ทำไมเวลาสวดมนต์ แล้วทะเลาะกับคนในบ้านบ่อย ? (ปัญหาจากสมาชิกประเทศญี่ปุ่นครับ)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Thirawat inthasri, 29 ธันวาคม 2010.

  1. Thirawat inthasri

    Thirawat inthasri สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +19
    คือช่วงที่ผ่านมาประมาณเกือบปีได้แล้วครับวันหยุดหรือเวลาว่างก็จะสวดมนต์ไหว้พระ(สวดหลายบทประมาณเกือบช.ม./ครั้ง)แต่ทำไมจะทะเลาะกับคนในบ้านบ่อยจังเลยทั้งแฟนทั้งแม่แต่ก็แปลกคือว่าเวลาหลับจะฝันเห็นพระหรือได้ไปไหว้พระบ่อยมากครับผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2010
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    ถ้าผมจำไม่ผิดผมเคยฟังแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม

    ท่านกล่าวว่า คนที่สวดมนต์บ่อย ๆ จะโดนทดสอบอารมณ์ครับ

    ไม่ทราบว่าคุณได้ สมาทานศีล ๕ ก่อนที่จะสวดมนต์ไหมครับ ?

    แม่ชีทศพร ท่านแนะนำให้เราสมาทานศีล ๕ ทุกครั้งก่อนที่เราจะสวดมนต์ครับ

    .
     
  3. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    การสวดมนต์ เป็นเสมือน การทำ สมาธิ หรือสมถะ
    แต่การเจริญวิปัสสนา คือ การพิจารณา รูป(ร่างกาย) นาม(จิตใจ) ของเราเอง
    ว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ๆ เป็นพระไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเราเลย แล้วก็ทำจิตเป็นกลาง ๆ ปล่อยวาง เพื่อให้จิตว่างเบาสบาย
    และให้จิตมีเป้าหมายบรรลุเข้าสู่ สภาวะ นิพพาน ซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดใน พระพุทธศาสนา
    การเจริญวิป้สสนาปัญญา จะได้บุญกุศลมากกว่า การเจริญสมาธิหรือสมถะ นะครับ
    ก่อนทำก็ควร สมาทานศิลก่อน แล้วก็แผ่เมตตา หลังทำก็แผ่เมตตาให้ญาติพี่น้อง และสรรพสัตว์ทั้งหลาย การทำบุญควรทำให้ครบ คือ ทาน ศิล สมาธิ วิปัสสนาปัญญา
    และอย่าลืมแผ่เมตตาให้มาก ๆ ฟังพระท่านเทศน์ให้แผ่เมตตาจนกว่าเราจะยิ้มได้และใจมีความสุขได้ นั้นแหละแสดงว่าจิตเราเข้าถึงเมตตามาก ๆ จะได้อานิสงค์ ตั้ง 11 ประการ
    หรือถ้าชอบสวดมนต์ก็หาบทแผ่เมตตาหลวงสวดให้มาก ๆ ก็ได้นะครับ
    แต่อย่างไรก็สู้ วิปัสสนาปัญญาไม่ได้ นะครับ
    ก็บอกได้เท่าที่ได้รู้และศึกษามานะครับ อย่าท้อถอย อุปสรรคไม่มีบารมีไม่เกิด
    จงเพิ่มการทำบุญให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เอาธรรมะชนะให้ได้
    แล้วจะเห็นผลของบุญด้วยตัวท่านเองสักวัน ครับ
    ขอให้โชคดี เราโชคดีแล้วที่มาศรัทธาในพระพุทธศาสนา ครับ
    และขออนุโมทนาบุญ ด้วยครับ สาธุ ๆ
    การสะสมบุญ เป็นการสะสมความสุข
    การทำบุญ ในพระพุทธศาสนา ได้บุญกุศลมาก
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2010
  4. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    การฝึกเจริญมรณานุสสติ<!-- google_ad_section_end -->


