ที่อยู่ของจิตในเชิงรูปธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 7 กรกฎาคม 2018.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    พบว่ามีการกล่าวถึงที่อยู่ของจิตในเชิงรูปธรรม เรียกว่า"คูหา" หรือถ้ำ
    จึงอยากทราบว่าคูหา อันเป็นที่อยู่ของจิตนั้น ในเชิงรูปธรรมน่าจะอยู่ที่ส่วนใดระหว่างในกระโหลกศรีษะ
    หรือในส่วนลำตัว ขอคำชี้แจงจากผู้
    ที่ได้ศึกษา
    ได้กรุณาให้ความกระจ่างด้วย
    ครับผม
     
  2. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    สายหลวงพ่อสด บอกอยู่ศูนย์กลางกายเหนือสะดือ ถามว่าท่านรู้ได้อย่างไรว่าฐานจิตมีอยู่ตรงนั้นจริงๆ คนธรรมดาแบบเราๆไม่รู้กันหรอก(แบบเราก็อาจจะรู้เพราะอ่านมาจำมาฟังมา)
     
  3. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    อาจจะผิดก็ได้นะครับ ลองอ่านเล่นๆ

    ปกติ จิตไม่มีรูปร่าง อยุ่ที่ ที่ว่างไนหัวใจ เรียกจุดนั้นว่า หว่างฤทัย

    แต่บางครั้ง ก็เห็นเป็นรูปร่างตามที่อาศัย เช่น ตอนทำความรู้สึกทั่วตัว ก็จะเห็นเป็นรูปร่างตัว

    สาเหตุ เพราะว่า รูปร่างเปลี่ยนตามการรับรู้ แต่มีแสง

    ถ้าทรงฌาน จะคล้ายเหมือนแก้ว ไม่มีสีของกิเลศที่ย้อมไว้

    เมื่อกิเลศสลัดออกไปมาก แสงจะสว่างมากขึ้น เพราะสิ่งที่ปิดบังไว้ถูกสลัดออกไป ด้วย วิชชา
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อก
     
  5. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    .....จิต...ก็มิใช่จิต...ไม่ได้เป็นมิได้คืออะไรเลย จิต เป็น พุทธะ ซึ่ง ไม่ได้แม้เป็นสิ่งใดๆ กล่าวคือ เมื่อใช้อุบายวิธี บริกรรมภาวนา เช่น พุทโธ พุทโธๆๆๆ จนจิตติดพุทโธแล้ว เจตสิก ย่อมนำจิต ออกจาก ความว่าง แลสติสำทับอยู่กับคำบริกรรมภาวนา แลความว่างนั้นคือจิต ความว่างนั้น ก่อกำเนิด สิ่งต่างๆ จิตซึ่งแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมานั้นย่อมมีอยู่ซึ่งรูป มีรูป ย่อมมีนาม จิตเช่นนี้จึงเรียกชื่อว่าจิต จิต กับความว่าง จึงเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ชั่วลมหายใจทุกๆขณะจิต .....ขณะที่จงอยู่กับความว่าง...จิตก็คืออะไร ที่อยู่ของจิตคือที่ไหน จึงควรรู้คำบริกรรมภาวนา และ ลมหายใจ ....
     
  6. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    จากที่สังเกต ธาตุรู้ นี้จะอยู่ประมาณกึ่งๆระหว่าง จุด A กับ จุด B ครับ

    1397668314-42-o.jpg

    ส่วนเรื่องกระโหลกนี้ผมไม่ทราบนะครับ แต่เท่าที่สังเกต ธาตุรู้ ที่อาศัยอยู่แถวนั้นนี้
    มันไม่เคยเคลื่อนย้ายไปอาศัยในกระโหลกเลย แล้วเราก็จะไปขยับหรือไปเคลื่อนย้าย ธาตุรู้
    ให้ไปอาศัยในที่ตรงนั้นตรงนี้ก็ไม่ได้ด้วย ธาตุรู้ นี้มันจะไม่อยู่การบังคับบัญชาของเราครับ
    มันเป็นธาตุรู้ ที่นอกเหนือจากการสั่งการจากร่างกายและสมองครับ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    จิต ไม่ใข่ สัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา.....

