ทำไมต้องอยู่ใต้กฎของกรรม ถาม : ทำไมคนเราต้องอยู่ใต้กฎของกรรม ? ตอบ : คุณทำคุณถึงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตามคุณทำเอง ถ้าหากคุณเลิกทำ ก็สามารถหลุดพ้นไปได้ ไม่ต้องอยู่ใต้กฎของกรรม อย่างพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า สิ่งที่เราทำผลต้องเกิดอยู่แล้ว ลองเขกหัวตัวเองดูซิ ต้องการเขกหรือไม่ต้องการเขก ถ้าเขกเมื่อไรก็เจ็บ นั่นแหละ...ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น...มีอยู่ตัวหนึ่งที่น่าเวทนาคนบางคนก็คือ ตัวอธิษฐานบารมี คนเขาทำบุญเสร็จเขานั่งอธิษฐานแล้วอีกคนบอกนี่โลภ ทำบุญแล้วยังขอโน่นขอนี่ ความจริงการอธิษฐานบารมีนี่เป็นเรื่องของคนฉลาด เป็นการกำหนดเจาะจงในสิ่งที่ตัวเองทำ ๆ แล้วต้องการหรือไม่ต้องการผลนั้นเกิดแน่นอน แต่คนใช้อธิษฐานบารมีเขาฉลาด เขารู้จักเจาะจงว่าจะให้เกิดอย่างไร ? เกิดเมื่อไร ? ขณะเดียวกันว่าอีกคนหนึ่งไม่ยอมอธิษฐาน สมมติว่าหิวข้าวตอนนี้แต่อีก ๓ วันข้าวค่อยมา ก็ทรมานตัวเองไปก่อน แล้วเรื่องของการอธิษฐานบารมี เหมือนยิงปืนแล้วเล็งเป้าย่อมแม่นยำกว่า ในขณะที่อีกคนหนึ่งยิงขึ้นฟ้าลงดินไปเรื่อย แล้วหวังจะให้ถูกเป้า ก็รอไปก่อนเถอะ ถาม : อธิษฐานนี่จำเป็นต้องออกเสียงไหมครับ ? ตอบ : อธิษฐานแปลว่า ตั้งใจมั่น จะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงอยู่ที่เรา ขอให้ตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ ถาม : อย่างที่หลวงพ่อฤๅษีเคยสอนว่า ถ้าบารมีใกล้เต็มแล้วจริง ๆ นี่ อย่างหลวงปู่ปานนี่ทำบุญทีไรก็จะเปล่งวาจาออกมา ? ตอบ : อันนั้นเกี่ยวกับพระโพธิญาณ คือ ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าทำถึงระดับนั้นเขาไม่อายใครแล้ว ประกาศให้รู้ชัดเจนเลยว่าเราทำอันนี้เพื่อปรารถนาพระโพธิญาณ เหมือนกับคุณก้องเล่นเอาเขาอึ้งกันทั้งโบสถ์ พอญัตติเสร็จเขาประกาศเลยว่า กุศลของการที่บวชครั้งนี้ขอให้ข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระโพธิญาณ พระทุกองค์สาธุพร้อมกัน แต่ความรู้สึกในใจบอกว่า "มึงไปเถอะ...กูไม่ไปด้วยหรอก" แบบนั้นแหละ แต่จริง ๆ ก็น่าสงสัยนะทำไมต้องอยู่ใต้กฎของกรรมด้วย เหมือนอยู่ ๆ เอากฎหมายมาขี่คอบังคับเรา...ใช่ไหม ? แต่จริง ๆแล้วไม่ใช่ เราทำเอง ถ้าเราไม่ทำก็ไม่จำเป็นต้องมี อย่างเช่นว่า นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา มาร พรหมตลอดถึงพระนิพพาน ถ้าหากว่าคนหลุดพ้นหมดหรือว่าเลิกทำดี ทำชั่วทั้งหมด สิ่งเหล่านี้่ก็จะไม่มี สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับการกระทำของเราเท่านั้น ถ้าหากว่าไม่มีการกระทำสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้น สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ เดือนเมษายน ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ ---------------- ที่มา :::