    ขอให้น้อมใจสงบด้วยการตามลมหายใจเข้าและออก
    ให้เรานึกภาพดอกไม้ที่งดงามเบ่งบาน นึกต่อไปอีกว่าดอกไม้ดอกนั้นค่อย ๆ โรยกลีบร่วงลงทีละกลีบ ส่วนที่ยังอยู่ก็เหี่ยวแห้ง สีที่เคยสวยก็ค่อย ๆ หมองคล้ำนึกภาพจนกระทั่งเห็นดอกไม้เฉาลงในที่สุด นึกถึงทิวทัศน์อันงดงามยามอรุณรุ่ง ดวงอาทิตย์เพิ่งพ้นขอบฟ้า นึกถึงสถานที่เดียวกันนั้นในยามบ่าย แดดร้อนแรง อาทิตย์อยู่กลางฟ้า วันเวลาเคลื่อนคล้อยไปเรื่อย ๆ จนตกเย็น อาทิตย์คล้อยต่ำลงเป็นลำดับ จนลับขอบฟ้า เหลือแต่ความมืดมิด

    น้อมภาพเหล่านี้เข้ามาใส่ตัวเรา ว่าชีวิตของเราก็เหมือนกับดอกไม้ที่สักวันหนึ่งก็ต้องร่วงโรยเหี่ยวเฉา เช่นเดียวกับอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า ไม่นานเราก็ต้องลาจากโลกนี้ไป สักวันหนึ่งเราต้องจากโลกนี้ไป ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ อาจจะเป็นปีหน้า เดือนหน้า หรือพรุ่งนี้ก็ได้ ขอให้ทุกคนนึกในใจว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ในโลกนี้ ไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเราอีกต่อไป ให้นึกไว้ในใจว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทุกชีวิตและทุกผู้คนที่เราคุ้นเคย ที่เราเคยพบปะ ที่เราเคยหยอกเย้าแย้มยิ้ม คนเหล่านี้เราจะไม่มีโอกาสได้พบอีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

    นึกถึงใบหน้าของพ่อแม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้องที่เคยพบเห็นทุกวี่ทุกวัน เรากำลังจะจากเขาไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

    นึกถึงใบหน้าของคู่ครองคนรัก วันเวลาที่จะต้องจากเขา ใกล้มาทุกขณะแล้ว นึกถึงมิตรสหายที่เราคุ้นเคย อีกไม่นานเราจะไม่มีวันได้พบเขาอีกแล้ว

    นึกถึงภาพเหตุการณ์เมึ่อเช้า เราได้พบเจอใครบ้าง ได้ทำอะไรบ้าง นึกถึงช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารเมื่อเช้านี้ นึกถึงชวงเวลาที่ส่งลูกไปโรงเรียน นึกถึงเพื่อนฝูงที่พบเจอในห้องประชุม

    "พ่อคะ แม่ขา หนูรักพ่อกับแม่นะคะ ต่อไปนี้ หนูคงไม่มีโอกาสได้ดูแลพ่อกับอีกแล้ว"

    "ลูกจ๋า คนดีของพ่อ ดวงใจของแม่ เป็นเด็กดีนะลูก พ่อแม่คงไปรับลูกที่โรงเรียนไม่ได้อีกแล้ว"


    นึกถึงทรัพย์สมบัติ สิ่งของที่เราหามาด้วยความเหนื่อยยาก บ้าน รถยนต์ เครื่องประดับ เงินทอง ของหวงของรักทั้งหลาย เรากำลังจะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไป นึกถึงงานการทั้งหลายที่เรารักและทุ่มเทมาตลอด ไม่ว่าจะมีค่าปานใด เราจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกต่อไป งานทั้งหลายที่คั่งค้างไม่แล้วจบ เราจะไม่มีวันได้สะสางอีกแล้ว


    ...อีกไม่นาน โลกที่เราคุ้นเคยมาตลอดชีวิต จะหายวับไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือแม้แต่น้อย ที่สำคัญก็คือ ชีวิตของเราทั้งชีวิต กำลังจะสูญสิ้นไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง...

    ทีนี้ลองกลับมาสำรวจดูความรู้สึกของเราในขณะนี้ ความรู้สึกในขณะนี้เป็นอย่างไร? เรารู้สึกกลัวหรือไม่? ลองพิจารณาความกลัวดู ค่อย ๆ สัมผัสรับรู้ความกลัวนั้น ความกลัวอยู่ที่ตรงไหน? เรากลัวอะไร? ลองสัมผัสรับรู้ความกลัวเหล่านี้ด้วยใจสงบ มีความกังวลหนักใจเกิดขึ้นหรือไม่? อะไรที่เรารู้สึกตัดใจลำบากที่สุด พ่อแม่? คนรัก? ลูกหลาน? มิตรสหาย? ทรัพย์สมบัติ? งานการ ?