    จิต ตถาคตเจ้า ตรัสว่า เปน ธาตุ ที่เกิดจาก ปัจจัย
    หาก หมดเหตุ จิตก้เกิดขึ้นไม่ได้..........

    ตูหาสยํ จึงเปน สภาวะธรรม ที่ รับรู้ได้ ยกขึ้นเหนได้ว่า มีรสอย่างนี้ๆ มีขอบ มีเขต เนื่องจาก
    มี "สัญญาหมาย" มีอุปาธิ อุปาทาน "จึงเกิดการ
    ยึดถือในจิตว่าเปนตน"

    อาการของจิต เกิดการยึดถือจิตเปนตน ก้เปน
    อีกสภาวะธรรมหนึ่ง จะ เหนชัด และ รู้ว่ารู้ชัด
    และ รู้ว่าแจ้งธรรม จะเปนขั้น อรหัตถ(มรรค)ผล

    ส่วน การเหน "สัญญาหมาย" จะแตกออกเปน
    สองส่วน(ลป.มั่น) โดยช่วงแรกๆ ตั้งแต่เริ่มภาวนา ไปจน
    ถึง อรหัตถมรรค จะ รับรู้ถึงการมีอยู่
    ของ เปลือกไข่ ลูกไก่ตัวแรก ก้คือ พระตถาคต

    พอเจาะเปลือกไข่ได้ คูหาสยํ จะไม่มีอีก พ้นแบบ
    อนุปาทาเสสฯ จนกว่าจะ ปรินิพพาน ก้จะเปน อนุปาทาฯ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เวลาเสียใจ เจ็บที่ไหน

    เวลาผิดหวังเรื่องความรักเจ็บที่ไหน

    เวลาสะเทือนใจรู้สึกที่ไหน

    เวลามีความปิติขึ้น รู้สึกที่ไหน

    ตามนั้น
     
  9. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ตรงหัวใจค่ะ เขาเรียกหทัยวัตถุค่ะลุง เห็นมีชาร์ทแสดงอยุ่เหมือนกันค่ะ

    อันนี้คำพูด ลพ จรัญ อธิบายการทำงานของจิต และท่านก้บอกไว้ว่าอยุ่ตรงหัวใจค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2018
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กรณีที่ สามารถยกเหน สภาวะ ขอบเขตที่มองไม่เหน

    ได้ ดั่ง ตาเหน รูป .....ควรวกระลึก กลับไปใน
    สภาวะ พ้นรูป(มหาภูตรูป)ให้ชัดๆ เพื่อ "ฉลาดใน
    จิตบันเทิง" จนคุ้นเคย จิตบันเทิง อันเกิดจาก
    การ ก้าวพ้น กายเนื้อ(ที่คับแคบ บีบคั้น)หนัก
    กว่า "เปลือกไข่ทีมองไม่เหน" ให้ คล่องตัวก่อน

    จนสามารถ หายใจเข้าออก ปึ๊ดเดียว สามารถ
    มีจิตเย้าเยือน ไม่ห่างจาก อรูป แต่ก้ไม่ หวนกลับ
    ไปใน มหาภูตรุป กายเนื้อ

    พอฉลาดในจิตบันเทิง ได้ คล่องตัว สำหรับ
    บุคคลที่เปน กายสักขี ก้ เฝ้น "นามกาย"
    ที่จะเปนตัว รับรู้จิตบันเทิงวิบาก(สุข อุเบกขา)
    อันจะต่างกับ ปิติวิบากอะนอาสัย กายเนื้อ

    พอวิจัย กายเนื้อ นามกาย ได้คลีอง จะไม่เกิด
    การเมา ฌาณ ที่เปน ภพของสัตว์ เทวดา
    อินทร์ พรหม ยม ยักษ์

    การได้จิตเปน สมาธิ ที่เปน สัมมาสมาธิ สัตว
    อื่นจะมาปรากฏ ความเปนภพ เปนเพื่อน มาให้เหน
    มาเสวนาจ๊ะจ๋า ยิ้มหรือไม่ยิ้ม ไม่ได้

