟล์ VDO ที่เราเปิดทิ้งไว้ครับ



    บรรยายออกรายการพุทธปัญญาภิรมย์ (ยกวัดมาไว้ที่ 7-eleven) วันที่ 9 กรกฎาคม 2553

    เนื้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมบางอย่างที่เรา "รู้ว่าดีแต่ก็ทำไม่ได้" และ "รู้ว่าไม่ดีแต่ก็ยังทำ"



    ตอนที่ 1 ความยาว 9.53 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=KKa6E8HhLOc"]Yokwat 1.wmv - YouTube[/ame]

    ตอนที่ 2 ความยาว 9.04 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=C_ciGfQjJZk"]Yokwat 2.wmv - YouTube[/ame]

    ตอนที่ 3 ความยาว 7.34 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=C7zDlR_U-hc"]Yokwat 3.wmv - YouTube[/ame]

    ตอนที่ 4 ความยาว 6.44 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=lxHZovVtSSo"]Yokwat 4.wmv - YouTube[/ame]

    ตอนที่ 5 ความยาว 6.50 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ZqpZMgqUWVQ"]Yokwat 5.wmv - YouTube[/ame]

    ตอนที่ 6 ความยาว 9.19 นาที

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=xZ-4OAwShuw"]Yokwat 6.wmv - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  3. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    สมัยนี้หรือปัจจุบันสมัย พระศรีอาริยเมตไตรท่านยังไม่จุติ หากจุติมาแล้ว
    เราก็สามารถบรรลุธรรมได้เหมือนกันไม่ต่างกับสมัยก่อนหรอกครับ ...
    ........
     
  4. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ถ้าหากจะถามกันว่า ทำไมเมื่อสมัยพุทธกาลถึงมีผู้คนบรรลุธรรมอย่างมากมาย น่าจะตอบได้หลายอย่าง อย่างแรกคือความสนใจในการที่จะหาคำตอบให้ชีวิต ว่าชีวิตนี้เกิดมาทำไม? เกิดมาเพื่ออะไร? อย่างต่อมาก็คือการให้ความสนใจ เมื่อสมัยพุทธกาลให้ความสนใจกันด้าน จิต เป็นสำคัญ แต่มาในสมัยนี้ ผู้คนมากมายไม่ว่าจะผม หรือ ว่าคุณก็ตาม ต่างให้ความสนใจด้านวัตถุกันเสียมากว่า ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทำบุญ มากจะต้องรวยอย่างนั้น รวยอย่างนี้ ต้องมีทรัพย์สมบัติมากมาย ซึ่งถ้ามองกันถึงจุดประสงค์หลักของการทำบุญสุนทานต่างๆนั้น เพื่อที่จะสละสิ่งที่ทำให้ใจเราหม่นหมอง เพื่อความบริสุทธิ์ของจิต อย่างสุดท้ายนี่ผมว่าสำคัญนะ เพราะส่วนมากที่ผมเจอจะเป็นแบบนี้ คือ มีศาสนาไว้เพื่อประดับในบัตรประชาชนเท่านั้น ไม่เคยสนใจ ไม่เคยที่จะศึกษาค้นคว้าเลยว่าเค้าสอนกันอย่างไร และทำตัวอย่างไรถึงจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องตามศาสนาที่เรานับถือกันได้ มีแต่พูดกันว่าน่าเบื่อ แล้วจะบรรลุกันอย่างไรครับ
     
  5. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ทำไมคนสมัยนี้บรรลุธรรมช้าเพราะ
    ไม่ยอมรับความจริง
    ไม่มีเหตุผล
    หลงวัถตุนิยม
    ทำไมคนสมัยก่อนบรรลุได้ไว
    ยอมรับความจริงของสิ่งทีเกิด
    มีเหตุและผล
    จริงหรือไม่ลองทบทวนดู
    อนุโมทนาสา่ธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...