    ขอให้เราตั้งสติและพิจารณาในใจว่า ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่เรามีนั้น มันเป็นของเราจริงหรือ? เราเอามันไปด้วยได้หรือไม่
    สิ่งเหล่านี้เพียงแต่มาอยู่ในความดูแลรักษาของเราชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะมอบให้คนอื่นดูแลและใช้ประโยชน์ต่อไป
    ส่วนงานการทั้งปวง เราก็ได้ทำมามากแล้ว บัดนี้ได้เวลาเลิกงานแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องวางมือ และให้คนอื่นรับไปทำต่อไป เราได้ฝากงานไว้กับโลกมามากพอแล้ว งานทั้งหลายได้กลายเป็นของโลกไปแล้ว ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องห่วงกังวลอีกต่อไป

    ..พ่อแม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และคนรักทั้งหลาย เรามีบุญวาสนามาอยู่กับเขาได้นานพอสมควรแล้ว หน้าที่ที่สมควรทำ เราก็ได้ทำมามากพอแล้ว บัดนี้ได้เวลาที่เราจะต้องลาจากไป ขอให้มั่นใจว่าเขาจะอยู่ต่อไปได้โดยไม่มีเรา เราเคยลาจากเขาเหล่านี้มาก่อนแล้ว ครั้งนี้เราเพียงแต่ลาจากไปนานกว่าครั้งก่อน ๆ เท่านั้น

    ..อีกไม่นานเราก็จะละร่างนี้ไป ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราเพียงแต่หยิบยืมมาจากธรรมชาติ ร่างนี้เราได้มาเปล่า ๆ จากท้องแม่ บัดนี้ถึงเวลาที่จะคืนให้แก่ธรรมชาติไป ได้เวลาแล้วที่ร่างนี้จะคืนสู่ดิน น้ำ ลม ไฟ ในธรรมชาติ

    บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะปลดเปลื้องสิ่งหมักหมมจิต ความรู้สึกผิดติดค้างใจ ความเศร้าเสียใจที่ได้กระทำผิดต่อผู้อื่น อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้กดถ่วงหน่วงทับใจอีกเลย ไม่สายเกินไปที่จะขออภัย ณ บัดนี้ ขออภัยต่อทุกคนที่เราได้เคยล่วงเกิน หมางเมิน และเบียดเบียน ขอเราทั้งหลายอย่าได้มีเวรต่อกันอีกเลย หากเรามีความคับแค้นใจ รู้สึกไม่ดีต่อใครบางคน
    อย่าปล่อยให้อกุศลจิตนี้กัดกินใจเราอีกเลย ขอจงให้อภัยเขาเหล่านั้น อโหสิทุกคนที่เคยทำความทุกข์แก่เรา ปลดเปลื้องใจเราให้เป็นอิสระจากความเคียดแค้นชิงชัง ขอให้เราทั้งหลายจงเป็นสุข ๆ เถิด

    ท้ายที่สุดนี้ ให้ละวางทุกอย่างที่เคยถือเป็นของเรา ละวางแม้กระทั่งตัวตน หรือความรู้สึกว่าตัวฉัน แท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งตัวตนที่นึกว่าเป็นของเรา ก็มิใช่ของเราจริง ๆ ให้ละวางความยึดถือในตัวตน อย่าไปนึกหรือคาดหวังว่าตัวตนจะไปเกิดเป็นอะไร ให้ระลึกในใจว่า ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร ก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่น่าเอา น่าเป็น ไม่มีอะไรที่ควรยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ว่าอดีตหรืออนาคต

    น้อมจิตสู่ความสงบ สู่ความว่าง สู่ความดับเย็นอย่างสิ้นเชิง

    พระไพศาล วิสาโล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 007K054tzKB.gif
      007K054tzKB.gif
      ขนาดไฟล์:
      134.8 KB
      เปิดดู:
      170
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2010
  5. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เอ๊ ถ้าจะถามว่า ทำไมทะเลาะกับคนในบ้านบ่อยจัง ต้องถามคุณต่อว่า แล้วที่ทะเลาะเนี่ย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่คุณจะหันมาสวดมนต์หรือเปล่า หรือว่าพอคุณเริ่มมาสวดมนต์ช่วงหลังๆ แล้วก็มาทะเลาะกับคนที่บ้านบ่อยขึ้น