    เมื่อนั้น จะ แยกออก ฌาณนอกศาสนา มีแต่
    สหาย หน้าขน(สภาวะไม่พ้น มหาภูตรุป เช่น วาโย
    หากไม่พ้น ยังไงหน้าก้ต้องมีขนแน่นอน)

    กายในศาสนาพุทธ จึง ไม่มีความเปนภพ ไม่มีสัตว์
    ใดปรากฏได้ แม้นแต่ อัตตวาทุปาทาน สำคัญ
    ตนอยู่ว่า เปนสัตว์ ....จึง เหนการสดับธรรมที่
    พ้นการแสดงจากผู้อื่นเนืองๆ ทำให้มากๆ ตรัสรู้เอง
    โดยชอบได้ตามความสมควรแก่ธรรม
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อยู่ตรงระหว่างต่ำแหน่ง B ถึงฐานล่าง A ในรูปที่คุณ hyuge เอามาลงครับ
    คือ ถ้าจะเปรียบเป็นให้พอมองเป็นรูปธรรม อย่างที่ ลุงแมว ถามนะครับ

    หลักสังเกตุ ว่าฐานของจิตมันอยู่ต่ำแหน่งไหนในร่างกาย
    หรือเราจะวัดว่า จิตมันอยู่ต่ำแหน่งไหนจริงๆในร่างกายนั้น
    ควรจะดูเวลาที่
    ตัวจิตมันแยกตัดขาดจากร่างกาย จากความคิดต่างๆ
    ไม่ว่าความคิดจากจิต หรือ ความคิดผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
    ซึ่งเป็นฝ่ายอารมย์ได้อย่างเด็ดขาดได้ชั่วคราวครับ

    ซึ่งสามารถที่จะเข้าถึงได้ ๒ ระดับกำลังสมาธิ

    ๑.สามารถเห็นได้ในกำลังสมาธิระดับสูง
    และมีกำลังสติเพียงพอที่จะควบคุมมันนิ่งๆได้
    คุณจะเห็นผนังช่องท้องตัวเอง ในต่ำแหน่ง B ถึง ฐานล่าง A นั่นหละครับ

    หรือ
    ๒.ดูตอนที่ตัวจิต มันแยกความคิดที่เกิดจากจิต
    และเห็นความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
    หรือขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมก่อนที่จะรวมกับจิตได้
    ซึ่งมาจากการฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันจนแยกรูปแยกนามได้
    มันก็จะแยกได้เอง เป็นส่วนๆ
    เราจะรู้เองว่ามันอยู่บริเวณ ฐาน B ถึงฐานล่าง A นั่นหละครับ
    คนที่แยกรูปแยกนามได้ จึงเกิดกิริยาจิตกระเพื่อม
    เวลามีความคิดอะไรขึ้นมา เหมือนมีอะไรเต้นๆได้ที่ลิ้นปี่นั่นหละครับ


    นั่นหละคือฐานที่ตั้งของมัน
    เวลาร่างกายพัง มันจะออกตรงนั้นหละครับ

    ส่วนต่ำแหน่งๆอื่นๆในร่างกาย
    เรากำหนดไปไว้ตรงไหนได้หมดนั่นหละครับ
    แต่ไม่ใช่ฐานของมันครับ


    เช่น กำหนดไว้ที่หน้าฝาก เป็นการฝึกสายวิชาเดินธาตุในดง
    กำหนดไว้ที่หน้าอก เป็นการฝึกสายวิชาเดินธาตุโบราณ
    กำหนดไว้ที่ เหนือสะดือ เป็นสายอดีตสมเด็จพระสังฆราชฯ
    หรือสายวิชาเฉพาะต่างๆ ซึ่งแล้วแต่จะกำหนดให้ตรงนั้นเป็นฐาน
    หรือแล้วแต่จะเรียกว่าอะไร
    จะเรียกศูนย์กลางกายก็ได้ ศูนย์กลางการกำหนดก็ได้ ซึ่งแตกต่างกัน
    เพราะเป็นแค่การเริ่มต้นฝึกแต่ เพื่อเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน...
    แต่ไม่ใช่ฐานจริงๆของมันครับ