    ถ้าถามผม ผมก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจจะเป็นอย่างที่เฮียปอ ว่าไว้ก็ได้ว่า เป็นการทดสอบอารมณ์

    ส่วนการฝันเห็นพระหรือได้ไปไหว้พระบ่อยนั้น อาจจะเกี่ยวกับการที่คุณได้สวดมนต์บ่อยๆ ก็ได้ เหมือนเป็นการดึงสิ่งดีๆเข้าหาชีวิต และอาจจะเป็นเพราะจิตไปจดจ่ออยู่กับพระกับเจ้า ดีแล้วครับ
     
  6. mylord

    mylord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +253
    สวดมนต์ แล้วบทแผ่เมตตาได้สวดหรือเปล่า
    แล้วตอนออกจากสมาธิ ยังจำภาวะที่อยู่ในสมาธิได้หรือไม่

    สังเกตุอารมณ์ของตนว่า อารมณ์โกรธมาจากข้างในจิตหรือข้างนอก

    โกรธ มีเหตุให้โกรธหรือไม่ เพราะอะไร สำคัญหรือไม่ เมื่อรู้แล้ว วางได้ไหม

    สำคัญที่รู้ เท่าทัน จิตของตน
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ให้มีสติ เตือนตน ก่อนจะทะเลาะ ว่าทะเลาะแล้วได้อะไร

    และ ให้มีสติ เตือนตน อีกระดับหนึ่งขึ้นไปว่า ทำไมเราถึงขี้โมโห

    คนทะเลาะกัน ก็ต่อเมื่อโมโหกัน

    การโมโห นี้เกิดขึ้นเพราะว่า มันไม่ตรงใจ ไม่ตรงกับที่เราคิด ก็ให้เรามองให้กว้างขึ้นอีก ยอมรับ ในความแตกต่าง

    และ สุดท้าย ให้เรายอมรับว่า หากเราคิดว่า เราเป็นฝ่ายถูกแล้ว ฝ่ายถูกที่แท้จริงจะต้องเป็นคนที่เข้าใจฝ่ายผิด ไม่ใช่ไปยัดเยียดความผิดให้ฝ่ายผิด

    ให้แยกระหว่าง การทะเลาะ กับ วิธีการแก้ปัญหาความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน

    ขอให้โชคดีมีสติ
     
  8. ending

    ending เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +114
    สวดเป็น ชม.แล้วใจสงบบ้างหรือเปล่า
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อคุณสวดมนต์เสร็จแล้ว คุณลืมแผ่เมตตาหรือเปล่า? เพราะว่าถ้าคุณสวดมนต์ประจำ จะมีเทวดานางฟ้า เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือนฯ และเทพผู้ดูแลรักษาพระพุทธรูป มาร่วมฟังและรออนุโมทนาบุญ ดังนั้น หลังจากสวดมนต์เสร็จทุกครั้งต้องแผ่เมตตาค่ะ
    คำแผ่เมตตาอย่างย่อ
    สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆาสุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
    สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย
    จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
    จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจ
    จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ.
     
  10. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    แนะนำให้สวดบทอาราธนาศีล 5 บทมะยังภันเต น่ะครับ สวดแล้วจะไม่มีใครด่าเราได้เลย
    แม่ชีทศพรก็เคยพูดไว้ ผมสังเกตดูแล้วก็รู้สึกว่าจริง อยากจะด่าก็ด่าไม่ได้ ผมเคยไปเมือง
    นอกเจ้าหน้าที่เขาตรวจอะไรบางอย่าง เราไม่รู้ว่าเขาตรวจอะไรทำอะไรไม่ถูก เขาด่าทุกคนเลย
    พอถึงคิวผมเขาจะด่าแล้วด่าไม่ได่เลยด่าในใจแทน นอกจากนี้เคยนั่งกับเพื่อนแล้วมีคนบ้ามาด่า
    ด่าหมดทุกคนแต่ชมผมคนเดียว ลองสวดดูนะครับ
     
  11. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    หากเทพผู้คุ้มครองเป็นคนละฝ่ายมันก็ต้องตีกันเป็นธรรมดา เช่น อสูรกับเทวดา หรือเทพ กับมาร ผมก็เคยมีประสพการณ์เหมือนกันครับ สวดมนต์แล้วตีกับแฟน แต่แฟนเป็นพวกเล่นของ พอสวดมนต์เสร็จก็ทะเลาะกันใหญ่(สวดชินบัญชร) ขนาดเป็นเทพด้วยกันแต่หัวหน้าคนละคนก็อาจจะตีกันได้เหมือนกันครับ หรือไม่ก็อาจมาจากตัวเราเองมีอสูรหรือมารรักษาอยู่ ไปสวดมนต์ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันครับ คือเทวดารักษาตีกันครับ ปกติเป็นอีกฝ่ายรักษาอยู่ พอฝ่ายตรงกันข้ามเข้ามารักษาก็เลยเกิดการตีกันขึ้น สำหรับผมนะครับ มนตร์ที่ดีที่สุดคือ การแผ่เมตตาครับ แต่ถ้าโดนผีอำก็ สัมปะติจฉามิหรือ สัมปะจิตฉามิ หลุดแน่นอนครับ ให้มีจิตใจที่มั่นคงในคาถา รับรองครับ
     
  12. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    จะบอกว่าได้กุศลเท่ากัน ก็คงไม่ได้หรอก เพราะตัวที่ไปตัดกิเลสจริงๆก็คือ วิปัสสนา การตัดกิเลสถือว่าเป็นบุญสูงสุด ถูกไหม แล้วอย่างนี้จะถือว่าได้กุศลเท่ากันได้อย่างไร

    อย่างไรก็ดี การจะเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว โดยไม่มีกำลังของสมถะนั้น จิตก็ยังไม่มีกำลังพอ

    ถ้าเปรียบเทียบวิปัสสนาเหมือนกับการกระโจนเข้าสู้กับศัตรู ฟาดฟันให้ตายไปข้าง

    แต่ถ้าเราไม่ได้ฝึกให้ร่างกายแข็งแรง กระฉับกระเฉง มีเรี่ยวมีแรง แล้วจะเอาอะไรไปชนะศัตรู

    และถึงแม้จะมีร่างการกำยำลำสัน มีเรี่ยวมีแรง แต่ไม่เคยจะไปเผชิญหน้ากับศัตรู ขาดประสบการณ์ในการรบ แล้วจะชนะศัตรูได้อย่างไร

    เพราะฉะนั้น วิปัสสนาและสมถะต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ถ้ามัวแต่ไปทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็อาจจะได้ดีอยู่ แต่ยังไม่ดีพอ

    ธรรมะนั้น มีส่วนเกื้อกูลกัน อย่างทาน ศีล ภาวนาก็เหมือนกัน เบื้องต้นเราอาจเข้าใจว่าต้องเป็นขั้นเป็นตอน แต่พอถึงจุดๆหนึ่ง ก็จะเข้าใจว่า

    ทาน ศีล ภาวนา ล้วนเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เหมือนกงล้อแห่งธรรมนั่นเอง

    สุดท้าย ธรรมใดที่ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งหลายเข้าใจในธรรมนั้นเฉกเช่นเดียวกับข้าพเจ้า และขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
  13. Thirawat inthasri

    Thirawat inthasri สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +19
    (สมาชิกประเทศญี่ปุ่่นครับ)ขอบขุณสำหรับทุกคำตอบนะครับต่อไปนี้ถ้ามีคนในบ้านทะเลาะมาก็จะเงียบหาอย่างอื่นทำดีกว่า และจะปฎิบัติตามที่ทุกท่านแนะนำนะครับแล้วโอกาสหน้าถ้าผมมีข้อสงสัยขอให้ทุกท่านช่วยตอบด้วยนะครับขอบคุณครับ
     
  14. Thai.Style

    Thai.Style สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2019
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    สาธุๆ เจ้าค่ะ
    ได้อ่านแล้วรู้สึกเบาสบาย คลายกังวล
    มาอ่าน 2 รอบแล้วค่ะ
    รอบแรกที่มาอ่านเพราะโกรธคนๆนึงอยู่แล้วมาอ่านเจอ รู้สึกหายโกรธเขาไปโดยง่าย
    รอบสองมาอ่านแล้วรู้สึกว่าเบาสบาย โล่งใจ อย่างบอกไม่ถูก
    ขอบคุณที่ได้มาเจอท่านผู้ถ่ายทอดบทความนี้ สาธุๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...