    ฐานของจิต ต้องดูตอนที่
    ๑.ตอนที่จิตแยกกับกายได้เด็ดขาดชั่วคราวในกำลังสมาธิระดับสูง
    ๒.จิตแยกรูปแยกแยกนามได้ คือ ทันความคิดจากจิตที่กำลังขึ้นมาจากจิต
    และมองเห็นทันความคิตจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตอนที่มันกำลังจะรวมกับจิต
    ตรงนี้ในกำลังระดับปฐมฌานก็เพียงพอครับ

    ปล. จิตกระเพื่อม และ จิตกำลังก่อตัวเป็นแท่งๆ และกำลังม้วนคล้ายก้
    นหอยช่วงแรก
    จะไม่มีปรากฏในบุคคลที่อายุมากแล้ว ที่ผ่านเรื่องราวทางโลกมามากมายครับ
    วัยรุ่น วัยกระเตาะ หรือยังไม่เกิน ๔๕ หรือ ๕๐ ยังไงก็ต้องเจอ
    กิริยาจิตกระเพื่อม ครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ...
    ดังนั้นถ้าอายุไม่เกิน ๔๕ แล้วมาบอกว่า ข้าพเจ้าแยกรูปแยกนามได้
    แต่ไม่รู้กิริยาจิตกระเพื่อมเป็นอย่างไร ท่านอาจจะโดน แซะร่วงกลางอากาศ
    หน้าแหกหมอไม่รับเย๊บได้


    เจ๊บที่หัวใจ หรือรู้สึกอยู่ที่หัวใจ แสดงว่ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้
    รู้สึกว่าอยู่ที่อื่นๆ แสดงว่า กำหนดเอา และยึดตามตำราอยู่
    ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของวิธีการฝึกสายพิเศษต่างๆนั้น
    ถ้าอยู่ที่บริเวณศรีษะคือ อาการหนักคือคิดไปเอง...


    ถ้ารู้สึกเจ็บหัวใจ จนปวดร้าว
    เวลาดูละครหลังข่าวอย่าอินมากไปครับ...
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อยู่ตรงระหว่างต่ำแหน่ง B ถึงฐานล่าง A ในรูปที่คุณ hyuge เอามาลงครับ
    คือ ถ้าจะเปรียบเป็นให้พอมองเป็นรูปธรรม อย่างที่ ลุงแมว ถามนะครับ

    หลักสังเกตุ ว่าฐานของจิตมันอยู่ต่ำแหน่งไหนในร่างกาย
    หรือเราจะวัดว่า จิตมันอยู่ต่ำแหน่งไหนจริงๆในร่างกายนั้น
    ควรจะดูเวลาที่
    ตัวจิตมันแยกตัดขาดจากร่างกาย จากความคิดต่างๆ
    ไม่ว่าความคิดจากจิต หรือ ความคิดผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
    ซึ่งเป็นฝ่ายอารมย์ได้อย่างเด็ดขาดได้ชั่วคราวครับ

    ซึ่งสามารถที่จะเข้าถึงได้ ๒ ระดับกำลังสมาธิ

    ๑.สามารถเห็นได้ในกำลังสมาธิระดับสูง
    และมีกำลังสติเพียงพอที่จะควบคุมมันนิ่งๆได้
    คุณจะเห็นผนังช่องท้องตัวเอง ในต่ำแหน่ง B ถึง ฐานล่าง A นั่นหละครับ

    หรือ
    ๒.ดูตอนที่ตัวจิต มันแยกความคิดที่เกิดจากจิต
    และเห็นความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
    หรือขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมก่อนที่จะรวมกับจิตได้
    ซึ่งมาจากการฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันจนแยกรูปแยกนามได้
    มันก็จะแยกได้เอง เป็นส่วนๆ
    เราจะรู้เองว่ามันอยู่บริเวณ ฐาน B ถึงฐานล่าง A นั่นหละครับ
    คนที่แยกรูปแยกนามได้ จึงเกิดกิริยาจิตกระเพื่อม
    เวลามีความคิดอะไรขึ้นมา เหมือนมีอะไรเต้นๆได้ที่ลิ้นปี่นั่นหละครับ


    นั่นหละคือฐานที่ตั้งของมัน
    เวลาร่างกายพัง มันจะออกตรงนั้นหละครับ

    ส่วนต่ำแหน่งๆอื่นๆในร่างกาย
    เรากำหนดไปไว้ตรงไหนได้หมดนั่นหละครับ
    แต่ไม่ใช่ฐานของมันครับ


    เช่น กำหนดไว้ที่หน้าฝาก เป็นการฝึกสายวิชาเดินธาตุในดง
    กำหนดไว้ที่หน้าอก เป็นการฝึกสายวิชาเดินธาตุโบราณ
    กำหนดไว้ที่ เหนือสะดือ เป็นสายอดีตสมเด็จพระสังฆราชฯ
    หรือสายวิชาเฉพาะต่างๆ ซึ่งแล้วแต่จะกำหนดให้ตรงนั้นเป็นฐาน
    หรือแล้วแต่จะเรียกว่าอะไร
    จะเรียกศูนย์กลางกายก็ได้ ศูนย์กลางการกำหนดก็ได้ ซึ่งแตกต่างกัน
    เพราะเป็นแค่การเริ่มต้นฝึกแต่ เพื่อเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน...
    แต่ไม่ใช่ฐานจริงๆของมันครับ

    ฐานของจิต ต้องดูตอนที่
    ๑.ตอนที่จิตแยกกับกายได้เด็ดขาดชั่วคราวในกำลังสมาธิระดับสูง
    ๒.จิตแยกรูปแยกแยกนามได้ คือ ทันความคิดจากจิตที่กำลังขึ้นมาจากจิต
    และมองเห็นทันความคิตจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตอนที่มันกำลังจะรวมกับจิต
    ตรงนี้ในกำลังระดับปฐมฌานก็เพียงพอครับ

    ปล. จิตกระเพื่อม และ จิตกำลังก่อตัวเป็นแท่งๆ และกำลังม้วนคล้ายก้
    นหอยช่วงแรก
    จะไม่มีปรากฏในบุคคลที่อายุมากแล้ว ที่ผ่านเรื่องราวทางโลกมามากมายครับ
    วัยรุ่น วัยกระเตาะ หรือยังไม่เกิน ๔๕ หรือ ๕๐ ยังไงก็ต้องเจอ
    กิริยาจิตกระเพื่อม ครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ...
    ดังนั้นถ้าอายุไม่เกิน ๔๕ แล้วมาบอกว่า ข้าพเจ้าแยกรูปแยกนามได้
    แต่ไม่รู้กิริยาจิตกระเพื่อมเป็นอย่างไร ท่านอาจจะโดน แซะร่วงกลางอากาศ
    หน้าแหกหมอไม่รับเย๊บได้


    เจ๊บที่หัวใจ หรือรู้สึกอยู่ที่หัวใจ แสดงว่ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้
    รู้สึกว่าอยู่ที่อื่นๆ แสดงว่า กำหนดเอา และยึดตามตำราอยู่
    ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของวิธีการฝึกสายพิเศษต่างๆนั้น
    ถ้าอยู่ที่บริเวณศรีษะคือ อาการหนักคือคิดไปเอง...


    ถ้ารู้สึกเจ็บหัวใจ จนปวดร้าว
    เวลาดูละครหลังข่าวอย่าอินมากไปครับ...
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ คำกล่าวนี้ "เป็นความจริง" ตาม อักขระ พยัญชนะ เท่าที่ "ภาษา" จะสื่อออกมาได้

    +++ แต่ จิต ในประโยคนี้ ชี้ไปที่ "วิญญาณ" ที่ดำรงค์อยู่ใน "ใจกลาง" ระหว่าง ตัณหา (ทางเข้า) กับ อุปาทาน (ก่อนเกิดภพ)

    +++ อาการระหว่าง ตัณหา ที่เชื่อมต่อเข้ากับ อุปาทาน ที่ วิญญาณขันธ์ เคลื่อนตัวเข้าสู่ มีลักษณะเป็น "โพลง (คูหา)"

    +++ เมื่อเข้าสู่ "ภพ (จุติ)" แล้ว จึง ออกจาก "คูหา" แล้วกลายเป็น "เกิด แก่ เจ็บ ตาย รวมทั้ง ทุกข์ ต่าง ๆ"

    +++ คำกล่าวนี้ เป็น ช่วงหนึ่ง หรือ ท่อนหนึ่ง ภายในสายของ "ปฏิจจสมุปบาท ที่กล่าวเฉพาะ การเคลื่อนตัวของ วิญญาณ" เท่านั้น
    +++ ประโยคนี้ของ ลุงแมว เป็นประโยคอันชี้ไปที่ "ผู้ดู/ตัวดู" บางภาษาจะเรียกมันว่า "ตาที่ 3" ก็ได้

    +++ มันคือ ตำแหน่งของ "ตาที่ 3" หรือ ตัววิญญาณขันธ์ ตำแหน่งจริงของมัน อยู่ที่ "ใจกลางกะโหลกศีรษะ"

    +++ ยามใดที่มันเกิด "ผัสสะ/เวทนา (กระทบ/รู้สึก)" มันจะโดน "ดึงดูด (เคลื่อนเข้าหา เรียกว่า ตัณหา)"

    +++ ขณะที่มันเคลื่อนเข้าหา ตัวก่อผัสสะ/เวทนา แล้ว ภาพ/แสง/สี/เสียง ก็กำเนิดมาตาม กายภาพของการเคลื่อนตัว

    +++ ในท่อนนี้ เป็นท่อนสะสมของการก่อกำเนิด "อุปาทาน (มโน/นึก)" ซึ่ง "กายภาพของการเคลื่อนตัวต่างกัน จะเกิด มโนคนละแบบ"


    +++ การเคลื่อนตัวของ "วิญญาณขันธ์" มาตาม "กระแสตัณหา" ความ ช้า/เร็ว ของการเคลื่อน จะก่อเกิด "การสะสม (อุปาทาน)"

    +++ ลักษณะการเคลื่อน ภายในกระแส ตัณหา สะสมอุปาทาน จนประกบเข้ากับ "ตัวเหตุของผัสสะ/เวทนา (ภพ)"

    +++ เป็นการเคลื่อนภายใน กระแส ประดุจ ท่อ/ปล่อง คล้ายกับการเคลื่อนตัวภายใน "คูหา" หรือถ้ำ

    +++ เมื่อ เข้าไปอยู่กับ "ตัวเหตุของผัสสะ/เวทนา (ภพ)" แล้ว ความเป็น "ตน" ก็จะเปลี่ยนสถานะไป

    +++ การก่อกำเนิด "ตน" ในสถานะใหม่ เรียกว่า จุติใหม่ หรือจะเรียกว่า "ชาติใหม่" ก็ได้

    +++ จากนั้น "ชาติ ชรา มรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัส อุปายาส" ในวงจรใหม่ก็ อุบัติขึ้น
    +++ ในส่วนบริเวณ "ลิ้นปี่" เป็นส่วนของ "ตัวเหตุของผัสสะ/เวทนา (ภพ)" กำเนิด "ผุด/โผล่" ขึ้นมา

    +++ แต่ "ไม่จำกัด" แค่เพียงบริเวณนี้ "ตัวเหตุของผัสสะ/เวทนา (ภพ)" จะเกิดในที่ใด ๆ นอกกาย ก็ได้

    +++ "ตัวเหตุของผัสสะ/เวทนา (ภพ)" หากเกิดจาก กาย/จิต จัดเป็น "ภพภายใน"

    +++ "ตัวเหตุของผัสสะ/เวทนา (ภพ)" หากเกิดนอก กาย/จิต จัดเป็น "ภพภายนอก"

    +++ ดังนั้นจึง "ไม่จำกัด" ขึ้นอยู่กับ "จิตส่งออก" ของลุงแมว ว่าจะ "ส่งออกไปภพใด" นะครับ

    +++ คำถามของลุงแมว น่าจะมาจากใน กระทู้ข้างล่างนี้

    http://board.palungjit.org/10756229-post22.html
    +++ หาก ลุงแมว ต้องการ "ความกระจ่าง" ให้แจ้งชัดกับ "ตน" ก็ให้ใช้ "วิธีทำ" ดังนี้


    +++ ในส่วนของ ภพภายใน

    +++ 1. รู้ทั้งตัว แบบ ตะจะปริยันโต (มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ)

    +++ 2. รู้อยู่อย่างนั้นเฉย ๆ (อยู่กับรู้)

    +++ 3. สำเหนียกรู้ ในบริเวณที่ "ผัสสะภายในกาย" มักจะ "ผุด/โผล่" ขึ้นมาว่า อยู่ในบริเวณใด มากที่สุด

    +++ 4. อาการ "ดูเห็น" ปรากฏมาจาก บริเวณใดภายในกาย สำเหนียกรู้ จนรู้ "แหล่งพิกัด ของ อาการดู"

    +++ 5. อย่าให้อาการต่าง ๆ "บดบัง" การ อยู่กับรู้ (ข้อ 1+2)

    +++ แล้วจะ "รู้เห็น" การเคลื่อนตัวของ "ตัวดูเห็น" ว่ามัน "เคลื่อนตาม ท่อคูหา ไปยัง เป้าหมาย" ได้เอง


    +++ ในส่วนของ ภพภายนอก

    +++ 1. รู้ทั้งตัว แบบ ตะจะปริยันโต (มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ)

    +++ 2. รู้อยู่อย่างนั้นเฉย ๆ (อยู่กับรู้) โดยไม่สนใจกาย "วาง ตะจะปริยันโต"

    +++ 3. สำเหนียกรู้ ณ ขณะที่ "ผัสสะตกกระทบ" อันมาจาก ภายนอก (ตามความเป็นจริง)

    +++ 4. อาการ "ดูเห็น" ปรากฏมาจาก บริเวณใดภายในกาย สำเหนียกรู้ จนรู้ "แหล่งพิกัด ของ อาการดู"

    +++ 5. อย่าให้อาการต่าง ๆ "บดบัง" การ อยู่กับรู้ (ข้อ 1+2)

    +++ แล้วจะ "รู้เห็น" การเคลื่อนตัวของ "ตัวดูเห็น" ว่ามัน "เคลื่อนตาม ท่อคูหา ไปยัง เป้าหมาย" ได้เอง


    +++ ทั้งหมดนี้ เป็นลักษณะอาการ ณ ขณะที่ "จิตส่งออก ไปตาม "คูหา" หรือถ้ำ"

    +++ บางคนเรียกลักษณะ "คูหา" หรือถ้ำ นี้ว่า "กระแสส่งออก" ซึ่งเป็น อาการเดียวกัน นั่นแหละ


    +++ โพสท์นี้ อาจไม่ "โดนใจ" ลุงแมวสักเท่าไร เพราะ ลุงแมวถามหาจาก "ผู้ที่ได้ศึกษา (อ่านมา)"

    +++ แต่ของผม มาจากการ "ปฏิบัติ (ทำมา)" ก็ให้ ลุงแมว เอาไว้เทียบเคียงกันเอา นะครับ
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ อีกประการหนึ่ง คำว่า "จิต" ในที่นี้ หมายเอาเฉพาะในส่วนของ "สังขารจิต" เท่านั้น นะครับ
     
  15. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะหก เป็นที่อยู่อาศัยเป็นบ้านเป็นเรือนของจิต
    เห็นนายช่างตัวดีผู้สร้างเรือนหรือยังเล่า
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    จิตไม่บริสุทธิ์หลุดพ้น จิตไม่ยอมว่างก็จะสร้างไปต่อไปเรื่อยๆฮับ
     
  17. กบอ้วนในกะลา

    กบอ้วนในกะลา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +11
    อนุโมทนาเจ้าของกระทู้ที่มีคำถามที่ดีมากๆ ในทางภาวนาจิตเพ่งหรือจดจ่อที่ใหนมันก็อยู่ที่นั่น ถ้าทางกายภาพมันอยู่ที่สมอง เพราะถ้าตัดอวัยวะส่วนต่างๆออกมันก็ยังมีจิตนึกรู้แต่ถ้าตัดหัวจิตหายไปเลย จริงๆนะ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...